TEDGlobal 2010
Nic Marks: The Happy Planet Index
นิก มาร์คส์: ดัชนีโลกมีสุข
Filmed:
Readability: 3.8
2,221,321 views
นักสถิติ นิก มาร์คส์ ถามว่าทำไมเราถึงวัดความสำเร็จของประเทศด้วยผลิตภาพ แทนที่จะวัดจากความสุขและความอยู่ดีมีสุขของประชาชน เขาแนะนำดัชนีโลกมีสุข ซึ่งประเมินระดับความอยู่ดีมีสุขของแต่ละประเทศ เทียบกับทรัพยากรธรรมชาติที่ใช้ไป (เพราะชีวิตที่มีความสุขไม่จำเป็นจะต้องทำร้ายโลก) ประเทศไหนมีดัชนีโลกมีสุขสูงที่สุด? คุณอาจแปลกใจ
Nic Marks - Happiness researcher
Nic Marks gathers evidence about what makes us happy, and uses it to promote policy that puts the well-being of people and the planet first. He's the founder of the Centre for Well-Being at the UK think tank New Economics Foundation (NEF). Full bio
Nic Marks gathers evidence about what makes us happy, and uses it to promote policy that puts the well-being of people and the planet first. He's the founder of the Centre for Well-Being at the UK think tank New Economics Foundation (NEF). Full bio
Double-click the English transcript below to play the video.
00:17
Martin Luther King
0
2000
2000
มาร์ติน ลูเธอร์ คิง
00:19
did not say,
1
4000
2000
ไม่ได้พูดว่า
00:21
"I have a nightmare,"
2
6000
2000
"ผมมีฝันร้าย"
00:23
when he inspired the civil rights movements.
3
8000
3000
ตอนที่เขาสร้างแรงบันดาลใจให้กับขบวนการสิทธิพลเมือง
00:26
He said, "I have a dream."
4
11000
3000
เขาพูดว่า "ผมมีความฝัน"
00:29
And I have a dream.
5
14000
2000
ผมก็มีความฝัน
00:31
I have a dream that we can stop thinking
6
16000
2000
ผมมีความฝันว่าเราจะหยุดคิดได้
00:33
that the future will be a nightmare,
7
18000
3000
ว่าอนาคตจะเป็นฝันร้าย
00:36
and this is going to be a challenge,
8
21000
2000
เรื่องนี้ท้าทายแน่ๆ
00:38
because, if you think
9
23000
2000
เพราะถ้าคุณนึกถึง
00:40
of every major blockbusting film of recent times,
10
25000
4000
ภาพยนตร์ยอดฮิตในช่วงไม่กี่ีปีที่ผ่านมา
00:44
nearly all of its visions for humanity
11
29000
3000
วิสัยทัศน์เกี่ยวกับมนุษยชาติในภาพยนตร์
00:47
are apocalyptic.
12
32000
2000
แทบทุกเรื่องคือการล่มสลาย
00:49
I think this film
13
34000
2000
ผมคิดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้
00:51
is one of the hardest watches of modern times, "The Road."
14
36000
3000
"เดอะ โรด" ทำให้คนดูหนักใจที่สุดเรื่องหนึ่ง
00:54
It's a beautiful piece of filmmaking,
15
39000
2000
มันถ่ายทำสวยมาก
00:56
but everything is desolate,
16
41000
2000
แต่ทุกสิ่งทุกอย่างแร้นแค้น
00:58
everything is dead.
17
43000
3000
ทุกอย่างตายแล้ว
01:01
And just a father and son
18
46000
2000
มีแต่พ่อลูกคู่หนึ่ง
01:03
trying to survive, walking along the road.
19
48000
3000
พยายามเอาตัวรอด เดินไปตามถนน
01:06
And I think the environmental movement
20
51000
2000
ผมคิดว่าขบวนการสิ่งแวดล้อม
01:08
of which I am a part of
21
53000
2000
ซึ่งผมก็เป็นส่วนหนึ่ง
01:10
has been complicit
22
55000
2000
มีส่วนต้องรับผิดชอบ
01:12
in creating this vision of the future.
23
57000
2000
ที่สร้างภาพอนาคตแบบนี้
01:14
For too long,
24
59000
2000
นานเกินไปแล้ว
01:16
we have peddled a nightmarish vision
25
61000
2000
ที่เราขายภาพแบบฝันร้าย
01:18
of what's going to happen.
26
63000
2000
ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
01:20
We have focused on the worst-case scenario.
27
65000
3000
เราเน้นแนวโน้มที่เลวร้ายที่สุด
01:23
We have focused on the problems.
28
68000
2000
เราเน้นแต่ปัญหา
01:25
And we have not thought enough
29
70000
2000
เราไม่ได้คิดมากพอ
01:27
about the solutions.
30
72000
2000
เกี่ยวกับวิธีแก้ปัญหา
01:29
We've used fear, if you like,
31
74000
2000
ในแง่หนึ่ง เราใช้ความกลัว
01:31
to grab people's attention.
32
76000
3000
เป็นตัวดึงดูดความสนใจของคน
01:34
And any psychologist will tell you
33
79000
3000
นักจิตวิทยาทุกคนบอกคุณได้
01:37
that fear in the organism
34
82000
2000
ว่าความกลัวในสิ่งมีชีวิต
01:39
is linked to flight mechanism.
35
84000
2000
ผูกติดกับกลไกหนีตาย
01:41
It's part of the fight and flight mechanism,
36
86000
3000
มันเป็นส่วนหนึ่งของกลไกสู้และหนี
01:44
that when an animal is frightened --
37
89000
2000
เวลาที่สัตว์หวาดกลัว
01:46
think of a deer.
38
91000
2000
นึกถึงกวางก็ได้
01:48
A deer freezes very, very still,
39
93000
3000
มันจะทำตัวแข็งและยืนนิ่งมากๆ
01:51
poised to run away.
40
96000
2000
เตรียมตัวกระโดดหนี
01:53
And I think that's what we're doing
41
98000
2000
ผมคิดว่าเรากำลังทำแบบนั้น
01:55
when we're asking people to engage with our agenda
42
100000
3000
เวลาที่เราขอให้คนมีส่วนร่วมกับวาระของเรา
01:58
around environmental degradation and climate change.
43
103000
3000
เรื่องความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง
02:01
People are freezing and running away
44
106000
3000
คนกำลังทำตัวแข็งและวิ่งหนี
02:04
because we're using fear.
45
109000
2000
เพราะเรากำลังใช้ความกลัว
02:06
And I think the environmental movement has to grow up
46
111000
3000
ผมคิดว่ากลุ่มต่อสู้เพื่อสิ่งแวดล้อมจะต้องรู้จักโตเป็นผู้ใหญ่
02:09
and start to think about
47
114000
2000
และเริ่มคิดว่า
02:11
what progress is.
48
116000
2000
ความก้าวหน้าคืออะไร
02:13
What would it be like to be improving the human lot?
49
118000
3000
อะไรคือการปรับปรุงความเป็นอยู่ของมนุษย์?
02:16
And one of the problems that we face, I think,
50
121000
2000
ผมคิดว่าปัญหาหนึ่งที่เราเจอ
02:18
is that the only people that have cornered the market
51
123000
3000
คือกลุ่มคนกลุ่มเดียวที่ครอบงำความคิด
02:21
in terms of progress
52
126000
2000
ในเชิงของความก้าวหน้า
02:23
is a financial definition of what progress is,
53
128000
3000
มองความก้าวหน้าแต่ในนิยามทางการเงิน
02:26
an economic definition of what progress is --
54
131000
3000
นิยามทางเศรษฐศาสตร์
02:29
that somehow,
55
134000
2000
มองว่าด้วยเหตุบางประการ ถ้าเราสามารถ
02:31
if we get the right numbers to go up,
56
136000
2000
ทำให้ตัวเลขที่ถูกต้องสูงขึ้นได้
02:33
we're going to be better off,
57
138000
3000
เราก็จะมีชีวิตที่ดีขึ้น
02:36
whether that's on the stock market,
58
141000
2000
ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขดัชนีหุ้น
02:38
whether that's with GDP
59
143000
2000
ตัวเลขจีดีพี (ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ)
02:40
and economic growth,
60
145000
2000
หรืออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ
02:42
that somehow life is going to get better.
61
147000
2000
ชีวิตเราจะดีขึ้น ไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง
02:44
This is somehow appealing to human greed
62
149000
3000
นี่คือนิยามที่ดึงดูดความโลภของมนุษย์
02:47
instead of fear --
63
152000
2000
แทนที่จะเป็นความกลัว
02:49
that more is better.
64
154000
2000
มันบอกว่า มากกว่าเดิมคือดีกว่าเดิม
02:51
Come on. In the Western world, we have enough.
65
156000
3000
เอาล่ะครับ ในโลกตะวันตก เรามีพอแล้ว
02:54
Maybe some parts of the world don't, but we have enough.
66
159000
3000
บางทีบางประเทศยังไม่พอ แต่เรามีพอแล้ว
02:57
And we've know for a long time that this is not a good measure
67
162000
3000
และเราก็รู้มานานแล้วว่านี่ไม่ใช่ตัวชี้วัด
03:00
of the welfare of nations.
68
165000
2000
สวัสดิการของชาติที่ดีเลย
03:02
In fact, the architect of our national accounting system,
69
167000
3000
อันที่จริง สถาปนิกผู้สร้างระบบบัญชีประชาชาติ
03:05
Simon Kuznets, in the 1930s,
70
170000
3000
ไซมอน คุซเนทส์ ในทศวรรษ 1930
03:08
said that, "A nation's welfare
71
173000
2000
ก็บอกว่า "สวัสดิการของชาติ
03:10
can scarcely be inferred from their national income."
72
175000
3000
ไม่อาจบ่งชี้ด้วยรายได้ประชาชาติ"
03:13
But we've created a national accounting system
73
178000
2000
แต่เราได้สร้างระบบบัญชีประชาชาติ
03:15
which is firmly based on production
74
180000
2000
ที่ตั้งอยู่บนตัวเลขการผลิต
03:17
and producing stuff.
75
182000
2000
สินค้าและบริการต่างๆ
03:19
And indeed, this is probably historical, and it had its time.
76
184000
3000
ซึ่งก็มีเหตุมีผลถ้าดูจากประวัติศาสตร์
03:22
In the second World War, we needed to produce a lot of stuff.
77
187000
3000
สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เราต้องผลิตของต่างๆ มากมาย
03:25
And indeed, we were so successful at producing certain types of stuff
78
190000
3000
และที่จริงเราก็ประสบความสำเร็จสูงมากในการผลิตของบางอย่าง
03:28
that we destroyed a lot of Europe, and we had to rebuild it afterwards.
79
193000
3000
จนทำลายยุโรปไปหลายส่วน และต้องฟื้นฟูมันขึ้นมาใหม่
03:31
And so our national accounting system
80
196000
2000
ระบบบัญชีประชาชาติของเรา
03:33
became fixated on what we can produce.
81
198000
3000
จึงหมกมุ่นอยู่กับการนับว่าเราผลิตอะไรได้
03:36
But as early as 1968,
82
201000
3000
แต่นานมาแล้ว ในปี 1968
03:39
this visionary man, Robert Kennedy,
83
204000
3000
โรเบิร์ต เคนเนดี ชายผู้เปี่ยมวิสัยทัศน์
03:42
at the start of his ill-fated presidential campaign,
84
207000
3000
ในแคมเปญชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ก่อนที่เขาจะถูกสังหาร
03:45
gave the most eloquent deconstruction
85
210000
3000
ถอดรื้อนิยามของจีดีพี
03:48
of gross national product
86
213000
2000
อย่างสละสลวยที่สุด
03:50
that ever has been.
87
215000
2000
ในประวัติศาสตร์
03:52
And he finished his talk with the phrase,
88
217000
3000
เขาจบสุนทรพจน์ด้วยประโยคว่า
03:55
that, "The gross national product
89
220000
2000
"ผลผลิตมวลรวมประชาชาติ
03:57
measures everything except that
90
222000
3000
วัดทุกสิ่งทุกอย่าง ยกเว้น
04:00
which makes life worthwhile."
91
225000
2000
สิ่งที่ทำให้ชีวิตคุ้มค่าแก่การอยู่"
04:02
How crazy is that? That our measure of progress,
92
227000
3000
เพี้ยนขนาดไหนครับ? ที่ตัวชี้วัดความก้าวหน้าของเรา
04:05
our dominant measure of progress in society,
93
230000
3000
ตัวชี้วัดความก้าวหน้าในสังคม
04:08
is measuring everything
94
233000
2000
กำลังวัดทุกสิ่งทุกอย่าง
04:10
except that which makes life worthwhile?
95
235000
3000
ยกเว้นสิ่งที่ทำให้ชีวิตคุ้มค่า?
04:13
I believe, if Kennedy was alive today,
96
238000
3000
ผมเชื่อว่าถ้าเคนเนดียังมีชีวิตอยู่วันนี้
04:16
he would be asking statisticians such as myself
97
241000
3000
เขาก็คงจะขอให้นักสถิติอย่างผม
04:19
to go out and find out
98
244000
2000
ออกไปดูว่า
04:21
what makes life worthwhile.
99
246000
2000
มีอะไรบ้างที่ทำให้ชีวิตมีคุณค่า
04:23
He'd be asking us to redesign
100
248000
2000
เขาคงจะขอให้เราออกแบบ
04:25
our national accounting system
101
250000
2000
ระบบบัญชีประชาชาติเสียใหม่
04:27
to be based upon
102
252000
2000
ให้ตั้งอยู่บนคุณค่า
04:29
such important things as social justice,
103
254000
3000
ที่สำคัญอย่างเช่นความยุติธรรมทางสังคม
04:32
sustainability
104
257000
2000
ความยั่งยืน
04:34
and people's well-being.
105
259000
2000
และความอยู่ดีมีสุขของผู้คน
04:36
And actually, social scientists have already gone out
106
261000
2000
และอันที่จริง นักสังคมศาสตร์ก็ออกไปแล้ว
04:38
and asked these questions around the world.
107
263000
2000
ออกไปถามคำถามเหล่านี้ทั่วโลก
04:40
This is from a global survey.
108
265000
2000
ภาพนี้มาจากผลการสำรวจระดับโลก
04:42
It's asking people, what do they want.
109
267000
3000
ถามคนว่าพวกเขาต้องการอะไร
04:45
And unsurprisingly, people all around the world
110
270000
3000
ไม่น่าแปลกใจเลย คนทั่วโลก
04:48
say that what they want
111
273000
2000
บอกว่าสิ่งที่พวกเขาต้องการ
04:50
is happiness, for themselves,
112
275000
2000
คือความสุข สำหรับตัวเอง
04:52
for their families, their children,
113
277000
2000
ครอบครัว ลูกหลาน
04:54
their communities.
114
279000
2000
และชุมชนของพวกเขา
04:56
Okay, they think money is slightly important.
115
281000
2000
โอเค พวกเขาคิดว่าเงินก็สำคัญเหมือนกัน
04:58
It's there, but it's not nearly as important as happiness,
116
283000
3000
แต่ก็ไม่สำคัญเท่ากับความสุข
05:01
and it's not nearly as important as love.
117
286000
3000
และสำคัญน้อยกว่าความรักมาก
05:04
We all need to love and be loved in life.
118
289000
3000
พวกเราล้วนต้องมีความรักและถูกรัก
05:07
It's not nearly as important as health.
119
292000
2000
เงินไม่สำคัญเท่ากับสุขภาพ
05:09
We want to be healthy and live a full life.
120
294000
3000
เราอยากมีสุขภาพดีและใช้ชีวิตจนสิ้นอายุขัย
05:12
These seem to be natural human aspirations.
121
297000
3000
ดูเหมือนว่าเหล่านี้จะเป็นคุณค่าที่มนุษย์มีร่วมกัน
05:15
Why are statisticians not measuring these?
122
300000
3000
แล้วทำไมนักสถิติถึงไม่วัดมัน?
05:18
Why are we not thinking of the progress of nations in these terms,
123
303000
3000
ทำไมเราถึงไม่คิดถึงความก้าวหน้าของชาติในแง่มุมเหล่านี้
05:21
instead of just how much stuff we have?
124
306000
3000
แทนที่จะวัดว่าเรามีสมบัติขนาดไหน?
05:24
And really, this is what I've done with my adult life --
125
309000
3000
นี่คือสิ่งที่ผมทำตั้งแต่โตเป็นผู้ใหญ่
05:27
is think about how do we measure happiness,
126
312000
2000
คิอคิดว่าเราจะวัดความสุขได้ยังไง
05:29
how do we measure well-being,
127
314000
2000
วัดความอยู่ดีมีสุขได้ยังไง
05:31
how can we do that within environmental limits.
128
316000
2000
วัดมันภายใต้ขีดจำกัดด้านสิ่งแวดล้อมได้ยังไง
05:33
And we created, at the organization that I work for,
129
318000
2000
และที่องค์กรที่ผมทำงานให้
05:35
the New Economics Foundation,
130
320000
2000
คือมูลนิธิเศรษฐศาสตร์แบบใหม่
05:37
something we call the Happy Planet Index,
131
322000
3000
เราได้สร้างดัชนีที่เราเรียกว่า ดัชนีโลกมีสุข
05:40
because we think people should be happy and the planet should be happy.
132
325000
3000
เพราะเราคิดว่าคนควรมีความสุข และโลกก็ควรมีความสุข
05:43
Why don't we create a measure of progress that shows that?
133
328000
3000
ทำไมเราไม่คิดตัววัดความก้าวหน้าที่แสดงมันล่ะ?
05:46
And what we do,
134
331000
2000
สิ่งที่เราทำ
05:48
is we say that the ultimate outcome of a nation
135
333000
2000
คือเราบอกว่าผลลัพธ์สุดท้ายของแต่ละประเทศ
05:50
is how successful is it
136
335000
2000
คือระดับความสำเร็จ
05:52
at creating happy and healthy lives for its citizens.
137
337000
3000
ของการสร้างชีวิตที่มีความสุขและมีสุขภาพดีให้กับพลเมือง
05:55
That should be the goal
138
340000
2000
นี่ควรเป็นเป้าหมาย
05:57
of every nation on the planet.
139
342000
2000
ของทุกประเทศบนโลกนี้
05:59
But we have to remember
140
344000
2000
แต่เราก็ต้องตระหนักว่า
06:01
that there's a fundamental input to that,
141
346000
3000
เรื่องนี้มีปัจจัยการผลิตพื้นฐาน
06:04
and that is how many of the planet's resources we use.
142
349000
3000
นั่นคือ ทรัพยากรของโลกที่เราใช้
06:07
We all have one planet. We all have to share it.
143
352000
3000
เรามีโลกใบเดียว เราทุกคนต้องใช้มันร่วมกัน
06:10
It is the ultimate scarce resource,
144
355000
3000
โลกนี้คือทรัพยากรหายากที่แท้จริง
06:13
the one planet that we share.
145
358000
3000
ดาวเคราะห์ดวงเดียวที่เราอาศัยอยู่
06:16
And economics is very interested in scarcity.
146
361000
3000
วิชาเศรษฐศาสตร์สนใจเรื่องความหายาก
06:19
When it has a scarce resource
147
364000
2000
เมื่อมีทรัพยากรหายาก
06:21
that it wants to turn into
148
366000
2000
ที่อยากแปลงไปเป็น
06:23
a desirable outcome,
149
368000
2000
ผลลัพธ์ที่ต้องการ
06:25
it thinks in terms of efficiency.
150
370000
3000
เศรษฐศาสตร์ก็คิดในมุมของประสิทธิภาพ
06:28
It thinks in terms of how much bang do we get for our buck.
151
373000
3000
คิดว่าเราได้อะไรบ้างจากปัจจัยที่ใช้ไป
06:31
And this is a measure of how much well-being
152
376000
2000
และนี่คือตัวชี้วัดที่บอกว่า เราผลิตความอยู่ดีมีสุข
06:33
we get for our planetary resource use.
153
378000
3000
จากการใช้ทรัพยากรของโลกได้ดีเพียงใด
06:36
It is an efficiency measure.
154
381000
2000
ดัชนีโลกมีสุขเป็นตัววัดประสิทธิภาพ
06:38
And probably the easiest way to show you that,
155
383000
3000
และวิธีที่ดีที่สุดที่จะสาธิตให้เห็น
06:41
is to show you this graph.
156
386000
2000
คือด้วยกราฟนี้
06:43
Running horizontally along the graph,
157
388000
3000
และไล่ตามแกนแนวนอนของกราฟนี้
06:46
is "ecological footprint,"
158
391000
2000
คือ "รอยเท้านิเวศ"
06:48
which is a measure of how much resources we use
159
393000
3000
ซึ่งวัดว่าเราใช้ทรัพยากรไปเท่าไร
06:51
and how much pressure we put on the planet.
160
396000
2000
และสร้างแรงกดดันต่อโลกเท่าไร
06:53
More is bad.
161
398000
2000
ยิ่งมากยิ่งไม่ดี
06:55
Running vertically upwards,
162
400000
2000
ที่แกนแนวตั้งของกราฟ
06:57
is a measure called "happy life years."
163
402000
2000
คือตัววัดชื่อ "จำนวนปีที่มีสุข"
06:59
It's about the well-being of nations.
164
404000
2000
มันสะท้อนความอยู่ดีมีสุขของแต่ละประเทศ
07:01
It's like a happiness adjusted life-expectancy.
165
406000
3000
คืออายุขัยเฉลี่ย ถ่วงน้ำหนักด้วยความสุข
07:04
It's like quality and quantity of life in nations.
166
409000
3000
สะท้อนคุณภาพและปริมาณของชีวิตประชากร
07:07
And the yellow dot there you see, is the global average.
167
412000
3000
จุดสีเหลืองที่คุณเห็นคือค่าเฉลี่ยโลก
07:10
Now, there's a huge array of nations
168
415000
2000
ทีนี้ ประเทศจำนวนมาก
07:12
around that global average.
169
417000
2000
กระจายอยู่รอบๆ ค่าเฉลี่ยนี้
07:14
To the top right of the graph,
170
419000
3000
ทางด้านขวาบนสุดของกราฟ
07:17
are countries which are doing reasonably well and producing well-being,
171
422000
3000
คือประเทศที่ผลิตความอยู่ดีมีสุขได้ค่อนข้างดี
07:20
but they're using a lot of planet to get there.
172
425000
2000
แต่ใช้ทรัพยากรของโลกไปเยอะมาก
07:22
They are the U.S.A.,
173
427000
2000
พวกนี้คือสหรัฐอเมริกา
07:24
other Western countries going across in those triangles
174
429000
3000
ประเทศในโลกตะวันตก แสดงด้วยสามเหลี่ยม
07:27
and a few Gulf states in there actually.
175
432000
2000
มีประเทศตะวันออกกลางบางแห่งด้วย
07:29
Conversely, at the bottom left of the graph,
176
434000
3000
ในทางตรงกันข้าม มุมซ้ายล่างสุด
07:32
are countries that are not producing much well-being --
177
437000
3000
คือประเทศที่ผลิตความอยู่ดีมีสุขไม่ค่อยได้
07:35
typically, sub-Saharan Africa.
178
440000
3000
ประเทศในทวีปแอฟริกาใต้ทะเลทรายซะฮารา
07:38
In Hobbesian terms,
179
443000
2000
ในภาษาของธอมัส ฮอบส์
07:40
life is short and brutish there.
180
445000
2000
ชีวิตที่นั่นแสนสั้นและทารุณ
07:42
The average life expectancy in many of these countries
181
447000
3000
อายุขัยเฉลี่ยในประเทศแถบนี้
07:45
is only 40 years.
182
450000
3000
อยู่แค่ 40 ปีเท่านั้น
07:48
Malaria, HIV/AIDS
183
453000
2000
โรคมาเลเรีย โรคเอดส์
07:50
are killing a lot of people
184
455000
2000
ซึ่งกำลังคร่าชีวิตคนเยอะมาก
07:52
in these regions of the world.
185
457000
2000
ในภูมิภาคแถบนี้
07:54
But now for the good news!
186
459000
2000
ทีนี้มาดูข่าวดีกัน!
07:56
There are some countries up there, yellow triangles,
187
461000
2000
มีบางประเทศในนี้ พวกสามเหลี่ยมสีเหลือง
07:58
that are doing better than global average,
188
463000
2000
ที่กำลังทำได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยโลก
08:00
that are heading up towards the top left of the graph.
189
465000
2000
กำลังไปสู่มุมซ้ายบนของกราฟ
08:02
This is an aspirational graph.
190
467000
2000
นี่คือกราฟแห่งความหวัง
08:04
We want to be top left, where good lives don't cost the earth.
191
469000
3000
เราอยากอยู่ในโซนซ้ายบน ที่ที่ชีวิตที่ดีไม่ทำร้ายโลก
08:07
They're Latin American.
192
472000
2000
พวกนี้คือประเทศแถบอเมริกาใต้
08:09
The country on its own up at the top
193
474000
2000
ประเทศที่อยู่บนสุดเลย
08:11
is a place I haven't been to.
194
476000
2000
คือประเทศที่ผมไม่เคยไป
08:13
Maybe some of you have.
195
478000
2000
พวกคุณบางคนอาจจะเคย
08:15
Costa Rica.
196
480000
2000
นี่คือคอสตาริกา
08:19
Costa Rica --
197
484000
2000
คอสตาริกา
08:21
average life expectancy is 78-and-a-half years.
198
486000
3000
อายุขัยเฉลี่ยที่นั่นคือ 78 ปีครึ่ง
08:24
That is longer than in the USA.
199
489000
3000
สูงกว่าสหรัฐอเมริกา
08:28
They are, according to the latest Gallup world poll,
200
493000
3000
ผลสำรวจทั่วโลกของแกลลัพฉบับล่าสุด
08:31
the happiest nation on the planet --
201
496000
3000
บอกว่าคือชาติที่คนมีความสุขมากที่สุด
08:34
than anybody; more than Switzerland and Denmark.
202
499000
3000
มากกว่าสวิสเซอร์แลนด์ มากกว่าเดนมาร์ก
08:37
They are the happiest place.
203
502000
2000
เป็นชาติที่มีความสุขที่สุด
08:39
They are doing that
204
504000
2000
พวกเขาทำแบบนี้ได้
08:41
on a quarter of the resources
205
506000
2000
ด้วยการใช้ทรัพยากรเพียงหนึ่งในสี่
08:43
that are used typically in [the] Western world --
206
508000
3000
ของระดับที่ใช้ในโลกตะวันตก
08:46
a quarter of the resources.
207
511000
3000
หนึ่งในสี่ของทรัพยากร
08:49
What's going on there?
208
514000
3000
เกิดอะไรขึ้น?
08:52
What's happening in Costa Rica?
209
517000
2000
คอสตาริกากำลังทำอะไร?
08:54
We can look at some of the data.
210
519000
2000
ข้อมูลบางส่วนบอกเราได้
08:56
99 percent of their electricity comes from renewable resources.
211
521000
3000
ไฟฟ้า 99% ที่พวกเขาใช้มาจากพลังงานทดแทน
08:59
Their government is one of the first to commit
212
524000
2000
รัฐบาลของพวกเขาเป็นรัฐบาลแรกๆ
09:01
to be carbon neutral by 2021.
213
526000
3000
ที่ประกาศว่าจะเป็นคาร์บอนสมดุลภายในปี 2021
09:04
They abolished the army
214
529000
3000
พวกเขาล้มเลิกกองทัพ
09:07
in 1949 --
215
532000
2000
ในปี 1949
09:09
1949.
216
534000
2000
1949
09:11
And they invested in social programs --
217
536000
2000
และลงทุนในโครงการด้านสังคม
09:13
health and education.
218
538000
2000
สาธารณสุขและการศึกษา
09:15
They have one of the highest literacy rates in Latin America
219
540000
3000
คอสตาริกามีอัตราการรู้หนังสือสูงที่สุดแห่งหนึ่งของทวีป
09:18
and in the world.
220
543000
2000
และของโลก
09:20
And they have that Latin vibe, don't they.
221
545000
2000
และก็รักสนุกแบบละติน
09:22
They have the social connectedness.
222
547000
2000
มีความเหนียวแน่นทางสังคม
09:24
(Laughter)
223
549000
2000
(เสียงหัวเราะ)
09:26
The challenge is, that possibly -- and the thing we might have to think about --
224
551000
3000
ความท้าทาย สิ่งที่เราอาจต้องนึกถึงคือ
09:29
is that the future
225
554000
2000
อนาคตของเรา
09:31
might not be North American,
226
556000
2000
อาจไม่ใช่อเมริกาเหนือ
09:33
might not be Western European.
227
558000
2000
อาจไม่ใช่ยุโรปตะวันตก
09:35
It might be Latin American.
228
560000
3000
แต่อาจเป็นอเมริกาใต้
09:38
And the challenge, really,
229
563000
2000
และความท้าทายจริงๆ แล้ว
09:40
is to pull the global average up here.
230
565000
3000
คือการดึงค่าเฉลี่ยโลกให้ขึ้นไปตรงนั้น
09:43
That's what we need to do.
231
568000
2000
นี่คือสิ่งที่เราต้องทำ
09:45
And if we're going to do that,
232
570000
2000
และถ้าเราจะทำอย่างนั้นได้
09:47
we need to pull countries from the bottom,
233
572000
3000
เราก็ต้องดึงประเทศจากซ้ายล่างสุด
09:50
and we need to pull countries from the right of the graph.
234
575000
3000
และดึงประเทศจากขวาสุดของกราฟ
09:53
And then we're starting to create a happy planet.
235
578000
3000
แล้วเราก็จะสร้างโลกมีสุขได้
09:56
That's one way of looking at it.
236
581000
2000
นี่คือวิธีมองแบบหนึ่ง
09:58
Another way of looking at it is looking at time trends.
237
583000
2000
อีกวิธีคือ ดูจากกราฟเวลา
10:00
We don't have good data going back for every country in the world,
238
585000
3000
เราไม่มีข้อมูลอดีตดีพอสำหรับทุกประเทศในโลก
10:03
but for some of the richest countries, the OECD group, we do.
239
588000
3000
แต่เรามีข้อมูลที่ดีพอจากกลุ่มประเทศที่รวยที่สุด คือโออีซีดี
10:06
And this is the trend in well-being over that time,
240
591000
3000
และนี่คือระดับความอยู่ดีมีสุขผ่านกาลเวลา
10:09
a small increase,
241
594000
2000
จะเห็นว่ามันโตขึ้นเล็กน้อย
10:11
but this is the trend in ecological footprint.
242
596000
2000
แต่นี่คือระดับรอยเท้านิเวศในช่วงเดียวกัน
10:13
And so in strict happy-planet methodology,
243
598000
3000
ดังนั้นในมุมมองของโลกมีสุข
10:16
we've become less efficient
244
601000
2000
เห็นชัดว่าเรามีประสิทธิภาพแย่ลง
10:18
at turning our ultimate scarce resource
245
603000
2000
ในการแปลงทรัพยากรที่หายากที่สุด
10:20
into the outcome we want to.
246
605000
3000
ให้เป็นผลลัพธ์ที่เราต้องการ
10:23
And the point really is, is that I think,
247
608000
3000
ผมคิดว่าประเด็นสำคัญคือ
10:26
probably everybody in this room
248
611000
2000
บางทีทุกคนในห้องนี้ด้วย
10:28
would like society to get to 2050
249
613000
2000
จะอยากให้สังคมไปถึงปี 2050
10:30
without an apocalyptic
250
615000
3000
ได้โดยไม่มีหายนะรุนแรง
10:33
something happening.
251
618000
2000
เกิดขึ้น
10:35
It's actually not very long away.
252
620000
2000
2050 ไม่ไกลเลยนับจากวันนี้
10:37
It's half a human lifetime away.
253
622000
2000
มันคือครึ่งชีวิตของมนุษย์
10:39
A child entering school today
254
624000
2000
เด็กที่ไปโรงเรียนในวันนี้
10:41
will be my age in 2050.
255
626000
2000
จะมีอายุเท่าผมในปี 2050
10:43
This is not the very distant future.
256
628000
3000
นี่ไม่ใช่อนาคตที่อยู่ไกล
10:46
This is what the U.K. government target
257
631000
3000
นี่คือเป้าของรัฐบาลอังกฤษ
10:49
on carbon and greenhouse emissions looks like.
258
634000
3000
ในการลดการปล่อยคาร์บอนและก๊าซเรือนกระจก
10:53
And I put it to you, that is not business as usual.
259
638000
3000
ผมอยากจะบอกว่า นี่ไม่ใช่วิถีธุรกิจแบบเดิมๆ
10:56
That is changing our business.
260
641000
2000
นี่คือการเปลี่ยนโฉมหน้าของธุรกิจ
10:58
That is changing the way we create our organizations,
261
643000
3000
เปลี่ยนวิธีที่เราสร้างองค์กรของเรา
11:01
we do our government policy and we live our lives.
262
646000
3000
เปลี่ยนวิธีดำเนินโยบายรัฐ และเปลี่ยนวิธีใช้ชีวิต
11:04
And the point is,
263
649000
2000
ประเด็นก็คือ
11:06
we need to carry on increasing well-being.
264
651000
2000
เราต้องผลิตสร้างความอยู่ดีมีสุขต่อไป
11:08
No one can go to the polls
265
653000
2000
ไม่มีใครลงเลือกตั้ง
11:10
and say that quality of life is going to reduce.
266
655000
3000
และพูดว่าคุณภาพชีวิตจะแย่ลง
11:13
None of us, I think,
267
658000
2000
ผมคิดว่าไม่มีใครหรอกครับ
11:15
want human progress to stop.
268
660000
2000
ที่อยากหยุดความก้าวหน้าของมนุษย์
11:17
I think we want it to carry on.
269
662000
2000
ผมคิดว่าเราอยากให้มันดำเนินต่อไป
11:19
I think we want the lot of humanity to keep on increasing.
270
664000
2000
ผมคิดว่าถ้าเราอยากให้มนุษยชาติดำเนินต่อไป
11:21
And I think this is where climate change skeptics and deniers come in.
271
666000
3000
และตรงนี้คือจุดที่พวกที่ปฏิเสธสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงคิด
11:24
I think this is what they want. They want quality of life to keep increasing.
272
669000
3000
ผมคิดว่าพวกเขาอยากได้อย่างนั้น อยากเพิ่มคุณภาพชีวิต
11:27
They want to hold on to what they've got.
273
672000
3000
กอดสิ่งที่มีเอาไว้
11:30
And if we're going to engage them,
274
675000
2000
และถ้าเราอยากจะโน้มน้าวพวกเขา
11:32
I think that's what we've got to do.
275
677000
2000
สิ่งที่เราต้องทำก็คือ
11:34
And that means we have to really increase efficiency even more.
276
679000
3000
เพิ่มประสิทธิภาพให้สูงขึ้นกว่าเดิม
11:37
Now that's all very easy to draw graphs and things like that,
277
682000
3000
แน่นอนว่าการวาดกราฟนั้นง่ายมาก
11:40
but the point is we need to turn those curves.
278
685000
3000
ประเด็นคือเราต้องเปลี่ยนเส้นเหล่านี้
11:43
And this is where I think we can take a leaf
279
688000
2000
ตรงนี้คือจุดที่ผมคิดว่าเราเรียนรู้ได้
11:45
out of systems theory, systems engineers,
280
690000
3000
จากทฤษฎีเชิงระบบ วิศวกรเชิงระบบ
11:48
where they create feedback loops,
281
693000
2000
พวกเขาสร้างวงจรปฏิกิริยาตอบกลับ
11:50
put the right information at the right point of time.
282
695000
3000
ใส่ข้อมูลที่ถูกต้องเข้าไปในเวลาที่ถูกต้อง
11:53
Human beings are very motivated by the "now."
283
698000
3000
ธรรมชาติมนุษย์ถูกจูงใจด้วย คำว่า "เดี๋ยวนี้"
11:56
You put a smart meter in your home,
284
701000
2000
คุณติดมาตรวัดฉลาดในบ้าน
11:58
and you see how much electricity you're using right now,
285
703000
2000
มองเห็นว่ากำลังใช้ไฟฟ้าเท่าไหร่
12:00
how much it's costing you,
286
705000
2000
ต้องจ่ายค่าไฟเท่าไหร่
12:02
your kids go around and turn the lights off pretty quickly.
287
707000
3000
แล้วลูกๆ ของคุณก็จะรีบปิดไฟทันที
12:05
What would that look like for society?
288
710000
3000
ในระดับสังคม เรื่องนี้จะเป็นแบบไหน?
12:08
Why is it, on the radio news every evening,
289
713000
2000
ทำไมเวลาที่ฟังข่าววิทยุทุกเช้า
12:10
I hear the FTSE 100, the Dow Jones, the dollar pound ratio --
290
715000
3000
ผมจะได้รู้เรื่องดัชนีฟุทซี่ 100 ดัชนีดาวโจนส์ อัตราแลกเปลี่ยน
12:13
I don't even know which way the dollar pound ratio should go to be good news.
291
718000
3000
ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอัตราแลกเปลี่ยนต้องเป็นเท่าไหร่ถึงจะเป็นข่าวดี
12:16
And why do I hear that?
292
721000
2000
ผมได้ยินเรื่องพวกนี้เพราะอะไร?
12:18
Why don't I hear how much energy Britain used yesterday,
293
723000
3000
ทำไมผมถึงไม่ได้ยินว่าเมื่อวานอังกฤษใช้พลังงานไปเท่าไหร่
12:21
or American used yesterday?
294
726000
2000
หรืออเมริกาใช้พลังงานเท่าไหร่?
12:23
Did we meet our three percent annual target
295
728000
2000
เราลดคาร์บอนได้ตรงเป้า
12:25
on reducing carbon emissions?
296
730000
2000
ที่ตั้งไว้ ร้อยละ 3 ต่อปีหรือเปล่า?
12:27
That's how you create a collective goal.
297
732000
2000
นี่คือวิธีที่คุณสร้างเป้าหมายร่วม
12:29
You put it out there into the media and start thinking about it.
298
734000
3000
คุณใส่ข้อมูลเข้าไปในสื่อ และเริ่มคิดถึงมัน
12:32
And we need positive feedback loops
299
737000
3000
เราต้องการวงจรปฏิกิริยาตอบกลับเชิงบวก
12:35
for increasing well-being
300
740000
2000
เพื่อเพิ่มความอยู่ดีมีสุข
12:37
At a government level, they might create national accounts of well-being.
301
742000
3000
ในระดับรัฐบาล รัฐอาจสร้างระบบบัญชีความอยู่ดีมีสุขประชาชาติ
12:40
At a business level, you might look at the well-being of your employees,
302
745000
3000
ในระดับธุรกิจ คุณอาจดูความอยู่ดีมีสุขของพนักงาน
12:43
which we know is really linked to creativity,
303
748000
2000
ซึ่งเรารู้แล้วว่าสัมพันธ์กับความคิดสร้างสรรค์
12:45
which is linked to innovation,
304
750000
2000
ซึ่งเกี่ยวโยงกับนวัตกรรม
12:47
and we're going to need a lot of innovation to deal with those environmental issues.
305
752000
3000
เราต้องใช้นวัตกรรมมากมายในการรับมือกับประเด็นสิ่งแวดล้อม
12:50
At a personal level, we need these nudges too.
306
755000
3000
ในระดับปัจเจก เราก็ต้องอาศัยการกระตุ้นเหมือนกัน
12:54
Maybe we don't quite need the data, but we need reminders.
307
759000
3000
บางทีเราอาจไม่ต้องใช้ข้อมูล แต่เราต้องใช้คำเตือน
12:57
In the U.K., we have a strong public health message
308
762000
3000
ในอังกฤษ เรามีคำเตือนสาธารณะที่ใครๆ ก็จำได้
13:00
on five fruit and vegetables a day
309
765000
2000
ว่าให้กินผลไม้และผัก 5 ชนิดทุกวัน
13:02
and how much exercise we should do -- never my best thing.
310
767000
3000
และการออกกำลังกาย ซึ่งผมไม่ถนัด
13:05
What are these for happiness?
311
770000
3000
เราจะพูดอย่างไรเกี่ยวกับความสุข?
13:08
What are the five things that you should do every day
312
773000
2000
มีอะไร 5 อย่างที่คุณควรทำทุกวัน
13:10
to be happier?
313
775000
2000
เพื่อจะมีความสุขมากขึ้น?
13:12
We did a project for the Government Office of Science a couple of years ago,
314
777000
3000
เราทำโครงการให้กับกระทรวงวิทยาศาสตร์เมื่อไม่นานมานี้
13:15
a big program called the Foresight program --
315
780000
3000
โครงการใหญ่ชื่อ 'โครงการมองการณ์ไกล'
13:18
lots and lots of people -- involved lots of experts --
316
783000
2000
ใช้คนจำนวนมาก มีผู้เชี่ยวชาญเยอะมาก
13:20
everything evidence based -- a huge tome.
317
785000
3000
ทุกอย่างมีข้อมูลหลักฐานอ้างอิง เป็นตำราเล่มใหญ่
13:23
But a piece of work we did was on: what five positive actions can you do
318
788000
3000
แต่งานในส่วนของเราคือ อะไรที่เป็นกิจกรรม 5 อย่าง
13:26
to improve well-being in your life?
319
791000
2000
ที่ทำได้เพื่อเพิ่มความอยู่ดีมีสุขในชีวิต?
13:28
And the point of these is
320
793000
2000
ประเด็นของกิจกรรมเหล่านี้คือ
13:30
they are, not quite, the secrets of happiness,
321
795000
2000
มันไม่ใช่ความลับแห่งความสุขหรอก
13:32
but they are things that I think happiness will flow out the side from.
322
797000
3000
แต่มันก็เป็นสิ่งที่ผมคิดว่าจะล้นออกมาเป็นความสุข
13:35
And the first of these is to connect,
323
800000
3000
สิ่งแรกคือความเชื่อมโยง
13:38
is that your social relationships
324
803000
2000
ความสัมพันธ์ทางสังคมของคุณ
13:40
are the most important cornerstones of your life.
325
805000
3000
คือรากฐานที่สำคัญที่สุดในชีวิตคุณ
13:43
Do you invest the time with your loved ones
326
808000
2000
คุณทุ่มเทเวลาให้กับคนที่คุณรัก
13:45
that you could do, and energy?
327
810000
2000
ทุ่มเทพลังงานให้หรือเปล่า?
13:47
Keep building them.
328
812000
2000
สร้างความสัมพันธ์ให้มั่นคง
13:49
The second one is be active.
329
814000
2000
สิ่งที่สองคือการมีชีวิตชีวา
13:51
The fastest way out of a bad mood:
330
816000
3000
วิธีที่เร็วที่สุดที่จะออกจากอารมณ์บูด
13:54
step outside, go for a walk, turn the radio on and dance.
331
819000
3000
คือการออกไปเดินเล่นข้างนอก เปิดวิทยุ เต้นรำ
13:57
Being active is great for our positive mood.
332
822000
3000
การมีชีวิตชีวาช่วยสร้างอารมณ์เชิงบวก
14:00
The third one is take notice.
333
825000
3000
สิ่งที่สามคือสังเกตสิ่งต่างๆ
14:03
How aware are you of things going on around the world,
334
828000
3000
คุณรู้ดีแค่ไหนเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นรอบโลก
14:06
the seasons changing, people around you?
335
831000
3000
การเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล คนรอบตัว?
14:09
Do you notice what's bubbling up for you and trying to emerge?
336
834000
3000
คุณสังเกตเห็นหรือเปล่าว่าอะไรกำลังพองตัวขึ้นในใจคุณ?
14:12
Based on a lot of evidence for mindfulness,
337
837000
2000
เรามีหลักฐานที่สนับสนุนการเจริญสติ (ตามอยู่กับปัจจุบัน)
14:14
cognitive behavioral therapy,
338
839000
2000
หลักฐานจากการบำบัดพฤติกรรม
14:16
[very] strong for our well being.
339
841000
3000
ว่ามันสำคัญมากสำหรับความอยู่ดีมีสุข
14:19
The fourth is keep learning
340
844000
2000
สิ่งที่สี่คือการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
14:21
and keep is important --
341
846000
2000
และที่สำคัญคือ ต้องไม่หยุดเรียนรู้
14:23
learning throughout the whole life course.
342
848000
2000
เรียนรู้ไปตลอดชีวิต
14:25
Older people who keep learning and are curious,
343
850000
3000
คนแก่ที่ไม่หยุดเรียนรู้และอยากรู้อยากเห็น
14:28
they have much better health outcomes than those who start to close down.
344
853000
3000
มีสุขภาพดีกว่าคนที่หยุดเรียนรู้มาก
14:31
But it doesn't have to be formal learning; it's not knowledge based.
345
856000
2000
ไม่ต้องเป็นการเรียนในระบบ และไม่ต้องตั้งอยู่บนความรู้
14:33
It's more curiosity.
346
858000
2000
แค่อยากรู้อยากเห็นก็พอ
14:35
It can be learning to cook a new dish,
347
860000
3000
มันอาจเป็นการเรียนรู้ที่จะทำอาหารจานใหม่
14:38
picking up an instrument you forgot as a child.
348
863000
2000
เรียนดนตรีที่ลืมไปแล้วตั้งแต่เด็ก
14:40
Keep learning.
349
865000
2000
เรียนรู้อย่างไม่หยุดยั้ง
14:42
And the final one
350
867000
2000
สิ่งสำคัญประการสุดท้าย
14:44
is that most anti-economic of activities,
351
869000
2000
คือกิจกรรมที่ไม่เป็นเศรษฐศาสตร์ที่สุด
14:46
but give.
352
871000
2000
นั่นคือ การให้
14:48
Our generosity, our altruism,
353
873000
2000
ความีน้ำใจของเรา การเสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวม
14:50
our compassion,
354
875000
2000
ความเมตตากรุณาของเรา
14:52
are all hardwired
355
877000
2000
ล้วนผูกติดตามอย่างเป็นธรรมชาติ
14:54
to the reward mechanism in our brain.
356
879000
2000
กับกลไกให้รางวัลในสมองของเรา
14:56
We feel good if we give.
357
881000
2000
เรารู้สึกดี เมื่อเราได้ให้
14:58
You can do an experiment where you give
358
883000
2000
คุณลองทำการทดลองนี้ดูก็ได้ โดยที่คุณให้เงิน
15:00
two groups of people a hundred dollars in the morning.
359
885000
3000
100 ดอลลาร์กับคนสองกลุ่มตอนเช้า
15:03
You tell one of them to spend it on themselves
360
888000
3000
บอกกลุ่มแรกว่า ให้ใช้เงินเพื่อตัวเอง
15:06
and one on other people.
361
891000
2000
บอกกลุ่มที่สองว่า ให้ใช้เงินเพื่อคนอื่น
15:08
You measure their happiness at the end of the day,
362
893000
2000
แล้วก็วัดความสุขของพวกเขาเมื่อจบวัน
15:10
those that have gone and spent on other people are much happier
363
895000
2000
คนที่เอาเงินไปใช้เพื่อคนอื่นนั้นมีความสุขมากกว่า
15:12
that those that spent it on themselves.
364
897000
3000
คนที่ใช้เงินเพื่อตัวเองมาก
15:15
And these five ways,
365
900000
2000
วิธีห้าวิธีที่ว่ามานี้
15:17
which we put onto these handy postcards,
366
902000
3000
ซึ่งเราเขียนสั้นๆ บนโปสการ์ดได้
15:20
I would say, don't have to cost the earth.
367
905000
3000
ไม่ทำร้ายโลก
15:23
They don't have any carbon content.
368
908000
2000
ไม่มีคาร์บอน
15:25
They don't need a lot of material goods to be satisfied.
369
910000
3000
ไม่ต้องใช้สินค้าวัตถุเยอะแยะ
15:29
And so I think it's really quite feasible
370
914000
2000
ดังนั้นผมจึงคิดว่าเป็นไปได้แน่ๆ
15:31
that happiness does not cost the earth.
371
916000
2000
ที่่ความสุขจะไม่ทำร้ายโลก
15:33
Now, Martin Luther King,
372
918000
2000
ทีนี้ ท่านมาร์ติน ลูเธอร์ คิง
15:35
on the eve of his death,
373
920000
2000
ในคืนก่อนตาย
15:37
gave an incredible speech.
374
922000
2000
ได้กล่าวสุนทรพจน์ที่ยอดเยี่ยม
15:39
He said, "I know there are challenges ahead,
375
924000
3000
ท่านบอกว่า "ผมรู้ดีว่ามีความท้าทายรออยู่เบื้องหน้า
15:42
there may be trouble ahead,
376
927000
2000
อาจมีความเดือดร้อนรออยู่
15:44
but I fear no one. I don't care.
377
929000
2000
แต่ผมไม่กลัวใคร ผมไม่สนใจ
15:46
I have been to the mountain top,
378
931000
3000
เพราะผมได้ไปถึงยอดเขา
15:49
and I have seen the Promised Land."
379
934000
2000
และมองเห็นดินแดนที่พระผู้เป็นเจ้าสัญญา"
15:51
Now, he was a preacher,
380
936000
2000
ท่านเป็นนักเทศน์(ของพระเจ้าผู้สรรค์สร้างโลก)
15:53
but I believe the environmental movement
381
938000
2000
แต่ผมเชื่อว่ากลุ่มรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อม
15:55
and, in fact, the business community, government,
382
940000
3000
และ อันที่จริง รวมถึงภาคธุรกิจ รัฐบาล
15:58
needs to go to the top of the mountain top,
383
943000
3000
ต้องไปให้ถึงยอดเขา
16:01
and it needs to look out,
384
946000
2000
มองลงมา
16:03
and it needs to see the Promised Land,
385
948000
2000
และต้องมองให้เห็นดินแดนแห่งสัญญา
16:05
or the land of promise,
386
950000
2000
ดินแดนที่อุดมสมบูรณ์
16:07
and it needs to have a vision
387
952000
2000
และจะต้องมีวิสัยทัศน์
16:09
of a world that we all want.
388
954000
3000
ว่าโลกที่เราทุกคนอยากได้เป็นอย่างไร
16:12
And not only that, we need to create a Great Transition
389
957000
2000
และไม่หยุดแค่นั้น เราต้องสร้าง 'การเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่'
16:14
to get there,
390
959000
2000
เพื่อไปสู่จุดนั้น
16:16
and we need to pave that great transition with good things.
391
961000
3000
และเราต้องปูทางที่ว่านี้ด้วยสิ่งดีๆ
16:19
Human beings want to be happy.
392
964000
3000
มนุษย์อยากมีความสุข
16:22
Pave them with the five ways.
393
967000
2000
ปูทางด้วยวิธีการ 5 วิธี
16:24
And we need to have signposts
394
969000
2000
และเราต้องมีป้ายบอกทาง
16:26
gathering people together and pointing them --
395
971000
2000
รวบรวมคนและชี้ทางให้เห็น
16:28
something like the Happy Planet Index.
396
973000
2000
ป้ายอย่าง 'ดัชนีโลกมีสุข'
16:30
And then I believe
397
975000
2000
และผมก็เชื่อว่า
16:32
that we can all create a world we all want,
398
977000
2000
เราสามารถสร้างโลกที่เราทุกคนอยากได้
16:34
where happiness does not cost the earth.
399
979000
3000
โลกที่ความสุขไม่จำเป็นต้องทำร้ายโลก
16:37
(Applause)
400
982000
6000
(เสียงปรบมือ)
ABOUT THE SPEAKER
Nic Marks - Happiness researcherNic Marks gathers evidence about what makes us happy, and uses it to promote policy that puts the well-being of people and the planet first. He's the founder of the Centre for Well-Being at the UK think tank New Economics Foundation (NEF).
Why you should listen
Nic Marks thinks quality of life is measurable, and that true contentment comes not from the accumulation of material wealth but from our connections with others, engagement with the world, and a sense of autonomy. This isn't just theory: a pioneer in the field of well-being research, Marks creates statistical methods to measure happiness, analyzing and interpreting the evidence so that it can be applied to such policy fields as education, sustainable development, healthcare, and economics.
The founder of the Centre for Well-Being, an independent think tank at the New Economics Foundation (NEF), in London, Marks is particularly keen to promote a balance between sustainable development and quality of life. To investigate this, he devised the Happy Planet Index, a global index of human well-being and environmental impact. The results made headlines: People in the world's wealthiest countries, who consume the most of the planet's resources, don't come out on top in terms of well-being. Which raises the question: What purpose does unfettered economic growth serve?
To measure (and possibly improve) your own, or your organization's, happiness and well-being, visit two useful sites: 5 ways to Well-being and Happiness Works.
Read the TED Book: The Happiness Manifesto >>
Nic Marks | Speaker | TED.com