TED2013
John McWhorter: Txtng is killing language. JK!!!
จอห์น แมกเวอร์เตอร์ (John McWhorter): การส่ง SMS กำลังทำลายภาษา ลล.(ล้อเล่น) น่ะ!
Filmed:
Readability: 3.6
2,836,140 views
การส่งข้อความสั้นคือการมรณะของทักษะการเขียนที่ดีรึเปล่า
จอห์น แมกเวอร์เตอร์ บอกว่าการส่งข้อความมันมีอะไรมากกว่านั้น ทั้งทางภาษาศาสตร์และทางวัฒนธรรม และทั้งหมดนั้นคือข่าวดี
John McWhorter - Linguist
Linguist John McWhorter thinks about language in relation to race, politics and our shared cultural history. Full bio
Linguist John McWhorter thinks about language in relation to race, politics and our shared cultural history. Full bio
Double-click the English transcript below to play the video.
00:12
We always hear that texting is a scourge.
0
743
2862
เรามักจะได้ยินว่าการส่งข้อความคือหายนะ
00:15
The idea is that texting spells the decline and fall
1
3605
4840
ความคิดนี้บอกว่า การส่งข้อความ
สะท้อนการถดถอยและตกต่ำ
สะท้อนการถดถอยและตกต่ำ
00:20
of any kind of serious literacy, or at least writing ability,
2
8445
3500
ของการอ่านออกเขียนได้แบบจริงจัง
หรืออย่างน้อยก็ความสามารถทางการเขียน
หรืออย่างน้อยก็ความสามารถทางการเขียน
00:23
among young people in the United States
3
11945
2643
ในกลุ่มวัยรุ่นในสหรัฐฯ
00:26
and now the whole world today.
4
14588
2301
และทั่วโลก ในทุกวันนี้
00:28
The fact of the matter is that it just isn't true,
5
16889
3504
ข้อเท็จจริงก็คือว่า มันไม่ได้แค่ไม่จริงเท่านั้น
00:32
and it's easy to think that it is true,
6
20393
2503
มันง่ายที่จะเชื่อว่ามันจริง
00:34
but in order to see it in another way,
7
22896
1899
แต่ในการที่จะมองจากอีกมุมหนึ่ง
00:36
in order to see that actually texting is a miraculous thing,
8
24795
3669
ในการที่จะมองว่า การส่งข้อความนั้น
จริงๆ แล้วเป็นเรื่องมหัศจรรย์
จริงๆ แล้วเป็นเรื่องมหัศจรรย์
00:40
not just energetic, but a miraculous thing,
9
28464
2565
ไม่ใช่แค่เรื่องเร่าร้อน แต่เป็นเรื่องมหัศจรรย์
00:43
a kind of emergent complexity
10
31029
1747
อะไรประมาณ ความสลับซับซ้อนแบบฉับพลัน
00:44
that we're seeing happening right now,
11
32776
2461
ที่พวกเรากำลังมองเห็นมันเกิดขึ้นอยู่ ณ ตอนนี้
00:47
we have to pull the camera back for a bit
12
35237
2306
เราต้องถอยหลังออกมามองสักหน่อย
00:49
and look at what language really is,
13
37543
3418
เพื่อที่จะมองว่า ภาษาคืออะไรกันแน่
00:52
in which case, one thing that we see
14
40961
2073
ในกรณีนี้ สิ่งที่เราจะเห็นก็คือว่า
00:55
is that texting is not writing at all.
15
43034
4624
การส่งข้อความไม่ใช่การเขียนเลย
00:59
What do I mean by that?
16
47658
1822
ผมหมายความว่ายังไงน่ะหรอ
01:01
Basically, if we think about language,
17
49480
2556
หลักๆแล้ว ถ้าเราคิดเกี่ยวกับภาษา
01:04
language has existed for perhaps 150,000 years,
18
52036
3801
ภาษาดำรงอยู่มา อาจจะประมาณ 150,000 ปี
01:07
at least 80,000 years,
19
55837
2137
อย่างน้อย 80,000 ปี
01:09
and what it arose as is speech. People talked.
20
57974
4151
และสิ่งที่เกิดขึ้นจากนั้นก็คือ การพูด
ผู้คนพูด
ผู้คนพูด
01:14
That's what we're probably genetically specified for.
21
62125
3024
นั่นเป็นสิ่งที่พวกเรา อาจจะได้รับการกำหนดโดยยีน
01:17
That's how we use language most.
22
65149
2191
นั่นเป็นวิธีการใช้ภาษาที่เราใช้มากที่สุด
01:19
Writing is something that came along much later,
23
67340
3482
การเขียนเป็นอะไรที่มาหลังจากนั้นนานมาก
01:22
and as we saw in the last talk,
24
70822
2056
และอย่างที่เราได้เห็นในการพูดครั้งที่แล้ว
01:24
there's a little bit of controversy as to exactly when that happened,
25
72878
2668
มันมีความขัดแย้งเล็กๆ
ในการระบุว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่แน่ๆ
ในการระบุว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่แน่ๆ
01:27
but according to traditional estimates,
26
75546
2316
แต่ตามการอ้างอิงแบบดั้งเดิม
01:29
if humanity had existed for 24 hours,
27
77862
3522
ถ้าหากมนุษยชาติดำรงอยู่เป็นเวลา 24 ชั่วโมง
01:33
then writing only came along at about 11:07 p.m.
28
81384
5191
แล้วการเขียนก็ตามมาเมื่อเวลาประมาณ 23.07 น.
01:38
That's how much of a latterly thing writing is.
29
86575
3645
นั่นแสดงให้เห็นว่าการเขียนมาช้าขนาดไหน
01:42
So first there's speech, and then writing comes along
30
90220
3388
ดังนั้น แรกเริ่มมีการพูด แล้วการเขียนก็ตามมา
01:45
as a kind of artifice.
31
93608
1762
ในลักษณะของทักษะบางอย่าง
01:47
Now don't get me wrong, writing has certain advantages.
32
95370
4006
เอาล่ะ อย่าเพิ่งเข้าใจผมผิดนะ
การเขียนมีประโยชน์แน่นอน
การเขียนมีประโยชน์แน่นอน
01:51
When you write, because it's a conscious process,
33
99376
2583
เมื่อคุณเขียน เพราะมันเป็นกระบวนการรู้สำนึก
01:53
because you can look backwards,
34
101959
2138
เพราะคุณมองย้อนหลังไปได้
01:56
you can do things with language that are much less likely
35
104097
2830
คุณสามารถที่จะทำอะไรๆ กับภาษาได้มากกว่า
01:58
if you're just talking.
36
106927
2464
การที่คุณพูด
02:01
For example, imagine a passage from Edward Gibbon's
37
109391
3901
ยกตัวอย่างเช่น นึกถึงข้อความหนึ่งจาก
งานของเอ็ดเวิร์ด กิ๊บบอน (Edward Gibbon)
งานของเอ็ดเวิร์ด กิ๊บบอน (Edward Gibbon)
02:05
"The Decline and Fall of the Roman Empire:"
38
113292
3806
"การเสื่่อมถอยและตกต่ำของจักรวรรดิโรมัน
(The Decline and Fall of the Roman Empire)"
(The Decline and Fall of the Roman Empire)"
02:09
"The whole engagement lasted above twelve hours,
39
117098
3251
"เหตุการณ์ทั้งหมดนั้นเนิ่นช้ามากกว่า 12 ชั่วโมง
02:12
till the graduate retreat of the Persians was changed
40
120349
2302
กระทั่งการล่าถอยสุดท้ายของชาวเปอร์เซีย
02:14
into a disorderly flight, of which the shameful example
41
122651
2773
แปรไปสู่การระหกระเหินอย่างไร้ทิศทาง
02:17
was given by the principal leaders and the Surenas himself."
42
125424
2587
โดยตัวอย่างอันน่าละอายนั้นมาจากผู้นำและชนชั้นนำนั่นเอง"
02:20
That's beautiful, but let's face it, nobody talks that way.
43
128011
4319
สวยงามนะครับ แต่เผชิญความจริงเถอะครับ
ไม่มีใครพูดจาแบบนั้นกันหรอก
ไม่มีใครพูดจาแบบนั้นกันหรอก
02:24
Or at least, they shouldn't if they're interested
44
132330
4236
หรืออย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ควรทำ
ถ้าพวกเขามีความสนใจ
ถ้าพวกเขามีความสนใจ
02:28
in reproducing. That --
45
136566
2514
ในการทำซ้ำน่ะนะครับ
นั่น --
นั่น --
02:31
(Laughter)
46
139080
2719
(เสียงหัวเราะ)
02:33
is not the way any human being speaks casually.
47
141799
2978
ไม่ใช่วิธีการที่คนเราพูดคุยกันแบบสบายๆ
02:36
Casual speech is something quite different.
48
144777
2585
การพูดแบบสบายๆ นี้
เป็นอะไรบางอย่างที่ค่อนข้างแตกต่าง
เป็นอะไรบางอย่างที่ค่อนข้างแตกต่าง
02:39
Linguists have actually shown
49
147362
1856
นักภาษาศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่า
02:41
that when we're speaking casually in an unmonitored way,
50
149218
2711
เมื่อพวกเราพูดจากันแบบสบายๆ
โดยไม่รู้สึกว่าถูกจับตามองนั้น
โดยไม่รู้สึกว่าถูกจับตามองนั้น
02:43
we tend to speak in word packets of maybe
51
151929
2678
เรามักจะพูดด้วยกลุ่มคำประมาณ
02:46
seven to 10 words.
52
154607
1810
7-10 คำ
02:48
You'll notice this if you ever have occasion to record
53
156417
2679
คุณอาจจะสังเกตุสิ่งนี้ได้ ถ้าคุณเคยมีโอกาสได้
02:51
yourself or a group of people talking.
54
159096
2993
บันทึกการสนทนาของคุณเอง หรือของกลุ่มคนที่กำลังคุยกัน
02:54
That's what speech is like.
55
162089
1455
นั่นคือการพูด
02:55
Speech is much looser. It's much more telegraphic.
56
163544
4305
การพูดนั้นเป็นแบบหลวมๆ
มันเหมือนกับการส่งโทรเลขมากกว่า
มันเหมือนกับการส่งโทรเลขมากกว่า
02:59
It's much less reflective -- very different from writing.
57
167849
3690
มันไม่ค่อยถูกไตร่ตรองมากนัก
แตกต่างจากการเขียนมากทีเดียว
แตกต่างจากการเขียนมากทีเดียว
03:03
So we naturally tend to think, because we see language
58
171539
2936
ดังนั้น โดยธรรมชาติแล้ว
เนื่องจากเรามักจะเห็นภาษาเขียนบ่อยมาก
เนื่องจากเรามักจะเห็นภาษาเขียนบ่อยมาก
03:06
written so often, that that's what language is,
59
174475
2442
เรามักจะคิดว่า นั่นคือภาษา
03:08
but actually what language is, is speech. They are two things.
60
176917
3968
แต่จริงๆแล้ว ภาษาคือการพูด
มันเป็นสองอย่าง
มันเป็นสองอย่าง
03:12
Now of course, as history has gone by,
61
180885
3254
ตอนนี้แน่นอนว่า ในขณะที่ประวัติศาสตร์ดำเนินผ่านไป
03:16
it's been natural for there to be a certain amount of bleed
62
184139
2791
มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่จะมีการถ่ายโอนระหว่าง
03:18
between speech and writing.
63
186930
3014
การพูดกับการเขียน
03:21
So, for example, in a distant era now,
64
189944
4823
ยกตัวอย่างเช่น ในยุคอดีตเนิ่นนาน
03:26
it was common when one gave a speech
65
194767
2502
มันเป็นเรื่องปกติที่ ใครสักคนจะกล่าวสุนทรพจน์
03:29
to basically talk like writing.
66
197269
3117
โดยพูดออกมาเหมือนภาษาเขียน
03:32
So I mean the kind of speech that you see someone giving
67
200386
2350
เพราะงั้น ผมหมายถึงการพูดแบบที่คุณจะเห็น
03:34
in an old movie where they clear their throat, and they go,
68
202736
2533
ใครสักคนในหนังเก่าๆ กระแอม แล้วก็พูดว่า
03:37
"Ahem, ladies and gentlemen," and then they speak
69
205269
2533
"อะแฮ่ม สุภาพสตรีและสุภาพบุรุษทั้งหลาย"
แล้วพวกเขาก็พูด
แล้วพวกเขาก็พูด
03:39
in a certain way which has nothing to do with casual speech.
70
207802
3271
ในแบบที่แตกต่างจากการพูดแบบสบายๆ โดยสิ้นเชิง
03:43
It's formal. It uses long sentences like this Gibbon one.
71
211073
3859
มันเป็นทางการ มันเป็นประโยคยาวๆ เหมือนกับของกิ๊บบอน
03:46
It's basically talking like you write, and so, for example,
72
214932
3962
มันเป็นการพูดแบบภาษาเขียน
และยกตัวอย่างเช่น
และยกตัวอย่างเช่น
03:50
we're thinking so much these days about Lincoln
73
218894
1995
พวกเรากำลังคิดถึงลินคอล์นกันมากเหลือเกินช่วงนี้
03:52
because of the movie.
74
220889
2211
เหตุผลก็เพราะหนังเรื่องนั้น
03:55
The Gettysburg Address was not the main meal of that event.
75
223100
3083
สุนทรพจน์เกตตี้สเบิร์ก (Gettysburg Address)
ไม่ได้เป็นสาระสำคัญของเหตุการณ์นั้น
ไม่ได้เป็นสาระสำคัญของเหตุการณ์นั้น
03:58
For two hours before that, Edward Everett spoke
76
226183
3915
สองชั่วโมงก่อนหน้านั้น เอ็ดเวิร์ด เอเวอเร็ต
(Edward Everett)
(Edward Everett)
04:02
on a topic that, frankly, cannot engage us today
77
230098
3240
ได้พูดในหัวข้อที่ พูดกันตามตรง
ไม่สามารถทำให้เราสนใจกันได้ในวันนี้
ไม่สามารถทำให้เราสนใจกันได้ในวันนี้
04:05
and barely did then.
78
233338
1497
และแทบไม่ได้เลยในวันนั้น
04:06
The point of it was to listen to him
79
234835
2381
หลักๆก็คือการฟังเขา
04:09
speaking like writing.
80
237216
1556
พูดเหมือนกับเขียน
04:10
Ordinary people stood and listened to that for two hours.
81
238772
2348
คนทั่วไปยืนและฟังการพูดนั้นเป็นเวลาสองชั่วโมง
04:13
It was perfectly natural.
82
241120
1433
มันเป็นธรรมชาติโดยสมบูรณ์แบบ
04:14
That's what people did then, speaking like writing.
83
242553
2491
นั่นเป็นสิ่งที่คนในช่วงเวลานั้นทำกัน
พูดเหมือนเขียน
พูดเหมือนเขียน
04:17
Well, if you can speak like writing,
84
245044
2466
เอาล่ะ ถ้าคุณสามารถพูดเหมือนเขียนได้
04:19
then logically it follows that you might want to also
85
247510
3798
โดยตรรกะแล้ว มันก็จะตามมาด้วยการที่คุณอาจจะอยาก
04:23
sometimes write like you speak.
86
251308
2866
เขียนให้ได้เหมือนพูดด้วย ในบางครั้ง
04:26
The problem was just that in the material,
87
254174
2050
ปัญหาก็คือว่า มันยากกว่าในการที่จำแบบนั้นในตอนนั้น
04:28
mechanical sense, that was harder back in the day
88
256224
3455
ด้วยเหตุผลทางวัสดุอุปกรณ์
04:31
for the simple reason that materials don't lend themselves to it.
89
259679
3307
ด้วยเหตุผลที่่ว่าอุปกรณ์มันไม่เอื้อ
04:34
It's almost impossible to do that with your hand
90
262986
2020
มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำแบบนั้นด้วยมือ
04:37
except in shorthand, and then communication is limited.
91
265006
3435
ยกเว้นแต่การเขียนชวเลข
และนั่นทำให้การสื่อสารมีขีดจำกัด
และนั่นทำให้การสื่อสารมีขีดจำกัด
04:40
On a manual typewriter it was very difficult,
92
268441
2516
ด้วยเครื่องพิมพ์ดีดธรรมดา มันยากมากๆ
04:42
and even when we had electric typewriters,
93
270957
2287
และแม้กระทั่งตอนที่เรามีเครื่องพิมพ์ดีดไฟฟ้าแล้ว
04:45
or then computer keyboards, the fact is
94
273244
2159
หรือแม้แต่คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์แล้ว
04:47
that even if you can type easily enough to keep up
95
275403
2299
ความจริงก็คือว่า แม้ว่าคุณจะสามารถพิมพ์ได้
04:49
with the pace of speech, more or less, you have to have
96
277702
2793
ด้วยความเร็วเท่าการพูด ไม่มากก็น้อย
คุณยังจำเป็นต้องมี
คุณยังจำเป็นต้องมี
04:52
somebody who can receive your message quickly.
97
280495
2345
ใครสักคนที่จะรับข้อความของคุณได้ทันท่วงที
04:54
Once you have things in your pocket that can receive that message,
98
282840
3211
เมื่อคุณมีสิ่งที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อที่สามารถรับข้อความนั้นได้
04:58
then you have the conditions that allow
99
286051
2604
แล้วคุณก็มีพร้อมสำหรับการ
05:00
that we can write like we speak.
100
288655
3511
ที่เราจะเขียนให้ได้เหมือนพูด
05:04
And that's where texting comes in.
101
292166
3218
และนั้นก็คือจุดที่การส่งข้อความเข้ามามีบทบาท
05:07
And so, texting is very loose in its structure.
102
295384
3769
และดังนั้น การส่งข้อความมีลักษณะหลวมๆในทางโครงสร้าง
05:11
No one thinks about capital letters or punctuation when one texts,
103
299153
4297
ไม่มีใครคิดถึงตัวอักษรเล็กใหญ่
หรือเครื่องหมายวรรคตอนตอนที่จะส่งข้อความ
หรือเครื่องหมายวรรคตอนตอนที่จะส่งข้อความ
05:15
but then again, do you think about those things when you talk?
104
303450
2358
แต่วกกลับมาอีกครั้งหนึ่ง
คุณคิดถึงสิ่งเหล่านั้นหรือเปล่าเวลาที่คุณพูด
คุณคิดถึงสิ่งเหล่านั้นหรือเปล่าเวลาที่คุณพูด
05:17
No, and so therefore why would you when you were texting?
105
305808
3673
ไม่ และทำไมคุณจะต้องคิดถึงมันเวลา
ที่คุณกำลังจะส่งข้อความด้วยล่ะ?
ที่คุณกำลังจะส่งข้อความด้วยล่ะ?
05:21
What texting is, despite the fact that it involves
106
309481
3129
ถึงแม้จะมีข้อเท็จจริงที่ว่า มันเกี่ยวข้องกับ
05:24
the brute mechanics of something that we call writing,
107
312610
2826
กระบวนการบางอย่างที่เราเรียกว่า การเขียน
05:27
is fingered speech. That's what texting is.
108
315436
3298
แต่การส่งข้อความคือการพูดด้วยนิ้ว
นั่นคือการส่งข้อความ
นั่นคือการส่งข้อความ
05:30
Now we can write the way we talk.
109
318734
3465
ตอนนี้เราสามารถเขียนในแบบที่เราพูดได้แล้ว
05:34
And it's a very interesting thing, but nevertheless
110
322199
2779
และมันเป็นสิ่งที่น่าสนใจเอามากๆ
05:36
easy to think that still it represents some sort of decline.
111
324978
4856
แต่มันก็ยังน่าคิดว่ามันอาจจะสะท้อนการถดถอยบางอย่าง
05:41
We see this general bagginess of the structure,
112
329834
3284
เรามองเห็นโครงสร้างแบบหลวมๆนี้
05:45
the lack of concern with rules and the way that we're used to
113
333118
3349
การไม่ใส่ใจกับกฎ และวิธีที่พวกเรา
05:48
learning on the blackboard, and so we think
114
336467
2272
เคยเรียนมา และเราก็คิดว่า
05:50
that something has gone wrong.
115
338739
3239
บางอย่างกำลังดำเนินไปแบบผิดๆ
05:53
It's a very natural sense.
116
341978
2963
มันเป็นความรู้สึกตามธรรมชาติเอามากๆ
05:56
But the fact of the matter is that what is going on
117
344941
4034
แต่ความจริงก็คือว่า สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้
06:00
is a kind of emergent complexity.
118
348975
3571
คือความซับซ้อนรูปแบบใหม่บางอย่าง
06:04
That's what we're seeing in this fingered speech.
119
352546
2756
นั่นเป็นสิ่งที่เราเห็นจากการพูดด้วยนิ้วนี้
06:07
And in order to understand it, what we want to see
120
355302
2986
และเพื่อที่จะเข้าใจมัน สิ่งที่เราต้องการที่จะเห็น
06:10
is the way, in this new kind of language,
121
358288
4745
ในรูปแบบใหม่ทางภาษานี้
06:15
there is new structure coming up.
122
363033
3576
ก็คือหนทางที่โครงสร้างแบบใหม่นี้กำลังเกิดขึ้น
06:18
And so, for example, there is in texting a convention,
123
366609
5723
และ ยกตัวอย่างเช่น
การรับรู้ร่วมกันแบบกลายๆในการส่งข้อความ
การรับรู้ร่วมกันแบบกลายๆในการส่งข้อความ
06:24
which is LOL.
124
372332
2922
ของคำว่า LOL
06:27
Now LOL, we generally think of
125
375254
2744
เรามักจะคิดถึง LOL
06:29
as meaning "laughing out loud."
126
377998
2464
ว่าหมายถึง "หัวเราะดังๆ (Laughing out loud)"
06:32
And of course, theoretically, it does,
127
380462
2293
และแน่นอนว่า มันหมายความอย่างนั้นจริงๆ
06:34
and if you look at older texts, then people used it
128
382755
2429
และถ้าคุณมองย้อนไปยังข้อความเก่าๆ
06:37
to actually indicate laughing out loud.
129
385184
2520
คนเราใช้มันเพื่อสื่อถึงการหัวเราะดังๆ
06:39
But if you text now, or if you are someone who
130
387704
4243
แต่ถ้าคุณส่งข้อความสมัยนี้
หรือถ้าคุณเป็นใครสักคนที่
หรือถ้าคุณเป็นใครสักคนที่
06:43
is aware of the substrate of texting the way it's become,
131
391947
3297
ตระหนักถึงการแปลงสภาพของคำนั้นในการส่งข้อความ
06:47
you'll notice that LOL
132
395244
1690
คุณจะสังเกตุได้ว่า LOL
06:48
does not mean laughing out loud anymore.
133
396934
2070
ไม่ได้แปลว่าหัวเราะดังๆ อีกต่อไป
06:51
It's evolved into something that is much subtler.
134
399004
3790
มันได้พัฒนาไปสู่บางอย่างที่ลึกซึ้งกว่านั้นมาก
06:54
This is an actual text that was done
135
402794
3447
นี่เป็นข้อความจริงๆ ที่พิมพ์ขึ้นโดย
06:58
by a non-male person of about 20 years old
136
406241
3932
คนที่ไม่ใช่ผู้ชายที่อายุราว 20 ปี
07:02
not too long ago.
137
410173
1495
เมื่อไม่นานมานี้
07:03
"I love the font you're using, btw."
138
411668
2952
"ฉันชอบตัวอักษรที่เธอใช้นะ ว่าก็ว่าเหอะ"
07:06
Julie: "lol thanks gmail is being slow right now"
139
414620
3762
จูลี่: "lol ขอบคุณ gmail ที่ช้าตอนนี้"
07:10
Now if you think about it, that's not funny.
140
418382
1742
เอาล่ะ ถ้าคุณคิดถึงมัน มันไม่ขำเลย
07:12
No one's laughing. (Laughter)
141
420124
2900
ไม่มีใครหัวเราะ
(เสียงหัวเราะ)
(เสียงหัวเราะ)
07:15
And yet, there it is, so you assume
142
423024
1970
และนั่นทำให้คุณสันนิษฐานว่า
07:16
there's been some kind of hiccup.
143
424994
1357
มันต้องมีการสะอึกอะไรสักอย่าง
07:18
Then Susan says "lol, I know,"
144
426351
1834
แล้วซูซานก็พูดว่า "lol ฉันรู้"
07:20
again more guffawing than we're used to
145
428185
2297
อีกแล้ว มีการหัวเราะมากกว่าที่เราเคยชิน
07:22
when you're talking about these inconveniences.
146
430482
3230
เมื่อคุณกำลังพูดถึงการติดขัดเหล่านี้
07:25
So Julie says, "I just sent you an email."
147
433712
2744
แล้วจูลี่ก็พูดว่า "ฉันเพิ่งส่งอีเมล์ให้คุณนะ"
07:28
Susan: "lol, I see it."
148
436456
1551
ซูซาน: "lol ฉันเห็นแล้วล่ะ
07:30
Very funny people, if that's what LOL means.
149
438007
3618
คนเหล่านี้ดูอารมณ์ดีนะ
ถ้าหากว่านั่นคือความหมายของ LOL
ถ้าหากว่านั่นคือความหมายของ LOL
07:33
This Julie says, "So what's up?"
150
441625
2128
แล้วจูลี่ก็พูดว่า "แล้วยังไงล่ะ"
07:35
Susan: "lol, I have to write a 10 page paper."
151
443753
2642
ซูซาน: "lol ฉันต้องเขียนบทความความ 10 หน้า"
07:38
She's not amused. Let's think about it.
152
446395
2314
เธอไม่ได้สนุกเลย
ลองคิดดู
ลองคิดดู
07:40
LOL is being used in a very particular way.
153
448709
2681
LOL ถูกใช้ไปแบบเฉพาะทาง
07:43
It's a marker of empathy. It's a marker of accommodation.
154
451390
3691
มันเป็นเครื่องหมายของความเห็นใจ
มันเป็นเครื่องหมายของการตกลงกัน
มันเป็นเครื่องหมายของการตกลงกัน
07:47
We linguists call things like that pragmatic particles.
155
455081
3249
พวกเรานักภาษาศาสตร์เรียกสิ่งเหล่านี้ว่า
อนุภาคของข้อตกลงในการใช้ภาษา (pragmatic particles)
อนุภาคของข้อตกลงในการใช้ภาษา (pragmatic particles)
07:50
Any spoken language that's used by real people has them.
156
458330
3839
ทุกภาษาพูดที่ใช้โดยคนจริงๆจะมีมันอยู่
07:54
If you happen to speak Japanese, think about
157
462169
1776
ถ้าคุณบังเอิญได้คุยกับคนญี่ปุ่น
07:55
that little word "ne" that you use at the end of a lot of sentences.
158
463945
3358
ลองคิดถึงคำว่า "เนะ" ที่คุณใช้
ในการลงท้ายของหลายๆประโยค
ในการลงท้ายของหลายๆประโยค
07:59
If you listen to the way black youth today speak,
159
467303
2345
ถ้าคุณฟังวัยรุ่นผิวดำพูดกันทุกวันนี้
08:01
think about the use of the word "yo."
160
469648
1786
คิดถึงการใช้คำว่า "โย่"
08:03
Whole dissertations could be written about it,
161
471434
1946
ประมาณว่าเขียนออกมาเป็นวิทยานิพนธ์ทั้งฉบับได้เลย
08:05
and probably are being written about it.
162
473380
2274
หรือไม่แน่อาจจะมีคนกำลังเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ก็ได้
08:07
A pragmatic particle, that's what LOL has gradually become.
163
475654
3794
อนุภาคของข้อตกลงในการใช้ภาษา
นั่นคือสิ่งที่ LOL กำลังค่อยๆกลายมาเป็น
นั่นคือสิ่งที่ LOL กำลังค่อยๆกลายมาเป็น
08:11
It's a way of using the language between actual people.
164
479448
4049
มันคือวิธีการใช้ภาษาระหว่างกันของคนจริงๆ
08:15
Another example is "slash."
165
483497
3239
อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือ "/ (เส้นแบ่ง: slash)"
08:18
Now, we can use slash in the way that we're used to,
166
486736
2768
ตอนนี้ เราสามารถใช้เครื่องหมายเส้นแบ่ง
ในแบบที่เราคุ้นชินได้ ตามบรรทัดนี้
ในแบบที่เราคุ้นชินได้ ตามบรรทัดนี้
08:21
along the lines of, "We're going to have
167
489504
1640
"เรากำลังจะมี
08:23
a party-slash-networking session."
168
491144
3482
ช่วงของการปาร์ตี้-เครื่องหมายเส้นแบ่ง-การสร้างเครือข่าย
08:26
That's kind of like what we're at.
169
494626
2094
นั่นเป็นอะไรประมาณที่เรากำลังเข้าใจกัน
08:28
Slash is used in a very different way
170
496720
3539
เครื่องหมายเส้นแบ่งถูกใช้อย่างแตกต่างมาก
08:32
in texting among young people today.
171
500259
2958
ในการส่งข้อความระหว่างวัยรุ่นทุกวันนี้
08:35
It's used to change the scene.
172
503217
1853
มันถูกใช้ในการเปลี่ยนฉาก
08:37
So for example, this Sally person says,
173
505070
2949
ยกตัวอย่างเช่น แซลลี่คนนี้พูดว่า
08:40
"So I need to find people to chill with"
174
508019
1805
"เอาล่ะ ฉันต้องหาคนที่มาชิลด้วย"
08:41
and Jake says, "Haha" --
175
509824
1519
แล้วเจคก็พูดว่า "ฮ่าๆ" --
08:43
you could write a dissertation about "Haha" too, but we don't have time for that —
176
511343
2888
คุณสามารถเขียนวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับ "ฮ่าๆ" ได้เหมือนกัน
แต่เราไม่มีเวลาสำหรับเรื่องนั้น
แต่เราไม่มีเวลาสำหรับเรื่องนั้น
08:46
"Haha so you're going by yourself? Why?"
177
514231
2489
"ฮ่าๆ แล้วเธอก็กำลังจะไปคนเดียวน่ะหรอ ทำไมล่ะ"
08:48
Sally: "For this summer program at NYU."
178
516720
2610
แซลลี่: "ก็แค่ฤดูร้อนนี้ที่ NYU เท่านั้นแหละ"
08:51
Jake: "Haha. Slash I'm watching this video with suns players
179
519330
2894
เจค: "ฮ่าๆ เครื่องหมายเส้นแบ่ง ฉันกำลังดูวีดีโอ
08:54
trying to shoot with one eye."
180
522224
1797
ที่ผู้เล่นของ Suns กำลังพยายามจะยิงด้วยตาเดียว"
08:56
The slash is interesting.
181
524021
1275
เครื่องหมายเส้นแบ่งตรงนี้น่าสนใจ
08:57
I don't really even know what Jake is talking about after that,
182
525296
3156
ผมไม่ค่อยรู้เท่าไหร่ว่าเจคพูดอะไรหลังจากนั้น
09:00
but you notice that he's changing the topic.
183
528452
4741
แต่คุณจะเห็นว่าเขาเปลี่ยนเรื่องในการคุย
09:05
Now that seems kind of mundane,
184
533193
1818
ตอนนี้มันอาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องปกติ
09:07
but think about how in real life,
185
535011
1442
แต่ลองคิดถึงชีวิตจริงดูนะครับ
09:08
if we're having a conversation and we want to change the topic,
186
536453
2658
ถ้าเรากำลังดำเนินบทสนทนา
และเราต้องการเปลี่ยนเรื่อง
และเราต้องการเปลี่ยนเรื่อง
09:11
there are ways of doing it gracefully.
187
539111
1612
มีวิธีดีๆ มากมายที่จะทำแบบนั้น
09:12
You don't just zip right into it.
188
540723
1719
คุณไม่มีทางที่จะอยู่ๆก็เปลี่ยน
09:14
You'll pat your thighs and look wistfully off into the distance,
189
542442
4195
คุณอาจจะลูบต้นขาของคุณ
แล้วก็มองออกไปไกลๆ
แล้วก็มองออกไปไกลๆ
09:18
or you'll say something like, "Hmm, makes you think --"
190
546637
4110
หรือคุณอาจจะพูดบางอย่างเช่น
"อืมมม ทำให้คุณคิดว่า--"
"อืมมม ทำให้คุณคิดว่า--"
09:22
when it really didn't, but what you're really --
191
550747
2360
ซึ่งจริงๆแล้วมันไม่ได้เป็นแบบนั้น
แต่จริงๆแล้ว --
แต่จริงๆแล้ว --
09:25
(Laughter) —
192
553107
2235
(เสียงหัวเราะ) --
09:27
what you're really trying to do is change the topic.
193
555342
2708
จริงๆแล้วคุณกำลังพยายามที่จะเปลี่ยนหัวข้อต่างหาก
09:30
You can't do that while you're texting,
194
558050
1927
คุณทำแบบนั้นไม่ได้ตอนที่คุณกำลังส่งข้อความ
09:31
and so ways are developing of doing it within this medium.
195
559977
3731
เพราะงั้นหนทางในการทำแบบนั้นก็ถูกพัฒนาขึ้น
ผ่านทางเครื่องหมายนี้
ผ่านทางเครื่องหมายนี้
09:35
All spoken languages have what a linguist calls
196
563708
2252
ภาษาพูดทั้งหมดมีสิ่งที่นักภาษาศาสตร์เรียกว่า
09:37
a new information marker -- or two, or three.
197
565960
3393
เครื่องหมายของข้อมูลใหม่อันหนึ่ง หรือสอง หรือสาม
09:41
Texting has developed one from this slash.
198
569353
4294
การส่งข้อความได้พัฒนาขึ้นมาอันหนึ่ง
จากเครื่องหมายเส้นแบ่งนี้
จากเครื่องหมายเส้นแบ่งนี้
09:45
So we have a whole battery of new constructions
199
573647
2985
แล้วเราก็จะมีพลังงานในสิ่งสร้างใหม่
09:48
that are developing, and yet it's easy to think,
200
576632
2587
ที่กำลังพัฒนา แต่มันก็ง่ายที่จะคิด
09:51
well, something is still wrong.
201
579219
2447
ว่าบางอย่างกำลังผิดไป
09:53
There's a lack of structure of some sort.
202
581666
3775
มีการขาดหายไปของโครงสร้างบางอย่าง
09:57
It's not as sophisticated
203
585441
1906
มันไม่ได้ซับซ้อนสวยงาม
09:59
as the language of The Wall Street Journal.
204
587347
2206
อย่างภาษาในวอลล์สตรีทเจอร์นัล
(The Wall Street Journal)
(The Wall Street Journal)
10:01
Well, the fact of the matter is,
205
589553
1774
ความจริงก็คือว่า
10:03
look at this person in 1956,
206
591327
2451
มองดูที่คนๆ นี้ตอนปี 1956
10:05
and this is when texting doesn't exist,
207
593778
2282
ซึ่งเป็นเวลาที่การส่งข้อความยังไม่เกิด
10:08
"I Love Lucy" is still on the air.
208
596060
1835
"ผมรักลูซี่" ยังคงมีอยู่ทั่วไป
10:09
"Many do not know the alphabet or multiplication table,
209
597895
3763
"หลายคนที่ไม่รู้ตัวหนังสือหรือตารางสูตรคูณ
10:13
cannot write grammatically -- "
210
601658
1337
ไม่สามารถเขียนให้ถูกไวยากรณ์ได้--"
10:14
We've heard that sort of thing before,
211
602995
2209
เราได้ยินเรื่องประมาณนี้มาก่อน
10:17
not just in 1956. 1917, Connecticut schoolteacher.
212
605204
3991
ไม่ใช่เฉพาะในปี 1956
เมื่อปี 1917 ครูที่คอนเนกติคัต
เมื่อปี 1917 ครูที่คอนเนกติคัต
10:21
1917. This is the time when we all assume
213
609195
2701
1917 เป็นช่วงเวลาที่เราต่างคาดว่า
10:23
that everything somehow in terms of writing was perfect
214
611896
3251
ทุกอย่างที่เกี่ยวกับการเขียนน่าจะสมบูรณ์แบบ
10:27
because the people on "Downton Abbey" are articulate,
215
615147
2418
เพราะทุกคนใน "ดาวน์ตัน แอบบี้ (Downton Abbey)"
ดูฉะฉานชัดเจน
ดูฉะฉานชัดเจน
10:29
or something like that.
216
617565
1211
หรืออะไรสักอย่างประมาณนั้น
10:30
So, "From every college in the country goes up the cry,
217
618776
2944
ดังนั้น "มีเสียงร่ำร้องจากทุกมหาวิทยาลัยในประเทศว่า
10:33
'Our freshmen can't spell, can't punctuate.'"
218
621720
2633
'นักเรียนปีหนึ่งของเราสะกดไม่เป็น จัดวรรคตอนไม่เป็น'"
และอื่นๆ
และอื่นๆ
10:36
And so on. You can go even further back than this.
219
624353
2408
คุณสามารถย้อนไปไกลกว่านั้นได้อีก
10:38
It's the President of Harvard. It's 1871.
220
626761
3184
นั่นคือ อธิการบดีของฮาร์วาร์ด เมื่อปี 1871
10:41
There's no electricity. People have three names.
221
629945
2542
ตอนที่ไม่มีไฟฟ้า ผู้คนมีสามชื่อ
10:44
"Bad spelling,
222
632487
2425
"การสะกดผิด
10:46
incorrectness as well as inelegance of expression in writing."
223
634912
3268
ความไม่ถูกต้อง และความไม่สง่างาม
ในการแสดงออกทางการเขียน"
ในการแสดงออกทางการเขียน"
10:50
And he's talking about people who are otherwise
224
638180
2149
และเขากำลังพูดเกี่ยวกับคนที่
10:52
well prepared for college studies.
225
640329
1891
กำลังเตรียมตัวมาเรียนมหาวิทยาลัย
10:54
You can go even further back.
226
642220
1846
คุณย้อนไปได้ไกลกว่านั้นอีก
10:56
1841, some long-lost superintendent of schools is upset
227
644066
3853
ปี 1841 ผู้อำนวยการของโรงเรียนบางแห่งหัวเสีย
10:59
because of what he has for a long time "noted with regret
228
647919
3177
เพราะสิ่งที่เขาเจอมาเป็นเวลานานเกี่ยวกับ
"ข้อสังเกตที่น่าเศร้าใจ
"ข้อสังเกตที่น่าเศร้าใจ
11:03
the almost entire neglect of the original" blah blah blah blah blah.
229
651096
3509
เกี่ยวกับการเพิกเฉยอย่างแทบจะสิ้นเชิงของสิ่งดั้งเดิม"
บลา บลา บลา
บลา บลา บลา
11:06
Or you can go all the way back to 63 A.D. -- (Laughter) --
230
654605
5288
หรือคุณไปได้ไกลถึง 63 ปีก่อนคริสตกาล
(เสียงหัวเราะ)
(เสียงหัวเราะ)
11:11
and there's this poor man who doesn't like the way
231
659893
2381
มีชายผู้น่าสงสารคนนี้ ที่ไม่ชอบ
11:14
people are speaking Latin.
232
662274
1221
วิธีการที่ผู้คนพูดภาษาละติน
11:15
As it happens, he was writing about what had become French.
233
663495
3156
ตอนนั้น เขากำลังเขียนถึงสิ่งที่ได้กลายมาเป็นภาษาฝรั่งเศส
11:18
And so, there are always — (Laughter) (Applause) —
234
666651
6402
เพราะงั้น มันมักจะ --
(เสียงหัวเราะ) (เสียงปรบมือ)
(เสียงหัวเราะ) (เสียงปรบมือ)
11:25
there are always people worrying about these things
235
673053
2171
มันมักจะมีผู้คนที่กังวลกับสิ่งเหล่านี้
11:27
and the planet somehow seems to keep spinning.
236
675224
3273
และโลกใบนี้มันก็ยังหมุนไปๆเรื่อยๆ
11:30
And so, the way I'm thinking of texting these days is
237
678497
4647
เพราะงั้น ที่ผมคิดเกี่ยวกับการส่งข้อความก็คือว่า
11:35
that what we're seeing is a whole new way of writing
238
683144
3580
พวกเรากำลังมองเห็นหนทางใหม่เอี่ยมของการเขียน
11:38
that young people are developing,
239
686724
1626
ที่วัยรุ่นทั้งหลายกำลังพัฒนามัน
11:40
which they're using alongside their ordinary writing skills,
240
688350
3760
ที่พวกเขาใช้มันควบคู่ไปกับความสามารถทางการเขียน
โดยทั่วไปของพวกเขา
โดยทั่วไปของพวกเขา
11:44
and that means that they're able to do two things.
241
692110
3167
และนั่นหมายความพวกเขาสามารถที่จะทำสองอย่างได้
11:47
Increasing evidence is that being bilingual
242
695277
2897
มีหลักฐานเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆเกี่ยวกับว่า ทักษะสองภาษา
11:50
is cognitively beneficial.
243
698174
2233
เป็นประโยชน์ต่อระบบคิด
11:52
That's also true of being bidialectal.
244
700407
2155
นั่นยังเป็นความจริงต่อคนที่พูดได้สองสำเนียงด้วย
11:54
That's certainly true of being bidialectal in terms of your writing.
245
702562
3090
นั่นยิ่งจริงไปอีกในการที่เป็นคนสองสำเนียงในการเขียน
11:57
And so texting actually is evidence of a balancing act
246
705652
4918
เพราะงั้น การส่งข้อความจริงๆแล้วคือหลักฐานของ
พฤติกรรมการสร้างสมดุลย์
พฤติกรรมการสร้างสมดุลย์
12:02
that young people are using today, not consciously, of course,
247
710570
3302
ที่วัยรุ่นกำลังใช้อยู่ทุกวันนี้ แน่นอนว่าโดยไม่รู้ตัว
12:05
but it's an expansion of their linguistic repertoire.
248
713872
3687
แต่มันเป็นการขยายความสามารถทางภาษาของพวกเขาด้วย
12:09
It's very simple.
249
717559
1229
มันง่ายมาก
12:10
If somebody from 1973 looked at
250
718788
3710
ถ้าคนจากปี 1973 มองไปยัง
12:14
what was on a dormitory message board in 1993,
251
722498
4106
สิ่งที่อยู่บนบอร์ดข้อความในหอพักปี 1993
12:18
the slang would have changed a little bit
252
726604
1833
คำสแลงอาจมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
12:20
since the era of "Love Story,"
253
728437
1818
ตั้งแต่ยุคของ "เรื่องราวแห่งความรัก"
12:22
but they would understand what was on that message board.
254
730255
3313
แต่พวกเขาจะเข้าใจว่าอะไรที่อยู่บนบอร์ดข้อความ
12:25
Take that person from 1993 -- not that long ago,
255
733568
2724
เอาคนๆ นั้นจากปี 1993 -- เมื่อไม่นานมานี้
12:28
this is "Bill and Ted's Excellent Adventure" -- those people.
256
736292
3258
นี่คือ "การผจญภัยที่ยอดเยี่ยมของบิลและเท็ด" --
คนพวกนั้น
คนพวกนั้น
12:31
Take those people and they read
257
739550
2369
เอาคนพวกนั้นมา และให้พวกเขาอ่าน
12:33
a very typical text written by a 20-year-old today.
258
741919
2900
ข้อความที่เขียนโดยคนอายุ 20 ในวันนี้
12:36
Often they would have no idea what half of it meant
259
744819
2891
พวกเขาจะไม่รู้เลยว่า
ครึ่งหนึ่งของข้อความนั้นหมายความว่าอะไร
ครึ่งหนึ่งของข้อความนั้นหมายความว่าอะไร
12:39
because a whole new language has developed
260
747710
3928
เพราะภาษาแบบใหม่แกะกล่องได้ถูกพัฒนาขึ้น
12:43
among our young people doing something as mundane
261
751638
2294
โดยวัยรุ่นของพวกเราที่กำลังทำบางสิ่งไปตามปกติ
12:45
as what it looks like to us when they're batting around
262
753932
2271
ตามที่ปรากฎในสายตาเราก็คือการที่พวกเขา
12:48
on their little devices.
263
756203
1675
เล่นเรื่อยเปื่อยกับโทรศัพท์ของพวกเขา
12:49
So in closing, if I could go into the future,
264
757878
3661
ดังนั้น ในการปิดท้าย ถ้าหากผมไปในอนาคตได้
12:53
if I could go into 2033,
265
761539
4375
ถ้าผมไปยังปี 2033
12:57
the first thing I would ask is whether David Simon
266
765914
2913
สิ่งแรกที่ผมจะถามก็คือ เดวิด ไซมอน (David Simon)
13:00
had done a sequel to "The Wire." I would want to know.
267
768827
3893
ได้ทำภาคต่อของ "The Wire" รึเปล่า
ผมอยากจะรู้
ผมอยากจะรู้
13:04
And — I really would ask that —
268
772720
2983
ผมจะถามจริงๆนะ
13:07
and then I'd want to know actually what was going on on "Downton Abbey."
269
775703
3090
และผมก็อยากจะรู้ว่า อะไรเกิดขึ้นบ้างใน
"ดาวน์ตัน แอบบี้"
"ดาวน์ตัน แอบบี้"
13:10
That'd be the second thing.
270
778793
1509
นั่นเป็นอย่างที่สอง
13:12
And then the third thing would be,
271
780302
2536
และอย่างที่สามก็คือว่า
13:14
please show me a sheaf of texts
272
782838
3191
ช่วยเอาข้อความที่เขียน
13:18
written by 16-year-old girls,
273
786029
1957
โดยเด็กผู้หญิงอายุ 16 มาให้ผมดูหน่อย
13:19
because I would want to know where this language
274
787986
2454
เพราะผมอยากจะรู้ว่าภาษาพวกนี้ได้เปลี่ยนแปลงไป
13:22
had developed since our times,
275
790440
1955
ยังไงแล้วบ้างจากยุคของพวกเรา
13:24
and ideally I would then send them back to you and me now
276
792395
3633
และผมก็จะส่งมันกลับมายังคุณและผมตอนนี้
13:28
so we could examine this linguistic miracle
277
796028
2520
เพื่อที่ว่าพวกเราจะได้ศึกษาความมหัศจรรย์ของภาษา
13:30
happening right under our noses.
278
798548
2350
ที่เกิดขึ้นใต้จมูกของพวกเรา
13:32
Thank you very much.
279
800898
1516
ขอบคุณมากครับ
13:34
(Applause)
280
802414
5168
(เสียงปรบมือ)
13:39
Thank you. (Applause)
281
807582
3607
ขอบคุณครับ
(เสียงปรบมือ)
(เสียงปรบมือ)
ABOUT THE SPEAKER
John McWhorter - LinguistLinguist John McWhorter thinks about language in relation to race, politics and our shared cultural history.
Why you should listen
John McWhorter is Associate Professor of English and Comparative Literature at Columbia University, teaching linguistics, Western Civilization and music history. He is a regular columnist on language matters and race issues for Time and CNN, writes for the Wall Street Journal "Taste" page, and writes a regular column on language for The Atlantic. His work also appears in the Washington Post, the Chronicle of Higher Education, Aeon magazine, The American Interest and other outlets. He was Contributing Editor at The New Republic from 2001 until 2014.
McWhorter earned his PhD in linguistics from Stanford University in 1993 and is the author of The Power of Babel, Doing Our Own Thing, Our Magnificent Bastard Tongue, The Language Hoax and most recently Words on the Move and Talking Back, Talking Black. The Teaching Company has released four of his audiovisual lecture courses on linguistics. He guest hosted the Lexicon Valley podcast at Slate during the summer of 2016.
Beyond his work in linguistics, McWhorter is the author of Losing the Race and other books on race. He has appeared regularly on Bloggingheads.TV since 2006, and he produces and plays piano for a group cabaret show, New Faces, at the Cornelia Street Cafe in New York City.
John McWhorter | Speaker | TED.com