TEDGlobal 2009
Eric Giler: A demo of wireless electricity
เอริค กิลเลอร์ สาธิตการส่งพลังงานไฟฟ้าแบบไร้สาย
Filmed:
Readability: 3.4
2,250,411 views
เอริค กิลเลอร์ (Eric Giler) จะเสนอแนวคิดคลายปมความยุ่งเหยิงของระบบสายไฟฟ้าที่ใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวัน ด้วยระบบส่งกำลังไฟฟ้าแบบไร้สาย เขาจะแสดงให้เห็นประโยชน์ที่เกิดขึ้น แล้วสาธิตระบบตัวอย่างที่ MIT สร้างขึ้นในชื่อ "วายทริกซิตี้ (WiTricity)" ซึ่งใกล้จะวางตลาดให้เราได้ใช้งานในการชาร์จโทรศัพท์มือถือ รถไฟฟ้า เครื่องกระตุ้นหัวใจ
Eric Giler - Wireless electrician
As the CEO of MIT-inspired WiTricity, Eric Giler has a plan to beam electric power through the air to wirelessly power your laptop or recharge your car. You may never plug in again. Full bio
As the CEO of MIT-inspired WiTricity, Eric Giler has a plan to beam electric power through the air to wirelessly power your laptop or recharge your car. You may never plug in again. Full bio
Double-click the English transcript below to play the video.
00:12
Early visions of wireless power
0
0
4000
แนวคิดแรกๆ เกี่ยวกับการส่งพลังงานไฟฟ้าแบบไร้สาย
00:16
actually were thought of by Nikola Tesla
1
4000
3000
จริงๆ แล้วเป็นแนวคิดของ นิโคลา เทสลา (Nikola Tesla)
00:19
basically about 100 years ago.
2
7000
2000
เมื่อประมาณ 100 ปีที่แล้ว
00:21
The thought that
3
9000
2000
แนวความคิดนี้เริ่มต้นที่ว่า
00:23
you wouldn't want to transfer electric power wirelessly,
4
11000
3000
คุณไม่ต้องการระบบส่งพลังงานไฟฟ้าแบบไร้สายหรอก
00:26
no one ever thought of that.
5
14000
2000
เพราะไม่เคยมีใครนึกที่จะสร้างมัน
00:28
They thought, "Who would use it if you didn't?"
6
16000
2000
พวกเขาคิดเอาว่า "ใครล่ะจะใช้ถ้าเราเองยังไม่ใช้เลย?"
00:30
And so, in fact, he actually set about
7
18000
3000
ดังนั้น นิโคลาจึงเริ่ม
00:33
doing a variety of things.
8
21000
2000
ทำอะไรหลายสิ่งหลายอย่าง
00:35
Built the Tesla coil. This tower was built
9
23000
2000
สร้างหอคอยขดลวดเทสลา
00:37
on Long Island back at the beginning of the 1900s.
10
25000
4000
ที่ ลองไอแลนด์ ในช่วงต้นทศวรรษ 1900
00:41
And the idea was, it was supposed to be able to transfer power
11
29000
2000
แนวคิดก็คือจะให้มันส่งพลังงานไฟฟ้าแบบไร้สาย
00:43
anywhere on Earth.
12
31000
2000
ไปยังทุกๆ ที่ทั่วมุมโลก
00:45
We'll never know if this stuff worked. Actually, I think the
13
33000
2000
เราไม่รู้แน่ชัดว่ามันทำงานได้จริงรึเปล่า จริงๆ แล้ว ผมคิดว่า
00:47
Federal Bureau of Investigation
14
35000
2000
FBI ล้มโครงการลง
00:49
took it down for security purposes,
15
37000
2000
ด้วยเหตุผลทางด้านความปลอดภัย
00:51
sometime in the early 1900s.
16
39000
3000
ในช่วงต้นๆทศวรรษ 1900 เช่นเดียวกัน
00:54
But the one thing that did come out of electricity
17
42000
2000
แต่สิ่งหนึ่งที่มาพร้อมพลังงานไฟฟ้า
00:56
is that we love this stuff so much.
18
44000
2000
ก็คือ พวกเรารักมันมากเลยล่ะ
00:58
I mean, think about how much we love this.
19
46000
2000
ผมหมายถึง ทำไมเราจะไม่รักมันล่ะ
01:00
If you just walk outside, there are trillions of dollars
20
48000
4000
ถ้าเราเดินออกไปข้างนอก เราจะเห็นเงินเป็นล้านล้านดอลลาร์
01:04
that have been invested in infrastructure around the world,
21
52000
2000
ที่ลงทุนไปกับโครงสร้างพื้นฐานทั่วทุกมุมโลก
01:06
putting up wires to get power from where it's created
22
54000
3000
สายไฟฟ้าถูกโยงไปทุกที่ทุกแห่งเพื่อนำพาพลังงาน
01:09
to where it's used.
23
57000
2000
ไปยังที่ที่ต้องการใช้
01:11
The other thing is, we love batteries.
24
59000
3000
อีกสิ่งที่เรารักมันมากเช่นเดียวกันคือ แบตเตอรี่
01:14
And for those of us that have an environmental element to us,
25
62000
4000
พวกมันกลายมาเป็นองค์ประกอบพื้นฐานรอบๆ ตัวเรา
01:18
there is something like 40 billion
26
66000
2000
มีการผลิตถ่ายไฟฉายประเภทใช้แล้วทิ้ง
01:20
disposable batteries built every year
27
68000
2000
ประมาณปีละ 4 หมื่นล้านก้อน
01:22
for power that, generally speaking,
28
70000
2000
เพื่อให้พลังงานกับอะไรก็ตามที่โดยทั่วไป
01:24
is used within a few inches or a few feet
29
72000
3000
ถูกใช้ห่างเพียงไม่กี่นิ้ว หรือไม่กี่ฟุต
01:27
of where there is very inexpensive power.
30
75000
2000
จากแหล่งพลังงานที่มีราคาถูกมาก
01:29
So, before I got here,
31
77000
3000
ก่อนที่ผมจะลงลึกไปในรายละเอียด
01:32
I thought, "You know, I am from North America.
32
80000
2000
ผมว่า "อย่างที่คุณรู้กัน ผมมาจากอเมริกาตอนเหนือ
01:34
We do have a little bit of a reputation in the United States."
33
82000
3000
พวกเราสร้างชื่อเสียงพอสมควรในสหรัฐอเมริกา"
01:37
So I thought I'd better look it up first.
34
85000
2000
ดังนั้น จะดีกว่าถ้าผมให้คุณดูนิยามของคำพวกนี้ก่อน
01:39
So definition number six is the North American
35
87000
3000
นิยามของเลข 6 (ออกเสียง ซิกส์) คืออเมริกาเหนือ
01:42
definition of the word "suck."
36
90000
3000
ความหมายของคำว่า ห่วย (ออกเสียง ซักส์)
01:45
Wires suck, they really do.
37
93000
2000
สายไฟฟ้าห่วย ใช่มันห่วย
01:47
Think about it. Whether that's you in that picture
38
95000
3000
ลองดูว่าถ้านั่นคือคุณในภาพ
01:50
or something under your desk.
39
98000
2000
หรืออะไรที่อยู่ใต้โต๊ะของคุณ
01:52
The other thing is, batteries suck too.
40
100000
3000
อีกสิ่งที่ที่ห่วยเหมือนกัน คือแบตเตอรี่
01:55
And they really, really do.
41
103000
2000
ใช่มันห่วยจริงๆ
01:57
Do you ever wonder what happens to this stuff?
42
105000
2000
คุณเคยสงสัยมั้ยว่า ใช้แบตเตอรี่แล้วเป็นไงต่อไป?
01:59
40 billion of these things built.
43
107000
2000
หลังจากที่ถ่ายไฟฉาย 4 หมื่นล้านก้อนถูกสร้างขึ้น
02:01
This is what happens.
44
109000
2000
มันกลายสภาพเป็นแบบนี้
02:03
They fall apart, they disintegrate,
45
111000
2000
มันเสื่อมสภาพ แล้วค่อยๆ สึกกร่อน
02:05
and they end up here.
46
113000
2000
แล้วก็มาจบที่นี่
02:07
So when you talk about expensive power,
47
115000
3000
ดังนั้น เวลาที่คุณพูดถึงพลังงานราคาแพง
02:10
the cost per kilowatt-hour
48
118000
4000
ราคาต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง
02:14
to supply battery power to something
49
122000
2000
โดยใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เพื่อทำอะไร
02:16
is on the order of two to three hundred pounds.
50
124000
3000
ตกอยู่ราว 200 - 300 ปอนด์สเตอริงต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมงนะครับ
02:19
Think about that.
51
127000
2000
คิดดูสิครับ
02:21
The most expensive grid power in the world
52
129000
2000
พลังงานไฟฟ้าที่แพงที่สุดในโลกมีราคาแค่
02:23
is thousandths of that.
53
131000
3000
หนึ่งในพันของราคาแบตเตอรี่
02:26
So fortunately, one of the other definitions
54
134000
3000
แต่โชคดี อีกหนึ่งความหมายของคำว่า ห่วย
02:29
of "suck" that was in there, it does create a vacuum.
55
137000
3000
นั่นคือ การสร้างสูญญากาศ
02:32
And nature really does abhor a vacuum.
56
140000
3000
สิ่งที่เป็นธรรมชาติไม่ชอบสูญญากาศ
02:35
What happened back a few years ago
57
143000
2000
มาดูกันว่า เกิดอะไรขึ้นเมื่อ 2-3 ปีก่อน
02:37
was a group of theoretical physicists at MIT
58
145000
4000
มีกลุ่มของนักฟิสิกส์ที่สถาบันเทคโนโลยีแห่งแมสซาชูเสตต์ (MIT)
02:41
actually came up with this concept of transferring power over distance.
59
149000
4000
เกิดแนวคิดที่ว่า จะส่งพลังงานไฟฟ้าแบบไร้สาย
02:45
Basically they were able to light a 60 watt light bulb
60
153000
4000
พวกเขาสามารถส่งพลังงานไฟฟ้าไปจุดหลอดไฟขนาด 60 วัตต์ได้
02:49
at a distance of about two meters.
61
157000
2000
โดยส่งพลังงานที่ระยะห่างประมาณ 2 เมตร
02:51
It got about 50 percent of the efficiency --
62
159000
3000
พวกเค้าทำได้ที่ประสิทธิภาพประมาณ 50% ในการส่งพลังงาน
02:54
by the way, that's still a couple thousand times
63
162000
2000
มันมีประสิทธิภาพมากกว่าแบตเตอรี่ถึง
02:56
more efficient than a battery would be, to do the same thing.
64
164000
3000
2-3 พันเท่า ที่จะให้พลังงานเท่าๆกัน
02:59
But were able to light that,
65
167000
2000
และถึงแม้เราจะทำให้หลอดไฟ
03:01
and do it very successfully.
66
169000
2000
ส่องสว่างได้สำเร็จ
03:03
This was actually the experiment. So you can see
67
171000
2000
มันก็ยังอยู่ในขั้นทดลอง คุณอาจจะได้เห็น
03:05
the coils were somewhat larger.
68
173000
3000
ขดลวดที่มีขนาดใหญ่ขึ้น
03:08
The light bulb was a fairly simple task, from their standpoint.
69
176000
3000
พลังงานไฟฟ้าที่ใช้จุดสว่างในหลอดไฟเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ยากอยู่แล้ว
03:11
This all came from a professor
70
179000
3000
แนวคิดพวกนี้เริ่มมาจากอาจารย์คนหนึ่ง
03:14
waking up at night to the third night in a row
71
182000
2000
ที่สะดุ้งตื่นขึ้นกลางดึกเป็นคืนที่ 3 ต่อเนื่องกัน
03:16
that his wife's cellphone was beeping
72
184000
2000
เพราะโทรศัพท์มือถือของภรรยาร้องเตือน
03:18
because it was running out of battery power.
73
186000
3000
ว่าแบตเตอรี่กำลังจะหมด
03:21
And he was thinking, "With all the electricity that's out there in the walls,
74
189000
4000
ทำให้เขาคิดในใจว่า "ทำไมไฟฟ้าในสายไฟที่เดินสายอยู่ในกำแพง
03:25
why couldn't some of that just come into the phone so I could get some sleep?"
75
193000
3000
ไม่ไหลลงไปอยู่ในโทรศัพท์มือถือให้หมด ผมจะได้นอนหลับสักที?"
03:28
And he actually came up with this concept
76
196000
2000
เขาจึงคิดหาวิธีและเกิดเป็นแนวคิดว่าจะใช้วิธี
03:30
of resonant energy transfer.
77
198000
2000
การส่งพลังงานแบบสะท้อน (resonant)
03:32
But inside a standard transformer are two coils of wire.
78
200000
4000
ในหม้อแปลงไฟฟ้า เราจะมีขดลวดอยู่ 2 ขดพันรอบแกน
03:36
And those two coils of wire are really, really close to each other,
79
204000
3000
ขดลวดทั้ง 2 นี้จะต้องอยู่ใกล้กันมากๆ
03:39
and actually do transfer power
80
207000
4000
เพื่อที่จะส่งพลังงานไปหากัน
03:43
magnetically and wirelessly, only over a very short distance.
81
211000
3000
ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าโดยไม่ต้องใช้สาย แต่ส่งพลังงานกันในระยะสั้นมากๆ
03:46
What Dr. Soljacic figured out how to do
82
214000
3000
สิ่งที่ ดร. โซลยาสิกซ์ (Soljacic) ค้นพบก็คือ วิธีการที่จะแยก
03:49
was separate the coils in a transformer
83
217000
3000
ขดลวดทั้ง 2 ขดในหม้อแปลง
03:52
to a greater distance than the size of those transformers
84
220000
4000
ให้มีระยะห่างที่มากขึ้นไปอีก
03:56
using this technology, which is not dissimilar
85
224000
2000
โดยใช้เทคนิคที่ไม่ได้แตกต่างไปจาก
03:58
from the way an opera singer shatters a glass on the other side of the room.
86
226000
4000
การที่นักร้องโอเปร่าเปล่งเสียงจนแก้วที่อยู่อีกฝั่งของห้องแตก
04:02
It's a resonant phenomenon
87
230000
2000
นั่นคือปรากฏการณ์คลื่นสะท้อน
04:04
for which he actually received a MacArthur Fellowship Award,
88
232000
3000
การค้นพบสิ่งนี้ทำให้เขาได้รับรางวัลจากสมาคมแมคอาเธอร์ (MacArthur Fellowship Award)
04:07
which is nicknamed the Genius Award,
89
235000
2000
ซึ่งเรียกกันเล่นๆ ว่า รางวัลอัจฉริยะ (Genius Award)
04:09
last September, for his discovery.
90
237000
3000
ในเดือนกันยายนปีก่อน (พ.ศ.2552)
04:12
So how does it work?
91
240000
2000
แล้วมันทำงานได้อย่างไร?
04:14
Imagine a coil. For those of you that are engineers,
92
242000
3000
นึกภาพถึงขดลวดไฟฟ้า สำหรับท่านที่เป็นวิศวกร
04:17
there's a capacitor attached to it too.
93
245000
2000
ที่มีตัวเก็บประจุอยู่ข้างใน
04:19
And if you can cause that coil to resonate,
94
247000
3000
ถ้าคุณทำให้ขดลวดแผ่คลื่นออกมาให้สั่นอย่างพอเหมาะ
04:22
what will happen is it will pulse
95
250000
2000
จะเกิดการสั่นแบบเป็นจังหวะ
04:24
at alternating current frequencies --
96
252000
2000
ที่ความถี่ของสัญญาณไฟฟ้ากระแสสลับ
04:26
at a fairly high frequency, by the way.
97
254000
3000
ซึ่งมีความถี่สูงพอสมควร
04:29
And if you can bring another device
98
257000
4000
แล้วถ้าคุณนำอุปกรณ์ไฟฟ้าอีกอันหนึ่งเข้ามา
04:33
close enough to the source,
99
261000
2000
วางไว้ใกล้กับแหล่งกำเนิดพลังงานมากพอ
04:35
that will only work at exactly that frequency,
100
263000
3000
ซึ่งทำงานที่ความถี่เดียวกัน
04:38
you can actually get them to do what's called strongly couple,
101
266000
4000
คุณจะได้อะไรที่เรียกว่า คู่ประสานที่แข็งแกร่ง (strongly couple)
04:42
and transfer magnetic energy between them.
102
270000
4000
และสามารถส่งผ่านคลื่นแม่เหล็กหากันได้
04:46
And then what you do is, you start out with electricity,
103
274000
2000
และนั่นแหละคือจุดเริ่มต้นของการส่งพลังงานไฟฟ้า
04:48
turn it into magnetic field, take that magnetic field,
104
276000
2000
แปลงมันเป็นคลื่นแม่เหล็ก ส่งผ่านสนามแม่เหล็ก
04:50
turn it back into electricity,
105
278000
2000
และแปลงกลับเป็นพลังงานไฟฟ้า
04:52
and then you can use it.
106
280000
3000
แล้วคุณก็นำมันไปใช้งานต่อได้
04:55
Number one question I get asked.
107
283000
2000
คำถามแรกเลยที่มีคนถามผม ก็คือ
04:57
I mean, people are worried about cellphones being safe.
108
285000
2000
อย่างที่รู้กัน คนกังวลว่าโทรศัพท์มือถือปลอดภัยหรือไม่
04:59
You know. What about safety?
109
287000
2000
อะไรคือความปลอดภัย?
05:01
The first thing is this is not a "radiative" technology.
110
289000
2000
ข้อแรก นี่ไม่ใช่เทคนิคทางรังสี
05:03
It doesn't radiate.
111
291000
2000
มันไม่ได้แผ่รังสี
05:05
There aren't electric fields here. It's a magnetic field.
112
293000
3000
มันไม่ใช่สนามไฟฟ้า แต่มันคือสนามแม่เหล็ก
05:08
It stays within either what we call the source,
113
296000
2000
มันอยู่ภายในต้นกำเนิดพลังงาน
05:10
or within the device.
114
298000
2000
อยู่ในอุปกรณ์รับพลังงาน
05:12
And actually, the magnetic fields we're using
115
300000
2000
และอันที่จริง สนามแม่เหล็กที่เราใช้
05:14
are basically about the same as the Earth's magnetic field.
116
302000
3000
คือสนามแม่เหล็กแบบเดียวกับสนามแม่เหล็กโลก
05:17
We live in a magnetic field.
117
305000
2000
เราอาศัยอยู่ในสนามแม่เหล็ก
05:19
And the other thing that's pretty cool about the technology is
118
307000
3000
และอีกข้อนึงที่เจ๋งมากเกี่ยวกับเทคโนโลยีนี้ คือ
05:22
that it only transfers energy to things that work at exactly the same frequency.
119
310000
4000
มันจะส่งผ่านพลังงานได้เฉพาะอุปกรณ์ที่มีความถี่เดียวกันเท่านั้น
05:26
And it's virtually impossible in nature to make that happen.
120
314000
4000
และว่าไปแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะเกิดขึ้นมาเองตามธรรมชาติ
05:30
Then finally we have governmental bodies everywhere
121
318000
2000
และสุดท้าย เรามีหน่วยงานของรัฐบาล ที่จะออกมาตรการ
05:32
that will regulate everything we do.
122
320000
2000
กำกับในทุกๆ อย่างที่เราทำ
05:34
They've pretty much set field exposure limits,
123
322000
2000
พวกเขาวางข้อกำหนดในการสร้างสนามแม่เหล็ก
05:36
which all of the things in the stuff I'll show you today
124
324000
2000
ซึ้่งก็คือทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมนำมาแสดงในวันนี้
05:38
sort of sit underneath those guidelines.
125
326000
3000
ซึ่งจะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดที่ว่า
05:41
Mobile electronics.
126
329000
2000
เครื่องใช้ไฟฟ้าแบบพกพา
05:43
Home electronics.
127
331000
2000
เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน
05:45
Those cords under your desk, I bet everybody here
128
333000
2000
สายไฟฟ้าใต้โต๊ะของคุณ ผมเชื่อว่าเราทุกคนที่นี่
05:47
has something that looks like that or those batteries.
129
335000
3000
มีอไรคล้ายๆแบบนี้ หรือไม่ก็แบตเตอรี่นั่น
05:50
There are industrial applications.
130
338000
2000
อุปกรณ์เครื่องมือในอุตสาหกรรม
05:52
And then finally, electric vehicles.
131
340000
2000
และสุดท้าย รถพลังงานไฟฟ้า
05:54
These electric cars are beautiful.
132
342000
2000
รถพลังงานไฟฟ้าคือสิ่งสวยงาม
05:56
But who is going to want to plug them in?
133
344000
3000
แต่ใครอยากที่จะเสียบปลั๊กมัน?
05:59
Imagine driving into your garage -- we've built a system to do this --
134
347000
3000
เมื่อคุณขับรถเข้าไปในโรงรถ -- ซึ่งเราสร้างระบบรองรับเอาไว้ --
06:02
you drive into your garage, and the car charges itself,
135
350000
4000
แล้วรถก็ชาร์จพลังงานด้วยตัวของมันเอง
06:06
because there is a mat on the floor that's plugged into the wall.
136
354000
3000
เพราะเราทำพื้นรองที่เชื่อมต่อพลังงานไฟฟ้าจากกำแพง
06:09
And it actually causes your car to charge safely and efficiently.
137
357000
4000
ซึ่งทำให้การชาร์จพลังงานในรถยนต์มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
06:13
Then there's all kinds of other applications. Implanted medical devices,
138
361000
3000
และยังมีอุปกรณ์ไฟฟ้าอีกหลายพวกหลายอย่างที่จะใช้แบบนี้ได้ อย่าง พวกอุปกรณ์การแพทย์ที่ฝังไว้ในร่างกาย
06:16
where people don't have to die of infections anymore
139
364000
2000
ผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องตายเพราะติดเชื้ออีกต่อไป
06:18
if you can seal the thing up.
140
366000
2000
ถ้าเราสามารถฝังอุปกรณ์พวกนั้นในร่างกายไปเลย
06:20
Credit cards, robot vacuum cleaners.
141
368000
2000
บัตรเครดิต, หุ่นยนต์ทำความสะอาด
06:22
So what I'd like to do is take a couple minutes
142
370000
2000
ผมอยากจะขอเวลาสัก 2-3 นาที
06:24
and show you, actually, how it works.
143
372000
4000
แสดงให้คุณเห็นของจริง ว่ามันทำงานยังไง
06:28
And what I'm going to do is to show you pretty much what's here.
144
376000
5000
อย่างที่เห็น มีของหลายอย่างบนนี้
06:33
You've got a coil.
145
381000
3000
มีขดลวด
06:36
That coil is connected to an R.F. amplifier
146
384000
3000
ขดลวดเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ขยายสัญญาณ
06:39
that creates a high-frequency oscillating magnetic field.
147
387000
4000
ซึ่งสร้างสนามแม่เหล็กความถี่สูง
06:43
We put one on the back of the television set.
148
391000
2000
เราติดอันนึงไว้ที่หลังทีวี
06:45
By the way, I do make it look a little bit easier than it is.
149
393000
3000
ผมพยายามทำให้มันดูง่ายกว่าที่เป็น
06:48
There's lots of electronics and secret sauce
150
396000
2000
ทั้งที่จริงๆ แล้วมันเต็มไปด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
06:50
and all kinds of intellectual property that go into it.
151
398000
5000
และชิ้นส่วนที่เป็นความลับภายใน
06:55
But then what's going to happen is, it will create a field.
152
403000
3000
สิ่งที่มันทำก็คือสร้างสนามแม่เหล็ก
06:58
It will cause one to get created
153
406000
2000
ส่งต่อพลังงาน
07:00
on the other side.
154
408000
3000
ไปยังอีกฝั่ง
07:03
And if the demo gods are willing,
155
411000
2000
และถ้ามันเป็นไปตามนั้นจริง
07:05
in about 10 seconds or so we should see it.
156
413000
2000
คุณจะเห็นภาพบนหน้าจอในอีก 10 วินาที
07:07
The 10 seconds actually are because we --
157
415000
2000
10 วินาทีที่ต้องรอ ก็เพราะ
07:09
I don't know if any of you have ever thought about plugging a T.V. in
158
417000
3000
เวลาที่คุณจะดูทีวีที่บ้านของคุณ
07:12
when you use just a cord.
159
420000
2000
คุณก็เสียบปลั๊ก
07:14
Generally, you have to go over and hit the button. So I thought
160
422000
2000
และจากนั้น คุณต้องกดปุ่มเปิด แต่ในกรณีนี้
07:16
we put a little computer in it that has to wake up
161
424000
2000
พวกผมใช้ระบบควบคุมการเปิดปิดอัตโนมัติ
07:18
to tell it to do that.
162
426000
4000
จึงต้องใช้เวลาในการส่งคำสั่งเปิด
07:26
So, I'll plug that in.
163
434000
2000
ผมจะเสียบปลั๊กที่นี่
07:28
It creates a magnetic field here.
164
436000
3000
มันก็เริ่มสร้างสนามแม่เหล็ก
07:31
It causes one to be created out here.
165
439000
2000
และส่งผ่านให้เกิดสนามแม่เหล็กที่นี่
07:33
And as I said, in sort of about 10 seconds
166
441000
3000
อย่างที่ผมบอก ในระยะเวลา 10 วินาที
07:36
we should start to see ...
167
444000
4000
คุณจะเห็นภาพบนหน้าจอ
07:40
This is a commercially --
168
448000
2000
นั่นเป็น
07:42
(Applause)
169
450000
7000
(เสียงปรบมือ)
07:49
available color television set.
170
457000
3000
ทีวีสีที่มีขายทั่วไปตามท้องตลาด
07:52
Imagine, you get one of these things. You want to hang them on the wall.
171
460000
2000
ลองนึกภาพว่า คุณมีเจ้าสิ่งนี้และอยากแขวนมันไว้บนผนัง
07:54
How many people want to hang them on the wall?
172
462000
2000
มีคนมากมายที่อยากแขวนมันบนผนัง?
07:56
Think about it. You don't want those ugly cords coming down.
173
464000
2000
ลองคิดดู คุณไม่ต้องเห็นสายไฟห้อยลงมาอีก
07:58
Imagine if you can get rid of it.
174
466000
2000
คุณสามารถกำจัดมันทิ้งได้เลย
08:00
The other thing I wanted to talk about was safety.
175
468000
2000
อีกสิ่งหนึ่งที่ผมอยากพูดคือเรื่องความปลอดภัย
08:02
So, there is nothing going on. I'm okay.
176
470000
4000
ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เห็นมั้ย ผมสบายดี
08:06
And I'll do it again, just for safety's sake.
177
474000
2000
ผมจะทำให้ดูอีกที
08:08
Almost immediately, though, people ask,
178
476000
3000
คนมักจะถามต่อโดยทันทีว่า
08:11
"How small can you make this? Can you make this small enough?"
179
479000
3000
"คุณทำมันให้เล็กลงได้อีกแค่ไหน? มันเล็กพอหรือยัง?"
08:14
Because remember Dr. Soljacic's original idea
180
482000
4000
ผมอยากให้นึกถึงจุดเริ่มต้นจากแนวคิดของ ดร.โซลยาสิกซ์
08:18
was his wife's cellphone beeping.
181
486000
2000
ว่ามาจากการร้องเตือนในโทรศัพท์มือถือของภรรยาท่าน
08:20
So, I wanted to show you something.
182
488000
3000
ผมจะแสดงอะไรให้คุณดู
08:23
We're an equal opportunity designer of this sort of thing.
183
491000
2000
เราออกแบบให้ใช้งานกับสิ่งนี้
08:25
This a Google G1.
184
493000
2000
นี่คือ กูเกิล จี 1
08:27
You know, it's the latest thing that's come out.
185
495000
2000
มันคือโทรศัพท์มือถือรุ่นล่าสุด
08:29
It runs the Android operating system.
186
497000
2000
ทำงานบนระบบปฎิบัติการแอนดรอยด์
08:31
I think I heard somebody talk about that before.
187
499000
2000
ผมเคยได้ยินคนพูดถึงมันมาก่อน
08:33
It's odd. It has a battery.
188
501000
2000
มันแปลกใหม่ และใช้แบตเตอรี่
08:35
It also has coiled electronics
189
503000
2000
มันถูกติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
08:37
that WiTricity has put into the back of it.
190
505000
2000
ซึ่ง วายทริกซิตี้ (WiTricity) ใส่ไว้ข้างหลังมัน
08:39
And if I can get the camera --
191
507000
3000
ผมอยากให้กล้องถ่ายมาที่ตรงนี้
08:42
okay, great --
192
510000
2000
โอเค เยี่ยม
08:44
you'll see, as I get sort of close...
193
512000
6000
มองเข้าไปใกล้ๆ
08:50
you're looking at a cellphone powered completely wirelessly.
194
518000
4000
คุณจะเห็นโทรศัพท์มือถือ ได้รับพลังงานไฟฟ้าไร้สาย
08:54
(Applause)
195
522000
5000
(เสียงปรบมือ)
08:59
And I know some of you are Apple aficionados.
196
527000
3000
ผมรู้ว่าพวกคุณบางคนเป็นสาวกบริษัทแอปเปิล (Apple)
09:02
So, you know they don't make it easy at Apple to get inside their phones.
197
530000
2000
มันไม่ง่ายเลยที่จะเจาะเข้าไปในโทรศัพท์มือถือของแอปเปิล
09:04
So we put a little sleeve on the back,
198
532000
2000
เราจึงติดแผ่นเล็กๆไว้ที่ด้านหลัง
09:06
but we should be able to get this guy to wake up too.
199
534000
3000
ทำให้เราสามารถเปิดและชาร์จพลังงานมันได้
09:09
And those of you that have an iPhone recognize the green center.
200
537000
7000
พวกคุณบางคนคงจำแถบสีเขียวกลางจอนี้ได้
09:16
(Applause)
201
544000
1000
(เสียงปรบมือ)
09:17
And Nokia as well.
202
545000
2000
โนเกียก็เหมือนกัน
09:19
You'll see that what we did there is put a little thing in the back, to do that,
203
547000
4000
คุณคงเห็นว่าเราใส่อะไรเล็กๆ ไว้ที่ด้านหลัง
09:23
and it probably beeps, actually, as it goes on as well.
204
551000
3000
มันน่าจะร้องบี๊บ ตามปกติ
09:26
But they typically use it to light up the screen.
205
554000
2000
และส่องแสงสว่างบนหน้าจอ
09:28
So, imagine these things could go ... they could go in your ceiling.
206
556000
3000
นึกภาพว่าสิ่งเหล่านี้อยู่บนเพดาน
09:31
They could go in the floor. They could go, actually, underneath your desktop.
207
559000
3000
อยู่บนพื้น อยู่ใต้โต๊ะ
09:34
So that when you walk in or you come in from home,
208
562000
3000
เมื่อคุณกลับมาถึงบ้าน เดินตามทางเดิน
09:37
if you carry a purse, it works in your purse.
209
565000
2000
คุณถือกระเป๋า มันก็ทำงานให้อุปกรณ์ในกระเป๋า
09:39
You never have to worry about plugging these things in again.
210
567000
4000
คุณไม่ต้องคอยกังวลที่จะต้องคอยเสียบปลั๊กพวกมันอีกต่อไป
09:43
And think of what that would do for you.
211
571000
2000
คิดถึงสิ่งที่มันจะทำให้คุณได้
09:45
So I think in closing,
212
573000
4000
ผมคิดถึงการปิดตัวของ
09:49
sort of in the immortal visions of The New Yorker magazine,
213
577000
4000
แนวคิดอมตะจากนิตยสารนิวยอร์คเคอร์แม็กกาซีน (The New Yorker Magazine)
09:53
I thought I'd put up one more slide.
214
581000
4000
ซึ่งเป็นสไลด์แผ่นสุดท้าย
09:57
And for those of you who can't read it, it says,
215
585000
2000
สำหรับคนที่อ่านตรงนี้ไม่ออก เขาเขียนว่า
09:59
"It does appear to be some kind of wireless technology."
216
587000
2000
"มีปรากฎการณ์ของอะไรบางอย่างที่เป็นเทคโนโลยีไร้สาย"
10:01
So, thank you very much.
217
589000
2000
ขอบคุณมากครับ
10:03
(Applause)
218
591000
1000
(เสียงปรบมือ)
ABOUT THE SPEAKER
Eric Giler - Wireless electricianAs the CEO of MIT-inspired WiTricity, Eric Giler has a plan to beam electric power through the air to wirelessly power your laptop or recharge your car. You may never plug in again.
Why you should listen
Eric Giler heads WiTricity, a startup with a product straight out of science fiction: wireless electricity, beamed from a base station to your electrical devices. The technology was developed by an MIT team led by theoretical physicist Marin Soljačić (who won a MacArthur "genius"grant last year). Now, WiTricity is one of several startups developing tech to safely transmit power through the air -- and potentially untether our electronic age.
The technology at the core of WiTricity's approach is called magnetic coupled resonance, which can provoke an energetic response at a distance between two coils, one powered, the other not. If the two coils are correctly tuned to one another, energy flows from the connected one (installed, say, on the ceiling of a room) into the other (inside, say, your laptop). Giler presented a demo of it at TEDGlobal 2009 -- and several companies are already planning to add it to their phones, cameras, TVs and other devices.
Eric Giler | Speaker | TED.com