TED@Intel
Maria Bezaitis: Why we need strangeness
มาเรีย เบเซติส (Maria Bezaitis): "ความแปลกหน้า" ที่จำเป็นอย่างน่าประหลาดใจ
Filmed:
Readability: 4.8
1,213,949 views
ในโลกดิจิตอลของเรา ความสัมพันธ์ทางสังคมกลายมาขึ้นอยู่กับข้อมูล ปราศจากการรับรู้มัน เราก็ได้กีดกันตัวเองออกจากความแปลกหน้า ผู้คนและความคิดที่ไม่เข้ากับแบบแผนของคนที่เรารู้จักอยู่แล้ว สิ่งที่เราชอบอยู่แล้ว และสถานที่ที่เราไปมาแล้ว นี่คือการเรียกร้องให้เทคโนโลยีพาเราไปเจอสิ่งและคนที่เราต้องการ ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่คุ้นเคยก็ตามแต่ (ถ่ายทำที่ TED@Intel)
Maria Bezaitis - Computer engineer
A principal engineer at Intel, Maria Bezaitis focuses on how constellations of personal data can form new business models. Full bio
A principal engineer at Intel, Maria Bezaitis focuses on how constellations of personal data can form new business models. Full bio
Double-click the English transcript below to play the video.
00:12
"Don't talk to strangers."
0
892
3288
"อย่าคุยกับคนแปลกหน้า"
00:16
You have heard that phrase uttered
1
4180
2039
คุณได้ยินประโยคนี้ที่บอกต่อๆกันมา
00:18
by your friends, family, schools and the media for decades.
2
6219
4313
โดยเพื่อนของคุณ ครอบครัว โรงเรียน
และสื่อต่างๆ มาหลายสิบปี
และสื่อต่างๆ มาหลายสิบปี
00:22
It's a norm. It's a social norm.
3
10532
2912
มันเป็นบรรทัดฐาน มันเป็นบรรทัดฐานทางสังคม
00:25
But it's a special kind of social norm,
4
13444
2358
แต่มันเป็นบรรทัดฐานทางสังคมชนิดพิเศษ
00:27
because it's a social norm that wants to tell us
5
15802
2530
เพราะมันเป็นบรรทัดฐานทางสังคมที่ต้องการจะบอกเราว่า
00:30
who we can relate to and who we shouldn't relate to.
6
18332
4464
ใครที่เราต้องมีความสัมพันธ์ด้วย
และใครที่เราไม่ควรมี
และใครที่เราไม่ควรมี
00:34
"Don't talk to strangers" says,
7
22796
2504
"อย่าคุยกับคนแปลกหน้า" เขาว่ากัน
00:37
"Stay from anyone who's not familiar to you.
8
25300
4176
"อยู่ให้ห่างจากใครก็ตามที่คุณไม่คุ้นเคย
00:41
Stick with the people you know.
9
29476
2415
เกาะติดกับคนที่คุณรู้จักไว้
00:43
Stick with people like you."
10
31891
2974
เกาะติดกับคนที่เหมือนคุณ"
00:46
How appealing is that?
11
34865
2352
น่าเชื่อจริงๆใช่มั้ยคะ
00:49
It's not really what we do, is it, when we're at our best?
12
37217
3225
(แต่) มันไม่ใช่สิ่งที่เราทำตอนที่เราทำอะไรสักอย่างได้ดีที่สุด
ใช่ไหม
ใช่ไหม
00:52
When we're at our best, we reach out to people
13
40442
2784
ตอนที่เราทำได้ดีที่สุด เรากลับเข้าถึงผู้คน
00:55
who are not like us,
14
43226
1618
ที่ไม่เหมือนเรา
00:56
because when we do that, we learn from people
15
44844
2867
เพราะเมื่อเราทำแบบนั้น เราเรียนรู้จากคนอื่น
00:59
who are not like us.
16
47711
2269
ที่ไม่เหมือนเรา
01:01
My phrase for this value of being with "not like us"
17
49980
4101
วลีของฉันสำหรับสิ่งนี้ คือการ "ไม่เหมือนพวกเรา"
01:06
is "strangeness,"
18
54081
1872
คือคำว่า "ความแปลกหน้า"
01:07
and my point is that in today's digitally intensive world,
19
55953
3900
และจุดสำคัญก็คือว่า
ในโลกที่เต็มไปด้วยระบบดิจิตอลทุกวันนี้
ในโลกที่เต็มไปด้วยระบบดิจิตอลทุกวันนี้
01:11
strangers are quite frankly not the point.
20
59853
3366
เอาเข้าจริงๆคนแปลกหน้ากลับไม่ใช่สาระสำคัญ
01:15
The point that we should be worried about is,
21
63219
2183
สาระสำคัญที่เราควรจะกังวลก็คือ
01:17
how much strangeness are we getting?
22
65402
2887
ความแปลกหน้ามากแค่ไหนที่เรากำลังจะได้เจอ
01:20
Why strangeness? Because our social relations
23
68289
3006
ทำไมต้องพูดถึงความแปลกหน้า
เพราะความสัมพันธ์ทางสังคมของเรา
เพราะความสัมพันธ์ทางสังคมของเรา
01:23
are increasingly mediated by data,
24
71295
2794
ต้องอาศัยข้อมูลมากขึ้นเรื่อยๆ
01:26
and data turns our social relations into digital relations,
25
74089
4557
และข้อมูลได้เปลี่ยนความสัมพันธ์ทางสังคมของเรา
ไปเป็นความสัมพันธ์แบบดิจิตอล
ไปเป็นความสัมพันธ์แบบดิจิตอล
01:30
and that means that our digital relations
26
78646
2349
และนั่นหมายความว่าความสัมพันธ์แบบดิจิตอลของเรา
01:32
now depend extraordinarily on technology
27
80995
3802
ตอนนี้ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีมากเป็นพิเศษ
01:36
to bring to them a sense of robustness,
28
84797
2918
ในการที่จะนำมันไปสู่ความมั่นคง
01:39
a sense of discovery,
29
87715
1587
การค้นพบ
01:41
a sense of surprise and unpredictability.
30
89302
3270
ความประหลาดใจและการคาดการณ์ไม่ได้
01:44
Why not strangers?
31
92572
1767
ทำไมต้องคนแปลกหน้าล่ะ
01:46
Because strangers are part of a world
32
94339
2294
เพราะคนแปลกหน้าเป็นส่วนหนึ่งของโลก
01:48
of really rigid boundaries.
33
96633
2265
ที่เต็มไปด้วยเส้นแบ่งมากมาย
01:50
They belong to a world of people I know
34
98898
2952
พวกเขาตกอยู่ในโลกของผู้คนที่ฉันรู้จัก
01:53
versus people I don't know,
35
101850
2514
กับผู้คนที่ฉันไม่รู้จัก
01:56
and in the context of my digital relations,
36
104364
2479
และในบริบทของความสัมพันธ์แบบดิจิตอลของฉันนั้น
01:58
I'm already doing things with people I don't know.
37
106843
4021
ฉันได้ทำสิ่งต่างๆกับผู้คนที่ฉันไม่รู้จักไปเรียบร้อยแล้ว
02:02
The question isn't whether or not I know you.
38
110864
3218
คำถามไม่ใช่ว่าฉันรู้จักคุณหรือไม่
02:06
The question is, what can I do with you?
39
114082
2504
คำถามคือ ฉันจะทำอะไรร่วมกับคุณได้บ้าง
02:08
What can I learn with you?
40
116586
2609
ฉันเรียนรู้อะไรร่วมกับคุณได้บ้าง
02:11
What can we do together that benefits us both?
41
119195
4301
เราจะทำอะไรด้วยกันได้บ้างที่จะเป็นประโยชน์ต่อเราทั้งคู่
02:15
I spend a lot of time thinking about
42
123496
2362
ฉันใช้เวลามากมายคิดเกี่ยวกับว่า
02:17
how the social landscape is changing,
43
125858
2760
ภูมิทัศน์ทางสังคมมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง
02:20
how new technologies create new constraints
44
128618
2472
เทคโนโลยีใหม่ๆได้สร้างข้อจำกัดใหม่
02:23
and new opportunities for people.
45
131090
2790
และโอกาสใหม่ให้กับผู้คนอย่างไรบ้าง
02:25
The most important changes facing us today
46
133880
2651
การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดที่เรากำลังเผชิญอยู่วันนี้
02:28
have to do with data and what data is doing
47
136531
2806
ต้องเกี่ยวข้องกับข้อมูลและสิ่งที่ข้อมูลกำลังทำอยู่
02:31
to shape the kinds of digital relations
48
139337
2105
เพื่อสร้างความสัมพันธ์แบบดิจิตอล
02:33
that will be possible for us in the future.
49
141442
2464
ที่เป็นไปได้สำหรับพวกเราในอนาคต
02:35
The economies of the future depend on that.
50
143906
2233
ระบบเศรษฐกิจแห่งอนาคตขึ้นอยู่กับสิ่งนั้น
02:38
Our social lives in the future depend on that.
51
146139
2919
ชีวิตในสังคมของเราในอนาคตขึ้นอยู่กับสิ่งนั้น
02:41
The threat to worry about isn't strangers.
52
149058
3032
สิ่งคุกคามที่น่ากังวลไม่ใช่คนแปลกหน้า
02:44
The threat to worry about is whether or not
53
152090
2112
สิ่งคุกคามที่น่ากังวลคือ
02:46
we're getting our fair share of strangeness.
54
154202
2992
พวกเราจะจะได้พบเจอสัดส่วนความแปลกหน้า
ที่เพียงพอหรือไม่ต่างหาก
ที่เพียงพอหรือไม่ต่างหาก
02:49
Now, 20th-century psychologists and sociologists
55
157194
2592
ตอนนี้ นักจิตวิทยาและนักสังคมวิทยาแห่งศตวรรษที่ 20
02:51
were thinking about strangers,
56
159786
2153
กำลังคิดเรื่องคนแปลกหน้า
02:53
but they weren't thinking so dynamically about human relations,
57
161939
2737
แต่พวกเขาไม่ได้คิดเรื่อง
ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์เท่าไหร่นัก
ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์เท่าไหร่นัก
02:56
and they were thinking about strangers
58
164676
1369
และพวกเขาคิดเรื่องคนแปลกหน้า
02:58
in the context of influencing practices.
59
166045
2954
ท่ามกลางบริบทของการกระทำที่มีอิทธิพล
03:00
Stanley Milgram from the '60s and '70s,
60
168999
2748
สแตนลีย์ มิลแกรม (Stanley Milgram)
จากยุค 60 และ 70
จากยุค 60 และ 70
03:03
the creator of the small-world experiments,
61
171747
1986
ผู้สร้างการทดลองโลกใบเล็ก
03:05
which became later popularized as six degrees of separation,
62
173733
2954
ที่ได้โด่งดังเป็นที่รู้จักในนาม หกระดับของการแบ่งแยก
03:08
made the point that any two arbitrarily selected people
63
176687
3512
เขาบอกว่า คนสองคนที่ถูกเลือกแบบสุ่ม
03:12
were likely connected from between five to seven intermediary steps.
64
180199
3722
มีแนวโน้มที่จะเชื่อมถึงกันได้ ด้วยขั้นตอนสื่อกลาง 5-7 ขั้น
03:15
His point was that strangers are out there.
65
183921
3030
ประเด็นของเขาก็คือ สำหรับคนแปลกหน้าที่อยู่ข้างนอกนั่น
03:18
We can reach them. There are paths
66
186951
1572
เราสามารถเข้าถึงพวกเขาได้
มันมีหนทางต่างๆ
มันมีหนทางต่างๆ
03:20
that enable us to reach them.
67
188523
2686
ที่ทำให้เราเข้าถึงพวกเขาได้
03:23
Mark Granovetter, Stanford sociologist, in 1973
68
191209
3769
มาร์ก กราโนเวตเตอร์ (Mark Granovetter)
นักสังคมวิทยาจากสแตนฟอร์ด
นักสังคมวิทยาจากสแตนฟอร์ด
03:26
in his seminal essay "The Strength of Weak Ties,"
69
194978
2798
ในงานชิ้นสำคัญของเขาเมื่อปี 1973
บทความชื่อ "ความแข็งแกร่งของความสัมพันธ์แบบหลวมๆ"
(The Strength of Weak Ties)
บทความชื่อ "ความแข็งแกร่งของความสัมพันธ์แบบหลวมๆ"
(The Strength of Weak Ties)
03:29
made the point that these weak ties
70
197776
2826
ได้ระบุว่า ความสัมพันธ์แบบหลวมๆเหล่านี้
03:32
that are a part of our networks, these strangers,
71
200602
2487
เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายของพวกเรา
คนแปลกหน้าเหล่านี้
คนแปลกหน้าเหล่านี้
03:35
are actually more effective at diffusing information to us
72
203089
2992
จริงๆแล้ว มีประสิทธิภาพ
ในการกระจายข้อมูลให้กับเรามากกว่า
ในการกระจายข้อมูลให้กับเรามากกว่า
03:38
than are our strong ties, the people closest to us.
73
206081
4536
ความสัมพันธ์แบบสนิทชิดเชื้อของเรา
ซึ่งก็คือคนที่ใกล้ชิดกับเราที่สุด เสียอีก
ซึ่งก็คือคนที่ใกล้ชิดกับเราที่สุด เสียอีก
03:42
He makes an additional indictment of our strong ties
74
210617
3497
เขาได้ระบุเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสัมพันธ์แบบแนบแน่นของเรา
03:46
when he says that these people who are so close to us,
75
214114
2629
คนเหล่านี้ที่สนิทกับเราเหลือเกิน
03:48
these strong ties in our lives,
76
216743
1933
ความสัมพันธ์แนบแน่นเหล่านี้ในชีวิตเรา
03:50
actually have a homogenizing effect on us.
77
218676
3427
จริงๆแล้วมีผลลัพธ์เชิงหลอมรวมต่อเรา
03:54
They produce sameness.
78
222103
2835
พวกเขาสร้างความเหมือน
03:56
My colleagues and I at Intel have spent the last few years
79
224938
2839
เพื่อนร่วมงานของฉันและตัวฉันเองที่อินเทล
ได้ใช้เวลาช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
ได้ใช้เวลาช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
03:59
looking at the ways in which digital platforms
80
227777
2616
ดูว่ามีทางไหนบ้างที่ช่องทางดิจิตอล (digital platforms)
04:02
are reshaping our everyday lives,
81
230393
1871
จะเปลี่ยนแปลงชีวิตประจำวันของพวกเรา
04:04
what kinds of new routines are possible.
82
232264
2617
แบบแผนชีวิตใหม้แบบไหนที่เป็นไปได้
04:06
We've been looking specifically at the kinds
83
234881
1296
เราเฝ้าดูดิจิตอลแพลตฟอร์มต่างๆ
04:08
of digital platforms that have enabled us
84
236177
2711
ที่สามารถทำให้เรา
04:10
to take our possessions, those things that used to be
85
238888
3135
นำของๆเรา สิ่งเหล่านั้นที่เคย
04:14
very restricted to us and to our friends in our houses,
86
242023
3122
ถูกจำกัดอยู่กับพวกเราและเพื่อนของเราในบ้านของเรา
04:17
and to make them available to people we don't know.
87
245145
3822
และทำให้มันถูกเข้าถึงได้ โดยคนที่เราไม่รู้จัก
04:20
Whether it's our clothes, whether it's our cars,
88
248967
2723
ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าของเรา รถของเรา
04:23
whether it's our bikes, whether it's our books or music,
89
251690
2623
จักรยานของเรา หนังสือหรือดนตรีของเรา
04:26
we are able to take our possessions now
90
254313
2993
ตอนนี้ เราสามารถเอาของต่างๆของเรา
04:29
and make them available to people we've never met.
91
257306
3431
มาทำให้มันถูกเข้าถึงได้โดยผู้ที่เราไม่เคยเจอมาก่อน
04:32
And we concluded a very important insight,
92
260737
2811
แล้วพวกเราก็สรุปข้อคิดที่สำคัญมาก
04:35
which was that as people's relationships
93
263548
1788
ซึ่งก็คือว่า ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างคน
04:37
to the things in their lives change,
94
265336
2541
กับสิ่งของในชีวิตของพวกเขาเปลี่ยนไป
04:39
so do their relations with other people.
95
267877
3444
ดังนั้น ความสัมพันธ์ของพวกเขากับคนอื่นๆก็เช่นเดียวกัน
04:43
And yet recommendation system
96
271321
1408
แต่เจ้าระบบแนะนำ
04:44
after recommendation system continues to miss the boat.
97
272729
4275
ระบบแล้วระบบเล่าต่างก็พลาดไป
04:49
It continues to try to predict what I need
98
277004
2549
มันยังคงพยายามทำนายสิ่งที่ฉันต้องการ
04:51
based on some past characterization of who I am,
99
279553
3240
จากบุคลิกลักษณะในอดีตของฉัน
04:54
of what I've already done.
100
282793
2296
และสิ่งที่ฉันทำไปแล้ว
04:57
Security technology after security technology
101
285089
2504
เทคโนโลยีความปลอดภัย ซ้ำแล้วซ้ำอีก
04:59
continues to design data protection
102
287593
2176
ยังคงออกแบบการป้องกันข้อมูล
05:01
in terms of threats and attacks,
103
289769
2405
ในแง่ของภัยคุกคามและการโจมตี
05:04
keeping me locked into really rigid kinds of relations.
104
292174
3595
กักขังฉันไว้ให้อยู่ในความสัมพันธ์ที่รัดตรึงมากๆ
05:07
Categories like "friends" and "family"
105
295769
2496
การแบ่งประเภทอย่าง "เพื่อน" และ "ครอบครัว"
05:10
and "contacts" and "colleagues"
106
298265
2477
และ "ผู้ติดต่อ" และ "เพื่อนร่วมงาน"
05:12
don't tell me anything about my actual relations.
107
300742
3787
ไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของฉันจริงๆ
05:16
A more effective way to think about my relations
108
304529
2244
วิธีที่มีประสิทธิภาพมากกว่า
ในการคิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของฉัน
ในการคิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของฉัน
05:18
might be in terms of closeness and distance,
109
306773
2692
อาจจะเป็นในเชิงความใกล้ชิดและความห่างไกล
05:21
where at any given point in time, with any single person,
110
309465
3820
ที่ซึ่ง ณ บางจุดบางเวลา กับใครสักคนหนึ่ง
05:25
I am both close and distant from that individual,
111
313285
3491
ฉันทั้งสนิทและเหินห่างกับคนๆนั้น
05:28
all as a function of what I need to do right now.
112
316776
4508
ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ฉันต้องทำตอนนี้
05:33
People aren't close or distant.
113
321284
2638
ผู้คนไม่ได้สนิทสนมหรือเหินห่าง
05:35
People are always a combination of the two,
114
323922
3061
ผู้คนมีส่วนผสมของทั้งสองอย่างอยู่เสมอ
05:38
and that combination is constantly changing.
115
326983
3720
และส่วนผสมนั้นก็เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด
05:42
What if technologies could intervene
116
330703
2440
ถ้าหากเทคโนโลยีสามารถเข้ามาก้าวก่าย
05:45
to disrupt the balance of certain kinds of relationships?
117
333143
3977
เพื่อทำลายสมดุลของความสัมพันธ์บางประเภทได้ล่ะ?
05:49
What if technologies could intervene
118
337120
1961
ถ้าหากเทคโนโลยีสามารถแทรกแซง
05:51
to help me find the person that I need right now?
119
339081
4411
เพื่อช่วยฉันในการหาใครสักคนที่ฉันต้องการเดี๋ยวนี้ได้ล่ะ
05:55
Strangeness is that calibration
120
343492
2424
ความแปลกหน้าคือ การวัดเชิงเปรียบเทียบ
05:57
of closeness and distance
121
345916
2219
ระหว่างความสนิทกับความห่าง
06:00
that enables me to find the people that I need right now,
122
348135
3903
ที่ทำให้ฉันได้เจอผู้คนที่ฉันต้องการเดี๋ยวนี้
06:04
that enables me to find the sources of intimacy,
123
352038
2990
ที่ทำให้ฉันได้เจอกับแหล่งของความชิดเชื้อ
06:07
of discovery, and of inspiration that I need right now.
124
355028
4648
ของการค้นพบ และของแรงบันดาลใจที่ฉันต้องการตอนนี้
06:11
Strangeness is not about meeting strangers.
125
359676
2309
ความแปลกหน้าไม่ใช่เรื่องของการพบคนแปลกหน้า
06:13
It simply makes the point that we need
126
361985
2195
ง่ายๆเลย มันเป็นเรื่องของการที่เราต้อง
06:16
to disrupt our zones of familiarity.
127
364180
3282
ทำลายพื้นที่ความคุ้นเคยของเรา
06:19
So jogging those zones of familiarity is one way to think about strangeness,
128
367462
3657
ดังนั้น การเขย่าพื้นที่ความคุ้นเคยเหล่านั้นเบาๆ
เป็นหนทางหนึ่งในการคิดถึงความแปลกหน้า
เป็นหนทางหนึ่งในการคิดถึงความแปลกหน้า
06:23
and it's a problem faced not just by individuals today,
129
371119
2704
และมันเป็นปัญหาที่พบเจอ
ไม่ใช่เฉพาะกับคนแต่ละคนทุกวันนี้
ไม่ใช่เฉพาะกับคนแต่ละคนทุกวันนี้
06:25
but also by organizations,
130
373823
2230
แต่รวมไปถึงองค์กรต่างๆด้วย
06:28
organizations that are trying to embrace massively new opportunities.
131
376053
4523
องค์กรที่พยายามแสวงหาโอกาสใหม่ๆมากมาย
06:32
Whether you're a political party
132
380576
2106
ไม่ว่าคุณจะเป็นพรรคการเมือง
06:34
insisting to your detriment on a very rigid notion
133
382682
2868
ยืนกรานต่อความเสียหายจากการแบ่งชัด
06:37
of who belongs and who does not,
134
385550
2388
ระหว่างใครพวกเรา ใครไม่ใช่
06:39
whether you're the government
135
387938
1493
ไม่ว่าคุณจะเป็นรัฐบาล
06:41
protecting social institutions like marriage
136
389431
2698
ที่กำลังปกป้องสถาบันทางสังคมอย่างการแต่งงาน
06:44
and restricting access of those institutions to the few,
137
392129
3893
และจำกัดการเข้าถึงของสถาบันเหล่านั้นให้แก่คนบางกลุ่ม
06:48
whether you're a teenager in her bedroom
138
396022
2408
ไม่ว่าคุณจะเป็นสาวน้อยในห้องนอนของเธอ
06:50
who's trying to jostle her relations with her parents,
139
398430
3188
ที่กำลังกระทบกระทั่งกับพ่อแม่ของเธออยู่
06:53
strangeness is a way to think about how we pave the way
140
401618
3162
ความแปลกหน้าเป็นทางหนึ่งที่จะคิด
06:56
to new kinds of relations.
141
404780
2474
ว่าเราจะสร้างหนทางไปสู่ความสัมพันธ์แบบใหม่ได้อย่างไร
06:59
We have to change the norms.
142
407254
3358
เราต้องเปลี่ยนบรรทัดฐานทางสังคม
07:02
We have to change the norms in order to enable
143
410612
3030
เราต้องเปลี่ยนบรรทัดฐานเพื่อทำให้
07:05
new kinds of technologies
144
413642
1938
เทคโนโลยีรูปแบบใหม่
07:07
as a basis for new kinds of businesses.
145
415580
2789
ได้เป็นพื้นฐานของการทำธุรกิจแบบใหม่
07:10
What interesting questions lie ahead for us
146
418369
3733
แล้วคำถามที่น่าสนใจที่อยู่ตรงหน้าเรา
07:14
in this world of no strangers?
147
422102
2671
ในโลกที่ไม่มีคนแปลกหน้าคืออะไร
07:16
How might we think differently about our relations with people?
148
424773
3806
เราจะคิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเรากับผู้คน
ให้ต่างไปจากเดิมได้อย่างไร
ให้ต่างไปจากเดิมได้อย่างไร
07:20
How might we think differently about our relations
149
428579
3121
เราจะคิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเรากับ
กลุ่มคนกระจัดกระจาย
กลุ่มคนกระจัดกระจาย
07:23
with distributed groups of people?
150
431700
2092
ให้ต่างไปจากเดิมได้อย่างไร
07:25
How might we think differently about our relations with technologies,
151
433792
4441
เราจะคิดถึงความสัมพันธ์ของเรากับเทคโนโลยี
07:30
things that effectively become social participants
152
438233
3006
สิ่งที่ได้กลายมาเป็นผู้มีส่วนร่วมทางสังคมตามสิทธิของมัน
07:33
in their own right?
153
441239
2074
ให้แตกต่างไปจากเดิมได้อย่างไร
07:35
The range of digital relations is extraordinary.
154
443313
3813
ช่วงของความสัมพันธ์ทางดิจิตอลนั้นน่าทึ่งมาก
07:39
In the context of this broad range of digital relations,
155
447126
4557
ท่ามกลางบริบทของความสัมพันธ์ดิจิตอลนี้
07:43
safely seeking strangeness might very well be
156
451683
2974
การค้นหาความแปลกหน้าอย่างปลอดภัยอาจจะ
07:46
a new basis for that innovation.
157
454657
2271
เป็นพื้นฐานใหม่สำหรับนวัตกรรมก็เป็นได้
07:48
Thank you.
158
456928
1470
ขอบคุณค่ะ
07:50
(Applause)
159
458398
4893
(เสียงปรบมือ)
ABOUT THE SPEAKER
Maria Bezaitis - Computer engineerA principal engineer at Intel, Maria Bezaitis focuses on how constellations of personal data can form new business models.
Why you should listen
Maria Bezaitis examines the social and cultural landscape, charting new directions for technology innovation within it. At Intel, her work focuses on personal data and how it develops relationally – and what this will mean in terms of new business models, the development of new devices and interfaces, and the creation of better security technologies.
Maria joined Intel in June 2006 to direct the People and Practices Research Group. She also played a leadership role at the cutting-edge social research and design organizations, E-Lab and Sapient Corporation. A longtime literature student, Bezaitis finished her Ph.D at Duke University in French Literature.
Maria Bezaitis | Speaker | TED.com