TED2013
Skylar Tibbits: The emergence of "4D printing"
สกายล่าร์ ทิบบิทส์ (Skylar Tibbits): กำเนิดของ "การพิมพ์แบบ 4 มิติ"
Filmed:
Readability: 5.3
2,855,362 views
การพิมพ์แบบ 3 มิติ ได้ถูกพัฒนาขึ้นอย่างมากนับตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1970 สมาชิกของ TED สกายล่าร์ ทิบบิทส์ ได้นำการพัฒนาไปสู่อีกระดับซึ่งเขาเรียกว่า การพิมพ์แบบ 4 มิติ โดยมีเวลาเป็นมิติที่ 4 เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดนี้ ทำให้เราสามารถพิมพ์วัตถุที่สามารถเปลี่ยนรูปได้ในภายหลังด้วยตัวมันเอง ลองคิดถึงการพิมพ์ลูกบาศก์ที่ม้วนพับเป็นรูปลูกบาศก์ต่อหน้าคุณ หรือท่อน้ำที่สามารถขยายหรือหดตัวได้ตามต้องการ
Skylar Tibbits - Inventor
Skylar Tibbits, a TED Fellow, is an artist and computational architect working on "smart" components that can assemble themselves. Full bio
Skylar Tibbits, a TED Fellow, is an artist and computational architect working on "smart" components that can assemble themselves. Full bio
Double-click the English transcript below to play the video.
00:12
This is me building a prototype
0
346
2770
ที่เห็นนี่คือผมกำลังพยายามสร้างต้นแบบ
00:15
for six hours straight.
1
3116
2920
ซึ่งใช้เวลาต่อเนื่องถึง 6 ชั่วโมง
00:18
This is slave labor to my own project.
2
6036
3921
นี่คือการใช้แรงงานเยี่ยงทาสเพื่อโครงการของตัวผมเอง
00:21
This is what the DIY and maker movements really look like.
3
9957
4990
นี่คือภาพการเคลื่อนที่ของการสร้างสรรค์งานด้วยตนเอง
00:26
And this is an analogy for today's construction and manufacturing world
4
14947
4766
และนี่เปรียบได้กับสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ในโลกของอุตสาหกรรมการก่อสร้างและการผลิต
ในโลกของอุตสาหกรรมการก่อสร้างและการผลิต
00:31
with brute-force assembly techniques.
5
19713
2788
ที่ใช้แรงงานอย่างหนักในการประกอบชิ้นส่วน
00:34
And this is exactly why I started studying
6
22501
2834
และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้ผมเริ่มศึกษา
00:37
how to program physical materials to build themselves.
7
25335
4269
วิธีการโปรแกรมให้วัสดุุสามารถสร้างรูปร่างได้ด้วยตัวเอง
00:41
But there is another world.
8
29604
1760
แต่มันมีอีกโลกหนึ่ง
00:43
Today at the micro- and nanoscales,
9
31364
1995
ในปัจจุบัน ที่ระดับไมโครและนาโน
00:45
there's an unprecedented revolution happening.
10
33359
2751
กำลังมีการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกโลกเกิดขึ้น
00:48
And this is the ability to program physical and biological materials
11
36110
4132
นั่นคือเราสามารถโปรแกรมวัสดุทางกายภาพ
และวัสดุชีวภาพ
และวัสดุชีวภาพ
00:52
to change shape, change properties
12
40242
2724
ให้มันสามารถเปลี่ยนรูปร่าง คุณสมบัติ
00:54
and even compute outside of silicon-based matter.
13
42966
2986
หรือกระทั่งคิดคำนวณโดยไม่ใช้วิถีซิลิกอน (อิเล็คทรอนิคส์)
00:57
There's even a software called cadnano
14
45952
2507
เรามีซอฟแวร์ชื่อว่า แคดนาโน (cadnano)
01:00
that allows us to design three-dimensional shapes
15
48459
2783
ที่ช่วยให้เราออกแบบรูปร่างสามมิติ
01:03
like nano robots or drug delivery systems
16
51242
3084
ดังเช่น หุ่นยนต์นาโน หรือ ระบบลำเลียงยา
01:06
and use DNA to self-assemble those functional structures.
17
54326
4303
และใช้ ดีเอ็นเอ (DNA) ในการประกอบ
สิ่งที่ทำหน้าที่ดังกล่าวขึ้นมาเอง
สิ่งที่ทำหน้าที่ดังกล่าวขึ้นมาเอง
01:10
But if we look at the human scale,
18
58629
2073
แต่ถ้าเรามาพิจารณาในระดับขนาดของมนุษย์
01:12
there's massive problems that aren't being addressed
19
60702
3056
มันมีปัญหาใหญ่หลายข้อที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข
01:15
by those nanoscale technologies.
20
63758
2368
โดยเทคโนโลยีในระดับนาโนดังกล่าว
01:18
If we look at construction and manufacturing,
21
66126
2099
ถ้าเราพิจารณาอุตสาหกรรมก่อสร้างและการผลิต
01:20
there's major inefficiencies, energy consumption
22
68225
4193
มันมีปัญหาในแง่ความไม่มีประสิทธิภาพ
สิ้นเปลืองพลังงาน
สิ้นเปลืองพลังงาน
01:24
and excessive labor techniques.
23
72418
2327
และการใช้เทคนิคที่ต้องใช้แรงงานมากเกินไป
01:26
In infrastructure, let's just take one example.
24
74745
2505
ลองยกตัวอย่างอันหนึ่งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน
01:29
Take piping.
25
77250
1483
ระบบท่อส่งน้ำประปา
01:30
In water pipes, we have fixed-capacity water pipes
26
78733
3725
เรามีท่อส่งน้ำที่มีความสามารถในการส่งปริมาณน้ำคงที่
01:34
that have fixed flow rates, except for expensive pumps and valves.
27
82458
4459
มีค่าอัตราการไหลของน้ำที่คงที่ ยกเว้นปั๊มและวาล์วราคาแพง
01:38
We bury them in the ground.
28
86917
1291
เราก็ฝังมันไว้ใต้ดิน
01:40
If anything changes -- if the environment changes,
29
88208
2621
ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลง เช่นสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไป
01:42
the ground moves, or demand changes --
30
90829
2637
พื้นเกิดการทรุดตัว หรือ ปริมาณการใช้น้ำเพิ่มขึ้น
01:45
we have to start from scratch and take them out and replace them.
31
93466
4250
เราจะต้องทำทุกอย่างใหม่หมด
เอาของเดิมออกมาแล้วทดแทนด้วยของใหม่
เอาของเดิมออกมาแล้วทดแทนด้วยของใหม่
01:49
So I'd like to propose that we can combine those two worlds,
32
97716
3368
ดังนั้น ผมอยากเสนอให้เรารวมโลกทั้งสองนี้เข้าด้วยกัน
01:53
that we can combine the world of the nanoscale programmable adaptive materials
33
101084
5171
โดยที่เราจะสามารถนำเอาโลกระดับนาโน
ที่สามารถโปรแกรมวัสดุให้ปรับเปลี่ยนได้
ที่สามารถโปรแกรมวัสดุให้ปรับเปลี่ยนได้
01:58
and the built environment.
34
106255
1677
รวมเข้าด้วยกันกับภาวะแวดล้อมอย่างที่เรามีอยู่
01:59
And I don't mean automated machines.
35
107932
2186
แต่ผมไม่ได้หมายถึงเครื่องจักรกลอัตโนมัตินะ
02:02
I don't just mean smart machines that replace humans.
36
110118
2459
ผมไม่ได้หมายถึงแค่เครื่องจักรชาญฉลาดที่ทำงานแทนมนุษย์
02:04
But I mean programmable materials that build themselves.
37
112577
3884
แต่ผมหมายถึง
วัสดุที่สามารถก่อสร้างด้วยตัวเองได้ตามคำสั่งของเรา
วัสดุที่สามารถก่อสร้างด้วยตัวเองได้ตามคำสั่งของเรา
02:08
And that's called self-assembly,
38
116461
2056
และนั่นคือสิ่งที่เรียกว่า การประกอบตัวเอง
02:10
which is a process by which disordered parts build an ordered structure
39
118517
4517
ซึ่งเป็นกระบวนการที่สร้างโครงสร้าง
ขึ้นมาจากชิ้นส่วนที่กระจัดกระจายอยู่
ขึ้นมาจากชิ้นส่วนที่กระจัดกระจายอยู่
02:15
through only local interaction.
40
123034
2493
ด้วยการปฏิสัมพันธ์ระหว่างชิ้นส่วนเหล่านั้น
02:17
So what do we need if we want to do this at the human scale?
41
125527
3175
แล้วเราจะต้องทำอย่างไร
ถ้าเราต้องการให้เกิดสิ่งนี้ขึ้นในระดับของมนุษย์
ถ้าเราต้องการให้เกิดสิ่งนี้ขึ้นในระดับของมนุษย์
02:20
We need a few simple ingredients.
42
128702
1975
เราต้องการส่วนประกอบพื้นฐานสองสามอย่าง
02:22
The first ingredient is materials and geometry,
43
130677
2839
อันแรกคือวัสดุและรูปทรง
02:25
and that needs to be tightly coupled with the energy source.
44
133516
3469
และมันจะต้องผูกสัมพันธ์กับแหล่งพลังงานอย่างลงตัว
02:28
And you can use passive energy --
45
136985
1658
คุณสามารถใช้พลังงานธรรมชาติ
02:30
so heat, shaking, pneumatics, gravity, magnetics.
46
138643
4684
เช่น ความร้อน การเขย่า
การสั่น แรงโน้มถ่วง หรือแรงแม่เหล็ก
การสั่น แรงโน้มถ่วง หรือแรงแม่เหล็ก
02:35
And then you need smartly designed interactions.
47
143327
3075
และคุณต้องออกแบบ
การปฏิสัมพันธ์ของพวกมันอย่างชาญฉลาด
การปฏิสัมพันธ์ของพวกมันอย่างชาญฉลาด
02:38
And those interactions allow for error correction,
48
146402
2133
และการปฏิสัมพันธ์นี้จะต้องยืดหยุ่นต่อความผิดพลาด
02:40
and they allow the shapes to go from one state to another state.
49
148535
4000
และการปฏิสัมพันธ์จะช่วยให้เกิดการเปลี่ยนรูปร่าง
ขณะที่มันเปลี่ยนจากสถานะหนี่งไปยังสถานะถัดไป
ขณะที่มันเปลี่ยนจากสถานะหนี่งไปยังสถานะถัดไป
02:44
So now I'm going to show you a number of projects that we've built,
50
152535
3232
ตอนนี้ ผมจะแสดงให้คุณดู
โครงการจำนวนหนึ่งที่เราได้ทำขึ้น
โครงการจำนวนหนึ่งที่เราได้ทำขึ้น
02:47
from one-dimensional, two-dimensional, three-dimensional
51
155767
3284
จากหนึ่งมิติ สองมิติ สามมิติ
02:51
and even four-dimensional systems.
52
159051
3067
และแม้กระทั่ง 4 มิติ
02:54
So in one-dimensional systems --
53
162118
1886
ในระบบแบบหนึ่งมิติ
02:56
this is a project called the self-folding proteins.
54
164004
2907
นี่คือโครงการที่เรียกว่า โปรตีนที่ม้วนพับเองได้
02:58
And the idea is that you take the three-dimensional structure of a protein --
55
166911
4707
แนวคิดก็คือคุณนำโครงสร้าง 3 มิติ ของโปรตีน
03:03
in this case it's the crambin protein --
56
171618
2681
--ในกรณีนี้คือโปรตีนแครมบิน (crambin)--
03:06
you take the backbone -- so no cross-linking, no environmental interactions --
57
174299
3646
คุณเลือกเอาเฉพาะส่วนหลัก
--ดังนั้นจะไม่มีส่วนที่เชื่อมต่อหรือส่วนที่ทำปฏิกิริยากับสิ่งแวดล้อม--
--ดังนั้นจะไม่มีส่วนที่เชื่อมต่อหรือส่วนที่ทำปฏิกิริยากับสิ่งแวดล้อม--
03:09
and you break that down into a series of components.
58
177945
3151
แล้วคุณแยกย่อยมันออกมาเป็นลำดับของชิ้นส่วน
03:13
And then we embed elastic.
59
181096
2274
จากนั้นเพิ่มความยืดหยุ่นเข้าไป
03:15
And when I throw this up into the air and catch it,
60
183370
2341
และเมื่อผมโยนมันขึ้นไปในอากาศ
แล้วรอรับตอนมันหล่นกลับลงมา
แล้วรอรับตอนมันหล่นกลับลงมา
03:17
it has the full three-dimensional structure of the protein, all of the intricacies.
61
185711
4851
มันจะเป็นโครงสร้างโปรตีน 3 มิติ
พร้อมด้วยรายละเอียดที่ซับซ้อนครบถ้วน
พร้อมด้วยรายละเอียดที่ซับซ้อนครบถ้วน
03:22
And this gives us a tangible model
62
190562
2100
และนี่คือตัวอย่างที่จับต้องได้
03:24
of the three-dimensional protein and how it folds
63
192662
3734
ของโปรตีนในแบบ 3 มิติ
และการม้วนตัวของมัน
และการม้วนตัวของมัน
03:28
and all of the intricacies of the geometry.
64
196396
2284
และรายละเอียดอันซับซ้อนของรูปทรง
03:30
So we can study this as a physical, intuitive model.
65
198680
3448
ดังนั้น เราสามารถศึกษาสิ่งนี้ในฐานะตัวอย่างหรือต้นแบบ
03:34
And we're also translating that into two-dimensional systems --
66
202128
2802
และเราได้พัฒนามันไปสู่ระบบแบบ 2 มิติ
03:36
so flat sheets that can self-fold into three-dimensional structures.
67
204930
4299
นี่คือกระดาษที่สามารถม้วนตัวเอง
เพื่อสร้างโครงสร้าง 3 มิติขึ้นมา
เพื่อสร้างโครงสร้าง 3 มิติขึ้นมา
03:41
In three dimensions, we did a project last year at TEDGlobal
68
209229
4453
กรณี 3 มิติ เราได้ทำโครงการที่่ TED Global ในปีที่แล้ว
03:45
with Autodesk and Arthur Olson
69
213682
1964
ร่วมกับ Autodesk และ อาร์เธอร์ ออลสัน (Arthur Olson)
03:47
where we looked at autonomous parts --
70
215646
1698
พวกเราเน้นไปที่ส่วนที่เกิดขึ้นด้วยตัวมันเอง
03:49
so individual parts not pre-connected that can come together on their own.
71
217344
4319
นั่นคือส่วนประกอบแต่ละชิ้นซึ่งถูกปล่อยไว้
จะสามารถเชื่อมต่อเข้าด้วยกันได้ด้วยตัวเอง
จะสามารถเชื่อมต่อเข้าด้วยกันได้ด้วยตัวเอง
03:53
And we built 500 of these glass beakers.
72
221663
2766
และเราผลิตขวดแก้วเหล่านี้เป็นจำนวน 500 ชุด
03:56
They had different molecular structures inside
73
224429
2467
พวกมันมีโมเลกุลที่โครงสร้างต่างๆ กันอยู่ข้างใน
03:58
and different colors that could be mixed and matched.
74
226896
2224
และมีสีสันที่สามารถเลือกจัดให้เข้าชุดกันได้
04:01
And we gave them away to all the TEDsters.
75
229120
2249
เราแจกจ่ายมันให้กับผู้เข้าร่วมสัมมนา TED
04:03
And so these became intuitive models
76
231369
2501
และมันก็กลายเป็นต้นแบบที่เข้าใจได้โดยสัญชาตญาณ
04:05
to understand how molecular self-assembly works at the human scale.
77
233870
3492
ว่าการสร้างตัวเองของโมเลกุลทำงาน
ในระดับขนาดปกติของคนทั่วไปอย่างไร
ในระดับขนาดปกติของคนทั่วไปอย่างไร
04:09
This is the polio virus.
78
237362
1817
นี่คือ เชื้อไวรัสโปลิโอ
04:11
You shake it hard and it breaks apart.
79
239179
1932
ถ้าคุณเขย่ามันแรงๆ มันจะแยกออกจากกัน
04:13
And then you shake it randomly
80
241111
1446
จากนั้นหากคุณเขย่าไปมาอย่างมั่วๆ
04:14
and it starts to error correct and built the structure on its own.
81
242557
3504
มันจะเริ่มกลับมารวมตัว
สร้างเป็นโครงสร้างของมันอีกครั้งหนึ่ง
สร้างเป็นโครงสร้างของมันอีกครั้งหนึ่ง
04:18
And this is demonstrating that through random energy,
82
246061
2967
และนี่คือการสาธิตให้เห็นว่า
เราสามารถใช้พลังงานแบบไร้ระเบียบ
เราสามารถใช้พลังงานแบบไร้ระเบียบ
04:21
we can build non-random shapes.
83
249028
4628
มาสร้างรูปทรงที่แน่นอนได้
04:25
We even demonstrated that we can do this at a much larger scale.
84
253656
3524
เราได้เคยสาธิตให้เห็นว่าเราสามารถทำอย่างนี้ได้
ในระดับขนาดที่ใหญ่กว่านี้มาก
ในระดับขนาดที่ใหญ่กว่านี้มาก
04:29
Last year at TED Long Beach,
85
257180
2154
เมื่อปีที่แล้ว ที่ TED เมืองลองบีช
04:31
we built an installation that builds installations.
86
259334
3211
เราสร้างวัตถุที่สามารถสร้างวัตถุขึ้นมา
04:34
The idea was, could we self-assemble furniture-scale objects?
87
262545
3537
แนวคิดก็คือ เราจะสามารถสร้างวัตถุที่ประกอบตัวมันเอง
ที่มีขนาดใหญ่เท่าเฟอร์นิเจอร์ได้หรือไม่
ที่มีขนาดใหญ่เท่าเฟอร์นิเจอร์ได้หรือไม่
04:38
So we built a large rotating chamber,
88
266082
2501
เราก็เลยสร้างกล่องขนาดใหญ่ที่หมุนได้
04:40
and people would come up and spin the chamber faster or slower,
89
268583
3213
และผู้คนสามารถเข้ามาหมุนกล่องนี้
เร็วบ้าง ช้าบ้าง
เร็วบ้าง ช้าบ้าง
04:43
adding energy to the system
90
271796
1585
เติมพลังงานใส่เข้าไปในระบบ
04:45
and getting an intuitive understanding of how self-assembly works
91
273381
3446
และทำความเข้าใจว่า
การประกอบชิ้นส่วนด้วยตัวเองทำงานอย่างไร
การประกอบชิ้นส่วนด้วยตัวเองทำงานอย่างไร
04:48
and how we could use this
92
276827
1379
และเราจะสามารถนำสิ่งนี้
04:50
as a macroscale construction or manufacturing technique for products.
93
278206
4746
ไปใช้ในอุตสาหกรรมการก่อสร้างและการผลิตได้อย่างไร
04:54
So remember, I said 4D.
94
282952
1667
จำได้ไหม ผมพูดถึง 4D สี่มิติ
04:56
So today for the first time, we're unveiling a new project,
95
284619
3695
ดังนั้น ในวันนี้ เราจะเปิดเผยโครงการ 4 มิติเป็นครั้งแรก
05:00
which is a collaboration with Stratasys,
96
288314
1886
ซึ่งเราทำงานร่วมกับ แสตรทาซี่
05:02
and it's called 4D printing.
97
290200
1835
และเราเรียกมันว่า การพิมพ์ 4 มิติ (4D printing)
05:04
The idea behind 4D printing
98
292035
1960
แนวคิดก็คือ
05:05
is that you take multi-material 3D printing --
99
293995
3000
คุณนำเอา
การพิมพ์แบบ 3 มิติ ด้วยวัสดุหลากหลาย
การพิมพ์แบบ 3 มิติ ด้วยวัสดุหลากหลาย
05:08
so you can deposit multiple materials --
100
296995
2189
คุณนำวัสดุหลาย ๆ อย่างมารวมกัน
05:11
and you add a new capability,
101
299184
1884
จากนั้นคุณก็เพิ่มความสามารถใหม่เข้าไป
05:13
which is transformation,
102
301068
1866
นั่นคือความสามารถในการเปลี่ยนรูป
05:14
that right off the bed,
103
302934
1317
ที่ซึ่ง เมื่อออกจากสายการผลิต
05:16
the parts can transform from one shape to another shape directly on their own.
104
304251
4327
ชิ้นส่วนจะสามารถเปลี่ยนรูป
จากรูปทรงหนึ่งไปยังอีกรูปทรงหนึ่งได้ด้วยตัวเอง
จากรูปทรงหนึ่งไปยังอีกรูปทรงหนึ่งได้ด้วยตัวเอง
05:20
And this is like robotics without wires or motors.
105
308578
3500
มันเหมือนหุ่นยนต์ที่ไม่มีสายไฟ ไม่มีมอเตอร์
05:24
So you completely print this part,
106
312078
1651
ดังนั้น เมื่อคุณพิมพ์ชิ้นส่วนนี้แล้วเสร็จ
05:25
and it can transform into something else.
107
313729
2804
มันจะสามารถเปลี่ยนรูปเป็นอย่างอื่นได้
05:28
We also worked with Autodesk on a software they're developing called Project Cyborg.
108
316533
4961
และเรากำลังทำงานกับ ออโตเดส์ค (Autodesk)
เพื่อพัฒนาซอฟแวร์ที่ชื่อว่า โปรเจค ไซบอร์ก (Project Cyborg)
เพื่อพัฒนาซอฟแวร์ที่ชื่อว่า โปรเจค ไซบอร์ก (Project Cyborg)
05:33
And this allows us to simulate this self-assembly behavior
109
321494
3123
ซึ่งมันจะช่วยให้เราสามารถ
จำลองพฤติกรรมการประกอบตัวเอง
จำลองพฤติกรรมการประกอบตัวเอง
05:36
and try to optimize which parts are folding when.
110
324617
3202
และพยายามปรับการม้วนพับตัวของแต่ละชิ้นส่วนให้ดีที่สุด
05:39
But most importantly, we can use this same software
111
327819
2730
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ
เราสามารถใช้ซอฟแวร์เดียวกันนี้
เราสามารถใช้ซอฟแวร์เดียวกันนี้
05:42
for the design of nanoscale self-assembly systems
112
330549
2908
สำหรับการออกแบบระบบการประกอบตัวเองในระดับนาโน
05:45
and human scale self-assembly systems.
113
333457
2843
และในระดับปกติของมนุษย์
05:48
These are parts being printed with multi-material properties.
114
336300
3513
นี่คือชิ้นส่วนที่กำลังถูกพิมพ์ด้วยวัสดุหลายชนิด
05:51
Here's the first demonstration.
115
339813
1717
และนี่คือการสาธิตครั้งแรก
05:53
A single strand dipped in water
116
341530
1904
สายยาวอันหนึ่งถูกจุ่มลงไปในน้ำ
05:55
that completely self-folds on its own
117
343434
2349
และมันก็ม้วนตัวเอง
05:57
into the letters M I T.
118
345783
3918
เป็นตัวอักษร M I T
06:01
I'm biased.
119
349701
1822
ผมเข้าข้างตัวเอง
06:03
This is another part, single strand, dipped in a bigger tank
120
351523
3449
นี่คือชิ้นส่วนอีกอันหนึ่ง สายยาวอันหนึ่งถูกจุ่มลงไปในถังที่ใหญ่กว่า
06:06
that self-folds into a cube, a three-dimensional structure, on its own.
121
354972
4623
และมันม้วนตัวเองเป็นรูปลูกบาศก์แบบ 3 มิติ
06:11
So no human interaction.
122
359595
1851
โดยไม่มีมนุษย์เข้าไปยุ่งเกี่ยว
06:13
And we think this is the first time
123
361446
1889
เราคิดว่า นี่เป็นครั้งแรก
06:15
that a program and transformation
124
363335
2247
ที่ชุดคำสั่งและการเปลี่ยนรูป
06:17
has been embedded directly into the materials themselves.
125
365582
3250
ได้ถูกฝังใส่เข้าไปในตัววัสดุโดยตรง
06:20
And it also might just be the manufacturing technique
126
368832
2730
และมันอาจจะเป็นเทคนิคการผลิต
06:23
that allows us to produce more adaptive infrastructure in the future.
127
371562
4134
ที่ช่วยให้เราสามารถสร้างโครงสร้างพื้นฐาน
ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ในอนาคต
ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ในอนาคต
06:27
So I know you're probably thinking,
128
375696
1186
ผมรู้ว่าคุณอาจจะกำลังคิดว่า
06:28
okay, that's cool, but how do we use any of this stuff for the built environment?
129
376882
4232
โอเค มันเจ๋งดีนะ แต่เราจะนำเอาของพวกนี้
มาใช้ประโยชน์กับโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่แล้วได้อย่างไร
มาใช้ประโยชน์กับโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่แล้วได้อย่างไร
06:33
So I've started a lab at MIT,
130
381114
2255
ดังนั้น ผมได้ริเริ่มสร้างห้องปฏิบัติการที่ MIT
06:35
and it's called the Self-Assembly Lab.
131
383369
1882
เรียกว่า Self-Assembly Lab
06:37
And we're dedicated to trying to develop programmable materials
132
385251
3144
พวกเราทุ่มเทให้กับการพัฒนาวัสดุที่โปรแกรมได้
06:40
for the built environment.
133
388395
1191
ที่สามารถใช้ได้กับโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่แล้ว
06:41
And we think there's a few key sectors
134
389586
1963
พวกเราคิดว่ามีบางภาคอุตสาหกรรม
06:43
that have fairly near-term applications.
135
391549
2314
ที่สามารถนำไปใช้ได้ในระยะเวลาอันใกล้นี้
06:45
One of those is in extreme environments.
136
393863
2055
หนึ่งในนั้นก็คือภาคส่วนที่มีสภาพแวดล้อมรุนแรงสุดขีด
06:47
These are scenarios where it's difficult to build,
137
395918
2546
นี่คือสถานการณ์ที่การก่อสร้างด้วยเทคนิคที่ใช้อยู่ปัจจุบัน
06:50
our current construction techniques don't work,
138
398464
2488
ไม่สามารถทำได้
06:52
it's too large, it's too dangerous, it's expensive, too many parts.
139
400952
3560
มันใหญ่เกินไป อันตรายเกินไป มีราคาแพง
และมีชิ้นส่วนมากเกินไป
และมีชิ้นส่วนมากเกินไป
06:56
And space is a great example of that.
140
404512
2367
และอวกาศก็เป็นตัวอย่างที่ดีอันหนึ่ง
06:58
We're trying to design new scenarios for space
141
406879
2366
พวกเราพยายามออกแบบโฉมหน้าใหม่สำหรับอวกาศ
07:01
that have fully reconfigurable and self-assembly structures
142
409245
3300
ที่สามารถประกอบสร้างตัวเองและปรับเปลี่ยนโครงสร้างได้
07:04
that can go from highly functional systems from one to another.
143
412545
3690
ซึ่งสามารถเปลี่ยนจากระบบที่ทำหน้าที่หนึ่ง
ไปเป็นอีกระบบซึ่งทำอีกหน้าที่หนึ่งได้
ไปเป็นอีกระบบซึ่งทำอีกหน้าที่หนึ่งได้
07:08
Let's go back to infrastructure.
144
416235
2111
กลับมาพูดถึงเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน
07:10
In infrastructure, we're working with a company out of Boston called Geosyntec.
145
418346
3899
ด้านโครงสร้างพื้นฐาน เรากำลังทำงานกับบริษัทในบอสตัน
ชื่อ Geosyntec
ชื่อ Geosyntec
07:14
And we're developing a new paradigm for piping.
146
422245
2800
พวกเรากำลังพัฒนาระบบท่อแบบใหม่
07:17
Imagine if water pipes could expand or contract
147
425045
3623
จิตนาการดูซิว่า ถ้าท่อน้ำสามารถขยายหรือหดตัว
07:20
to change capacity or change flow rate,
148
428668
2750
เพื่อเปลี่ยนปริมาณส่งน้ำ หรืออัตราการไหล
07:23
or maybe even undulate like peristaltics to move the water themselves.
149
431418
4534
หรือกระทั่งสามารถบีบตัวเพื่อขับดันน้ำ
07:27
So this isn't expensive pumps or valves.
150
435952
2610
ดังนั้น นี่ก็จะเป็นปั๊มหรือวาล์วที่ราคาไม่แพง
07:30
This is a completely programmable and adaptive pipe on its own.
151
438562
4283
นี่คือระบบท่อที่สามารถสั่งและปรับเปลี่ยนได้โดยตัวมันเอง
07:34
So I want to remind you today
152
442845
1815
วันนี้ ผมอยากจะย้ำเตือนพวกท่าน
07:36
of the harsh realities of assembly in our world.
153
444660
3384
ถึงความจริงที่ขมขื่นในโลกแห่งการสร้างและประกอบ
07:40
These are complex things built with complex parts
154
448044
3465
มันคือสิ่งที่ซับซ้อน
สร้างขึ้นด้วยชิ้นส่วนที่ซับซ้อน
สร้างขึ้นด้วยชิ้นส่วนที่ซับซ้อน
07:43
that come together in complex ways.
155
451509
2785
และประกอบเข้าด้วยกันอย่างซับซ้อน
07:46
So I would like to invite you from whatever industry you're from
156
454294
3199
ดังนั้น ผมอยากจะเชิญพวกคุณ
ไม่ว่าจะมาจากอุตสาหกรรมใด
ไม่ว่าจะมาจากอุตสาหกรรมใด
07:49
to join us in reinventing and reimagining the world,
157
457493
4053
มาร่วมมือกับพวกเรา
เพื่อสร้างโลกใหม่ในการสร้างและประกอบ
เพื่อสร้างโลกใหม่ในการสร้างและประกอบ
07:53
how things come together from the nanoscale to the human scale,
158
461546
3699
สิ่งต่างๆ จากขนาดเล็กๆ ระดับนาโน
ไปจนถึงขนาดใหญ่ที่เราคุ้นเคย
ไปจนถึงขนาดใหญ่ที่เราคุ้นเคย
07:57
so that we can go from a world like this
159
465245
3075
เพื่อให้เราสามารถเปลี่ยนจากโลกแบบนี้
08:00
to a world that's more like this.
160
468320
2950
ไปเป็นโลกแบบนี้
08:12
Thank you.
161
480632
1910
ขอบคุณครับ
08:14
(Applause)
162
482542
2301
(เสียงปรบมือ)
ABOUT THE SPEAKER
Skylar Tibbits - InventorSkylar Tibbits, a TED Fellow, is an artist and computational architect working on "smart" components that can assemble themselves.
Why you should listen
Can we create objects that assemble themselves -- that zip together like a strand of DNA or that have the ability for transformation embedded into them? These are the questions that Skylar Tibbits investigates in his Self-Assembly Lab at MIT, a cross-disciplinary research space where designers, scientists and engineers come together to find ways for disordered parts to become ordered structures.
A trained architect, designer and computer scientist, Tibbits teaches design studios at MIT’s Department of Architecture and co-teaches the seminar “How to Make (Almost) Anything” at MIT’s Media Lab. Before that, he worked at a number of design offices including Zaha Hadid Architects, Asymptote Architecture, SKIII Space Variations and Point b Design. His work has been shown at the Guggenheim Museum and the Beijing Biennale.
Tibbits has collaborated with a number of influential people over the years, including Neil Gershenfeld and The Center for Bits and Atoms, Erik and Marty Demaine at MIT, Adam Bly at SEED Media Group and Marc Fornes of THEVERYMANY. In 2007, he and Marc Fornes co-curated Scriptedbypurpose, the first exhibition focused exclusively on scripted processes within design. Also in 2007, he founded SJET, a multifaceted practice and research platform for experimental computation and design. SJET crosses disciplines from architecture and design, fabrication, computer science and robotics.
Skylar Tibbits | Speaker | TED.com