TEDGlobal 2010
Julian Treasure: Shh! Sound health in 8 steps
จูเลียน เทรเชอร์: ชู่! เสียงสุขภาพใน8ขั้นตอน
Filmed:
Readability: 3.5
1,675,552 views
จูเลียน เทรเชอร์กล่าวว่า โลกที่มีเสียงดังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆของเรากำลังค่อยๆทำลายสุขภาพทางจิตของเรา--แม้กระทั่งชีวิต จูเลียนเสนอแผน8ขั้นตอนเพื่อทำให้การจู่โจมของเสียงนี้เบาบางลง(เริ่มจากพวกหูฟังถูกๆ) และฟื้นฟูความสัมพันธ์ของเรากับเสียงใหม่อีกครั้ง
Julian Treasure - Sound consultant
Julian Treasure studies sound and advises businesses on how best to use it. Full bio
Julian Treasure studies sound and advises businesses on how best to use it. Full bio
Double-click the English transcript below to play the video.
00:16
The Hindus say, "Nada brahma,"
0
1000
2000
ชาวฮินดูกล่าวว่า "นาดา บราห์มา"
00:18
one translation of which is, "The world is sound."
1
3000
3000
หนึ่งในคำแปลก็คือ "โลกคือเสียง"
00:21
And in a way, that's true, because everything is vibrating.
2
6000
3000
และในบางครั้ง มันก็ใช่ เพราะทุกๆสิ่งกำลังสั่น
00:24
In fact, all of you as you sit here right now are vibrating.
3
9000
3000
ที่จริงแล้ว พวกคุณทุกคน ขณะนั่งอยู่ที่นี่ตอนนี้ก็กำลังสั่น
00:27
Every part of your body is vibrating at different frequencies.
4
12000
3000
ทุกส่วนในร่างกายของคุณก็กำลังสั่นที่ความถี่ต่างๆกัน
00:30
So you are, in fact, a chord --
5
15000
2000
ดังนั้นความจริงแล้ว คุณเป็นเส้นคอร์ด (cord)
00:32
each of you an individual chord.
6
17000
2000
แต่ละคนเป็นคอร์ดแต่ละเส้น
00:34
One definition of health may be
7
19000
2000
หนึ่งในคำจำกัดความของสุขภาพอาจจะเป็น
00:36
that that chord is in complete harmony.
8
21000
2000
ว่าคอร์ดเส้นนั้นอยู่ในความกลมกลืนอย่างสมบูรณ์
00:38
Your ears can't hear that chord;
9
23000
2000
หูของคุณจึงไม่สามารถได้ยินเสียงคอร์ดนั้น
00:40
they can actually hear amazing things. Your ears can hear 10 octaves.
10
25000
3000
จริงๆแล้วหูได้ยินสิ่งที่ทำให้แปลกใจได้หลายอย่าง หูของคุณได้ยินกว่า 10 ระดับ
00:43
Incidentally, we see just one octave.
11
28000
3000
อีกอย่างหนึ่ง เราเห็นแค่เพียงหนึ่งระดับ
00:46
Your ears are always on -- you have no ear lids.
12
31000
2000
หูคุณเปิดอยู่ตลอดเวลา ไม่มีหนังปิดเหมือนเปลือกตา
00:48
They work even when you sleep.
13
33000
2000
มันทำงานแม้แต่ตอนที่คุณหลับ
00:50
The smallest sound you can perceive
14
35000
2000
เสียงที่เบาที่สุดที่คุณได้รับ
00:52
moves your eardrum just four atomic diameters.
15
37000
3000
ทำให้เยื่อแก้วหูของคุณเคลื่อนไหวได้เพียงสี่อะตอมมิกไดอะมีเตอร์ (atomic diameter)
00:55
The loudest sound you can hear
16
40000
2000
เสียงดังที่สุดที่คุณสามารถได้ยิน
00:57
is a trillion times more powerful than that.
17
42000
2000
จะมีพลังมากกว่านั้นเป็นล้านล้านเท่า
00:59
Ears are made not for hearing,
18
44000
2000
หูนั้นไม่ได้สร้างมาเพื่อให้ได้ยิน
01:01
but for listening.
19
46000
2000
แต่ไว้สำหรับรับฟัง
01:03
Listening is an active skill,
20
48000
2000
การรับฟัง (listening)เป็นทักษะที่เคลื่อนไหว (active)
01:05
whereas hearing is passive, listening is something that we have to work at --
21
50000
3000
ในขณะที่การได้ยิน (hearing)อยู่กับที่ (passive)การรับฟังเป็นสิ่งที่เราต้องฝึกฝน--
01:08
it's a relationship with sound.
22
53000
2000
มันเป็นความสัมพันธ์กับเสียง
01:10
And yet it's a skill that none of us are taught.
23
55000
2000
แต่มันเป็นทักษะที่พวกเราไม่ได้ถูกสอนมา
01:12
For example, have you ever considered that there are listening positions,
24
57000
3000
ยกตัวอย่าง มีใครเคยคิดบ้างไหมว่ามันมีสถานะของการรับฟังต่างๆ
01:15
places you can listen from?
25
60000
2000
ตำแหน่งที่ๆคุณสามารถรับฟังได้
01:17
Here are two of them.
26
62000
2000
นี่เป็นสองตัวอย่าง
01:19
Reductive listening is listening "for."
27
64000
2000
การลดทอนการฟัง(reductive listening)คือการรับฟัง"เพื่อ(for)"
01:21
It reduces everything down to what's relevant
28
66000
3000
มันจะลดทอนทุกอย่างลงจนเหลือแต่สิ่งที่สำคัญ
01:24
and it discards everything that's not relevant.
29
69000
2000
และมันจะทิ้งทุกอย่างที่ไม่ตรงประเด็นออกไป
01:26
Men typically listen reductively.
30
71000
2000
ผู้ชายโดยทั่วไปรับฟังโดยวิธีนี้
01:28
So he's saying, "I've got this problem."
31
73000
2000
ดังนั้นเขาจะพูดว่า "ฉันมีปัญหานี้"
01:30
He's saying, "Here's your solution. Thanks very much. Next."
32
75000
2000
หรือพูดว่า "นี่คือทางแก้ปัญหาของคุณ ขอบคุณมาก ต่อไป"
01:32
That's the way we talk, right guys?
33
77000
2000
นั่นเป็นวิธีการพูดของพวกเรา จริงไหมครับคุณผู้ชายทั้งหลาย
01:34
Expansive listening, on the other hand,
34
79000
2000
ในทางกลับกัน การรับฟังแบบขยาย(expansive listening)นั้น
01:36
is listening "with," not listening "for."
35
81000
2000
คือการรับฟัง "กับ(with)" ไม่ได้รับฟัง "เพื่อ(for)"
01:38
It's got no destination in mind --
36
83000
2000
มันไม่มีเป้าหมายในสมอง
01:40
it's just enjoying the journey.
37
85000
2000
มันแค่สนุกกับการเดินทาง
01:42
Women typically listen expansively.
38
87000
2000
ผู้หญิงส่วนใหญ่แล้วรับฟังแบบขยาย
01:44
If you look at these two, eye contact, facing each other,
39
89000
2000
ถ้าคุณมองที่สองอย่างนี้, การสบตา หันหน้าเข้าหากัน
01:46
possibly both talking at the same time.
40
91000
2000
เป็นไปได้ที่ทั้งสองคนนี้ พูดในเวลาเดียวกัน
01:48
(Laughter)
41
93000
3000
(เสียงหัวเราะ)
01:51
Men, if you get nothing else out of this talk,
42
96000
2000
คุณผู้ชายครับ ถ้าคุณไม่ได้อะไรจากการบรรยายนี้
01:53
practice expansive listening,
43
98000
2000
ฝึกการรับฟังแบบขยาย
01:55
and you can transform your relationships.
44
100000
2000
และคุณจะสามารถเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ของคุณได้
01:57
The trouble with listening is that so much of what we hear
45
102000
3000
ปัญหาของการรับฟังคือ สิ่งที่เราได้ยินมากมายนั้น
02:00
is noise, surrounding us all the time.
46
105000
3000
คือเสียงดังรบกวน ที่ล้อมรอบเราตลอดเวลา
02:03
Noise like this, according to the European Union,
47
108000
3000
เสียงรบกวนเช่นนี้ สหภาพยุโรป(European Union)กล่าวว่า
02:06
is reducing the health and the quality of life
48
111000
2000
เป็นการบั่นทอนสุขภาพและคุณภาพชีวิต
02:08
of 25 percent
49
113000
2000
ลงถึง25เปอร์เซ็น
02:10
of the population of Europe.
50
115000
2000
ของประชากรยุโรป
02:12
Two percent of the population of Europe --
51
117000
2000
2เปอร์เซ็นของประชากรยุโรป
02:14
that's 16 million people --
52
119000
2000
ก็ประมาณ16ล้านคน
02:16
are having their sleep devastated
53
121000
2000
มีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับ
02:18
by noise like that.
54
123000
2000
จากเสียงรบกวนแบบนี้
02:20
Noise kills
55
125000
2000
เสียงรบกวนฆ่าคน
02:22
200,000 people a year in Europe.
56
127000
2000
200,000ต่อปีในยุโรป
02:24
It's a really big problem.
57
129000
2000
นี่เป็นปัญหาใหญ่จริงๆ
02:26
Now, when you were little, if you had noise and you didn't want to hear it,
58
131000
2000
เมื่อคุณยังเล็ก ถ้าคุณได้ยินเสียงดังรบกวน และคุณไม่อยากได้ยินมัน
02:28
you'd stick your fingers in your ears and hum.
59
133000
2000
คุณอาจเอานิ้วอุดหูสองข้างไว้แล้วก็ฮัมเพลง
02:30
These days, you can do a similar thing, it just looks a bit cooler.
60
135000
3000
ทุกวันนี้ คุณทำอย่างนั้นได้ แค่มันเจ๋งกว่า
02:33
It looks a bit like this.
61
138000
2000
เหมือนกับแบบนี้
02:35
The trouble with widespread headphone use
62
140000
2000
ปัญหาของการใช้หูฟังอย่างแพร่หลาย
02:37
is it brings three really big health issues.
63
142000
3000
คือมันนำปัญหาสุขภาพต่างๆที่ใหญ่จริงๆสามประการ
02:40
The first really big health issue is a word that Murray Schafer coined:
64
145000
3000
ปัญหาสุขภาพที่ใหญ่มากๆอันดับแรกคือ คำที่เมอร์เร่ย์ ชาเฟอร์ตั้งขึ้น:
02:43
"schizophonia."
65
148000
2000
"สคิโซโฟเนีย"
02:45
It's a dislocation
66
150000
2000
คือการแยกจากกัน
02:47
between what you see and what you hear.
67
152000
2000
ระหว่างสิ่งที่คุณเห็นกับสิ่งที่คุณได้ยิน
02:49
So, we're inviting into our lives
68
154000
2000
ดังนั้นเราจึงนำเข้าสู่ชีวิตของเรา
02:51
the voices of people who are not present with us.
69
156000
3000
เสียงต่างๆของคนที่ไม่ได้อยู่ณ ที่นั้นกับเรา
02:54
I think there's something deeply unhealthy
70
159000
2000
ผมคิดว่า มีบางอย่างที่ไม่ดีต่อสุขภาพอย่างลํ้าลึก
02:56
about living all the time in schizophonia.
71
161000
2000
เกี่ยวกับการมีชีวิตอยู่กับ "สคิโซโฟเนีย"ตลอดเวลา
02:58
The second problem that comes with headphone abuse
72
163000
2000
ปัญหาอย่างที่สองที่มากับโทษของหูฟัง
03:00
is compression.
73
165000
2000
คือการบีบ
03:02
We squash music to fit it into our pocket
74
167000
2000
เราบีบเสียงดนตรีให้เข้าไปอยู่ได้ในกระเป๋า
03:04
and there is a cost attached to this.
75
169000
2000
แต่มันมีค่าเสียหายติดไปด้วย
03:06
Listen to this -- this is an uncompressed piece of music.
76
171000
3000
ฟังสิ่งนี้-- นี่เป็นตอนหนึ่งของเสียงดนตรีที่ยังไม่ได้ถูกบีบ
03:09
(Music)
77
174000
3000
(เสียงดนตรี)
03:15
And now the same piece of music with 98 percent of the data removed.
78
180000
3000
และนี่เสียงเพลงเดียวกันที่ 98เปอร์เซ็นของข้อมูลได้ถูกเอาออกไป
03:18
(Music)
79
183000
4000
(เสียงดนตรี)
03:22
I do hope that some of you at least
80
187000
2000
ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าอย่างน้อยคุณบางคน
03:24
can hear the difference between those two.
81
189000
2000
สามารถฟังความแตกต่างระหว่างสองเสียงนี้ออก
03:26
There is a cost of compression.
82
191000
2000
มีความเสียหายจากการบีบ
03:28
It makes you tired and irritable to have to make up all of that data.
83
193000
2000
มันทำให้คุณเหนื่อยและฉุนเฉียวที่ต้องทำความเข้าใจข้อมูลทั้งหมด
03:30
You're having to imagine it.
84
195000
2000
คุณต้องพยายามคิดสรุปข้อมูลเอง
03:32
It's not good for you in the long run.
85
197000
2000
ในระยะยาวแล้วมันไม่ดีสำหรับคุณเลย
03:34
The third problem with headphones is this: deafness --
86
199000
3000
ปัญหาอย่างที่สามสำหรับหูฟังคือ: หูหนวก
03:37
noise-induced hearing disorder.
87
202000
2000
ความผิดปกติจากได้ยินที่ลดลง
03:39
Ten million Americans already have this for one reason or another,
88
204000
3000
ชาวอเมริกากว่า10ล้านคนเจอกับปัญหานี้แล้ว ด้วยเหตุผลอย่างใดอย่างหนึ่ง
03:42
but really worryingly,
89
207000
2000
แต่ที่น่าเป็นห่วงจริงๆ
03:44
16 percent --
90
209000
2000
16เปอร์เซ็น
03:46
roughly one in six -- of American teenagers
91
211000
2000
ประมาณหนึ่งในหกของเด็กวัยรุ่นอเมริกัน
03:48
suffer from noise-induced hearing disorder
92
213000
2000
ทนทุกข์จากการได้ยินที่ลดลง
03:50
as a result of headphone abuse.
93
215000
3000
ผลจากการใช้หูฟังมากเกินไป
03:53
One study at an American university
94
218000
2000
งานวิจัยหนึ่งที่มหาวิทยาลัยอเมริกันแห่งหนึ่ง
03:55
found that 61 percent of college freshmen
95
220000
3000
พบว่า 61 เปอร์เซ็นของนักศึกษาปีหนึ่ง
03:58
had damaged hearing
96
223000
2000
การได้ยินถูกทำลายไป
04:00
as a result of headphone abuse.
97
225000
2000
จากการใช้หูฟังมากเกินไป
04:02
We may be raising an entire generation of deaf people.
98
227000
3000
เราอาจจะกำลังสร้างคนรุ่นใหม่ทั้งรุ่นที่เป็นคนหูหนวก
04:05
Now that's a really serious problem.
99
230000
2000
นี่เป็นปัญหาที่รุนแรงอย่างยิ่งในปัจจุบัน
04:07
I'll give you three quick tips to protect your ears
100
232000
2000
ผมจะให้ข้อแนะนำสั้นๆ3ข้อเพื่อป้องกันหูของคุณ
04:09
and pass these on to your children, please.
101
234000
2000
และช่วยบอกต่อลูกๆคุณด้วยนะครับ
04:11
Professional hearing protectors are great;
102
236000
2000
เครื่องป้องกันการได้ยินแบบโปรซึ่งเยี่ยมมาก
04:13
I use some all the time.
103
238000
2000
ผมใช้ของพวกนี้ตลอดเวลา
04:15
If you're going to use headphones, buy the best ones you can afford
104
240000
3000
ถ้าคุณจะใช้หูฟัง ซื้ออันที่ดีที่สุดเท่าที่คุณจะพอซื้อได้
04:18
because quality means you don't have to have it so loud.
105
243000
2000
เพราะคุณภาพหมายถึงคุณไม่ต้องให้มันดังมากเกิน
04:20
If you can't hear somebody talking to you in a loud voice,
106
245000
2000
ถ้าคุณไม่ได้ยินคนที่พูดกับคุณด้วยเสียงอันดัง
04:22
it's too loud.
107
247000
2000
นั่นแหละดังเกินไป
04:24
And thirdly, if you're in bad sound,
108
249000
2000
ข้อสาม ถ้าคุณอยู่ท่ามกลางเสียงที่แย่ๆ
04:26
it's fine to put your fingers in your ears or just move away from it.
109
251000
2000
ดีแล้วที่จะเอานิ้วอุดหูหรือแค่ออกไปให้ไกลจากเสียงนั้น
04:28
Protect your ears in that way.
110
253000
2000
ปกป้องหูคุณด้วยวิธีนี้
04:30
Let's move away from bad sound and look at some friends that I urge you to seek out.
111
255000
3000
จงออกห่างจากเสียงที่แย่ๆและมองไปที่ผู้ช่วยเหลือที่ผมเร่งให้คุณรีบมองหา
04:33
WWB:
112
258000
2000
WWB
04:35
Wind, water, birds --
113
260000
3000
ลม น้ำ นก--
04:38
stochastic natural sounds
114
263000
2000
เสียงตามธรรมชาติที่สุ่มเกิดได้หลายแบบ
04:40
composed of lots of individual random events,
115
265000
2000
ประกอบด้วยแต่ละเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เองมากมาย
04:43
all of it very healthy,
116
268000
2000
ทั้งหมดดีต่อสุขภาพอย่างมาก
04:45
all of it sound that we evolved to over the years.
117
270000
2000
ทั้งหมดเป็นเสียงที่เราค่อยๆพัฒนามานานนับปี
04:47
Seek those sounds out; they're good for you and so it this.
118
272000
3000
เสาะหาเสียงเหล่านั้นดูครับ มันดีสำหรับคุณ เหมือนกับเสียงนี้
04:53
Silence is beautiful.
119
278000
2000
ความเงียบที่งดงาม
04:55
The Elizabethans described language
120
280000
2000
นักเขียนอังกฤษในสมัยพระราชินีอะลิซาเบ็ธที่1
04:57
as decorated silence.
121
282000
2000
ได้อธิบายภาษาไว้ว่า เป็นความเงียบที่ตกแต่ง
04:59
I urge you to move away from silence with intention
122
284000
3000
ผมเร่งให้คุณออกห่างจากความเงียบด้วยความตั้งใจ
05:02
and to design soundscapes just like works of art.
123
287000
3000
และออกแบบโสตทัศน์(soundscape)เช่นเดียวกับงานด้านศิลป
05:05
Have a foreground, a background, all in beautiful proportion.
124
290000
3000
ให้มีทั้งเสียงที่โดดเด่น เสียงที่เป็นพื้น ทั้งหมดในสัดส่วนที่สวยงาม
05:08
It's fun to get into designing with sound.
125
293000
2000
เป็นเรื่องสนุกในการออกแบบเสียง
05:10
If you can't do it yourself, get a professional to do it for you.
126
295000
3000
ถ้าคุณไม่สามารถทำด้วยตัวเองได้ ก็ให้มืออาชีพทำให้คุณ
05:13
Sound design is the future,
127
298000
2000
การออกแบบเสียงเป็นเรื่องของอนาคต
05:15
and I think it's the way we're going to change the way the world sounds.
128
300000
3000
ผมคิดว่าเป็นหนทางที่เราจะเปลี่ยนการได้ยินเสียงต่างๆในโลก
05:18
I'm going to just run quickly through eight modalities,
129
303000
2000
ผมขอเสนออย่างรวดเร็วแปดวิธี
05:20
eight ways sound can improve health.
130
305000
3000
เสียงแปดอย่าง จะช่วยให้สุขภาพดีขึ้้นได้
05:23
First, ultrasound: we're very familiar with it from physical therapy;
131
308000
3000
เสียงแรก อัลตราซาว:เราคุ้นกับมันจากการรักษาพยาบาล
05:26
it's also now being used to treat cancer.
132
311000
2000
ตอนนี้มันยังใช้สำหรับรักษาโรคมะเร็งด้วย
05:28
Lithotripsy -- saving thousands of people a year from the scalpel
133
313000
3000
การสลายนิ่ว--ช่วยคนเป็นพันๆคนต่อปีให้รอดพ้นจากใบมีดหมอ
05:31
by pulverizing stones with high-intensity sound.
134
316000
3000
ด้วยการบดสลายหินปูนด้วยเสียงที่มีความถี่สูง
05:34
Sound healing is a wonderful modality.
135
319000
2000
การบำบัดด้วยเสียงเป็นวิธีการที่ดีเยี่ยม
05:36
It's been around for thousands of years.
136
321000
2000
มีมานานนับเป็นพันๆปีแล้ว
05:38
I do urge you to explore this.
137
323000
2000
ผมขอเชิญคุณรีบมาสำรวจกัน
05:40
There are great things being done there, treating now autism,
138
325000
2000
มีสิ่งดีเลิศต่างๆถูกทำขึ้น การรักษาโรคออทิสติก
05:42
dementia and other conditions.
139
327000
2000
โรคจิตเสื่อม และสภาวะอื่นๆ
05:44
And music, of course. Just listening to music is good for you,
140
329000
3000
และดนตรี แน่นอน แค่ฟังเพลงก็ดีสำหรับตัวคุณแล้ว
05:47
if it's music that's made with good intention,
141
332000
2000
ถ้าเป็นเพลงที่แต่งขึ้นด้วยความตั้งใจที่ดี
05:49
made with love, generally.
142
334000
2000
ด้วยความรัก โดยทั่วไป
05:51
Devotional music, good -- Mozart, good.
143
336000
2000
เพลงสวด, ดี--โมสาส,ดี
05:53
There are all sorts of types of music
144
338000
2000
ทุกชนิดของดนตรีประเภทต่างๆ
05:55
that are very healthy.
145
340000
2000
ดีต่อสุขภาพมาก
05:57
And four modalities where you need to take some action
146
342000
2000
และ4วิธีที่คุณจำต้องปฏิบัติ
05:59
and get involved.
147
344000
2000
และเข้าร่วมคือ
06:01
First of all, listen consciously.
148
346000
2000
อันดับแรก ฟังอย่างมีสติ
06:03
I hope that that after this talk you'll be doing that.
149
348000
2000
ผมหวังว่าหลังการบรรยายนี้คุณจะทำตาม
06:05
It's a whole new dimension to your life and it's wonderful to have that dimension.
150
350000
3000
เป็นมิติใหม่ทั้งหมดของชีวิตคุณ และเป็นความมหัศจรรย์ที่ได้มีมิตินั้น
06:08
Secondly, get in touch with making some sound --
151
353000
3000
อย่างที่สอง เข้าไปสัมพันธ์กับการสร้างเสียง--
06:11
create sound.
152
356000
2000
สร้างเสียงขึ้นมา
06:13
The voice is the instrument we all play,
153
358000
2000
เสียงที่เปล่งออกมาเป็นเครื่องดนตรีที่พวกเราทุกคนเล่นกัน
06:15
and yet how many of us are trained in using our voice? Get trained;
154
360000
3000
แต่มีพวกเรากี่คนที่ได้รับการฝึกการใช้เสียง ฝึกเสียสิครับ
06:18
learn to sing, learn to play an instrument.
155
363000
2000
เรียนร้องเพลง เรียนที่จะเล่นดนครี
06:20
Musicians have bigger brains -- it's true.
156
365000
3000
นักดนตรีมีสมองที่ใหญ่กว่า นั่นเรื่องจริงครับ
06:23
You can do this in groups as well.
157
368000
2000
คุณสามารถฝึกเป็นกลุ่มก็ได้
06:25
It's a fantastic antidote to schizophonia;
158
370000
2000
มันเป็นยาแก้อาการสกิโซโฟเนียที่เยี่ยมมากครับ
06:27
to make music and sound in a group of people,
159
372000
2000
ที่จะเล่นดนตรีหรือเสียงเป็นกลุ่ม
06:29
whichever style you enjoy particularly.
160
374000
3000
จะเป็นสไตล์ไหนก็ได้ที่คุณชอบเป็นพิเศษ
06:32
And let's take a stewarding role for the sound around us.
161
377000
2000
มารับบทเป็นผู้จัดการกับเสียงรอบๆตัวเรากันเถอะครับ
06:34
Protect your ears? Yes, absolutely.
162
379000
2000
เพื่อปกป้องหูของเรานะหรือ ใช่ แน่นอนครับ
06:36
Design soundscapes to be beautiful around you
163
381000
2000
ออกแบบโสตทัศน์รอบๆคุณให้สวยงาม
06:38
at home and at work.
164
383000
2000
ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน
06:40
And let's start to speak up
165
385000
2000
เรามาเริ่มพูดให้ดังขึ้น
06:42
when people are assailing us
166
387000
2000
เมื่อมีคนเข้ามาโจมตีเรา
06:44
with the noise that I played you early on.
167
389000
2000
ด้วยเสียงรบกวนที่ผมให้คุณฟังเมื่อตอนต้น
06:46
So I'm going to leave you with seven things you can do right now
168
391000
3000
ผมจะทิ้งท้ายด้วย7อย่างที่คุณสามารถทำได้ทันที
06:49
to improve your health with sound.
169
394000
2000
เพื่อให้สุขภาพคุณดีขึ้นด้วยเสียง
06:51
My vision is of a world that sounds beautiful
170
396000
3000
วิสัยทัศน์ของผมคือ โลกที่มีเสียงที่ไพเราะ
06:54
and if we all start doing these things,
171
399000
2000
และถ้าพวกเราทั้งหมดเริ่มทำสิ่งเหล่านั้น
06:56
we will take a very big step in that direction.
172
401000
2000
เราก็จะก้าวไปได้ไกลในทิศทางนั้น
06:58
So I urge you to take that path.
173
403000
3000
ดังนั้นผมขอเร่งให้ท่านไปตามทางนั้น
07:01
I'm leaving you with a little more birdsong, which is very good for you.
174
406000
2000
ผมขอทิ้งท้ายด้วยเสียงนกร้องอีกนิด ที่ดีมากกับคุณครับ
07:03
I wish you sound health.
175
408000
2000
ผมขอให้คุณมีสุขภาพเสียงที่ดีครับ
07:05
(Applause)
176
410000
3000
(เสียงปรบมือ)
ABOUT THE SPEAKER
Julian Treasure - Sound consultantJulian Treasure studies sound and advises businesses on how best to use it.
Why you should listen
Julian Treasure is the chair of the Sound Agency, a firm that advises worldwide businesses -- offices, retailers, airports -- on how to design sound in their physical spaces and communication. He asks us to pay attention to the sounds that surround us. How do they make us feel: productive, stressed, energized, acquisitive?
Treasure is the author of the book Sound Business, a manual for effective sound use in every aspect of business. His most recent book, How to be Heard: Secrets for Powerful Speaking and Listening, based on his TED Talk, offers practical exercises to improve communication skills and an inspiring vision for a sonorous world of effective speaking, conscious listening and understanding. He speaks globally on this topic.
Julian Treasure | Speaker | TED.com