TEDGlobal 2011
Julian Treasure: 5 ways to listen better
จูเลี่ยน เทรเชอร์: 5 วิธีไปสู่การรับฟังที่ดีกว่า
Filmed:
Readability: 3.6
8,060,876 views
ในโลกที่เต็มไปด้วยเสียงต่างๆที่นับวันมีแต่จะดังขึ้นเรื่อยๆ จูเลี่ยนเทรเช่อร์ (Julian Treasure) กล่าวไว้ว่า "พวกเรากำลังสูญเสียการรับฟังของเราไป" ในการพูดที่น่าประทับใจในครั้งนี้เขาได้แบ่งปันห้าวิธีที่จะปรับคลื่นหูของคุณให้รับฟังผู้คนรอบๆตัวของคุณ และโลกใบนี้ได้อย่าง -- มีสติยิ่งขึ้น
Julian Treasure - Sound consultant
Julian Treasure studies sound and advises businesses on how best to use it. Full bio
Julian Treasure studies sound and advises businesses on how best to use it. Full bio
Double-click the English transcript below to play the video.
00:15
We are losing our listening.
0
0
3000
เรากำลังสูญเสียความสามารถในการรับฟังของเราไป
00:18
We spend roughly 60 percent of our communication time listening,
1
3000
4000
ในระหว่างการสื่อสารเราใช้เวลาในการฟังไปประมาณ หกสิบเปอร์เซ็นต์
00:22
but we're not very good at it.
2
7000
2000
แต่เราทำได้ไม่ดีนักนะครับ
00:24
We retain just 25 percent of what we hear.
3
9000
2000
เราเก็บข้อมูลได้เพียงยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์เท่านั้น จากทั้งหมดที่เราได้ยิน
00:26
Now not you, not this talk,
4
11000
2000
คงไม่ใช่คุณ ไม่ใช่กับการฟังผมในตอนนี้นะครับ
00:28
but that is generally true.
5
13000
2000
แต่นั่นคือความจริงโดยทั่วไป
00:30
Let's define listening
6
15000
2000
เรามานิยามคำว่า การรับฟัง กันเสียหน่อยดีกว่า
00:32
as making meaning from sound.
7
17000
2000
ว่ามันเป็นการค้นหาความหมายจากเสียง
00:34
It's a mental process,
8
19000
2000
เป็นการดำเนินงานของสมอง
00:36
and it's a process of extraction.
9
21000
2000
มันเป็นกระบวนการของการสกัด แยกแยะสิ่งที่รับเข้ามา
00:38
We use some pretty cool techniques to do this.
10
23000
2000
เราได้ใช้วิธีการเจ๋งๆในการทำสิ่งนี้
00:40
One of them is pattern recognition.
11
25000
2000
หนึ่งในนั้นก็คือ รูปแบบ(pattern) การรับรู้
00:42
(Crowd Noise) So in a cocktail party like this,
12
27000
3000
(เสียงของฝูงชน) เอาล่ะครับ ในงานปาร์ตี้คอกเทลแบบนี้
00:45
if I say, "David, Sara, pay attention,"
13
30000
2000
ถ้าผมพูดว่า "เดวิด ซาร่า มีสมาธิกันหน่อยครับ"
00:47
some of you just sat up.
14
32000
2000
พวกคุณบางคนขยับนั่งตัวตรงขึ้นมา
00:49
We recognize patterns
15
34000
2000
พวกเรารับรูป รูปแบบต่างๆ
00:51
to distinguish noise from signal,
16
36000
2000
เพื่อที่จะแยกแยะเสียงออกจากสัญญาณ
00:53
and especially our name.
17
38000
2000
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชื่อของเรา
00:55
Differencing is another technique we use.
18
40000
2000
การแยกแยะ เป็นอีกเทคนิกหนึ่งที่เราใช้
00:57
If I left this pink noise on for more than a couple of minutes,
19
42000
3000
ถ้าผมเล่นเจ้าเสียงสีชมพู (ระดับความถี่หนึ่งของเสียง) นานขึ้นอีกสองสามนาที
01:00
you would literally cease to hear it.
20
45000
2000
คุณก็คงยุติการรับฟังเสียงเสียงนี้ไป
01:02
We listen to differences,
21
47000
2000
พวกเราฟังความแตกต่างครับ
01:04
we discount sounds that remain the same.
22
49000
3000
แล้วเราก็เลิกสนใจเสียงที่เหมือนเดิมไป
01:07
And then there is a whole range of filters.
23
52000
3000
แล้วก็ยังมีตัวกรองการรับรู้ของเราอีกมากมาย
01:10
These filters take us from all sound
24
55000
3000
ตัวคัดกรองเหล่านี้ทำให้เรารับรู้เฉพาะ
01:13
down to what we pay attention to.
25
58000
2000
เสียงที่เราให้ความสนใจ
01:15
Most people are entirely unconscious
26
60000
2000
สำหรับคนส่วนใหญ่เเล้ว การทำงานของตัวกรองเหล่านี้
01:17
of these filters.
27
62000
2000
เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว
01:19
But they actually create our reality in a way,
28
64000
3000
แต่มันเป็นสิ่งที่ทำให้เรารับรู้โลกในแบบที่เป็นอยู่
01:22
because they tell us what we're paying attention to right now.
29
67000
3000
เนื่องจากมันบอกเราว่า สิ่งที่เราพุ่งความสนใจไปหา ณ ขณะนี้คืออะไร
01:25
Give you one example of that:
30
70000
2000
ผมจะยกตัวอย่างให้ดูหนึ่งเรื่องนะครับ
01:27
Intention is very important in sound, in listening.
31
72000
3000
เจตนา เป็นสิ่งสำคัญมากในเสียง และในการรับฟัง
01:30
When I married my wife,
32
75000
2000
เมื่อตอนที่ผมแต่งงานกับภรรยา
01:32
I promised her that I would listen to her every day
33
77000
2000
ผมสัญญาที่จะรับฟังเธอในทุกๆวัน
01:34
as if for the first time.
34
79000
2000
ราวกับว่านั่นเป็นครั้งแรกของผม
01:36
Now that's something I fall short of on a daily basis.
35
81000
3000
ครับ และนั่นก็เป็นอะไรบางอย่างที่ผมยังทำได้ไม่ดีพอ
01:39
(Laughter)
36
84000
2000
(เสียงหัวเราะ)
01:41
But it's a great intention to have in a relationship.
37
86000
3000
แต่มันเป็นเจตนาที่ยอดเยี่ยมที่ควรมีในความสัมพันธ์ครับ
01:44
But that's not all.
38
89000
2000
แต่นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมด
01:46
Sound places us in space and in time.
39
91000
3000
เสียงจัดวางให้เราอยู่ในพิกัดของตำแหน่งและเวลา
01:49
If you close your eyes right now in this room,
40
94000
3000
ถ้าคุณหลับตาลงในตอนนี้ ในห้องๆนี้
01:52
you're aware of the size of the room
41
97000
2000
คุณจะรู้ว่าห้องนี้ใหญ่แค่ไหน
01:54
from the reverberation
42
99000
2000
จากการความก้องของเสียง
01:56
and the bouncing of the sound off the surfaces.
43
101000
2000
และจากการสะท้อนไปมาของเสียง
01:58
And you're aware of how many people are around you
44
103000
2000
และคุณก็รู้ว่ามีคนอยู่รอบๆตัวคุณมากน้อยแค่ไหน
02:00
because of the micro-noises you're receiving.
45
105000
3000
โดยการรับฟังจากเสียงย่อยๆ
02:03
And sound places us in time as well,
46
108000
3000
เสียง ยังได้จัดวางในเราอยู่ในพิกัดเวลาหนึ่งๆด้วย
02:06
because sound always has
47
111000
2000
เพราะว่าเสียงนั้น
02:08
time embedded in it.
48
113000
2000
มีเวลาอยู่ในตัวของมันเสมอ
02:10
In fact, I would suggest that our listening is the main way
49
115000
2000
อันที่จริง ผมอยากที่จะเสนอความคิดที่ว่า การรับฟังของเรา
02:12
that we experience the flow of time
50
117000
2000
คือสิ่งหลัก ที่ทำให้เรารู้สึกได้ของการเคลื่อนไปของเวลา
02:14
from past to future.
51
119000
2000
จากอดีต สู่อนาคต
02:16
So, "Sonority is time and meaning" -- a great quote.
52
121000
2000
นั่นทำให้ผมคิดว่า "เสียงดังกังวาน คือ เวลาและความหมาย" เป็นคำพูดที่ยอดเยี่ยมมากเลยครับ
02:18
I said at the beginning, we're losing our listening.
53
123000
3000
ผมได้กล่าวเอาไว้ในตอนต้นว่า เรากำลังสูญเสียการรับฟังของพวกเราไป
02:21
Why did I say that?
54
126000
2000
ทำไมน่ะหรือครับ?
02:23
Well there are a lot of reasons for this.
55
128000
2000
มันมีเหตุผลมากมายทีเดียว
02:25
First of all, we invented ways of recording --
56
130000
2000
อย่างแรกเลยก็คือ เราได้คิดค้นวิธีการบันทึกข้อมูล
02:27
first writing, then audio recording
57
132000
2000
เริ่มจากการเขียน จากนั้นก็มีการบันทึกเสียง
02:29
and now video recording as well.
58
134000
2000
และในปัจจุบันมาถึงการบันทึกภาพและเสียง (วีดีโอ)
02:31
The premium on accurate and careful listening
59
136000
3000
ความสำคัญของการ ตั้งใจ ที่จะรับฟังอย่างแท้จริง
02:34
has simply disappeared.
60
139000
2000
จึงหายไป
02:36
Secondly, the world is now so noisy,
61
141000
3000
อย่างที่สอง โลกของเราในตอนนี้มีเสียงดังอึกทึกครึกโครมมากมายเหลือเกิน
02:39
(Noise) with this cacophony going on
62
144000
2000
(เสียง) ด้วยเสียงรบกวนมากมายเหล่านี้
02:41
visually and auditorily,
63
146000
3000
ทั้งจากการมองเห็น และเสียงต่างๆ
02:44
it's just hard to listen;
64
149000
2000
ทำให้การ "รับฟัง" นั้นยากเหลือเกิน
02:46
it's tiring to listen.
65
151000
2000
มันถึงกับเหนื่อยที่จะ รับฟัง เลยทีเดียว
02:48
Many people take refuge in headphones,
66
153000
2000
หลายๆคนหลบหนีจากเสียงรอบๆตัวด้วยการใช้หูฟัง (headphones)
02:50
but they turn big, public spaces like this,
67
155000
3000
แต่ได้มีการเปลี่ยนสถานที่สาธารณะใหญ่ๆเช่นนี้
02:53
shared soundscapes,
68
158000
2000
เสียงบรรยากาศรอบๆ
02:55
into millions of tiny, little personal sound bubbles.
69
160000
4000
มาเป็นพื้นที่เสียงส่วนตัวเล็กๆนับล้าน
02:59
In this scenario, nobody's listening to anybody.
70
164000
3000
ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่มีใครฟังใครเลยครับ
03:02
We're becoming impatient.
71
167000
2000
เราเริ่มใจร้อนกันมากขึ้น
03:04
We don't want oratory anymore,
72
169000
2000
เราไม่ต้องการวาทศิลป์ สำนวนโวหารอีกต่อไป
03:06
we want sound bites.
73
171000
2000
เราต้องการเสียงที่สร้างขึ้นมา
03:08
And the art of conversation
74
173000
2000
และศิลปะของการสนทนา
03:10
is being replaced -- dangerously, I think --
75
175000
2000
ได้ถูกแทนที่ - อย่างน่ากลัวนะครับ ในความคิดของผม -
03:12
by personal broadcasting.
76
177000
2000
โดยการออกอากาศกระจายเสียงส่วนบุคคล
03:14
I don't know how much listening there is in this conversation,
77
179000
3000
ผมไม่ทราบว่าในการสนทนาครั้งนี้มีการรับฟังอยู่มากน้อยแค่ไหน
03:17
which is sadly very common,
78
182000
2000
ซึ่งก็น่าเศร้าที่มันมักจะเป็นเช่นนี้ครับ
03:19
especially in the U.K.
79
184000
2000
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศอังกฤษ
03:21
We're becoming desensitized.
80
186000
2000
เรามีการตอบสนองที่น้อยลง
03:23
Our media have to scream at us with these kinds of headlines
81
188000
3000
สื่อ (media) จึงต้องแผดเสียง ด้วยพาดหัวข่าวเช่นนี้
03:26
in order to get our attention.
82
191000
2000
เพื่อที่จะได้รับความสนใจจากเรา
03:28
And that means it's harder for us to pay attention
83
193000
2000
และนั่นหมายความว่า มันยากขึ้นสำหรับเราที่จะให้ความสนใจ
03:30
to the quiet, the subtle,
84
195000
2000
ต่อเสียงที่เบา ต่อสิ่งที่เข้าใจยาก
03:32
the understated.
85
197000
3000
ต่อสิ่งที่พูดถึงอย่างไม่เต็มที่
03:35
This is a serious problem that we're losing our listening.
86
200000
3000
นี่เป็นปัญหาร้ายแรงเลยครับ เรากำลังสูญเสียการรับฟังของเราไป
03:38
This is not trivial.
87
203000
2000
นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย
03:40
Because listening is our access to understanding.
88
205000
3000
เนื่องจากการรับฟังเป็นประตูไปสู่ความเข้าใจ
03:43
Conscious listening always creates understanding.
89
208000
4000
การรับฟังอย่างแท้จริงทำให้เกิดความเข้าใจเสมอ
03:47
And only without conscious listening
90
212000
3000
การฟังแบบไม่ใส่ใจเท่านั้น
03:50
can these things happen --
91
215000
2000
ที่สามารภทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นมาได้ --
03:52
a world where we don't listen to each other at all,
92
217000
2000
ในโลกที่ไม่มีใครฟังใครเลย
03:54
is a very scary place indeed.
93
219000
4000
มันเป็นที่ที่น่ากลัวมากเหลือเกินครับ
03:58
So I'd like to share with you
94
223000
2000
ผมอยากที่จะแบ่งปันแบบฝึกหัด
04:00
five simple exercises, tools you can take away with you,
95
225000
3000
ห้าอย่าง ที่คุณสามารถนำไปใช้ได้จริงครับ
04:03
to improve your own conscious listening.
96
228000
2000
เพื่อที่จะพัฒนาการรับฟังอย่างใส่ใจของคุณ
04:05
Would you like that?
97
230000
2000
คุณคิดว่าดีไหมครับ?
04:07
(Audience: Yes.) Good.
98
232000
2000
(ผู้ชม: ครับ/ค่ะ) ดีเลยครับ
04:09
The first one is silence.
99
234000
2000
สิ่งแรกเลยก็คือ ความเงียบ
04:11
Just three minutes a day of silence
100
236000
2000
เพียงแค่สามนาทีในหนึ่งวัน
04:13
is a wonderful exercise
101
238000
2000
มันเป็นแบบฝึกหัดที่ดีมากเลยนะครับ
04:15
to reset your ears and to recalibrate
102
240000
2000
ให้หูของคุณได้พักผ่อน ปรับสมดุลเสียใหม่
04:17
so that you can hear the quiet again.
103
242000
2000
เพื่อที่คุณจะสามารถได้ยินเสียงแห่งความสงบเงียบอีกครั้ง
04:19
If you can't get absolute silence,
104
244000
2000
ถ้าคุณไม่สามารถหาความเงียบสงัดได้
04:21
go for quiet, that's absolutely fine.
105
246000
3000
ให้ลองหาความ "สงบ" แทน ซึ่งก็ใช้ได้เช่นกัน
04:24
Second, I call this the mixer.
106
249000
3000
อย่างที่สอง ผมเรียกสิ่งนี้ว่า มิกเซ่อร์ (mixer)
04:27
(Noise) So even if you're in a noisy environment like this --
107
252000
3000
(เสียง) แม้เวลาที่คุณอยู่ในที่ที่มีเสียงมากมายเช่นนี้ --
04:30
and we all spend a lot of time in places like this --
108
255000
3000
และเราก็ใช้เวลาไปในสถานที่ทำนองนี้มากเสียด้วยสิครับ --
04:33
listen in the coffee bar
109
258000
2000
ลองนั่งฟังเสียงที่ร้านกาแฟดู
04:35
to how many channels of sound can I hear?
110
260000
2000
ว่าคุณสามารถแยกแยะเสียงออกมาได้มากน้อยแค่ไหน
04:37
How many individual channels in that mix am I listening to?
111
262000
3000
มีกี่เสียงแยกย่อยที่รวมเข้าด้วยกันอยู่ในหนึ่งเสียงรวมที่คุณกำลังได้ยินอยู่นี้
04:40
You can do it in a beautiful place as well, like in a lake.
112
265000
3000
คุณสามารถทำแบบฝึกหัดนี้ในที่แบบอื่นก็ได้นะครับ เช่นในทะเลสาบ
04:43
How many birds am I hearing?
113
268000
2000
มีเสียงนกกี่ตัวที่คุณได้ยิน
04:45
Where are they? Where are those ripples?
114
270000
2000
พวกมันอยู่ที่ไหน เสียงน้ำกระเพื่อมมาจากทางไหน
04:47
It's a great exercise
115
272000
2000
นี่เป็นอีกแบบฝึกหัดนึงที่ยอดเยี่ยม
04:49
for improving the quality of your listening.
116
274000
3000
สำหรับการพัฒนาคุณภาพการรับฟังของคุณ
04:52
Third, this exercise I call savoring,
117
277000
2000
อย่างที่สาม ผมจะขอเรียกมันว่า การชูรสนะครับ
04:54
and this is a beautiful exercise.
118
279000
2000
และมันก็เป็นแบบฝึกหัดที่งดงาม
04:56
It's about enjoying mundane sounds.
119
281000
2000
ซึ่งเกี่ยวกับการเพลิดเพลินไปกับเสียงทั่วๆไปที่เราคุ้นชิน
04:58
This, for example, is my tumble dryer.
120
283000
3000
ยกตัวอย่างเช่น เสียงของเครื่องอบผ้า
05:01
(Dryer) It's a waltz.
121
286000
2000
(เครื่องอบผ้า) นี่คือจังหวะวอลทซ์
05:03
One, two, three. One, two, three. One, two, three.
122
288000
3000
หนึ่ง, สอง, สาม. หนึ่ง, สอง, สาม. หนึ่ง สอง สาม.
05:06
I love it.
123
291000
2000
ผมชอบมันมากเลยครับ
05:08
Or just try this one on for size.
124
293000
2000
หรือว่าจะลองแบบนี้ก็ได้
05:10
(Coffee grinder)
125
295000
9000
(เครื่องคั่วเมล็ดกาแฟ)
05:19
Wow!
126
304000
2000
โอ้โห!
05:21
So mundane sounds can be really interesting if you pay attention.
127
306000
2000
จะเห็นได้ว่า แม้แต่เสียงทั่วๆไปก็กลายเป็นสิ่งที่น่าสนใจหากเราตั้งใจฟังมันจริงๆ
05:23
I call that the hidden choir.
128
308000
2000
ผมเรียกสิ่งนี้ว่า คณะประสานเสียงที่ถูกซ่อนไว้
05:25
It's around us all the time.
129
310000
2000
มันอยู่รอบๆตัวเราเสมอเลยครับ
05:27
The next exercise
130
312000
2000
แบบฝึกหัดต่อไป
05:29
is probably the most important of all of these,
131
314000
2000
ซึ่งน่าจะเป็นแบบผึกหัดที่สำคัญที่สุดจากทั้งหมดนี้
05:31
if you just take one thing away.
132
316000
2000
ถ้าคุณจะเลือกเอาไปเพียงอย่างเดียว
05:33
This is listening positions --
133
318000
2000
นี่คือลักษณะท่าทางของการฟัง --
05:35
the idea that you can move your listening position
134
320000
3000
สิ่งที่ผมอยากบอกก็คือ คุณเปลี่ยนท่าฟังได้
05:38
to what's appropriate to what you're listening to.
135
323000
2000
เปลี่ยนไปในแบบที่เหมาะสมกับสิ่งที่คุณรับฟังอยู่
05:40
This is playing with those filters.
136
325000
2000
นี่เป็นการเล่นกับระบบการกรองเสียงของเรานะครับ
05:42
Do you remember, I gave you those filters at the beginning.
137
327000
2000
ยังจำได้ไหมครับว่า ผมได้ให้เหล่าตัวกรองเสียงกับคุณไปเมื่อตอนต้น
05:44
It's starting to play with them as levers,
138
329000
2000
มันเริ่มทำงานด้วยกันโดยวิธีการต่างๆ
05:46
to get conscious about them and to move to different places.
139
331000
3000
ซึ่งจะทำให้เรารับรู้อย่างมีสติ และมุ่งไปยังที่ต่างๆ
05:49
These are just some of the listening positions,
140
334000
2000
นี่เป็นเพียงวิธีการฟังบางส่วน
05:51
or scales of listening positions, that you can use.
141
336000
3000
หรือระดับของวิธีการฟังบางแบบที่คุณสามารถนำไปใช้ได้
05:54
There are many.
142
339000
2000
มันมีเยอะมากครับ
05:56
Have fun with that. It's very exciting.
143
341000
2000
ขอให้คุณสนุกไปกับมันนะครับ มันน่าตื่นเต้นจริงๆ
05:58
And finally, an acronym.
144
343000
2000
และท้ายที่สุด คือ คำย่อ
06:00
You can use this in listening, in communication.
145
345000
3000
คุณสามารถใช้ตัวย่อได้ในการรับฟัง ในการสื่อสาร
06:03
If you're in any one of those roles --
146
348000
2000
ถ้าหากว่าคุณคือหนึ่งในบุคคลเหล่านี้ --
06:05
and I think that probably is everybody who's listening to this talk --
147
350000
4000
ซึ่งผมคิดว่าใช่นะครับ สำหรับผู้ชมในที่นี้ --
06:09
the acronym is RASA,
148
354000
2000
อักษรย่อก็คือ RASA
06:11
which is the Sanskrit word
149
356000
2000
เป็นคำในภาษาสันสกฤต
06:13
for juice or essence.
150
358000
2000
ที่แปลว่า สารสกัดส่วนสำคัญ
06:15
And RASA stands for Receive,
151
360000
2000
และ RASA หมายถึง การรับ (Receive)
06:17
which means pay attention to the person;
152
362000
2000
ซึ่งสื่อให้เห็นถึงความสำคัญของการใส่ใจในรายบุคคล
06:19
Appreciate, making little noises
153
364000
2000
การรู้ซึ่งถึงคุณค่า (Appreciate) สร้างเสียงเล็กๆ
06:21
like "hmm," "oh," "okay";
154
366000
2000
เช่น อืม, อ๋อ, โอเค
06:23
Summarize, the word "so" is very important in communication;
155
368000
3000
โดยสรุป คำว่า "ดังนั้น" มีความสำคัญมากในการสื่อสาร
06:26
and Ask, ask questions afterward.
156
371000
4000
และคำถาม, ตั้งคำถามหลังจากที่ฟังไปแล้วด้วยนะครับ
06:30
Now sound is my passion, it's my life.
157
375000
2000
เสียง คือสื่งที่ผมหลงใหล มันคือชีวิตของผมเลยทีเดียว
06:32
I wrote a whole book about it. So I live to listen.
158
377000
2000
ผมเขียนหนังสือทั้งเล่มเกี่ยวกับเสียง ผมมีชีวิตอยู่เพื่อรับฟัง
06:34
That's too much to ask from most people.
159
379000
3000
มันเป็นสิ่งที่มากไปเสียหน่อยที่จะขอ สำหรับหลายๆคน
06:37
But I believe that every human being
160
382000
2000
แต่ผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่ามนุษย์ทุกๆคน
06:39
needs to listen consciously
161
384000
2000
ต้องฟังอย่างมีสติ
06:41
in order to live fully --
162
386000
2000
เพื่อที่จะใช้ชีวิตได้อย่างคุ้มค่า --
06:43
connected in space and in time
163
388000
2000
เชื่อมต่อกับสถานที่และเวลา
06:45
to the physical world around us,
164
390000
2000
กับโลกรอบๆตัวของพวกเรา
06:47
connected in understanding to each other,
165
392000
2000
เชื่อมโยงเพื่อความเข้าใจกันและกัน
06:49
not to mention spiritually connected,
166
394000
2000
ซึ่งเราคงไม่ต้องกล่าวถึงการเชื่อมโยงระดับจิตใจเลย
06:51
because every spiritual path I know of
167
396000
2000
เพราะทุกๆวิถี และแนวทางในระดับของจิตใจที่ผมรู้จักนั้น
06:53
has listening and contemplation
168
398000
2000
มีการรับฟัง และพิจารณาใคร่ครวญ
06:55
at its heart.
169
400000
2000
อยู่ ณ แก่นของวิถีทางเหล่านั้นอยู่เเล้ว
06:57
That's why
170
402000
2000
และนั้นก็คือ ทำไม
06:59
we need to teach listening in our schools
171
404000
2000
เราจึงจำเป็นที่จะต้องสอนวิธีการรับฟังในโรงเรียน
07:01
as a skill.
172
406000
2000
โดยที่เป็นทักษะอย่างหนึ่ง
07:03
Why is it not taught? It's crazy.
173
408000
2000
ทำไมถึงไม่มีการสอนทักษะนี้ครับ? มันบ้ามากเลย
07:05
And if we can teach listening in our schools,
174
410000
3000
แล้วถ้าเราสอนทักษะการฟังในโรงเรียน
07:08
we can take our listening off that slippery slope
175
413000
3000
เราก็จะสามารถตัดปัญหาของความไม่มีทักษะในการรับฟังออกไป
07:11
to that dangerous, scary world that I talked about
176
416000
3000
จากโลกที่น่ากลัวที่ผมกล่าวถึงในตอนต้นไปได้
07:14
and move it to a place where everybody is consciously listening all the time --
177
419000
3000
แล้วนำเราไปสู่ที่ที่ทุกคนรับฟังกันและกันอย่างมีสติอยู่ตลอดเวลา --
07:17
or at least capable of doing it.
178
422000
2000
หรืออย่างน้อย มีความสามารถที่จะทำเช่นนั้นได้
07:19
Now I don't know how to do that,
179
424000
2000
แต่ในตอนนี้ ผมยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
07:21
but this is TED,
180
426000
2000
แต่ นี่คือ TED
07:23
and I think the TED community is capable of anything.
181
428000
3000
และผมคิดว่าชุมชน TED นี้สามารถทำทุกอย่างให้เป็นจริงขึ้นมาได้
07:26
So I invite you to connect with me, connect with each other,
182
431000
3000
ดังนั้นผมจึงขอเชิญชวนให้คุณมาร่วมกับผม และเชื่อมโยงกับทุกๆคนนะครับ
07:29
take this mission out and let's get listening taught in schools,
183
434000
3000
ร่วมกันนำภารกิจนี้ออกไปสู้สังคม และมาช่วยกันส่งเสริมการสอนทักษะการฟังนี้ในโรงเรียน
07:32
and transform the world in one generation to a conscious listening world --
184
437000
3000
แล้วเปลี่ยนแปลงโลกของเราให้มาเป็นโลกที่ฟังกันอย่างมีสติให้ได้ภายในหนึ่งชั่วอายุคน
07:35
a world of connection,
185
440000
2000
โลกแห่งการเชื่อมโยง
07:37
a world of understanding and a world of peace.
186
442000
3000
โลกแห่งความเข้าใจ และความสงบสุข
07:40
Thank you for listening to me today.
187
445000
2000
ขอบคุณมากครับ ที่รับฟังผมในวันนี้
07:42
(Applause)
188
447000
2000
(เสียงปรบมือ)
ABOUT THE SPEAKER
Julian Treasure - Sound consultantJulian Treasure studies sound and advises businesses on how best to use it.
Why you should listen
Julian Treasure is the chair of the Sound Agency, a firm that advises worldwide businesses -- offices, retailers, airports -- on how to design sound in their physical spaces and communication. He asks us to pay attention to the sounds that surround us. How do they make us feel: productive, stressed, energized, acquisitive?
Treasure is the author of the book Sound Business, a manual for effective sound use in every aspect of business. His most recent book, How to be Heard: Secrets for Powerful Speaking and Listening, based on his TED Talk, offers practical exercises to improve communication skills and an inspiring vision for a sonorous world of effective speaking, conscious listening and understanding. He speaks globally on this topic.
Julian Treasure | Speaker | TED.com