TEDGlobal 2011
Aparna Rao: High-tech art (with a sense of humor)
อะพาร์นา ราว (Aparna Rao): ศิลปะไฮเทค (ด้วยอารมณ์ขัน)
Filmed:
Readability: 3.5
951,514 views
ศิลปิน และ TED Fellow อะพาร์นา ราว นำเอาสิ่งที่คุ้นเคย มาสร้างสรรค์ใหม่ ให้ออกมาในรูปแบบที่น่าประหลาดใจ และมักแฝงด้วยอารมณ์ขัน เธอและเพื่อนร่วมงาน ซอเร็น พอร์ ร่วมกันสร้างสรรค์ชิ้นงานศิลปะที่ใช้เทคโนโลยีสูง เช่น เครื่องพิมพ์ดีดที่ส่งอีเมล์ หรือ กล้องที่ติดตามคุณไปทั่วห้องและทำให้ภาพของคุณหายไป งานเหล่านี้ให้มุมมองที่น่าสนุก จากสิ่งธรรมดาๆ ในชีวิตประจำวัน
Aparna Rao - Artist
A part of the Bangalore-based artist duo Pors & Rao, TED Senior Fellow Aparna Rao works with electro-mechanical systems and interactive installations. Full bio
A part of the Bangalore-based artist duo Pors & Rao, TED Senior Fellow Aparna Rao works with electro-mechanical systems and interactive installations. Full bio
Double-click the English transcript below to play the video.
00:15
Hi. Today, I'm going to take you through glimpses
0
0
2000
สวัสดีค่ะ วันนี้ฉันจะพาคุณชม
00:17
of about eight of my projects,
1
2000
2000
ประมาณแปดโครงการของฉัน
00:19
done in collaboration with Danish artist Soren Pors.
2
4000
3000
ซึ่งเป็นการร่วมงานกับศิลปินชาวเดนมาร์ก ซอเร็น พอรส์
00:22
We call ourselves Pors and Rao,
3
7000
2000
เราเรียกตัวเองว่า พอรส์และราว
00:24
and we live and work in India.
4
9000
2000
และเราอยู่อาศัยและทำงานในอินเดีย
00:26
I'd like to begin with my very first object,
5
11000
3000
ฉันจะเริ่มจากงานชิ้นแรกของฉัน
00:29
which I call "The Uncle Phone."
6
14000
2000
ซึ่งฉันเรียกว่า "โทรศัพท์ลุง"
00:31
And it was inspired by my uncle's peculiar habit
7
16000
3000
มันได้รับแรงบันดาลใจนิสัยแปลกๆ ของลุงฉันเอง
00:34
of constantly asking me to do things for him,
8
19000
2000
ที่มักขอให้ฉันทำสิ่งต่างๆ ให้เขา
00:36
almost like I were an extension of his body --
9
21000
2000
เสมือนว่าฉันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเขา
00:38
to turn on the lights or to bring him a glass of water,
10
23000
2000
เช่นให้ฉันเปิดไฟให้ หรือเอาน้ำมาให้
00:40
a pack of cigarettes.
11
25000
2000
หยิบบุหรี่ให้
00:42
And as I grew up, it became worse and worse,
12
27000
2000
เมื่อฉันเติบโตขึ้น เรื่องนี้ก็ยิ่งแย่ลง
00:44
And I started to think of it as a form of control.
13
29000
2000
และฉันก็เริ่มที่จะคิดว่ามันเป็นการควบคุมแบบหนึ่ง
00:46
But of course, I could never say anything,
14
31000
2000
แต่แน่นอน ฉันก็ไม่เคยพูดอะไร
00:48
because the uncle is a respected figure
15
33000
2000
เพราะลุงเป็นที่เคารพนับถือ
00:50
in the Indian family.
16
35000
2000
ในครอบครัวอินเดีย
00:52
And the situation that irked me and mystified me the most
17
37000
3000
และสถานการณ์ที่ฉันและประหลาดใจฉันมากที่สุด
00:55
was his use of a landline telephone.
18
40000
2000
คือการที่ลุงใช้งานโทรศัพท์บ้าน
00:57
He would hold on to the receiver and expect me to dial a number for him.
19
42000
3000
เขาจะถือหูโทรศัพท์
และรอให้ฉันจะกดหมายเลขให้เขา
และรอให้ฉันจะกดหมายเลขให้เขา
01:00
And so as a response and as a gift to my uncle,
20
45000
3000
และเพื่อเป็นการตอบโต้
และเป็นของขวัญให้กับลุงของฉัน
และเป็นของขวัญให้กับลุงของฉัน
01:03
I made him "The Uncle Phone."
21
48000
2000
ฉันประดิษฐ์ "โทรศัพท์ลุง"
01:05
It's so long that it requires two people to use it.
22
50000
3000
มันอันยาวมากจนต้องใช้คนสองคน ที่จะใช้โทรศัพท์
01:08
It's exactly the way my uncle uses a phone that's designed for one person.
23
53000
4000
มันตรงตามแบบที่ลุงของฉันชอบใช้
โทรศัพท์ที่ออกแบบมาสำหรับคนคนหนึ่ง
โทรศัพท์ที่ออกแบบมาสำหรับคนคนหนึ่ง
01:12
But the problem is that, when I left home and went to college,
24
57000
3000
แต่ปัญหาก็คือว่า เมื่อฉันออกจากบ้าน
และเข้าเรียนมหาวิทยลัย
และเข้าเรียนมหาวิทยลัย
01:15
I started missing his commands.
25
60000
2000
ฉันเริ่มคิดถึงคำสั่งของเขา
01:17
And so I made him a golden typewriter
26
62000
2000
และดังนั้นฉันจึงประดิษฐ์ "พิมพ์ดีดทอง" ให้เขา
01:19
through which he could dispense his commands
27
64000
2000
ซึ่งเขาสามารถแจกจ่ายคำสั่งของเขา
01:21
to nephews and nieces around the world as an email.
28
66000
3000
เพื่อหลานๆ ทั่วโลก ในรูปของอีเมล
01:24
So what he had to do was take a piece of paper, roll it into the carriage,
29
69000
3000
สิ่งที่เขาต้องทำ ก็คือนำกระดาษมาแผ่นหนึ่ง
ม้วนเข้าไปในแคร่เครื่องพิมพ์ดีด
ม้วนเข้าไปในแคร่เครื่องพิมพ์ดีด
01:27
type his email or command and pull the paper out.
30
72000
3000
พิมพ์อีเมล์หรือคำสั่งของเขาและดึงกระดาษออก
01:30
This device would automatically send the intended person
31
75000
3000
อุปกรณ์นี้จะส่งข้อความในรูปอีเมล ให้คนที่ตั้งใจ
01:33
the letter as an email.
32
78000
2000
โดยอัตโนมัติ
01:35
So here you can see, we embedded a lot of electronics
33
80000
3000
คุณจะเห็นว่าเราฝังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จำนวนมาก
01:38
that understands all of the mechanical actions
34
83000
2000
ที่เข้าใจการทำงานทั้งหมดของเครื่องพิมพ์ดีด
01:40
and converts it to digital.
35
85000
2000
และแปลงให้เป็นสัญญาณดิจิทัล
01:42
So my uncle is only dealing with a mechanical interface.
36
87000
3000
ดังนั้น ลุงของฉันก็เพียงแค่ทำงานผ่านส่วนที่เป็นจักรกล
01:45
And of course, the object had to be very grand and have a sense of ritualism,
37
90000
3000
และแน่นอน มันต้องดูยิ่งใหญ่ และเป็นพิธีกรรม
01:48
the way my uncle likes it.
38
93000
2000
อย่างที่ลุงชอบ
01:50
The next work is a sound-sensitive installation
39
95000
3000
งานต่อไปคือ สิ่งที่ไวต่อเสียง
01:53
that we affectionately call "The Pygmies."
40
98000
3000
ที่เราเรียกมันอย่างเอ็นดูว่า "ชาวพิกมี"
01:56
And we wanted to work with a notion of being
41
101000
2000
และเราต้องการงานที่จะให้ความรู้สึก
01:58
surrounded by a tribe of very shy, sensitive and sweet creatures.
42
103000
4000
ว่ามีชนเผ่าที่อ่อนไหว น่ารัก
และขี้อายมากๆ อยู่รอบๆ ตัวเรา
และขี้อายมากๆ อยู่รอบๆ ตัวเรา
02:02
So how it works is we have these panels, which we have on the wall,
43
107000
3000
วิธีทำงานของมันคือ เราติดแผงเหล่านี้ไว้บนผนัง
02:05
and behind them, we have these little creatures which hide.
44
110000
3000
และหลังแผง เรามีสิ่งมีชีวิตเล็กๆ เหล่านี้ซ่อนไว้
02:08
And as soon as it's silent, they sort of creep out.
45
113000
3000
และทันทีที่เงียบ พวกเขาทะยอยกันโผล่ออกมา
02:11
And if it's even more silent, they stretch their necks out.
46
116000
2000
ถ้ายิ่งเงียบมากขึ้น พวกเขายืดคอออกมามากขึ้น
02:13
And at the slightest sound, they hide back again.
47
118000
3000
แต่ถ้ามีเสียงเพียงเล็กน้อย พวกจะเขาหลบกลับเข้าไปอีก
02:16
So we had these panels on three walls of a room.
48
121000
3000
เราติดตั้งแผงเหล่านี้บนผนังสามด้านของห้อง
02:19
And we had over 500 of these little pygmies hiding behind them.
49
124000
3000
และเรามีพิกมีเล็กๆ มากกว่า 500 ตัว
ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังแผง
ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังแผง
02:22
So this is how it works.
50
127000
2000
นี่คือวิธีการทำงานของมัน
02:24
This is a video prototype.
51
129000
2000
นี่คือวิดีโอต้นแบบ
02:26
So when it's quiet, it's sort of coming out from behind the panels.
52
131000
3000
เมื่อเสียงเงียบ มันจะทะยอยออกมาจากด้านหลังแผง
02:29
And they hear like humans do, or real creatures do.
53
134000
2000
และเมื่อพวกเขาก็ได้ยินเสียงจากมนุษย์ หรือสัตว์อื่นๆ
02:31
So they get immune to sounds that scare them after awhile.
54
136000
3000
พวกมันจะชินกับเสียงที่เกิดขึ้นซ้ำๆ
หลังจากผ่านไประยะหนึ่ง
หลังจากผ่านไประยะหนึ่ง
02:34
And they don't react to background sounds.
55
139000
3000
และพวกมันจะไม่ตอบสนองต่อเสียงรบกวน
02:37
You'll hear a train in moment that they don't react to.
56
142000
3000
คุณจะได้ยินเสียงรถไฟ
ที่พวกมันเพิกเฉย
ที่พวกมันเพิกเฉย
02:40
(Noise)
57
145000
2000
(เสียง)
02:42
But they react to foreground sounds. You'll hear that in a second.
58
147000
3000
แต่พวกเขาตอบสนองต่อเสียงใกล้ๆ
ซึ่งคุณจะได้ยินในอีกสักครู่
ซึ่งคุณจะได้ยินในอีกสักครู่
02:45
(Whistling)
59
150000
3000
(เสียงผิวปาก)
02:50
So we worked very hard
60
155000
2000
เราทำงานหนักมาก
02:52
to make them as lifelike as possible.
61
157000
3000
ที่จะทำให้พวกมันเหมือนมีชีวิตจริง เท่าที่จะเป็นไปได้
02:56
So each pygmy has its own behavior, psyche,
62
161000
2000
พิกมีแต่ละตัวจะมีพฤติกรรมของตัวเอง สภาพจิตใจ
02:58
mood swings, personalities and so on.
63
163000
3000
อารมณ์ที่ผันผวน มีบุคลิก และอื่นๆ
03:01
So this is a very early prototype.
64
166000
2000
คือต้นแบบในช่วงแรกๆ
03:03
Of course, it got much better after that.
65
168000
2000
แน่นอน มันดีขึ้นมากหลังจากนั้น
03:05
And we made them react to people,
66
170000
2000
เราทำให้พวกมันตอบสนองต่อผู้คน
03:07
but we found that people were being quite playful and childlike with them.
67
172000
4000
เราพบว่า ผู้คนชอบเล่นกับพวกมัน
อย่างสนุกสนาน เหมือนเป็นเด็กๆเลย
อย่างสนุกสนาน เหมือนเป็นเด็กๆเลย
03:11
This is a video installation called "The Missing Person."
68
176000
3000
นี่คืองานการติดตั้งกล้องวิดีโอ ที่เรียกว่า "คนหาย"
03:14
And we were quite intrigued
69
179000
2000
และเราก็รู้สึกตื่นเต้นมาก
03:16
with playing with the notion of invisibility.
70
181000
2000
กับการเล่นกับแนวคิดเรื่องการล่องหน
03:18
How would it be possible to experience a sense of invisibility?
71
183000
3000
ว่ามันจะเป็นไปได้หรือไม่ ที่จะรู้สึกเหมือนได้ล่องหน
03:21
So we worked with a company
72
186000
2000
ดังนั้นเราจึงร่วมงานกับบริษัท
03:23
that specializes in camera surveillance,
73
188000
2000
ที่มีความเชี่ยวชาญในการใช้กล้องรักษาความปลอดภัย
03:25
and we asked them to develop a piece of software with us,
74
190000
3000
และเราขอให้พวกเขาพัฒนาซอฟต์แวร์ตัวหนึ่งให้กับเรา
03:28
using a camera
75
193000
2000
โดยใช้กล้อง
03:30
that could look at people in the room, track them
76
195000
2000
ที่สามารถตรวจจับคนที่อยู่ในห้อง ติดตามพวกเขา
03:32
and replace one person with the background, rendering them invisible.
77
197000
3000
และแทนที่คนคนหนึ่งด้วยภาพพื้นหลัง
ทำให้เขาเสมือนล่องหนได้
ทำให้เขาเสมือนล่องหนได้
03:35
So I'm just going to show you a very early prototype.
78
200000
3000
ฉันจะแสดงให้คุณเห็นต้นแบบเริ่มต้น
03:38
On the right side you can see my colleague Soren,
79
203000
2000
ทางด้านขวาคุณจะเห็นเพื่อนร่วมงานของฉัน ซอเร็น
03:40
who's actually in the space.
80
205000
2000
ผู้ซึ่งอยู่ในห้องจริงๆ
03:42
And on the left side, you'll see the processed video
81
207000
2000
และที่ด้านซ้าย คุณจะเห็นวิดีโอ
ที่ผ่านการประมวลผลแล้ว
ที่ผ่านการประมวลผลแล้ว
03:44
where the camera has made him invisible.
82
209000
3000
ซึ่งกล้องได้ทำให้เขาหายตัว
03:47
Soren enters the room. Pop! He goes invisible.
83
212000
3000
ซอเร็นเข้ามาในห้อง - ฝุบ - แล้วเขาก็ล่องหน
03:50
And you can see that the camera is tracking him and erasing.
84
215000
3000
และคุณจะเห็นว่ากล้องติดตามเขา และลบภาพเขาออก
03:53
It's a very early video,
85
218000
2000
มันเป็นวิดีโอแรกๆ ที่ทำ
03:55
so we haven't yet dealt with the overlap and all of that,
86
220000
2000
เรายังไม่ได้จัดการกับภาพซ้อนทั้งหมด
03:57
but that got refined pretty soon, later.
87
222000
3000
แต่ต่อมาอีกไม่นานมันก็ถูกขัดเกลาเรียบร้อย
04:00
So how we used it was in a room where we had a camera looking into the space,
88
225000
3000
เราติดตั้งมันไว้ในห้อง
โดยให้กล้องหันไปในพื้นที่ว่าง
โดยให้กล้องหันไปในพื้นที่ว่าง
04:03
and we had one monitor, one on each wall.
89
228000
3000
บนผนังแต่ละด้าน จะมีจออยู่หนึ่งจอ
04:06
And as people walked into the room,
90
231000
2000
และเมื่อคนเดินเข้าไปในห้อง
04:08
they would see themselves in the monitor, except with one difference:
91
233000
3000
พวกเขาจะเห็นตัวเองในจอมอนิเตอร์
แต่สิ่งที่แตกต่างอย่างหนึ่ง
แต่สิ่งที่แตกต่างอย่างหนึ่ง
04:11
one person was constantly invisible
92
236000
2000
ก็คือ จะมีคนคนหนึ่งที่ล่องหนอยู่ตลอดเวลา
04:13
wherever they moved in the room.
93
238000
2000
ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนในห้อง
04:15
So this is a work called "The Sun Shadow."
94
240000
2000
นี่คืออีกงานที่มีชื่อว่า "เงาอาทิตย์"
04:17
And it was almost like a sheet of paper,
95
242000
3000
และมันเกือบจะเหมือนแผ่นกระดาษ
04:20
like a cutout of a childlike drawing
96
245000
2000
เหมือนกระดาษที่ตัดจากรูปวาดของเด็กๆ
04:22
of an oil spill or a sun.
97
247000
2000
เป็นรูปหยดของน้ำมัน หรือดวงอาทิตย์
04:24
And from the front, this object appeared to be very strong and robust,
98
249000
3000
และจากด้านหน้า
วัตถุนี้ดูเหมือนจะแข็งแกร่ง
วัตถุนี้ดูเหมือนจะแข็งแกร่ง
04:27
and from the side, it almost seemed very weak.
99
252000
3000
แต่จากด้านข้าง มันดูอ่อนแอมาก
04:30
So people would walking into the room and they'd almost ignore it,
100
255000
3000
เมื่อคนเดินเข้ามาในห้อง
ในตอนแรกพวกเขาจะไม่สนใจมัน
ในตอนแรกพวกเขาจะไม่สนใจมัน
04:33
thinking it was some crap laying around.
101
258000
2000
คิดว่ามันเป็นรอยเปื้อนทั่วๆ ไป
04:35
But as soon as they passed by,
102
260000
2000
แต่ทันทีที่พวกเขาเดินผ่าน
04:37
it would start to climb up the wall in jerky fashion.
103
262000
2000
มันจะเริ่มต้นที่จะปีนกำแพงขึ้น อย่างกระตุกๆ
04:39
And it would get exhausted, and it would collapse every time.
104
264000
3000
และมันจะหมดแรง แล้วร่วงไหลลงมาทุกครั้ง
04:42
(Laughter)
105
267000
2000
(เสียงหัวเราะ)
04:44
So this work
106
269000
2000
ผลงานนี้
04:46
is a caricature of an upside-down man.
107
271000
2000
เป็นภาพล้อเลียนของชายกลับหัว
04:48
His head is so heavy, full of heavy thoughts,
108
273000
2000
ศีรษะของเขาหนักมาก
เพราะมันเต็มไปด้วยความคิดเครียดๆ
เพราะมันเต็มไปด้วยความคิดเครียดๆ
04:50
that it's sort of fallen into his hat,
109
275000
2000
จนมันไปรวมกันอยู่ในหมวกของเขา
04:52
and his body's grown out of him almost like a plant.
110
277000
2000
และร่างกายของเขาก็งอกออกมา เหมือนต้นไม้
04:54
Well what he does is he moves around
111
279000
2000
เขาจะเคลื่อนที่ไปรอบๆ โดยใช้หัวของเขา
04:56
in a very drunken fashion on his head
112
281000
2000
ในลักษณะเหมือนคนเมา
04:58
in a very unpredictable and extremely slow movement.
113
283000
3000
เป็นการเคลื่อนไหวที่ไร้ทิศทาง และช้ามากๆ
05:01
And it's kind of constrained by that circle.
114
286000
3000
การเคลื่อนไหวจะจำกัดอยู่ในวงกลมนั้น
05:04
Because if that circle weren't there, and the floor was very even,
115
289000
3000
เพราะถ้าไม่มีวงกลม และพื้นเรียบมากๆ
05:07
it would start to wander about in the space.
116
292000
2000
มันจะเริ่มเดินโซเซไปทั่ว
05:09
And there's no wires.
117
294000
2000
มันไม่มีสายบังคับ
05:11
So I'll just show you an instance --
118
296000
2000
ฉันจะแสดงให้คุณเห็นตัวอย่าง
05:13
so when people enter the room, it activates this object.
119
298000
2000
เมื่อมีคนเข้ามาในห้อง มันจะเริ่มเคลื่อนไหว
05:15
And it very slowly, over a few minutes,
120
300000
2000
ในเวลา 2-3 นาที มันจะเคลื่อนไหวแบบช้ามากๆ
05:17
sort of painfully goes up,
121
302000
2000
ค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างทรมาน
05:19
and then it gains momentum
122
304000
2000
และจากนั้นจะเริ่มเสียการทรงตัว
05:21
and it looks like it's almost about to fall.
123
306000
2000
และดูเหมือนว่ามันเกือบจะล้มลง
05:23
And this is an important moment,
124
308000
2000
และนี่คือช่วงเวลาที่สำคัญ
05:25
because we wanted to instill in the viewer
125
310000
2000
เพราะเราต้องการที่จะให้ผู้ชม
05:27
an instinct to almost go and help, or save the subject.
126
312000
2000
รู้สึกถึงสัญชาตญาณที่จะก้าวเข้าไปช่วย
หรือกันไม่ให้มันล้ม
หรือกันไม่ให้มันล้ม
05:29
But it doesn't really need it,
127
314000
2000
แต่มันไม่จำเป็นต้องให้ใครช่วย
05:31
because it, again, sort of manages to pull itself up.
128
316000
3000
เพราะมันจะดึงตัวเองขึ้นมาได้เอง
05:34
So this work was a real technical challenge for us,
129
319000
3000
งานนี้เป็นความท้าทายทางเทคนิคสำหรับเรา
05:37
and we worked very hard, like most of our works, over years
130
322000
3000
และเราต้องทำงานหนักมาก
เช่นเดียวกับงานส่วนใหญ่ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
เช่นเดียวกับงานส่วนใหญ่ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
05:40
to get the mechanics right and the equilibrium and the dynamics.
131
325000
3000
เพื่อให้กลไกการคลื่อนไหวทำงานถูกต้อง และได้สมดุล
05:43
And it was very important for us
132
328000
2000
และมันก็สำคัญมากสำหรับเรา
05:45
to establish the exact moment that it would fall,
133
330000
3000
เพื่อให้มันล้มลง ณ เวลาที่กำหนด
05:48
because if we made it in a way that it would topple over,
134
333000
3000
เพราะถ้าเราทำให้มันล้มคว่ำไปเลย
05:51
then it would damage itself,
135
336000
2000
มันก็จะเกิดความเสียหายต่อตัวเอง
05:53
and if it didn't fall enough, it wouldn't instill that fatalism,
136
338000
3000
และถ้ามันไม่ได้ล้มลงมากพอ
มันจะไม่ให้ความรู้สึกว่ามันตกอยู่ในอันตราย
มันจะไม่ให้ความรู้สึกว่ามันตกอยู่ในอันตราย
05:56
or that sense of wanting to go and help it.
137
341000
2000
หรือความรู้สึกที่อยากจะเข้าไปช่วยมัน
05:58
So I'm going to show you a very quick video
138
343000
2000
ฉันจะแสดงให้คุณเห็นวิดีโอสั้นๆ
06:00
where we are doing a test scenario -- it's much faster.
139
345000
2000
ที่เรากำลังทดสอบ -- มันเร็วมาก
06:02
That's my colleague. He's let it go.
140
347000
2000
นั่นร่วมงานของฉัน เขาเริ่มปล่อยมัน
06:04
Now he's getting nervous, so he's going to go catch it.
141
349000
2000
ตอนนี้เขาเริ่มกังวล เขาจึงเข้าไปรับมัน
06:06
But he doesn't need to,
142
351000
2000
แต่เขาไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น
06:08
because it manages to lift itself up on its own.
143
353000
2000
เพราะมันจะยกตัวเองขึ้นได้เอง
06:10
So this is a work that we were very intrigued with,
144
355000
3000
นี่เป็นชิ้นงานที่เราสนใจ
06:13
working with the aesthetic of fur
145
358000
2000
ที่จะทำงานเกี่ยวกับความงามของขนสัตว์
06:15
embedded with thousands of tiny different sizes
146
360000
3000
ที่ฝังไว้ด้วยเส้นใยแก้วนำแสง เล็กๆ ขนาดต่างๆ
06:18
of fiber optics, which twinkle like the night sky.
147
363000
3000
นับพันๆ เส้น ที่กระพริบเหมือนท้องฟ้ายามค่ำคืน
06:21
And it's at the scale of the night sky.
148
366000
2000
และตำแหน่งของมันก็ตรงตามดวงดาวบนท้องฟ้า
06:23
So we wrapped this around a blob-like form,
149
368000
2000
เราห่อสิ่งนี้ให้มีลักษณะเป็นก้อน
06:25
which is in the shape of a teddy bear,
150
370000
2000
ซึ่งอยู่ในรูปร่างของตุ๊กตาหมี
06:27
which was hanging from the ceiling.
151
372000
2000
ซึ่งถูกแขวนจากเพดาน
06:29
And the idea was to sort of contrast
152
374000
2000
แนวคิดก็คือ เราจะสร้างความขัดแย้ง
06:31
something very cold and distant and abstract like the universe
153
376000
3000
ระหว่าง สิ่งที่เยือกเย็น ห่างไกล
และเป็นนามธรรม เช่นจักรวาล
และเป็นนามธรรม เช่นจักรวาล
06:34
into the familiar form of a teddy bear,
154
379000
2000
กับรูปแบบที่คุ้นเคยของตุ๊กตาหมี
06:36
which is very comforting and intimate.
155
381000
2000
ซึ่งให้ความรู้สึกอบอุ่นและใกล้ชิด
06:38
And the idea was that at some point
156
383000
2000
ความตั้งใจก็คือ ณ จุดหนึ่ง
06:40
you would stop looking at the form of a teddy bear
157
385000
2000
คุณจะหยุดมองรูปร่างของตุ๊กตาหมี
06:42
and you would almost perceive it to be a hole in the space,
158
387000
3000
และคุณเห็นมันเป็นหลุมในอากาศ
06:45
and as if you were looking out into the twinkling night sky.
159
390000
3000
และราวกับว่าคุณกำลังมอง
ออกไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืน
ออกไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืน
06:49
So this is the last work, and a work in progress,
160
394000
2000
นี่คือชิ้นงานสุดท้าย และเป็นงานที่ยังไม่เสร็จดี
06:51
and it's called "Space Filler."
161
396000
2000
มันมีชื่อว่า "เติมเต็มที่ว่าง"
06:53
Well imagine a small cube that's about this big
162
398000
2000
ลองนึกถึงก้อนลูกบาศก์ ใหญ่ประมาณนี้
06:55
standing in front of you in the middle of the room,
163
400000
2000
ตั้งอยู่ตรงหน้าคุณ ตรงกลางห้อง
06:57
and as you approached it, it tried to intimidate you
164
402000
3000
และเมื่อคุณเดินเข้าไปใกล้ มันเริ่มที่จะขู่คุณ
07:00
by growing into a cube
165
405000
2000
โดยการขยายเป็นลูกบาศก์
07:02
that's twice its height and [eight] times its volume.
166
407000
3000
ที่สูงเป็นสองเท่าและ ใหญ่ขึ้นแปดเท่าในปริมาตร
07:05
And so this object is constantly expanding and contracting
167
410000
3000
วัตถุนี้จะขยายตัว และหดตัว อย่างต่อเนื่อง
07:08
to create a dynamic with people moving around it --
168
413000
2000
เพื่อตอบโต้กับคนที่เคลื่อนที่รอบๆ มัน
07:10
almost like it were trying
169
415000
2000
เหมือนมันกำลังพยายาม
07:12
to conceal a secret within its seams or something.
170
417000
2000
เพื่อปกปิดความลับให้อยู่ในขอบของมัน
07:14
So we work with a lot of technology,
171
419000
3000
เราทำงานโดยใช้เทคโนโลยีมาก
07:17
but we don't really love technology,
172
422000
2000
แต่เราไม่ได้รักเทคโนโลยีนัก
07:19
because it gives us a lot of pain in our work over years and years.
173
424000
3000
เพราะมันทำให้เราเจ็บปวดมาก
ในการทำงานของเราตลอดหลายปีมานี้
ในการทำงานของเราตลอดหลายปีมานี้
07:22
But we use it because we're interested
174
427000
2000
แต่เราใช้มันเพราะพวกเราสนใจ
07:24
in the way that it can help us
175
429000
2000
ในวิธีที่มันจะสามารถช่วยให้เรา
07:26
to express the emotions and behavioral patterns
176
431000
3000
แสดงอารมณ์และรูปแบบพฤติกรรม
07:29
in these creatures that we create.
177
434000
2000
ในสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ที่เราสร้างขึ้น
07:31
And once a creature pops into our minds,
178
436000
2000
และเราคิดถึงสิ่งมีชีวิตสักตัวหนึ่ง
07:33
it's almost like the process of creation
179
438000
2000
มันราวกับว่า กระบวนการสร้าง
07:35
is to discover the way this creature really wants to exist
180
440000
3000
คือการค้นหาว่า สิ่งมีชีวิตนี้
ต้องการปรากฏออกมาอย่างไร
ต้องการปรากฏออกมาอย่างไร
07:38
and what form it wants to take and what way it wants to move.
181
443000
2000
มันจะมีรูปร่างแบบไหน และมันจะเคลื่อนไหวอย่างไร
07:40
Thank you.
182
445000
2000
ขอบคุณคะ
07:42
(Applause)
183
447000
2000
(เสียงปรบมือ)
ABOUT THE SPEAKER
Aparna Rao - ArtistA part of the Bangalore-based artist duo Pors & Rao, TED Senior Fellow Aparna Rao works with electro-mechanical systems and interactive installations.
Why you should listen
With the clever use of technology, TED Fellow Aparna Rao creates art installations that let people experience familiar objects and interactions in refreshingly humorous ways. From her sound-sensative "Pygmies" to her 2-person "Uncle Phone," Rao's work encourages participation rather than spectatorship. By combining high-tech and high-art, she imbues her creations with playful expression and quirky behaviors.
Rao studied at the National Institute of Design in Ahmedabad, India, and at Interaction Design Institute in Italy. In 2005 she partnered with Soren Pors and they've worked in collaboration ever since as Pors & Rao.
Aparna Rao | Speaker | TED.com