ABOUT THE SPEAKER
Gill Hicks - Survivor and activist
Gill Hicks has dedicated her life to being an advocate for peace.

Why you should listen

Dr. Gill Hicks is considered to be one of the most thought provoking, powerful and life affirming speakers in Australia and the UK. She is globally known as a survivor of the London terrorist bombings on July 7, 2005. She survived, but suffered severe and permanent injuries, losing both legs from just below the knee.

Originally from Adelaide, Australia, Hicks has lived in London since 1991, however in 2012 Hicks returned to Australia where she operates nationally and internationally through her not for profit M.A.D. for Peace network and her public speaking work.

Her unique and compelling projects and initiative's, aimed at both deterring anyone from following the path of violent extremism and building sustainable models for peace, draw upon Hicks's previous roles within the Arts.

An impressive career before the bombings included being at the helm of some of the UK's most prestigious and respected institutions -- including publishing director of the architecture, design and contemporary culture magazine, Blueprint, director of the Dangerous Minds design consultancy and head curator at the Design Council. It wasn’t until after the bombings that Hicks decided to dedicate her life to being an advocate for peace. She has made it her mission to use her experiences and her new body form to positive effect.

In 2007 Hicks founded the not for profit organisation M.A.D. for Peace, a platform that connects people globally and encourages us to think of "Peace as a Verb," something that we have an individual responsibility to do every day.

In 2008 Hicks released her first book, One Unknown, named after the chilling label given to her as she arrived to hospital as an unidentified body. The book was shortlisted for the Mind Book of the Year Awards.

Since her return to Australia in 2012, Hicks has been recognised as South Australian, Australian of the Year 2015 and is Chair to the Innovation component for the Committee for Adelaide.

In 2013 Hicks welcomed her daughter, Amelie into the world. This, as she describes it, is her finest achievement and greatest acknowledgement of the brilliance and resilience of the human body.

More profile about the speaker
Gill Hicks | Speaker | TED.com
TEDxSydney

Gill Hicks: I survived a terrorist attack. Here's what I learned

จิล ฮิคส์ (Gill Hicks): ฉันรอดจากเหตุก่อการร้ายมาได้ และนี่คือสิ่งที่ฉันได้เรียนรู้มา

Filmed:
937,602 views

เรื่องของ จิล ฮิคส์ คือเรื่องของความรักและความเป็นมนุษย์ที่เกิดจากเถ้าถ่านของความโกลาหลและความเกลียดชัง จิลคือผู้รอดชีวิตรายหนึ่งจากเหตุระเบิดพลีชีพที่กรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ค.ศ. 2005 เธอมาเล่าเรื่องเหตุการณ์ในวันนั้นให้เราฟัง -- รวมถึงบทเรียนอันลึกซึ้งที่เธอได้เรียนรู้ เพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป
- Survivor and activist
Gill Hicks has dedicated her life to being an advocate for peace. Full bio

Double-click the English transcript below to play the video.

00:12
I could never have imaginedจินตนาการ
0
965
2542
ฉันไม่เคยคิดเคยฝัน
00:15
that a 19-year-old-ปี suicideการฆ่าตัวตาย bomberเครื่องบินทิ้งระเบิด
1
3531
3952
ว่ามือวางระเบิดพลีชีพอายุ 19 ปี
00:19
would actuallyแท้จริง teachสอน me a valuableมีคุณค่า lessonบทเรียน.
2
7507
3681
จะเป็นคนสอนบทเรียนที่มีค่ากับฉัน
00:24
But he did.
3
12640
1167
แต่เขาสอนค่ะ
00:26
He taughtสอน me to never presumeเข้าใจ anything
4
14640
4619
เขาสอนฉันให้ไม่มีวันทึกทัก
00:31
about anyoneใคร ๆ you don't know.
5
19283
3140
เรื่องของคนที่เราไม่รู้จักเป็นอันขาด
00:36
On a Thursdayวันพฤหัสบดี morningตอนเช้า in Julyกรกฎาคม 2005,
6
24414
4129
เช้าวันพฤหัสบดี
ในเดือนกรกฎาคม ปี ค.ศ. 2005
00:40
the bomberเครื่องบินทิ้งระเบิด and I, unknowinglyไม่รู้,
7
28567
3058
มือวางระเบิดกับฉัน
00:43
boardedboarded the sameเหมือนกัน trainรถไฟ carriageการขนส่ง
at the sameเหมือนกัน time,
8
31649
4547
เลือกขึ้นรถไฟขบวนเดียวกัน
ในเวลาเดียวกัน โดยที่ไม่รู้มาก่อน
00:48
standingจุดยืน, apparentlyเด่นชัด, just feetฟุต apartต่างหาก.
9
36220
4463
เรายืนห่างกันแค่ไม่กี่ฟุตเอง
00:54
I didn't see him.
10
42345
1150
ฉันไม่เห็นเขาหรอกค่ะ
00:56
Actuallyแท้จริง, I didn't see anyoneใคร ๆ.
11
44185
1791
เอาจริง ๆ แล้ว ฉันไม่เห็นใครเลย
00:58
You know not to look
at anyoneใคร ๆ on the Tubeหลอด,
12
46000
2587
เป็นเหมือนตามปกติ
ที่ไม่มีใครมองใครตอนอยู่บนรถไฟ
01:00
but I guessเดา he saw me.
13
48611
3301
แต่ฉันว่าเขาคงเห็นฉัน
01:04
I guessเดา he lookedมอง at all of us,
14
52916
3041
ฉันเดาว่าเขาคงมองพวกเราทุกคน
01:08
as his handมือ hoveredบินว่อนอยู่
over the detonationระเบิด switchสวิตซ์.
15
56687
4214
ขณะที่มือเขาสัมผัสอยู่กับปุ่มกดระเบิด
01:14
I've oftenบ่อยครั้ง wonderedสงสัย: What was he thinkingคิด?
16
62439
4445
ฉันก็สงสัยอยู่บ่อย ๆ
ว่าตอนนั้นเขาคิดอะไรอยู่
01:18
Especiallyโดยเฉพาะอย่างยิ่ง in those finalสุดท้าย secondsวินาที.
17
66908
3357
โดยเฉพาะในช่วงไม่กี่วินาทีสุดท้าย
01:24
I know it wasn'tก็ไม่ได้ personalส่วนบุคคล.
18
72765
1609
ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องส่วนตัว
01:26
He didn't setชุด out to killฆ่า
or maimกุด me, Gillลำธาร Hicksฮิกส์.
19
74977
4017
เขาไม่ได้ตั้งใจจะฆ่า
หรือทำให้ฉันที่มีชื่อว่า จิล ฮิคส์ พิการ
01:31
I mean -- he didn't know me.
20
79018
1753
เขาไม่รู้จักฉัน
01:33
No.
21
81758
1174
ไม่เลยค่ะ
01:35
Insteadแทน, he gaveให้ me
22
83666
2946
แต่เขากลับเลือกที่จะตราหน้า
01:38
an unwarrantedไม่มีเหตุผล and an unwantedที่ไม่พึงประสงค์ labelฉลาก.
23
86636
4605
ว่าฉันผิดและไม่เป็นที่ต้องการ
01:44
I had becomeกลายเป็น the enemyศัตรู.
24
92272
3380
ฉันกลายเป็นศัตรู
01:49
To him, I was the "other,"
25
97390
3576
สำหรับเขาแล้วฉันเป็น "คนอื่น"
01:52
the "them," as opposedตรงข้าม to "us."
26
100990
2697
"พวกนั้น" ไม่ใช่ "พวกเรา"
01:57
The labelฉลาก "enemyศัตรู" allowedได้รับอนุญาต him
to dehumanizedehumanize us.
27
105581
5274
คำตราหน้าว่า "ศัตรู"
ช่วยทำให้เขามองว่าเราไม่ใช่คน
02:03
It allowedได้รับอนุญาต him to pushดัน that buttonปุ่ม.
28
111674
2427
ช่วยดลใจให้เขากดระเบิด
02:07
And he wasn'tก็ไม่ได้ selectiveเลือก.
29
115339
2167
เขาไม่ได้เลือกคนหรอกค่ะ
02:10
Twenty-sixยี่สิบหก preciousล้ำค่า livesชีวิต were takenยึด
in my carriageการขนส่ง aloneคนเดียว,
30
118875
5183
แค่ในขบวนที่ฉันอยู่
26 ชีวิตอันมีค่าก็ถูกพรากไป
02:17
and I was almostเกือบจะ one of them.
31
125042
1928
ฉันเองก็เกือบเป็นหนึ่งในนั้น
02:20
In the time it takes to drawวาด a breathลมหายใจ,
32
128855
2741
ในช่วงเวลาสั้น ๆ เพียงชั่วอึดใจ
02:23
we were plungedลดลง into a darknessความมืด so immenseเวิ้งว้าง
33
131620
3670
เหมือนเราดูดให้จมสู่ความมืดมิด
02:27
that it was almostเกือบจะ tangibleสัมผัสได้;
34
135314
2382
ซึ่งมันเหมือนจริงเสียยิ่งกว่าจริง
02:29
what I imagineจินตนาการ wadingลุย
throughตลอด tarน้ำมันดิน mightอาจ be like.
35
137720
4359
กับการเดินฝ่าน้ำมันในจินตนาของฉัน
02:35
We didn't know we were the enemyศัตรู.
36
143398
2050
เราไม่รู้หรอก ว่าเราเป็นศัตรูกัน
02:38
We were just a bunchพวง of commutersผู้โดยสาร
who, minutesนาที earlierก่อน,
37
146321
4058
เราเป็นเพียงคนที่สัญจรไปมา
คนที่เมื่อไม่กี่นาทีก่อน
02:42
had followedตาม the Tubeหลอด etiquetteมารยาท:
38
150403
2484
ทำตามมารยาทบนรถไฟ
02:44
no directโดยตรง eyeตา contactติดต่อ,
39
152911
2206
ไม่สบตาใคร
02:47
no talkingการพูด
40
155141
1150
ไม่คุย
02:48
and absolutelyอย่างแน่นอน no conversationการสนทนา.
41
156894
2872
ไม่สนทนาอะไรกับใครทั้งนั้น
02:53
But in the liftingการยก of the darknessความมืด,
42
161948
2953
แต่เมื่อความมืดเลือนหายไป
02:57
we were reachingถึง out.
43
165776
1625
เราเอื้อมเข้าหากัน
03:00
We were helpingการช่วยเหลือ eachแต่ละ other.
44
168179
1512
เราช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
03:02
We were callingการเรียกร้อง out our namesชื่อ,
45
170808
2461
เราตะโกนบอกชื่อตัวเอง
03:05
a little bitบิต like a rollม้วน call,
46
173293
2151
เหมือนเวลาเช็คชื่อในชั้นเรียน
03:08
waitingที่รอ for responsesการตอบสนอง.
47
176389
2277
รอคนอื่นตอบ
03:12
"I'm Gillลำธาร. I'm here.
48
180559
2663
"ฉันชื่อจิล ฉันอยู่ที่นี่
03:17
I'm aliveมีชีวิตอยู่.
49
185111
1310
ฉันยังมีชีวิต
03:20
OK."
50
188279
1189
โอเคนะ"
03:23
"I'm Gillลำธาร.
51
191697
1186
"ฉันชื่อจิล
03:25
Here.
52
193679
1196
อยู่ตรงนี้
03:28
Aliveมีชีวิตอยู่.
53
196318
1309
ยังมีชีวิตอยู่
03:31
OK."
54
199329
1195
โอเคนะ"
03:35
I didn't know Alisonอลิสัน.
55
203096
2541
ฉันไม่รู้จักเอลิสัน
03:38
But I listenedฟัง for her check-insเช็คอิน
everyทุกๆ fewน้อย minutesนาที.
56
206399
4242
แต่ฉันคอยฟังเธอตอบมา
ทุก ๆ สองสามนาที
03:43
I didn't know Richardริชาร์ด.
57
211340
1618
ฉันไม่รู้จักริชาร์ด
03:45
But it matteredสำคัญ to me that he survivedรอดชีวิตมาได้.
58
213839
2889
แต่มันสำคัญสำหรับฉันที่เขารอดชีวิต
03:50
All I sharedที่ใช้ร่วมกัน with them
59
218752
1794
ฉันก็บอกพวกเขา
03:52
was my first nameชื่อ.
60
220570
1483
ไปแค่ชื่อต้น
03:55
They didn't know
61
223013
1151
พวกเขาไม่รู้
03:56
that I was a headหัว of a departmentแผนก
at the Designออกแบบ Councilสภา.
62
224188
3523
ว่าฉันเป็นหัวหน้าแผนก
ของสภาการออกแบบ
04:01
And here is my belovedที่รัก briefcaseกระเป๋าเอกสาร,
63
229185
3557
และนี่คือกระเป๋าใบเก่งของฉัน
04:04
alsoด้วย rescuedช่วยเหลือ from that morningตอนเช้า.
64
232766
2451
ที่ถูกกู้ได้จากเช้าวันนั้นเช่นกันกัน
04:08
They didn't know that I publishedการตีพิมพ์
architectureสถาปัตยกรรม and designออกแบบ journalsวารสาร,
65
236479
3966
พวกเขาไม่รู้ว่าบทความฉันถูกตีพิมพ์
ลงวารสารสถาปัตย์และการออกแบบ
04:12
that I was a Fellowมนุษย์
of the Royalหลวง Societyสังคม of Artsศิลปะ,
66
240469
3316
ไม่รู้ว่าฉันเป็นสมาชิกราชสมาคมศิลปะ
04:15
that I woreสวม blackสีดำ --
67
243809
1465
ไม่รู้ว่าฉันใส่ชุดสีดำ --
04:18
still do --
68
246695
1166
ตอนนี้ก็ยังใส่อยู่ --
04:20
that I smokedรมควัน cigarillosซิการ์มวนเล็ก.
69
248566
2556
ไม่ว่าฉันสูบซิการ์ริลโล
04:23
I don't smokeควัน cigarillosซิการ์มวนเล็ก anymoreอีกต่อไป.
70
251888
2303
เดี๋ยวนี้ฉันไม่ได้สูบแล้วล่ะค่ะ
04:26
I drankดื่ม ginจิน and I watchedดู TEDTED Talksพูดคุย,
71
254215
4184
ฉันดื่มจินและดู TED Talks
04:30
of courseหลักสูตร, never dreamingการฝัน
that one day I would be standingจุดยืน,
72
258423
6206
แน่ล่ะค่ะ ฉันไม่เคยคิดเคยฝัน
ว่าวันหนึ่งฉันจะมายืน
04:37
balancingสมดุล on prostheticเทียม legsขา,
73
265593
2895
มาปรับสมดุลร่างกายตัวเอง
บนขาเทียมสองข้าง
04:40
givingให้ a talk.
74
268512
1157
มาเป็นผู้บรรยาย
04:42
I was a youngหนุ่มสาว Australianชาวออสเตรเลีย womanหญิง
doing extraordinaryวิสามัญ things in Londonกรุงลอนดอน.
75
270651
5644
ฉันเป็นสาวชาวออสเตรเลีย ที่ตอนนั้น
กำลังทำสิ่งที่น่าทึ่ง อยู่ในกรุงลอนดอน
04:48
And I wasn'tก็ไม่ได้ readyพร้อมแล้ว for that all to endปลาย.
76
276319
2833
และฉันก็ไม่พร้อมให้มันจบแต่เพียงแค่นั้น
04:52
I was so determinedแน่นอน to surviveอยู่รอด
77
280882
3158
ฉันตั้งมั่นว่าต้องรอดให้ได้
04:56
that I used my scarfผ้าพันคอ to tieผูก tourniquetsห้ามเลือด
around the topsท็อปส์ซู of my legsขา,
78
284064
5202
ฉันถึงขนาดใช้ผ้าพันคอ
เป็นตัวขันชะเนาะขาท่อนบนทั้งสองข้าง
05:01
and I just shutปิด everything
and everyoneทุกคน out,
79
289290
5333
และปิดกั้นทุกอย่างและทุกคนออกไป
05:07
to focusโฟกัส, to listen to myselfตนเอง,
80
295345
3260
เพื่อตั้งสติและฟังแต่เสียงของตัวเอง
05:10
to be guidedแนะนำ by instinctสัญชาตญาณ aloneคนเดียว.
81
298629
3134
ใช้แค่สัญชาตญาณในการนำทาง
05:15
I loweredลดลง my breathingการหายใจ rateอัตรา.
82
303085
2094
ฉันบังคับให้ตัวเองหายใจช้า ๆ
05:17
I elevatedสูง my thighsเพลา.
83
305847
1780
ฉันยกต้นขาขึ้น
05:19
I heldที่จัดขึ้น myselfตนเอง uprightตรง
84
307651
1668
ฉันสั่งให้ตัวเองนั่งหลังตรง
05:21
and I foughtต่อสู้ the urgeกระตุ้น to closeปิด my eyesตา.
85
309343
3670
และฝืนตัวเองให้ถ่างตาเอาไว้
05:26
I heldที่จัดขึ้น on for almostเกือบจะ an hourชั่วโมง,
86
314681
3332
ฉันอดทนอยู่เกือบชั่วโมง
05:31
an hourชั่วโมง to contemplateคิด
the wholeทั้งหมด of my life
87
319030
4381
ช่วงเวลาหนึ่งชั่วโมง
ที่ใช้ทบทวนชีวิตที่ผ่านมา
05:35
up untilจนกระทั่ง this pointจุด.
88
323435
1796
จนถึงวินาทีนั้น
05:39
Perhapsบางที I should have doneเสร็จแล้ว more.
89
327199
3079
บางทีฉันน่าจะทำให้มากกว่านี้
05:43
Perhapsบางที I could have
livedอาศัยอยู่ more, seenเห็น more.
90
331223
3204
น่าจะใช้ชีวิตให้เต็มที่กว่านี้
ออกไปเห็นโลกให้มากกว่านี้
05:46
Maybe I should have goneที่ไปแล้ว runningวิ่ง,
dancingการเต้นรำ, takenยึด up yogaโยคะ.
91
334451
4414
บางที ฉันน่าจะออกไปวิ่ง เต้นรำ
เรียนโยคะ
05:52
But my priorityจัดลำดับความสำคัญ and my focusโฟกัส
was always my work.
92
340317
4938
แต่สิ่งที่ฉันให้ความสำคัญ
และความสนใจตลอดมาคือการงาน
05:57
I livedอาศัยอยู่ to work.
93
345279
1901
ฉันมีชีวิตอยู่เพื่อทำงาน
05:59
Who I was on my businessธุรกิจ cardบัตร
94
347730
2807
ชื่อและตำแหน่งบนนามบัตร
06:02
matteredสำคัญ to me.
95
350561
1270
มีความหมายสำหรับฉัน
06:05
But it didn't matterเรื่อง down in that tunnelอุโมงค์.
96
353688
3610
แต่มันไม่มีความหมายอะไรเลย
ในอุโมงค์รถไฟใต้ดินวันนั้น
06:11
By the time I feltรู้สึกว่า that first touchแตะ
97
359226
4470
กว่าจะถึงตอนที่ฉันรู้สึกตัว
ว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัย
06:15
from one of my rescuersเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย,
98
363720
2140
กำลังแตะตัวฉัน
06:18
I was unableไม่สามารถ to speakพูด,
99
366472
2117
ฉันไม่เหลือแรงจะพูดแล้ว
06:20
unableไม่สามารถ to say even
a smallเล็ก wordคำ, like "Gillลำธาร."
100
368613
4979
พูดไม่ได้แม้แต่คำสั้น ๆ อย่าง "จิล"
06:27
I surrenderedยอมจำนน my bodyร่างกาย to them.
101
375183
2735
ฉันยอมยกร่างกายของฉัน
ให้เป็นภาระของพวกเขา
06:29
I had doneเสร็จแล้ว all I possiblyอาจ could,
102
377942
2873
ฉันทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้แล้ว
06:32
and now I was in theirของพวกเขา handsมือ.
103
380839
3696
และต่อจากนี้ชีวิตฉันอยู่ในมือพวกเขา
06:39
I understoodเข้าใจ
104
387091
1388
ฉันเข้าใจอย่างถ่องแท้
06:41
just who and what humanityมนุษยชาติ really is,
105
389283
6198
ว่าความเป็นมนุษย์มีหน้าตาอย่างไร
06:47
when I first saw the IDID tagแท็ก
106
395972
3199
ก็ตอนที่ฉันเห็นป้ายประจำตัว
06:51
that was givenรับ to me
when I was admittedที่ยอมรับ to hospitalโรงพยาบาล.
107
399195
3259
ที่พวกเขาติดให้ฉัน
ตอนส่งฉันไปโรงพยาบาล
06:54
And it readอ่าน:
108
402478
1174
มันเขียนว่า
06:56
"One unknownไม่ทราบ estimatedโดยประมาณ femaleหญิง."
109
404218
5270
"ผู้รอดชีวิตไม่ทราบชื่อ เพศหญิง"
07:03
One unknownไม่ทราบ estimatedโดยประมาณ femaleหญิง.
110
411162
4215
ผู้รอดชีวิตไม่ทราบชื่อ เพศหญิง
07:09
Those fourสี่ wordsคำ were my giftของขวัญ.
111
417004
2947
คำไม่กี่พยางค์นี่คือของขวัญของฉัน
07:13
What they told me very clearlyอย่างเห็นได้ชัด
112
421125
2747
สิ่งที่มันบอกฉันอย่างชัดเจน
07:15
was that my life was savedที่บันทึกไว้,
113
423896
2705
คือชีวิตฉันปลอดภัยแล้ว
07:18
purelyหมดจด because I was a humanเป็นมนุษย์ beingกำลัง.
114
426625
3144
ด้วยเหตุผลเดียวคือเพราะฉันเป็นมนุษย์
07:22
Differenceข้อแตกต่าง of any kindชนิด madeทำ no differenceข้อแตกต่าง
115
430610
4184
ความแตกต่างทั้งหลายไม่ใช่เรื่องสำคัญ
07:26
to the extraordinaryวิสามัญ lengthsความยาว
that the rescuersเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย were preparedเตรียมพร้อม to go
116
434818
4557
สำหรับเจ้าหน้าที่กู้ภัย
ที่พร้อมทุ่มเททุกอย่าง
07:32
to saveประหยัด my life,
117
440129
1540
เพื่อช่วยชีวิตฉัน
07:34
to saveประหยัด as manyจำนวนมาก unknownsราชวงศ์ as they could,
118
442458
2723
เพื่อช่วยชีวิตคนไม่ทราบชื่อ
ให้ได้มากที่สุด
07:37
and puttingวาง theirของพวกเขา ownด้วยตัวเอง livesชีวิต at riskอันตราย.
119
445205
2332
และยอมกระทั่งเสี่ยงชีวิตตนเอง
07:40
To them, it didn't matterเรื่อง
if I was richรวย or poorน่าสงสาร,
120
448405
4171
สำหรับพวกเขาแล้ว
มันไม่สำคัญเลยว่าฉันจะรวยหรือจน
07:45
the colorสี of my skinผิว,
121
453298
2141
ผิวของฉันจะเป็นสีอะไร
07:47
whetherว่า I was maleชาย or femaleหญิง,
122
455463
1562
ฉันจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย
07:49
my sexualทางเพศ orientationปฐมนิเทศ,
123
457049
1897
ฉันชอบเพศไหน
07:51
who I votedได้รับการโหวต for,
124
459613
1603
ลงคะแนนเลือกใคร
07:53
whetherว่า I was educatedมีการศึกษา,
125
461240
1518
มีการศึกษาดีหรือเปล่า
07:54
if I had a faithความเชื่อ or no faithความเชื่อ at all.
126
462782
3689
มีศาสนาหรือไม่
07:59
Nothing matteredสำคัญ
127
467409
1944
ไม่มีเรื่องไหนสำคัญ
08:01
other than I was a preciousล้ำค่า humanเป็นมนุษย์ life.
128
469377
4643
ไปมากกว่าความที่ฉันเป็นมนุษย์คนหนึ่ง
08:07
I see myselfตนเอง as a livingการดำรงชีวิต factความจริง.
129
475881
3480
ฉันมองว่าตัวเองเป็นข้อเท็จจริงที่มีชีวิต
08:12
I am proofพิสูจน์
130
480223
2029
เป็นข้อพิสูจน์
08:14
that unconditionalไม่มีเงื่อนไข love and respectเคารพ
can not only saveประหยัด,
131
482276
6728
ว่าความรักและความเคารพที่ไร้เงื่อนไข
ไม่ได้แค่ช่วย
08:21
but it can transformแปลง livesชีวิต.
132
489028
3041
แต่มันยังเปลี่ยนแปลงชีวิตอีกด้วย
08:25
Here is a wonderfulยอดเยี่ยม imageภาพ
of one of my rescuersเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย, Andyแอนดี้, and I
133
493226
4468
นี่คือภาพอันน่าทึ่งของเจ้าหน้าที่กู้ภัย
ที่ช่วยฉัน ภาพของแอนดี้กับฉัน
08:29
takenยึด just last yearปี.
134
497718
1872
ที่เพิ่งถ่ายเมื่อปีที่แล้ว
08:32
Tenสิบ yearsปี after the eventเหตุการณ์,
135
500080
2561
สิบปีหลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น
08:34
and here we are, armแขน in armแขน.
136
502665
2344
ภาพของพวกเราสองคนเดินแนบชิดกัน
08:39
Throughoutตลอด all the chaosความสับสนวุ่นวาย,
137
507559
2118
ฝ่าช่วงความโกลาหล
08:41
my handมือ was heldที่จัดขึ้น tightlyอย่างแน่นหนา.
138
509701
2840
มีคนคอยจับมือฉันไม่ห่าง
08:45
My faceใบหน้า was strokedลูบ gentlyอย่างอ่อนโยน.
139
513200
2873
มีคนคอยลูบหน้าปลอบประโลม
08:49
What did I feel?
140
517161
1412
ฉันรู้สึกยังไงน่ะหรือคะ
08:51
I feltรู้สึกว่า lovedรัก.
141
519541
1222
ฉันรู้สึกถึงรัก
08:53
What's shieldedป้องกัน me from hatredความเกลียดชัง
and wantingบกพร่อง retributionผลกรรม,
142
521685
4817
สิ่งที่เป็นโล่คอยกำบังฉัน
จากความเกลียดชังและการจองเวร
08:58
what's givenรับ me the courageความกล้าหาญ to say:
143
526526
2989
สิ่งที่ทำให้ฉันกล้าจะพูดว่า
09:01
this endsปลาย with me
144
529539
2880
ให้มันจบลงแค่นี้เถิด
09:06
is love.
145
534006
1191
คือความรัก
09:08
I was lovedรัก.
146
536585
1998
ฉันได้รับความรัก
09:13
I believe the potentialที่อาจเกิดขึ้น
for widespreadแพร่หลาย positiveบวก changeเปลี่ยนแปลง
147
541234
6265
ฉันเชื่อว่าความเป็นไปได้
ที่เราจะเปลี่ยนแปลงโลกด้วยความรัก
09:19
is absolutelyอย่างแน่นอน enormousมหาศาล
148
547523
1580
นั้นมากมายเหลือเกิน
09:21
because I know what we're capableสามารถ of.
149
549127
2904
เพราะฉันรู้ซึ้งว่า
พวกเราสามารถทำอะไรได้
09:24
I know the brillianceความฉลาด of humanityมนุษยชาติ.
150
552055
3197
ฉันเชื่อในความดีงามของมนุษยชาติ
09:27
So this leavesใบไม้ me with some
prettyน่ารัก bigใหญ่ things to ponderไตร่ตรอง
151
555930
3910
เรื่องนี้ทิ้งปมให้ฉันต้องทบทวน
09:31
and some questionsคำถาม for us all to considerพิจารณา:
152
559864
3402
และคำถามให้พวกเราทุกคนลองขบคิด
09:36
Is what unitesUnites us not farห่างไกล greaterมากขึ้น
than what can ever divideการแบ่ง?
153
564512
5873
สิ่งที่รวมใจเราเข้าด้วยกัน ไม่ได้ยิ่งใหญ่
กว่าสิ่งที่ทำให้เราแตกแยกหรือ
09:43
Does it have to take
a tragedyโศกนาฏกรรม or a disasterภัยพิบัติ
154
571663
3790
จำเป็นด้วยหรือที่ต้องมีโศกนาฏกรรม
หรือหายนะ
09:47
for us to feel deeplyลึก
connectedเกี่ยวข้อง as one speciesสายพันธุ์,
155
575477
4496
เพื่อทำให้เรารู้สึกว่าพวกเราทุกคน
ผูกพันเป็นสายพันธุ์เดียวกัน
09:52
as humanเป็นมนุษย์ beingsสิ่งมีชีวิต?
156
580902
1859
ว่าเป็นมนุษย์เหมือน ๆ กัน
09:55
And when will we embraceโอบกอด
the wisdomความฉลาด of our eraยุค
157
583755
5206
และเมื่อไรกัน
ที่เราจะใช้ปัญญาแห่งยุคสมัยนี้
10:01
to riseลุกขึ้น aboveข้างบน mereเท่านั้น toleranceความอดทน
158
589764
3370
เพื่อก้าวผ่านแค่การอดทนกับอีกฝ่าย
10:05
and moveย้าย to an acceptanceการยอมรับ
159
593931
2937
และเปลี่ยนมันเป็นการยอมรับ
10:08
for all who are only a labelฉลาก
untilจนกระทั่ง we know them?
160
596892
5333
คนที่เราตราหน้าไว้
จนถึงวันที่มีโอกาสได้รู้จักเขาจริง ๆ
10:15
Thank you.
161
603550
1160
ขอบคุณค่ะ
10:16
(Applauseการปรบมือ)
162
604734
6798
(เสียงปรบมือ)

▲Back to top

ABOUT THE SPEAKER
Gill Hicks - Survivor and activist
Gill Hicks has dedicated her life to being an advocate for peace.

Why you should listen

Dr. Gill Hicks is considered to be one of the most thought provoking, powerful and life affirming speakers in Australia and the UK. She is globally known as a survivor of the London terrorist bombings on July 7, 2005. She survived, but suffered severe and permanent injuries, losing both legs from just below the knee.

Originally from Adelaide, Australia, Hicks has lived in London since 1991, however in 2012 Hicks returned to Australia where she operates nationally and internationally through her not for profit M.A.D. for Peace network and her public speaking work.

Her unique and compelling projects and initiative's, aimed at both deterring anyone from following the path of violent extremism and building sustainable models for peace, draw upon Hicks's previous roles within the Arts.

An impressive career before the bombings included being at the helm of some of the UK's most prestigious and respected institutions -- including publishing director of the architecture, design and contemporary culture magazine, Blueprint, director of the Dangerous Minds design consultancy and head curator at the Design Council. It wasn’t until after the bombings that Hicks decided to dedicate her life to being an advocate for peace. She has made it her mission to use her experiences and her new body form to positive effect.

In 2007 Hicks founded the not for profit organisation M.A.D. for Peace, a platform that connects people globally and encourages us to think of "Peace as a Verb," something that we have an individual responsibility to do every day.

In 2008 Hicks released her first book, One Unknown, named after the chilling label given to her as she arrived to hospital as an unidentified body. The book was shortlisted for the Mind Book of the Year Awards.

Since her return to Australia in 2012, Hicks has been recognised as South Australian, Australian of the Year 2015 and is Chair to the Innovation component for the Committee for Adelaide.

In 2013 Hicks welcomed her daughter, Amelie into the world. This, as she describes it, is her finest achievement and greatest acknowledgement of the brilliance and resilience of the human body.

More profile about the speaker
Gill Hicks | Speaker | TED.com

Data provided by TED.

This site was created in May 2015 and the last update was on January 12, 2020. It will no longer be updated.

We are currently creating a new site called "eng.lish.video" and would be grateful if you could access it.

If you have any questions or suggestions, please feel free to write comments in your language on the contact form.

Privacy Policy

Developer's Blog

Buy Me A Coffee