TEDGlobal 2011
Robin Ince: Science versus wonder?
โรบิน อินช์ (Robin Ince): วิทยาศาสตร์ กับ ความพิศวง
Filmed:
Readability: 3.3
807,015 views
วิทยาศาสตร์ทำลายความอัศจรรย์แห่งชีวิตไปหรือไม่ ในการพูดคนเดียวที่ออกจะดูไม่สบอารมณ์แต่ก็เต็มไปด้วยเสน่ห์นี้ โรบิน อินช์ได้กล่าวโต้แย้งว่า ยิ่งเราเรียนรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมอันน่าตื่นตาตื่นใจของเอกภพมากขึ้นเท่าใด เรายิ่งจะตื่นตะลึงมากขึ้นเท่านั้น
Double-click the English transcript below to play the video.
00:15
I'd like to apologize, first of all, to all of you
0
0
3000
ก่อนอื่นผมขออภัยทุกท่านก่อนนะครับ
00:18
because I have no form
1
3000
2000
เพราะว่าผมไม่มีรูปแบบ
00:20
of PowerPoint presentation.
2
5000
3000
ของการนำเสนอโดยใช้เพาเวอร์พ้อย
00:23
So what I'm going to do
3
8000
2000
ฉะนั้น สิ่งที่ผมจะทำก็คือ
00:25
is, every now and again, I will make this gesture,
4
10000
2000
ผมจะแสดงท่าทางเป็นบางครั้งบางคราว
00:27
and in a moment of PowerPoint democracy,
5
12000
2000
และด้วยแรงขับเคลื่อน
แห่งแนวร่วมประชาธิปไตยเพาเวอร์พ้อย
แห่งแนวร่วมประชาธิปไตยเพาเวอร์พ้อย
00:29
you can imagine what you'd like to see.
6
14000
4000
คุณก็จะสามารถจินตนาการ
ถึงสิ่งที่คุณอยากจะเห็นได้
ถึงสิ่งที่คุณอยากจะเห็นได้
00:33
I do a radio show.
7
18000
2000
ผมทำรายการวิทยุ
00:35
The radio show is called "The Infinite Monkey Cage."
8
20000
3000
ที่มีชื่อว่า "The Infinite Monkey Cage.
(กรงลิงที่ไม่มีขอบเขต)"
(กรงลิงที่ไม่มีขอบเขต)"
00:38
It's about science, it's about rationalism.
9
23000
3000
มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์
มันเกี่ยวกับเหตุผลนิยม (rationalism)
มันเกี่ยวกับเหตุผลนิยม (rationalism)
00:41
So therefore, we get a lot of complaints
10
26000
2000
ดังนั้น พวกเราจึงได้รับการต่อว่ามากมาย
00:43
every single week --
11
28000
2000
ทุกรายสัปดาห์
00:45
complaints including one we get very often,
12
30000
3000
รวมไปถึง คำติหนึ่งที่เราได้รับอยู่บ่อยๆ
00:48
which is to say the very title, "Infinite Monkey Cage,"
13
33000
3000
ซึ่งก็คือ ชื่อรายการ "กรงลิงที่ไม่มีขอบเขต" นั้น
00:51
celebrates the idea of vivisection.
14
36000
3000
ยกย่องแนวคิดการชำแหละสัตว์
00:54
We have made it quite clear to these people
15
39000
2000
เราทำให้คนเหล่านี้เห็นค่อนข้างชัดเจนว่า
00:56
that an infinite monkey cage is roomy.
16
41000
3000
กรงลิงที่ไม่มีขอบเขตนั้น มีพื้นที่ว่างมาก
00:59
(Laughter)
17
44000
2000
(เสียงหัวเราะ)
01:01
We also had someone else who said,
18
46000
2000
พวกเรายังมีคนอื่นอีกที่พูดว่า
01:03
"'The Infinite Monkey Cage' idea is ridiculous.
19
48000
2000
"ความคิดนี้มันช่างตลกขบขันสิ้นดี
01:05
An infinite number of monkeys
20
50000
2000
ลิงจำนวนมากมายจนนับไม่ได้
01:07
could never write the works of Shakespeare.
21
52000
2000
ไม่สามารถที่จะประพันธ์งานของเชคสเปียร์ได้หรอก
01:09
We know this because they did an experiment."
22
54000
3000
พวกเรารู้เรื่องนี้ก็เพราะว่าเขาได้ทำการทดลองแล้ว"
01:12
Yes, they gave 12 monkeys a typewriter for a week,
23
57000
4000
ใช่ เขาเอาพิมพ์ดีด 1 เครื่องไปให้ลิง 12 ตัว
นานหนึ่งสัปดาห์
นานหนึ่งสัปดาห์
01:16
and after a week, they only used it as a bathroom.
24
61000
3000
และหลังจากสัปดาห์นึงผ่านไป
พวกมันเป็นกระโถนอย่างเดียวเลย
พวกมันเป็นกระโถนอย่างเดียวเลย
01:19
(Laughter)
25
64000
2000
(เสียงหัวเราะ)
01:21
So the main element though, the main complaint we get --
26
66000
2000
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญ
คำติสำคัญที่เราได้รับ
คำติสำคัญที่เราได้รับ
01:23
and one that I find most worrying --
27
68000
2000
และเป็นข้อตำหนิที่ผมพบว่าน่าวิตกที่สุด
01:25
is that people say, "Oh, why do you insist
28
70000
3000
คือที่คนเหล่านั้นพูดว่า "โอ้ย ทำไมคุณจึงยืนกราน
01:28
on ruining the magic?
29
73000
2000
จะทำลายความฝันความอัศจรรย์นัก
01:30
You bring in science, and it ruins the magic."
30
75000
2000
คุณนำวิทยาศาสตร์เข้ามา
และมันทำลายอำนาจวิเศษนั้นไปเสีย"
และมันทำลายอำนาจวิเศษนั้นไปเสีย"
01:32
Now I'm an arts graduate;
31
77000
2000
เอาล่ะ ผมเป็นบัณฑิตสายศิลป์
01:34
I love myth and magic
32
79000
2000
ผมชอบตำนานและอำนาจวิเศษ
01:36
and existentialism and self-loathing.
33
81000
2000
และอัตถิภาวนิยม (existentialism)
และความชิงชังในตัวเอง
และความชิงชังในตัวเอง
01:38
That's what I do.
34
83000
2000
นั่นคือสิ่งที่ผมทำ
01:40
But I also don't understand
35
85000
2000
แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจอีกด้วย
01:42
how it does ruin the magic.
36
87000
2000
ว่ามันทำลายอำนาจวิเศษได้อย่างไร
01:44
All of the magic, I think,
37
89000
2000
ผมคิดนะ อำนาจวิเศษทั้งหลายแหล่นั่น
01:46
that may well be taken away by science
38
91000
2000
ที่อาจจะถูกลบหายไปด้วยวิทยาศาสตร์
01:48
is then replaced by something as wonderful.
39
93000
2000
ได้ถูกแทนที่ด้วยบางสิ่งที่อัศจรรย์พอๆกัน
01:50
Astrology, for instance:
40
95000
2000
ดังเช่น โหราศาสตร์
01:52
like many rationalists, I'm a Pisces.
41
97000
3000
ก็เหมือนกับนักเหตุผลนิยมอีกหลายคน
ผมเกิดราศีมีนครับ
ผมเกิดราศีมีนครับ
01:55
(Laughter)
42
100000
3000
(เสียงหัวเราะ)
01:58
Now astrology --
43
103000
2000
เอาล่ะ โหราศาสตร์
02:00
we remove the banal idea
44
105000
2000
เราขจัดความคิดที่มีอยู่ดาษดื่นนั้น
02:02
that your life could be predicted;
45
107000
2000
ที่ว่าชีวิตของคุณสามารถทำนายได้
02:04
that you'll, perhaps today, meet a lucky man
46
109000
2000
ที่ว่าบางทีในวันนี้ คุณจะได้พบกับชายผู้โชคดี
02:06
who's wearing a hat.
47
111000
2000
ที่สวมหมวก
02:08
That is gone.
48
113000
2000
นั่นมันไม่มีแล้วครับ
02:10
But if we want to look at the sky and see predictions, we still can.
49
115000
3000
แต่ถ้าคุณต้องการจะดูท้องฟ้า
และมองเห็นคำพยากรณ์ คุณก็ยังคงทำได้
และมองเห็นคำพยากรณ์ คุณก็ยังคงทำได้
02:13
We can see predictions of galaxies forming,
50
118000
3000
เราสามารถเห็นการคาดการ
เรื่องการเกิดดาราจักร (galaxy)
เรื่องการเกิดดาราจักร (galaxy)
02:16
of galaxies colliding into each other, of new solar systems.
51
121000
3000
เรื่องการที่ดาราจักรพุ่งชนกัน,
และเรื่องระบบสุริยจักรวาลใหม่ๆ ได้
และเรื่องระบบสุริยจักรวาลใหม่ๆ ได้
02:19
This is a wonderful thing.
52
124000
2000
นี่เป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์
02:21
If the Sun could one day -- and indeed the Earth, in fact --
53
126000
3000
ถ้าสักวันหนึ่งดวงอาทิตย์-- และก็ แน่นอนโลกด้วย
02:24
if the Earth could read its own astrological, astronomical chart,
54
129000
4000
ถ้าโลกสามารถอ่านแผนผังดวงชะตา
โหราศาสตร์ ดาราศาสตร์ของตัวมันเองได้
โหราศาสตร์ ดาราศาสตร์ของตัวมันเองได้
02:28
one day it would say,
55
133000
2000
สักวันมันคงจะบอกว่า
02:30
"Not a good day for making plans.
56
135000
2000
"วันนี้ไม่ดีสำหรับการวางแผนงาน
02:32
You'll been engulfed by a red giant."
57
137000
2000
คุณจะถูกเขมือบโดยดาวยักษ์สีแดง"
02:34
And that to me as well,
58
139000
2000
และนั่นสำหรับผมก็เช่นกัน
02:36
that if you think I'm worried about losing worlds,
59
141000
3000
ถ้าคุณคิดว่าผมกำลังกังวลว่าจะเสียโลกไป
02:39
well Many Worlds theory --
60
144000
2000
หลายดวงด้วยนะ ตามทฤษฎี--
02:41
one of the most beautiful, fascinating,
61
146000
3000
หนึ่งในความคิดที่สวยงาม น่าทึ่ง
02:44
sometimes terrifying ideas
62
149000
2000
และบางทีก็น่าหวาดหวั่น
02:46
from the quantum interpretation --
63
151000
2000
จากการตีความตามทฤษฎีควอนตัม
(quantum interpretation) --
(quantum interpretation) --
02:48
is a wonderful thing.
64
153000
2000
มันเป็นสิ่งน่าอัศจรรย์
02:50
That every person here, every decision that you've made today,
65
155000
3000
มันบอกว่า ทุกๆคนในที่นี้
ทุกๆการตัดสินใจ ที่คุณได้ทำไปในวันนี้
ทุกๆการตัดสินใจ ที่คุณได้ทำไปในวันนี้
02:53
every decision you've made in your life,
66
158000
2000
ทุกๆการตัดสินใจ ที่คุณทำลงไปในชีวิต
02:55
you've not really made that decision,
67
160000
2000
จริงๆแล้วคุณไม่ได้ทำการตัดสินใจนั้น
02:57
but in fact, every single permutation of those decisions
68
162000
4000
แต่ที่จริงแล้ว ทุกแนววิธีการของการตัดสินใจนั้นได้เกิดขึ้น
03:01
is made, each one going off into a new universe.
69
166000
3000
แต่ละการตัดสินใจนั้นถูกทำให้เกิดขึ้นในแต่ละเอกภพ
03:04
That is a wonderful idea.
70
169000
2000
นั่นเป็นแนวคิดที่ยอดเยี่ยมมาก
03:06
If you ever think that your life is rubbish,
71
171000
4000
ถ้าคุณเคยคิดว่า ชีวิตคุณมันบัดซบสิ้นดี
03:10
always remember
72
175000
2000
จงจำไว้เสมอว่า
03:12
there's another you that's made much worse decisions than that.
73
177000
3000
ตัวคุณอีกคนหนึ่งที่ทำการตัดสินใจได้แย่กว่าเสียอีก
03:15
(Laughter)
74
180000
2000
(เสียงหัวเราะ)
03:17
If you ever think, "Ah, I want to end it all,"
75
182000
2000
ถ้าคุณคิดว่า "อ้า ผมต้องการที่จะให้มันจบสิ้นซะที"
03:19
don't end it all.
76
184000
2000
อย่าให้มันจบสิ้นไปทั้งหมดนะครับ
03:21
Remember that in the majority of universes,
77
186000
2000
จำไว้นะครับว่า ในส่วนใหญ่ของเอกภพ
03:23
you don't even exist in the first place.
78
188000
2000
คุณไม่มีตัวตนอยู่ในนั้น ตั้งแต่แรกด้วยซํ้า
03:25
This to me, in its own strange way,
79
190000
3000
สำหรับผมแล้ว ในมุมมองที่แปลกๆนี้
03:28
is very, very comforting.
80
193000
2000
ช่างปลอบประโลมใจได้อย่างมาก มาก
03:30
Now reincarnation, that's another thing gone -- the afterlife.
81
195000
2000
ทีนี้ การเวียนว่ายตายเกิด --การกลับชาติมาเกิดใหม่
นั่นเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะหายไป
นั่นเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะหายไป
03:32
But it's not gone.
82
197000
2000
แต่มันไม่ได้หายไปไหน
03:34
Science actually says
83
199000
2000
จริงๆวิทยาศาสตร์บอกไว้ว่า
03:36
we will live forever.
84
201000
3000
พวกเราจะมีชีวิตอยู่ตลอดกาล
03:39
Well, there is one proviso.
85
204000
2000
อ่า มันมีเงื่อนไขอยู่ข้อหนึ่ง
03:41
We won't actually live forever. You won't live forever.
86
206000
3000
จริงๆเราจะไม่ได้อยู่เป็นอมตะ
คุณจะไม่ได้อยู่ไปตลอดกาล
คุณจะไม่ได้อยู่ไปตลอดกาล
03:44
Your consciousness, the you-ness of you, the me-ness of me --
87
209000
3000
ความตระหนักรู้ของคุณ, ความเป็นตัวตนของคุณ,
ความเป็นตัวตนของผม
ความเป็นตัวตนของผม
03:47
that gets this one go.
88
212000
3000
ที่ทำให้มันเป็นอย่างที่เป็น
03:50
But every single thing that makes us,
89
215000
2000
แต่ว่าทุกๆสิ่งที่ประกอบขึ้นเป็นเรา
03:52
every atom in us,
90
217000
2000
ทุกอะตอมในตัวเรา
03:54
has already created a myriad of different things
91
219000
3000
ได้สร้างสิ่งที่แตกต่างกันมาแล้ว
มากมายนับไม่ถ้วน
มากมายนับไม่ถ้วน
03:57
and will go on to create a myriad of new things.
92
222000
3000
และยังคงจะสร้างสิ่งใหม่ๆอีกต่อไป
อย่างนับไม่ถ้วน
อย่างนับไม่ถ้วน
04:00
We have been mountains
93
225000
3000
เราเคยเป็นภูเขา
04:03
and apples and pulsars
94
228000
2000
และแอปเปิ้ล และแหล่งพลังงานแม่เหล็ก
04:05
and other people's knees.
95
230000
2000
และหัวเข่าของคนอื่น
04:07
Who knows, maybe one of your atoms was once Napoleon's knee.
96
232000
3000
ใครจะไปรู้ บางที อะตอมตัวหนึ่งของคุณ
อาจเคยเป็นเข่าของนโปเลียนมาแล้วก็ได้นะ
อาจเคยเป็นเข่าของนโปเลียนมาแล้วก็ได้นะ
04:10
That is a good thing.
97
235000
2000
นั่นก็เรื่องที่ดี
04:12
Unlike the occupants of the universe,
98
237000
2000
มันไม่เหมือนกับผู้ที่อาศัยอยู่ในเอกภพนี้
04:14
the universe itself is not wasteful.
99
239000
3000
เอกภพในตัวของมันเองนั้น
ไม่ได้เป็นอะไรที่สิ้นเปลือง
ไม่ได้เป็นอะไรที่สิ้นเปลือง
04:17
We are all totally recyclable.
100
242000
2000
เราทั้งหลายนั้น
สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ทั้งหมด
สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ทั้งหมด
04:19
And when we die,
101
244000
2000
และเมื่อเราตาย
04:21
we don't even have to be placed in different refuse sacs.
102
246000
3000
เราไม่เห็นจะต้องถูกนำไปใส่
ในถุงขยะที่ต่างออกไปเลย
ในถุงขยะที่ต่างออกไปเลย
04:24
This is a wonderful thing.
103
249000
2000
มันเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์จะตายไป
04:26
Understanding, to me,
104
251000
2000
ความเข้าใจ สำหรับผมนั้น
04:28
does not remove the wonder and the joy.
105
253000
4000
ไม่ได้ลบล้างความฉงนและความสุขออกไป
04:32
For instance, my wife could turn to me and she may say,
106
257000
3000
ยกตัวอย่างเช่น ภรรยาของผมอาจหันมาถามผมว่า
04:35
"Why do you love me?"
107
260000
2000
"ทำไมคุณถึงรักฉัน"
04:37
And I can with all honesty
108
262000
2000
และด้วยความสัตย์ซื่อย่างที่สุด ผมก็สามารถ
04:39
look her in the eye and say,
109
264000
2000
จ้องตาเธอแล้วบอกว่า
04:41
"Because our pheromones
110
266000
2000
"เพราะว่าสารฟีโรโมน (pheromone) ของเรา
04:43
matched our olfactory receptors."
111
268000
3000
เข้ากันได้กับประสาทรับกลิ่นของเราพอดิบพอดี"
04:46
(Laughter)
112
271000
2000
(เสียงหัวเราะ)
04:48
Though I'll probably also say something
113
273000
2000
ถึงแม้ว่า ผมอาจจะพูดอะไรบางอย่างไปด้วย
04:50
about her hair and personality as well.
114
275000
2000
เกี่ยวกับผมของเธอแล้วก็บุคลิกด้วย
04:52
And that is a wonderful thing there.
115
277000
3000
และนั่นก็เป็นสิ่งที่เลอเลิศ
04:55
Love does not die because of that thing.
116
280000
2000
รักไม่ได้ตายไปเพราะว่าสิ่งนั้น
04:57
Pain doesn't go away either.
117
282000
2000
ความเจ็บปวดก็ไม่ได้จางหายไปเช่นกัน
04:59
This is a terrible thing, even though I understand pain.
118
284000
2000
นี่เป็นสิ่งที่แย่ครับ แม้ว่าผมจะเข้าใจถึงความเจ็บปวด
05:01
If someone punches me --
119
286000
2000
ถ้าใครสักคนต่อยผม--
05:03
and because of my personality,
120
288000
2000
และเพราะบุคลิกของผม
05:05
this is recently a regular occurrence --
121
290000
2000
นี่มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประจำเมื่อเร็วๆนี้--
05:07
I understand where the pain comes from.
122
292000
2000
ผมก็เข้าใจนะว่าความเจ็บปวดมันมาจากไหน
05:09
It is basically momentum to energy
123
294000
3000
โดยหลักการแล้ว
มันเป็นโมเมนตัมที่เปลี่ยนเป็นพลังงาน
มันเป็นโมเมนตัมที่เปลี่ยนเป็นพลังงาน
05:12
where the four-vector is constant -- that's what it is.
124
297000
2000
ซึ่งเวกเตอร์ทั้งสี่นัั้นคงที่ มันก็เป็นเช่นนั้น
05:14
But at no point can I react and go,
125
299000
2000
แต่ผมคงจะไม่ตอบโต้ไปว่า
05:16
"Ha! Is that the best momentum-to-energy fourth vector constant you've got?"
126
301000
5000
"เฮ้ย นั่นมันเป็นพลังงานจากโมเมนตัม
ที่มีเวกเตอร์คงที่สี่ตัว ที่ดีที่สุดที่แกมีหรือไงวะ"
ที่มีเวกเตอร์คงที่สี่ตัว ที่ดีที่สุดที่แกมีหรือไงวะ"
05:21
No, I just spit out a tooth.
127
306000
2000
ไม่หรอกครับ ผมแค่บ้วนฟันทิ้งไปซี่หนึ่ง
05:23
(Laughter)
128
308000
2000
(เสียงหัวเราะ)
05:25
And that is all of these different things -- the love for my child.
129
310000
3000
และทั้งหมดทั้งมวลของสิ่งต่างๆเหล่านี้
ความรักที่ผมมีต่อลูก
ความรักที่ผมมีต่อลูก
05:28
I have a son. His name is Archie.
130
313000
2000
ผมมีลูกชาย ชื่อว่าอาร์ชี่
05:30
I'm very lucky,
131
315000
2000
ผมโชคดีมาก
05:32
because he's better than all the other children.
132
317000
2000
เพราะว่าเขาเก่งกว่าเด็กคนอื่นๆทั้งหมด
05:34
Now I know you don't think that.
133
319000
2000
ที่นี้ผมรู้ว่าคุณคงไม่คิดแบบนั้น
05:36
You may well have your own children
134
321000
2000
คุณอาจจะมีลูกๆของคุณเอง
05:38
and think, "Oh no, my child's best."
135
323000
3000
และคิดว่า "โอ้ ไม่ใช่ ลูกฉันเก่งที่สุด"
05:41
That's the wonderful thing about evolution --
136
326000
2000
นั่นเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับวิวัฒนาการ--
05:43
the predilection to believe
137
328000
2000
คุณชอบที่จะเชื่อ
05:45
that our child is best.
138
330000
2000
ว่าลูกของเรานั้นเก่งที่สุด
05:47
Now in many ways, that's just a survival thing.
139
332000
3000
ในหลายๆแง่ นั่นเป็นเพียงแค่สิ่งที่ทำให้อยู่รอด
05:50
The fact we see here is the vehicle for our genes,
140
335000
3000
ความจริงที่เราเห็นอยู่ตรงนี้ ก็คือ
พาหนะสำหรับลำเลียงยีนของเรา
พาหนะสำหรับลำเลียงยีนของเรา
05:53
and therefore we love it.
141
338000
2000
ดังนั้น เราจึงรักมัน
05:55
But we don't notice that bit; we just unconditionally love.
142
340000
3000
แต่เราไม่ได้สังเกตมันเลยสักนิด
เราแค่รักอย่างไม่มีเงื่อนไข
เราแค่รักอย่างไม่มีเงื่อนไข
05:58
That is a wonderful thing.
143
343000
2000
มันเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมสวยงามครับ
06:00
Though I should say that my son is best
144
345000
2000
แม้ผมจะบอกว่า ลูกชายของผมนั้นเป็นเลิศ
06:02
and is better than your children.
145
347000
3000
และดีกว่าลูกๆของพวกคุณ
06:05
I've done some tests.
146
350000
2000
ผมได้ทำการทดลองมาแล้ว
06:07
And all of these things to me
147
352000
2000
และสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ สำหรับผมแล้ว
06:09
give such joy and excitement and wonder.
148
354000
3000
ให้ความสุข ความตื่นเต้น และความฉงนมากมาย
06:12
Even quantum mechanics can give you an excuse
149
357000
3000
แม้กลศาสตร์ควอนตัม (quantum mechanics)
ก็ยังสามารถให้ข้ออ้างกับคุณได้
ก็ยังสามารถให้ข้ออ้างกับคุณได้
06:15
for bad housework, for instance.
150
360000
2000
ในเรื่องงานบ้านแย่ๆ เป็นต้น
06:17
Perhaps you've been at home for a week on your own.
151
362000
3000
บางทีคุณอาจอยู่บ้านคนเดียวนานเป็นสัปดาห์
06:20
You house is in a terrible state.
152
365000
2000
บ้านของคุณอยู่ในสภาพที่แย่สุดๆ
06:22
Your partner is about to return.
153
367000
2000
แฟนของคุณกำลังจะกลับมาแล้ว
06:24
You think, what should I do?
154
369000
2000
คุณคิด เอ จะทำยังไงดี
06:26
Do nothing.
155
371000
2000
ไม่ต้องทำครับ
06:28
All you have to do
156
373000
2000
สิ่งเดียวที่คุณต้องทำก็คือ
06:30
is, when she walks in, using a quantum interpretation,
157
375000
2000
เมื่อเธอเดินเข้ามา ก็ใช้การตีความแบบควอนตัม
(quantum interpretation) สิครับ
(quantum interpretation) สิครับ
06:32
say, "I'm so sorry.
158
377000
2000
บอกไปว่า "ผมเสียใจมากๆเลย
06:34
I stopped observing the house for a moment,
159
379000
2000
ผมไม่ได้สังเกตบ้านไปแป๊บเดียว
06:36
and when I started observing again,
160
381000
2000
และพอผมมาสังเกตอีกที
06:38
everything had happened."
161
383000
2000
ทุกอย่างก็เกิดขึ้นเป็นอย่างนี้แล้ว"
06:40
(Laughter)
162
385000
2000
(เสียงหัวเราะ)
06:42
That's the strong anthropic principle of vacuuming.
163
387000
3000
นั่นเป็นทฤษฎีแอนโทรปี้ของการดูดฝุ่นอย่างดีเลยครับ
06:46
For me, it's a very, very important thing.
164
391000
2000
สำหรับผม มันเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ
06:48
Even on my journey up here --
165
393000
2000
แม้แต่การเดินทางของผมมาที่นี่
06:50
the joy that I have on my journey up here every single time.
166
395000
2000
ความสุขของผมในการเดินทางขึ้นมาที่นี่
ในทุกๆครั้ง
ในทุกๆครั้ง
06:52
If you actually think, you remove the myth and there is still something wonderful.
167
397000
3000
จริงๆถ้าคุณลองคิดดู คุณเอาตำนานออกไป
ก็ยังมีบางอย่างที่มหัศจรรย์อยู่
ก็ยังมีบางอย่างที่มหัศจรรย์อยู่
06:55
I'm sitting on a train.
168
400000
2000
ผมนั่งในรถไฟ
06:57
Every time I breathe in,
169
402000
2000
ทุกครั้งที่ผมหายใจเข้า
06:59
I'm breathing in a million-billion-billion
170
404000
2000
ผมหายใจเข้า เอาอะตอมออกซิเจน
07:01
atoms of oxygen.
171
406000
2000
จำนวนมหาศาลเข้าไป
07:03
I'm sitting on a chair.
172
408000
2000
ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้
07:05
Even though I know the chair is made of atoms
173
410000
2000
แม้ว่าผมจะรู้ว่าเก้าอี้ทำมาจากอะตอม
07:07
and therefore actually in many ways empty space,
174
412000
2000
และที่จริงแล้วในหลายมุมมอง
มันเป็นแค่อวกาศว่างเปล่า
มันเป็นแค่อวกาศว่างเปล่า
07:09
I find it comfortable.
175
414000
2000
ผมรู้สึกว่ามันสบาย
07:11
I look out the window, and I realize
176
416000
2000
ผมมองออกไปนอกหน้าต่าง ผมก็รู้ว่า
07:13
that every single time we stop and I look out that window,
177
418000
2000
ทุกๆครั้งที่เราหยุด
และผมมองออกไปนอกหน้าต่างนั่น
และผมมองออกไปนอกหน้าต่างนั่น
07:15
framed in that window,
178
420000
2000
ภาพที่ปรากฎในบานกระจกนั้น
07:17
wherever we are,
179
422000
2000
ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน
07:19
I am observing more life
180
424000
2000
ผมสังเกตเห็นชีวิตได้มากกว่า
07:21
than there is in the rest of the known universe
181
426000
3000
ที่มีอยู่ในเอกภพอื่นๆที่เรารู้จักทั้งหมด
07:24
beyond the planet Earth.
182
429000
2000
ที่ไกลออกไปจากดาวเคราะห์โลก
07:26
If you go to the safari parks
183
431000
2000
ถ้าคุณไปยังสวนซาฟารี
07:28
on Saturn or Jupiter,
184
433000
2000
บนดาวเสาร์หรือดาวพฤหัส
07:30
you will be disappointed.
185
435000
2000
คุณจะรู้สึกผิดหวังก็ได้
07:32
And I realize I'm observing this
186
437000
2000
และผมก็รู้ว่า ผมสังเกตเห็นสิ่งนีัได้
07:34
with the brain, the human brain,
187
439000
2000
ด้วยมันสมอง สมองของคนเรา
07:36
the most complex thing in the known universe.
188
441000
3000
ซึ่งเป็นสิ่งที่ซับซ้อนที่สุด
เท่าที่รู้จักกันในเอกภพ
เท่าที่รู้จักกันในเอกภพ
07:39
That, to me, is an incredible thing.
189
444000
2000
สำหรับผมแล้ว มันเป็นสิ่งที่น่าทึ่ง
07:41
And do you know what, that might be enough.
190
446000
3000
และคุณรู้อะไรไหมครับ นั่นก็อาจจะเพียงพอแล้ว
07:44
Steven Weinberg, the Nobel laureate, once said,
191
449000
3000
สตีเฟน ไวน์เบอร์ก (Steven Weinberg)
นักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบล เคยกล่าวว่า
นักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบล เคยกล่าวว่า
07:47
"The more the universe seems comprehensible,
192
452000
2000
"ยิ่งเราดูจะเข้าใจเอกภพมากขึ้นเท่าใด
07:49
the more it seems pointless."
193
454000
2000
ก็ยิ่งดูเหมือนมันจะไร้แก่นสารมากขึ้นเท่านั้น"
07:51
Now for some people,
194
456000
2000
ทีนี้สำหรับบางคน
07:53
that seems to lead to an idea of nihilism.
195
458000
2000
ดูเหมือนมันจะนำไปสู่แนวคิดสูญนิยม (nihilism)
07:55
But for me, it doesn't. That is a wonderful thing.
196
460000
3000
แต่สำหรับผม มันไม่นะ มันเป็นเรื่องที่น่าทึ่ง
07:58
I'm glad the universe is pointless.
197
463000
2000
ผมยินดีที่เอกภพไม่มีแก่นสาร
08:00
It means if I get to the end of my life,
198
465000
2000
มันหมายความว่า ถ้าผมไปถึงจุดสิ้นสุดของชีวิต
08:02
the universe can't turn to me and go, "What have you been doing, you idiot?
199
467000
3000
เอกภพไม่สามารถจะมาบอกผมได้ว่า
"ไปทำอะไรมาหืม ตาน่าโง่
"ไปทำอะไรมาหืม ตาน่าโง่
08:05
That's not the point."
200
470000
2000
นั่นมันไม่ใช่จุดประสงค์สำคัญนะ"
08:07
I can make my own purpose.
201
472000
2000
ผมสามารถสร้างจุดประสงค์ของผมเองได้
08:09
You can make your own purpose.
202
474000
2000
คุณสามารถสร้างเป้าหมายของคุณเองได้
08:11
We have the individual power
203
476000
2000
พวกเรามีอำนาจส่วนบุคคล
08:13
to go, "This is what I want to do."
204
478000
2000
ที่จะบอกว่า "ก็ฉันอยากจะทำแบบนี้"
08:15
And in a pointless universe, that, to me, is a wonderful thing.
205
480000
3000
และในเอกภพที่ไร้สาระแก่นสาร
สำหรับผมแล้ว มันเป็นเรื่องที่เยี่ยมยอด
สำหรับผมแล้ว มันเป็นเรื่องที่เยี่ยมยอด
08:18
I have chosen to make silly jokes
206
483000
2000
ผมได้เลือกที่จะปล่อยมุกตลกโง่ๆ
08:20
about quantum mechanics and the Copenhagen interpretation.
207
485000
3000
เกี่ยวกับกลศาสตร์ควอนตัม และ
การตีความแบบโคเปนเฮเกน
(Copenhagen interpretation)
การตีความแบบโคเปนเฮเกน
(Copenhagen interpretation)
08:23
You, I imagine, can do much better things with your time.
208
488000
3000
ผมคิดว่า คุณสามารถใช้เวลาของคุณทำสิ่งที่ดีกว่านี้ได้
08:26
Thank you very much. Goodbye.
209
491000
2000
ขอบคุณมากครับ ลาล่ะครับ
08:28
(Applause)
210
493000
4000
(เสียงปรบมือ)
ABOUT THE SPEAKER
Robin Ince - ComedianThe rational-minded Robin Ince conducts live experiments in comedy.
Why you should listen
Is rational thought funny? And is comedy scientific? are the pair of questions on which Robin Ince has built his recent career. On his own and as part of the BBC4 radio show The Infinite Monkey Cage, Robin Ince makes science-friendly comedy with pals like Brian Cox, Ben Goldacre and Simon Singh. TIMC just won the Best Speech Programme at the 2011 Sony Radio Awards, the first science program to win in ... aeons. They recently took the show on the road as "Uncaged Monkeys," about which the Telegraph's critic said, "I was expecting more knickers thrown at the stage, to be honest."
Onstage, Ince conducts live experiments into the science of comedy and laughter. He and his team set out to discover secret of timing, discover if people are born funny, and if computers can tell jokes.
He says: "Most scientists I know have movies and novels in their houses, whereas there are novelists whose houses I've been to who don't have any science books."
Robin Ince | Speaker | TED.com