TEDGlobal 2011
Justin Hall-Tipping: Freeing energy from the grid
จัสติน ฮอลล์-ทิปปิง: ปลดปล่อยพลังงานจากโครงข่ายไฟฟ้า
Filmed:
Readability: 3.8
1,182,680 views
จะเกิดอะไรขึ้นหากเราสามารถสร้างพลังงานได้จากบานหน้าต่างของเรา? ในการพูดครั้งนี้ ผู้ประกอบการจัสติน ฮอลล์-ทิปปิง ได้แสดงสิ่งที่ทำให้มันเป็นไปได้ และการตั้งคำถามถึงแนวคิดของคำว่า 'ปกติ' จะนำไปสู่นวัตกรรมอันน่าอัศจรรย์ ได้อย่างไร
Justin Hall-Tipping - Science entrepreneur
Justin Hall-Tipping works on nano-energy startups -- mastering the electron to create power. Full bio
Justin Hall-Tipping works on nano-energy startups -- mastering the electron to create power. Full bio
Double-click the English transcript below to play the video.
00:16
Why can't we solve these problems?
0
1000
5000
ทำไมเราถึงแก้ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้
00:21
We know what they are.
1
6000
3000
เรารู้ว่ามันคืออะไร
00:24
Something always seems to stop us.
2
9000
4000
บางอย่างดูเหมือนจะหยุดยั้งเราไว้
00:28
Why?
3
13000
3000
ทำไมล่ะ?
00:31
I remember March the 15th, 2000.
4
16000
4000
ผมจำได้ว่าเมื่อวันที่ 15 มีนาคม ค.ศ. 2000
00:35
The B15 iceberg broke off the Ross Ice Shelf.
5
20000
4000
ภูเขาน้ำแข็ง บี 15 ได้แตกออกจากชั้นน้ำแข็งรอสส์
00:39
In the newspaper it said
6
24000
3000
ในหนังสือพิมพ์เขาบอกว่า
00:42
"it was all part of a normal process."
7
27000
3000
"มันเป็นแค่กระบวนการปกติ"
00:45
A little bit further on in the article
8
30000
3000
ต่อไปอีกนิดในบทความนั้น
00:48
it said "a loss that would normally take
9
33000
3000
กล่าวว่า "การสูญเสียเช่นนั้นปกติแล้ว
00:51
the ice shelf 50-100 years to replace."
10
36000
5000
จะใช้เวลา 50-100 ปีเพื่อทดแทนกลับมา"
00:58
That same word, "normal,"
11
43000
3000
คำว่า "ปกติ" เดียวกัน
01:01
had two different,
12
46000
2000
นั้นมีความหมายต่างกัน
01:03
almost opposite meanings.
13
48000
3000
แทบจะตรงข้ามเลย
01:06
If we walk into the B15 iceberg
14
51000
3000
หากเราเดินไปยังภูเขาน้ำแข็งบี 15
01:09
when we leave here today,
15
54000
3000
หากเราออกไปวันนี้เลย
01:12
we're going to bump into something
16
57000
3000
เราก็จะชนเข้ากับอะไรที่
01:15
a thousand feet tall,
17
60000
2000
สูงเป็นพันฟุต
01:17
76 miles long,
18
62000
4000
ยาว 76 ไมล์
01:21
17 miles wide,
19
66000
3000
กว้าง 17 ไมล์
01:24
and it's going to weigh two gigatons.
20
69000
3000
และมันจะหนักถึง สอง กิกะตัน
01:27
I'm sorry, there's nothing normal about this.
21
72000
3000
ขอโทษนะ มันไม่ใช่เรื่องปกติเลย
01:30
And yet I think it's this perspective of us
22
75000
3000
ถึงอย่างนั้น ผมคิดว่า มันคือมุมมองของเรา
01:33
as humans to look at our world
23
78000
3000
ที่มองโลกนี้
01:36
through the lens of normal
24
81000
2000
ผ่านมุมมองที่ว่า "ปกติ"
01:38
is one of the forces
25
83000
2000
ซึ่งเป็นแรงหนึ่ง
01:40
that stops us developing real solutions.
26
85000
4000
ที่หยุดการพัฒนาหาวิธีแก้ไขที่แท้จริง
01:46
Only 90 days after this,
27
91000
3000
เพียงแค่ 90 วันหลังจากนั้น
01:49
arguably the greatest discovery
28
94000
2000
มีการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็ว่าได้
01:51
of the last century occurred.
29
96000
2000
ของศตรวรรษที่แล้ว
01:53
It was the sequencing for the first time
30
98000
2000
มันคือ การจัดลำดับยีนมนุษย์
01:55
of the human genome.
31
100000
3000
เป็นครั้งแรก
01:58
This is the code that's in every single one
32
103000
4000
มันคือรหัสที่ทุกเซลล์ในบรรดา
02:02
of our 50 trillion cells
33
107000
2000
50 ล้านล้านเซลล์ที่เรามี
02:04
that makes us who we are and what we are.
34
109000
4000
และทำให้เราเป็นเราขึ้นมา
02:08
And if we just take one cell's worth
35
113000
2000
และหากเราเอาที่เก็บรหัส
02:10
of this code and unwind it,
36
115000
3000
ในหนึ่งเซลล์มา และคลี่ออก
02:15
it's a meter long,
37
120000
4000
มันจะยาวหนึ่งเมตร
02:19
two nanometers thick.
38
124000
2000
และหนาสองนาโนเมตร
02:21
Two nanometers is 20 atoms in thickness.
39
126000
4000
สองนาโนเมตรนั่นเท่ากับ ความหนาของอะตอม 20 ตัว
02:25
And I wondered,
40
130000
2000
และผมก็คิดขึ้นว่า
02:27
what if the answer to some of our biggest problems
41
132000
3000
จะเกิดอะไรขึ้นหากคำตอบของปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของเรา
02:30
could be found in the smallest of places,
42
135000
3000
นั้นหาได้จากที่ที่เล็กที่สุด
02:33
where the difference between what is
43
138000
2000
ที่ที่ความแตกต่างระหว่าง
02:35
valuable and what is worthless
44
140000
2000
สิ่งที่มีค่ากับสิ่งที่ไร้ค่านั้น
02:37
is merely the addition or subtraction
45
142000
2000
เกิดขึ้นจากการเพิ่มหรือลด
02:39
of a few atoms?
46
144000
2000
อะตอมบางตัวเท่านั้น?
02:41
And what
47
146000
2000
และจะเกิดอะไรขึ้น
02:43
if we could get exquisite control
48
148000
3000
หากเราสามารถควบคุม
02:46
over the essence of energy,
49
151000
2000
พาหะของพลังงาน
02:48
the electron?
50
153000
3000
หรือ อิเลกตรอน ได้ล่ะ?
02:51
So I started to go around the world
51
156000
2000
ดังนั้นผมจึงเริ่มตระเวนไปทั่วโลก
02:53
finding the best and brightest scientists
52
158000
2000
หานักวิทยาศาสตร์ที่ดีและหลักแหลมที่สุด
02:55
I could at universities
53
160000
2000
ที่ผมจะหาได้ตามมหาวิทยาลัย
02:57
whose collective discoveries have the chance
54
162000
2000
ซึ่งมีการค้นพบที่อาจ
02:59
to take us there,
55
164000
2000
นำไปสู่จุดหมายของเรา
03:01
and we formed a company to build
56
166000
2000
และเราได้ตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อต่อยอด
03:03
on their extraordinary ideas.
57
168000
2000
ความคิดอันน่าอัศจรรย์ของพวกเขา
03:05
Six and a half years later,
58
170000
2000
จากนั้นอีกหกปีครึ่ง
03:07
a hundred and eighty researchers,
59
172000
2000
นักวิจัยหนึ่งร้อยแปดสิบคน
03:09
they have some amazing developments
60
174000
2000
ได้พัฒนาสิ่งอัศจรรย์ต่าง ๆ
03:11
in the lab,
61
176000
2000
ในห้องทดลอง
03:13
and I will show you three of those today,
62
178000
2000
และผมจะแสดงของสามอย่างในบรรดาเหล่านั้นในวันนี้
03:15
such that we can stop burning up our planet
63
180000
3000
เพื่อที่เราจะได้หยุดเผาโลกของเรา
03:18
and instead,
64
183000
2000
และหันมา
03:20
we can generate all the energy we need
65
185000
3000
สร้างพลังงานทั้งหมดที่เราต้องการ
03:23
right where we are,
66
188000
2000
ณ ที่ที่เราอยู่
03:25
cleanly, safely, and cheaply.
67
190000
3000
โดยสะอาด ปลอดภัย และประหยัด
03:28
Think of the space that we spend
68
193000
2000
ลองคิดถึงที่ว่างที่เราใช้
03:30
most of our time.
69
195000
2000
เกือบตลอดเวลา
03:32
A tremendous amount of energy
70
197000
2000
พลังงานจำนวนมหาศาล
03:34
is coming at us from the sun.
71
199000
2000
จากดวงอาทิตย์มาถึงเรา
03:36
We like the light that comes into the room,
72
201000
2000
เราชอบแดดที่เข้ามาในห้อง
03:38
but in the middle of summer,
73
203000
2000
แต่ตอนกลางฤดูร้อน
03:40
all that heat is coming into the room
74
205000
2000
ในขณะที่ความร้อนเข้ามาในห้อง
03:42
that we're trying to keep cool.
75
207000
2000
เรากลับพยายามทำให้ห้องเย็น
03:44
In winter, exactly the opposite is happening.
76
209000
2000
ในฤดูหนาว สิ่งตรงข้ามเกิดขึ้นแทน
03:46
We're trying to heat up
77
211000
1000
เราพยายามทำให้ที่ที่
03:47
the space that we're in,
78
212000
2000
เราอยู่นั้นร้อนขึ้น
03:49
and all that is trying to get out through the window.
79
214000
2000
แต่ความร้อนกลับพยายามไหลออกผ่านหนัาต่างแทน
03:51
Wouldn't it be really great
80
216000
2000
มันจะไม่เยี่ยมไปเลยเหรอ
03:55
if the window could flick back the heat
81
220000
2000
หากหน้าต่างสามารถผลักความร้อน
03:57
into the room if we needed it
82
222000
2000
เข้ามาในห้องตอนที่เราต้องการ
03:59
or flick it away before it came in?
83
224000
2000
หรือผลักมันออกไปก่อนที่มันจะเข้ามาได้?
04:01
One of the materials that can do this
84
226000
2000
วัสดุหนึ่งที่สามารถทำเช่นนี้ได้
04:03
is a remarkable material, carbon,
85
228000
5000
คือวัสดุอันโดดเด่น ที่เรียกว่า คาร์บอน
04:08
that has changed its form in this incredibly beautiful reaction
86
233000
3000
มันสามารถเปลี่ยนรูปได้โดยปฏิกริยาอันสวยงาม
04:11
where graphite is blasted by a vapor,
87
236000
4000
เมื่อแกรไฟต์จะถูกระเบิดเป็นไอ
04:16
and when the vaporized carbon condenses,
88
241000
4000
และเมื่อคาร์บอนเป็นไอกลับมาควบแน่น
04:20
it condenses back into a different form:
89
245000
3000
มันจะกลั่นตัวเป็นอีกรูปหนึ่ง คือ
04:23
chickenwire rolled up.
90
248000
3000
รูปลวดตาข่ายม้วน
04:26
But this chickenwire carbon,
91
251000
2000
แต่คาร์บอนถักเป็นลวดตาข่าย
04:28
called a carbon nanotube,
92
253000
2000
ที่เรียนกว่า คาร์บอน นาโนทิวบ์ นี้
04:30
is a hundred thousand times smaller
93
255000
2000
มีขนาดเล็กกว่าความหนาของเส้นผมคุณ
04:32
than the width of one of your hairs.
94
257000
3000
เป็นร้อยเป็นพันเท่า
04:35
It's a thousand times
95
260000
2000
และมันมีสภาพนำมากกว่าทองแดง
04:37
more conductive than copper.
96
262000
2000
เป็นพันเท่า
04:40
How is that possible?
97
265000
3000
มันเป็นไปได้อย่างไร?
04:45
One of the things about working at the nanoscale
98
270000
4000
สิ่งหนึ่งเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ในระดับนาโนคือว่า
04:49
is things look and act very differently.
99
274000
3000
มันประพฤติตัวต่างออกไป
04:52
You think of carbon as black.
100
277000
3000
คุณคงคิดว่า คาร์บอนมีสีดำ
04:58
Carbon at the nanoscale
101
283000
3000
แต่คาร์บอนที่ระดับนาโนนั้น
05:01
is actually transparent
102
286000
3000
ที่จริงโปร่งใส
05:04
and flexible.
103
289000
3000
และยืดหยุ่นมาก
05:09
And when it's in this form,
104
294000
2000
และเมื่อมันอยู่ในรูปนี้
05:11
if I combine it with a polymer
105
296000
3000
หากผมผสมมันกับโพลิเมอร์
05:14
and affix it to your window
106
299000
3000
และติดมันลงบนหน้าต่างของคุณ
05:17
when it's in its colored state,
107
302000
3000
เมื่อมันอยู่ในสภาวะมีสี
05:20
it will reflect away all heat and light,
108
305000
3000
มันจะสะท้อนความร้อนและแสงออกไป
05:23
and when it's in its bleached state
109
308000
2000
และเมื่อมันอยู่ในสภาวะใส
05:25
it will let all the light and heat through
110
310000
3000
มันก็จะปล่อยให้แสงและความร้อนเข้ามา
05:28
and any combination in between.
111
313000
3000
หรือทำให้กึ่งโปร่งแสงแค่ไหนก็ได้
05:31
To change its state, by the way,
112
316000
3000
อีกอย่างหนึ่ง ในการเปลี่ยนสภาวะของมัน
05:34
takes two volts from a millisecond pulse.
113
319000
3000
เราสามารถปล่อยไฟฟ้าสองโวลต์ เป็นจังหวะหนึ่งมิลลิวินาที
05:37
And once you've changed its state, it stays there
114
322000
3000
และเมื่อคุณเปลี่ยนสถานะมันแล้ว มันก็จะอยู่อย่างนั้น
05:40
until you change its state again.
115
325000
3000
จนกว่าคุณจะเปลี่ยนสถานะมันอีก
05:43
As we were working on this incredible
116
328000
2000
ตอนที่เรากำลังทำงานกับการค้นพบ
05:45
discovery at University of Florida,
117
330000
2000
อันน่าอัศจรรย์ที่มหาวิทยาลัยแห่งฟลอริดานั้น
05:47
we were told to go down the corridor
118
332000
3000
เราถูกบอกให้ลงไปตามเฉลียง
05:50
to visit another scientist,
119
335000
2000
เพื่อพบนักวิทยาศาสตร์อีกคน
05:52
and he was working
120
337000
2000
และเขาก็กำลัง
05:54
on a pretty incredible thing.
121
339000
2000
ทำสิ่งอัศจรรย์อีกอย่างเหมือนกัน
05:56
Imagine
122
341000
2000
ลองจินตนาการดู
05:58
if we didn't have to rely
123
343000
2000
หากเราไม่ต้องพึ่ง
06:00
on artificial lighting to get around at night.
124
345000
4000
แสงประดิษฐ์เพื่อเดินทางยามค่ำคืน
06:06
We'd have to see at night, right?
125
351000
4000
เพราะเราต้องมองตอนกลางคืน จริงไหม
06:12
This lets you do it.
126
357000
2000
สิ่งนี้ช่วยคุณได้
06:14
It's a nanomaterial, two nanomaterials,
127
359000
3000
มันคือวัสดุนาโนสองอัน
06:17
a detector and an imager.
128
362000
3000
อันหนึ่งเป็นตัวตรวจจับ อันหนึ่งเป็นตัวสร้างภาพ
06:20
The total width of it
129
365000
2000
ขนาดรวมของมันนั้น
06:22
is 600 times smaller
130
367000
2000
เล็กกว่าความกว้างของจุดทศนิยม
06:24
than the width of a decimal place.
131
369000
3000
ถึง 600 เท่่าทีเดียว
06:27
And it takes all the infrared available at night,
132
372000
4000
และมันใช้แสงอินฟราเรดที่มีในตอนกลางคืน
06:31
converts it into an electron
133
376000
3000
แปลงแสงนั้นเป็นอิเลกตรอน
06:34
in the space of two small films,
134
379000
3000
ในที่ว่างระหว่างฟิล์มเล็ก ๆ สองแผ่น
06:37
and is enabling you to play an image
135
382000
3000
และมันช่วยให้คุณเล่นภาพ
06:40
which you can see through.
136
385000
3000
ที่คุณสามารถเห็นทะลุได้
06:47
I'm going to show to TEDsters,
137
392000
3000
ผมจะแสดงให้ชาว TED ดู
06:50
the first time, this operating.
138
395000
2000
เป็นครั้งแรก ว่ามันทำงานยังไง
06:52
Firstly I'm going to show you
139
397000
2000
ก่อนอื่นผมจะแสดงให้คุณเห็น
06:54
the transparency.
140
399000
3000
ความโปร่งใสของมัน
06:57
Transparency is key.
141
402000
4000
ความโปร่งใสนั้นคือสิ่งสำคัญ
07:01
It's a film that you can look through.
142
406000
3000
มันคือฟิล์มที่คุณมองทะลุได้
07:04
And then I'm going to turn the lights out.
143
409000
3000
จากนั้นผมจะปิดไฟ
07:07
And you can see, off a tiny film,
144
412000
3000
และคุณคงเห็น ตรงฟิล์มจิ๋วนี้
07:10
incredible clarity.
145
415000
4000
ว่ามันใสอย่างไม่น่าเชื่อ
07:14
As we were working on this, it dawned on us:
146
419000
4000
เมื่อเราทำงานเกี่ยวกับมัน เราก็ได้ความคิดว่า
07:18
this is taking infrared radiation, wavelengths,
147
423000
4000
มันเอาแสงอินฟราเรดมา
07:22
and converting it into electrons.
148
427000
3000
แปลงเป็นอิเลกตรอน
07:25
What if we combined it
149
430000
6000
จะเกิดอะไรขึ้นหากเรารวมมัน
07:31
with this?
150
436000
3000
เข้ากับสิ่งนี้?
07:34
Suddenly you've converted energy
151
439000
3000
ในทันใดนั้น คุณได้เปลี่ยนพลังงาน
07:37
into an electron on a plastic surface
152
442000
4000
เป็นอิเลกตรอนบนผิวพลาสติก
07:41
that you can stick on your window.
153
446000
3000
ที่คุณติดบนหน้าต่างได้แล้ว
07:44
But because it's flexible,
154
449000
2000
และเพราะมันยืดหยุ่นได้
07:46
it can be on any surface whatsoever.
155
451000
4000
มันสามารถติดบนผิวใด ๆ ก็ได้
07:50
The power plant of tomorrow
156
455000
3000
โรงไฟฟ้าในอนาคต
07:53
is no power plant.
157
458000
7000
คือ การไม่มีโรงไฟฟฟ้าเลย
08:00
We talked about generating and using.
158
465000
3000
เราได้พูดถึงการสร้างและใช้งานไปแล้ว
08:03
We want to talk about storing energy,
159
468000
2000
เราอยากพูดถึงการเก็บพลังงาน
08:05
and unfortunately
160
470000
2000
และโชคร้าย
08:07
the best thing we've got going
161
472000
2000
ที่สิ่งที่ดีที่สุดเราได้มา
08:09
is something that was developed in France
162
474000
2000
คือสิ่งที่ถูกพัฒนาในฝรั่งเศส
08:11
a hundred and fifty years ago,
163
476000
2000
เมื่อหนึ่งร้อยห้าสิบปีที่แล้ว
08:13
the lead acid battery.
164
478000
2000
นั่นคือแบตเตอรีแบบกรดและตะกั่ว
08:15
In terms of dollars per what's stored,
165
480000
2000
ในแง่ของเงินดอลลาร์ต่อปริมาณที่จุได้
08:17
it's simply the best.
166
482000
2000
มันเป็นแบตเตอรีที่ดีที่สุด
08:19
Knowing that we're not going to put fifty of
167
484000
2000
เราไม่อยากเอาแบตเตอรีแบบนี้สักห้าสิบลูก
08:21
these in our basements to store our power,
168
486000
2000
มาไว้ในชั้นใต้ดินบ้านเราเพื่อเก็บพลังงาน
08:23
we went to a group at University of Texas at Dallas,
169
488000
2000
เราจึงไปหากลุ่มวิจัยที่มหาลัยแห่งเทกซัส ณ ดัลลัส
08:25
and we gave them this diagram.
170
490000
2000
และเราให้แผนภาพนี้กับเขา
08:27
It was in actually a diner
171
492000
2000
นี่เกิดขึ้นตอนทานข้าว
08:29
outside of Dallas/Fort Worth Airport.
172
494000
2000
นอกสนามบิน ดัลลัส/ฟอร์ต เวิร์ธ
08:31
We said, "Could you build this?"
173
496000
2000
เราบอกว่า "คุณสร้างนี่ได้ไหม?"
08:33
And these scientists,
174
498000
2000
และนักวิทยาศาสตร์เหล่านี้
08:35
instead of laughing at us, said, "Yeah."
175
500000
2000
แทนที่จะหัวเราะใส่เรา กลับตอบกว่า "ได้"
08:37
And what they built was eBox.
176
502000
3000
และสิ่งที่เขาสร้างขึ้นมาเรียกว่า อีบอกซ์
08:40
EBox is testing new nanomaterials
177
505000
2000
อีบอกซ์ ได้ทดสอบวัสดุนาโนใหม่ ๆ
08:42
to park an electron on the outside,
178
507000
3000
ที่ใช้หยุดอิเลกตรอนข้างนอก
08:45
hold it until you need it,
179
510000
3000
ค้างไว้กระทั่งคุณต้องการมัน
08:48
and then be able to release it and pass it off.
180
513000
3000
จากนั้นมันจะสามารถปล่อยอิเลกตรอนผ่านไป
08:51
Being able to do that means
181
516000
4000
การทำอย่างนั้นได้ หมายความว่า
08:55
that I can generate energy
182
520000
3000
ผมสามารถสร้างพลังงาน
08:58
cleanly, efficiently and cheaply
183
523000
3000
ได้อย่างสะอาด มีประสิทธิภาพ และประหยัด
09:01
right where I am.
184
526000
2000
ณ ตรงที่ผมอยู่
09:03
It's my energy.
185
528000
3000
มันคือพลังงานของผม
09:06
And if I don't need it, I can convert it
186
531000
2000
และหากไม่จำเป็นต้องใช้ ผมก็แปลงมัน
09:08
back up on the window
187
533000
2000
กลับไปบนหน้าต่าง
09:10
to energy, light, and beam it,
188
535000
2000
เป็นพลังงาน แสง และส่องมัน
09:12
line of site, to your place.
189
537000
3000
ตามสาย ไปยังบ้านคุณ
09:15
And for that I do not need
190
540000
3000
และทั้งหมดนั้น ผมไม่ต้อง
09:18
an electric grid between us.
191
543000
3000
ใช้โครงข่ายไฟฟ้าเลย
09:21
The grid of tomorrow is no grid,
192
546000
4000
โครงข่ายไฟฟ้าสำหรับพรุ่งนี้ คือ การไม่มีมันเลย
09:25
and energy, clean efficient energy,
193
550000
4000
และพลังงานสะอาดทรงประสิทธิภาพ
09:29
will one day be free.
194
554000
3000
จะราคา 0 บาท
09:36
If you do this, you get the last puzzle piece,
195
561000
4000
หากคุณทำอย่างนี้ คุณต้องใช้ชิ้นส่วนปริศนาสุดท้าย
09:40
which is water.
196
565000
3000
ซึ่งก็คือ น้ำ นั่นเอง
09:46
Each of us, every day,
197
571000
5000
เราทุกคน ทุกวัน
09:51
need just eight glasses of this,
198
576000
5000
ต้องการแค่น้ำวันละแปดแก้ว
09:56
because we're human.
199
581000
3000
เพราะว่าเราเป็นมนุษย์
09:59
When we run out of water,
200
584000
2000
หากเราขาดน้ำ
10:01
as we are in some parts of the world
201
586000
2000
ดังเช่นที่เป็นในบางส่วนบนโลกนี้
10:03
and soon to be in other parts of the world,
202
588000
2000
และไม่ช้าจะลามไปยังอีกหลายส่วนบนโลก
10:05
we're going to have to get this from the sea,
203
590000
3000
เราก็ต้องไปเอาน้ำจากทะเลมา
10:08
and that's going to require us to build desalination plants.
204
593000
3000
แล้วเราก็ต้องสร้างโรงกลั่นน้ำทะเล
10:11
19 trillion dollars is what we're going to have to spend.
205
596000
3000
เราต้องจ่ายเงินถึง 19 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อมัน
10:14
These also require tremendous amounts of energy.
206
599000
2000
ซึ่งเป็นเงินมหาศาลเช่นกัน
10:16
In fact, it's going to require twice the world's
207
601000
2000
ที่จริง เราต้องใช้น้ำมันเป็นสองเท่าของที่มีบนโลก
10:18
supply of oil to run the pumps
208
603000
2000
เพื่อให้ปั้มทำงาน
10:20
to generate the water.
209
605000
3000
เพื่อสร้างน้ำขึ้นมา
10:23
We're simply not going to do that.
210
608000
2000
เราไม่ทำอย่างนั้นแน่
10:25
But in a world where energy is freed
211
610000
2000
แต่ในโลกที่พลังงานนั้นฟรี
10:27
and transmittable
212
612000
2000
และส่งถึงกันได้ง่ายและราคาถูก
10:29
easily and cheaply, we can take any water
213
614000
2000
เราสามารถเอาน้ำ
10:31
wherever we are
214
616000
2000
จากที่ไหนก็ได้
10:33
and turn it into whatever we need.
215
618000
4000
มาเปลี่ยนเป็นอะไรก็ได้ที่เราต้องการ
10:37
I'm glad to be working with
216
622000
2000
ผมยินดีที่ได้ร่วมงาน
10:39
incredibly brilliant and kind scientists,
217
624000
2000
กับนักวิทยาศาสตร์ที่่ปราดเปรื่องและใจดีอย่างเหลือเชื่อ
10:41
no kinder than
218
626000
2000
อาจไม่ได้ดีกว่า
10:43
many of the people in the world,
219
628000
2000
หลายคนบนโลก
10:45
but they have a magic look at the world.
220
630000
3000
แต่พวกเขามีมุมมองต่อโลกที่มหัศจรรย์
10:48
And I'm glad to see their discoveries
221
633000
2000
และผมดีใจที่เห็นการค้นพบเหล่านั้น
10:50
coming out of the lab and into the world.
222
635000
3000
จะออกจากห้องทดลองมาสู่โลกของเรา
10:53
It's been a long time in coming for me.
223
638000
4000
ผมรอคอยมานานแล้ว
10:57
18 years ago,
224
642000
3000
เมื่อ 18 ปีที่แล้ว
11:00
I saw a photograph in the paper.
225
645000
4000
ผมเห็นภาพถ่ายภาพหนึ่งในหนังสือ
11:04
It was taken by Kevin Carter
226
649000
2000
มันถูกถ่ายโดย เควิน คาร์เตอร์
11:06
who went to the Sudan
227
651000
2000
ผู้ที่ไปซูดาน
11:08
to document their famine there.
228
653000
2000
เพื่อทำสารคดีเกี่ยวกับการขาดอาหารที่นั่น
11:10
I've carried this photograph with me
229
655000
2000
ผมได้นำภาพนี้ติดตัว
11:12
every day since then.
230
657000
2000
ทุกวันตั้งแต่นั้นมา
11:17
It's a picture of a little girl dying of thirst.
231
662000
5000
มันเป็นภาพของเด็กหญิงตัวน้อยที่ตายเพราะขาดน้ำ
11:27
By any standard this is wrong.
232
672000
5000
ไม่ว่าด้วยมาตรฐานไหน มันผิดหมด
11:32
It's just wrong.
233
677000
3000
มันเป็นเรื่องที่ผิดอย่างยิ่ง
11:38
We can do better than this.
234
683000
3000
เราสามารถทำได้ดีกว่านี้
11:41
We should do better than this.
235
686000
3000
เราควรทำได้กว่านี้
11:44
And whenever I go round
236
689000
2000
และเมื่อใดที่ผมพบ
11:46
to somebody who says,
237
691000
2000
คนที่พูดว่า
11:48
"You know what, you're working on something that's too difficult.
238
693000
2000
"คุณรู้ไหม คุณกำลังทำในสิ่งที่ยากเกินไป
11:50
It'll never happen. You don't have enough money.
239
695000
3000
มันไม่มีทางเกิดขึ้น คุณไม่มีเงินพอ
11:53
You don't have enough time.
240
698000
3000
คุณไม่มีเวลาพอ
11:56
There's something much more interesting around the corner,"
241
701000
3000
ยังมีสิ่งอื่นอีกมากที่น่าสนใจ"
11:59
I say, "Try saying that to her."
242
704000
2000
ผมก็บอกว่า "บอกเธอสิ"
12:01
That's what I say in my mind. And I just say
243
706000
2000
นั่นคือสิ่งที่ผมบอกในความคิด แล้วผมก็บอกว่า
12:03
"thank you," and I go on to the next one.
244
708000
3000
"ขอบคุณ" แล้วผมก็จะไปหาคนต่อไป
12:06
This is why we have to solve our problems,
245
711000
3000
นั่นคือเหตุที่เราต้องแก้ปัญหานี้
12:09
and I know the answer as to how
246
714000
5000
และผมรู้ว่าคำตอบ คือ ทำอย่างไร
12:14
is to be able to get exquisite control
247
719000
4000
ถึงจะควบคุม
12:18
over a building block of nature,
248
723000
3000
โครงสร้างพื้นฐานของธรรมชาติ
12:21
the stuff of life:
249
726000
2000
สรรพสิ่งของชีวิต
12:23
the simple electron.
250
728000
2000
แค่อิเลกตรอนธรรมดา ๆ เท่านั้น
12:25
Thank you.
251
730000
2000
ขอบคุณครับ
12:27
(Applause)
252
732000
12000
(เสียงปรบมือ)
ABOUT THE SPEAKER
Justin Hall-Tipping - Science entrepreneurJustin Hall-Tipping works on nano-energy startups -- mastering the electron to create power.
Why you should listen
Some of our most serious planetary worries revolve around energy and power -- controlling it, paying for it, and the consequences of burning it. Justin Hall-Tipping had an epiphany about energy after seeing footage of a chunk of ice the size of his home state (Connecticut) falling off Antarctica into the ocean, and decided to focus on science to find new forms of energy. A longtime investor, he formed Nanoholdings to work closely with universities and labs who are studying new forms of nano-scale energy in the four sectors of the energy economy: generation, transmission, storage and conservation.
Nanotech as a field is still very young (the National Science Foundation says it's "at a level of development similar to that of computer technology in the 1950s") and nano-energy in particular holds tremendous promise.
He says: "For the first time in human history, we actually have the ability to pick up an atom and place it the way we want. Some very powerful things can happen when you can do that."
Justin Hall-Tipping | Speaker | TED.com