TEDxBeaconStreet
Tyler DeWitt: Hey science teachers -- make it fun
ไทเลอร์ ดีวิท (Tyler DeWitt): เฮ่ ครูวิทยาศาสตร์ -- สนุกหน่อย
Filmed:
Readability: 3.9
1,826,726 views
ครูวิทยาศาสตร์มัธยม ไทเลอร์ ดีวิท เป็นปลื้มกับแผนการสอนเรื่องแบคทีเรีย (ว้าว เจ๋ง) และรู้สึกห่อเหี่ยวหมดหวังเมื่อนักเรียนของเขาเกลียดมัน ปัญหาก็คือตำราเรียน มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะอ่านเพื่อทำความเข้าใจ เขาได้ประกาศร้องเรียกให้ครูวิทยาศาสตร์ทั้งหายทิ้งศัพท์เฉพาะและความถูกต้องแม่นยำที่แสนสุดโต่ง และหันมาทำให้วิทยาศาสตร์ขับขานผ่านเรื่องราวและการแสดงสาธิต (ถ่ายทำที่ TEDxBeaconStreet.)
Tyler DeWitt - Science enthusiast
Tyler DeWitt recognizes that textbooks are not the way to get young people interested in science. Instead, he teaches science by making it fun and fantastical. Full bio
Tyler DeWitt recognizes that textbooks are not the way to get young people interested in science. Instead, he teaches science by making it fun and fantastical. Full bio
Double-click the English transcript below to play the video.
00:16
Let me tell you a story.
0
779
1856
ผมจะเล่าอะไรให้ฟังนะครับ
00:18
It's my first year as a new high school science teacher,
1
2635
4104
ปีแรกที่ผมเป็นครูมัธยมสอนวิชาวิทยาศาสตร์
00:22
and I'm so eager.
2
6739
1320
และผมก็กระตือรือล้นมาก
00:23
I'm so excited, I'm pouring myself into my lesson plans.
3
8059
4200
ผมตื่นเต้น ผมทุ่มให้กับการวางแผนการสอนอย่างสุดตัว
00:28
But I'm slowly coming to this horrifying realization
4
12259
5152
แต่ผมก็ค่อยๆรู้สึกถึงความจริงอันน่าตกใจ
00:33
that my students just might not be learning anything.
5
17411
5032
ว่านักเรียนของผมอาจจะไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย
00:38
This happens one day:
6
22443
2704
วันหนึ่ง สิ่งนี้เกิดขึ้น
00:41
I'd just assigned my class to read this textbook chapter
7
25147
3214
ผมเพิ่งสั่งการบ้านให้เด็กๆอ่านหนังสือเรียนบทหนึ่ง
00:44
about my favorite subject in all of biology:
8
28361
3458
เกี่ยวกับเรื่องที่ผมชอบที่สุดในวิชาชีววิทยา
00:47
viruses and how they attack.
9
31819
3472
ไวรัส และการเข้าโจมตีเซลล์
00:51
And so I'm so excited to discuss this with them,
10
35291
2386
ผมก็ตื่นเต้นมาก
ที่จะได้แลกเปลี่ยนความคิดกับเด็กๆ
ที่จะได้แลกเปลี่ยนความคิดกับเด็กๆ
00:53
and I come in and I say, "Can somebody please explain
11
37677
3464
ผมเข้ามาแล้วก็ถามว่า
"ไหน ใครอธิบายได้บ้างครับ
"ไหน ใครอธิบายได้บ้างครับ
00:57
the main ideas and why this is so cool?"
12
41141
4009
ประเด็นหลักคืออะไร แล้วทำไมมันถึงเจ๋ง"
01:01
There's silence.
13
45150
2631
ห้องเรียนเงียบเชียบ
01:03
Finally, my favorite student, she looks me straight in the eye,
14
47781
4273
ในที่สุด นักเรียนคนโปรดของผมก็มองตาผม
01:07
and she says, "The reading sucked."
15
52054
3543
และพูดว่า "มันห่วยมากเลยครู"
01:11
And then she clarified. She said, "You know what,
16
55597
3528
และเธอก็ได้อธิบายว่า "ครูรู้ไม๊คะ"
01:15
I don't mean that it sucks. It means that I didn't understand a word of it.
17
59125
3929
หนูไม่ได้หมายถึงการอ่านมันแย่นะ แต่หนูหมายความว่า
หนูอ่านแล้วไม่เห็นเข้าใจอะไรเลย
หนูอ่านแล้วไม่เห็นเข้าใจอะไรเลย
01:18
It's boring. Um, who cares, and it sucks."
18
63054
4375
มันน่าเบื่อ อืม ใครจะไปสน มันสุดห่วยเลย"
01:23
These sympathetic smiles
19
67429
4044
รอยยิ้มที่แสดงความเห็นใจนี้
01:27
spread all throughout the room now,
20
71473
2405
ขณะนี้ได้แพร่กระจายไปรอบห้อง
01:29
and I realize that all of my other students are in the same boat,
21
73878
4639
และผมก็รู้ว่านักเรียนคนอื่นๆของผม
ก็เหมือนอยู่ในเรือลำเดียวกัน
ก็เหมือนอยู่ในเรือลำเดียวกัน
01:34
that maybe they took notes or they memorized definitions from the textbook,
22
78517
3912
ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า พวกเขาจดบันทึก
หรือจดจำนิยามต่างๆจากหนังสือเรียน
หรือจดจำนิยามต่างๆจากหนังสือเรียน
01:38
but not one of them really understood the main ideas.
23
82429
5403
แต่ไม่มีใครเลยที่เข้าใจจริงๆถึงประเด็นหลัก
01:43
Not one of them can tell me why this stuff is so cool,
24
87832
2733
ไม่มีใครเลยที่บอกผมได้ว่า
ทำไมสิ่งนี้มันถึงน่าสนใจมาก
ทำไมสิ่งนี้มันถึงน่าสนใจมาก
01:46
why it's so important.
25
90565
2358
ทำไมมันถึงสำคัญมาก
01:48
I'm totally clueless.
26
92923
2962
ผมหมดไปต่อไม่ถูกเลยครับ
01:51
I have no idea what to do next.
27
95885
3264
หมดปัญญาไม่รู้จะทำยังไงต่อเลย
01:55
So the only thing I can think of is say,
28
99149
2464
อย่างเดียวที่ผมคิดได้คือพูดไปว่า
01:57
"Listen. Let me tell you a story.
29
101613
4192
"ฟังนะ เดี๋ยวเล่าอะไรให้ฟัง
02:01
The main characters in the story are bacteria and viruses.
30
105805
6208
ตัวละครหลักในเรื่องนี้คือแบคทีเรียและไวรัส
02:07
These guys are blown up a couple million times.
31
112013
3168
เจ้าพวกนี้ถูกขยายขึ้นสักสองสามล้านเท่า
02:11
The real bacteria and viruses are so small
32
115181
3057
แบคทีเรียกับไวรัสตัวจริงหน่ะเล็กมาก
02:14
we can't see them without a microscope,
33
118238
2832
เรามองไม่เห็นพวกมันหรอก ถ้าไม่มีกล้องจุลทรรศน์
02:16
and you guys might know bacteria and viruses
34
121070
1704
และพวกคุณน่าจะรู้จักแบคทีเรียกับไวรัส
02:18
because they both make us sick.
35
122774
2591
เพราะพวกมันทำให้เราป่วย
02:21
But what a lot of people don't know is that viruses
36
125365
3520
แต่ที่หลายๆคนไม่รู้ก็คือ
02:24
can also make bacteria sick."
37
128885
2880
ไวรัสสามารถทำให้แบคทีเรียป่วยได้ด้วย"
02:27
Now, the story that I start telling my kids,
38
131765
2152
ทีนี้ เรื่องที่ผมเริ่มเล่าให้เด็กๆฟัง
02:29
it starts out like a horror story.
39
133917
4624
มันเริ่มต้นเหมือนกับนิยายสยองขวัญ
02:34
Once upon a time there's this happy little bacterium.
40
138541
3363
กาลครั้งหนึ่ง มีแบคทีเรียน้อย ผู้มีความสุขตัวหนึ่ง
02:37
Don't get too attached to him.
41
141904
2285
อย่าไปใกล้เชิดผูกพันอะไรกับเขามากนะ
02:40
Maybe he's floating around in your stomach
42
144189
4136
บางที เขาก็ล่องลอยอยู่ในกระเพาะคุณ
02:44
or in some spoiled food somewhere,
43
148325
1808
หรือไม่่ก็อยู่บนอาหารบูดๆสักแห่ง
02:46
and all of a sudden he starts to not feel so good.
44
150133
4080
และทันใดนั้นเอง เขาก็รู้สึกไม่ค่อยจะดี
02:50
Maybe he ate something bad for lunch,
45
154213
2057
บางที เขาคงกินอะไรผิดสำแดงไปเมื่อเที่ยง
02:52
and then things get really horrible,
46
156270
2847
และสถานการณ์ก็เริ่มน่ากลัวขนลุก
02:55
as his skin rips apart, and he sees a virus
47
159117
2872
พอหนังของเขาฉีกออกจากกัน
และเขาเห็นไวรัส
และเขาเห็นไวรัส
02:57
coming out from his insides.
48
161989
2136
ออกมาจากข้างในเขา
03:00
And then it gets horrible
49
164125
3184
และมันก็สุดสยอง
03:03
when he bursts open and an army of viruses
50
167309
3024
เมื่อเขาระเบิดออกและกองทัพไวรัส
03:06
floods out from his insides.
51
170333
3081
ก็พรั่งพรูออกมาจากข้างใน
03:09
If -- Ouch is right! --
52
173414
3183
โอ้ย เจ็บๆ
03:12
If you see this, and you're a bacterium,
53
176597
3217
ถ้าคุณเห็นภาพนี้ แล้วคุณเป็นแบคทีเรีย
03:15
this is like your worst nightmare.
54
179814
3215
นี่เป็นเหมือนกับที่สุดของฝันร้าย
03:18
But if you're a virus and you see this,
55
183029
2617
แต่ถ้าคุณเป็นไวรัสและคุณเห็นภาพเดียวกัน
03:21
you cross those little legs of yours and you think,
56
185646
2391
คุณก็คงจะไขว้ขาเล็กๆของคุณ แล้วคิดว่า
03:23
"We rock."
57
188037
2560
"พวกข้าเทพ"
03:26
Because it took a lot of crafty work to infect this bacterium.
58
190597
4784
เพราะว่ามันต้องใช้ฝีมืออย่างมาก
ถึงจะบุกแบคทีเรียนี้ได้
ถึงจะบุกแบคทีเรียนี้ได้
03:31
Here's what had to happen.
59
195381
2313
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น
03:33
A virus grabbed onto a bacterium
60
197694
3119
ไวรัสเกาะจับบนแบคทีเรีย
03:36
and it slipped its DNA into it.
61
200813
3697
และมันก็สอดดีเอ็นเอของมันเข้าไป
03:40
The next thing is, that virus DNA made stuff
62
204510
3031
ถัดไป ดีเอ็นเอของไวรัสก็สร้างสิ่งหนึ่ง
03:43
that chopped up the bacteria DNA.
63
207541
4144
ที่ไปสับดีเอ็นเอของแบคทีเรีย
03:47
And now that we've gotten rid of the bacteria DNA,
64
211685
2888
และทีนี้ เราก็กำจัดดีเอ็นเอของแบคทีเรียออกไป
03:50
the virus DNA takes control of the cell
65
214573
4207
ดีเอ็นเอของไวรัสเข้าควบคุมเซลล์
03:54
and it tells it to start making more viruses.
66
218780
3993
และมันสั่งเซลล์ให้สร้างไวรัสเพิ่มขึ้น
03:58
Because, you see, DNA is like a blueprint
67
222773
3712
โดยเหตุนั้ จะเห็นว่า ดีเอ็นเอเป็นเหมือนพิมพ์เขียว
04:02
that tells living things what to make.
68
226485
3224
ที่บอกสิ่งมีชีวิตว่าให้สร้างอะไร
04:05
So this is kind of like going into a car factory
69
229709
3232
มันเป็นเหมือนกับเข้าไปในโรงงานรถยนต์
04:08
and replacing the blueprints with blueprints for killer robots.
70
232941
6056
และเปลี่ยนพิมพ์เขียวเดิม
เป็นพิมพ์เขียวสำหรับหุ่นยนต์สังหาร
เป็นพิมพ์เขียวสำหรับหุ่นยนต์สังหาร
04:14
The workers still come the next day, they do their job,
71
238997
2976
คนงานก็ยังมาเข้างาน พวกมันก็ทำงานไป
04:17
but they're following different instructions.
72
241973
3225
แต่พวกมันทำตามคำสั่งที่แตกต่างจากเดิม
04:21
So replacing the bacteria DNA with virus DNA
73
245198
3295
ดังนั้น การเปลี่ยนดีเอ็นเอของแบคทีเรีย
ด้วยดีเอ็นเอของไวรัส
ด้วยดีเอ็นเอของไวรัส
04:24
turns the bacteria into a factory for making viruses --
74
248493
5528
เปลี่ยนแบคทีเรียไปเป็นโรงงานสำหรับผลิตไวรัส
04:29
that is, until it's so filled with viruses that it bursts.
75
254021
3904
จนกระทั่งมันเต็มไปด้วยไวรัส จนต้องระเบิดออก
04:33
But that's not the only way that viruses infect bacteria.
76
257925
4900
แต่นั่นไม่ใช่แค่วิธีเดียวที่ไวรัสบุกเข้าแบคทีเรีย
04:38
Some are much more crafty.
77
262825
6166
บางชนิดมันใช้ฝีมือยิ่งกว่านี้
04:44
When a secret agent virus infects a bacterium,
78
268991
3846
เมื่อเจ้าไวรัสสายลับบุกเข้าเชื้อแบคทีเรีย
04:48
they do a little espionage.
79
272837
3000
พวกมันก็ก่อจารกรรมเล็กๆ
04:51
Here, this cloaked, secret agent virus is slipping his DNA into the bacterial cell,
80
275837
7272
เจ้าสายลับไวรัสในเสื้อคลุม
สอดดีเอ็นเอของเขาเข้าไปในเซลล์แบคทีเรีย
สอดดีเอ็นเอของเขาเข้าไปในเซลล์แบคทีเรีย
04:59
but here's the kicker: It doesn't do anything harmful -- not at first.
81
283109
5733
ทีนี้ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือ
มันไม่ได้ทำอะไรร้ายแรง -- ในตอนแรก
มันไม่ได้ทำอะไรร้ายแรง -- ในตอนแรก
05:04
Instead, it silently slips into the bacteria's own DNA,
82
288842
5400
แต่ว่า อย่างเงียบๆ
มันสอดดีเอ็นเอเข้าไปในดีเอ็นเอของแบคทีเรีย
มันสอดดีเอ็นเอเข้าไปในดีเอ็นเอของแบคทีเรีย
05:10
and it just stays there like a terrorist sleeper cell,
83
294242
4632
มันก็อยู่อย่างนั้น
เหมือนกับเป็นผู้ก่อการร้าย ที่หลับอยู่ในเซลล์
เหมือนกับเป็นผู้ก่อการร้าย ที่หลับอยู่ในเซลล์
05:14
waiting for instructions.
84
298874
3025
รอการรับคำสั่ง
05:17
And what's interesting about this is now whenever this bacteria has babies,
85
301899
5871
ทีนี้ ที่น่าสนใจคือตอนที่แบคทีเรียมีลูก
05:23
the babies also have the virus DNA in them.
86
307770
5424
ลูกๆพวกนี้ก็จะมีดีเอ็นเอไวรัสอยู่ด้วย
05:29
So now we have a whole extended bacteria family,
87
313194
3767
ทีนี้เราก็มีครอบครัวแบคทีเรียขนาดใหญ่
05:32
filled with virus sleeper cells.
88
316961
4145
ภายในบรรจุไปด้วยไวรัสที่แอบหลับอยู่
05:37
They're just happily living together until a signal happens
89
321106
4639
พวกมันก็อยู่ด้วยกันดีจนกระทั่งมีสัญญาณเข้ามา
05:41
and -- BAM! -- all of the DNA pops out.
90
325745
4032
และ-- ตู้ม-- ดีเอ็นเอทั้งหมดกระเด็นออกมา
05:45
It takes control of these cells, turns them into virus-making factories,
91
329777
4072
มันเข้าควบคุมเซลล์พวกนี้
เปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นโรงงานผลิตไวรัส
เปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นโรงงานผลิตไวรัส
05:49
and they all burst,
92
333849
1976
และพวกมันก็ระเบิดออก
05:51
a huge, extended bacteria family,
93
335825
2376
ครอบครัวแบคทีเรียครอบครัวใหญ่
05:54
all dying with viruses spilling out of their guts,
94
338201
3383
ตายกันหมดเพราะว่าไวรัสไหลพรั่งพรูออกมาจากตัวมัน
05:57
the viruses taking over the bacterium.
95
341584
4990
ไวรัสเข้ายึดครองแบคทีเรีย
06:02
So now you understand how viruses can attack cells.
96
346574
3979
ทีนี้ เราก็เข้าใจแล้วว่า ไวรัสสามารถฆ่าเซลล์ได้
06:06
There are two ways: On the left is what we call the lytic way,
97
350553
4368
มันมีสองวิธี ทางซ้ายมือนี้ เราเรียกว่า แบบไลติก
06:10
where the viruses go right in and take over the cells.
98
354921
4270
ซึ่งไวรัสจะบุกเข้าไปข้างในและยึดครองเซลล์
06:15
On the [right] is the lysogenic way
99
359191
2762
ส่วนทางขวา คือ แบบไลโซจีนิค
06:17
that uses secret agent viruses.
100
361953
3337
ซึ่งแบบนี้จะใช้ไวรัสสายลับ
06:21
So this stuff is not that hard, right?
101
365290
2767
ไงครับ ไม่เห็นยากเลยใช่ไหมครับ
06:23
And now all of you understand it.
102
368057
2016
และตอนนี้คุณก็เข้าใจกันทุกคน
06:25
But if you've graduated from high school,
103
370073
1768
แต่ถ้าคุณเคยจบจากโรงเรียนมัธยมหล่ะก็
06:27
I can almost guarantee you've seen this information before.
104
371841
3408
ผมขอยืนยันเลยว่า คุณเคยเห็นบทเรียนนี้มาก่อนแล้วครับ
06:31
But I bet it was presented in a way
105
375249
2784
แต่ผมพนันได้เลยว่า
06:33
that it didn't exactly stick in your mind.
106
378033
4086
คุณเห็นมันในรูปแบบที่ไม่ติดอยู่ในความทรงจำ
06:38
So when my students were first learning this,
107
382119
2690
ฉะนั้นเมื่อนักเรียนของผมเรียนทีแรก
06:40
why did they hate it so much?
108
384809
2920
ทำไมพวกเขาเกลียดมันนัก
06:43
Well, there were a couple of reasons.
109
387729
1987
มันคงมีอยู่สองสามสาเหตุ
06:45
First of all, I can guarantee you that their textbooks
110
389716
3345
อย่างแรกเลย หนังสือเรียนของพวกเด็กๆ
06:48
didn't have secret agent viruses, and they didn't have horror stories.
111
393061
5242
คงจะไม่มีไวรัสสายลับ และก็ไม่มีนิทานเขย่าขวัญ
06:54
You know, in the communication of science
112
398303
2837
คุณทราบไหมครับ
การสื่อสารทางวิทยาศาสตร์เนี่ย
การสื่อสารทางวิทยาศาสตร์เนี่ย
06:57
there is this obsession with seriousness.
113
401140
4254
ชอบยึดติดอยู่กับอะไรเครียดๆ
07:01
It kills me. I'm not kidding.
114
405394
1890
ให้ตายสิ ผมไม่ได้ล้อเล่นนะ
07:03
I used to work for an educational publisher,
115
407284
2312
ผมเคยทำงานให้กับสำนักพิมพ์เพื่อการศึกษา
07:05
and as a writer, I was always told never to use stories
116
409596
3745
และในฐานะนักเขียน ผมถูกบอกเสมอว่า
07:09
or fun, engaging language,
117
413341
1839
อย่าใช้นิทาน เรื่องสนุกๆ หรือภาษาที่ดึงดูดใจ
07:11
because then my work might not be viewed
118
415180
2240
มิฉะนั้น งานของผมจะถูกมองว่า
07:13
as "serious" and "scientific."
119
417420
3288
มันไม่ "จริงจัง" และ "เป็นวิทยาศาสตร์"
07:16
Right? I mean, because God forbid somebody have fun
120
420708
2776
ใช่ไหมครับ แบบว่า พระเจ้าคงสั่งห้ามว่า
07:19
when they're learning science.
121
423484
2192
ห้ามสนุก ถ้าจะเรียนวิทยาศาสตร์
07:21
So we have this field of science that's all about slime,
122
425676
4703
เรามีศาสตร์แห่งความรู้ที่เกี่ยวข้องกับอะไรหนืดๆ
07:26
and color changes. Check this out.
123
430379
4028
และมีการเปลี่ยนสี
ดูนี่สิ
ดูนี่สิ
07:39
And then we have, of course, as any good scientist has to have,
124
443700
4952
และแน่นอน สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ที่ดีพึงมี
07:44
explosions!
125
448652
3442
ระเบิด
07:47
But if a textbook seems too much fun,
126
452094
4150
แต่ถ้าตำราเรียนออกจะสนุกมากไป
07:52
it's somehow unscientific.
127
456244
3752
มันจะกลายเป็นว่ามันไม่เป็นวิทยาศาสตร์
07:55
Now another problem was that
128
459996
3856
ทีนี้ อีกปัญหาหนึ่งก็คือ
07:59
the language in their textbook was truly incomprehensible.
129
463852
5640
ภาษาในตำราพวกนี้ มันอ่านไม่เข้าใจเลยจริงๆ
08:05
If we want to summarize that story that I told you earlier,
130
469492
2689
ถ้าเราต้องการที่จะสรุปเรื่องที่ผมเล่าให้คุณฟังก่อนหน้านี้
08:08
we could start by saying something like,
131
472181
1319
เราอาจจะเริ่มต้นโดยบอกว่า
08:09
"These viruses make copies of themselves
132
473500
2378
"ไวรัสพวกนี้สร้างสำเนาของพวกมัน
08:11
by slipping their DNA into a bacterium."
133
475878
2742
โดยสอดดีเอ็นเอของพวกมันเข้าไปในแบคทีเรีย"
08:14
The way this showed up in the textbook, it looked like this:
134
478620
3441
แต่ถ้าเป็นในหนังสือเรียน มันจะออกมาเป็นแบบนี้
08:17
"Bacteriophage replication is initiated
135
482061
3295
"กระบวนการเพิ่มจำนวนของแบคทีรีโอฟาร์จเริ่มขึ้น
08:21
through the introduction of viral nucleic acid
136
485356
3067
เมื่อกรดนิวคลีอิกของไวรัสถูกนำเข้ามา
08:24
into a bacterium."
137
488423
2542
ยังแบคทีเรีย"
08:26
That's great, perfect for 13-year-olds.
138
490965
4695
เยี่ยมไปเลย นี่สำหรับเด็กสิบสามขวบนะเนี่ย
08:31
But here's the thing. There are plenty of people
139
495660
2640
แต่ประเด็นมีอยู่ว่า มีคนมากมาย
08:34
in science education who would look at this and say there's no way
140
498300
3207
ที่อยู่ในวงการการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์
ที่ดูตำราพวกนี้แล้วบอกว่า
ที่ดูตำราพวกนี้แล้วบอกว่า
08:37
that we could ever give that to students,
141
501507
2945
เราไม่มีทางจะเอาไปให้เด็กนักเรียนทั้งอย่างนี้แน่
08:40
because it contains some language that isn't completely accurate.
142
504452
4920
เพราะว่ามันมีภาษาที่ใช้ไม่ค่อยจะถูกต้องเท่าไร
08:45
For example, I told you that viruses have DNA.
143
509372
2456
ยกตัวอย่าง ผมบอกคุณว่าไวรัสมีดีเอ็นเอ
08:47
Well, a very tiny fraction of them don't.
144
511828
3129
อืม มีกลุ่มเล็กๆของพวกมันที่ไม่ใช่
08:50
They have something called RNA instead.
145
514957
2415
พวกมันมีสิ่งที่เรียกว่า อาร์เอ็นเอ แทน
08:53
So a professional science writer would circle that
146
517372
2352
ฉะนั้น นักเขียนวิทยาศาสตร์มืออาชีพก็จะวงกลมตรงนั้น
08:55
and say, "That has to go.
147
519724
1146
แล้วบอกว่า "เอาออกไป
08:56
We have to change it to something much more technical."
148
520870
2150
เราต้องเปลี่ยนไปใช้ศัพท์ที่มันเฉพาะทางมากกว่านี้
08:58
And after a team of professional science editors
149
523020
2566
และหลังจากที่คณะบรรณาธิการวิทยาศาสตร์มืออาชีพ
09:01
went over this really simple explanation,
150
525586
3666
ตรวจดูคำอธิบายง่ายๆนี้อย่างถี่ถ้วน
09:05
they'd find fault with almost every word I've used,
151
529252
4944
พวกเขาจะพบข้อผิดพลาดไปเสียเกีบทุกคำที่เราใช้
09:10
and they'd have to change anything that wasn't serious enough,
152
534196
2368
และเขาก็จะต้องเปลี่ยนอะไรที่มันไม่ยังเครียดพอ
09:12
and they'd have to change everything
153
536564
1768
และเขาก็จะต้องเปลี่ยนทุกอย่าง
09:14
that wasn't 100 percent perfect.
154
538332
3776
ที่มันไม่สมบูรณ์ 100%
09:18
Then it would be accurate,
155
542108
1816
ทีนี้แหละ มันค่อยถูกต้อง
09:19
but it would be completely impossible to understand.
156
543924
5136
แต่กลายเป็นว่ามันไม่สามารถที่จะเข้าใจได้เลย
09:24
This is horrifying.
157
549060
2192
น่ากลัวเนอะ
09:27
You know, I keep talking about this idea
158
551252
1992
คุณรู้ไหม ผมพยายามที่จะพูดเกี่ยวกับความคิดนี้
09:29
of telling a story,
159
553244
2544
เกี่ยวกับการเล่าเรื่อง
09:31
and it's like science communication has taken on this idea
160
555788
5127
และมันก็เหมือนว่า
การสื่อสารทางวิทยาศาสตร์ได้รับเอาความคิดนี้ไป
การสื่อสารทางวิทยาศาสตร์ได้รับเอาความคิดนี้ไป
09:36
of what I call the tyranny of precision,
161
560915
2977
คติที่ผมเรียกว่า จอมทรราชแห่งความเที่ยงตรง
09:39
where you can't just tell a story.
162
563892
1920
ซึ่งหมายความว่า
คุณไม่สามารถแค่จะเล่าเรื่องได้
คุณไม่สามารถแค่จะเล่าเรื่องได้
09:41
It's like science has become that horrible storyteller
163
565812
4948
มันเหมือนกับว่า วิทยาศาสตร์กลายเป็นนักเล่านิทานสุดแย่
09:46
that we all know, who gives us all the details nobody cares about,
164
570760
3420
ที่พวกเราทุกคนรู้จัก
เป็นเหมือนคนที่ชอบเล่ารายละเอียดที่ไม่มีใครสนใจ
เป็นเหมือนคนที่ชอบเล่ารายละเอียดที่ไม่มีใครสนใจ
09:50
where you're like, "Oh, I met my friend for lunch the other day,
165
574180
3944
เหมือนกับคุณพูดว่า
"โอ้ ฉันนัดเพื่อนไปกินข้าวเที่ยงกันวันนั้น
"โอ้ ฉันนัดเพื่อนไปกินข้าวเที่ยงกันวันนั้น
09:54
and she was wearing these ugly jeans.
166
578124
1936
และเธอก็ใส่กางเกงยีนส์น่าเกลียด
09:55
I mean, they weren't really jeans, they were more kind of, like, leggings,
167
580060
2624
แบบว่าไม่ใช่ยีนส์จริงๆนะ แบบว่าคล้ายๆ แลกกิ้่งมากกว่า
09:58
but, like, I guess they're actually kind of more like jeggings,
168
582684
2520
แต่ฉันว่าจริงๆมันออกจะเหมือน เจ๊กจิ้ง มากกว่า
10:01
like, but I think — " and you're just like, "Oh my God.
169
585204
2784
แบบว่า ฉันคิดว่า -"
แล้วคุณก็จะคิดว่า "โอ้ย พระเจ้าช่วย
แล้วคุณก็จะคิดว่า "โอ้ย พระเจ้าช่วย
10:03
What is the point?"
170
587988
2594
เล่ามาทำไมเนี่ย"
10:06
Or even worse, science education is becoming
171
590582
4036
หรือแย่ไปกว่านั่น การเรียนการสอนทางวิทยาศาสตร์
10:10
like that guy who always says, "Actually."
172
594618
3506
ก็เหมือนตาคนที่พูดว่า "เออ จริงๆแล้วนะ"
10:14
Right? You want to be like, "Oh, dude,
173
598124
3080
ใช่ไหมครับ คุณก็จะเป็นแบบว่า
10:17
we had to get up in the middle of the night
174
601204
1400
"นี่ๆ นาย เราต้องตื่นกลายดึก
10:18
and drive a hundred miles in total darkness."
175
602604
3616
แล้วขับรถออกไปร้อยไมล์ในความมืดมิด"
10:22
And that guy's like, "Actually, it was 87.3 miles."
176
606220
4588
แล้วตาคนนี้ก็จะพูดทำนองว่า "เออ จริงๆแล้ว มัน 87.3 ไมล์"
10:26
And you're like, "Actually, shut up!
177
610808
2388
แล้วคุณก็จะบอกว่า "เออ จริงๆนะ หุบปากเหอะ
10:29
I'm just trying to tell a story."
178
613196
4231
ฉันแค่พยายายามจะเล่าเรื่อง"
10:33
Because good storytelling is all about emotional connection.
179
617427
6297
เพราะว่าการเล่าเรื่องที่ดีนั้น
ทั้งหมดมันอยู่ที่การเข้าถึงอารมณ์
ทั้งหมดมันอยู่ที่การเข้าถึงอารมณ์
10:39
We have to convince our audience
180
623724
2400
เราต้องโน้มน้าวผู้ฟัง
10:42
that what we're talking about matters.
181
626124
3120
ว่าสิ่งที่เรากำลังพูดอยู่มันสำคัญ
10:45
But just as important is knowing
182
629244
2664
แต่ที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ เราต้องรู้ว่า
10:47
which details we should leave out
183
631908
2488
รายละเอียดตรงไหนที่เราควรเอาออกไป
10:50
so that the main point still comes across.
184
634396
3520
แต่ทำให้ประเด็นหลักยังอยู่ครบถ้วน
10:53
I'm reminded of what the architect Mies van der Rohe said,
185
637916
3232
มันทำให้ผมคิดถึงสถาปนิกที่ชื่อว่า มีส์ แวน เดอร์ โรห์ว
10:57
and I paraphrase, when he said that sometimes
186
641148
2984
เขาเคยพูด ใจความว่า
11:00
you have to lie in order to tell the truth.
187
644132
3909
บางทีคุณก็ต้องโกหกเพื่อที่จะบอกความจริง
11:03
I think this sentiment is particularly relevant
188
648041
2643
ผมคิดว่า คำพูดนี้มันเกี่ยวข้อง
11:06
to science education.
189
650684
3374
กับการเรียนการสอนทางวิทยาศาสตร์เป็นพิเศษเลย
11:09
Now, finally,
190
654058
2722
เอาหล่ะ สุดท้ายนี้
11:12
I am often so disappointed
191
656780
4376
ผมรู้สึกผิดหวังอยู่บ่อยๆ
11:17
when people think that I'm advocating
192
661156
2856
เมื่อคนคิดว่าผมสนับสนุน
11:19
a dumbing down of science.
193
664012
2640
การรวบรัดบั่นทอนความรู้ทางวิทยาศาสตร์
11:22
That's not true at all.
194
666652
1776
มันไม่จริงสักนิดเลยครับ
11:24
I'm currently a Ph.D. student at MIT,
195
668428
2981
ขณะนี้ผมเป็นนักศึกษาปริญญาเอกที่ MIT
11:27
and I absolutely understand the importance of detailed,
196
671409
4989
และผมเข้าใจถึงความสำคัญของรายละเอียด
11:32
specific scientific communication between experts,
197
676398
4639
การสือสารทางวิทยาศาสตร์เรื่องจำเพาะระหว่างผู้เชี่ยวชาญ
11:36
but not when we're trying to teach 13-year-olds.
198
681037
4095
แต่ว่าไม่ใช่เมื่อผมเอามาสอนนักเรียนอายุ 13 ขวบ
11:41
If a young learner thinks that all viruses have DNA,
199
685132
5296
ถ้านักเรียนรุ่นเยาว์คิดว่า ไวรัสทุกชนิดมีดีเอ็นเอ
11:46
that's not going to ruin their chances of success in science.
200
690428
5120
มันก็ไม่เห็นจะไปทำลายโอกาสความสำเร็จทางวิทยาศาสตร์
11:51
But if a young learner can't understand anything in science
201
695548
4363
แต่ถ้าเด็กๆพวกนี้ ไม่เข้าใจอะไรเลย
11:55
and learns to hate it because it all sounds like this,
202
699911
4093
แล้วก็เริ่มที่จะเกลีียดมันเพราะว่ามันฟังดูน่าเบื่อแบบนี้
11:59
that will ruin their chances of success.
203
704004
3552
นั่นแหละ ที่จะทำลายโอกาสความสำเร็จ
12:03
This needs to stop,
204
707556
3037
เราต้องหยุดสิ่งนี้
12:06
and I wish that the change could come from the institutions
205
710593
3310
ผมหวังว่าการเปลี่ยนแปลงน่าจะมาจากตัวสถาบันสำคัญๆ
12:09
at the top that are perpetuating these problems,
206
713903
2768
ที่ทำให้ปัญหาเหล่านี้ค้างคา มายาวนาน
12:12
and I beg them, I beseech them to just stop it.
207
716671
3966
และผมขอร้องพวกเขา อ้อนวอนพวกเขาให้หยุดเสียที
12:16
But I think that's unlikely.
208
720637
2519
แต่ผมว่ามันคงจะยาก
12:19
So we are so lucky that we have resources
209
723156
3544
แต่เราโชคดีที่เรามีแหล่ง
12:22
like the Internet, where we can circumvent these institutions
210
726700
3120
เช่นอินเตอร์เนต ที่เราสามารถหลีกเลี่ยงสถาบันเหล่านี้
12:25
from the bottom up.
211
729820
3154
จากจุดเริ่มต้นได้
12:28
There's a growing number of online resources
212
732974
3318
จำนวนของแหล่งความรู้ทางอินเตอร์เนตกำลังเพิ่มขึ้น
12:32
that are dedicated to just explaining science
213
736292
3128
ซึ่งพวกมันมีจุดประสงค์ที่จะอธิบายวิทยาศาสตร์
12:35
in simple, understandable ways.
214
739420
3296
ในรูปแบบที่เข้าใจได้ง่ายๆ
12:38
I dream of a Wikipedia-like website that would explain
215
742716
3056
ผมฝันว่า จะมีเวปไซท์ ลักษณะคล้ายๆวิกิพีเดีย
12:41
any scientific concept you can think of
216
745772
2752
ที่อธิบายประเด็นความรู้วิทยาศาสตร์
12:44
in simple language any middle schooler can understand.
217
748524
4680
ในภาษาที่นักเรียนมัธยมเข้าใจได้
12:49
And I myself spend most of my free time
218
753204
3272
และตัวผมเอง ก็ได้ใช้เวลาว่างส่วนใหญ่
12:52
making these science videos that I put on YouTube.
219
756476
4161
ในการทำวีดีโอทางวิทยาศาสตร์ ที่ผมนำไปไว้บน ยูทิ้ว
12:56
I explain chemical equilibrium using analogies
220
760637
2967
ผมอธิบายสมการเคมีโดยใช้การเปรียบเทียบ
12:59
to awkward middle school dances,
221
763604
2488
เหมือนกับนักเต้นรำมัธยมที่ประหม่า
13:01
and I talk about fuel cells with stories
222
766092
2384
และผมพูดเกี่ยวกับเซลล์พลังงานด้วยเรื่องราว
13:04
about boys and girls at a summer camp.
223
768476
3376
เกี่ยวกับเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงที่ค่ายฤดูร้อน
13:07
The feedback that I get is sometimes misspelled
224
771852
3760
คำตอบรับที่ได้บางทีก็สะกดกันผิด
13:11
and it's often written in LOLcats,
225
775612
2216
มันจะออกมาในแนวภาษาวิบัติ
13:13
but nonetheless
226
777828
2496
แต่ถึงอย่างนั้น
13:16
it's so appreciative, so thankful
227
780324
4439
มันก็น่าประทับใจ และน่าซาบซึ้ง
13:20
that I know this is the right way
228
784763
3554
และทำให้ผมรู้ว่า นี่คือทางที่ถูกต้อง
13:24
we should be communicating science.
229
788317
3567
ที่เราควรจะใช้ในการสือสารความรู้ทางวิทยาศาสตร์
13:27
There's still so much work left to be done, though,
230
791884
2936
มันยังมีงานให้ทำอีกมากมาย
13:30
and if you're involved with science in any way
231
794820
3208
และถ้าคุณเกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
13:33
I urge you to join me.
232
798028
2864
ผมขอยุให้คุณมาร่วมมือกับผมเถอะ
13:36
Pick up a camera, start to write a blog, whatever,
233
800892
5056
หยิบกล้องขึ้นมา เริ่มที่จะเขียนบล๊อค อะไรก็ได้
13:41
but leave out the seriousness, leave out the jargon.
234
805948
4160
แต่ไม่ต้องให้มันเครียด เอาคำศัพท์เฉพาะออกไปซะ
13:46
Make me laugh. Make me care.
235
810108
3616
ทำให้ผมหัวเราะ ทำให้ผมสนใจ
13:49
Leave out those annoying details that nobody cares about
236
813724
3152
เอารายละเอียดแสนน่ารำคาญที่ไม่มีใครสนใจพวกนี้ออกไป
13:52
and just get to the point.
237
816876
3896
และพุ่งไปยังประเด็น
13:56
How should you start?
238
820772
2142
คุณจะเริ่มยังไงดีหน่ะหรอ
13:58
Why don't you say, "Listen, let me tell you a story"?
239
822914
4274
ทำไมคุณไม่ลองพูดว่า "ฟังนะ ให้ผมเล่าอะไรให้ฟัง"
14:03
Thank you.
240
827188
2050
ขอบคุณครับ
14:05
(Applause)
241
829238
881
(เสียงปรบมือ)
ABOUT THE SPEAKER
Tyler DeWitt - Science enthusiastTyler DeWitt recognizes that textbooks are not the way to get young people interested in science. Instead, he teaches science by making it fun and fantastical.
Why you should listen
Tyler DeWitt has taught Biology, Chemistry and English at high schools in both the United States and South Korea, and believes that science could be every student’s favorite class if it weren’t for the long words and overly technical presentation. Instead, DeWitt focuses on creating engaging lessons that evoke a sense of wonder in kids and that encourage them to think critically.
Currently a Ph.D. student in Microbiology at MIT, DeWitt studies how bacteria transfer pieces of DNA to their neighbors. He is also a coordinator for the MIT+K12 video outreach project, which encourages MIT students to create educational videos for students of all ages in all subjects. DeWitt also has a full YouTube library of videos that teach everything from valence electrons to the chemistry of acids, all with an eye toward fun.
Tyler DeWitt | Speaker | TED.com