TEDxSydney
Drew Berry: Animations of unseeable biology
ดิว แบรี่ (Drew Berry): แอนิเมชั่นของชีววิทยาที่มองไม่เห็น
Filmed:
Readability: 4.4
2,509,183 views
เราไม่มีทางที่จะทำการสำรวจโมเลกุลและกิจกรรมของมันได้โดยตรง ณ TEDxSydney ดิว แบรี่ นำเสนอแอนิเมชั่นทางวิทยาศาสตร์ของเขาที่ถูกต้อง(แล้วยังดูสนุกสนานอีกด้วย) ซึ่งจะช่วยให้นักวิจัยได้เห็นกระบวนการที่ไม่สามารถเห็นได้ภายในเซลล์ของพวกเรา
Drew Berry - Biomedical animator
Drew Berry creates stunning and scientifically accurate animations to illustrate how the molecules in our cell move and interact. Full bio
Drew Berry creates stunning and scientifically accurate animations to illustrate how the molecules in our cell move and interact. Full bio
Double-click the English transcript below to play the video.
00:15
What I'm going to show you
0
0
2000
สิ่งที่ผมกำลังจะแสดงให้คุณชม
00:17
are the astonishing molecular machines
1
2000
4000
คือเครื่องจักรขนาดโมเลกุลที่น่าอัศจรรย์
00:21
that create the living fabric of your body.
2
6000
3000
ที่ถักทอโครงร่างชีวิตของร่างกายคุณ
00:24
Now molecules are really, really tiny.
3
9000
3000
โมเลกุลเหล่านี้มันเล็กมากๆ
00:27
And by tiny,
4
12000
2000
และเมื่อผมบอกว่าเล็ก
00:29
I mean really.
5
14000
2000
ผมหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ
00:31
They're smaller than a wavelength of light,
6
16000
2000
พวกมันเล็กว่าช่วงความยาวคลื่นแสง
00:33
so we have no way to directly observe them.
7
18000
3000
ฉะนั้นเราไม่มีทางที่จะสำรวจมันโดยตรงได้(ด้วยตาเปล่า)
00:36
But through science, we do have a fairly good idea
8
21000
2000
แต่ด้วยวิทยาศาสาตร์ เรามีความรู้พอสมควร
00:38
of what's going on down at the molecular scale.
9
23000
3000
ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างในระดับโมเลกุล
00:41
So what we can do is actually tell you about the molecules,
10
26000
3000
ดังนั้น สิ่งที่เราจะทำก็คือ บอกเล่าเกี่ยวกับโมเลกุลให้คุณฟัง
00:44
but we don't really have a direct way of showing you the molecules.
11
29000
3000
แต่เราไม่มีวิธีการที่จะแสดงให้คุณเห็นโมเลกุลได้ตรงๆ
00:47
One way around this is to draw pictures.
12
32000
3000
ทางออกวิธีหนึ่งก็คือใช้การวาดภาพ
00:50
And this idea is actually nothing new.
13
35000
2000
และความคิดนี้จริงๆ ไม่ใช่อะไรที่ใหม่เลย
00:52
Scientists have always created pictures
14
37000
2000
นักวิทยาศาสตร์วาดภาพเสมอ
00:54
as part of their thinking and discovery process.
15
39000
3000
มันเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการคิดและการค้นพบของพวกเขา
00:57
They draw pictures of what they're observing with their eyes,
16
42000
3000
พวกเขาวาดภาพสิ่งที่พวกเขาเห็นเมื่อทำการสำรวจด้วยตาเปล่า
01:00
through technology like telescopes and microscopes,
17
45000
2000
ด้วยเทคโนโลยีดั่งเช่นกล้องโทรทัศน์และกล้องจุลทรรศน์
01:02
and also what they're thinking about in their minds.
18
47000
3000
และสิ่งที่พวกเขาคิดอยู่ในสมองด้วย
01:05
I picked two well-known examples,
19
50000
2000
ผมเลือกตัวอย่างที่เป็นที่รู้จักดีมาสองอัน
01:07
because they're very well-known for expressing science through art.
20
52000
3000
เพราะว่าพวกเขาเป็นที่รู้จักดี
ในแง่การบอกเล่าวิทยาศาสตร์ผ่านงานศิลปะ
ในแง่การบอกเล่าวิทยาศาสตร์ผ่านงานศิลปะ
01:10
And I start with Galileo
21
55000
2000
ผมขอเริ่มจากกาลิเลโอ
01:12
who used the world's first telescope
22
57000
2000
เขาใช้กล้องโทรทัศน์ตัวแรกของโลก
01:14
to look at the Moon.
23
59000
2000
ส่องดูดวงจันทร์
01:16
And he transformed our understanding of the Moon.
24
61000
2000
และเขาได้เปลี่ยนความเข้าใจของเรา
ที่มีต่อดวงจันทร์
ที่มีต่อดวงจันทร์
01:18
The perception in the 17th century
25
63000
2000
แนวความคิดในช่วงยุคศตวรรษที่ 17 มีอยู่ว่า
01:20
was the Moon was a perfect heavenly sphere.
26
65000
2000
ดวงจันทร์นั้นเป็นทรงกลมราบเรียบสมบูรณ์แบบ
01:22
But what Galileo saw was a rocky, barren world,
27
67000
3000
แต่สิ่งที่กาลิเลโอเห็น คิอ พื้นผิวขุรขระกันดารเต็มไปด้วยหิน
01:25
which he expressed through his watercolor painting.
28
70000
3000
ซึ่งเขาได้ถ่ายทอดผ่านภาพเขียนสีน้ำของเขา
01:28
Another scientist with very big ideas,
29
73000
2000
นักวิทยาศาสตร์อีกคนที่มีความคิดอันยิ่งใหญ่
01:30
the superstar of biology, is Charles Darwin.
30
75000
3000
ดาราแห่งวงการชีววิทยา ชาร์ล ดาวิน
01:33
And with this famous entry in his notebook,
31
78000
2000
ในบทความที่โด่งดังอันหนึ่งในสมุดบันทึกของเขา
01:35
he begins in the top left-hand corner with, "I think,"
32
80000
3000
เขาเริ่มต้นจากมุมซ้ายบนด้วยคำว่า "ผมคิดว่า"
01:38
and then sketches out the first tree of life,
33
83000
3000
และจากนั้น ร่างภาพของต้นไม้แห่งชีวิต
01:41
which is his perception
34
86000
2000
ซึ่งมันเป็นแนวคิดของเขา
01:43
of how all the species, all living things on Earth,
35
88000
2000
ว่าสิ่งมีชีวิตทุกสปีชีส์ที่อยู่บนโลกใบนี้
01:45
are connected through evolutionary history --
36
90000
3000
เชื่อมโยงกันผ่านทางวิวัฒนาการในอดีต
01:48
the origin of species through natural selection
37
93000
2000
จากจุดเริ่มต้นของสปีชีส์ผ่านกระบวนการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
01:50
and divergence from an ancestral population.
38
95000
3000
และการแปรเปลี่ยนไปจากบรรพบุรุษ
01:53
Even as a scientist,
39
98000
2000
ในฐานะนักวิทยาศาสตร์
01:55
I used to go to lectures by molecular biologists
40
100000
2000
ผมเคยไปฟังการบรรยายโดยนักอนูชีววิทยา
01:57
and find them completely incomprehensible,
41
102000
3000
และพบว่ามันไม่สามารถเข้าใจได้เลย
02:00
with all the fancy technical language and jargon
42
105000
2000
มันเต็มไปด้วยศัพท์แสงที่สวยหรูและคำเฉพาะทาง
02:02
that they would use in describing their work,
43
107000
2000
ที่พวกเขาใช้ในการพรรณนางานของพวกเขา
02:04
until I encountered the artworks of David Goodsell,
44
109000
3000
จนกระทั่งผมได้พบกับงานศิลป์ของเดวิด กู๊ดเซล
02:07
who is a molecular biologist at the Scripps Institute.
45
112000
3000
ซึ่งเป็นนักอนูชีววิทยา ณ สถาบันสคริปส์
02:10
And his pictures,
46
115000
2000
และภาพของเขา
02:12
everything's accurate and it's all to scale.
47
117000
2000
ทุกๆอย่างแม่นยำและสมส่วน
02:14
And his work illuminated for me
48
119000
3000
และผลงานของเขาก็ชี้ทางสว่างให้ผม
02:17
what the molecular world inside us is like.
49
122000
2000
เข้าใจว่าโลกแห่งโมเลกุลภายในตัวเรานั้นเป็นเช่นไร
02:19
So this is a transection through blood.
50
124000
3000
นี่คือภาพตัดขวางของเลือด
02:22
In the top left-hand corner, you've got this yellow-green area.
51
127000
2000
ที่มุมซ้ายบน คุณจะเห็นบริเวณที่เป็นสีออกเหลืองอมเขียว
02:24
The yellow-green area is the fluids of blood, which is mostly water,
52
129000
3000
บริเวณเหลืองอมเขียวนี้คือสารเหลวของเลือด
ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบด้วยน้ำ
ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบด้วยน้ำ
02:27
but it's also antibodies, sugars,
53
132000
2000
แต่มันก็ยังมี แอนติบอดี้ น้ำตาล
02:29
hormones, that kind of thing.
54
134000
2000
ฮอร์โมน และอะไรพวกนี้
02:31
And the red region is a slice into a red blood cell.
55
136000
2000
และบริเวณสีแดงคือเซลล์เม็ดเลือดแดงที่ถูกผ่าออก
02:33
And those red molecules are hemoglobin.
56
138000
2000
และโมเลกุลสีแดงเหล่านั้นก็คือฮีโมโกบิล
02:35
They are actually red; that's what gives blood its color.
57
140000
2000
พวกมันจริงๆแล้วก็สีแดง
ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ทำให้เลือดเราเป็นสีนั้น
ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ทำให้เลือดเราเป็นสีนั้น
02:37
And hemoglobin acts as a molecular sponge
58
142000
2000
และฮีโมโกบิลก็ทำหน้าที่เหมือนกับฟองน้ำ
02:39
to soak up the oxygen in your lungs
59
144000
2000
ที่ดูดซับออกซิเจนในปอดของคุณ
02:41
and then carry it to other parts of the body.
60
146000
2000
และนำมันไปยังส่วนอื่นๆของร่างกาย
02:43
I was very much inspired by this image many years ago,
61
148000
3000
เมื่อหลายปีก่อน, ผมได้รับแรงบันดาลใจเป็นอย่างมากจากภาพนี้
02:46
and I wondered whether we could use computer graphics
62
151000
2000
และผมอยากรู้ว่า เราจะสามารถใช้คอมพิวเตอร์กราฟฟิก
02:48
to represent the molecular world.
63
153000
2000
เพื่อแสดงโลกแห่งโมเลกุลได้หรือไม่
02:50
What would it look like?
64
155000
2000
มันจะมีหน้าตาอย่างไร
02:52
And that's how I really began. So let's begin.
65
157000
3000
และนั่นคือการเริ่มต้นของผม ฉะนั้นมาเริ่มดูกันเลย
02:55
This is DNA in its classic double helix form.
66
160000
2000
นี่คือดีเอ็นเอในโครงสร้างคลาสสิกแบบเกลียวคู่
02:57
And it's from X-ray crystallography,
67
162000
2000
ซึ่งได้มาจากการใช้เทคนิคทางผลึกศาสตร์(Crystallography)
02:59
so it's an accurate model of DNA.
68
164000
2000
ฉะนั้น มันจึงเป็นโมเดลของดีเอ็นเอที่ถูกต้อง
03:01
If we unwind the double helix and unzip the two strands,
69
166000
2000
ถ้าเราคลายโครงสร้างเกลียวคู่ออก
และแยกดีเอ็นเอทั้งสองสายออกจากกัน
และแยกดีเอ็นเอทั้งสองสายออกจากกัน
03:03
you see these things that look like teeth.
70
168000
2000
คุณจะเห็นมันมีหน้าตาคล้ายฟัน
03:05
Those are the letters of genetic code,
71
170000
2000
พวกมันคือตัวอักษรที่เป็นรหัสพันธุกรรม
03:07
the 25,000 genes you've got written in your DNA.
72
172000
3000
คือยีนจำนวน 25,000 ยีน ที่ได้ถูกบันทึกอยู่ในดีเอ็นเอของคุณ
03:10
This is what they typically talk about --
73
175000
2000
นี่คือสิ่งที่พวกเขาพูดถึงกันเป็นประจำ
03:12
the genetic code -- this is what they're talking about.
74
177000
2000
มันคือรหัสพันธุกรรม
นี่คือสิ่งที่พวกเขาพูดถึง
นี่คือสิ่งที่พวกเขาพูดถึง
03:14
But I want to talk about a different aspect of DNA science,
75
179000
2000
แต่ว่า ผมอยากที่จะพูดถึงศาสตร์ของดีเอ็นเอในมุมที่แตกต่าง
03:16
and that is the physical nature of DNA.
76
181000
3000
นั่นคือ ในมุมของลักษณะทางกายภาพของดีเอ็นเอ
03:19
It's these two strands that run in opposite directions
77
184000
3000
ดีเอ็นเอสองสายนี้ วิ่งไปในทิศทางตรงกันข้าม
03:22
for reasons I can't go into right now.
78
187000
2000
ด้วยเหตุผลที่ผมจะไม่กล่าวถึงในที่นี้
03:24
But they physically run in opposite directions,
79
189000
2000
โดยกายภาพแล้วพวกมันวิ่งไปในทิศตรงข้ามกัน
03:26
which creates a number of complications for your living cells,
80
191000
3000
ซึ่งมันได้สร้างความซับซ้อนหลายอย่างให้กับเซลล์ของคุณ
03:29
as you're about to see,
81
194000
2000
ซึ่งคุณกำลังจะได้เห็น
03:31
most particularly when DNA is being copied.
82
196000
3000
โดยเฉพาะขณะเมื่อดีเอ็นเอกำลังถูกคัดลอก
03:34
And so what I'm about to show you
83
199000
2000
และสิ่งที่ผมกำลังจะให้คุณได้รับชม
03:36
is an accurate representation
84
201000
2000
เป็นการนำเสนอที่ถูกต้องแม่นยำ
03:38
of the actual DNA replication machine that's occurring right now inside your body,
85
203000
3000
ของกระบวนการจำลองตัวเองของดีเอ็นเอ
ที่เกิดขึ้นขณะนี้ภายในร่างกายของคุณ
ที่เกิดขึ้นขณะนี้ภายในร่างกายของคุณ
03:41
at least 2002 biology.
86
206000
3000
ตามความรู้ทางชีววิทยาในปี 2002
03:44
So DNA's entering the production line from the left-hand side,
87
209000
3000
ดีเอ็นเอ เข้าสู่กระบวนการจากทางด้านซ้ายมือ
03:47
and it hits this collection, these miniature biochemical machines,
88
212000
3000
และมันก็เข้ามาเจอกับกลุ่มของเครื่องจักรกลขนาดจิ๋ว
ทางชีวเคมี
ทางชีวเคมี
03:50
that are pulling apart the DNA strand and making an exact copy.
89
215000
3000
ที่ดึงดีสายเอ็นเอแยกออกจากกัน
และทำสำเนาที่เหมือนกันทุกประการ
และทำสำเนาที่เหมือนกันทุกประการ
03:53
So DNA comes in
90
218000
2000
ดังนั้น เมื่อดีเอ็นเอเข้ามา
03:55
and hits this blue, doughnut-shaped structure
91
220000
2000
และชนเข้ากับโครงสร้างสีฟ้าๆที่หน้าตาคล้ายโดนัท
03:57
and it's ripped apart into its two strands.
92
222000
2000
และมันก็ถูกแยกออกเป็นสองสาย
03:59
One strand can be copied directly,
93
224000
2000
สายหนึ่งสามารถทำการถอดแบบได้โดยตรง
04:01
and you can see these things spooling off to the bottom there.
94
226000
3000
และคุณสามารถเห็นสิ่งนี้ม้วนออกทางด้านล่าง
04:04
But things aren't so simple for the other strand
95
229000
2000
แต่เรื่องมันไม่ได้ง่ายเช่นนี้สำหรับดีเอ็นเออีกสายหนึ่ง
04:06
because it must be copied backwards.
96
231000
2000
เพราะว่าการถอดแบบมันต้องทำย้อนกลับ
04:08
So it's thrown out repeatedly in these loops
97
233000
2000
ดังนั้นมันจะถูกโยนกลับเข้าไปผ่านกระบวนการวนซ้ำ
04:10
and copied one section at a time,
98
235000
2000
และถอดแบบแค่ส่วนหนึ่งในแต่ละครั้ง
04:12
creating two new DNA molecules.
99
237000
3000
เกิดการสร้างดีเอ็นเอสองโมเลกุล
04:15
Now you have billions of this machine
100
240000
3000
ทีนี้ คุณมีเครื่องจักรกลนี้เป็นพันล้าน
04:18
right now working away inside you,
101
243000
2000
กำลังทำงานอยู่ภายในร่างกายคุณในขณะนี้
04:20
copying your DNA with exquisite fidelity.
102
245000
2000
ถอดแบบดีเอ็นเอของคุณ
อย่างความแม่นยำที่สุด
อย่างความแม่นยำที่สุด
04:22
It's an accurate representation,
103
247000
2000
นี่คือการนำเสนอที่ถูกต้อง
04:24
and it's pretty much at the correct speed for what is occurring inside you.
104
249000
3000
และมีความเร็วที่สอดคล้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นภายในตัวคุณ
04:27
I've left out error correction and a bunch of other things.
105
252000
3000
ผมไม่ได้แก้ไขข้อผิดพลาดและสิ่งอื่นๆในนี้
04:32
This was work from a number of years ago.
106
257000
2000
มันเป็นงานที่ทำเมื่อหลายปีมาแล้วครับ
04:34
Thank you.
107
259000
2000
(เสียงผู้ชมปรบมือ)
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
04:36
This is work from a number of years ago,
108
261000
3000
งานนี้มาจากสิ่งที่เราทำเมื่อหลายปีก่อน
04:39
but what I'll show you next is updated science, it's updated technology.
109
264000
3000
แต่สิ่งที่ผมจะนำเสนอคุณต่อไปนั้น เป็นงานวิทยาศาสตร์ใหม่
มันเป็นเทคโนโลยีล่าสุด
มันเป็นเทคโนโลยีล่าสุด
04:42
So again, we begin with DNA.
110
267000
2000
เช่นเคย พวกเราเริ่มต้นด้วยดีเอ็นเอ
04:44
And it's jiggling and wiggling there because of the surrounding soup of molecules,
111
269000
3000
มันสั่นๆ เขย่าไปมาเพราะว่า
มันถูกล้อมรอบด้วยกลุ่มของโมเลกุล
มันถูกล้อมรอบด้วยกลุ่มของโมเลกุล
04:47
which I've stripped away so you can see something.
112
272000
2000
ซึ่งถูกผมเอาออกไป เพื่อให้คุณได้เห็นอะไรบางอย่าง
04:49
DNA is about two nanometers across,
113
274000
2000
ดีเอ็นเอมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 นาโนเมตร
04:51
which is really quite tiny.
114
276000
2000
ซึ่งที่จริงแล้วมันเล็กมากๆ
04:53
But in each one of your cells,
115
278000
2000
แต่ในแต่ละเซลล์ของคุณ
04:55
each strand of DNA is about 30 to 40 million nanometers long.
116
280000
4000
แต่ละเส้นสายของดีเอ็นเอนั้นมีความยาวประมาณ
30 ถึง 40 ล้านนาโนเมตร
30 ถึง 40 ล้านนาโนเมตร
04:59
So to keep the DNA organized and regulate access to the genetic code,
117
284000
3000
ดังนั้น เพื่อที่จะจัดเก็บดีเอ็นเอ
และควบคุมการเข้าถึงรหัสพันธุกรรม
และควบคุมการเข้าถึงรหัสพันธุกรรม
05:02
it's wrapped around these purple proteins --
118
287000
2000
มันจะถูกพันรอบโปรตีนสีม่วงเหล่านี้
05:04
or I've labeled them purple here.
119
289000
2000
หรือที่ผมทำให้มันเป็นสีม่วงในที่นี้
05:06
It's packaged up and bundled up.
120
291000
2000
มันอัดตัวและพันตัวเข้า
05:08
All this field of view is a single strand of DNA.
121
293000
3000
ภาพทั้งหมดที่เห็นนี้เป็นดีเอ็นเอหนึ่งสาย
05:11
This huge package of DNA is called a chromosome.
122
296000
3000
กลุ่มขนาดใหญ่ของดีเอ็นเอนี้เรียกว่า โครโมโซม
05:14
And we'll come back to chromosomes in a minute.
123
299000
3000
เราจะกลับมาพูดถึงมันในอีกสักครู่
05:17
We're pulling out, we're zooming out,
124
302000
2000
ตอนนี้พวกเราจะถอยออกมา ถอยห่างออกมา
05:19
out through a nuclear pore,
125
304000
2000
ออกมาผ่านรูนิวเคลียส
05:21
which is the gateway to this compartment that holds all the DNA
126
306000
3000
ซี่งเป็นประตูสู่ห้องที่บรรจุดีเอ็นเอทั้งหมดไว้
05:24
called the nucleus.
127
309000
2000
ที่เรียกว่านิวเคลียส
05:26
All of this field of view
128
311000
2000
ทั้งหมดที่เห็นในภาพ
05:28
is about a semester's worth of biology, and I've got seven minutes.
129
313000
3000
ประมาณเท่ากับการเรียนการสอนวิชาชีววิทยาเป็นเทอม
และผมมีเวลาแค่เจ็ดนาที
และผมมีเวลาแค่เจ็ดนาที
05:31
So we're not going to be able to do that today?
130
316000
3000
ดังนั้น ผมคงจะไม่สามารถที่จะอธิบายมันทั้งหมดในวันนี้
05:34
No, I'm being told, "No."
131
319000
3000
ไม่... มีคนบอกผมว่า "อย่าทำ"
05:37
This is the way a living cell looks down a light microscope.
132
322000
3000
นี่เป็นลักษณะของเซลล์ทีมีชีวิต
เมื่อเรามองผ่านกล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสง
เมื่อเรามองผ่านกล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสง
05:40
And it's been filmed under time-lapse, which is why you can see it moving.
133
325000
3000
และมันถูกถ่ายทำด้วยเทคนิคแบบเร่งเวลา(time-lapse)
ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณเห็นมันเคลื่อนไหว
ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณเห็นมันเคลื่อนไหว
05:43
The nuclear envelope breaks down.
134
328000
2000
เยื่อหุ้มนิวเคลียสแตกออก
05:45
These sausage-shaped things are the chromosomes, and we'll focus on them.
135
330000
3000
สิ่งที่มีลักษณะคล้ายกับไส้กรอกเหล่านี้คือโครโมโซม
และพวกเราก็มุ่งความสนใจไปยังพวกมัน
และพวกเราก็มุ่งความสนใจไปยังพวกมัน
05:48
They go through this very striking motion
136
333000
2000
พวกมันผ่านกระบวนการเคลื่อนไหวที่น่าทึ่ง
05:50
that is focused on these little red spots.
137
335000
3000
ซึ่งมีจุดหลักอยู่ที่จุดแดงเล็กๆเหล่านี้
05:53
When the cell feels it's ready to go,
138
338000
3000
เมื่อเซลล์รู้สึกว่ามันพร้อมแล้ว
05:56
it rips apart the chromosome.
139
341000
2000
มันก็แยกโครโมโซมออกจากกัน
05:58
One set of DNA goes to one side,
140
343000
2000
ชุดหนึ่งของดีเอ็นเอไปทางหนึ่ง
06:00
the other side gets the other set of DNA --
141
345000
2000
ส่วนอีกข้างหนึ่งก็ได้อีกชุดหนึ่งของดีเอ็นเอ
06:02
identical copies of DNA.
142
347000
2000
เป็นสำเนาดีเอ็นเอที่เหมือนกัน
06:04
And then the cell splits down the middle.
143
349000
2000
และจากนั้นเซลล์ก็แบ่งตัวออกจากตรงกลาง
06:06
And again, you have billions of cells
144
351000
2000
คุณมีเซลล์อยู่เป็นหลายพันล้านเซลล์เช่นกัน
06:08
undergoing this process right now inside of you.
145
353000
3000
ที่กำลังอยู่ในกระบวนการนี้ภายในตัวคุณ ณ ขณะนี้
06:11
Now we're going to rewind and just focus on the chromosomes
146
356000
3000
ทีนี้ เราจะย้อนกลับมาดูกันอีกครั้ง สังเกตเฉพาะที่โครโมโซม
06:14
and look at its structure and describe it.
147
359000
2000
ดูโครงสร้างของมัน และอธิบายมัน
06:16
So again, here we are at that equator moment.
148
361000
3000
ตอนนี้ เรากลับมาอยู่ ณ วินาที
ที่มันอยู่ที่จุดศูนย์กลาง
ที่มันอยู่ที่จุดศูนย์กลาง
06:19
The chromosomes line up.
149
364000
2000
โครโมโซมเรียงตัวกัน
06:21
And if we isolate just one chromosome,
150
366000
2000
และถ้าพวกเราแยกแค่หนึ่งโครโมโซมออกมา
06:23
we're going to pull it out and have a look at its structure.
151
368000
2000
เราก็กำลังที่จะดึงมันออกมาและมองดูโครงสร้างของมัน
06:25
So this is one of the biggest molecular structures that you have,
152
370000
3000
นี่คือโครงสร้างโมเลกุลที่ใหญ่ที่สุดในตัวเรา
06:28
at least as far as we've discovered so far inside of us.
153
373000
4000
ที่เรารู้จักภายในตัวเรา
06:32
So this is a single chromosome.
154
377000
2000
นี่คือโครโมโซมเดี่ยว
06:34
And you have two strands of DNA in each chromosome.
155
379000
3000
และคุณมีดีเอ็นเอสองสายในทุกโครโมโซม
06:37
One is bundled up into one sausage.
156
382000
2000
ดีเอ็นเอสายหนึ่งจะพันกันเป็นไส้กรอกอันหนึ่ง
06:39
The other strand is bundled up into the other sausage.
157
384000
2000
อีกสายหนึ่งก็จะพันเกลียวกันเป็นไส้กรอกอีกอัน
06:41
These things that look like whiskers that are sticking out from either side
158
386000
3000
สิ่งที่รูปร่างคล้ายหนวดแมวที่ยื่นออกมาจากทั้งสองข้าง
06:44
are the dynamic scaffolding of the cell.
159
389000
3000
เป็นโครงสร้างที่เปลี่ยนรูปได้ของเซลล์
06:47
They're called mircrotubules. That name's not important.
160
392000
2000
พวกมันเรียกว่า ไมโครทูบูล(microtubules)
ชื่อมันไม่สำคัญเท่าไรนัก
ชื่อมันไม่สำคัญเท่าไรนัก
06:49
But what we're going to focus on is this red region -- I've labeled it red here --
161
394000
3000
แต่ว่า สิ่งที่เราจะให้ความสนใจก็คือ
บริเวณที่ผมทำให้มันเป็นสีแดงนี้
บริเวณที่ผมทำให้มันเป็นสีแดงนี้
06:52
and it's the interface
162
397000
2000
มันคือพื้นที่เชื่อมต่อ
06:54
between the dynamic scaffolding and the chromosomes.
163
399000
3000
ระหว่างโครงสร้างที่เปลี่ยนรูปได้
และโครโมโซม
และโครโมโซม
06:57
It is obviously central to the movement of the chromosomes.
164
402000
3000
เห็นได้ชัดว่า มันคือศูนย์กลาง
สำหรับการเคลื่อนไหวของโครโมโซม
สำหรับการเคลื่อนไหวของโครโมโซม
07:00
We have no idea really as to how it's achieving that movement.
165
405000
3000
พวกเราไม่รู้เลยจริงๆว่า
มันสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างไร
มันสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างไร
07:03
We've been studying this thing they call the kinetochore
166
408000
2000
กำลังมีการศึกษาสิ่งนี้อยู่
พวกเขาเรียกมันว่า ไคนีโตคอร์ (kinetochore)
พวกเขาเรียกมันว่า ไคนีโตคอร์ (kinetochore)
07:05
for over a hundred years with intense study,
167
410000
2000
แม้จะศึกษาอย่างจริงจังมากกว่าหนึ่งร้อยปี
07:07
and we're still just beginning to discover what it's all about.
168
412000
3000
เราก็ยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการค้นพบเกี่ยวกับมัน
07:10
It is made up of about 200 different types of proteins,
169
415000
3000
มันประกอบขึ้นจากโปรตีนชนิดต่างๆประมาณ 200 ชนิด
07:13
thousands of proteins in total.
170
418000
3000
โดยรวมแล้ว มีโปรตีนเป็นพันๆ
07:16
It is a signal broadcasting system.
171
421000
3000
มันเป็นระบบส่งสัญญาณ
07:19
It broadcasts through chemical signals
172
424000
2000
มันส่งสัญญาณด้วยสัญญาณทางเคมี
07:21
telling the rest of the cell when it's ready,
173
426000
3000
บอกส่วนอื่นๆ ของเซลล์ เมื่อมันพร้อม
07:24
when it feels that everything is aligned and ready to go
174
429000
3000
เมื่อมันรู้สึกว่าทุกสิ่งมาเรียงตัวกันเรียบร้อย
และพร้อมที่จะเข้าสู่ขั้นตอน
และพร้อมที่จะเข้าสู่ขั้นตอน
07:27
for the separation of the chromosomes.
175
432000
2000
สำหรับการแยกโครโมโซม
07:29
It is able to couple onto the growing and shrinking microtubules.
176
434000
3000
มันสามารถที่จะจับเข้ากับไมโครทูบูลที่กำลัง
ขยายตัวและหดตัวลง
ขยายตัวและหดตัวลง
07:32
It's involved with the growing of the microtubules,
177
437000
3000
มันมีส่วนร่วมในการสร้างไมโครทูบูล
07:35
and it's able to transiently couple onto them.
178
440000
3000
และมันสามารถที่จะเข้าจับกับไมโครทูบูลชั่วคราวได้
07:38
It's also an attention sensing system.
179
443000
2000
มันยังเป็นระบบที่ตรวจจับความสนใจ
07:40
It's able to feel when the cell is ready,
180
445000
2000
มันสามารถที่จะรู้สึกได้ว่า เมื่อไรที่เซลล์พร้อม
07:42
when the chromosome is correctly positioned.
181
447000
2000
เมื่อโครโมโซมอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง
07:44
It's turning green here
182
449000
2000
มันจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว
07:46
because it feels that everything is just right.
183
451000
2000
เพราะว่ามันรู้สึกว่า ทุกๆอย่างมันเหมาะสม
07:48
And you'll see, there's this one little last bit
184
453000
2000
และคุณจะเห็นว่า มันมีส่วนที่เหลือเล็กๆส่วนหนึ่ง
07:50
that's still remaining red.
185
455000
2000
ที่ยังคงเป็นสีแดง
07:52
And it's walked away down the microtubules.
186
457000
3000
และมันเดินลงไปตามไมโครทูบูล
07:56
That is the signal broadcasting system sending out the stop signal.
187
461000
3000
นั่นคือระบบการส่งสัญญาณ
ที่ส่งสัญญาณออกไปว่าให้หยุด
ที่ส่งสัญญาณออกไปว่าให้หยุด
07:59
And it's walked away. I mean, it's that mechanical.
188
464000
3000
และมันเดินออกไป ผมหมายความว่า มันเป็นกลไก
08:02
It's molecular clockwork.
189
467000
2000
มันเป็นนาฬิการะดับโมเลกุล
08:04
This is how you work at the molecular scale.
190
469000
3000
นี่คือวิธีที่มันทำงานในระดับโมเลกุล
08:07
So with a little bit of molecular eye candy,
191
472000
3000
ดังนั้น ด้วยสิ่งเล็กๆระดับโมเลกุลสีลูกกวาดน่ายลพวกนี้
08:10
we've got kinesins, which are the orange ones.
192
475000
3000
เรามีไคเนส(kinesins) ที่เห็นสีส้มๆ นั่น
08:13
They're little molecular courier molecules walking one way.
193
478000
2000
พวกมันคือนักขนส่งเล็กๆ ระดับโมเลกุล
ที่เดินทางเดียว
ที่เดินทางเดียว
08:15
And here are the dynein. They're carrying that broadcasting system.
194
480000
3000
และนี่คือ ไดนีอิน (dynein)
พวกมันรับผิดชอบระบบการส่งสัญญาณนั้น
พวกมันรับผิดชอบระบบการส่งสัญญาณนั้น
08:18
And they've got their long legs so they can step around obstacles and so on.
195
483000
3000
และพวกมันมีขายาวๆ เพื่อให้พวกมัน
สามารถก้าวข้ามสิ่งกีดขวางและอะไรทำนองนั้นได้
สามารถก้าวข้ามสิ่งกีดขวางและอะไรทำนองนั้นได้
08:21
So again, this is all derived accurately
196
486000
2000
ทั้งหมดนี้ถูกจำลองมาจากข้อมูลวิทยาศาสตร์
08:23
from the science.
197
488000
2000
อย่างถูกต้องแม่นยำ
08:25
The problem is we can't show it to you any other way.
198
490000
3000
ปัญหาก็คือ
เราไม่สามารถนำเสนอมันให้คุณดูในทางอื่นได้
เราไม่สามารถนำเสนอมันให้คุณดูในทางอื่นได้
08:28
Exploring at the frontier of science,
199
493000
2000
การสำรวจ ณ สุดพรมแดนความรู้ของวิทยาศาสตร์
08:30
at the frontier of human understanding,
200
495000
2000
ณ สุดขอบเขตความเข้าใจของมนุษย์
08:32
is mind-blowing.
201
497000
3000
มันเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นมาก
08:35
Discovering this stuff
202
500000
2000
การค้นพบสิ่งเหล่านี้
08:37
is certainly a pleasurable incentive to work in science.
203
502000
3000
แน่นอนว่ามันเป็นตัวกระตุ้นที่น่าพึงพอใจ
ในการทำงานในวงการวิทยาศาสตร์
ในการทำงานในวงการวิทยาศาสตร์
08:40
But most medical researchers --
204
505000
3000
แต่นักวิจัยทางการแพทย์ส่วนใหญ่
08:43
discovering the stuff
205
508000
2000
การค้นพบอะไรสักอย่าง
08:45
is simply steps along the path to the big goals,
206
510000
3000
เป็นแค่ก้าวย่างของการเดิน ไปตามทางสู่จุดหมายที่ยิ่งใหญ่
08:48
which are to eradicate disease,
207
513000
3000
ซึ่งก็คือเพื่อกำจัดโรคภัย
08:51
to eliminate the suffering and the misery that disease causes
208
516000
2000
เพื่อที่จะขับไล่ความเจ็บไข้และ
ความทรมานที่เกิดจากโรคภัย
ความทรมานที่เกิดจากโรคภัย
08:53
and to lift people out of poverty.
209
518000
2000
และเพื่อดึงผู้คนให้พ้นจากความอยากลำบาก
08:55
Thank you.
210
520000
2000
ขอบคุณครับ
08:57
(Applause)
211
522000
4000
(เสียงปรบมือ)
ABOUT THE SPEAKER
Drew Berry - Biomedical animatorDrew Berry creates stunning and scientifically accurate animations to illustrate how the molecules in our cell move and interact.
Why you should listen
Drew Berry is a biomedical animator whose scientifically accurate and aesthetically rich visualisations reveal the microscopic world inside our bodies to a wide range of audiences. His animations have exhibited at venues such as the Guggenheim Museum, Museum of Modern Art (New York), the Royal Institute of Great Britain and the University of Geneva. In 2010 he received a MacArthur Fellowship "Genius Award".
Drew Berry | Speaker | TED.com