ABOUT THE SPEAKER
Daniel Kahneman - Behavioral economics founder
Widely regarded as the world's most influential living psychologist, Daniel Kahneman won the Nobel in Economics for his pioneering work in behavioral economics -- exploring the irrational ways we make decisions about risk.

Why you should listen

Daniel Kahneman is an eminence grise for the Freakonomics crowd. In the mid-1970s, with his collaborator Amos Tversky, he was among the first academics to pick apart exactly why we make "wrong" decisions. In their 1979 paper on prospect theory, Kahneman and Tversky examined a simple problem of economic risk. And rather than stating the optimal, rational answer, as an economist of the time might have, they quantified how most real people, consistently, make a less-rational choice. Their work treated economics not as a perfect or self-correcting machine, but as a system prey to quirks of human perception. The field of behavioral economics was born.

Kahneman was awarded the Nobel Memorial prize in 2002 for his work with Tversky, who died before the award was bestowed. In a lovely passage in his Nobel biography, Kahneman looks back on his deep collaboration with Tversky and calls for a new form of academic cooperation, marked not by turf battles but by "adversarial collaboration," a good-faith effort by unlike minds to conduct joint research, critiquing each other in the service of an ideal of truth to which both can contribute.

More profile about the speaker
Daniel Kahneman | Speaker | TED.com
TED2010

Daniel Kahneman: The riddle of experience vs. memory

แดเนียล คานีแมน: ปริศนาของประสบการณ์และความทรงจำ

Filmed:
6,094,013 views

ด้วยตัวอย่างตั้งแต่การท่องเที่ยงไปจนถึงการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์และผู้ก่อตั้งวิชาเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม แดเนียล คานีแมน เผยให้เราเห็นว่า "ตัวตนที่รับประสบการณ์" กับ "ตัวตนที่เก็บความทรงจำ" รับรู้ความสุขแตกต่างกันอย่างไร มุมมองใหม่ที่ลึกซึ้งนี้มีนัยสำคัญทั้งต่อเศรษฐกิจ นโยบายสาธารณะ และความเข้าใจตนเองของเรา
- Behavioral economics founder
Widely regarded as the world's most influential living psychologist, Daniel Kahneman won the Nobel in Economics for his pioneering work in behavioral economics -- exploring the irrational ways we make decisions about risk. Full bio

Double-click the English transcript below to play the video.

00:15
Everybodyทุกคน talksการเจรจา about happinessความสุข these daysวัน.
0
0
3000
เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็พูดถึงความสุขนะครับ
00:18
I had somebodyบางคน countนับ the numberจำนวน of booksหนังสือ
1
3000
3000
ผมเคยให้คนนับว่ามีหนังสือที่มีคำว่า
00:21
with "happinessความสุข" in the titleหัวข้อ publishedการตีพิมพ์ in the last fiveห้า yearsปี
2
6000
3000
“ความสุข” อยู่ในชื่อเรื่องตีพิมพ์ออกมากี่เล่มภายในห้าปีที่ผ่านมา
00:24
and they gaveให้ up after about 40, and there were manyจำนวนมาก more.
3
9000
5000
พวกเขายอมแพ้หลังจากนับถึง 40 แล้วยังเหลือที่ยังไม่ได้นับอีกเยอะมาก
00:29
There is a hugeใหญ่ waveคลื่น of interestดอกเบี้ย in happinessความสุข,
4
14000
3000
กระแสความสนใจเรื่องความสุขมาแรงมาก
00:32
amongในหมู่ researchersนักวิจัย.
5
17000
2000
ในหมู่นักวิจัย
00:34
There is a lot of happinessความสุข coachingการฝึก.
6
19000
2000
มีโปรแกรมฝึกอบรมเรื่องความสุขออกมามากมาย
00:36
Everybodyทุกคน would like to make people happierมีความสุขมาก.
7
21000
2000
ทุกคนอยากทำให้ผู้คนมีความสุขมากขึ้น
00:38
But in spiteทั้งๆ of all this floodน้ำท่วม of work,
8
23000
4000
แต่แม้จะมีงานพวกนี้ออกมาเยอะแยะ
00:42
there are severalหลาย cognitiveองค์ความรู้ trapsกับดัก
9
27000
2000
ก็ยังมีกับดักทางความคิดบางอย่าง
00:44
that sortประเภท of make it almostเกือบจะ impossibleเป็นไปไม่ได้ to think straightตรง
10
29000
3000
ที่ดูเหมือนจะทำให้แทบเป็นไปไม่ได้เลย
00:47
about happinessความสุข.
11
32000
2000
ที่เราจะมองความสุขโดยไม่สับสน
00:49
And my talk todayในวันนี้ will be mostlyส่วนใหญ่ about these cognitiveองค์ความรู้ trapsกับดัก.
12
34000
3000
และวันนี้ เรื่องที่ผมจะพูดก็เกี่ยวกับกับดักทางความคิดพวกนี้แหละครับ
00:52
This appliesมีผลบังคับใช้ to laypeoplelaypeople thinkingคิด about theirของพวกเขา ownด้วยตัวเอง happinessความสุข,
13
37000
3000
ซึ่งเรื่องนี้สำคัญทั้งกับคนทั่วไปที่คิดถึงความสุขของตัวเอง
00:55
and it appliesมีผลบังคับใช้ to scholarsนักวิชาการ thinkingคิด about happinessความสุข,
14
40000
3000
และนักวิชาการที่ศึกษาเรื่องความสุข
00:58
because it turnsผลัดกัน out we're just as messedmessed up as anybodyใคร ๆ elseอื่น is.
15
43000
4000
เพราะปรากฏว่าพวกเราก็สับสนไม่แพ้คนทั่วไป
01:02
The first of these trapsกับดัก
16
47000
2000
กับดักตัวแรก
01:04
is a reluctanceความไม่เต็มใจ to admitยอมรับ complexityความซับซ้อน.
17
49000
3000
คือ การไม่ยอมรับความซับซ้อน
01:07
It turnsผลัดกัน out that the wordคำ "happinessความสุข"
18
52000
3000
ตอนนี้กลายเป็นว่าคำว่าความสุข
01:10
is just not a usefulมีประโยชน์ wordคำ anymoreอีกต่อไป,
19
55000
3000
ไม่ใช่คำที่มีประโยชน์แล้ว
01:13
because we applyใช้ it to too manyจำนวนมาก differentต่าง things.
20
58000
3000
เพราะเราใช้มันแบบเหมารวมแทนหลายอย่างมากเกินไป
01:16
I think there is one particularโดยเฉพาะ meaningความหมาย to whichที่ we mightอาจ restrictจำกัด it,
21
61000
3000
ผมคิดว่าเราน่าจะจำกัดการใช้คำว่าความสุขไว้ให้มีความหมายอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น
01:19
but by and largeใหญ่,
22
64000
2000
แต่จะทำอย่างนั้นได้
01:21
this is something that we'llดี have to give up
23
66000
2000
เราต้องทิ้งความหมายอื่นๆ ไป
01:23
and we'llดี have to adoptนำมาใช้ the more complicatedซับซ้อน viewดู
24
68000
4000
และเราต้องยอมรับมุมมองเกี่ยวกับสุขภาวะ (well-being)
01:27
of what well-beingความผาสุก is.
25
72000
2000
ที่ซับซ้อนกว่านี้
01:29
The secondที่สอง trapกับดัก is a confusionความสับสน betweenระหว่าง experienceประสบการณ์ and memoryหน่วยความจำ;
26
74000
4000
กับดักอย่างที่สองคือความสับสนระหว่างประสบการณ์กับความทรงจำ
01:33
basicallyเป็นพื้น, it's betweenระหว่าง beingกำลัง happyมีความสุข in your life,
27
78000
3000
ซึ่งนั่นก็คือ ความสับสนระหว่างการมีความสุข 'ใน' ชีวิต
01:36
and beingกำลัง happyมีความสุข about your life
28
81000
2000
กับการมีความสุข 'เกี่ยวกับ'
01:38
or happyมีความสุข with your life.
29
83000
2000
หรือ 'กับ' ชีวิตของคุณ
01:40
And those are two very differentต่าง conceptsแนวคิด,
30
85000
2000
สองอย่างนี้เป็นแนวคิดที่แตกต่างกันมากนะครับ
01:42
and they're bothทั้งสอง lumpedเป็นก้อน in the notionความคิด of happinessความสุข.
31
87000
3000
แต่มันกลับถูกเหมารวมเข้าด้วยกันภายใต้คำว่าความสุข
01:45
And the thirdที่สาม is the focusingสำรวม illusionภาพมายา,
32
90000
3000
กับดักประการที่สามก็คือภาพลวงตาเมื่อเรามุ่งความสนใจไปยังปัจจัยที่มีผลต่อความสุข
01:48
and it's the unfortunateโชคร้าย factความจริง that we can't think about any circumstanceกรณี
33
93000
3000
โชคร้ายที่มันเป็นข้อเท็จจริงที่เลี่ยงไม่ได้ ที่ว่าเราไม่สามารถคิดถึงเหตุการณ์
01:51
that affectsส่งผลกระทบต่อ well-beingความผาสุก
34
96000
2000
ที่มีผลต่อสุขภาวะ (well-being) ของเรา
01:53
withoutไม่มี distortingบิดเบือน its importanceความสำคัญ.
35
98000
2000
ได้โดยไม่บิดเบือนความสำคัญของมัน
01:55
I mean, this is a realจริง cognitiveองค์ความรู้ trapกับดัก.
36
100000
3000
ผมขอบอกว่า มันเป็นกับดักทางความคิดจริงๆ
01:58
There's just no way of gettingได้รับ it right.
37
103000
3000
ไม่มีทางที่เราจะมองมันอย่างถูกต้องได้
02:01
Now, I'd like to startเริ่มต้น with an exampleตัวอย่าง
38
106000
2000
ทีนี้ ผมอยากเริ่มด้วยตัวอย่าง
02:03
of somebodyบางคน who had a question-and-answerคำถามและคำตอบ sessionเซสชั่น
39
108000
5000
ที่มีใครคนหนึ่งเล่าให้ผมฟังในช่วงถามตอบ
02:08
after one of my lecturesการบรรยาย reportedรายงาน a storyเรื่องราว,
40
113000
4000
หลังเล็กเชอร์ครั้งหนี่งของผม
02:12
and that was a storyเรื่องราว --
41
117000
1000
[ ไม่ชัดเจน ]
02:13
He said he'dเขาต้องการ been listeningการฟัง to a symphonyซิมโฟนี,
42
118000
3000
เขาบอกว่าเขาได้ฟังเพลงซิมโฟนีเพลงหนึ่ง
02:16
and it was absolutelyอย่างแน่นอน gloriousรุ่งโรจน์ musicเพลง
43
121000
3000
ซึ่งไพเราะสุดๆ
02:19
and at the very endปลาย of the recordingการบันทึก,
44
124000
3000
แต่แล้วตอนท้ายของเพลง
02:22
there was a dreadfulน่ากลัว screechingการร้องเสียงกรี๊ด soundเสียง.
45
127000
2000
ก็มีเสียงเอี๊ยดอ๊าดแสบแก้วดังหูออกมา
02:24
And then he addedที่เพิ่ม, really quiteทีเดียว emotionallyอารมณ์,
46
129000
2000
เขาเล่าต่อแบบใส่อารมณ์ว่า
02:26
it ruinedโทรม the wholeทั้งหมด experienceประสบการณ์.
47
131000
4000
มันทำลายประสบการณ์การฟังเพลงของเขาหมดเลย
02:30
But it hadn'tไม่ได้.
48
135000
2000
แต่ที่จริงไม่ใช่หรอกครับ
02:32
What it had ruinedโทรม were the memoriesความทรงจำ of the experienceประสบการณ์.
49
137000
3000
สิ่งที่ถูกทำลายคือความทรงจำเกี่ยวกับประสบการณ์ต่างหาก
02:35
He had had the experienceประสบการณ์.
50
140000
2000
เขาได้รับประสบการณ์การฟังเพลงนั้นไปครบถ้วนแล้ว
02:37
He had had 20 minutesนาที of gloriousรุ่งโรจน์ musicเพลง.
51
142000
2000
เขาได้ฟังเพลงที่เพราะสุดๆ ไปแล้วยี่สิบนาที
02:39
They countedนับ for nothing
52
144000
2000
เพียงแต่มันไม่เหลืออะไรเก็บไว้เลย
02:41
because he was left with a memoryหน่วยความจำ;
53
146000
3000
สิ่งที่เหลืออยู่กับเขามีเพียงแค่ความทรงจำ
02:44
the memoryหน่วยความจำ was ruinedโทรม,
54
149000
2000
แล้วความทรงจำนั้นก็ดันมาถูกทำลาย
02:46
and the memoryหน่วยความจำ was all that he had gottenอากาศ to keep.
55
151000
3000
ทั้งๆ ที่ความทรงจำเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เหลือให้เขาเก็บไว้ได้
02:49
What this is tellingบอก us, really,
56
154000
3000
เรื่องนี้สอนเราว่า ที่จริงแล้ว
02:52
is that we mightอาจ be thinkingคิด of ourselvesตัวเรา and of other people
57
157000
2000
เราต้องคิดถึงตัวเราเองรวมทั้งคนอื่น
02:54
in termsเงื่อนไข of two selvesตัว.
58
159000
2000
ว่ามีตัวตนสองมิติ
02:56
There is an experiencingประสบ selfตนเอง,
59
161000
3000
เรามีตัวตนที่รับรู้ประสบการณ์
02:59
who livesชีวิต in the presentนำเสนอ
60
164000
2000
ซึ่งมีชีวิตอยู่ในขณะปัจจุบัน
03:01
and knowsรู้ the presentนำเสนอ,
61
166000
2000
และรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
03:03
is capableสามารถ of re-livingอีกครั้งที่อยู่อาศัย the pastอดีต,
62
168000
2000
มันสามารถเรียกเอาอดีตขึ้นมาสัมผัสได้ใหม่
03:05
but basicallyเป็นพื้น it has only the presentนำเสนอ.
63
170000
3000
แต่ก็สัมผัสได้เพียงในขณะปัจจุบันเท่านั้น
03:08
It's the experiencingประสบ selfตนเอง that the doctorคุณหมอ approachesวิธีการ --
64
173000
3000
ตัวตนที่รับประสบการณ์นี่แหละ ที่คุณหมอคุยด้วย
03:11
you know, when the doctorคุณหมอ asksถาม,
65
176000
1000
ตอนที่หมอถามว่า
03:12
"Does it hurtทำให้เจ็บ now when I touchแตะ you here?"
66
177000
4000
“คุณเจ็บไหมเวลาผมจับตรงนี้”
03:16
And then there is a rememberingความทรงจำ selfตนเอง,
67
181000
3000
แล้วเราก็มีตัวตนที่เก็บความทรงจำ
03:19
and the rememberingความทรงจำ selfตนเอง is the one that keepsช่วยให้ scoreคะแนน,
68
184000
4000
ตัวตนที่เก็บความทรงจำนี้ทำหน้าที่นับแต้ม
03:23
and maintainsรักษา the storyเรื่องราว of our life,
69
188000
2000
และจดจำเรื่องราวชีวิตของเรา
03:25
and it's the one that the doctorคุณหมอ approachesวิธีการ
70
190000
3000
มันคือตัวตนที่คุณหมอคุยด้วย
03:28
in askingถาม the questionคำถาม,
71
193000
2000
เวลาที่หมอถามว่า
03:30
"How have you been feelingความรู้สึก latelyเมื่อเร็ว ๆ นี้?"
72
195000
3000
“พักหลังมานี้คุณรู้สึกยังไงบ้าง”
03:33
or "How was your tripการเดินทาง to Albaniaแอลเบเนีย?" or something like that.
73
198000
3000
หรือ “ที่คุณไปอัลเบเนียมา เป็นยังไงบ้างครับ” อะไรทำนองนั้น
03:36
Those are two very differentต่าง entitiesหน่วยงาน,
74
201000
3000
ตัวตนสองมิตินี้แตกต่างกันมาก
03:39
the experiencingประสบ selfตนเอง and the rememberingความทรงจำ selfตนเอง,
75
204000
3000
ตัวตนที่รับรู้ประสบการณ์กับตัวตนที่เก็บความทรงจำ
03:42
and gettingได้รับ confusedสับสน betweenระหว่าง them is partส่วนหนึ่ง of the messความยุ่งเหยิง
76
207000
4000
การเอาตัวตนสองมิตินี้มาปะปนกันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราสับสน
03:46
about the notionความคิด of happinessความสุข.
77
211000
3000
กับความหมายของความสุข
03:49
Now, the rememberingความทรงจำ selfตนเอง
78
214000
3000
ไอ้เจ้าตัวตนที่เก็บความทรงจำนี่
03:52
is a storytellerผู้เล่า.
79
217000
3000
เป็นนักเล่าเรื่อง
03:55
And that really startsเริ่มต้น with a basicขั้นพื้นฐาน responseคำตอบ of our memoriesความทรงจำ --
80
220000
4000
แล้วมันก็เริ่มตั้งแต่ปฏิกิริยาตอบสนองขั้นพี้นฐานของความทรงจำเลย
03:59
it startsเริ่มต้น immediatelyทันที.
81
224000
2000
มันเริ่มทันทีที่เราได้รับประสบการณ์
04:01
We don't only tell storiesเรื่องราว when we setชุด out to tell storiesเรื่องราว.
82
226000
3000
เราไม่ได้เริ่มเล่าเรื่องเมื่อเราตั้งใจจะเล่าเรื่องเท่านั้น
04:04
Our memoryหน่วยความจำ tellsบอก us storiesเรื่องราว,
83
229000
3000
ความทรงจำเล่าเรื่องต่างๆ ให้เราฟัง
04:07
that is, what we get to keep from our experiencesประสบการณ์
84
232000
2000
นั่นหมายความว่า สิ่งที่เราเหลือเก็บไว้จากประสบการณ์ที่เราได้รับ
04:09
is a storyเรื่องราว.
85
234000
2000
คือเรื่องเล่า
04:11
And let me beginเริ่ม with one exampleตัวอย่าง.
86
236000
5000
ผมขอยกตัวอย่างอันหนึ่ง
04:16
This is an oldเก่า studyศึกษา.
87
241000
2000
เป็นงานวิจัยที่เก่าแล้วครับ
04:18
Those are actualที่จริง patientsผู้ป่วย undergoingการผ่าตัด a painfulเจ็บปวด procedureขั้นตอน.
88
243000
3000
นี่คือผลวิจัยจากผู้ป่วยที่ผ่านการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ซึ่งเจ็บสุดๆ
04:21
I won'tเคยชิน go into detailรายละเอียด. It's no longerอีกต่อไป painfulเจ็บปวด these daysวัน,
89
246000
3000
ผมจะไม่ลงรายละเอียดนะครับ แล้วเดี๋ยวนี้ก็มีวิธีใหม่ที่ไม่เจ็บแล้วล่ะ
04:24
but it was painfulเจ็บปวด when this studyศึกษา was runวิ่ง in the 1990s.
90
249000
4000
แต่มันเจ็บมากตอนที่เราทำงานวิจัยชิ้นนี้ในช่วงปี 1990s
04:28
They were askedถาม to reportรายงาน on theirของพวกเขา painความเจ็บปวด everyทุกๆ 60 secondsวินาที.
91
253000
3000
เราขอให้ผู้ป่วยรายงานระดับความเจ็บทุกๆ 60 วินาที
04:31
Here are two patientsผู้ป่วย,
92
256000
3000
และนี่คือผลจากผู้ป่วยสองคน
04:34
those are theirของพวกเขา recordingsบันทึก.
93
259000
2000
กราฟพวกนี้คือบันทึกความเจ็บของผู้ป่วยทั้งสองคน
04:36
And you are askedถาม, "Who of them sufferedได้รับความเดือดร้อน more?"
94
261000
3000
ถ้าถามว่า “ใครเจ็บมากกว่า”
04:39
And it's a very easyง่าย questionคำถาม.
95
264000
2000
คงเป็นคำถามที่ตอบง่ายมากเลย
04:41
Clearlyเห็นได้ชัดว่า, Patientผู้ป่วย B sufferedได้รับความเดือดร้อน more --
96
266000
2000
เห็นได้ชัดเลยว่าผู้ป่วย B เจ็บมากกว่า
04:43
his colonoscopyลำไส้ was longerอีกต่อไป,
97
268000
2000
การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ของเขาใช้เวลานานกว่า
04:45
and everyทุกๆ minuteนาที of painความเจ็บปวด that Patientผู้ป่วย A had,
98
270000
3000
และทุกนาทีของความเจ็บปวดที่ผู้ป่วย A ได้รับ
04:48
Patientผู้ป่วย B had, and more.
99
273000
3000
ผู้ป่วย B ก็ได้รับเหมือนกันและมากยิ่งกว่า
04:51
But now there is anotherอื่น questionคำถาม:
100
276000
3000
แต่ทีนี้มันก็มีอีกคำถามหนึ่งว่า
04:54
"How much did these patientsผู้ป่วย think they sufferedได้รับความเดือดร้อน?"
101
279000
3000
“ผู้ป่วยเหล่านี้คิดว่าเขาเจ็บมากแค่ไหน?”
04:57
And here is a surpriseแปลกใจ.
102
282000
2000
นี่แหละครับที่น่าประหลาดใจ
04:59
The surpriseแปลกใจ is that Patientผู้ป่วย A
103
284000
2000
เพราะปรากฏว่าผู้ป่วย A
05:01
had a much worseแย่ลง memoryหน่วยความจำ of the colonoscopyลำไส้
104
286000
3000
มีความทรงจำเกี่ยวกับการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่
05:04
than Patientผู้ป่วย B.
105
289000
2000
ที่เลวร้ายกว่าผู้ป่วย B
05:06
The storiesเรื่องราว of the colonoscopiescolonoscopies were differentต่าง,
106
291000
3000
เรื่องราวการส่องกล้องในความทรงจำมันแตกต่างไปจากประสบการณ์จริง
05:09
and because a very criticalวิกฤติ partส่วนหนึ่ง of the storyเรื่องราว is how it endsปลาย.
107
294000
6000
ทีนี้ ส่วนสำคัญที่สุดของเรื่องเล่าคือตอนจบเป็นอย่างไร
05:15
And neitherค่า of these storiesเรื่องราว is very inspiringที่เร้าใจ or great --
108
300000
3000
คือ เรื่องของผู้ป่วยทั้งสองนี้ก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่หรือสร้างแรงบันดาลใจอะไรหรอกนะ
05:18
but one of them is this distinctแตกต่าง ... (Laughterเสียงหัวเราะ)
109
303000
4000
แต่เรื่องหนึ่ง... (เสียงหัวเราะ)
05:22
but one of them is distinctlyชัดถ้อยชัดคำ worseแย่ลง than the other.
110
307000
3000
แต่เรื่องหนึ่งมันเลวร้ายกว่าอีกเรื่องหนึ่งอย่างชัดเจน
05:25
And the one that is worseแย่ลง
111
310000
2000
โดยเรื่องที่เลวร้ายกว่า
05:27
is the one where painความเจ็บปวด was at its peakจุดสูงสุด at the very endปลาย;
112
312000
3000
ก็คือเรื่องที่ความเจ็บปวดเพิ่มขึ้นสูงสุดตอนจบพอดี
05:30
it's a badไม่ดี storyเรื่องราว.
113
315000
2000
มันก็เลยเป็นเรื่องที่แย่
05:32
How do we know that?
114
317000
2000
เรารู้ได้อย่างไรครับ?
05:34
Because we askedถาม these people after theirของพวกเขา colonoscopyลำไส้,
115
319000
3000
เพราะเราถามผู้ป่วยเหล่านี้หลังจากส่องกล้องเสร็จ
05:37
and much laterต่อมา, too,
116
322000
1000
แล้วก็ถามอีกครั้งหลังจากเวลาผ่านไปนานแล้วด้วย
05:38
"How badไม่ดี was the wholeทั้งหมด thing, in totalทั้งหมด?"
117
323000
2000
ว่า "โดยรวมแล้ว การส่องกล้องนี่มันแย่แค่ไหน?"
05:40
And it was much worseแย่ลง for A than for B, in memoryหน่วยความจำ.
118
325000
4000
ผลคือ ความทรงจำเรื่องการส่องกล้องของผู้ป่วย A แย่กว่าของผู้ป่วย B มากเลย
05:44
Now this is a directโดยตรง conflictขัดกัน
119
329000
2000
นี่คือความขัดแย้งโดยตรงเลย
05:46
betweenระหว่าง the experiencingประสบ selfตนเอง and the rememberingความทรงจำ selfตนเอง.
120
331000
3000
ระหว่างตัวตนที่รับรู้ประสบการณ์กับตัวตนที่เก็บความทรงจำ
05:49
From the pointจุด of viewดู of the experiencingประสบ selfตนเอง,
121
334000
3000
จากมุมมองของตัวตนที่รับรู้ประสบการณ์
05:52
clearlyอย่างเห็นได้ชัด, B had a worseแย่ลง time.
122
337000
2000
เห็นได้ชัดว่าผู้ป่วย B มีประสบการณ์ที่เลวร้ายกว่า
05:54
Now, what you could do with Patientผู้ป่วย A,
123
339000
3000
ทีนี้ สิ่งที่คุณจะทำได้ เพื่อให้ผู้ป่วย A รู้สึกดีขึ้น
05:57
and we actuallyแท้จริง ranวิ่ง clinicalทางคลินิก experimentsการทดลอง,
124
342000
3000
ซึ่งเราได้ทำการทดลองแล้ว
06:00
and it has been doneเสร็จแล้ว, and it does work --
125
345000
2000
ลองนำไปใช้จริงแล้ว และมันก็ได้ผล
06:02
you could actuallyแท้จริง extendต่ออายุ the colonoscopyลำไส้ of Patientผู้ป่วย A
126
347000
5000
ก็คือ ยืดระยะเวลาการส่องกล้องของผู้ป่วย A ออกไป
06:07
by just keepingการเก็บรักษา the tubeหลอด in withoutไม่มี jigglingjiggling it too much.
127
352000
3000
โดยทิ้งท่อไว้อย่างนั้น แต่อย่าไปขยับมันมาก
06:10
That will causeสาเหตุ the patientผู้ป่วย
128
355000
3000
มันจะทำให้ผู้ป่วย
06:13
to sufferประสบ, but just a little
129
358000
3000
ต้องเจ็บต่อไป แต่ก็แค่นิดหน่อย
06:16
and much lessน้อยกว่า than before.
130
361000
2000
และน้อยลงกว่าก่อนหน้านี้เยอะเลย
06:18
And if you do that for a coupleคู่ of minutesนาที,
131
363000
2000
ถ้าคุณทำอย่างนี้สักสองสามนาที
06:20
you have madeทำ the experiencingประสบ selfตนเอง
132
365000
2000
คุณจะทำให้ตัวตนที่รับรู้ประสบการณ์
06:22
of Patientผู้ป่วย A worseแย่ลง off,
133
367000
2000
ของคนไข้ A รู้สึกแย่ลง
06:24
and you have the rememberingความทรงจำ selfตนเอง of Patientผู้ป่วย A
134
369000
3000
แต่ทำให้ตัวตนที่เก็บความทรงจำของเขา
06:27
a lot better off,
135
372000
2000
รู้สึกดีขึ้นมาก
06:29
because now you have endowedกอปร Patientผู้ป่วย A
136
374000
2000
เพราะคุณมอบเรื่องราวใหม่ให้ผู้ป่วย A
06:31
with a better storyเรื่องราว
137
376000
2000
เป็นเรื่องเล่าเวอร์ชั่นที่ดีกว่าเดิม
06:33
about his experienceประสบการณ์.
138
378000
3000
เกี่ยวกับประสบการณ์ของเขา
06:36
What definesกำหนด a storyเรื่องราว?
139
381000
3000
แล้วอะไรเป็นตัวตัดสินว่าเรื่องเล่านั้นดีหรือร้าย?
06:39
And that is trueจริง of the storiesเรื่องราว
140
384000
2000
ทั้งในกรณีเรื่องเล่า
06:41
that memoryหน่วยความจำ deliversมอบ for us,
141
386000
2000
ที่ความทรงจำสร้างขึ้นมาให้เรา
06:43
and it's alsoด้วย trueจริง of the storiesเรื่องราว that we make up.
142
388000
3000
และเรื่องเล่าที่เราแต่งขึ้นมาเอง
06:46
What definesกำหนด a storyเรื่องราว are changesการเปลี่ยนแปลง,
143
391000
4000
สิ่งที่ตัดสินว่าเรื่องเล่านั้นเป็นเรื่องดีหรือร้าย ได้แก่ การเปลี่ยนแปลง
06:50
significantสำคัญ momentsช่วงเวลา and endingsตอนจบ.
144
395000
3000
เหตุการณ์หรือช่วงเวลาสำคัญ แล้วก็ตอนจบ
06:53
Endingsตอนจบ are very, very importantสำคัญ
145
398000
2000
ตอนจบนี่สำคัญมากๆ
06:55
and, in this caseกรณี, the endingสิ้นสุด dominatedครอบงำ.
146
400000
4000
สำหรับกรณีนี้ ตอนจบเป็นตัวชี้ขาดเลยครับ
06:59
Now, the experiencingประสบ selfตนเอง
147
404000
2000
ประเด็นต่อมา คือ ตัวตนที่รับรู้ประสบการณ์เนี่ย
07:01
livesชีวิต its life continuouslyอย่างต่อเนื่อง.
148
406000
3000
มีชีวิตอยู่อย่างต่อเนื่อง
07:04
It has momentsช่วงเวลา of experienceประสบการณ์, one after the other.
149
409000
3000
มันมีเสี้ยวเวลาของประสบการณ์ ณ ขณะหนึ่งต่อด้วยขณะต่อไปเรื่อยๆ
07:07
And you can askถาม: What happensที่เกิดขึ้น to these momentsช่วงเวลา?
150
412000
3000
ถ้าคุณถามว่า แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับประสบการณ์ในเสี้ยวเวลาเหล่านั้น
07:10
And the answerตอบ is really straightforwardซื่อตรง:
151
415000
2000
คำตอบง่ายๆ ตรงไปตรงมาครับ
07:12
They are lostสูญหาย foreverตลอดไป.
152
417000
2000
มันหายไปตลอดกาล
07:14
I mean, mostมากที่สุด of the momentsช่วงเวลา of our life --
153
419000
2000
ผมหมายถึงช่วงเวลาส่วนใหญ่ในชีวิตของเรานะครับ
07:16
and I calculatedคำนวณ, you know, the psychologicalจิตวิทยา presentนำเสนอ
154
421000
3000
ผลเคยลองคำนวณนะ คือ ชั่วขณะปัจจุบันที่จิตเรารับรู้เนี่ย
07:19
is said to be about threeสาม secondsวินาที long;
155
424000
2000
มีความยาวเพียงสามวินาที
07:21
that meansวิธี that, you know,
156
426000
2000
ซึ่งหมายความว่า
07:23
in a life there are about 600 millionล้าน of them;
157
428000
2000
ในชีวิตคนเรามีเสี้ยวเวลาอย่างนี้ถึงประมาณ 600 ล้านชิ้น
07:25
in a monthเดือน, there are about 600,000 --
158
430000
3000
ในหนึ่งเดือนก็มี 600,000 ชิ้น
07:28
mostมากที่สุด of them don't leaveออกจาก a traceติดตาม.
159
433000
4000
ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่เหลือร่องรอยอะไรไว้
07:32
Mostมากที่สุด of them are completelyอย่างสมบูรณ์ ignoredละเว้น
160
437000
2000
เสี้ยวเวลาของประสบการณ์ส่วนใหญ่
07:34
by the rememberingความทรงจำ selfตนเอง.
161
439000
2000
ถูกตัวตนที่เก็บความทรงจำลืมไปโดยสิ้นเชิง
07:36
And yetยัง, somehowอย่างใด you get the senseความรู้สึก
162
441000
2000
แต่ยังไงคุณก็รู้สึกว่า
07:38
that they should countนับ,
163
443000
2000
มันน่าจะสำคัญ
07:40
that what happensที่เกิดขึ้น duringในระหว่าง these momentsช่วงเวลา of experienceประสบการณ์
164
445000
3000
รู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในเสี้ยวเวลาเหล่านี้
07:43
is our life.
165
448000
2000
คือชีวิตของเรา
07:45
It's the finiteจำกัด resourceทรัพยากร that we're spendingการใช้จ่าย
166
450000
2000
มันเป็นทรัพยากรอันจำกัดที่เราใช้จ่ายออกไป
07:47
while we're on this earthโลก.
167
452000
2000
ระหว่างที่เรามีชีวิตอยู่บนโลก
07:49
And how to spendใช้จ่าย it
168
454000
2000
แล้วเราจะใช้มันอย่างไร
07:51
would seemดูเหมือน to be relevantที่เกี่ยวข้อง,
169
456000
2000
ก็ดูเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องใส่ใจ
07:53
but that is not the storyเรื่องราว
170
458000
2000
แต่นั่นไม่ใช่เรื่องราว
07:55
that the rememberingความทรงจำ selfตนเอง keepsช่วยให้ for us.
171
460000
2000
ที่ตัวตนที่เก็บความทรงจำเก็บไว้ให้เรา
07:57
So we have the rememberingความทรงจำ selfตนเอง
172
462000
2000
เอาล่ะ เรามีตัวตนที่เก็บความทรงจำ
07:59
and the experiencingประสบ selfตนเอง,
173
464000
2000
และตัวตนที่รับรู้ประสบการณ์
08:01
and they're really quiteทีเดียว distinctแตกต่าง.
174
466000
2000
แล้วสองอย่างนี้ก็แตกต่างกันมาก
08:03
The biggestที่ใหญ่ที่สุด differenceข้อแตกต่าง betweenระหว่าง them
175
468000
2000
สิ่งที่ตัวตนสองมิตินี้ต่างกันมากที่สุด
08:05
is in the handlingการจัดการ of time.
176
470000
3000
ก็คือการจัดการเวลา
08:08
From the pointจุด of viewดู of the experiencingประสบ selfตนเอง,
177
473000
3000
ถ้ามองจากมุมของตัวตนที่รับรู้ประสบการณ์
08:11
if you have a vacationวันหยุด,
178
476000
2000
สมมติว่าคุณไปเที่ยว
08:13
and the secondที่สอง weekสัปดาห์ is just as good as the first,
179
478000
3000
แล้วสัปดาห์ที่สองก็ดีพอๆ กับสัปดาห์แรก
08:16
then the two-weekสองสัปดาห์ vacationวันหยุด
180
481000
3000
การไปเที่ยวสองสัปดาห์
08:19
is twiceสองครั้ง as good as the one-weekหนึ่งอาทิตย์ vacationวันหยุด.
181
484000
3000
ก็ย่อมดีกว่าสัปดาห์เดียวถึงสองเท่า
08:22
That's not the way it worksโรงงาน at all for the rememberingความทรงจำ selfตนเอง.
182
487000
3000
แต่สำหรับตัวตนที่เก็บความทรงจำ มันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย
08:25
For the rememberingความทรงจำ selfตนเอง, a two-weekสองสัปดาห์ vacationวันหยุด
183
490000
2000
สำหรับตัวตนที่เก็บความทรงจำ
08:27
is barelyเพิ่งจะ better than the one-weekหนึ่งอาทิตย์ vacationวันหยุด
184
492000
3000
การท่องเที่ยวสองสัปดาห์แทบไม่ได้ดีไปกว่าหนึ่งสัปดาห์เลย
08:30
because there are no newใหม่ memoriesความทรงจำ addedที่เพิ่ม.
185
495000
2000
เพราะมันไม่ได้มีความทรงจำใหม่ๆ เพิ่มขึ้น
08:32
You have not changedการเปลี่ยนแปลง the storyเรื่องราว.
186
497000
3000
เรื่องราวมันไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไป
08:35
And in this way,
187
500000
2000
เพราะอย่างนี้
08:37
time is actuallyแท้จริง the criticalวิกฤติ variableตัวแปร
188
502000
3000
เวลาจึงเป็นตัวแปรหลัก
08:40
that distinguishesที่แตกต่าง a rememberingความทรงจำ selfตนเอง
189
505000
3000
ที่ทำให้ตัวตนที่เก็บความทรงจำ
08:43
from an experiencingประสบ selfตนเอง;
190
508000
2000
แตกต่างจากตัวตนที่รับรู้ประสบการณ์
08:45
time has very little impactส่งผลกระทบ on the storyเรื่องราว.
191
510000
3000
เพราะเวลามีผลกับเรื่องเล่าน้อยมาก
08:49
Now, the rememberingความทรงจำ selfตนเอง does more
192
514000
3000
นอกจากนี้ ตัวตนที่เก็บความทรงจำยังทำหน้าที่
08:52
than rememberจำ and tell storiesเรื่องราว.
193
517000
2000
มากกว่าจดจำและเล่าเรื่อง
08:54
It is actuallyแท้จริง the one that makesยี่ห้อ decisionsการตัดสินใจ
194
519000
4000
ที่จริงมันคือตัวตนที่ตัดสินใจเรื่องต่างๆ
08:58
because, if you have a patientผู้ป่วย who has had, say,
195
523000
2000
เพราะถ้าคุณมีผู้ป่วยคนหนึ่ง
09:00
two colonoscopiescolonoscopies with two differentต่าง surgeonsศัลยแพทย์
196
525000
3000
ที่เคยส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่สองครั้งกับหมอสองคน
09:03
and is decidingการตัดสินใจ whichที่ of them to chooseเลือก,
197
528000
3000
แล้วต่อมาเขาต้องตัดสินใจว่าจะตรวจกับใคร
09:06
then the one that choosesChooses
198
531000
3000
คนที่เขาจะเลือก
09:09
is the one that has the memoryหน่วยความจำ that is lessน้อยกว่า badไม่ดี,
199
534000
4000
ก็คือคนที่เขามีความทรงจำแย่ๆ น้อยกว่า
09:13
and that's the surgeonศัลยแพทย์ that will be chosenได้รับการแต่งตั้ง.
200
538000
2000
หมอคนนั้นก็จะถูกเลือก
09:15
The experiencingประสบ selfตนเอง
201
540000
2000
ตัวตนที่รับรู้ประสบการณ์
09:17
has no voiceเสียงพูด in this choiceทางเลือก.
202
542000
3000
ไม่มีสิทธิมีเสียงในการตัดสินใจนี้เลย
09:20
We actuallyแท้จริง don't chooseเลือก betweenระหว่าง experiencesประสบการณ์,
203
545000
3000
เราไม่ได้เลือกระหว่างประสบการณ์สองอย่าง
09:23
we chooseเลือก betweenระหว่าง memoriesความทรงจำ of experiencesประสบการณ์.
204
548000
3000
แต่เราเลือกระหว่างความทรงจำเกี่ยวกับประสบการณ์สองอย่าง
09:26
And even when we think about the futureอนาคต,
205
551000
3000
แม้แต่เวลาที่เราคิดถึงอนาคต
09:29
we don't think of our futureอนาคต normallyปกติ as experiencesประสบการณ์.
206
554000
3000
เราก็ไม่ได้คิดถึงอนาคตของเราในรูปของประสบการณ์
09:32
We think of our futureอนาคต
207
557000
2000
เราคิดถึงอนาคตของเรา
09:34
as anticipatedที่คาดการณ์ไว้ memoriesความทรงจำ.
208
559000
3000
ในรูปของความทรงจำที่เราคาดว่าจะเกิดขึ้น
09:37
And basicallyเป็นพื้น you can look at this,
209
562000
2000
คุณอาจจะมองว่า นี่คือ
09:39
you know, as a tyrannyการปกครองแบบเผด็จการ of the rememberingความทรงจำ selfตนเอง,
210
564000
3000
ความเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจของตัวตนที่เก็บความทรงจำ
09:42
and you can think of the rememberingความทรงจำ selfตนเอง
211
567000
2000
และมองว่าตัวตนที่เก็บความทรงจำ
09:44
sortประเภท of draggingลาก the experiencingประสบ selfตนเอง
212
569000
2000
คอยแต่จะลากตัวตนที่รับประสบการณ์
09:46
throughตลอด experiencesประสบการณ์ that
213
571000
2000
เข้าไปสัมผัส
09:48
the experiencingประสบ selfตนเอง doesn't need.
214
573000
2000
สิ่งที่ตัวตนที่รับประสบการณ์ไม่อยากสัมผัส
09:50
I have that senseความรู้สึก that
215
575000
2000
ผมรู้สึกว่า
09:52
when we go on vacationsวันหยุดพักผ่อน
216
577000
2000
เวลาเราไปเที่ยว
09:54
this is very frequentlyบ่อยๆ the caseกรณี;
217
579000
2000
มันเป็นอย่างนี้ประจำเลย จริงๆ นะ
09:56
that is, we go on vacationsวันหยุดพักผ่อน,
218
581000
2000
คือที่เราไปเที่ยวนี่
09:58
to a very largeใหญ่ extentขอบเขต,
219
583000
2000
ส่วนใหญ่ก็เพื่อ
10:00
in the serviceบริการ of our rememberingความทรงจำ selfตนเอง.
220
585000
3000
เอาใจตัวตนที่เก็บความทรงจำ
10:03
And this is a bitบิต hardยาก to justifyแสดงให้เห็นถึง I think.
221
588000
3000
ซึ่งผมว่ามันดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่
10:06
I mean, how much do we consumeบริโภค our memoriesความทรงจำ?
222
591000
3000
คือ เราใช้เวลาดื่มด่ำอยู่กับความทรงจำของเรามากแค่ไหนกัน
10:09
That is one of the explanationsคำอธิบาย
223
594000
2000
เราถึงใช้มันเป็นข้ออ้าง
10:11
that is givenรับ for the dominanceการปกครอง
224
596000
2000
ที่จะให้อำนาจชี้นำการตัดสินใจ
10:13
of the rememberingความทรงจำ selfตนเอง.
225
598000
2000
ตกเป็นของตัวตนที่เก็บความทรงจำ
10:15
And when I think about that, I think about a vacationวันหยุด
226
600000
2000
เวลาคิดถึงเรื่องนี้ผมนึกถึงตอนที่ผมไปเที่ยว
10:17
we had in Antarcticaทวิปแอนตาร์กติกา a fewน้อย yearsปี agoมาแล้ว,
227
602000
3000
ที่แอนตาร์คติกาเมื่อสองสามปีที่แล้ว
10:20
whichที่ was clearlyอย่างเห็นได้ชัด the bestดีที่สุด vacationวันหยุด I've ever had,
228
605000
3000
ซึ่งเป็นการท่องเที่ยวพักผ่อนที่ดีที่สุดที่ผมเคยไปมาเลย
10:23
and I think of it relativelyสัมพัทธ์ oftenบ่อยครั้ง,
229
608000
2000
แล้วผมก็นึกถึงมันค่อนข้างบ่อยนะ
10:25
relativeญาติ to how much I think of other vacationsวันหยุดพักผ่อน.
230
610000
2000
เมื่อเทียบกับการไปเที่ยวครั้งอื่นๆ
10:27
And I probablyอาจ have consumedถูกใช้
231
612000
4000
ผมว่าผมใช้เวลาดื่มด่ำ
10:31
my memoriesความทรงจำ of that three-weekสามสัปดาห์ tripการเดินทาง, I would say,
232
616000
2000
อยู่กับความทรงจำของการไปเที่ยวสามอาทิตย์ครั้งนั้น
10:33
for about 25 minutesนาที in the last fourสี่ yearsปี.
233
618000
3000
สัก 25 นาทีภายในสี่ปีที่ผ่านมา
10:36
Now, if I had ever openedเปิด the folderโฟลเดอร์
234
621000
3000
ถ้าผมได้เปิดอัลบั้มรูป
10:39
with the 600 picturesภาพ in it,
235
624000
3000
ที่เต็มไปด้วยรูปถ่าย 600 รูป
10:42
I would have spentการใช้จ่าย anotherอื่น hourชั่วโมง.
236
627000
2000
ผมคงได้ใช้เวลากับมันเพิ่มอีกสักชั่วโมง
10:44
Now, that is threeสาม weeksสัปดาห์ที่ผ่านมา,
237
629000
2000
เที่ยวสามอาทิตย์
10:46
and that is at mostมากที่สุด an hourชั่วโมง and a halfครึ่ง.
238
631000
2000
กับการคิดถึงมันอย่างมากชั่วโมงครึ่ง
10:48
There seemsดูเหมือนว่า to be a discrepancyความคลาดเคลื่อน.
239
633000
2000
ดูแตกต่างกันมากเลยนะครับ
10:50
Now, I mayอาจ be a bitบิต extremeสุดขีด, you know,
240
635000
2000
คือผมก็อาจจะเป็นตัวอย่างที่สุดโต่งนะ
10:52
in how little appetiteความกระหาย I have for consumingการบริโภค memoriesความทรงจำ,
241
637000
3000
ที่ใช้เวลาดื่มด่ำกับความทรงจำน้อยมาก
10:55
but even if you do more of this,
242
640000
3000
แต่ถึงคุณใช้เวลากับความทรงจำมากกว่านี้
10:58
there is a genuineแท้ questionคำถาม:
243
643000
3000
เราก็ยังมีคำถามอยู่ดีว่า
11:01
Why do we put so much weightน้ำหนัก on memoryหน่วยความจำ
244
646000
4000
ทำไมเราถึงให้น้ำหนักกับความทรงจำ
11:05
relativeญาติ to the weightน้ำหนัก that we put on experiencesประสบการณ์?
245
650000
3000
มากกว่าตัวประสบการณ์จริงมากนัก
11:08
So I want you to think
246
653000
2000
ฉะนั้นผมเลยอยากให้คุณลองคิดเล่นๆ
11:10
about a thought experimentการทดลอง.
247
655000
3000
มาทำการทดลองทางความคิดกันหน่อย
11:13
Imagineจินตนาการ that for your nextต่อไป vacationวันหยุด,
248
658000
2000
ลองจินตนาการนะว่า
11:15
you know that at the endปลาย of the vacationวันหยุด
249
660000
3000
ถ้าคุณรู้ว่าหลังกลับจากไปเที่ยวคราวหน้าแล้ว
11:18
all your picturesภาพ will be destroyedทำลาย,
250
663000
3000
รูปถ่ายทั้งหมดของคุณจะถูกทำลาย
11:21
and you'llคุณจะ get an amnesicความจำเสื่อมชั่วคราว drugยา
251
666000
2000
และคุณจะต้องกินยาลบความทรงจำ
11:23
so that you won'tเคยชิน rememberจำ anything.
252
668000
2000
ที่ทำให้จำอะไรไม่ได้เลย
11:25
Now, would you chooseเลือก the sameเหมือนกัน vacationวันหยุด? (Laughterเสียงหัวเราะ)
253
670000
4000
คุณจะยังไปเที่ยวที่เดิมไหม (เสียงหัวเราะ)
11:29
And if you would chooseเลือก a differentต่าง vacationวันหยุด,
254
674000
5000
ถ้าคุณเลือกไปเที่ยวที่อื่น
11:34
there is a conflictขัดกัน betweenระหว่าง your two selvesตัว,
255
679000
2000
ก็จะเกิดความขัดแย้งระหว่างตัวตนทั้งสองมิติของคุณ
11:36
and you need to think about how to adjudicateตัดสิน that conflictขัดกัน,
256
681000
3000
และคุณก็ต้องคิดว่าจะแก้ปัญหาความขัดแย้งนี้ยังไง
11:39
and it's actuallyแท้จริง not at all obviousชัดเจน, because
257
684000
3000
ซึ่งไม่ใช่ตัดสินใจได้ง่ายๆ นะครับ
11:42
if you think in termsเงื่อนไข of time,
258
687000
3000
เพราะว่า ถ้าคุณคิดในแง่ของเวลา
11:45
then you get one answerตอบ,
259
690000
3000
คุณก็จะได้คำตอบหนึ่ง
11:48
and if you think in termsเงื่อนไข of memoriesความทรงจำ,
260
693000
3000
แต่ถ้าคิดในแง่ของความทรงจำ
11:51
you mightอาจ get anotherอื่น answerตอบ.
261
696000
2000
คุณก็อาจจะได้คำตอบที่ต่างออกไป
11:53
Why do we pickเลือก the vacationsวันหยุดพักผ่อน we do
262
698000
3000
ทำไมเราถึงเลือกไปเที่ยวที่ใดที่หนึ่ง
11:56
is a problemปัญหา that confrontsConfronts us
263
701000
3000
เป็นคำถามที่เราต้องเจอ
11:59
with a choiceทางเลือก betweenระหว่าง the two selvesตัว.
264
704000
2000
และต้องเลือกระหว่างตัวตนทั้งสองมิติของเรา
12:01
Now, the two selvesตัว
265
706000
3000
ตัวตนทั้งสองมิตินี้
12:04
bringนำมาซึ่ง up two notionsพัฒนาการ of happinessความสุข.
266
709000
2000
มองความสุขในสองความหมายที่ต่างกัน
12:06
There are really two conceptsแนวคิด of happinessความสุข
267
711000
2000
ความสุขก็เลยมีสองความหมาย
12:08
that we can applyใช้, one perต่อ selfตนเอง.
268
713000
3000
ซึ่งใช้กับตัวตนคนละมิติ
12:11
So you can askถาม: How happyมีความสุข is the experiencingประสบ selfตนเอง?
269
716000
5000
คุณอาจจะตั้งคำถามว่า: ตัวตนที่รับรู้ประสบการณ์มีความสุขแค่ไหน?
12:16
And then you would askถาม: How happyมีความสุข are the momentsช่วงเวลา
270
721000
2000
แล้วก็ถามว่า: แต่ละชั่วขณะในชีวิตของตัวตนที่รับประสบการณ์
12:18
in the experiencingประสบ self'sตนเอง life?
271
723000
3000
มีความสุขแค่ไหน?
12:21
And they're all -- happinessความสุข for momentsช่วงเวลา
272
726000
2000
ความสุขในแต่ละชั่วขณะนั้น
12:23
is a fairlyอย่างเป็นธรรม complicatedซับซ้อน processกระบวนการ.
273
728000
2000
เป็นกระบวนการที่ซับซ้อน
12:25
What are the emotionsอารมณ์ that can be measuredวัด?
274
730000
3000
มีอารมณ์ความรู้สึกอะไรบ้างล่ะครับ ที่เราสามารถวัดได้?
12:28
And, by the way, now we are capableสามารถ
275
733000
2000
แล้ว... อ้อ แต่ตอนนี้เราก็สามารถ
12:30
of gettingได้รับ a prettyน่ารัก good ideaความคิด
276
735000
2000
วัดความสุขของตัวตนที่รับประสบการณ์
12:32
of the happinessความสุข of the experiencingประสบ selfตนเอง over time.
277
737000
4000
ที่เปลี่ยนแปลงข้ามช่วงเวลาได้ดีพอสมควรแล้วนะครับ
12:38
If you askถาม for the happinessความสุข of the rememberingความทรงจำ selfตนเอง,
278
743000
3000
ทีนี้ ถ้าคุณถามถึงความสุขของตัวตนที่เก็บความทรงจำ
12:41
it's a completelyอย่างสมบูรณ์ differentต่าง thing.
279
746000
2000
มันจะต่างออกไปโดยสิ้นเชิงเลยนะ
12:43
This is not about how happilyเป็นสุข a personคน livesชีวิต.
280
748000
3000
มันไม่ใช่คำถามว่าคนใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแค่ไหน
12:46
It is about how satisfiedความพึงพอใจ or pleasedยินดี the personคน is
281
751000
3000
แต่เกี่ยวกับว่าคนมีความพึงพอใจแค่ไหน
12:49
when that personคน thinksคิดว่า about her life.
282
754000
4000
เมื่อเขาคิดถึงชีวิตของตัวเอง
12:53
Very differentต่าง notionความคิด.
283
758000
2000
ซึ่งต่างกันมากเลยนะครับ
12:55
Anyoneใคร ๆ who doesn't distinguishเห็นความแตกต่าง those notionsพัฒนาการ
284
760000
3000
ใครก็ตามที่ไม่แยกแยะสองความหมายนี้ออกจากกัน
12:58
is going to messความยุ่งเหยิง up the studyศึกษา of happinessความสุข,
285
763000
2000
ก็จะทำให้การศึกษาวิจัยความสุขมันมั่วไปหมด
13:00
and I belongเป็นของ to a crowdฝูงชน of studentsนักเรียน of well-beingความผาสุก,
286
765000
3000
ผมเองก็เป็นหนึ่งในนักศึกษาเรื่องสุขภาวะ (well-being)
13:03
who'veที่เคย been messingล้อเล่น up the studyศึกษา of happinessความสุข for a long time
287
768000
4000
ที่ทำให้การศึกษาวิจัยเรื่องความสุขวุ่นวายสับสนมานาน
13:07
in preciselyแม่นยำ this way.
288
772000
2000
มั่วแบบนี้เลยแหละ
13:09
The distinctionความแตกต่าง betweenระหว่าง the
289
774000
2000
ความแตกต่างระหว่าง
13:11
happinessความสุข of the experiencingประสบ selfตนเอง
290
776000
2000
ความสุขของตัวตนที่รับประสบการณ์
13:13
and the satisfactionความพอใจ of the rememberingความทรงจำ selfตนเอง
291
778000
3000
และความพึงพอใจของตัวตนที่เก็บความทรงจำ
13:16
has been recognizedได้รับการยอมรับ in recentเมื่อเร็ว ๆ นี้ yearsปี,
292
781000
2000
เพิ่งเป็นที่ตระหนักกันในหมู่นักวิจัยเมื่อไม่นานมานี้เอง
13:18
and there are now effortsความพยายาม to measureวัด the two separatelyแยกต่างหาก.
293
783000
3000
และตอนนี้ก็เริ่มมีความพยายามที่จะวัดความสุขสองมิตินี้แยกจากกันแล้ว
13:21
The Gallupแกลลัป Organizationองค์กร has a worldโลก pollโพลล์
294
786000
3000
องค์กรแกลลอปได้ทำการสำรวจทั่วโลก
13:24
where more than halfครึ่ง a millionล้าน people
295
789000
2000
กับกลุ่มตัวอย่างมากกว่าครึ่งล้านคน
13:26
have been askedถาม questionsคำถาม
296
791000
2000
ซึ่งตอบคำถามเกี่ยวกับว่า
13:28
about what they think of theirของพวกเขา life
297
793000
2000
เขาคิดยังไงกับชีวิต
13:30
and about theirของพวกเขา experiencesประสบการณ์,
298
795000
2000
และประสบการณ์ของตนเอง
13:32
and there have been other effortsความพยายาม alongตาม those linesเส้น.
299
797000
3000
และก็มีความพยายามในลักษณะเดียวกันนี้จากหน่วยงานอื่นๆ ด้วย
13:35
So in recentเมื่อเร็ว ๆ นี้ yearsปี, we have begunเริ่ม to learnเรียน
300
800000
3000
ดังนั้น เดี๋ยวนี้เราก็เลยเริ่มได้เรียนรู้
13:38
about the happinessความสุข of the two selvesตัว.
301
803000
3000
เกี่ยวกับความสุขของตัวตนสองมิตินี้
13:41
And the mainหลัก lessonบทเรียน I think that we have learnedได้เรียนรู้
302
806000
3000
และผมคิดว่าบทเรียนสำคัญที่เราได้เรียนรู้
13:44
is they are really differentต่าง.
303
809000
2000
ก็คือ มันแตกต่างกันจริงๆ
13:46
You can know how satisfiedความพึงพอใจ somebodyบางคน is with theirของพวกเขา life,
304
811000
5000
คุณอาจจะรู้ดีเลยว่าใครคนหนึ่งพึงพอใจกับชีวิตเขาไหม
13:51
and that really doesn't teachสอน you much
305
816000
2000
แต่มันจะไม่ได้บอกอะไรคุณมาก
13:53
about how happilyเป็นสุข they're livingการดำรงชีวิต theirของพวกเขา life,
306
818000
3000
ว่าเขามีความสุขมากแค่ไหน ขณะที่เขาใช้ชีวิต
13:56
and viceรอง versaในทางกลับกัน.
307
821000
2000
ในทางกลับกันก็เหมือนกัน
13:58
Just to give you a senseความรู้สึก of the correlationความสัมพันธ์,
308
823000
2000
ถ้าพูดในแง่ค่าสหสัมพันธ์
14:00
the correlationความสัมพันธ์ is about .5.
309
825000
2000
ค่าสหสัมพันธ์ก็อยู่ที่ประมาณ .5
14:02
What that meansวิธี is if you metพบ somebodyบางคน,
310
827000
3000
นั่นหมายความว่า ถ้าคุณพบใครคนหนึ่ง
14:05
and you were told, "Oh his fatherพ่อ is sixหก feetฟุต tallสูง,"
311
830000
4000
แล้วคุณทราบมาว่า พ่อของเขาสูงหกฟุต
14:09
how much would you know about his heightความสูง?
312
834000
2000
คุณจะทายความสูงของเขาได้แม่นยำแค่ไหน
14:11
Well, you would know something about his heightความสูง,
313
836000
2000
คือ คุณก็จะพอเดาความสูงของเขาได้นะ
14:13
but there's a lot of uncertaintyความไม่แน่นอน.
314
838000
2000
แต่มันมีความไม่แน่นอนอยู่เยอะมาก
14:15
You have that much uncertaintyความไม่แน่นอน.
315
840000
2000
คุณก็ต้องเจอความไม่แน่นอนแบบเดียวกันนี้แหละ
14:17
If I tell you that somebodyบางคน rankedการจัดอันดับ theirของพวกเขา life eightแปด on a scaleขนาด of tenสิบ,
316
842000
4000
ถ้าผมบอกคุณว่า มีใครคนหนึ่งให้คะแนนความสุขในชีวิตตัวเองแปดจากสิบ
14:21
you have a lot of uncertaintyความไม่แน่นอน
317
846000
2000
คุณก็ยังไม่สามารถแน่ใจได้
14:23
about how happyมีความสุข they are
318
848000
2000
ว่าเขามีความสุขแค่ไหน
14:25
with theirของพวกเขา experiencingประสบ selfตนเอง.
319
850000
2000
กับตัวตนที่รับประสบการณ์
14:27
So the correlationความสัมพันธ์ is lowต่ำ.
320
852000
2000
ค่าสหสัมพันธ์ก็เลยต่ำ
14:29
We know something about what controlsการควบคุม
321
854000
3000
เราพอจะรู้อยู่บ้าง ว่าอะไรที่กำหนด
14:32
satisfactionความพอใจ of the happinessความสุข selfตนเอง.
322
857000
2000
ความพึงพอใจของตัวตนที่มีความสุข
14:34
We know that moneyเงิน is very importantสำคัญ,
323
859000
2000
เรารู้ว่าเงินสำคัญมาก
14:36
goalsเป้าหมาย are very importantสำคัญ.
324
861000
2000
เป้าหมายในชีวิตก็สำคัญมาก
14:38
We know that happinessความสุข is mainlyส่วนใหญ่
325
863000
4000
เรารู้ว่าความสุขนั้น หลักๆ แล้ว
14:42
beingกำลัง satisfiedความพึงพอใจ with people that we like,
326
867000
3000
ก็คือการพึงพอใจกับผู้คนที่เราชอบ
14:45
spendingการใช้จ่าย time with people that we like.
327
870000
3000
ได้ใช้เวลากับคนที่เราชอบ
14:48
There are other pleasuresความสุข, but this is dominantเด่น.
328
873000
2000
อาจจะมีความพึงพอใจอย่างอื่นอีก แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องหลัก
14:50
So if you want to maximizeเพิ่ม the happinessความสุข of the two selvesตัว,
329
875000
3000
ดังนั้น ถ้าคุณต้องการเพิ่มความสุขของตัวตนสองมิตินี้
14:53
you are going to endปลาย up
330
878000
2000
สุดท้ายคุณต้อง
14:55
doing very differentต่าง things.
331
880000
2000
ทำสิ่งที่แตกต่างกันมาก
14:57
The bottomด้านล่าง lineเส้น of what I've said here
332
882000
2000
ข้อสรุปสุดท้ายของทั้งหมดที่ผมพูดมาก็คือ
14:59
is that we really should not think of happinessความสุข
333
884000
4000
เราไม่ควรคิดว่าความสุข
15:03
as a substituteแทน for well-beingความผาสุก.
334
888000
2000
คือสิ่งเดียวกับสุขภาวะ (well-being)
15:05
It is a completelyอย่างสมบูรณ์ differentต่าง notionความคิด.
335
890000
3000
มันเป็นสองอย่างที่แตกต่างกันมากเลย
15:08
Now, very quicklyอย่างรวดเร็ว,
336
893000
3000
ทีนี้ อย่างรวดเร็วนะครับ
15:11
anotherอื่น reasonเหตุผล we cannotไม่ได้ think straightตรง about happinessความสุข
337
896000
4000
เหตุผลอีกอย่างที่ทำให้เราไม่สามารถเข้าใจความสุขได้อย่างชัดเจน
15:15
is that we do not attendเข้าประชุม to the sameเหมือนกัน things
338
900000
7000
ก็เพราะเราไม่ได้มุ่งความสนใจไปที่สิ่งเดียวกัน
15:22
when we think about life, and we actuallyแท้จริง liveมีชีวิต.
339
907000
3000
ตอนที่เรามองชีวิต กับตอนที่เราใช้ชีวิตจริงๆ
15:25
So, if you askถาม the simpleง่าย questionคำถาม of how happyมีความสุข people are in Californiaแคลิฟอร์เนีย,
340
910000
5000
ดังนั้น ถ้าคุณถามคำถามง่ายๆ ว่าคนในแคลิฟอร์เนียมีความสุขแค่ไหน
15:30
you are not going to get to the correctแก้ไข answerตอบ.
341
915000
3000
คุณจะไม่ได้คำตอบที่แท้จริงหรอก
15:33
When you askถาม that questionคำถาม,
342
918000
2000
ตอนที่ถามคำถามนั้น
15:35
you think people mustต้อง be happierมีความสุขมาก in Californiaแคลิฟอร์เนีย
343
920000
2000
คุณย่อมคิดว่าคนที่อยู่ในแคลิฟอร์เนียต้องมีความสุขมากกว่า
15:37
if, say, you liveมีชีวิต in Ohioโอไฮโอ.
344
922000
2000
ถ้าตัวคุณเองอยู่รัฐอื่น เช่น โอไฮโอ
15:39
(Laughterเสียงหัวเราะ)
345
924000
2000
(เสียงหัวเราะ)
15:41
And what happensที่เกิดขึ้น is
346
926000
3000
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ
15:44
when you think about livingการดำรงชีวิต in Californiaแคลิฟอร์เนีย,
347
929000
4000
เวลาคุณคิดถึงการใช้ชีวิตในแคลิฟอร์เนีย
15:48
you are thinkingคิด of the contrastความแตกต่าง
348
933000
2000
คุณคิดถึงความแตกต่าง
15:50
betweenระหว่าง Californiaแคลิฟอร์เนีย and other placesสถานที่,
349
935000
3000
ระหว่างแคลิฟอร์เนียกับที่อื่น
15:53
and that contrastความแตกต่าง, say, is in climateภูมิอากาศ.
350
938000
2000
เช่น ความแตกต่างเรื่องอากาศ
15:55
Well, it turnsผลัดกัน out that climateภูมิอากาศ
351
940000
2000
แต่ปรากฏว่าสภาพอากาศ
15:57
is not very importantสำคัญ to the experiencingประสบ selfตนเอง
352
942000
3000
ไม่ได้สำคัญกับตัวตนที่รับประสบการณ์มากนัก
16:00
and it's not even very importantสำคัญ to the reflectiveอย่างไตร่ตรอง selfตนเอง
353
945000
3000
แล้วที่จริงก็ไม่ค่อยสำคัญกับตัวตนที่ทำหน้าที่คิด
16:03
that decidesตัดสินใจ how happyมีความสุข people are.
354
948000
3000
ซึ่งเป็นผู้ตัดสินว่าคนเรามีความสุขแค่ไหนด้วย
16:06
But now, because the reflectiveอย่างไตร่ตรอง selfตนเอง is in chargeค่าธรรมเนียม,
355
951000
4000
แต่ทีนี้ เพราะว่าตัวตนที่ทำหน้าที่คิดกำลังเป็นใหญ่อยู่ในขณะนั้น
16:10
you mayอาจ endปลาย up -- some people mayอาจ endปลาย up
356
955000
2000
คุณหรือคนบางคนอาจจะลงเอย
16:12
movingการเคลื่อนย้าย to Californiaแคลิฟอร์เนีย.
357
957000
2000
ด้วยการย้ายมาอยู่แคลิฟอร์เนีย
16:14
And it's sortประเภท of interestingน่าสนใจ to traceติดตาม what is going to happenเกิดขึ้น
358
959000
3000
ก็น่าติดตามดูนะครับ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
16:17
to people who moveย้าย to Californiaแคลิฟอร์เนีย in the hopeหวัง of gettingได้รับ happierมีความสุขมาก.
359
962000
3000
กับคนที่ย้ายมาอยู่แคลิฟอร์เนียเพราะหวังว่าจะมีความสุขมากขึ้น
16:20
Well, theirของพวกเขา experiencingประสบ selfตนเอง
360
965000
2000
คือ ตัวตนที่รับประสบการณ์น่ะ
16:22
is not going to get happierมีความสุขมาก.
361
967000
2000
มันจะไม่ได้มีความสุขมากขึ้นหรอกครับ
16:24
We know that.
362
969000
2000
เรารู้อยู่แล้ว
16:27
But one thing will happenเกิดขึ้น: They will think they are happierมีความสุขมาก,
363
972000
3000
แต่สิ่งหนึ่งที่จะเกิดขึ้นคือ คนพวกนี้จะคิดว่าเขามีความสุขมากขึ้น
16:30
because, when they think about it,
364
975000
4000
เพราะเวลาเขาคิดถึงชีวิตในแคลิฟอร์เนีย
16:34
they'llพวกเขาจะ be remindedเตือน of how horribleน่ากลัว the weatherสภาพอากาศ was in Ohioโอไฮโอ,
365
979000
4000
เขาก็จะนึกเปรียบเทียบว่าเมื่อก่อนเคยอยู่โอไฮโออากาศมันแย่ขนาดไหน
16:38
and they will feel they madeทำ the right decisionการตัดสิน.
366
983000
3000
แล้วเขาก็จะรู้สึกว่าตัดสินใจถูกแล้วที่ย้ายมา
16:41
It is very difficultยาก
367
986000
2000
มันยากจริงๆ นะครับ
16:43
to think straightตรง about well-beingความผาสุก,
368
988000
2000
ที่จะคิดเรื่องความอยู่ดีมีสุขโดยไม่สับสน
16:45
and I hopeหวัง I have givenรับ you a senseความรู้สึก
369
990000
3000
และผมคิดว่าผมแสดงให้คุณเห็นแล้ว
16:48
of how difficultยาก it is.
370
993000
2000
ว่ามันยากยังไง
16:50
Thank you.
371
995000
2000
ขอบคุณครับ
16:52
(Applauseการปรบมือ)
372
997000
3000
(เสียงปรบมือ)
16:55
Chrisคริส Andersonเดอร์สัน: Thank you. I've got a questionคำถาม for you.
373
1000000
3000
คริส แอนเดอร์สัน: ขอบคุณครับ ผมมีคำถามหน่อยครับ
16:59
Thank you so much.
374
1004000
2000
ขอบคุณมากครับ
17:01
Now, when we were on the phoneโทรศัพท์ a fewน้อย weeksสัปดาห์ที่ผ่านมา agoมาแล้ว,
375
1006000
4000
คือ ตอนที่เราคุยโทรศัพท์กันสองสามอาทิตย์ก่อน
17:05
you mentionedกล่าวถึง to me that there was quiteทีเดียว an interestingน่าสนใจ resultผล
376
1010000
3000
คุณเล่าให้ฟังว่ามีข้อมูลที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่ง
17:08
cameมา out of that Gallupแกลลัป surveyสำรวจ.
377
1013000
2000
จากการสำรวจของแกลลอปที่คุณพูดถึง
17:10
Is that something you can shareหุ้น
378
1015000
2000
ช่วยเล่าให้พวกเราฟังหน่อยได้ไหมครับ
17:12
sinceตั้งแต่ you do have a fewน้อย momentsช่วงเวลา left now?
379
1017000
2000
เพราะคุณยังมีเวลาเหลืออีกนิดหน่อย
17:14
Danielแดเนียล KahnemanKahneman: Sure.
380
1019000
2000
แดเนียล คานีแมน: ได้ครับ
17:16
I think the mostมากที่สุด interestingน่าสนใจ resultผล that we foundพบ in the Gallupแกลลัป surveyสำรวจ
381
1021000
3000
ผมว่าผลที่น่าสนใจที่สุดที่เราเจอในการสำรวจของแกลลอป
17:19
is a numberจำนวน, whichที่ we absolutelyอย่างแน่นอน did not expectคาดหวัง to find.
382
1024000
3000
คือตัวเลขตัวหนึ่ง ซึ่งเราไม่คาดคิดเลยว่าจะพบ
17:22
We foundพบ that with respectเคารพ to the happinessความสุข
383
1027000
2000
เราพบว่า เมื่อพูดถึงความสุข
17:24
of the experiencingประสบ selfตนเอง.
384
1029000
3000
ของตัวตนที่รับประสบการณ์
17:27
When we lookedมอง at how feelingsความรู้สึก,
385
1032000
5000
พอเราวิเคราะห์ว่าความรู้สึกเป็นสุข
17:32
varyแตกต่าง with incomeเงินได้.
386
1037000
2000
มันแปรผันไปกับรายได้หรือเปล่า
17:34
And it turnsผลัดกัน out that, belowด้านล่าง an incomeเงินได้
387
1039000
3000
ปรากฏว่า คนที่มีรายได้ต่ำกว่า
17:37
of 60,000 dollarsดอลลาร์ a yearปี, for Americansชาวอเมริกัน --
388
1042000
3000
หกหมื่นดอลลาร์ต่อปี สำหรับคนอเมริกัน
17:40
and that's a very largeใหญ่ sampleตัวอย่าง of Americansชาวอเมริกัน, like 600,000,
389
1045000
3000
ซึ่งเป็นกลุ่มตัวอย่างชาวอเมริกันขนาดใหญ่มาก ก็สักหกแสนคน
17:43
so it's a largeใหญ่ representativeตัวแทน sampleตัวอย่าง --
390
1048000
2000
แต่ก็ถือว่าเป็นตัวแทนที่ดีของประชากร
17:45
belowด้านล่าง an incomeเงินได้ of 600,000 dollarsดอลลาร์ a yearปี...
391
1050000
2000
เราพบว่า คนที่มีรายได้ต่ำกว่าหกแสนดอลลาร์ต่อปี
17:47
CACA: 60,000.
392
1052000
2000
คริส แอนเดอร์สัน: หกหมื่นครับ
17:49
DKDK: 60,000.
393
1054000
2000
แดเนียล คานีแมน: อ่า ใช่ หกหมื่น
17:51
(Laughterเสียงหัวเราะ)
394
1056000
2000
(เสียงหัวเราะ)
17:53
60,000 dollarsดอลลาร์ a yearปี, people are unhappyไม่มีความสุข,
395
1058000
4000
หกหมื่นดอลล่าร์ต่อปี คนพวกนี้ไม่มีความสุขครับ
17:57
and they get progressivelyอย่างก้าวหน้า unhappierunhappier the poorerด้อย they get.
396
1062000
3000
ยิ่งรายได้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่มีความสุขเท่านั้น
18:00
Aboveข้างบน that, we get an absolutelyอย่างแน่นอน flatแบน lineเส้น.
397
1065000
3000
แต่กับคนที่รายได้มากกว่านั้น เส้นความสัมพันธ์กับความสุขเป็นแนวราบเลย
18:03
I mean I've rarelyไม่ค่อยมี seenเห็น linesเส้น so flatแบน.
398
1068000
3000
ผมไม่เคยเห็นเส้นราบขนาดนี้มาก่อนเลยนะ
18:06
Clearlyเห็นได้ชัดว่า, what is happeningสิ่งที่เกิดขึ้น is
399
1071000
2000
ผลมันบอกชัดเจนเลยว่า
18:08
moneyเงิน does not buyซื้อ you experientialประสบการณ์ happinessความสุข,
400
1073000
3000
เงินไม่สามารถซื้อประสบการณ์ความสุขได้
18:11
but lackไม่มี of moneyเงิน certainlyอย่างแน่นอน buysซื้อ you miseryความทุกข์ยาก,
401
1076000
3000
แต่การไม่มีเงินทำให้เราทุกข์
18:14
and we can measureวัด that miseryความทุกข์ยาก
402
1079000
2000
แล้วเราก็สามารถวัดความทุกข์พวกนี้
18:16
very, very clearlyอย่างเห็นได้ชัด.
403
1081000
2000
ได้ชัดเจนมากๆ เลย
18:18
In termsเงื่อนไข of the other selfตนเอง, the rememberingความทรงจำ selfตนเอง,
404
1083000
3000
แต่พอเราพูดถึงตัวตนที่เก็บความทรงจำ
18:21
you get a differentต่าง storyเรื่องราว.
405
1086000
2000
ผลกลับกลายเป็นอีกเรื่องไปเลย
18:23
The more moneyเงิน you earnได้รับ, the more satisfiedความพึงพอใจ you are.
406
1088000
3000
ยิ่งคุณมีเงินมากเท่าไหร่ คุณจะพึงพอใจมากขึ้นเท่านั้น
18:26
That does not holdถือ for emotionsอารมณ์.
407
1091000
2000
แต่มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นในกรณีของอารมณ์ความรู้สึกในแต่ละขณะ
18:28
CACA: But Dannyแดนนี่, the wholeทั้งหมด Americanอเมริกัน endeavorพยายาม is about
408
1093000
3000
คริส: แต่แดนนี่ครับ ความมานะอุตสาหะของสังคมอเมริกันทั้งหมด
18:31
life, libertyเสรีภาพ, the pursuitการแสวงหา of happinessความสุข.
409
1096000
3000
ล้วนเป็นไปเพื่อชีวิต เสรีภาพ และการแสวงหาความสุข
18:34
If people tookเอา seriouslyอย่างจริงจัง that findingคำวินิจฉัย,
410
1099000
4000
ถ้าผู้คนเชื่อผลวิจัยนี้จริงๆ
18:38
I mean, it seemsดูเหมือนว่า to turnกลับ upsideกลับหัวกลับหาง down
411
1103000
3000
คือ มันดูเหมือนจะล้มล้าง
18:41
everything we believe about, like for exampleตัวอย่าง,
412
1106000
2000
ทุกอย่างที่เราเชื่อกันมา ตัวอย่างเช่น
18:43
taxationการเก็บภาษี policyนโยบาย and so forthออกมา.
413
1108000
2000
นโยบายภาษีและเรื่องอื่นๆ
18:45
Is there any chanceโอกาส that politiciansนักการเมือง, that the countryประเทศ generallyโดยทั่วไป,
414
1110000
3000
มันจะเป็นไปได้หรือครับ ที่นักการเมือง และประเทศสหรัฐอเมริกา
18:48
would take a findingคำวินิจฉัย like that seriouslyอย่างจริงจัง
415
1113000
3000
จะเชื่อในผลการวิจัยนี้
18:51
and runวิ่ง publicสาธารณะ policyนโยบาย basedซึ่งเป็นรากฐาน on it?
416
1116000
2000
และดำเนินนโยบายสาธารณะบนพี้นฐานของผลวิจัยนี้
18:53
DKDK: You know I think that there is recognitionได้รับการยอมรับ
417
1118000
2000
แดเนียล: ผมว่าตอนนี้คนตื่นตัวเรื่องนี้กันมากขึ้นนะ
18:55
of the roleบทบาท of happinessความสุข researchการวิจัย in publicสาธารณะ policyนโยบาย.
418
1120000
3000
เรื่องบทบาทของงานวิจัยความสุขในนโยบายสาธารณะเนี่ย
18:58
The recognitionได้รับการยอมรับ is going to be slowช้า in the Unitedปึกแผ่น Statesสหรัฐอเมริกา,
419
1123000
2000
ความตื่นตัวเรื่องนี้ในอเมริกาก็คงจะช้าล่ะครับ
19:00
no questionคำถาม about that,
420
1125000
2000
ไม่ต้องสงสัย
19:02
but in the U.K., it is happeningสิ่งที่เกิดขึ้น,
421
1127000
2000
แต่ในอังกฤษ มันเกิดขึ้นแล้ว
19:04
and in other countriesประเทศ it is happeningสิ่งที่เกิดขึ้น.
422
1129000
2000
ในประเทศอื่นก็เกิดขึ้นแล้วเช่นกัน
19:06
People are recognizingตระหนักถึง that they oughtควร
423
1131000
3000
ผู้คนกำลังตระหนักแล้วว่า
19:09
to be thinkingคิด of happinessความสุข
424
1134000
2000
เขาควรคิดถึงความสุขด้วย
19:11
when they think of publicสาธารณะ policyนโยบาย.
425
1136000
2000
เวลาคิดถึงนโยบายสาธารณะ
19:13
It's going to take a while,
426
1138000
2000
มันคงใช้เวลาสักพัก
19:15
and people are going to debateอภิปราย
427
1140000
3000
แล้วเราก็ต้องอภิปรายกันด้วย
19:18
whetherว่า they want to studyศึกษา experienceประสบการณ์ happinessความสุข,
428
1143000
2000
ว่าเราอยากศึกษาประสบการณ์ความสุข
19:20
or whetherว่า they want to studyศึกษา life evaluationการประเมินผล,
429
1145000
2000
หรือการประเมินความพึงพอใจในชีวิต
19:22
so we need to have that debateอภิปราย fairlyอย่างเป็นธรรม soonในไม่ช้า.
430
1147000
3000
เราคงต้องมาถกเรื่องนี้กันในไม่ช้า
19:25
How to enhanceเสริม happinessความสุข
431
1150000
2000
วิธีการเสริมสร้างความสุข
19:27
goesไป very differentต่าง waysวิธี dependingทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ on how you think,
432
1152000
3000
ก็ทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับว่าคุณมองมันอย่างไร
19:30
and whetherว่า you think of the rememberingความทรงจำ selfตนเอง
433
1155000
2000
และคุณคิดถึงตัวตนที่เก็บความทรงจำ
19:32
or you think of the experiencingประสบ selfตนเอง.
434
1157000
2000
หรือตัวตนที่รับประสบการณ์
19:34
This is going to influenceมีอิทธิพล policyนโยบาย, I think, in yearsปี to come.
435
1159000
3000
ผมเชื่อว่าเรื่องนี้จะมีอิทธิพลต่อนโยบายของประเทศในอนาคต
19:37
In the Unitedปึกแผ่น Statesสหรัฐอเมริกา, effortsความพยายาม are beingกำลัง madeทำ
436
1162000
3000
ในสหรัฐอเมริกาก็เริ่มมีความพยายาม
19:40
to measureวัด the experienceประสบการณ์ happinessความสุข of the populationประชากร.
437
1165000
3000
ที่จะวัดประสบการณ์ความสุขของประชากรแล้ว
19:43
This is going to be, I think, withinภายใน the nextต่อไป decadeทศวรรษ or two,
438
1168000
3000
ผมว่าอีกหนึ่งหรือสองทศวรรษข้างหน้า
19:46
partส่วนหนึ่ง of nationalแห่งชาติ statisticsสถิติ.
439
1171000
2000
จะต้องมีการเก็บข้อมูลความสุขเป็นสถิติแห่งชาติ
19:48
CACA: Well, it seemsดูเหมือนว่า to me that this issueปัญหา will -- or at leastน้อยที่สุด should be --
440
1173000
4000
คริส: ครับ ผมเชื่อว่าประเด็นเรื่องความสุขนี้จะเป็น หรืออย่างน้อยก็ควรจะเป็น
19:52
the mostมากที่สุด interestingน่าสนใจ policyนโยบาย discussionการสนทนา to trackลู่
441
1177000
2000
ประเด็นการอภิปรายทางนโยบายที่น่าสนใจที่สุด
19:54
over the nextต่อไป fewน้อย yearsปี.
442
1179000
2000
ที่เราต้องติดตามในอีกสองสามปีข้างหน้า
19:56
Thank you so much for inventingประดิษฐ์ behavioralเกี่ยวกับพฤติกรรม economicsเศรษฐศาสตร์.
443
1181000
2000
ขอบคุณมากครับ ที่สรรค์สร้างวิชาเศรษฐศาสตร์พฤติกรรมขึ้นมา
19:58
Thank you, Dannyแดนนี่ KahnemanKahneman.
444
1183000
2000
ขอบคุณครับ แดนนี่ คานีแมน

▲Back to top

ABOUT THE SPEAKER
Daniel Kahneman - Behavioral economics founder
Widely regarded as the world's most influential living psychologist, Daniel Kahneman won the Nobel in Economics for his pioneering work in behavioral economics -- exploring the irrational ways we make decisions about risk.

Why you should listen

Daniel Kahneman is an eminence grise for the Freakonomics crowd. In the mid-1970s, with his collaborator Amos Tversky, he was among the first academics to pick apart exactly why we make "wrong" decisions. In their 1979 paper on prospect theory, Kahneman and Tversky examined a simple problem of economic risk. And rather than stating the optimal, rational answer, as an economist of the time might have, they quantified how most real people, consistently, make a less-rational choice. Their work treated economics not as a perfect or self-correcting machine, but as a system prey to quirks of human perception. The field of behavioral economics was born.

Kahneman was awarded the Nobel Memorial prize in 2002 for his work with Tversky, who died before the award was bestowed. In a lovely passage in his Nobel biography, Kahneman looks back on his deep collaboration with Tversky and calls for a new form of academic cooperation, marked not by turf battles but by "adversarial collaboration," a good-faith effort by unlike minds to conduct joint research, critiquing each other in the service of an ideal of truth to which both can contribute.

More profile about the speaker
Daniel Kahneman | Speaker | TED.com