TEDxCaltech
Sean Carroll: Distant time and the hint of a multiverse
ชอน คาร์โรลล์ (Sean Carroll): อดีตกาลแห่งกาลเวลาสู่การค้นหา "พหุภพ"
Filmed:
Readability: 4.2
1,776,253 views
ณ งาน TEDxCaltech ที่สถาบันเทคโนโลยีแห่งแคลิฟอร์เนีย ชอน คาร์โรลล์ (Sean Carroll) นักจักรวาลวิทยา ได้ออกมาถกประเด็นคำถามธรรมดาๆที่ไม่ธรรมดาได้อย่างสนุกสนานพร้อมกระตุ้นความคิดผ่านการท่องไปในธรรมชาติของกาลเวลาและเอกภพ คำถามนั้นมีอยู่ว่า ทำไมจึงจะต้องมี 'กาลเวลา' ขึ้นมาด้วย สิ่งที่อาจจะเป็นคำตอบให้กับคำถามนี้ได้นั้นเป็นมุมมองอันแปลกใหม่เกี่ยวกับธรรมชาติของเอกภพและพื้นที่แห่งความเป็นเราในนั้น
Sean M. Carroll - Physicist, cosmologist
A physicist, cosmologist and gifted science communicator, Sean Carroll is asking himself -- and asking us to consider -- questions that get at the fundamental nature of the universe. Full bio
A physicist, cosmologist and gifted science communicator, Sean Carroll is asking himself -- and asking us to consider -- questions that get at the fundamental nature of the universe. Full bio
Double-click the English transcript below to play the video.
00:15
The universe
0
0
2000
เอกภพ
00:17
is really big.
1
2000
2000
เป็นอะไรที่กว้างใหญ่ไพศาลจริงๆครับ
00:19
We live in a galaxy, the Milky Way Galaxy.
2
4000
3000
เราอยู่ในดาราจักรที่ชื่อว่า ทางช้างเผือก
00:22
There are about a hundred billion stars in the Milky Way Galaxy.
3
7000
3000
มีดวงดาวนับแสนล้านดวงอยู่ในทางช้างเผือก
00:25
And if you take a camera
4
10000
2000
และถ้าคุณเอากล้องถ่ายรูป
00:27
and you point it at a random part of the sky,
5
12000
2000
เล็งไปตรงไหนของท้องฟ้าก็ได้
00:29
and you just keep the shutter open,
6
14000
2000
แล้วปล่อยช่องรับแสงของกล้องเปิดรับแสงไว้อย่างนั้น
00:31
as long as your camera is attached to the Hubble Space Telescope,
7
16000
3000
ตราบใดที่กล้องของคุณเชื่อมติดอยู่กับกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล (Hubble) ด้วยละก็
00:34
it will see something like this.
8
19000
2000
กล้องก็จะจับภาพได้เป็นแบบนี้ครับ
00:36
Every one of these little blobs
9
21000
3000
ก้อนกลมๆเบลอๆเล็กๆพวกนี้ แต่ละอัน
00:39
is a galaxy roughly the size of our Milky Way --
10
24000
2000
คือดาราจักรที่ใหญ่พอๆกับทางช้างเผือกของเรานะครับนี่
00:41
a hundred billion stars in each of those blobs.
11
26000
3000
แต่ละดาราจักร มีดาวเป็นแสนล้านดวงเหมือนกัน
00:44
There are approximately a hundred billion galaxies
12
29000
3000
แล้วก็มีกันร่วมแสนล้านดาราจักร
00:47
in the observable universe.
13
32000
2000
ที่ค้นพบได้ในเอกภพนี้ครับ
00:49
100 billion is the only number you need to know.
14
34000
2000
เอาเป็นว่า รู้แค่เลขแสนล้านตัวเดียว แค่นั้นก็เกินพอครับ
00:51
The age of the universe, between now and the Big Bang,
15
36000
3000
อายุของเอกภพ ถ้านับตั้งแต่ปรากฎการณ์บิ๊กแบง มาจนถึงตอนนี้
00:54
is a hundred billion in dog years.
16
39000
2000
ก็แสนล้านปี ในหน่วยปีแบบหมานะครับ (หนึ่งปีของคน = หลายปีของหมา)
00:56
(Laughter)
17
41000
2000
(เสียงหัวเราะ)
00:58
Which tells you something about our place in the universe.
18
43000
3000
ซึ่งมันก็บอกอะไรบางอย่าง ถึงที่ของเราในเอกภพแห่งนี้
01:01
One thing you can do with a picture like this is simply admire it.
19
46000
2000
รูปถ่ายแบบนี้ เราสามารถเอาไปใช้ง่ายๆได้อย่างหนึ่งครับ ก็คือเอาไว้ชื่มชม
01:03
It's extremely beautiful.
20
48000
2000
ช่างสวยงามตระการตาเหลือเกิน
01:05
I've often wondered, what is the evolutionary pressure
21
50000
3000
ผมสงสัยอยู่บ่อยๆครับว่า อะไรนะที่เป็นแรงผลักทางวิวัฒนาการ
01:08
that made our ancestors in the Veldt adapt and evolve
22
53000
3000
ที่ก่อให้เกิดบรรพบุรุษของพวกเราขึ้นมาในทุ่งหญ้าเวลด์ท์(Veldt ในทวีปอัฟริกา)แล้ววิวัฒนาการ
01:11
to really enjoy pictures of galaxies
23
56000
2000
จนได้มาเพลิศเพลินอยู่กับรูปถ่ายกลุ่มดาราจักรพวกนี้
01:13
when they didn't have any.
24
58000
2000
ในเมื่อตอนนั้นพวกเขาไม่มีรูปแบบนี้สักกะรูป
01:15
But we would also like to understand it.
25
60000
2000
พวกเราเองก็เถอะ เราก็อยากจะเข้าใจเรื่องของเอกภพ
01:17
As a cosmologist, I want to ask, why is the universe like this?
26
62000
4000
ในฐานะนักจักรวาลวิทยา ผมก็อยากจะรู้ว่าทำไมเอกภพจึงออกมาเป็นแบบนี้
01:21
One big clue we have is that the universe is changing with time.
27
66000
3000
เบาะแสสำคัญที่จะทำให้เราได้คำตอบก็คือ เอกภพนั้นเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา
01:24
If you looked at one of these galaxies and measured its velocity,
28
69000
3000
ถ้าคุณดูที่ดาราจักรพวกนี้สักอันนึง แล้ววัดความเร็ว
01:27
it would be moving away from you.
29
72000
2000
มันก็จะเคลื่อนที่ห่างออกจากคุณไปเรื่อยๆ
01:29
And if you look at a galaxy even farther away,
30
74000
2000
แล้วถ้าคุณดูที่ดาราจักรอันที่อยู่ไกลออกไปอีก
01:31
it would be moving away faster.
31
76000
2000
มันก็ยิ่งจะเคลื่อนที่ห่างออกไปเร็วเข้าไปอีก
01:33
So we say the universe is expanding.
32
78000
2000
นั่นก็แปลว่า เอกภพมีการขยายตัวครับ
01:35
What that means, of course, is that, in the past,
33
80000
2000
หมายความว่าอย่างนี้ครับ ในอดีตกาล
01:37
things were closer together.
34
82000
2000
ทุกอย่างอยู่ใกล้ๆรวมกันหมด
01:39
In the past, the universe was more dense,
35
84000
2000
ในอดีต เอกภพอัดตัวแน่นกว่าตอนนี้ครับ
01:41
and it was also hotter.
36
86000
2000
แล้วก็ร้อนกว่าด้วย
01:43
If you squeeze things together, the temperature goes up.
37
88000
2000
ถ้าอัดอะไรเข้าด้วยกันแน่นๆ อุณหภูมิก็จะสูงขึ้นครับ
01:45
That kind of makes sense to us.
38
90000
2000
ซึ่งก็ดูสมเหตุสมผลดี
01:47
The thing that doesn't make sense to us as much
39
92000
2000
แต่ว่ามีอยู่อย่างที่ดูจะไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่เลย
01:49
is that the universe, at early times, near the Big Bang,
40
94000
3000
ก็คือว่า เอกภพสมัยก่อนนู้น หลังจากที่เกิดบิ๊กแบงไม่เท่าไหร่
01:52
was also very, very smooth.
41
97000
2000
มันราบเรียบเสมอกันไปหมดหน่ะสิครับ
01:54
You might think that that's not a surprise.
42
99000
2000
คุณอาจจะไม่รู้สึกแปลกใจอะไร
01:56
The air in this room is very smooth.
43
101000
2000
ก็อย่างอากาศในห้องนี้ ก็ราบเรียบสม่ำเสมอ
01:58
You might say, "Well, maybe things just smoothed themselves out."
44
103000
3000
คุณอาจจะบอกว่า "ก็มันก็คงเรียบอย่างนั้นของมัน"
02:01
But the conditions near the Big Bang are very, very different
45
106000
3000
แต่ว่าสภาพใกล้ๆบิ๊กแบงมันต่างไปจาก
02:04
than the conditions of the air in this room.
46
109000
2000
สภาพอากาศในห้องนี้เยอะมากนะครับ
02:06
In particular, things were a lot denser.
47
111000
2000
ส่วนหนึ่งก็คือทุกอย่างอัดตัวแน่นกว่ามาก
02:08
The gravitational pull of things
48
113000
2000
แรงดึงดูดที่ดึงทุกอย่างเข้าไว้ด้วยกัน
02:10
was a lot stronger near the Big Bang.
49
115000
2000
นั้นแรงกว่ามาก ในช่วงที่ใกล้ปรากฎการณ์บิ๊กแบง
02:12
What you have to think about
50
117000
2000
ก็ลองคิดดูว่า
02:14
is we have a universe with a hundred billion galaxies,
51
119000
2000
เรามีเอกภพที่มีถึงแสนล้านดาราจักร
02:16
a hundred billion stars each.
52
121000
2000
แต่ละดาราจักร ก็มีดาวอีกแสนล้านดวง
02:18
At early times, those hundred billion galaxies
53
123000
3000
ในตอนนั้น ดาราจักรทั้งแสนล้านอัน
02:21
were squeezed into a region about this big --
54
126000
3000
ถูกบีบให้มีขนาดเท่าเนี่ย
02:24
literally -- at early times.
55
129000
2000
เท่านี้จริงๆครับ ตอนช่วงนั้น
02:26
And you have to imagine doing that squeezing
56
131000
2000
แล้วคุณก็ต้องคิดดูด้วยนะ ว่าการบีบอัด
02:28
without any imperfections,
57
133000
2000
ที่ไร้ที่ติ
02:30
without any little spots
58
135000
2000
ไม่มีแม้กระทั่งจุดเล็กจิ๋ว
02:32
where there were a few more atoms than somewhere else.
59
137000
2000
ที่มีอะตอมมากกว่าจุดอื่นสักแค่สองสามอะตอม ก็ไม่มี
02:34
Because if there had been, they would have collapsed under the gravitational pull
60
139000
3000
เราถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนั้น ดาราจักรก็คงพังทลาย ด้วยผลจากแรงดึงดูด
02:37
into a huge black hole.
61
142000
2000
แล้วกลายเป็นหลุมดำขนาดใหญ่
02:39
Keeping the universe very, very smooth at early times
62
144000
3000
การที่จะทำให้เอกภพเรียบเสมอกันในช่วงเริ่มแรกนั้น
02:42
is not easy; it's a delicate arrangement.
63
147000
2000
ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และเป็นการจัดการที่ละเอียดอ่อนมาก
02:44
It's a clue
64
149000
2000
ซึ่งก็บอกเราเป็นนัย
02:46
that the early universe is not chosen randomly.
65
151000
2000
ว่าเอกภพในยุคแรกไม่ได้ถูกเลือกมาแบบสุ่มๆ
02:48
There is something that made it that way.
66
153000
2000
แต่มีอะไรบางอย่างทำให้มันเป็นแบบนี้
02:50
We would like to know what.
67
155000
2000
แล้วทีนี้เราก็อยากรู้ว่า อะไรบางอย่างที่ว่า คืออะไรหล่ะ
02:52
So part of our understanding of this was given to us by Ludwig Boltzmann,
68
157000
3000
ความเข้าใจแนวคิดนี้ ส่วนหนึ่งมาจากลุดหวิก โบล์ท์สมัน (Ludwid Boltzmann)
02:55
an Austrian physicist in the 19th century.
69
160000
3000
นักฟิสิกส์ชาวออสเตรียที่มีชีวิตอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 19 ครับ
02:58
And Boltzmann's contribution was that he helped us understand entropy.
70
163000
3000
โบล์ท์สมันมีส่วนทำให้เราเข้าใจเอ็นโทรปี
03:01
You've heard of entropy.
71
166000
2000
คุณคงเคยได้ยินคำว่า 'เอ็นโทรปี' มาบ้างแล้ว
03:03
It's the randomness, the disorder, the chaoticness of some systems.
72
168000
3000
มันก็คือ ความไม่มีแบบแผน ความไร้ระเบียบ ความยุ่งเหยิงของระบบ
03:06
Boltzmann gave us a formula --
73
171000
2000
โบล์ท์สมันให้สมการกับเราครับ
03:08
engraved on his tombstone now --
74
173000
2000
ซึ่งในปัจจุบัน สลักไว้ที่หินเหนือหลุมฝังศพเขาด้วย
03:10
that really quantifies what entropy is.
75
175000
2000
สมการนี้ช่วยให้เราวัดปริมาณเอ็นโทรปีได้จริง
03:12
And it's basically just saying
76
177000
2000
สมการนี้บอกไว้ง่ายๆ ว่าอย่างนี้
03:14
that entropy is the number of ways
77
179000
2000
เอ็นโทรปี คือ จำนวนวิธี
03:16
we can rearrange the constituents of a system so that you don't notice,
78
181000
3000
ที่เราสามารถใช้ในการจัดเรียงองค์ประกอบของระบบได้โดยที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
03:19
so that macroscopically it looks the same.
79
184000
2000
ดังนั้นในระดับองค์รวมขนาดใหญ่ มันก็ดูเหมือนเดิม
03:21
If you have the air in this room,
80
186000
2000
ถ้าเรามีอากาศอยู่ในห้องนี้
03:23
you don't notice each individual atom.
81
188000
3000
คุณก็จะไม่สังเกต อะตอมทุกๆอะตอม
03:26
A low entropy configuration
82
191000
2000
การจัดเรียงที่มีเอ็นโทรปีต่ำ
03:28
is one in which there's only a few arrangements that look that way.
83
193000
2000
คือมันมีวิธีจัดเรียงแค่ไม่กี่วิธีที่ภาพในองค์รวมยังจะดูเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
03:30
A high entropy arrangement
84
195000
2000
การจัดเรียงที่มีเอ็นโทรปีสูง
03:32
is one that there are many arrangements that look that way.
85
197000
2000
ก็การที่มีวิธีจัดเรียงมากมายหลายหลากที่ยังไงๆภาพในองค์รวมก็จะไม่เปลี่ยน
03:34
This is a crucially important insight
86
199000
2000
นี่ถือเป็นความเข้าใจที่เฉียบแหลมลึกซึ้งซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดเลยนะครับ
03:36
because it helps us explain
87
201000
2000
เพราะทำให้เราสามารถอธิบาย
03:38
the second law of thermodynamics --
88
203000
2000
กฏข้อที่สองของอุณหพลศาสตร์ได้ (thermodynamics)
03:40
the law that says that entropy increases in the universe,
89
205000
3000
กฏที่ว่านี้ บอกว่า เอ็นโทรปีจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในเอกภพนี้
03:43
or in some isolated bit of the universe.
90
208000
2000
หรือแม้แต่ส่วนเล็กย่อยของเอกภพด้วย
03:45
The reason why entropy increases
91
210000
2000
สาเหตุว่าทำไมเอ็นโทรปีถึงเพิ่มขึ้น
03:47
is simply because there are many more ways
92
212000
3000
ง่ายๆ ก็คือ เพราะว่าจะมีหลากหลายวิธีกว่า
03:50
to be high entropy than to be low entropy.
93
215000
2000
ที่จะอยู่ในสถานะเอ็นโทรปีสูง มากกว่าที่จะไปเป็นเอ็นโทรปีต่ำ
03:52
That's a wonderful insight,
94
217000
2000
นี่เป็นแง่มุมที่ยอดเยี่ยมเฉียบแหลมมากครับ
03:54
but it leaves something out.
95
219000
2000
แต่ว่ามันก็ยังทิ้งช่องโหว่ไว้
03:56
This insight that entropy increases, by the way,
96
221000
2000
เอ้อ เรื่องเบื้องลึกเบื้องหลังที่ว่าเอ็นโทรปีจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
03:58
is what's behind what we call the arrow of time,
97
223000
3000
เป็นที่มาที่ไปของสิ่งที่พวกเราเรียกว่า "ลูกศรแห่งกาลเวลา" นะครับ
04:01
the difference between the past and the future.
98
226000
2000
คือความแตกต่างระหว่างเวลาแห่งอดีตกับเวลาแห่งอนาคต
04:03
Every difference that there is
99
228000
2000
ทุกๆความต่างที่มีอยู่
04:05
between the past and the future
100
230000
2000
ระหว่าง เวลาหนึ่งที่เราเรียกว่า 'อดีต' กับ อีกเวลาหนึ่งที่เราเรียกว่า 'อนาคต'
04:07
is because entropy is increasing --
101
232000
2000
มันมีได้ก็เพราะว่าเอ็นโทรปีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆนี่แหละครับ
04:09
the fact that you can remember the past, but not the future.
102
234000
3000
ความเป็นจริงที่ว่า คุณสามารถจำอดีตได้ แต่จำอนาคตไม่ได้
04:12
The fact that you are born, and then you live, and then you die,
103
237000
3000
ความเป็นจริงที่ว่า คุณเกิด คุณใช้ชีวิต แล้วคุณถึงจะค่อยตาย
04:15
always in that order,
104
240000
2000
เป็นไปตามลำดับแบบนี้เสมอ
04:17
that's because entropy is increasing.
105
242000
2000
นั่นก็เพราะว่า เอ็นโทรปีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ครับ
04:19
Boltzmann explained that if you start with low entropy,
106
244000
2000
โบล์ท์สมันอธิบายไว้ว่าถ้าคุณเริ่มจากสภาพที่เอ็นโทรปีต่ำ
04:21
it's very natural for it to increase
107
246000
2000
มันเป็นไปตามธรรมชาติเลยครับว่า เอ็นโทรปีจะต้องเพิ่มขึ้น
04:23
because there's more ways to be high entropy.
108
248000
3000
เพราะว่ามันมีวิธีที่จะเป็นอยู่ในสภาพที่มีเอ็นโทรปีสูง มากมายกว่านั่นเอง
04:26
What he didn't explain
109
251000
2000
แต่สิ่งที่เขาไม่ได้อธิบาย
04:28
was why the entropy was ever low in the first place.
110
253000
3000
ก็คือว่า ทำไมเอ็นโทรปีจึงต่ำมาตั้งแต่แรก
04:31
The fact that the entropy of the universe was low
111
256000
2000
ความเป็นจริงที่ว่า เอ็นโทรปีของเอกภพมีค่าต่ำ
04:33
was a reflection of the fact
112
258000
2000
เป็นสิ่งที่สะท้อนความจริง
04:35
that the early universe was very, very smooth.
113
260000
2000
ว่า เอกภพในยุคเริ่มต้นในเรียบเสมอกันมากๆ
04:37
We'd like to understand that.
114
262000
2000
เราอยากจะทำความเข้าใจกับเรื่องพวกนี้
04:39
That's our job as cosmologists.
115
264000
2000
ก็นั่นเป็นหน้าที่ในฐานะของนักจักรวาลวิทยาครับ
04:41
Unfortunately, it's actually not a problem
116
266000
2000
แต่โชคร้ายไปหน่อยที่เรื่องพวกนี้ไม่ใช่ประเด็นปัญหา
04:43
that we've been giving enough attention to.
117
268000
2000
ที่พวกเราให้ความใส่ใจมากพอ
04:45
It's not one of the first things people would say,
118
270000
2000
ไม่ใช่สิ่งแรกๆที่ใครๆจะพูดถึง
04:47
if you asked a modern cosmologist,
119
272000
2000
ถ้าคุณถามนักจักรวาลวิทยาสมัยใหม่ว่า
04:49
"What are the problems we're trying to address?"
120
274000
2000
"ประเด็นปัญหาอะไรที่เราจะกำลังสนใจอยู่ในขณะนี้"
04:51
One of the people who did understand that this was a problem
121
276000
2000
บุคคลคนหนึ่งที่เข้าใจว่านี่คือประเด็นปัญหา
04:53
was Richard Feynman.
122
278000
2000
คือ ริชาร์ด ฟายน์มัน (Richard Feynman)
04:55
50 years ago, he gave a series of a bunch of different lectures.
123
280000
2000
ห้าสิบปีก่อน เขาเคยกล่าวบรรยายมากมายหลากหลายหัวข้อ
04:57
He gave the popular lectures
124
282000
2000
เขาได้ให้การบรรยายที่เป็นที่นิยม
04:59
that became "The Character of Physical Law."
125
284000
2000
ซึ่งได้กลายเป็นชุดบรรยาย "คุณลักษณะของกฏฟิิสิกส์ (The Character of Physical Law)"
05:01
He gave lectures to Caltech undergrads
126
286000
2000
การบรรยายในชั่วโมงสอนระดับปริญญาตรีที่คาลเทค (California Institute of Technology: Caltech)
05:03
that became "The Feynman Lectures on Physics."
127
288000
2000
ได้กลายเป็นชุดบรรยาย "การบรรยายวิชาฟิสิกส์ของฟายน์มัน (The Feynman Lectures on Physics)"
05:05
He gave lectures to Caltech graduate students
128
290000
2000
การบรรยายในชั่วโมงสอนระดับปริญญาโท/เอกที่คาลเทค
05:07
that became "The Feynman Lectures on Gravitation."
129
292000
2000
ได้กลายเป็นชุดบรรยาย "การบรรยายเรื่อง แรงดึงดูด ของฟายน์มัน (The Feyman Lectures on Gravitation)"
05:09
In every one of these books, every one of these sets of lectures,
130
294000
3000
ในหนังสือของเขาทุกเล่ม ชุดบรรยายของเขาทุกชุด
05:12
he emphasized this puzzle:
131
297000
2000
เขาจะเน้นปริศนาข้อนี้:
05:14
Why did the early universe have such a small entropy?
132
299000
3000
ทำไมเอกภพในยุคต้นถึงจะต้องมีเอ็นโทรปีต่ำด้วย
05:17
So he says -- I'm not going to do the accent --
133
302000
2000
เขาพูดว่า -- ผมจะไม่พูดตามสำเนียงเขานะ --
05:19
he says, "For some reason, the universe, at one time,
134
304000
3000
เขาพูดว่า "ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง ครั้งหนึ่งเอกภพ
05:22
had a very low entropy for its energy content,
135
307000
3000
เคยมีเอ็นโทรปีที่ต่ำมากสำหรับส่วนประกอบทางพลังงานของมัน
05:25
and since then the entropy has increased.
136
310000
2000
และตั้งแต่นั้นมา เอ็นโทรปีก็ได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
05:27
The arrow of time cannot be completely understood
137
312000
3000
เราไม่มีทางจะเข้าใจ 'ลูกศรแห่งกาลเวลา' ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
05:30
until the mystery of the beginnings of the history of the universe
138
315000
3000
จนกว่าความลี้ลับของจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์เอกภพ
05:33
are reduced still further
139
318000
2000
จะถูกลดทอนลงไปเรื่อยๆจนกระทั่ง
05:35
from speculation to understanding."
140
320000
2000
การคาดคะเนได้กลายเป็นความเข้าใจแล้วเท่านั้น"
05:37
So that's our job.
141
322000
2000
นั่นแหละคืองานของพวกเรา
05:39
We want to know -- this is 50 years ago, "Surely," you're thinking,
142
324000
2000
เราอยากรู้ -- และนี่มันก็ 50 ปีผ่านมาแล้ว คุณกำลังคิดหล่ะสิว่า "แน่นอนหล่ะ"
05:41
"we've figured it out by now."
143
326000
2000
"มาป่านนี้แล้ว พวกเราก็รู้คำตอบแล้วสิ"
05:43
It's not true that we've figured it out by now.
144
328000
2000
ไม่จริงเลยนะครับที่ว่าเราคิดว่ารู้คำตอบแล้วหน่ะ
05:45
The reason the problem has gotten worse,
145
330000
2000
เพราะว่าตอนนี้ ประเด็นปัญหานี้ยิ่งสลับซับซ้อนเข้าไปอีก
05:47
rather than better,
146
332000
2000
แทนที่ว่าจะง่ายดายขึ้น
05:49
is because in 1998
147
334000
2000
ก็เพราะว่าในปี ค.ศ. 1998
05:51
we learned something crucial about the universe that we didn't know before.
148
336000
3000
เราค้นพบอะไรที่บางอย่างที่สำคัญมากเกี่ยวกับเอกภพ ซึ่งเราไม่เคยรู้มาก่อนครับ
05:54
We learned that it's accelerating.
149
339000
2000
เราค้นพบว่า มันขยายตัวด้วยอัตราเร่ง ครับ
05:56
The universe is not only expanding.
150
341000
2000
เอกภพไม่ได้แค่ขยายตัวเฉยๆเสียแล้ว
05:58
If you look at the galaxy, it's moving away.
151
343000
2000
ถ้าคุณดูที่ดาราจักรแล้วเห็นว่ามันเคลื่อนที่ห่างออกไป
06:00
If you come back a billion years later and look at it again,
152
345000
2000
พอผ่านไปพันล้านปี คุณกลับมาดูอีกหน
06:02
it will be moving away faster.
153
347000
3000
มันจะยิ่งเคลื่อนที่ห่างออกไปเร็วยิ่งขึ้นไปอีก
06:05
Individual galaxies are speeding away from us faster and faster
154
350000
3000
ดาราจักรแต่ละอันเคลื่อนที่ห่างออกจากกันเร็วขึ้นๆ
06:08
so we say the universe is accelerating.
155
353000
2000
งั้น สรุปกันสั้นๆก่อนว่า เอกภพขยายตัวในอัตราเร่ง
06:10
Unlike the low entropy of the early universe,
156
355000
2000
กรณีนี้จะต่างจากกรณีเอ็นโทรปีต่ำในยุคเริ่มเอกภพตรงที่
06:12
even though we don't know the answer for this,
157
357000
2000
ถึงเราจะยังไม่รู้คำตอบ
06:14
we at least have a good theory that can explain it,
158
359000
2000
แต่อย่างน้อยเราก็มีทฤษฎีที่จะใช้อธิบายได้
06:16
if that theory is right,
159
361000
2000
ถ้าทฤษฎีถูกต้องอะนะครับ
06:18
and that's the theory of dark energy.
160
363000
2000
ทฤษฎีที่ว่าคือ ทฤษฎีพลังงานมืด (dark energy)
06:20
It's just the idea that empty space itself has energy.
161
365000
3000
ซึ่งก็เป็นแนวคิดว่า พื้นที่ว่างเปล่าในอวกาศจริงๆแล้วมีพลังงานอยู่
06:23
In every little cubic centimeter of space,
162
368000
3000
ทุกๆลูกบาศก์เซนติเมตรเล็กๆของอวกาศ
06:26
whether or not there's stuff,
163
371000
2000
ไม่ว่าจะมีอะไรอยู่หรือไม่ก็ตาม
06:28
whether or not there's particles, matter, radiation or whatever,
164
373000
2000
ไม่ว่าจะเป็นอนุภาค สสาร รังสี หรืออะไรก็แล้วแต่
06:30
there's still energy, even in the space itself.
165
375000
3000
มีพลังงานอยู่ทั้งนี้ แม้แต่อวกาศเองก็มีพลังงานอยู่
06:33
And this energy, according to Einstein,
166
378000
2000
และถ้าว่าตามไอน์สไตน์ พลังงานนี้
06:35
exerts a push on the universe.
167
380000
3000
ทำให้มีแรงผลักให้เอกภพขยายตัว
06:38
It is a perpetual impulse
168
383000
2000
เป็นแรงกระตุ้นที่ไม่มีวันสิ้นสุด
06:40
that pushes galaxies apart from each other.
169
385000
2000
ที่ผลักดาราจักรให้ห่างออกจากกัน
06:42
Because dark energy, unlike matter or radiation,
170
387000
3000
เพราะพลังงานมืด ซึ่งต่างจากสสารหรือรังสี
06:45
does not dilute away as the universe expands.
171
390000
3000
จะไม่เจื่อจางหายไปกับการขยายตัวของเอกภพ
06:48
The amount of energy in each cubic centimeter
172
393000
2000
ปริมาณของพลังงานในแต่ละลูกบาศก์เซ็นติเมตร
06:50
remains the same,
173
395000
2000
มีเท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
06:52
even as the universe gets bigger and bigger.
174
397000
2000
ถึงแม้ว่าเอกภพจะขยายใหญ่ขึ้นๆ
06:54
This has crucial implications
175
399000
3000
นี่เป็นสิ่งสำคัญมากที่จะบอกได้ว่า
06:57
for what the universe is going to do in the future.
176
402000
3000
เอกภพจะเป็นอย่างไรต่อไปในอนาคต
07:00
For one thing, the universe will expand forever.
177
405000
2000
อย่างหนึ่งเลยก็คือว่า เอกภพจะขยายตัวไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด
07:02
Back when I was your age,
178
407000
2000
ย้อนกลับไปเมื่อผมอายุเท่าๆพวกคุณ
07:04
we didn't know what the universe was going to do.
179
409000
2000
เราไม่รู้เลยว่าเอกภพจะเป็นยังไงต่อไป
07:06
Some people thought that the universe would recollapse in the future.
180
411000
3000
บางคนถึงกับคิดว่าในอนาคต เอกภพจะสูญสลาย
07:09
Einstein was fond of this idea.
181
414000
2000
ไอสไตน์ชอบใจแนวคิดนี้มาก
07:11
But if there's dark energy, and the dark energy does not go away,
182
416000
3000
แต่ว่าถ้ามีพลังงานมืดแล้วมันไม่สูญสลายหายไปไหน
07:14
the universe is just going to keep expanding forever and ever and ever.
183
419000
3000
เอกภพก็จะขยายตัวไปเรื่อยๆ เป็นอย่างนั้นไปชั่วอนันตกาล
07:17
14 billion years in the past,
184
422000
2000
ตั้งแต่เมื่อหมื่นสี่พันล้านปีก่อน
07:19
100 billion dog years,
185
424000
2000
หรือแสนล้านปีของหมานั่นแหละครับ
07:21
but an infinite number of years into the future.
186
426000
3000
ไปอีกนานเท่านานตราบชั่วนิรันดร์กาล
07:24
Meanwhile, for all intents and purposes,
187
429000
3000
แต่ในตอนนี้ ทั้งในทางปฏิบัติและทฤษฎี
07:27
space looks finite to us.
188
432000
2000
เราก็จะเห็นว่าอวกาศมีที่สิ้นสุด
07:29
Space may be finite or infinite,
189
434000
2000
อวกาศอาจจะมีหรือไม่มีที่สิ้นสุดก็เป็นได้
07:31
but because the universe is accelerating,
190
436000
2000
แต่เพราะว่าเอกภพขยายตัวเร็วๆทุกขณะ
07:33
there are parts of it we cannot see
191
438000
2000
ถึงจะมีส่วนหนึ่งที่ยังไงเรามองไม่เห็น
07:35
and never will see.
192
440000
2000
แล้วก็จะไม่มีทางมองเห็นเลยด้วย
07:37
There's a finite region of space that we have access to,
193
442000
2000
แต่มันก็มีจุดที่สิ้นสุด ที่เราจะเข้าถึงได้
07:39
surrounded by a horizon.
194
444000
2000
เป็นส่วนที่อยู่ภายในเส้นขอบจักรวาลครับ
07:41
So even though time goes on forever,
195
446000
2000
ถึงแม้ว่ากาลเวลาจะดำเนินไปชั่วนิรันดร์
07:43
space is limited to us.
196
448000
2000
แต่สำหรับพวกเราแล้ว อวกาศมีที่สิ้นสุดครับ
07:45
Finally, empty space has a temperature.
197
450000
3000
อย่างสุดท้ายก็คือ แม้แต่ที่ว่างเปล่าในอวกาศก็ยังมีอุณหภูมิความร้อนหนาว
07:48
In the 1970s, Stephen Hawking told us
198
453000
2000
ในช่วงคริสตทศวรรษ 1970 สตีเฟน ฮอว์กิ้ง (Stephen Hawking) บอกว่า
07:50
that a black hole, even though you think it's black,
199
455000
2000
หลุมดำที่เราคิดกันว่ามืดสนิทนั้น
07:52
it actually emits radiation
200
457000
2000
จริงๆแล้วมันฉายรังสีออกมาด้วย
07:54
when you take into account quantum mechanics.
201
459000
2000
เมื่อเรานำทฤษฎีกลศาสตร์ควอนตัมเข้ามาใช้อธิบาย
07:56
The curvature of space-time around the black hole
202
461000
3000
ความเว้าโค้งของ กาล-อวกาศ (space-time) รอบๆหลุมดำ
07:59
brings to life the quantum mechanical fluctuation,
203
464000
3000
ก่อให้เกิดความผันผวนปรวนแปรในเชิงกลศาสตร์ควอนตัม
08:02
and the black hole radiates.
204
467000
2000
หลุมดำจึงฉายรังสีออกมา
08:04
A precisely similar calculation by Hawking and Gary Gibbons
205
469000
3000
ฮอว์กิ้ง และ แกรี่ กิบบอนส์ (Gary Gibbons) ได้ทำการคำนวณออกมาได้ผลคล้ายๆกันครับ
08:07
showed that if you have dark energy in empty space,
206
472000
3000
ซึ่งแสดงว่า มีพลังงานมืดอยู่ในพื้นที่ว่างเปล่าของอวกาศ
08:10
then the whole universe radiates.
207
475000
3000
และเอกภพก็ฉายรังสีออกมาโดยทั่ว
08:13
The energy of empty space
208
478000
2000
พลังงานในพื้นที่ว่างเปล่าของอวกาศ
08:15
brings to life quantum fluctuations.
209
480000
2000
ทำให้เกิดความผันผวนปรวนแปรของควอนตัม
08:17
And so even though the universe will last forever,
210
482000
2000
และ ถึงแม้ว่าเอกภพจะมีอยู่ไปชั่วกาลนาน
08:19
and ordinary matter and radiation will dilute away,
211
484000
3000
และถึงแม้ว่า สสารและรังสีทั่วๆไปจะเลือนลางจากหายไปในที่สุด
08:22
there will always be some radiation,
212
487000
2000
แต่รังสีนั้น จะยังคงอยู่ไม่ไปไหน
08:24
some thermal fluctuations,
213
489000
2000
และก็มีความผันผวนของความร้อนอยู่บ้าง
08:26
even in empty space.
214
491000
2000
แม้แต่ที่อวกาศอันว่างเปล่า
08:28
So what this means
215
493000
2000
ทั้งหมดเนี่ย ตีความได้ว่าอย่างนี้ครับ
08:30
is that the universe is like a box of gas
216
495000
2000
ว่าเอกภพก็เหมือนกับกล่องบรรจุก๊าซ
08:32
that lasts forever.
217
497000
2000
ที่จะมีอยู่อย่างนั้นต่อไปตลอดกาล
08:34
Well what is the implication of that?
218
499000
2000
อืม..ถ้างั้น มันสื่อความหมายโดยนัยว่าอะไรหล่ะ
08:36
That implication was studied by Boltzmann back in the 19th century.
219
501000
3000
ความหมายโดยนัยที่ว่านี้ โบล์ท์สมันได้ทำการศึกษาไว้ตั้งแต่ในศตวรรษที่ 19 แล้วหละครับ
08:39
He said, well, entropy increases
220
504000
3000
เขาบอกว่าแบบนี้ครับ เอ็นโทรปีเพิ่มขึ้น
08:42
because there are many, many more ways
221
507000
2000
เพราะว่ามีวิธีมากมายหลายหลากกว่า
08:44
for the universe to be high entropy, rather than low entropy.
222
509000
3000
ที่เอกภพจะไปสู่สภาพเอ็นโทรปีสูง แทนที่จะเป็นเอ็นโทรปีต่ำ
08:47
But that's a probabilistic statement.
223
512000
3000
แต่นี่เป็นข้อเท็จจริงในเชิงความน่าจะเป็นนะครับ
08:50
It will probably increase,
224
515000
2000
อย่างนี้ครับ มีความเป็นไปได้ที่เอ็นโทรปีจะเพิ่มสูงขึ้น
08:52
and the probability is enormously huge.
225
517000
2000
และความเป็นไปได้มีอยู่สูงมากๆครับ
08:54
It's not something you have to worry about --
226
519000
2000
ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องไปกังวลอะไรกับมันหรอกนะครับ
08:56
the air in this room all gathering over one part of the room and suffocating us.
227
521000
4000
จะมีโอกาสแค่ไหน ที่อากาศในห้องนี้จะไปกระจุกตัวกันที่นึง แล้วทำให้พวกเราขาดอากาศหายใจกันไม่ออก
09:00
It's very, very unlikely.
228
525000
2000
แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยครับ
09:02
Except if they locked the doors
229
527000
2000
ยกเว้นว่า ห้องนี้ถูกปิดสนิท
09:04
and kept us here literally forever,
230
529000
2000
แล้วขังเราอยู่แต่ในนี้ไปตลอดกาล
09:06
that would happen.
231
531000
2000
สิ่งว่านี้อาจเกิดขึ้นได้
09:08
Everything that is allowed,
232
533000
2000
อะไรก็ตามครับ ที่เป็นไปได้
09:10
every configuration that is allowed to be obtained by the molecules in this room,
233
535000
3000
การจัดเรียงโมเลกุลของอากาศในห้องนี้ทุกๆแบบที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้
09:13
would eventually be obtained.
234
538000
2000
ก็ค่อยๆเกิดขึ้นไปจนครบทุกแบบทุกเหตุการณ์ครับ
09:15
So Boltzmann says, look, you could start with a universe
235
540000
3000
โบล์ท์สมันก็เลยบอกว่า 'เอางี้สิ ก็เริ่มจากเอกภพ
09:18
that was in thermal equilibrium.
236
543000
2000
ที่มีความสมดุลในเชิงพลังงานความร้อน'
09:20
He didn't know about the Big Bang. He didn't know about the expansion of the universe.
237
545000
3000
เขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับบิ๊กแบง และก็ไม่รู้ด้วยว่าเอกภพมีการขยายตัว
09:23
He thought that space and time were explained by Isaac Newton --
238
548000
3000
เขาคิดแค่ว่าอวกาศและกาลเวลาอธิบายได้ด้วยกฏของนิวตัน (Isaac Newton)
09:26
they were absolute; they just stuck there forever.
239
551000
2000
ว่าอวกาศและกาลเวลามีความสัมบูรณ์ในตัวเอง และจะเป็นอยู่อย่างนั้นตลอดไป
09:28
So his idea of a natural universe
240
553000
2000
ดังนั้น แนวคิดของเขาในเรื่องเอกภพในธรรมชาติ
09:30
was one in which the air molecules were just spread out evenly everywhere --
241
555000
3000
ก็คือแบบที่มีโมเลกุลอากาศกระจายอยู่อย่างสม่ำเสมอทั่วทุกแห่งทุกหน
09:33
the everything molecules.
242
558000
2000
เป็นทำนองว่า 'อะไรๆก็โมเลกุล' แบบนั้นเลยครับ
09:35
But if you're Boltzmann, you know that if you wait long enough,
243
560000
3000
ถ้าเกิดคุณเป็นโบล์ท์สมัน คุณก็จะรู้ว่า ถ้ารอนานพอ
09:38
the random fluctuations of those molecules
244
563000
3000
ความผันผวนอย่างไร้แบบแผนของโมเลกุลพวกนี้
09:41
will occasionally bring them
245
566000
2000
พอโอกาสอำนวย จะทำให้โมเลกุล
09:43
into lower entropy configurations.
246
568000
2000
จัดเรียงตัวกันในรูปแบบที่เอ็นโทรปีต่ำ
09:45
And then, of course, in the natural course of things,
247
570000
2000
ซึ่งถัดต่อไป ว่ากันตามธรรมชาติ
09:47
they will expand back.
248
572000
2000
มันก็จะขยายตัวกลับไปอยู่ดี
09:49
So it's not that entropy must always increase --
249
574000
2000
ฉะนั้น เอ็นโทรปีก็ไม่จำเป็นต้องเพิ่มขึ้นเสมอ
09:51
you can get fluctuations into lower entropy,
250
576000
3000
บางครั้งอาจจะเกิดความผันแปรไปสู่สภาพเอ็นโทรปีต่ำ
09:54
more organized situations.
251
579000
2000
ที่จัดเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบกว่าบ้างก็ได้เหมือนกัน
09:56
Well if that's true,
252
581000
2000
อ่า ถ้าเกิดเป็นแบบนั้นจริง
09:58
Boltzmann then goes onto invent
253
583000
2000
ก็ถือได้ว่า โบล์ท์สมันได้สร้าง
10:00
two very modern-sounding ideas --
254
585000
2000
แนวคิดสมัยใหม่ที่สมเหตุสมผลมากๆถึง 2 แนวคิดด้วยกัน
10:02
the multiverse and the anthropic principle.
255
587000
3000
ซึ่งก็คือ 'พหุภพ' และ 'หลักมานุษยชาติ'
10:05
He says, the problem with thermal equilibrium
256
590000
2000
เขาบอกว่า ปัญหาของสมดุลความร้อน
10:07
is that we can't live there.
257
592000
2000
ก็คือ มันเป็นสภาวะที่มนุษย์อย่างพวกเราไม่สามารถมีีชีวิตอยู่ได้
10:09
Remember, life itself depends on the arrow of time.
258
594000
3000
ต้องพึงระลึกไว้อย่างหนึ่งก่อนนะครับว่า สิ่งมีชีวิตต้องพึงพาอาศัยลูกศรแห่งกาลเวลา
10:12
We would not be able to process information,
259
597000
2000
เราจะไม่สามารถประมวลข้อมูลใดๆ
10:14
metabolize, walk and talk,
260
599000
2000
ไม่สามารถมีการสันดาป เดิน หรือแม้แต่พูด
10:16
if we lived in thermal equilibrium.
261
601000
2000
ถ้าเราอาศัยอยู่ในสภาวะสมดุลความร้อน
10:18
So if you imagine a very, very big universe,
262
603000
2000
หากเราลองจินตนาการถึงเอกภพที่ใหญ่มหึมา
10:20
an infinitely big universe,
263
605000
2000
ใหญ่มากๆแบบไม่มีขอบเขตสิ้นสุด
10:22
with randomly bumping into each other particles,
264
607000
2000
ในนั้นมีอนุภาคที่วิ่งชนกันอย่างอิสระ
10:24
there will occasionally be small fluctuations in the lower entropy states,
265
609000
3000
บางครั้งก็จะผันแปรนิดๆหน่อยๆ ในสภาพที่เอ็นโทรปีต่ำ
10:27
and then they relax back.
266
612000
2000
แล้วก็คลายตัวกลับมาเป็นเหมือนเก่า
10:29
But there will also be large fluctuations.
267
614000
2000
แต่บางครั้งก็จะมีการแปรผันกันอย่างยิ่งใหญ่
10:31
Occasionally, you will make a planet
268
616000
2000
บางครั้งนะครับ ก็จะได้เป็นดาวนพเคราะห์ออกมาเลย
10:33
or a star or a galaxy
269
618000
2000
หรืออาจจะดาวฤกษ์ หรือไม่ก็เป็นดาราจักรเลยก็มี
10:35
or a hundred billion galaxies.
270
620000
2000
หรืออาจจะได้เป็นดาราจักรหมื่นล้านอัน
10:37
So Boltzmann says,
271
622000
2000
โบล์ท์สมันก็เลยสรุปว่า
10:39
we will only live in the part of the multiverse,
272
624000
3000
เราอยู่ในเพียงส่วนหนึ่งของพหุภพ
10:42
in the part of this infinitely big set of fluctuating particles,
273
627000
3000
เป็นส่วนหนึ่งของแบบแผนอันยิ่งใหญ่ ของความผันผวนของอนุภาค
10:45
where life is possible.
274
630000
2000
ซึ่งเป็นที่ๆสิิ่งมีชีวิตสามารถดำรงอยู่ได้
10:47
That's the region where entropy is low.
275
632000
2000
(ส่วนที่เราอยู่ในพหุภพ) ซึ่งก็คือส่วนที่มีเอ็นโทรปีต่ำครับ
10:49
Maybe our universe is just one of those things
276
634000
3000
บางที เอกภาพของเราอาจจะเป็นหนึ่งในนั้น (ส่วนเอ็นโทรปีตำ่)
10:52
that happens from time to time.
277
637000
2000
ซึ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งคราวก็เป็นได้
10:54
Now your homework assignment
278
639000
2000
เอาหล่ะ ที่นี่การบ้านของพวกคุณ
10:56
is to really think about this, to contemplate what it means.
279
641000
2000
ก็คือ ลองคิดดูนะครับว่าทั้งหมดเนี่ยมันหมายความว่ายังไง
10:58
Carl Sagan once famously said
280
643000
2000
เคยมีคำพูดที่ติดหูของ คาร์ล ซาแกน (Carl Sagan)
11:00
that "in order to make an apple pie,
281
645000
2000
เขาบอกว่า "จะทำพายแอ๊ปเปิ้ลได้
11:02
you must first invent the universe."
282
647000
3000
ขั้นแรกสุดเราตั้งสร้างเอกภพเสียก่อน"
11:05
But he was not right.
283
650000
2000
ซึ่งจริงๆแล้วที่เขาพูดหน่ะไม่ถูกต้องครับ
11:07
In Boltzmann's scenario, if you want to make an apple pie,
284
652000
3000
ถ้าจะเอาตามแบบโบล์ท์สมัน ต้องเป็นแบบนี้ ถ้าคุณจะทำพายแอ๊ปเปิ้ล
11:10
you just wait for the random motion of atoms
285
655000
3000
คุณก็แค่นั่งรอให้อะตอมวิ่งไปมาแบบสุ่มๆ
11:13
to make you an apple pie.
286
658000
2000
แล้วเดี๋ยวมันก็จะกลายเป็นพายแอ๊ปเปิ้ลให้คุณเอง
11:15
That will happen much more frequently
287
660000
2000
แถมมันยังจะเกิดขึ้นบ่อยกว่า
11:17
than the random motions of atoms
288
662000
2000
การที่อะตอมจะวิ่งสุ่มไปสุ่มมา
11:19
making you an apple orchard
289
664000
2000
แล้วกลายเป็นสวนแอ๊ปเปิ้ล
11:21
and some sugar and an oven,
290
666000
2000
เป็นน้ำตาล เป็นเตาอบ
11:23
and then making you an apple pie.
291
668000
2000
แล้วค่อยมารวมกันกลายเป็นพายแอ๊ปเปิ้ลให้คุณทีหลัง
11:25
So this scenario makes predictions.
292
670000
3000
ดังนั้น สถาณการณ์นี้ได้ทำให้เกิดการคาดการพยากรณ์
11:28
And the predictions are
293
673000
2000
คำพยากรณ์มีว่าอย่างนี้ครับ
11:30
that the fluctuations that make us are minimal.
294
675000
3000
ความแปรผันที่ทำให้มีเราอยู่ทุกวันนี้ มันเล็กน้อยเท่านั้นครับ
11:33
Even if you imagine that this room we are in now
295
678000
3000
ถึงแม้ว่าคุณจะรู้สึกว่าห้องที่เราอยู่กันตอนนี้เนี่ย
11:36
exists and is real and here we are,
296
681000
2000
มีตัวตนและมีอยู่จริง แล้วพวกเราก็อยู่ที่นี้ด้วย
11:38
and we have, not only our memories,
297
683000
2000
แล้วสิ่งที่เรามีก็ไม่ใช่แค่ความทรงจำเพียงอย่างเดียว
11:40
but our impression that outside there's something
298
685000
2000
แต่เรายังมีเจตคติ ว่าข้างนอกห้องนี้ยังมีอย่างอื่นด้วย
11:42
called Caltech and the United States and the Milky Way Galaxy,
299
687000
4000
เช่นสิ่งที่เรียกว่า สถาบันคาลเทคฯ และ สหรัฐอเมริกา แล้วก็ ดาราจักรทางช้างเผือก
11:46
it's much easier for all those impressions to randomly fluctuate into your brain
300
691000
3000
เจตคติพวกเนี่ยเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาในสมองเราง่ายกว่า-
11:49
than for them actually to randomly fluctuate
301
694000
2000
การที่มันจะเกิดขึ้นจริงๆจากความผันผวนทางฟิสิกส์
11:51
into Caltech, the United States and the galaxy.
302
696000
3000
จนกลายเป็นสถาบันคาลเทคฯ สหรัฐอเมริกา และเป็นดาราจักรแบบนี้ครับ
11:54
The good news is that,
303
699000
2000
ข่าวดีก็คือว่า
11:56
therefore, this scenario does not work; it is not right.
304
701000
3000
ดังนั้นเหตุการณ์นี้ก็เป็นไปไม่ได้ มันไม่ถูกต้องครับ
11:59
This scenario predicts that we should be a minimal fluctuation.
305
704000
3000
แนวคิดนี้พยากรณ์ว่าพวกเราควรจะเป็นผลพวงของความผันแปรขั้นต่ำ
12:02
Even if you left our galaxy out,
306
707000
2000
ถึงแม้คุณจะคิดว่า เราไม่มีดาราจักรของเรา
12:04
you would not get a hundred billion other galaxies.
307
709000
2000
คุณก็จะไม่มีทางได้ ดาราจักรอื่นอีกแสนล้านหรอกครับ
12:06
And Feynman also understood this.
308
711000
2000
และ ฟายน์มัน ก็เข้าใจอย่างนี้หมือนกัน
12:08
Feynman says, "From the hypothesis that the world is a fluctuation,
309
713000
4000
ฟายน์มัน บอกว่า "จากสมมติฐานที่ว่าโลกคือผลพวงของความผันแปร
12:12
all the predictions are that
310
717000
2000
ก็จะพยากรณ์ได้ว่า
12:14
if we look at a part of the world we've never seen before,
311
719000
2000
ถ้าเรามองไปตรงส่วนใดส่วนหนึ่งของโลกที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน
12:16
we will find it mixed up, and not like the piece we've just looked at --
312
721000
2000
เราจะต้องเห็นว่ามันรกเรื้อไปหมด ไม่เหมือนอย่างที่เราเห็นเมื่อตะกี้นี้ซึ่งเป็นสภาวะ
12:18
high entropy.
313
723000
2000
เอ็นโทรปีสูง
12:20
If our order were due to a fluctuation,
314
725000
2000
และถ้าความเป็นระเบียบเข้าที่เข้าทาง เกิดจากความผันแปรละก็
12:22
we would not expect order anywhere but where we have just noticed it.
315
727000
2000
มันก็ไม่น่าจะมีที่ไหนที่ดูเป็นระเบียบอีกแล้วนอกจากตรงที่เราเพิ่งจะเห็น
12:24
We therefore conclude the universe is not a fluctuation."
316
729000
4000
เพราะอย่างนี้ จึงพอจะสรุปได้ว่า เอกภพไม่ใช่ผลพวงของความแปรผัน"
12:28
So that's good. The question is then what is the right answer?
317
733000
3000
เป็นคำอธิบายที่ดีมากครับ คราวนี้คำถามก็จะกลายเป็นว่าแล้วคำตอบที่ถูกต้องหล่ะคืออะไร
12:31
If the universe is not a fluctuation,
318
736000
2000
ถ้าเอกภพไม่ใช่ผลพวกของความแปรผัน
12:33
why did the early universe have a low entropy?
319
738000
3000
ทำไมเอกภพในยุคต้นๆถึงได้มีเอ็นโทรปีต่ำ
12:36
And I would love to tell you the answer, but I'm running out of time.
320
741000
3000
ผมอยากจะเฉลยคำตอบนั้นจริงๆครับ แต่เวลาพูดของผมจะหมดแล้วหน่ะสิ
12:39
(Laughter)
321
744000
2000
(เสียงหัวเราะ)
12:41
Here is the universe that we tell you about,
322
746000
2000
นี่คือเอกภพที่เรานำเสนอให้คุณฟัง
12:43
versus the universe that really exists.
323
748000
2000
เทียบกับเอกภพจริงๆที่เป็นอยู่
12:45
I just showed you this picture.
324
750000
2000
รูปนี้ ผมเพิ่งนำเสนอไปเมื่อกี้
12:47
The universe is expanding for the last 10 billion years or so.
325
752000
2000
เอกภพมีการขยายตัวตลอดหมื่นล้านปีที่ผ่านมาหรืออะไรทำนองนั้น
12:49
It's cooling off.
326
754000
2000
แล้วมันก็เย็นตัวลง
12:51
But we now know enough about the future of the universe
327
756000
2000
แต่ในปัจจุบัน เรามีความรู้มากพอ เกี่ยวกับอนาคตของเอกภพ
12:53
to say a lot more.
328
758000
2000
ที่จะสามารถอธิบายอะไรได้อีกหลายอย่าง
12:55
If the dark energy remains around,
329
760000
2000
ถ้าพลังงานมืดยังคงมีทั่วไป
12:57
the stars around us will use up their nuclear fuel, they will stop burning.
330
762000
3000
ดวงฤกษ์ที่อยู่โดยรอบพวกเรา ก็ใช้เชื้อเพลิงนิวเคลียร์ของพวกมัน เผาไปจนหมดเกลี้ยง
13:00
They will fall into black holes.
331
765000
2000
แล้วก็จะยุบตัวไปในหลุมดำ
13:02
We will live in a universe
332
767000
2000
เราก็จะอยู่ในเอกภพ
13:04
with nothing in it but black holes.
333
769000
2000
ที่ไม่มีอะไรในนั้นเลยนอกจากหลุมดำ
13:06
That universe will last 10 to the 100 years --
334
771000
4000
เอกภพที่ว่าจะคงอยู่ต่อไปอีกนานเป็น 10 ยกกำลัง 100 ปี
13:10
a lot longer than our little universe has lived.
335
775000
2000
นานกว่า ช่วงชีวิตจนถึงปัจจุบัน ของเอกภพเล็กๆของเราเสียอีก
13:12
The future is much longer than the past.
336
777000
2000
อนาคตยังอีกยาวไกลครับเมื่อเทียบกับอดีตที่ผ่านมา
13:14
But even black holes don't last forever.
337
779000
2000
แต่แม้กระทั่งหลุมดำก็ไม่ได้อยู่ไปตลอดกาล
13:16
They will evaporate,
338
781000
2000
มันจะจางหายไปในที่สุด
13:18
and we will be left with nothing but empty space.
339
783000
2000
และเราก็จะถูกทิ้งไว้ในอวกาศที่ความว่างเปล่า
13:20
That empty space lasts essentially forever.
340
785000
4000
ความว่างเปล่านั้น จะเป็นไปชั่วนิจนิรันดร
13:24
However, you notice, since empty space gives off radiation,
341
789000
3000
แต่ยังไงก็ตาม คุณทราบแล้วว่า เพราะแม้แต่พื้นที่ว่างๆในอวกาศก็ฉายรังสีออกมา
13:27
there's actually thermal fluctuations,
342
792000
2000
ดังนั้นมันก็มีเกิดความผันแปรของพลังงาน
13:29
and it cycles around
343
794000
2000
แล้วมันก็กระจายไปรอบๆ
13:31
all the different possible combinations
344
796000
2000
ด้วยความน่าจะเป็นทั้งหมดหลายรูปแบบ
13:33
of the degrees of freedom that exist in empty space.
345
798000
3000
ตามการเปลี่ยนแปรค่าอย่างอิสระ (degree of freedom) ในอวกาศอันเวิ้งว้างว่างเปล่า
13:36
So even though the universe lasts forever,
346
801000
2000
เพราะฉะนั้น แม้ว่าเอกภพจะอยู่ไปชั่วนิรันดร์
13:38
there's only a finite number of things
347
803000
2000
เหตุการณ์ที่มีจำนวนเป็นอันตะ (จำกัด) เท่านั้น
13:40
that can possibly happen in the universe.
348
805000
2000
ที่จะสามารถเกิดขึ้นได้ในเอกภพ
13:42
They all happen over a period of time
349
807000
2000
พวกมันเกิดขึ้นในช่วงเวลา
13:44
equal to 10 to the 10 to the 120 years.
350
809000
3000
ที่มีค่าประมาณ 10 ยกกำลัง 10 ยกกำลัง 120 ปี
13:47
So here's two questions for you.
351
812000
2000
อืม..อย่างนั้น ผมก็อยากถามคุณสักสองคำถามครับ
13:49
Number one: If the universe lasts for 10 to the 10 to the 120 years,
352
814000
3000
คำถามแรก ก็คือ ถ้าหากว่าเอกภพอยู่ไปนานถึง 10 ยกกำลัง 10 ยกกำลัง 120 ปี
13:52
why are we born
353
817000
2000
ทำไม มนุษย์ถึงถือกำเนิด
13:54
in the first 14 billion years of it,
354
819000
3000
ในช่วงหมื่นสี่พันล้านปีแรกของเอกภพ
13:57
in the warm, comfortable afterglow of the Big Bang?
355
822000
3000
ซึ่งอบอุ่น สบาย ที่เกิดถัดจากการเกิดบิ๊กแบงกันเลย
14:00
Why aren't we in empty space?
356
825000
2000
ทำไมเราถึงไม่ไปเกิดอยู่ในความว่างเปล่าของอวกาศหล่ะครับ
14:02
You might say, "Well there's nothing there to be living,"
357
827000
2000
คุณอาจจะบอกว่า "อ่ะ ก็มันไม่มีอะไรให้เราใช้ชีิวิตอยู่ได้นิ"
14:04
but that's not right.
358
829000
2000
พูดอย่างนั้นอาจจะไม่ค่อยถูกต้องนักครับ
14:06
You could be a random fluctuation out of the nothingness.
359
831000
2000
จู่ๆคุณอาจจะจุติผุดขึ้นมาเฉยๆจากความไม่มีอะไรเลยก็เป็นหนิ
14:08
Why aren't you?
360
833000
2000
ก็แล้วทำไมไม่เป็นอย่างนั้นหล่ะ
14:10
More homework assignment for you.
361
835000
3000
เอาหล่ะสิ คุณได้การบ้านกลับไปคิดเพิ่มอีกแล้วครับ
14:13
So like I said, I don't actually know the answer.
362
838000
2000
ก็อย่างที่ผมเคยบอกไปแล้วครับว่า จริงๆผมก็ไม่รู้คำตอบหรอก
14:15
I'm going to give you my favorite scenario.
363
840000
2000
แต่ผมจะเล่าให้ฟังถึงแนวคิดที่ผมชอบก็แล้วกันครับ
14:17
Either it's just like that. There is no explanation.
364
842000
3000
อาจจะเป็นว่า เอกภพมันก็เป็นแบบนั้นแหละ ไม่ต้องมีคำอธิบาย
14:20
This is a brute fact about the universe
365
845000
2000
มันเป็นความจริง แบบทื่อๆแท้ ของเอกภพ
14:22
that you should learn to accept and stop asking questions.
366
847000
3000
ที่คุณควรที่จะเรียนรู้ ที่จะยอมรับมันซะ แล้วหยุดถามซะที
14:26
Or maybe the Big Bang
367
851000
2000
หรือว่า บางที บิ๊กแบง
14:28
is not the beginning of the universe.
368
853000
2000
ไม่ใช่จุดเริ่มต้นของเอกภพก็เป็นได้
14:30
An egg, an unbroken egg, is a low entropy configuration,
369
855000
3000
อย่างไข่ ที่เป็นฟองๆนี่นะครับ ก็มีการจัดเรียงเอ็นโทรปีต่ำ
14:33
and yet, when we open our refrigerator,
370
858000
2000
ถึงอย่างนั้น พอเราเปิดตู้เย็น
14:35
we do not go, "Hah, how surprising to find
371
860000
2000
เราก็จะไม่พูดว่า "ฮ่า น่าแปลกใจจังที่เจอ
14:37
this low entropy configuration in our refrigerator."
372
862000
2000
การจัดเรียงรูปแบบเอ็นโทรปีต่ำในตู้เย็นของเราเองด้วย"
14:39
That's because an egg is not a closed system;
373
864000
3000
นั่นก็เพราะว่าไข่ไม่ได้อยู่ในระบบปิดหน่ะสิครับ
14:42
it comes out of a chicken.
374
867000
2000
แต่มันออกมาจากแม่ไก่
14:44
Maybe the universe comes out of a universal chicken.
375
869000
4000
บางทีเอกภพอาจจะออกมาจากแม่ไก่ของเอกภพอีกทีก็ได้ครับ
14:48
Maybe there is something that naturally,
376
873000
2000
บางทีอาจจะมีอะไรบางอย่างตามธรรมชาติ
14:50
through the growth of the laws of physics,
377
875000
3000
ที่อ้างอิงได้ด้วยกฏฟิสิกส์ที่พัฒนาขึ้นทุกวันนี้
14:53
gives rise to universe like ours
378
878000
2000
ก่อให้เกิดเอกภพอย่างเอกภพของเรา
14:55
in low entropy configurations.
379
880000
2000
ซึ่งอยู่ในสภาวะเอ็นโทรปีต่ำ
14:57
If that's true, it would happen more than once;
380
882000
2000
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง มันควรเกิดขึ้นมากกว่าครั้งเดียว
14:59
we would be part of a much bigger multiverse.
381
884000
3000
เราควรจะเป็นส่วนหนึ่งของพหุภพที่ใหญ่มหึมามากกว่านี้
15:02
That's my favorite scenario.
382
887000
2000
อันนี้เป็นแนวคิดที่ผมชอบครับ
15:04
So the organizers asked me to end with a bold speculation.
383
889000
3000
อ่อ พอดีว่าทางผู้จัดเขาขอให้ผมจบการบรรยายด้วยแนวคิดที่ชัดเจน
15:07
My bold speculation
384
892000
2000
ผมก็เลยขอฟันธงตรงประเด็นไปเลยว่า
15:09
is that I will be absolutely vindicated by history.
385
894000
3000
ประวัติศาสตร์จะจารึกไว้ว่า (แนวคิดของ)ผมถูกต้องสมบูรณ์
15:12
And 50 years from now,
386
897000
2000
และ 50 ปีต่อไปจากนี้
15:14
all of my current wild ideas will be accepted as truths
387
899000
3000
แนวความคิดที่บ้าๆของผมทั้งหมดจะได้รับการยอมรับว่าเป็นความจริง
15:17
by the scientific and external communities.
388
902000
3000
ทั้งใน และ นอก วงการวิทยาศาสตร์
15:20
We will all believe that our little universe
389
905000
2000
พวกเราจะเชื่อกันว่าเอกภพเล็กๆของเรา
15:22
is just a small part of a much larger multiverse.
390
907000
3000
เป็นแค่เพียงส่วนเสี้ยวของพหุภพที่ใหญ่มหึมากว่ามาก
15:25
And even better, we will understand what happened at the Big Bang
391
910000
3000
และยิ่งไปกว่านั้น เราจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นตอนเกิดบิ๊กแบง
15:28
in terms of a theory
392
913000
2000
ในเชิงของทฤษฎี
15:30
that we will be able to compare to observations.
393
915000
2000
ซึ่งจะสามารถทำให้เราเปรียบเทียบกับการข้อมูลจากการสังเกตได้
15:32
This is a prediction. I might be wrong.
394
917000
2000
นี่เป็นเพียงการคาดเดาครับ ผมอาจผิดก็ได้
15:34
But we've been thinking as a human race
395
919000
2000
แต่ในฐานะมนุษยชาติ เราก็ครุ่นคิดกันมาโดยตลอด
15:36
about what the universe was like,
396
921000
2000
ว่าเอกภพจะรูปร่างหน้าตาเป็นยังไง
15:38
why it came to be in the way it did for many, many years.
397
923000
3000
ทำไมมันถึงเป็นอย่างที่เป็นอยู่แบบนี้มานานนับไม่รู้จะกี่ปี
15:41
It's exciting to think we may finally know the answer someday.
398
926000
3000
เพียงแค่คิดว่าสักวันนึง เราจะสามารถรู้คำตอบได้ นี่ก็ตื่นเต้นมากแล้วครับ
15:44
Thank you.
399
929000
2000
ขอบคุณครับ
15:46
(Applause)
400
931000
2000
(เสียงปรบมือ)
ABOUT THE SPEAKER
Sean M. Carroll - Physicist, cosmologistA physicist, cosmologist and gifted science communicator, Sean Carroll is asking himself -- and asking us to consider -- questions that get at the fundamental nature of the universe.
Why you should listen
Sean Carroll is a theoretical physicist at Caltech in Pasadena, California, where he researches theoretical aspects of cosmology, field theory and gravitation -- exploring the nature of fundamental physics by studying the structure and evolution of the universe.
His book on cosmology and the arrow of time, From Eternity to Here: The Quest for the Ultimate Theory of Time, was published in 2010. He keeps a regular blog at Cosmic Variance.
Sean M. Carroll | Speaker | TED.com