TEDMED 2011
Charles Limb: Building the musical muscle
ชาลส์ ลิมบ์ (Charles Limb): การสร้างเสริมกล้ามเนื้อสำคัญของศาสตร์แห่งดนตรี ♫
Filmed:
Readability: 3.7
718,820 views
คุณหมอ ชาลส์ ลิมบ์ ผ่าตัดปลูกคอลเคลียร์ (cochlear) ซึ่งเป็นการรักษาให้กับผู้ที่มีสูญเสียการได้ยินและสามารถฟื้นฟูความสามารถในการได้ยินเสียงพูดได้ แต่ในฐานนะที่เป็นนักดนตรีด้วย คุณหมอลิมบ์ยังเล็งเห็นข้อจำกัดของการปลูกถ่ายนี้ กล่าวคือ การรักษาด้วยวิธีนี้ยังไม่สามารถทำให้คนไข้รับรู้ถึงอรรถรสของดนตรีได้อย่างแท้จริง คุณหมอกล่าวสรุปถึงวิธีการรักษาที่ทันสมัยและแนวทางรักษารักษาในอนาคต ณ TEDMED
Charles Limb - Researcher
Charles Limb is a doctor and a musician who researches the way musical creativity works in the brain. Full bio
Charles Limb is a doctor and a musician who researches the way musical creativity works in the brain. Full bio
Double-click the English transcript below to play the video.
00:15
Now when we think of our senses,
0
0
5000
เมื่อเรานึกถึงประสาทสัมผัส (senses) ของเรา
00:20
we don't usually think of the reasons
1
5000
2000
เรามักไม่ค่อยนึกถึงเหตุผลว่า
00:22
why they probably evolved, from a biological perspective.
2
7000
2000
ทำไมพวกมันพัฒนาขึ้น จากมุมมองทางชีวภาพ
00:24
We don't really think of the evolutionary need
3
9000
3000
เราไม่ได้คิดถึงความจำเป็นที่ว่า วิวัฒนาการ
00:27
to be protected by our senses,
4
12000
2000
ถูกปกป้องโดยประสาทสัมผัสของเรา
00:29
but that's probably why our senses really evolved --
5
14000
2000
แต่นั่นอาจเป็นสาเหตุว่า
ทำไมประสาทสัมผัสของเราจึงพัฒนาขึ้น
ทำไมประสาทสัมผัสของเราจึงพัฒนาขึ้น
00:31
to keep us safe, to allow us to live.
6
16000
3000
ก็เพื่อที่จะทำให้เราปลอดภัย
เพื่อทำให้เราสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้
เพื่อทำให้เราสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้
00:34
Really when we think of our senses,
7
19000
2000
จริงๆ แล้ว เมื่อเราคิดถึงประสาทสัมผัส
00:36
or when we think of the loss of the sense,
8
21000
2000
หรือเมื่อเราคิดถึงการสูญเสียประสาทสัมผัส
00:38
we really think about something more like this:
9
23000
2000
เรามักคิดว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ที่เป็น
00:40
the ability to touch something luxurious, to taste something delicious,
10
25000
3000
ความสามารถในการสัมผัสสิ่งที่นุ่มลื่น
การลิ้มรสอาหารที่อร่อยล้ำ
การลิ้มรสอาหารที่อร่อยล้ำ
00:43
to smell something fragrant,
11
28000
2000
การที่ได้ดมกลิ่นที่หอมหวล
00:45
to see something beautiful.
12
30000
2000
หรือการมองเห็นสิ่งที่สวยงาม
00:47
This is what we want out of our senses.
13
32000
2000
นี้คือสิ่งที่เราอยากได้จากประสาทสัมผัสของเรา
00:49
We want beauty; we don't just want function.
14
34000
3000
เราต้องการความสวยงาม
มิใช่ต้องการเพียงแค่สิ่งที่ทำงานได้
มิใช่ต้องการเพียงแค่สิ่งที่ทำงานได้
00:52
And when it comes to sensory restoration,
15
37000
2000
และเมื่อพูดถึงการฟื้นฟูประสาทสัมผัส
00:54
we're still very far away from being able to provide beauty.
16
39000
3000
เรายังอยู่ไกลจากความสามารถ
ที่จะทำให้มันเอื้อให้เกิดความงดงามได้
ที่จะทำให้มันเอื้อให้เกิดความงดงามได้
00:57
And that's what I'd like to talk to you a little bit about today.
17
42000
3000
และนั่นคือสิ่งที่ผมอยากจะพูดให้คุณฟังซักเล็กน้อยในวันนี้
01:00
Likewise for hearing.
18
45000
2000
เช่นเดียวกับการได้ยิน
01:02
When we think about why we hear,
19
47000
2000
เมื่อเราคิดว่าทำไมเราถึงได้ยิน
01:04
we don't often think about the ability to hear an alarm or a siren,
20
49000
3000
เราคงไม่คิดแค่ความสามารถในการได้ยินเสียงเตือนภัยแน่ๆ
01:07
although clearly that's an important thing.
21
52000
2000
แม้ว่าจริงๆ แล้วมันมีความสำคัญมากๆ
01:09
Really what we want to hear is music.
22
54000
3000
แต่สิ่งที่เราต้องการได้ยินก็คือเสียงดนตรี
01:12
(Music)
23
57000
15000
(เสียงดนตรี)
01:27
So many of you know that that's Beethoven's Seventh Symphony.
24
72000
2000
พวกคุณส่วนใหญ่รู้จักว่านี่คือ
ซิมโฟนีหมายเลข 7 ของเบโธเฟน
ซิมโฟนีหมายเลข 7 ของเบโธเฟน
01:29
Many of you know that he was deaf, or near profoundly deaf,
25
74000
3000
หลายคนคงรู้ว่าเขาหูหนวกหรือเกือบหูหนวก
01:32
when he wrote that.
26
77000
2000
ขณะที่เขากำลังแต่งเพลงนี้
01:34
Now I'd like to impress upon you
27
79000
2000
ตอนนี้ ผมอยากสร้างความประทับใจให้พวกคุณ
01:36
how unusual it is that we can hear music.
28
81000
3000
ถึงความพิเศษที่พวกเราได้ยินเสียงดนตรี
01:39
Music is just one of the strangest things that there is.
29
84000
3000
ดนตรีเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดสิ่งหนึ่ง
01:42
It's acoustic vibrations in the air,
30
87000
3000
มันเป็นการสั่นของเสียงในอากาศ
01:45
little waves of energy in the air that tickle our eardrum.
31
90000
3000
ซึ่งเป็นคลื่นเล็กๆ ของพลังงานในอากาศ ที่กระตุ้นแก้วหูของเรา
01:48
Somehow in tickling our eardrum
32
93000
2000
การกระตุ้นแก้วหูทำให้เกิด
01:50
that transmits energy down our hearing bones,
33
95000
2000
การส่งผ่านพลังงานไปยังกระดูกที่เกี่ยวข้องกับการได้ยิน
01:52
which get converted to a fluid impulse inside the cochlea
34
97000
3000
ที่เปลี่ยนพลังงานดังกล่าว
ให้เป็นคลื่นดล (impulse) ของเหลว
ภายในคอเคลีย (cochlea)
ให้เป็นคลื่นดล (impulse) ของเหลว
ภายในคอเคลีย (cochlea)
01:55
and then somehow converted into an electrical signal in our auditory nerves
35
100000
3000
จากนั้น กระบวนการบางอย่างได้เปลี่ยนคลื่นดล
ให้เป็นสัญญาณไฟฟ้าในเส้นประสาทรับเสียง
ให้เป็นสัญญาณไฟฟ้าในเส้นประสาทรับเสียง
01:58
that somehow wind up in our brains
36
103000
3000
ที่ถูกส่งต่อไปยังสมอง
02:01
as a perception of a song or a beautiful piece of music.
37
106000
3000
ก่อให้เกิดการรับรู้เสียงเพลง
หรือความไพเราะของเสียงดนตรีได้
หรือความไพเราะของเสียงดนตรีได้
02:04
That process is entirely abstract and very, very unusual.
38
109000
3000
กระบวนการดังกล่าวจับต้องไม่ได้
และแปลกมากๆ
และแปลกมากๆ
02:07
And we could discuss that topic alone for days
39
112000
3000
เราสามารถถกเถียงเกี่ยวกับเรื่องนี้เพียงเรื่องเดียว
ได้เป็นวันๆ
ได้เป็นวันๆ
02:10
to really try to figure out, how is it that we hear something that's emotional
40
115000
4000
เพือที่จะพยายามคิดให้ออกว่า
เราได้ยินเสียงทีก่อให้เกิดอารมณ์
เราได้ยินเสียงทีก่อให้เกิดอารมณ์
02:14
from something that starts out as a vibration in the air?
41
119000
3000
จากสิ่งที่เริ่มมาจากการสั่นของอากาศได้อย่างไร
02:17
Turns out that if you have hearing loss,
42
122000
2000
ถ้าคุณสูญเสียการได้ยิน
02:19
most people that lose their hearing
43
124000
2000
ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่สูญเสียการได้ยิน
02:21
lose it at what's called the cochlea, the inner ear.
44
126000
3000
มักเกิดจากความผิดปกติของคอเคลีย
ซึ่งอยู่ในส่วนหูชั้นใน
ซึ่งอยู่ในส่วนหูชั้นใน
02:24
And it's at the hair cell level that they do this.
45
129000
3000
และเกิดในระดับของเซลล์ขน (hair cell)
02:27
Now if you had to pick a sense to lose,
46
132000
2000
ทีนี้ ถ้าคุณต้องเลือกที่จะสูญเสียประสาทสัมผัสหนึ่งใด
02:29
I have to be very honest with you
47
134000
2000
ผมคงต้องบอกกับคุณตรงๆ เลยว่า
02:31
and say, we're better at restoring hearing
48
136000
2000
เราชำนาญการฟื้นฟูการได้ยินมากกว่า
02:33
than we are at restoring any sense that there is.
49
138000
2000
การฟื้นฟูประสาทสัมผัสแบบอื่นๆ
02:35
In fact, nothing even actually comes close
50
140000
2000
ความจริง ไม่มีการฟื้นฟูใดๆ ที่เทียบเคียงกับ
02:37
to our ability to restore hearing.
51
142000
2000
ความสามารถในการฟื้นฟูการได้ยินของเราได้เลย
02:39
And as a physician and a surgeon, I can confidently tell my patients
52
144000
3000
และฐานะของศัลยแพทย์
ผมมั่นใจที่จะบอกกับผู้ป่วยของผมว่า
ผมมั่นใจที่จะบอกกับผู้ป่วยของผมว่า
02:42
that if you had to pick a sense to lose,
53
147000
2000
ถ้าคุณต้องเลือกที่จะสูญเสียประสาทสัมผัสอย่างหนึ่งอย่างใด
02:44
we are the furthest along medically and surgically with hearing.
54
149000
4000
เรามีความก้าวหน้าในการผ่าตัดระบบการได้ยินเป็นอันมาก
02:48
As a musician, I can tell you
55
153000
2000
ในฐานะนักดนตรี ผมบอกคุณได้เลยว่า
02:50
that if I had to have a cochlear implant,
56
155000
2000
ถ้าผมจะต้องปลูกถ่ายคอเคลีย
02:52
I'd be heartbroken. I'd just be plainly heartbroken,
57
157000
2000
ผมคงจะทำให้ทุกๆ ท่านผิดหวัง
02:54
because I know that music would never sound the same to me.
58
159000
4000
เพราะผมรู้ว่าเสียงดนตรีที่ได้ยิน
อาจจะไม่ใช่เสียงเดิมอีกต่อไป
อาจจะไม่ใช่เสียงเดิมอีกต่อไป
02:58
Now this is a video that I'm going to show you
59
163000
3000
นี้คือวิดีโอที่ผมจะแสดงให้คุณชมเกี่ยวกับ
03:01
of a girl who's born deaf.
60
166000
2000
เด็กหญิงที่หูพิการมาตั้งแต่เกิด
03:03
She's in a very supportive environment.
61
168000
2000
เธออยู่ในสภาพแวดล้อมที่ได้รับการเอาได้เอาใจใส่
03:05
Her mother's doing everything she can.
62
170000
2000
แม่ของเธอทำทุกอย่างเท่าที่เธอจะทำได้
03:07
Okay, play that video please.
63
172000
2000
ครับ ช่วยเล่นวิดีโอด้วยครับ
03:09
(Video) Mother: That's an owl.
64
174000
2000
แม่: นั่นนกฮูก (owl)
03:11
Owl, yeah.
65
176000
3000
นกฮูก
03:18
Owl. Owl.
66
183000
3000
นกฮูก นกฮูก
03:21
Yeah.
67
186000
2000
ใช่
03:28
Baby. Baby.
68
193000
3000
เด็กทารก ทารก
03:31
You want it?
69
196000
3000
ลูกจะเอาไหม
03:34
(Kiss)
70
199000
3000
จู๊บ
03:37
Charles Limb: Now despite everything going for this child
71
202000
2000
ชาร์ลส์ ลิ้มบ์: ครับ แต่ถึงอย่างนั้น ทุกอย่างที่ให้เด็กคนนี้
03:39
in terms of family support
72
204000
2000
ในแง่ของการสนับสนุนจากครอบครัว
03:41
and simple infused learning,
73
206000
2000
และการเรียนรู้ที่ซึมซับได้อย่างง่ายๆ
03:43
there is a limitation to what a child who's deaf, an infant who was born deaf,
74
208000
3000
ก็ยังคงมีข้อจำกัด
สำหรับเด็กที่มีปัญหาด้านการได้ยินมาตั้งแต่เกิด
สำหรับเด็กที่มีปัญหาด้านการได้ยินมาตั้งแต่เกิด
03:46
has in this world
75
211000
2000
ในโลกใบนี้
03:48
in terms of social, educational, vocational opportunities.
76
213000
3000
ในแง่ของสังคม การศึกษา โอกาสในการทำงาน
03:51
I'm not saying that they can't live a beautiful, wonderful life.
77
216000
3000
ผมไม่ได้ว่า พวกเขาจะใช้ชีวิตอยู่อย่างสวยงาม
และยอดเยี่ยมไม่ได้
และยอดเยี่ยมไม่ได้
03:54
I'm saying that they're going to face obstacles
78
219000
2000
แต่ผมว่า พวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรค
03:56
that most people who have normal hearing will not have to face.
79
221000
3000
ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่ได้ยินปกติ ไม่ต้องเผชิญ
03:59
Now hearing loss and the treatment for hearing loss
80
224000
2000
เอาล่ะครับ การสูญเสียการได้ยินและการรักษา
04:01
has really evolved in the past 200 years.
81
226000
2000
มีพัฒนาการย้อนกลับไปถึง 200 ปี นับจากอดีต
04:03
I mean literally,
82
228000
2000
ผมหมายถึงตั้งแต่
04:05
they used to do things like stick ear-shaped objects onto your ears
83
230000
3000
การใช้พวกอุปกรณ์ที่มีรูปร่างคล้ายหูใส่เข้าไปในหู
04:08
and stick funnels in.
84
233000
2000
รวมถึงการใช้ท่อรูปกรวยแหย่เข้าไป
04:10
And that was the best you could do for hearing loss.
85
235000
2000
และนั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณสามารถทำได้
เมื่อสูญเสียการได้ยิน
เมื่อสูญเสียการได้ยิน
04:12
Back then you couldn't even look at the eardrum.
86
237000
2000
เมื่อมองย้อนกลับไป
คุณไม่ได้พิจารณาที่เยื่อแก้วหูเลยด้วยซ้ำ
คุณไม่ได้พิจารณาที่เยื่อแก้วหูเลยด้วยซ้ำ
04:14
So it's not too surprising
87
239000
2000
จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า
04:16
that there were no good treatments for hearing loss.
88
241000
2000
ทำไม การรักษาการสูญเสียการได้ยิน จึงยังไม่ดี
04:18
And now today we have the modern multi-channel cochlear implant,
89
243000
2000
ปัจจุบัน เรามีการปลูกถ่าย
คอเคลียเทียมแบบหลายช่อง (multi-channel cochlear)
คอเคลียเทียมแบบหลายช่อง (multi-channel cochlear)
04:20
which is an outpatient procedure.
90
245000
2000
ซึ่งเป็นขั้นตอนที่บริการกับผู้ป่วยนอก
04:22
It's surgically placed inside the inner ear.
91
247000
2000
โดยผ่าตัดฝังอุปกรณ์ดังกล่าวเข้าไปในหูชั้นใน
04:24
It takes about an hour and a half to two hours, depending on where it's done,
92
249000
2000
ซึ่งจะใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่งถึงสองชั่วโมง
ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำงานผ่าตัด
ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำงานผ่าตัด
04:26
under general anesthesia.
93
251000
2000
ภายใต้การใช้ยาสลบ
04:28
And in the end, you achieve something like this
94
253000
2000
และสุดท้าย คุณจะได้อุปกรณ์ที่มีลักษณะเช่นนี้
04:30
where an electrode array is inserted inside the cochlea.
95
255000
3000
กล่าวคือ ชุดของอิเล็กโทรด (electrode array)
จะถูกสอดใส่ไว้ในคอเคลีย
จะถูกสอดใส่ไว้ในคอเคลีย
04:33
Now actually, this is quite crude
96
258000
2000
ที่จริง การตอบสนองต่อเสียงนี้จะค่อนข้างหยาบ
04:35
in comparison to our regular inner ear.
97
260000
2000
เมื่อเปรียบเทียบกับหูชั้นในที่ปกติของเรา
04:37
But here is that same girl who is implanted now.
98
262000
3000
แต่นี่คือเด็กหญิงคนเดียวกันที่ได้ทำศัลยกรรมแล้ว
04:40
This is her 10 years later.
99
265000
2000
นี้คือเธอหลังจาก 10 ปีผ่านไป
04:42
And this is a video that was taken
100
267000
2000
และนี่คือวิดีโอที่ถ่ายทำขึ้น
04:44
by my surgical mentor, Dr. John Niparko, who implanted her.
101
269000
2000
โดย ดร. จอห์น นิพาร์โค (Dr. John Niparko)
ศัลยแพทย์ผู้ให้คำปรึกษาของผม
และเป็นผู้ที่ทำการศัลยกรรมให้เธอ
ศัลยแพทย์ผู้ให้คำปรึกษาของผม
และเป็นผู้ที่ทำการศัลยกรรมให้เธอ
04:46
If we could play this video please.
102
271000
2000
ช่วยเปิดวิดีโอนี้ด้วยครับ
04:49
(Video) John Niparko: So you've written two books?
103
274000
2000
ดร. จอห์น นิพาร์โค: อืม หนูเขียนหนังสือสองเล่มแล้วหรือ
04:51
Girl: I have written two books. (Mother: Was the other one a book or a journal entry?)
104
276000
3000
เด็กหญิง: หนูเขียนหนังสือได้สองเล่มแล้วค่ะ
แม่: อีกเล่มหนึ่งเป็นหนังสือหรือบันทึกคะ
แม่: อีกเล่มหนึ่งเป็นหนังสือหรือบันทึกคะ
04:54
Girl: No, the other one was a book. (Mother: Oh, okay.)
105
279000
3000
เด็กหญิง: ไม่ค่ะ อีกเล่มหนึ่งเป็นหนังสือ
แม่:. อ้อ จ๊ะ
แม่:. อ้อ จ๊ะ
04:58
JN: Well this book has seven chapters,
106
283000
3000
ดร. จอห์น: หนังสือเล่มนี้มีเจ็ดบท
05:01
and the last chapter
107
286000
3000
และบทสุดท้าย
05:04
is entitled "The Good Things About Being Deaf."
108
289000
4000
มีชื่อบทว่า "ข้อดีเกี่ยวกับการเป็นคนหูหนวก"
05:08
Do you remember writing that chapter?
109
293000
3000
หนูจำเนื้อเรื้องที่เขียนในบทนี้ได้ไหม
05:11
Girl: Yes I do. I remember writing every chapter.
110
296000
3000
เด็กหญิง: หนูจำได้ หนูจำได้ทุกบทที่เขียนเลยค่ะ
05:14
JN: Yeah.
111
299000
2000
ดร. จอห์น: ว๊าววว
05:16
Girl: Well sometimes my sister can be kind of annoying.
112
301000
4000
เด็กหญิง: บางที น้องสาวหนูก็น่ารำคาญ
05:20
So it comes in handy to not be annoyed by her.
113
305000
4000
ซึ่งมันก็ดีเหมือนกันนะ ที่ไม่ต้องมารำคาญเพราะเธอ
05:24
JN: I see. And who is that?
114
309000
3000
ดร. จอห์น: อ๋อ เหรอ แล้วนั่นใครหล่ะ
05:27
Girl: Holly. (JN: Okay.)
115
312000
2000
เด็กหญิงl: ฮอลลี
ดร จอหฺน: โอเค
ดร จอหฺน: โอเค
05:29
Mother: Her sister. (JN: Her sister.) Girl: My sister.
116
314000
2000
แม่: น้องสาวของเธอค่ะ
ดร จอห์น: น้องสาวของหนูซินะ
เด็กหญิง: น้องสาวของหนู
ดร จอห์น: น้องสาวของหนูซินะ
เด็กหญิง: น้องสาวของหนู
05:31
JN: And how can you avoid being annoyed by her?
117
316000
3000
ดร จอห์น: แล้วหนูเลี่ยงให้ไม่รำคาญน้องได้อย่างไรล่ะ
05:34
Girl: I just take off my CI, and I don't hear anything.
118
319000
3000
เด็กหญิง: หนูก็ถอดเครื่องช่วยฟัง (CI) ออก
เท่านี้หนูก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรแล้ว
เท่านี้หนูก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรแล้ว
05:37
(Laughter)
119
322000
2000
(หัวเราะ)
05:39
It comes in handy.
120
324000
2000
มันมีประโยชน์มากนะ
05:41
JN: So you don't want to hear everything that's out there?
121
326000
3000
ดร จอห์น: แล้วหนูไม่ต้องการได้ยินเสียงอื่นๆ ด้วยหรือ
05:44
Girl: No.
122
329000
2000
เด็กหญิง: ไม่ค่ะ
05:46
CL: And so she's phenomenal.
123
331000
2000
ชาร์ลสฺ์: เธอช่างน่าทึ่งเสียจริงๆ
05:48
And there's no way that you can't look at that as an overwhelming success.
124
333000
3000
และไม่มีทาง ที่คุณจะมองว่า
นั่นไม่ใช่เป็นความสำเร็จอย่างท่วมท้น
นั่นไม่ใช่เป็นความสำเร็จอย่างท่วมท้น
05:51
It is. It's a huge success story in modern medicine.
125
336000
3000
มันประสบความสำเร็จอย่างมากในด้านการแพทย์สมัยใหม่
05:54
However, despite this incredible facility
126
339000
3000
แม้จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหลือเชื่อนี้
05:57
that some cochlear implant users display with language,
127
342000
2000
ที่ทำให้คนไข้ที่ฝังคอเคลียเทียมบางคน
แสดงออกทางภาษาพูดได้
แสดงออกทางภาษาพูดได้
05:59
you turn on the radio and all of a sudden they can't hear music almost at all.
128
344000
4000
แต่เมื่อคุณเปิดวิทยุ ทันใดนั้น
พวกเขาแทบไม่สามารถได้ยินเสียงดนตรีเลย
พวกเขาแทบไม่สามารถได้ยินเสียงดนตรีเลย
06:03
In fact, most implant users really struggle
129
348000
2000
ความจริง ผู้ใช้ประสาทหูเทียมส่วนใหญ่ ยังคงมีปัญหา
06:05
and dislike music because it sounds so bad.
130
350000
3000
และไม่ชอบเสียงดนตรี เพราะเสียงมันแย่มาก
06:08
And so when it comes to this idea
131
353000
2000
และเมื่อมาถึงความคิดที่ว่า
06:10
of restoring beauty to somebody's life,
132
355000
2000
จะฟื้นฟูความระรื่นให้กับชีวิตของใครบางคน
06:12
we have a long way to go when it comes to audition.
133
357000
2000
เราคงยังต้องเดินทางอีกยาวไกล เมื่อมันเป็นเรื่องการรับฟังเสียง
06:14
Now there are a lot of reasons for that.
134
359000
2000
ตอนนี้ มันมีเหตุผลหลายอย่างครับ
06:16
I mentioned earlier the fact
135
361000
2000
ผมกล่าวถึงก่อนหน้านี้ถึงความเป็นจริง
06:18
that music is a different capacity because it's abstract.
136
363000
2000
ที่ว่า เสียงดนตรีมีคุณลักษณะที่แตกต่างกัน เนื่องจากมันเป็นนามธรรม
06:20
Language is very different. Language is very precise.
137
365000
2000
ภาษาพูดนั้นแตกต่างจากเสียงดนตรีมาก ภาษาพูดมีลักษณะที่เฉพาะมากๆ
06:22
In fact, the whole reason we use it
138
367000
2000
ความจริง เหตุผลทั้งหมดที่เราใช้ภาษาพูด
06:24
is because it has semantic-specificity.
139
369000
2000
เพราะมันมีลักษณะที่จำเพาะเจาะจง (semantic-specificity)
06:26
When you say a word,
140
371000
2000
เมื่อคุณพูดคำคำหนึ่ง
06:28
what you care is that word was perceived correctly.
141
373000
2000
ที่คุณสนใจคือคุณรับคำนั้นมาได้ถูกต้องหรือไม่
06:30
You don't care that the word sounded pretty
142
375000
2000
คุณไม่สนว่าคำที่คุณพูด
06:32
when it was spoken.
143
377000
2000
จะฟังไพเราะหรือไม่
06:34
Music is entirely different.
144
379000
2000
เสียงดนตรีนั้นแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง
06:36
When you hear music, if it doesn't sound good, what's the point?
145
381000
2000
เมื่อคุณได้ยินเสียงดนตรี
ถ้าเสียงไม่เพราะ แล้วคุณจะฟังไปเพื่ออะไรกัน
ถ้าเสียงไม่เพราะ แล้วคุณจะฟังไปเพื่ออะไรกัน
06:38
There's really very little point in listening to music
146
383000
2000
มันมีเหตุผลน้อยมากที่คุณจะฟังเสียงดนตรี
06:40
when it doesn't sound good to you.
147
385000
2000
ถ้าคุณฟังแล้วคุณว่ามันไม่เพราะเลย
06:42
The acoustics of music are much harder than those of language.
148
387000
3000
ศาสตร์ของเสียงดนตรีนั้นมีความยากกว่าศาสตร์ของภาษาพูดมาก
06:45
And you can see on this figure,
149
390000
2000
คุณจะเห็นได้จากรูปนี้
06:47
that the frequency range
150
392000
2000
ที่ช่วงความถี่
06:49
and the decibel range, the dynamic range of music
151
394000
2000
และช่วงความเข้มเสียงแบบไดนามิกของดนตรี ในหน่วยเดซิเบล
06:51
is far more heterogeneous.
152
396000
2000
มีความหลากหลายมาก
06:53
So if we had to design a perfect cochlear implant,
153
398000
2000
ดังนั้นหากเราต้องออกแบบประสาทหูเทียมที่สมบูรณ์แบบ
06:55
what we would try to do
154
400000
2000
เป้าหมายที่เราควรต้องพยายามทำก็คือ
06:57
is target it to be able to allow music transmission.
155
402000
3000
การทำให้มันสามารถส่งผ่านลักษณะของเสียงดนตรีได้
07:00
Because I always view music as the pinnacle of hearing.
156
405000
3000
เพราะผมเห็นว่าดนตรีเป็นสุดยอดของการได้ยิน
07:03
If you can hear music,
157
408000
2000
หากคุณสามารถได้ยินเสียงดนตรี
07:05
you should be able to hear anything.
158
410000
2000
คุณควรสามารถได้ยินเสียงต่างๆ ได้
07:07
Now the problems begin first with pitch perception.
159
412000
3000
ตอนนี้ปัญหาเริ่มแรกด้วยการรับรู้ระดับเสียง (pitch perception)
07:10
I mean, most of us know that pitch is a fundamental building block of music.
160
415000
3000
ผมหมายถึง พวกเราส่วนใหญ่รู้ว่าระดับเสียง (pitch)
เป็นพื้นฐานของเสียงดนตรี
เป็นพื้นฐานของเสียงดนตรี
07:13
And without the ability to perceive pitch well,
161
418000
2000
และถ้าไม่มีความสามารถในการรับรู้ระดับเสียงที่ดี
07:15
music and melody is a very difficult thing to do --
162
420000
3000
เพลงและทำนองก็เป็นสิ่งยากมากที่จะทำ -
07:18
forget about a harmony and things like that.
163
423000
2000
ไม่ต้องพูดถึงเสียงประสาน (harmony) และอะไรทำนองนั้นเลยครับ
07:20
Now this is a MIDI arrangement of Rachmaninoff's Prelude.
164
425000
3000
นี้เป็นมิดิ(MIDI) เพลงของ รัคมานินอฟ พรีรุท
(Rachmaninoff's Prelude)
(Rachmaninoff's Prelude)
07:23
Now if we could just play this.
165
428000
2000
ตอนนี้เราจะเล่นเพลงนี้
07:25
(Music)
166
430000
24000
(เสียงดนตรี)
07:49
Okay, now if we consider
167
454000
3000
เอาล่ะ ตอนนี้ถ้าเราพิจารณา
07:52
that in a cochlear implant patient
168
457000
2000
ในผู้ป่วยที่ศัลยกรรมประสาทหู
07:54
pitch perception could be off as much as two octaves,
169
459000
3000
การรับรู้ระดับเสียงอาจจะเพี้ยนไปที่สองระดับของ
เสียงคู่แปด (octave)
เสียงคู่แปด (octave)
07:57
let's see what happens here
170
462000
2000
ไปดูสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่
07:59
when we randomize this to within one semitone.
171
464000
2000
เมื่อเราทำการสุ่มขึ้นมาในกึ่งโทนเสียง (semitone)
08:01
We would be thrilled if we had one semitone pitch perception in cochlear implant users.
172
466000
3000
เราตื่นเต้นเมื่อผู้ใช้ประสาทหูเทียม
มีการรับรู้ระดับเสียงได้ในระดับกึ่งโทนเสียง
มีการรับรู้ระดับเสียงได้ในระดับกึ่งโทนเสียง
08:04
Go ahead and play this one.
173
469000
2000
โปรดเล่นเพลงนี้ต่อทีครับ
08:06
(Music)
174
471000
23000
(เสียงดนตรี)
08:29
Now my goal in showing you that
175
494000
2000
ตอนนี้เป้าหมายของผม
08:31
is to show you that music is not robust to degradation.
176
496000
2000
คือการแสดงให้คุณทราบว่า
ดนตรีทนต่อการลดระดับเสียงไม่ได้
ดนตรีทนต่อการลดระดับเสียงไม่ได้
08:33
You distort it a little bit, especially in terms of pitch, and you've changed it.
177
498000
4000
คุณทำมันระดับเสียงมันผิดเพี้ยนเพียงเล็กน้อย
คุณก็เปลี่ยนมันไปแล้ว
คุณก็เปลี่ยนมันไปแล้ว
08:37
And it might be that you kind of like that.
178
502000
2000
และมันอาจเป็นไปได้ว่าคุณชอบ
08:39
That's kind of hypnotic.
179
504000
2000
มันเป็นการสะกดจิตอย่างหนึ่ง
08:41
But it certainly wasn't the way the music was intended.
180
506000
2000
แต่แน่นอนว่า นี่ไม่ใช่แบบที่ดนตรีควรจะเป็น
08:43
And you're not hearing the same thing
181
508000
2000
และคุณก็จะไม่ได้ยินในสิ่งเดียว
08:45
that most people who have normal hearing are hearing.
182
510000
2000
กับที่คนส่วนใหญ่ที่มีการได้ยินปกติจะได้ยิน
08:47
Now the other issue comes with,
183
512000
2000
ตอนนี้ อีกปัญหาหนึ่งก็คือ
08:49
not just the ability to tell pitches apart,
184
514000
2000
ไม่เพียงแต่ความสามารถในการที่จะบอกความแตกต่างของระดับเสียงเท่านั้น
08:51
but the ability to tell sounds apart.
185
516000
2000
แต่ยังต้องสามารถบอกชนิดของเสียงที่แตกต่างกันได้ด้วย
08:53
Most cochlear implant users cannot tell the difference between an instrument.
186
518000
3000
ผู้ทำศัลยกรรมประสาทหูส่วนใหญ่
ไม่สามารถบอกความแตกต่างของเสียงที่ใช้เครื่องดนตรีต่างชนิดได้
ไม่สามารถบอกความแตกต่างของเสียงที่ใช้เครื่องดนตรีต่างชนิดได้
08:56
If we could play these two sound clips in succession.
187
521000
2000
ถ้าเราเล่นทั้งสองคลิปเสียงต่อกัน
08:58
(Trumpet)
188
523000
2000
(เสียงทรัมเป็ต)
09:00
The trumpet.
189
525000
2000
ทรัมเป็ต
09:02
And the second one.
190
527000
2000
และอีกเสียงหนึ่ง
09:04
(Violin)
191
529000
1000
(เสียงไวโอลิน)
09:05
That's a violin.
192
530000
2000
นั่นคือเสียงไวโอลิน
09:07
These have similar wave forms. They're both sustained instruments.
193
532000
2000
รูปคลื่นของเสียงทั้งสองมีลักษณะคล้ายกัน
เครื่องดนตรีทั้งสองให้โน๊ตที่ยาวต่อเนื่อง (sustained instrument)
เครื่องดนตรีทั้งสองให้โน๊ตที่ยาวต่อเนื่อง (sustained instrument)
09:09
Cochlear implant users cannot tell the difference
194
534000
2000
ผู้ใช้ประสาทหูเทียมไม่สามารถบอกความแตกต่าง
09:11
between these instruments.
195
536000
2000
ระหว่างเครื่องดนตรีเหล่านี้ได้
09:13
The sound quality, or the sound of the sound
196
538000
2000
คุณภาพเสียง (sound quality) หรือเสียงของเสียง
09:15
is how I like to describe timbre, tone color --
197
540000
2000
ซึ่งผมชอบที่จะอธิบายด้วยลักษณะของน้ำเสียง โทนสีเสียง
09:17
they cannot tell these things whatsoever.
198
542000
2000
พวกเขาไม่สามารถบอกสิ่งเหล่านี้ได้ แต่อย่างใด
09:19
This implant is not transmitting
199
544000
3000
ประสาทหูเทียมนี้ไม่ได้ส่งผ่าน
09:22
the quality of music that usually provides things like warmth.
200
547000
3000
คุณภาพของเสียงดนตรี ที่มักจะให้ความระรื่นหู
09:25
Now if you look at the brain of an individual who has a cochlear implant
201
550000
3000
ตอนนี้ถ้าคุณพิจารณาที่สมองของบุคคลที่มีประสาทหูเทียมแต่ละคน
09:28
and you have them listen to speech,
202
553000
2000
และคุณให้พวกเขาฟังเสียงพูด
09:30
have them listen to rhythm and have them listen to melody,
203
555000
2000
ฟังจังหวะ และฟังทำนองเพลง
09:32
what you find is that the auditory cortex
204
557000
2000
สิ่งที่คุณพบคือสมองส่วนที่ทำหน้าที่รับรู้การได้ยิน (auditory cortex)
09:34
is the most active during speech.
205
559000
2000
จะเป็นส่วนที่ใช้งานมากระหว่างการฟังเสียงพูด
09:36
You would think that because these implants are optimized for speech,
206
561000
2000
คุณควรคิดได้ว่าเพราะประสาทหูเทียมเหล่านี้
เหมาะสำหรับการฟังเสียงพูดที่สุด
เหมาะสำหรับการฟังเสียงพูดที่สุด
09:38
they were designed for speech.
207
563000
2000
เนื่องจากพวกมันได้รับการออกแบบสำหรับการฟังเสียงพูด
09:40
But actually if you look at melody,
208
565000
2000
แต่ที่จริงแล้วถ้าคุณพิจารณาไปที่ทำนองเพลง
09:42
what you find is that there's very little cortical activity
209
567000
2000
สิ่งที่คุณพบคือสมองส่วนนี้จะตอบสนองน้อยมาก
09:44
in implant users compared with normal hearing controls.
210
569000
3000
ในผู้ใช้ประสาทหูเทียม เมื่อเปรียบเทียบกับ
การควบคุมการได้ยินปกติ
การควบคุมการได้ยินปกติ
09:47
So for whatever reason,
211
572000
2000
ดังนั้นไม่ว่าด้วยเหตุผลใด
09:49
this implant is not successfully stimulating auditory cortices
212
574000
3000
ประสาทหูเทียมนี้ไม่ได้ประสบความสำเร็จ
ในการกระตุ้นการได้ยิน
ในการกระตุ้นการได้ยิน
09:52
during melody perception.
213
577000
3000
ในขณะที่มีการรับรู้ทำนองเพลง
09:55
Now the next question is,
214
580000
2000
คำถามต่อไปคือ
09:57
well how does it really sound?
215
582000
2000
เสียงจริงๆ มันเป็นอย่างไรกัน
09:59
Now we've been doing some studies
216
584000
2000
ตอนนี้เราได้รับการทำการศึกษา
10:01
to really get a sense of what sound quality is like for these implant users.
217
586000
3000
เพื่อที่จะได้ทราบถึงคุณภาพเสียงที่
ผู้ใช้ประสาทหูเทียมได้รับจริงๆ
ผู้ใช้ประสาทหูเทียมได้รับจริงๆ
10:04
I'm going to play you two clips of Usher,
218
589000
2000
ฉันจะเล่นคลิปของ Usher สองคลิปให้พวกคุณฟัง
10:06
one which is normal
219
591000
2000
คลิปหนึ่งเป็นแบบปกติ
10:08
and one which has almost no high frequencies, almost no low frequencies
220
593000
2000
และอีกคลิปหนึ่งเป็นแบบที่เกือบไม่มีทั้งความถี่สูงและความถี่ต่ำ
10:10
and not even that many mid frequencies.
221
595000
2000
และไม่แม้แต่มีความถี่กลางมากนัก
10:12
Go ahead and play that.
222
597000
2000
เล่นเลยครับ
10:14
(Music)
223
599000
4000
(เสียงดนตรี)
10:18
(Limited Frequency Music)
224
603000
6000
(เสียงเพลงความถี่จำกัด )
10:24
I had patients tell me that those sound the same.
225
609000
3000
ผู้ป่วยบอกผมว่าเสียงเหล่านี้เหมือนกันหมด
10:27
They cannot differentiate sound quality differences
226
612000
3000
พวกเขาไม่สามารถแยกความแตกต่างคุณภาพเสียง
10:30
between those two clips.
227
615000
2000
ระหว่างทั้งสองคลิปได้
10:32
Again, we are very, very far away in just getting to where we want to get to.
228
617000
3000
ย้ำอีกครั้ง เรายังอยู่ไกลจากเป้าหมายที่เราต้องการมากๆ
10:35
Now the question comes to mind: Is there any hope?
229
620000
3000
ตอนนี้มาถึงคำถามที่อยู่ในใจคือ เราจะมีความหวังไหม
10:38
And yes, there is hope.
230
623000
2000
มีความหวังครับ
10:40
Now I don't know if anybody knows who this is.
231
625000
2000
ตอนนี้ผมไม่ทราบว่าใครรู้มั่งว่านี่คือใคร
10:42
This is ... does somebody know?
232
627000
2000
นี่คือ ... ใครทราบไหมครับ
10:44
This is Beethoven.
233
629000
3000
นี่คือเบโธเฟน
10:47
Now why would we know what Beethoven's skull looks like?
234
632000
3000
ทำไมเราว่า
กะโหลกศีรษะเบโธเฟนหน้าตาเป็นอย่างไร
กะโหลกศีรษะเบโธเฟนหน้าตาเป็นอย่างไร
10:50
Because his grave was exhumed.
235
635000
2000
เพราะหลุมฝังศพของเขาถูกขุดขึ้นมา
10:52
And it turns out that his temporal bones were harvested when he died
236
637000
3000
และมันกลายเป็นว่ากระดูกขมับของเขาถูกเอาไป
เมื่อเขาเสียชีวิต
เมื่อเขาเสียชีวิต
10:55
to try to look at the cause of his deafness,
237
640000
2000
เพื่อพยายามที่จะหาสาเหตุของอาการหูหนวกของเขา
10:57
which is why he has molding clay
238
642000
2000
ซึ่งเป็นเหตุผลที่เขามีดินปั้น
10:59
and his skull is bulging out on the side there.
239
644000
2000
และกะโหลกศีรษะของเขาโป่งออกมาที่ด้านนั้น
11:01
But Beethoven composed music
240
646000
2000
แต่เบโธเฟนแต่งเพลง
11:03
long after he lost his hearing.
241
648000
2000
เป็นเวลานานหลังจากที่เขาสูญเสียการได้ยินของเขา
11:05
What that suggests is that, even in the case of hearing loss,
242
650000
3000
สิ่งที่แสดงให้เห็นก็คือว่า แม้ในกรณีที่สูญเสียการได้ยิน
11:08
the capacity for music remains.
243
653000
2000
ความจำที่บรรจุเพลงยังคงเหลืออยู่
11:10
The brains remain hardwired for music.
244
655000
4000
สมองยังคงมีเส้นทางเดินสำหรับเพลง
11:14
I've been very lucky to work with Dr. David Ryugo
245
659000
2000
ผมโชคดีมากที่ได้ทำงานกับ
ดร. เดวิด รีอุโก (Dr. David Ryugo)
ดร. เดวิด รีอุโก (Dr. David Ryugo)
11:16
where I've been working on deaf cats that are white
246
661000
3000
ที่ผมเคยทำงานเกี่ยวกับแมวหูหนวก สีขาว
11:19
and trying to figure out what happens when we give them cochlear implants.
247
664000
3000
และพยายามที่จะศึกษาว่าเกิดอะไรขึ้น
เมื่อเราให้พวกเขามีประสาทหูเทียม
เมื่อเราให้พวกเขามีประสาทหูเทียม
11:22
This is a cat that's been trained to respond to a trumpet for food.
248
667000
4000
นี้เป็นแมวที่ได้รับการฝึก
เพื่อตอบสนองต่อเสียงทรัมเป็ตสำหรับอาหาร
เพื่อตอบสนองต่อเสียงทรัมเป็ตสำหรับอาหาร
11:27
(Music)
249
672000
12000
(เสียงดนตรี)
11:41
Text: Beethoven doesn't excite her.
250
686000
2000
ข้อความ: เบโธเฟนไม่ได้กระตุ้นมันให้สนใจ
11:44
(Music)
251
689000
11000
(เสียงดนตรี)
11:56
The "1812 Overture" isn't worth waking for.
252
701000
2000
"1812 Overture" ไม่สำคัญพอที่จะทำให้มันตื่น
12:01
(Trumpet)
253
706000
9000
(เสียงทรัมเป็ต)
12:11
But she jumps to action when called to duty!
254
716000
3000
แต่มันกระโดด และตอบสนองเมื่อมีการเรียกไปกินอาหาร
12:14
(Trumpet)
255
719000
4000
(เสียงทรัมเป็ต)
12:18
CL: Now I'm not suggesting
256
723000
2000
CL: ผมไม่ได้จะบอกว่า
12:20
that the cat is hearing that trumpet the way we're hearing it.
257
725000
3000
แมวจะได้ยินเสียงทรัมเป็ดเหมือนที่เราได้ยินมัน
12:23
I'm suggesting that with training
258
728000
2000
แต่ผมจะบอกว่าด้วยการฝึก
12:25
you can imbue a musical sound with significance,
259
730000
3000
คุณสามารถซึมซับเสียงดนตรีอย่างมีนัยสำคัญ
12:28
even in a cat.
260
733000
2000
แม้แต่ในแมว
12:30
If we were to direct efforts
261
735000
2000
ถ้าเราพยายาม
12:32
towards training cochlear implant users to hear music --
262
737000
3000
ฝึกผู้ใช้ประสาทหูเทียมให้ได้ยินเสียงดนตรีตรงๆ -
12:35
because right now there's virtually no effort put towards that,
263
740000
3000
เพราะตอนนี้ยังไม่มีความพยายามใดๆ
ที่จะทำให้เป้าหมายนั้นเป็นจริงได้
ที่จะทำให้เป้าหมายนั้นเป็นจริงได้
12:38
no rehabilitative strategies,
264
743000
2000
ไม่มีกลยุทธ์การฟื้นฟู
12:40
very little in the way of technological advances to actually improve music --
265
745000
3000
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
ที่จะพัฒนาการได้ยินเสียงดนตรีมีอยู่น้อยมาก
ที่จะพัฒนาการได้ยินเสียงดนตรีมีอยู่น้อยมาก
12:43
we would come a long way.
266
748000
2000
แม้ว่าเรามาได้ไกลแล้ว
12:45
Now I want to show you one last video.
267
750000
3000
ตอนนี้ผมต้องการแสดงวิดีโอล่าสุดคลิปหนึ่งให้คุณชม
12:48
And this is of a student of mine named Joseph
268
753000
2000
และนี่คือของนักเรียนของผมที่ชื่อโจเซฟ
12:50
who I had the good fortune to work with for three years in my lab.
269
755000
3000
ผู้ซึ่งผมโชคดีที่มีโอกาสร่วมงานด้วย
เป็นเวลาสามปีในห้องทดลองของผม
เป็นเวลาสามปีในห้องทดลองของผม
12:53
He's deaf, and he learned to play the piano
270
758000
3000
เขาหูหนวกและเขาได้เรียนการเล่นเปียโน
12:56
after he received the cochlear implant.
271
761000
2000
หลังจากที่เขาได้รับประสาทหูเทียม
12:58
And here's a video of Joseph.
272
763000
3000
และนี่คือวิดีโอของโจเซฟ
13:01
(Music)
273
766000
14000
(เสียงดนตรี )
13:45
(Video) Joseph: I was born in 1986.
274
810000
3000
โจเซฟ: ผมเกิดในปี 1986
13:48
And at about four months old,
275
813000
2000
พออายุประมาณสี่เดือน
13:50
I was diagnosed with profoundly severe hearing loss.
276
815000
2000
หมอก็วินิจฉัยว่า ผมสูญเสียการได้ยินอย่างรุนแรง
13:52
Not long after,
277
817000
2000
ไม่นานหลังจากนั้น
13:54
I was fitted with hearing aids.
278
819000
2000
ผมก็ติดเครื่องช่วยฟัง
13:56
But although these hearing aids
279
821000
2000
แต่ถึงแม้ว่าเครื่องช่วยฟังเหล่านี้
13:58
were the most powerful hearing aids on the market at the time,
280
823000
2000
มีประสิทธิภาพมากที่สุดในท้องตลาด ณ เวลานั้น
14:00
they weren't very helpful.
281
825000
2000
แต่พวกมันก็ช่วยผมได้ไม่มากนัก
14:02
So as a result, I had to rely on lip reading a lot,
282
827000
5000
ด้วยเหตุนี้ ผมจึงต้องพึ่งการอ่านริมฝีปากมาก
14:07
and I couldn't really hear what people were saying.
283
832000
2000
และผมก็ไม่สามารถได้ยินสิ่งที่คนพูดจริงๆ
14:09
When I was 12 years old,
284
834000
2000
เมื่อตอนที่ผมอายุ 12 ปี
14:11
I was one of the first few people in Singapore
285
836000
3000
ผมเป็นหนึ่งในไม่กี่คนแรกของสิงคโปร์
14:14
who underwent cochlear implantation.
286
839000
3000
ที่เข้ารับการปลูกถ่ายประสาทหูเทียม
14:17
And not long after I got my cochlear implant,
287
842000
4000
และไม่นานหลังจากที่ผมได้ประสาทหูเทียม
14:21
I started learning how to play piano.
288
846000
2000
ผมก็เริ่มเรียนรู้วิธีการเล่นเปียโน
14:23
And it was absolutely wonderful.
289
848000
2000
มันน่าอัศจรรย์มาก
14:25
Since then, I've never looked back.
290
850000
2000
ตั้งแต่นั้นมาผมก็ลืมเครื่องช่วยฟังไปเลย
14:27
CL: Joseph is phenomenal. He's brilliant.
291
852000
2000
ชาร์ลีส์: โจเซฟเป็นเด็กที่พิเศษมาก เขาเป็นเด็กฉลาด
14:29
He is now a medical student at Yale University,
292
854000
2000
ตอนนี้เขาเป็นนักเรียนแพทย์ที่มหาวิทยาลัยเยล
14:31
and he's contemplating a surgical career --
293
856000
2000
และเขาวางแผนจะเป็นศัลยแพทย์ -
14:33
one of the first deaf individuals to consider a career in surgery.
294
858000
3000
ซึ่งจะเป็นคนหูหนวกคนแรกที่ต้องการจะเป็นหมอผ่าตัด
14:36
There are almost no deaf surgeons anywhere.
295
861000
3000
ซึ่งเกือบไม่มีศัลยแพทย์หูหนวกที่ใดเลย
14:39
And this is really unheard of stuff, and this is all because of this technology.
296
864000
3000
และนี่คือสิ่งที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เพราะเทคโนโลยีนี้
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เพราะเทคโนโลยีนี้
14:42
And the fact that he can play the piano like that
297
867000
2000
และการที่เขาสามารถเล่นเปียโนอย่างนั้นได้
14:44
is a testament to his brain.
298
869000
2000
ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงสมองของเขา
14:46
Truth of the matter is you can play the piano without a cochlear implant,
299
871000
3000
ความจริงคือคุณสามารถเล่นเปียโนได้โดย
ไม่ต้องฝังประสาทหูเทียม
ไม่ต้องฝังประสาทหูเทียม
14:49
because all you have to do is press the keys at the right time.
300
874000
2000
เพราะสิ่งที่คุณต้องทำทั้งหมดก็คือ
การกดแป้นเปียโนให้ถูกจังหวะ
การกดแป้นเปียโนให้ถูกจังหวะ
14:51
You don't actually have to hear it.
301
876000
2000
คุณไม่จำเป็นต้องได้ยินมันจริงๆ
14:53
I know he doesn't hear well, because I've heard him do Karaoke.
302
878000
3000
ผมรู้ว่าเขาได้ยินเสียงไม่ดีนัก
เพราะผมเคยได้ยินเขาร้องคาราโอเกะ
เพราะผมเคยได้ยินเขาร้องคาราโอเกะ
14:56
(Laughter)
303
881000
2000
(หัวเราะ)
14:58
And it's one of the most awful things --
304
883000
3000
และมันเป็นหนึ่งในสิ่งที่แย่ที่สุดอย่างหนึ่ง -
15:01
heartwarming, but awful.
305
886000
2000
มันน่าพอใจ แต่ก็ยังแย่อยู่
15:03
(Laughter)
306
888000
2000
(หัวเราะ)
15:05
And so there is certainly a lot of hope,
307
890000
2000
และมันก็ยังมีความหวังอยู่มาก
15:07
but there's a lot more that needs to be done.
308
892000
2000
แต่ก็ยังมีอะไรต้องทำอีกเยอะเหมือนกัน
15:09
So I just want to conclude with the following words.
309
894000
2000
ดังนั้นผมต้องการที่จะสรุปว่า
15:11
When it comes to restoration of hearing,
310
896000
2000
เมื่อกล่าวถึงการฟื้นฟูการได้ยิน
15:13
we have certainly come a long way, a remarkably long way.
311
898000
3000
เรามาได้ไกล และไกลอย่างมีนัยยะ
15:16
And we have a much longer way to go
312
901000
3000
แต่เราก็มีทางอีกไกลที่ต้องเดิน
15:19
when it comes to the idea of restoring perfect hearing.
313
904000
2000
ไปยังจุดที่มีแนวคิดที่ต้องการจะฟื้นฟูการได้ยินที่สมบูรณ์แบบ
15:21
And let me tell you right now,
314
906000
2000
และให้ผมบอกคุณตอนนี้ได้เลยว่า
15:23
it's fine that we would all be very happy with speech.
315
908000
2000
มันดีแล้วที่เราทุกคนจะมีความสุขมากกับการได้ยินเสียงพูด
15:25
But I tell you, if we lost our hearing,
316
910000
2000
ถ้าเราสูญเสียการได้ยินของเรา
15:27
if anyone here suddenly lost your hearing,
317
912000
2000
ถ้าใครซักคนในที่นี่สูญเสียการได้ยินของคุณอย่างกระทันหัน
15:29
you would want perfect hearing back.
318
914000
2000
คุณคงต้องการได้ยินที่สมบูรณ์แบบกลับมา
15:31
You wouldn't want decent hearing, you would want perfect hearing.
319
916000
3000
คุณจะไม่ต้องการได้ยินแค่เสียง
แต่คุณคงต้องการการได้ยินที่สมบูรณ์แบบ
แต่คุณคงต้องการการได้ยินที่สมบูรณ์แบบ
15:34
Restoration of basic sensory function is critical.
320
919000
3000
การฟื้นฟูการทำงานของระบบประสาทพื้นฐานเป็นสิ่งสำคัญ
15:37
And I don't mean to understate
321
922000
2000
และผมไม่ได้อยากจะลดค่า
15:39
how important it is to restore basic function.
322
924000
2000
ความสำคัญของการฟื้นฟูการทำงานพื้นฐาน
15:41
But it's really restoration of the ability to perceive beauty
323
926000
3000
แต่การฟื้นฟูความสามารถ
ในการรับรู้ที่ทำให้เกิดความงดงามของประสาทสัมผัส
ในการรับรู้ที่ทำให้เกิดความงดงามของประสาทสัมผัส
15:44
where we can get inspiring.
324
929000
2000
จะทำให้เราเกิดแรงบันดาลใจ
15:46
And I don't think that we should give up on beauty.
325
931000
2000
และผมไม่คิดว่าเราควรจะยอมพ่ายแพ้ต่อการให้ได้มาซึ่งความงดงามนี้
15:48
And I want to thank you for your time.
326
933000
2000
ผมขอบคุณที่พวกคุณสละเวลาให้ครับ
15:50
(Applause)
327
935000
3000
(ปรบมือ)
ABOUT THE SPEAKER
Charles Limb - ResearcherCharles Limb is a doctor and a musician who researches the way musical creativity works in the brain.
Why you should listen
Charles Limb is the Francis A. Sooy, MD Professor and Chief of Otology/Neurotology and Skull Base Surgery at the University of California, San Francisco, and he's a Faculty Member at the Peabody Conservatory of Music. He combines his two passions to study the way the brain creates and perceives music. He's a hearing specialist and surgeon at Johns Hopkins who performs cochlear implantations on patients who have lost their hearing. And he plays sax, piano and bass.
In search of a better understanding of how the mind perceives complex auditory stimuli such as music, he's been working with Allen Braun to look at the brains of improvising musicians and study what parts of the brain are involved in the kind of deep creativity that happens when a musician is really in the groove.
Read our Q&A about hip-hop studies with Charles Limb on the TED Blog >>
Plus our quick catchup Q&A at TEDMED 2011 -- including his top 5 songs of all time >>
Read the 2014 paper "Neural Substrates of Interactive Musical Improvisation: An fMRI Study of ‘Trading Fours’ in Jazz" >>
Charles Limb | Speaker | TED.com