TED2009
Barry Schwartz: Our loss of wisdom
แบรี่ ชวาร์ตซ ว่าด้วยการสูญเสียปัญญาและสามัญสำนึก
Filmed:
Readability: 3.7
4,075,680 views
แบรี่ ชวาร์ตซ เรียกร้องให้เราสร้างเสริม "ปัญญาในรูปสามัญสำนึกขั้นสูง" เพื่อเยียวยาสังคมที่บิดเบี้ยวจากการพึ่งพา กฏระเบียบ มากเกินไป เขาให้เหตุผลที่หนักแน่นว่ากฏระเบียบทำให้เราล้มเหลว สิ่งจูงใจกลับส่งผลเสียแทนที่จะเป็นผลดี และปัญญาในรูปสามัญสำนึกขั้นสูงเท่านั้นที่จะช่วยเราซ่อมสร้างโลกขึ้นมาใหม่
Barry Schwartz - Psychologist
Barry Schwartz studies the link between economics and psychology, offering startling insights into modern life. Lately, working with Ken Sharpe, he's studying wisdom. Full bio
Barry Schwartz studies the link between economics and psychology, offering startling insights into modern life. Lately, working with Ken Sharpe, he's studying wisdom. Full bio
Double-click the English transcript below to play the video.
00:12
In his inaugural address,
0
0
2000
ในสุนทรพจน์พิธีเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี
00:14
Barack Obama appealed to each of us to give our best
1
2000
4000
บารัค โอบามาเรียกร้องให้พวกเราทุกคนพยายามอย่างเต็มที่
00:18
as we try to extricate ourselves from this current financial crisis.
2
6000
6000
เพื่อนำพาประเทศให้หลุดพ้นจากวิกฤตทางการเงินในปัจจุบัน
00:24
But what did he appeal to?
3
12000
2000
ท่านขอให้เราทำอะไรล่ะครับ?
00:26
He did not, happily, follow in the footsteps of his predecessor,
4
14000
4000
เป็นที่น่ายินดีว่า ท่านไม่ได้เดินรอยตามผู้นำคนก่อนหน้า
00:30
and tell us to just go shopping.
5
18000
3000
และบอกเราให้แค่ไปจับจ่ายซื้อของ
00:34
Nor did he tell us, "Trust us. Trust your country.
6
22000
4000
ท่านไม่ได้ขอให้เรา “เชื่อมั่นในรัฐบาล เชื่อมั่นในประเทศของเรา
00:38
Invest, invest, invest."
7
26000
3000
แล้วลงทุน ลงทุน และลงทุนต่อไป”
00:42
Instead, what he told us was to put aside childish things.
8
30000
5000
แต่ท่านขอให้พวกเราเลิกนิสัยเด็กๆ
00:47
And he appealed to virtue.
9
35000
3000
แล้วหันมายึดถือคุณธรรม
00:51
Virtue is an old-fashioned word.
10
39000
4000
คุณธรรมนี่เป็นคำโบราณนะครับ
00:55
It seems a little out of place in a cutting-edge environment like this one.
11
43000
5000
มันอาจจะฟังดูเหมือนเป็นคำที่ตกยุคไปแล้วในสมัยนี้
01:00
And besides, some of you might be wondering,
12
48000
3000
และพวกคุณบางคนก็อาจสงสัยว่า
01:03
what the hell does it mean?
13
51000
3000
จริงๆ แล้วมันหมายความว่าอะไรกันแน่?
01:06
Let me begin with an example.
14
54000
3000
ผมขอเริ่มต้นด้วยตัวอย่างแล้วกันครับ
01:09
This is the job description of a hospital janitor
15
57000
3000
นี่คือรายการหน้าที่รับผิดชอบของภารโรงในโรงพยาบาล
01:12
that is scrolling up on the screen.
16
60000
3000
ที่กำลังเลื่อนขึ้นมาอยู่บนจอ
01:15
And all of the items on it are unremarkable.
17
63000
5000
ทุกข้อในรายการนี้ ไม่มีข้อไหนดูแปลกประหลาด
01:20
They're the things you would expect:
18
68000
3000
มีแต่สิ่งที่คุณคาดเดาได้ เช่น
01:23
mop the floors, sweep them, empty the trash, restock the cabinets.
19
71000
5000
ถูพื้น, กวาดพื้น, เอาขยะไปทิ้ง, เอาของมาเติม
01:28
It may be a little surprising how many things there are,
20
76000
3000
คุณอาจจะแปลกใจเล็กน้อยว่าทำไมรายการมันเยอะนัก
01:31
but it's not surprising what they are.
21
79000
2000
แต่คงไม่แปลกใจเลยว่าแต่ละรายการคืออะไรบ้าง
01:33
But the one thing I want you to notice about them is this:
22
81000
3000
แต่มีอย่างหนึ่งที่ผมอยากให้คุณสังเกต คือ
01:36
even though this is a very long list,
23
84000
3000
ถึงแม้ว่ารายการของสิ่งที่ภารโรงต้องทำนี้จะยาวมาก
01:39
there isn't a single thing on it that involves other human beings.
24
87000
5000
แต่ไม่มีข้อไหนเลยที่พูดถึงมนุษย์คนอื่น
01:44
Not one.
25
92000
3000
ไม่มีเลยสักข้อเดียว
01:47
The janitor's job could just as well be done in a mortuary as in a hospital.
26
95000
5000
งานของภารโรงในโรงพยาบาลก็เหมือนงานที่ทำในป่าช้าดีๆ นี่เอง
01:52
And yet, when some psychologists interviewed hospital janitors
27
100000
5000
แต่เมื่อนักจิตวิทยาไปสัมภาษณ์ภารโรงในโรงพยาบาล
01:57
to get a sense of what they thought their jobs were like,
28
105000
3000
เพื่อเรียนรู้ว่าพวกเขาคิดอย่างไรกับงานของเขา
02:00
they encountered Mike,
29
108000
3000
นักจิตวิทยาก็ได้พบกับไมค์
02:03
who told them about how he stopped mopping the floor
30
111000
3000
ซึ่งเล่าให้พวกเขาฟังว่า เขาหยุดถูพี้น
02:06
because Mr. Jones was out of his bed getting a little exercise,
31
114000
3000
ตอนที่คุณโจนส์ลุกจากเตียงขึ้นออกมายืดเส้นยืดสาย
02:09
trying to build up his strength, walking slowly up and down the hall.
32
117000
4000
เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น ด้วยการเดินไปมาช้าๆ ในโถงของโรงพยาบาล
02:13
And Charlene told them about how she ignored her supervisor's admonition
33
121000
6000
และชาร์ลีนซึ่งเล่าถึงเหตุการณ์ที่เธอไม่ใส่ใจคำตักเตือนจากหัวหน้า
02:19
and didn't vacuum the visitor's lounge
34
127000
3000
โดยไม่ยอมดูดฝุ่นห้องนั่งเล่นของญาติผู้ป่วย
02:22
because there were some family members who were there all day, every day
35
130000
3000
เพราะมีญาติผู้ป่วยบางคนซึ่งรออยู่ในห้องนั้นทั้งวัน ทุกวัน
02:25
who, at this moment, happened to be taking a nap.
36
133000
3000
และบังเอิญขณะนั้นกำลังหลับอยู่
02:28
And then there was Luke,
37
136000
2000
แล้วก็มีลูค
02:30
who washed the floor in a comatose young man's room twice
38
138000
4000
ซึ่งถูพื้นในห้องของเด็กหนุ่มที่นอนป่วยไม่ได้สติคนหนึ่งซ้ำสองรอบ
02:34
because the man's father, who had been keeping a vigil for six months,
39
142000
5000
เพราะพ่อของเด็กหนุ่มคนนั้น ซึ่งมาเฝ้าไข้อยู่ตลอดหกเดือน
02:39
didn't see Luke do it the first time,
40
147000
3000
ไม่เห็นตอนที่ลูคทำความสะอาดไปรอบแรก
02:42
and his father was angry.
41
150000
2000
พ่อผู้ป่วยเขาเลยโกรธ
02:44
And behavior like this from janitors, from technicians, from nurses
42
152000
6000
พฤติกรรมเหล่านี้ จาก ภารโรง ช่างเทคนิค พยาบาล
02:50
and, if we're lucky now and then, from doctors,
43
158000
3000
และถ้าโชคดี บางครั้งก็อาจจะได้เห็นจากหมอ
02:53
doesn't just make people feel a little better,
44
161000
3000
มันไม่ได้แค่ทำให้ผู้คนรู้สึกดีขึ้นนิดๆ หน่อยๆ
02:56
it actually improves the quality of patient care
45
164000
3000
แต่มันช่วยยกระดับคุณภาพการบริการผู้ป่วย
02:59
and enables hospitals to run well.
46
167000
3000
และทำให้โรงพยาบาลดำเนินงานไปได้ด้วยดีเลยทีเดียว
03:02
Now, not all janitors are like this, of course.
47
170000
3000
ทีนี้ แน่ละ ภารโรงทุกคนไม่ได้เป็นเหมือนตัวอย่างที่ผมเล่าให้ฟัง
03:05
But the ones who are think that these sorts of human interactions
48
173000
6000
แต่คนที่เป็นอย่างนี้เขาคิดว่าการปฎิบัติต่อคนอื่น
03:11
involving kindness, care and empathy
49
179000
3000
ด้วยความเมตตา เอาใจใส่ดูแล และเห็นอกเห็นใจ
03:14
are an essential part of the job.
50
182000
2000
เป็นหัวใจสำคัญของงาน
03:16
And yet their job description contains not one word about other human beings.
51
184000
5000
แต่รายการหน้าที่รับผิดชอบของภารโรงนั้น ไม่มีคำที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์คนอื่นแม้แต่คำเดียว
03:21
These janitors have the moral will to do right by other people.
52
189000
6000
ภารโรงเหล่านี้มีเจตจำนงทางคุณธรรมที่จะทำสิ่งที่ถูกต้องกับผู้อื่น
03:27
And beyond this, they have the moral skill to figure out what "doing right" means.
53
195000
7000
และก็มีทักษะทางคุณธรรมที่จะตีความว่าการ “ทำสิ่งที่ถูกต้อง” นั้น ทำอย่างไร
03:34
"Practical wisdom," Aristotle told us,
54
202000
5000
อริสโทเทิลกล่าวไว้ว่า "ปัญญาในรูปสามัญสำนึกขั้นสูง"
03:39
"is the combination of moral will and moral skill."
55
207000
3000
ประกอบด้วยเจตจำนงและทักษะทางคุณธรรม
03:42
A wise person knows when and how to make the exception to every rule,
56
210000
7000
ผู้มีปัญญารู้ว่าควรจะยกเว้นกฎระเบียบทุกๆ ข้อเมื่อไหร่ และอย่างไร
03:49
as the janitors knew when to ignore the job duties in the service of other objectives.
57
217000
6000
เหมือนภารโรงที่รู้จักละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์อื่น
03:55
A wise person knows how to improvise,
58
223000
4000
ผู้มีปัญญารู้จักพลิกแพลงอย่างเหมาะสม
03:59
as Luke did when he re-washed the floor.
59
227000
3000
เหมือนที่ลูคยอมล้างพี้นซ้ำสองรอบ
04:02
Real-world problems are often ambiguous and ill-defined
60
230000
3000
ปัญหาที่เราเจอในโลกความเป็นจริงมักจะคลุมเครือและจับประเด็นได้ยาก
04:05
and the context is always changing.
61
233000
3000
และบริบทต่างๆ ก็เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
04:08
A wise person is like a jazz musician --
62
236000
3000
ผู้มีปัญญาก็เหมือนนักดนตรีแจ๊ส
04:11
using the notes on the page, but dancing around them,
63
239000
3000
ดูโน้ตเพลงบนหน้ากระดาษ แต่ก็นำมาพลิกแพลง
04:14
inventing combinations that are appropriate for the situation and the people at hand.
64
242000
7000
สร้างส่วนผสมทางดนตรีขึ้นมาใหม่ให้เหมาะกับสถานการณ์และผู้คนรอบข้าง
04:21
A wise person knows how to use these moral skills
65
249000
3000
ผู้มีปัญญารู้ว่าจะประยุกต์ใช้ทักษะทางคุณธรรมอย่างไร
04:24
in the service of the right aims.
66
252000
3000
เพื่อบรรลุเป้าหมายที่ถูกต้อง
04:27
To serve other people, not to manipulate other people.
67
255000
4000
เพื่อประโยชน์ของผู้อื่นไม่ใช่เพื่อหลอกลวงหรือปั่นหัวผู้อื่น
04:31
And finally, perhaps most important,
68
259000
3000
ประการสุดท้าย และน่าจะเป็นประเด็นสำคัญที่สุดก็คือ
04:34
a wise person is made, not born.
69
262000
3000
คนมีปัญญาเกิดจากการสั่งสม ไม่ได้ติดตัวมาแต่เกิด
04:37
Wisdom depends on experience,
70
265000
3000
ปัญญาเกิดจากการบ่มเพาะผ่านประสบการณ์
04:40
and not just any experience.
71
268000
3000
และไม่ใช่ประสบการณ์ใดๆ ก็ได้
04:43
You need the time to get to know the people that you're serving.
72
271000
4000
คุณต้องการเวลาเพื่อเรียนรู้ทำความเข้าใจคนที่คุณให้บริการ
04:47
You need permission to be allowed to improvise,
73
275000
3000
คุณต้องได้รับอนุญาตให้พลิกแพลง
04:50
try new things, occasionally to fail and to learn from your failures.
74
278000
5000
ให้ลองสิ่งใหม่ๆ ให้ล้มเหลวได้เป็นบางครั้ง และเรียนรู้จากความล้มเหลวของตัวเอง
04:55
And you need to be mentored by wise teachers.
75
283000
3000
และคุณต้องได้รับการชี้แนะจากครูที่เป็นผู้มีปัญญาด้วย
04:58
When you ask the janitors who behaved like the ones I described
76
286000
5000
ถ้าคุณถามภารโรงที่มีพฤติกรรมแบบที่ผมเล่าให้ฟัง
05:03
how hard it is to learn to do their job,
77
291000
3000
ว่าการเรียนรู้ที่จะทำงานของเขานั้นมันยากแค่ไหน
05:06
they tell you that it takes lots of experience.
78
294000
3000
เขาจะตอบคุณว่ามันต้องอาศัยประสบการณ์อย่างมาก
05:09
And they don't mean it takes lots of experience to learn how to mop floors and empty trash cans.
79
297000
4000
เขาไม่ได้หมายความว่าเขาต้องอาศัยประสบการณ์เพื่อเรียนรู้วิธีถูพี้นและเอาขยะไปทิ้ง
05:13
It takes lots of experience to learn how to care for people.
80
301000
5000
แต่หมายความว่าเขาต้องอาศัยประสบการณ์อย่างมากในการเรียนรู้วิธีดูแลเอาใจใส่ผู้คน
05:19
At TED, brilliance is rampant.
81
307000
4000
อย่างที่ TED นี่ เราเห็นความฉลาดเต็มไปหมด
05:23
It's scary.
82
311000
2000
เยอะมากจนน่ากลัว
05:25
The good news is you don't need to be brilliant to be wise.
83
313000
5000
ข่าวดีคือ คุณไม่จำเป็นต้องฉลาดถึงจะมีปัญญาได้
05:30
The bad news is that without wisdom,
84
318000
4000
แต่ข่าวร้ายก็คือ ถ้าขาดปัญญา
05:34
brilliance isn't enough.
85
322000
3000
ความฉลาดอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ
05:37
It's as likely to get you and other people into trouble as anything else.
86
325000
6000
มันมีโอกาสที่จะสร้างปัญหาให้คุณและคนอื่นไม่แพ้สิ่งอื่นๆ
05:43
(Applause)
87
331000
3000
(เสียงปรบมือ)
05:46
Now, I hope that we all know this.
88
334000
3000
ทีนี้ ผมหวังว่าเราทุกคนเข้าใจเรื่องนี้แล้วนะครับ
05:49
There's a sense in which it's obvious,
89
337000
3000
ผมรู้สึกว่ามันชัดเจนแล้วละ
05:52
and yet, let me tell you a little story.
90
340000
3000
แต่ขอให้ผมเล่าเรื่องสั้นๆ ให้คุณฟังอีกสักเรื่องหนึ่ง
05:55
It's a story about lemonade.
91
343000
3000
เรื่องนี้เกี่ยวกับน้ำมะนาวครับ
05:58
A dad and his seven-year-old son were watching a Detroit Tigers game at the ballpark.
92
346000
6000
คุณพ่อคนหนึ่งกับลูกชายอายุเจ็ดขวบกำลังดูการแข่งขันของทีมดีทรอยต์ ไทเกอร์สอยู่ในสนามเบสบอล
06:04
His son asked him for some lemonade
93
352000
2000
ลูกชายบอกพ่อว่าอยากดื่มน้ำมะนาว
06:06
and Dad went to the concession stand to buy it.
94
354000
3000
พ่อจึงเดินไปซื้อให้ที่ซุ้มขายน้ำ
06:09
All they had was Mike's Hard Lemonade,
95
357000
3000
ปรากฏว่ามีน้ำมะนาวขายอยู่ยี่ห้อเดียว คือ ยี่ห้อไมค์ ฮาร์ด
06:12
which was five percent alcohol.
96
360000
3000
ซึ่งมีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ห้าเปอร์เซ็นต์
06:15
Dad, being an academic, had no idea that Mike's Hard Lemonade contained alcohol.
97
363000
6000
คุณพ่อคนนี้เป็นคุณครูซึ่งไม่รู้เลยจริงๆ ว่าน้ำมะนาวยี่ห้อไมค์ ฮาร์ดมีแอลกอฮอล์ผสมอยู่
06:21
So he brought it back.
98
369000
3000
เขาจึงซื้อกลับมาให้ลูกชายดื่ม
06:24
And the kid was drinking it, and a security guard spotted it,
99
372000
3000
ลูกชายของเขาก็ดื่ม แล้วพนักงานรักษาความปลอดภัยก็เห็นเข้า
06:27
and called the police, who called an ambulance
100
375000
3000
จึงแจ้งตำรวจ ตำรวจก็โทรเรียกรถพยาบาล
06:30
that rushed to the ballpark, whisked the kid to the hospital.
101
378000
3000
ซึ่งรีบบึ่งมาที่สนามเบสบอล คว้าตัวเด็กชายไปโรงพยาบาล
06:33
The emergency room ascertained that the kid had no alcohol in his blood.
102
381000
4000
เจ้าหน้าที่ในห้องฉุกเฉินตรวจจนแน่ใจว่าเด็กไม่มีแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดแล้ว
06:37
And they were ready to let the kid go.
103
385000
3000
จึงยอมปล่อยให้เด็กกลับบ้านได้
06:40
But not so fast.
104
388000
3000
แต่เด็กก็ไม่ได้กลับบ้านเร็วขนาดนั้น
06:43
The Wayne County Child Welfare Protection Agency said no.
105
391000
4000
องค์การพิทักษ์สวัสดิภาพเด็กเมืองเวย์นเคาน์ตี้บอกว่าไม่ให้กลับ
06:47
And the child was sent to a foster home for three days.
106
395000
4000
เด็กถูกส่งไปพักที่สถานรับเลี้ยงเด็กเป็นเวลาสามวัน
06:51
At that point, can the child go home?
107
399000
3000
มาถึงตรงนี้แล้วเด็กกลับบ้านได้หรือยัง
06:54
Well, a judge said yes, but only if the dad leaves the house and checks into a motel.
108
402000
9000
อืม ผู้พิพากษาบอกว่าได้ แต่พ่อของเด็กต้องย้ายออกจากบ้านไปพักอยู่ที่โรงแรม
07:06
After two weeks, I'm happy to report,
109
414000
3000
เวลาผ่านไปสองสัปดาห์ ผมดีใจที่จะบอกคุณว่า
07:09
the family was reunited.
110
417000
2000
ครอบครัวนี้ได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว
07:11
But the welfare workers and the ambulance people
111
419000
3000
แต่เจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์ เจ้าหน้าที่หน่วยรถพยาบาล
07:14
and the judge all said the same thing:
112
422000
3000
และผู้พิพากษาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
07:17
"We hate to do it but we have to follow procedure."
113
425000
4000
“เราไม่อยากทำแบบนี้เลย แต่เราต้องทำตามกระบวนการ”
07:21
How do things like this happen?
114
429000
4000
เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
07:25
Scott Simon, who told this story on NPR,
115
433000
4000
สก็อต ไซมอน คนที่เล่าเรื่องนี้ออกอากาศทางสถานีวิทยุ เอ็น พี อาร์
07:29
said, "Rules and procedures may be dumb,
116
437000
4000
บอกว่า “บางทีกฎระเบียบและกระบวนการอาจจะดูไร้สาระ
07:33
but they spare you from thinking."
117
441000
3000
แต่มันช่วยให้คุณไม่ต้องคิด”
07:36
And, to be fair, rules are often imposed
118
444000
2000
และจะว่ากันอย่างยุติธรรม กฎระเบียบนั้นถูกประกาศใช้
07:38
because previous officials have been lax
119
446000
3000
ก็เพราะเจ้าหน้าที่คนก่อนๆ ทำงานหละหลวม
07:41
and they let a child go back to an abusive household.
120
449000
3000
และปล่อยให้เด็กคนหนึ่งกลับบ้านไปอยู่กับผู้ปกครองที่ทารุณ
07:44
Fair enough.
121
452000
1000
ซึ่งก็เข้าใจได้
07:45
When things go wrong, as of course they do,
122
453000
3000
เมื่อมีอะไรผิดพลาด ซึ่งต้องมีอยู่แล้วเป็นธรรมดา
07:48
we reach for two tools to try to fix them.
123
456000
4000
เรามักพยายามแก้ไขโดยหยิบเครื่องมือสองชนิดมาใช้
07:52
One tool we reach for is rules.
124
460000
3000
เครื่องมืออย่างหนึ่งที่เรานำมาใช้ก็คือกฎระเบียบ
07:55
Better ones, more of them.
125
463000
3000
ออกกฎให้ดีขึ้น มากขึ้น
07:58
The second tool we reach for is incentives.
126
466000
3000
เครื่องมืออย่างที่สองที่เราใช้ก็คือรางวัลจูงใจ
08:01
Better ones, more of them.
127
469000
3000
ให้รางวัลที่ดีขึ้น มากขึ้น
08:04
What else, after all, is there?
128
472000
3000
แล้วเรามีเครื่องมืออื่นบ้างไหมครับ
08:07
We can certainly see this in response to the current financial crisis.
129
475000
5000
เราจะเห็นได้ชัดเจนจากวิธีการแก้ปัญหาวิกฤตการเงินในปัจจุบัน
08:12
Regulate, regulate, regulate.
130
480000
3000
วางระเบียบ วางระเบียบ และวางระเบียบ
08:15
Fix the incentives, fix the incentives, fix the incentives ...
131
483000
3000
แก้ไขระบบการจูงใจ แก้ไขระบบการจูงใจ และแก้ไขระบบการจูงใจ
08:18
The truth is that neither rules nor incentives
132
486000
3000
แต่ความจริงก็คือ ทั้งกฎระเบียบและสิ่งจูงใจ
08:21
are enough to do the job.
133
489000
2000
ไม่เพียงพอที่จะแก้ปัญหาได้
08:23
How could you even write a rule that got the janitors to do what they did?
134
491000
4000
คุณจะเขียนกฎระเบียบที่กำกับให้ภารโรงทำสิ่งที่ภารโรงตัวอย่างเหล่านั้นเขาทำได้อย่างไร
08:27
And would you pay them a bonus for being empathic?
135
495000
3000
คุณจะจ่ายโบนัสเพื่อให้เขาเป็นคนเห็นอกเห็นใจคนอื่นได้ไหม?
08:30
It's preposterous on its face.
136
498000
4000
มันคงดูประหลาดมาก
08:34
And what happens is that as we turn increasingly to rules,
137
502000
5000
และสิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ เมื่อเราหันไปพึ่งพากฎระเบียบมากขึ้นเรื่อยๆ
08:39
rules and incentives may make things better in the short run,
138
507000
4000
กฎระเบียบและสิ่งจูงใจอาจทำให้สิ่งต่างๆ ดีขึ้นในระยะสั้น
08:43
but they create a downward spiral
139
511000
3000
แต่มันสร้างวังวน
08:46
that makes them worse in the long run.
140
514000
2000
ที่ทำให้ปัญหาแย่ลงในระยะยาว
08:48
Moral skill is chipped away by an over-reliance on rules
141
516000
5000
ทักษะทางคุณธรรมถูกบั่นทอนเพราะการพึ่งพากฎระเบียบมากเกินไป
08:53
that deprives us of the opportunity
142
521000
2000
ทำให้เราขาดโอกาส
08:55
to improvise and learn from our improvisations.
143
523000
3000
ที่จะพลิกแพลงอย่างเหมาะสมและเรียนรู้จากการพลิกแพลงของเรา
08:58
And moral will is undermined
144
526000
3000
ส่วนเจตจำนงทางคุณธรรมก็ลดถอยลง
09:01
by an incessant appeal to incentives
145
529000
3000
เพราะเรามัวแต่ใช้สิ่งจูงใจ
09:04
that destroy our desire to do the right thing.
146
532000
3000
ซึ่งทำลายความปรารถนาที่จะทำสิ่งที่ถูกต้องของเรา
09:07
And without intending it,
147
535000
2000
และโดยไม่ได้ตั้งใจ
09:09
by appealing to rules and incentives,
148
537000
4000
การพึ่งพากฎระเบียบและสิ่งจูงใจมากๆ
09:13
we are engaging in a war on wisdom.
149
541000
2000
ก็พาเราเข้าสู่การทำสงครามกับปัญญาและสามัญสำนึก
09:15
Let me just give you a few examples,
150
543000
3000
ผมขอยกตัวอย่างอีกสองสามเรื่อง
09:18
first of rules and the war on moral skill.
151
546000
3000
เรื่องแรกเกี่ยวกับกฎระเบียบและผลกระทบของมันที่มีต่อทักษะทางคุณธรรม
09:21
The lemonade story is one.
152
549000
2000
เรื่องน้ำมะนาวนั่นก็เป็นตัวอย่างอันหนึ่ง
09:23
Second, no doubt more familiar to you,
153
551000
3000
เรื่องที่สอง ซึ่งคุณน่าจะคุ้นเคยกันมากกว่า
09:26
is the nature of modern American education:
154
554000
3000
คือเรื่องการศึกษายุคใหม่ของอเมริกา
09:29
scripted, lock-step curricula.
155
557000
3000
ที่มีหลักสูตรเป็นขั้นตอนตายตัว
09:32
Here's an example from Chicago kindergarten.
156
560000
3000
เราลองมาดูตัวอย่างจากโรงเรียนอนุบาลในรัฐชิคาโกกัน
09:35
Reading and enjoying literature
157
563000
2000
การอ่านและเพลิดเพลินไปกับวรรณกรรม
09:37
and words that begin with 'B.'
158
565000
2000
และคำที่ขึ้นต้นด้วยตัวอักษร 'บี'
09:39
"The Bath:" Assemble students on a rug
159
567000
3000
การอาบน้ำ: จัดให้นักเรียนนั่งลงบนพรม
09:42
and give students a warning about the dangers of hot water.
160
570000
2000
เตือนนักเรียนถึงอันตรายของน้ำร้อน
09:44
Say 75 items in this script to teach a 25-page picture book.
161
572000
5000
พูดข้อความ 75 ข้อความตามบทเพื่อสอนเรื่องราวในหนังสือภาพ 25 หน้านี้
09:49
All over Chicago in every kindergarten class in the city,
162
577000
3000
ในชั้นเรียนอนุบาลทุกโรงเรียนทั่วทั้งรัฐชิคาโก
09:52
every teacher is saying the same words in the same way on the same day.
163
580000
7000
คุณครูทุกคนพูดประโยคเดียวกัน ด้วยวิธีเดียวกัน ในวันเดียวกัน
09:59
We know why these scripts are there.
164
587000
4000
พวกเราต่างก็รู้กันดีว่าทำไมจึงต้องมีบทที่ตายตัวเหล่านี้
10:03
We don't trust the judgment of teachers enough
165
591000
3000
เพราะเราไม่ไว้วางใจวิจารณญาณของครูเหล่านี้มากพอ
10:06
to let them loose on their own.
166
594000
3000
ที่จะปล่อยให้เขาสอนไปตามวิถีทางของเขาเอง
10:09
Scripts like these are insurance policies against disaster.
167
597000
3000
บทที่ตายตัวเหล่านี้ก็เหมือนประกันวินาศภัย
10:12
And they prevent disaster.
168
600000
3000
และมันก็ป้องกันวินาศภัยได้จริงๆ
10:15
But what they assure in its place is mediocrity.
169
603000
5000
แต่สิ่งที่มันสร้างขึ้นมาแทนที่ คือ คุณภาพแค่ระดับดาดๆ
10:20
(Applause)
170
608000
7000
(เสียงปรบมือ)
10:27
Don't get me wrong. We need rules!
171
615000
2000
อย่าเข้าใจผมผิดนะครับ เรายังจำเป็นต้องมีกฎระเบียบ
10:29
Jazz musicians need some notes --
172
617000
2000
ถึงยังไงนักดนตรีแจ๊สก็ต้องมีโน้ต
10:31
most of them need some notes on the page.
173
619000
2000
ส่วนใหญ่เขาต้องมีโน้ตอยู่บ้าง
10:33
We need more rules for the bankers, God knows.
174
621000
2000
แน่นอนว่าเราต้องสร้างกฎระเบียบมากขึ้นสำหรับนายธนาคาร
10:35
But too many rules prevent accomplished jazz musicians
175
623000
4000
แต่การมีกฎระเบียบมากเกินไปทำให้นักดนตรีแจ๊สฝีมือดี
10:39
from improvising.
176
627000
2000
ไม่สามารถเล่นพลิกแพลงแบบด้นสดได้
10:41
And as a result, they lose their gifts,
177
629000
3000
ผลก็คือ เขาสูญเสียพรสวรรค์
10:44
or worse, they stop playing altogether.
178
632000
3000
หรือแย่ยิ่งกว่านั้น เขาอาจเลิกเล่นดนตรีไปเลย
10:47
Now, how about incentives?
179
635000
3000
ทีนี้ การให้สิ่งจูงใจล่ะ เป็นอย่างไร
10:50
They seem cleverer.
180
638000
2000
มันก็ดูเป็นวิธีที่ฉลาดดีนะครับ
10:52
If you have one reason for doing something
181
640000
2000
ถ้าคุณมีเหตุผลหนึ่งข้อที่จะทำอะไรสักอย่าง
10:54
and I give you a second reason for doing the same thing,
182
642000
3000
แล้วผมเพิ่มเหตุผลข้อที่สองให้ว่าทำไมคุณจึงควรทำสิ่งนั้น
10:57
it seems only logical that two reasons are better than one
183
645000
3000
ตามตรรกะ เหตุผลสองข้อก็ย่อมดีกว่าข้อเดียวใช่ไหมครับ
11:00
and you're more likely to do it.
184
648000
3000
และก็น่าจะทำให้คุณอยากทำสิ่งนั้นมากขึ้น
11:03
Right?
185
651000
2000
ถูกไหมครับ
11:05
Well, not always.
186
653000
2000
แต่ว่า มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป
11:07
Sometimes two reasons to do the same thing seem to compete with one another
187
655000
3000
บางครั้งเหตุผลสองข้อสำหรับการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งอาจขัดแย้งกัน
11:10
instead of complimenting,
188
658000
2000
แทนที่จะส่งเสริมซึ่งกันและกัน
11:12
and they make people less likely to do it.
189
660000
3000
แล้วกลับไปลดแนวโน้มที่เราจะทำสิ่งนั้น
11:15
I'll just give you one example because time is racing.
190
663000
3000
ผมจะยกตัวอย่างอีกเรื่องเดียวเพราะเวลาใกล้หมดแล้ว
11:18
In Switzerland, back about 15 years ago,
191
666000
3000
เมื่อสิบห้าปีที่แล้ว ในประเทศสวิสเซอร์แลนด์
11:21
they were trying to decide where to site nuclear waste dumps.
192
669000
3000
มีการพิจารณาว่าจะสร้างโรงกำจัดขยะนิวเคลียร์ที่ไหนดี
11:24
There was going to be a national referendum.
193
672000
3000
ตอนนั้นจะมีการลงประชามติระดับชาติ
11:27
Some psychologists went around and polled citizens who were very well informed.
194
675000
3000
นักจิตวิทยากลุ่มหนึ่งได้ออกไปสำรวจความเห็นของประชาชนที่รู้ข้อมูลเรื่องนี้เป็นอย่างดีแล้ว
11:30
And they said, "Would you be willing to have a nuclear waste dump in your community?"
195
678000
3000
โดยถามว่า “คุณยอมให้มีโรงกำจัดขยะนิวเคลียร์อยู่ในชุมชนของคุณหรือไม่”
11:33
Astonishingly, 50 percent of the citizens said yes.
196
681000
5000
ไม่น่าเชื่อครับ ประชาชนร้อยละ 50 บอกว่ายอม
11:38
They knew it was dangerous.
197
686000
2000
เขารู้ว่ามันอันตราย
11:40
They thought it would reduce their property values.
198
688000
3000
และจะทำให้มูลค่าบ้านและที่ดินของเขาตกต่ำลง
11:43
But it had to go somewhere
199
691000
3000
แต่ประเทศก็จำเป็นต้องสร้างโรงกำจัดขยะนิวเคลียร์ขึ้นไม่ที่ใดก็ที่หนึ่ง
11:46
and they had responsibilities as citizens.
200
694000
3000
และพวกเขาก็มีความรับผิดชอบในฐานะพลเมืองของประเทศ
11:49
The psychologists asked other people a slightly different question.
201
697000
4000
นักจิตวิทยาถามประชาชนอีกกลุ่มหนึ่งด้วยคำถามที่ต่างไปเล็กน้อย
11:53
They said, "If we paid you six weeks' salary every year
202
701000
3000
ว่า "ถ้ารัฐจ่ายค่าตอบแทนให้คุณหกสัปดาห์ทุกๆ ปี
11:56
would you be willing to have a nuclear waste dump in your community?"
203
704000
4000
คุณจะยอมให้มีโรงกำจัดขยะนิวเคลียร์อยู่ในชุมชนของคุณหรือไม่?"
12:00
Two reasons. It's my responsibility and I'm getting paid.
204
708000
4000
เขามีเหตุผลสองข้อนะครับ คือ มันเป็นความรับผิดชอบของฉันและฉันได้รับค่าตอบแทน
12:04
Instead of 50 percent saying yes,
205
712000
3000
แทนที่จำนวนคนตอบว่ายอมจะเป็นร้อยละ 50
12:07
25 percent said yes.
206
715000
3000
มีแค่ร้อยละ 25 เท่านั้นที่ตอบว่ายอม
12:10
What happens is that
207
718000
3000
ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะ
12:13
the second this introduction of incentive gets us
208
721000
4000
เหตุผลข้อสองซึ่งเป็นการเสนอสิ่งจูงใจ
12:17
so that instead of asking, "What is my responsibility?"
209
725000
3000
ทำให้แทนที่เราจะถามตัวเองว่า “ความรับผิดชอบของฉันคืออะไร?”
12:20
all we ask is, "What serves my interests?"
210
728000
3000
เรากลับถามตัวเองว่า “ฉันจะได้ผลประโยชน์อะไร?”
12:23
When incentives don't work,
211
731000
2000
เมื่อสิ่งจูงใจใช้ไม่ได้ผล
12:25
when CEOs ignore the long-term health of their companies
212
733000
3000
และเมื่อผู้บริหารไม่สนใจความเข้มแข็งของบริษัทในระยะยาว
12:28
in pursuit of short-term gains that will lead to massive bonuses,
213
736000
4000
เอาแต่มุ่งแสวงหาผลประโยชน์ระยะสั้นที่จะนำไปสู่โบนัสก้อนใหญ่
12:32
the response is always the same.
214
740000
4000
ผลก็จะเป็นเหมือนเดิมเสมอ นั่นคือ
12:36
Get smarter incentives.
215
744000
3000
เราต้องหาสิ่งจูงใจที่ดีและแยบยลกว่าเดิมอีก
12:40
The truth is that there are no incentives that you can devise
216
748000
3000
แต่ความจริงก็คือ ไม่มีสิ่งจูงใจใดๆ ที่คุณสร้างขึ้น
12:43
that are ever going to be smart enough.
217
751000
3000
แล้วจะแยบยลเพียงพอได้ตลอดไป
12:46
Any incentive system can be subverted by bad will.
218
754000
4000
ระบบการจูงใจใดๆ ก็ตาม อาจถูกทำลายด้วยเจตจำนงแง่ลบอย่างที่กล่าวมา
12:50
We need incentives. People have to make a living.
219
758000
4000
พวกเราทุกคนต้องการสิ่งจูงใจ คนเราต้องทำมาหากิน
12:54
But excessive reliance on incentives
220
762000
2000
แต่การพึ่งพาสิ่งจูงใจมากเกินไป
12:56
demoralizes professional activity
221
764000
3000
ทำลายความภาคภูมิใจในการทำงานอย่างมืออาชีพ
12:59
in two senses of that word.
222
767000
3000
ในสองแง่ คือ
13:02
It causes people who engage in that activity to lose morale
223
770000
4000
มันทำให้คนที่ทำงานนั้นหมดขวัญกำลังใจในการทำงาน
13:06
and it causes the activity itself to lose morality.
224
774000
4000
และทำให้งานนั้นขาดความชอบธรรมในตัวมันเอง
13:10
Barack Obama said, before he was inaugurated,
225
778000
5000
บารัค โอบามากล่าวก่อนที่จะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งว่า
13:15
"We must ask not just 'Is it profitable?' but 'Is it right?'"
226
783000
4000
“เราต้องตั้งคำถามไม่ใช่แค่ว่า 'มันจะได้กำไรไหม?' แต่ต้องถามด้วยว่า 'มันถูกต้องหรือไม่?'”
13:19
And when professions are demoralized,
227
787000
3000
เมื่อความเชื่อมั่นและภาคภูมิใจในวิชาชีพถูกทำลายไป
13:22
everyone in them becomes dependent on -- addicted to -- incentives
228
790000
5000
คนที่อยู่ในวิชาชีพเหล่านั้นก็จะหันมาพึ่งพิง หรือเสพติดสิ่งจูงใจ
13:27
and they stop asking "Is it right?"
229
795000
3000
แล้วก็เลิกถามว่า “มันถูกต้องหรือไม่”
13:30
We see this in medicine.
230
798000
3000
เราเห็นปรากฏการณ์นี้แล้วในวงการแพทย์
13:33
("Although it's nothing serious, let's keep an eye on it to make sure it doesn't turn into a major lawsuit.")
231
801000
4000
(“ถึงไม่มีอะไรร้ายแรง แต่เราก็น่าจะเฝ้าดูอาการไปก่อน เพื่อให้แน่ใจว่ามันจะไม่กลายเป็นเรื่องฟ้องร้องใหญ่โตนะครับ”)
13:37
And we certainly see it in the world of business.
232
805000
2000
และแน่นอน เราเห็นปรากฎการณ์นี้ในวงการธุรกิจด้วย
13:39
("In order to remain competitive in today's marketplace, I'm afraid we're going to have to replace you with a sleezeball.")
233
807000
6000
("เพื่อให้เรามีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดปัจจุบัน ผมคิดว่าเราต้องรับคนไร้คุณธรรมมาทำงานแทนคุณแล้วล่ะ")
13:45
("I sold my soul for about a tenth of what the damn things are going for now.")
234
813000
5000
("โธ่เอ๊ย ผมขายวิญญาณของผมไปในราคาแค่หนึ่งในสิบของที่เขาขายกันวันนี้เอง")
13:50
It is obvious that this is not the way people want to do their work.
235
818000
3000
แน่นอนว่าไม่มีใครอยากทำงานตามวิถีทางแบบนี้
13:53
So what can we do?
236
821000
3000
ถ้าอย่างนั้นเราทำอะไรได้บ้างล่ะ
13:56
A few sources of hope:
237
824000
3000
เรายังพอมีหวังอยู่ครับ
13:59
we ought to try to re-moralize work.
238
827000
3000
เราต้องพยายามรื้อฟื้นคุณธรรมในการทำงานขึ้นมา
14:02
One way not to do it: teach more ethics courses.
239
830000
6000
วิธีหนึ่งที่ไม่ควรทำเลยก็คือ เปิดสอนวิชาจริยธรรมให้มากขึ้น
14:08
(Applause)
240
836000
3000
(เสียงปรบมือ)
14:11
There is no better way to show people that you're not serious
241
839000
3000
ไม่มีวิธีไหนที่จะทำให้คนรู้สึกว่าคุณไม่เห็นความสำคัญของจริยธรรม
14:14
than to tie up everything you have to say about ethics
242
842000
3000
ได้ดีไปกว่าการรวมเอาทุกอย่างที่คุณอยากบอกเกี่ยวกับเรื่องจริยธรรม
14:17
into a little package with a bow and consign it to the margins as an ethics course.
243
845000
5000
ใส่ห่อเล็กๆ ติดโบว์ แล้วก็ผลักมันไปอยู่ชายขอบในรูปของวิชาจริยธรรม
14:22
What to do instead?
244
850000
2000
แล้วเราควรทำยังไงล่ะครับ
14:24
One: Celebrate moral exemplars.
245
852000
4000
ข้อหนึ่ง เราต้องยกย่องชื่นชมต้นแบบทางคุณธรรม
14:28
Acknowledge, when you go to law school,
246
856000
3000
ยอมรับว่า ตอนที่คุณเลือกเรียนกฎหมาย
14:31
that a little voice is whispering in your ear
247
859000
3000
มีเสียงเล็กๆ กระซิบข้างหูคุณ
14:34
about Atticus Finch.
248
862000
3000
เกี่ยวกับแอตติคัส ฟินช์ (ทนายความที่มีคุณธรรมในนิยายเรื่อง To Kill A Mocking Bird)
14:37
No 10-year-old goes to law school to do mergers and acquisitions.
249
865000
3000
ไม่มีเด็กสิบขวบคนไหนฝันอยากเรียนกฎหมายเพราะอยากทำเรื่องควบรวมกิจการบริษัทหรอกครับ
14:40
People are inspired by moral heroes.
250
868000
3000
คนเราล้วนได้รับแรงบันดาลใจจากวีรบุรุษที่มีคุณธรรม
14:43
But we learn that with sophistication
251
871000
3000
แต่เมื่อเราโตขึ้น มีความคิดซับซ้อนมากขึ้น
14:46
comes the understanding that you can't acknowledge that you have moral heroes.
252
874000
4000
เราก็เกิดความคิดว่าเราไม่สามารถพูดได้ว่าเราทำอะไรตามวีรบุรุษ
14:50
Well, acknowledge them.
253
878000
2000
ยอมรับเถอะครับ
14:52
Be proud that you have them.
254
880000
2000
จงภูมิใจที่มีพวกเขาเป็นต้นแบบ
14:54
Celebrate them.
255
882000
2000
ยกย่องชื่นชมเขา
14:56
And demand that the people who teach you acknowledge them and celebrate them too.
256
884000
3000
และเรียกร้องให้คนที่สอนคุณยกย่องเชิดชูวีรบุรุษที่เป็นต้นแบบทางคุณธรรมของเขาด้วย
14:59
That's one thing we can do.
257
887000
3000
นั่นคือสิ่งหนึ่งที่เราทำได้
15:02
I don't know how many of you remember this:
258
890000
3000
ผมไม่ทราบว่ามีพวกคุณกี่คนที่จำเรื่องต่อไปนี้ได้
15:05
another moral hero, 15 years ago, Aaron Feuerstein,
259
893000
4000
เมื่อสิบห้าปีก่อน เรามีแบบอย่างทางคุณธรรมอีกคนหนึ่ง คือแอรอน ฟิวเออร์สไตน์
15:09
who was the head of Malden Mills in Massachusetts --
260
897000
3000
เจ้าของโรงงานทอผ้ามัลเดนในรัฐแมสซาจูเซตส์
15:12
they made Polartec --
261
900000
2000
ผู้ผลิตผ้าโพลาร์เทค
15:14
The factory burned down.
262
902000
2000
โรงงานของเขาถูกไฟไหม้
15:16
3,000 employees. He kept every one of them on the payroll.
263
904000
3000
เขามีพนักงานตั้งสามพันคน แต่เขาไม่เลิกจ้างพนักงานแม้แต่คนเดียว
15:19
Why? Because it would have been a disaster for them
264
907000
3000
ทำไมน่ะหรือครับ ก็เพราะมันจะเป็นหายนะกับชีวิตของคนงาน
15:22
and for the community if he had let them go.
265
910000
3000
และชุมชน ถ้าเขาเลิกจ้างพนักงานเหล่านั้น
15:25
"Maybe on paper our company is worth less to Wall Street,
266
913000
4000
“บริษัทของเราอาจจะมีมูลค่าลดลงในตลาดหุ้น
15:29
but I can tell you it's worth more. We're doing fine."
267
917000
4000
แต่ผมบอกคุณได้เลยว่ามันมีคุณค่ามากขึ้น และกิจการของเราก็ไปได้สวย”
15:33
Just at this TED we heard talks from several moral heroes.
268
921000
4000
ที่ TED นี่เอง เราก็ได้ฟังวีรบุรุษที่เป็นต้นแบบทางคุณธรรมหลายคน
15:37
Two were particularly inspiring to me.
269
925000
3000
มีสองคนที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผมเป็นพิเศษ
15:40
One was Ray Anderson, who turned --
270
928000
3000
คนแรกคือเรย์ แอนเดอร์สันผู้เปลี่ยน--
15:43
(Applause)
271
931000
3000
(เสียงปรบมือ)
15:46
-- turned, you know, a part of the evil empire
272
934000
3000
เปลี่ยนส่วนหนึ่งของอาณาจักรทางธุรกิจที่ชั่วร้าย
15:49
into a zero-footprint, or almost zero-footprint business.
273
937000
3000
ให้กลายเป็นธุรกิจที่ปลอดหรือเกือบจะปลอดมลภาวะ
15:52
Why? Because it was the right thing to do.
274
940000
4000
เขาทำไปทำไมเหรอครับ ก็เพราะมันเป็นสิ่งที่ถูกต้องและควรทำ
15:56
And a bonus he's discovering is
275
944000
3000
แล้วเขาก็พบว่ารางวัลที่เขาได้รับก็คือ
15:59
he's actually going to make even more money.
276
947000
3000
เขากำลังทำเงินได้มากกว่าเดิมเสียอีก
16:02
His employees are inspired by the effort.
277
950000
3000
พนักงานของเขาได้รับแรงบันดาลใจจากความพยายามครั้งนี้
16:05
Why? Because there happy to be doing something that's the right thing to do.
278
953000
4000
ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะพวกเขามีความสุขที่ได้ทำสิ่งที่ถูกต้อง
16:09
Yesterday we heard Willie Smits talk about re-foresting in Indonesia.
279
957000
5000
เมื่อวานนี้เราก็ได้ฟังวิลลี่ สมิทพูดถึงการปลูกป่าในอินโดนีเซีย
16:14
(Applause)
280
962000
3000
(เสียงปรบมือ)
16:17
In many ways this is the perfect example.
281
965000
3000
นี่เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมในหลายแง่
16:20
Because it took the will to do the right thing.
282
968000
3000
เพราะการทำสิ่งที่ถูก จะต้องมีความตั้งใจจริง
16:23
God knows it took a huge amount of technical skill.
283
971000
3000
พระเจ้ารู้ดีว่าการทำอย่างนี้ต้องใช้ความรู้ความสามารถทางเทคนิคมหาศาล
16:26
I'm boggled at how much he and his associates needed to know
284
974000
3000
ผมนึกไม่ออกเลยว่าเรย์, วิล และทีมงานของเขาจะต้องมีความรู้ทางเทคนิคมากมายขนาดไหน
16:29
in order to plot this out.
285
977000
3000
ถึงจะวางแผนโครงการพวกนี้ได้
16:32
But most important to make it work --
286
980000
3000
แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้มันสำเร็จ
16:35
and he emphasized this --
287
983000
2000
ซึ่งพวกเขาก็ย้ำมาก
16:37
is that it took knowing the people in the communities.
288
985000
3000
คือคุณต้องรู้จักคนในชุมชน
16:40
Unless the people you're working with are behind you,
289
988000
5000
ถ้าผู้คนที่คุณทำงานด้วยไม่หนุนหลังคุณ
16:45
this will fail.
290
993000
2000
งานนี้ก็ล้มเหลว
16:47
And there isn't a formula to tell you how to get the people behind you,
291
995000
3000
ไม่มีสูตรสำเร็จว่าคุณต้องทำอย่างไรเพื่อให้คนอื่นสนับสนุนคุณ
16:50
because different people in different communities
292
998000
3000
เพราะคนต่างคน ในองค์กรที่ต่างกัน
16:53
organize their lives in different ways.
293
1001000
3000
ก็จัดระเบียบชีวิตของเขาในวิถีทางที่แตกต่างกัน
16:56
So there's a lot here at TED, and at other places, to celebrate.
294
1004000
3000
ครับ จะเห็นว่า เรามีคนที่น่ายกย่องมากมาย ทั้งที่ TED นี่ และที่อื่นๆ
16:59
And you don't have to be a mega-hero.
295
1007000
3000
และคุณก็ไม่ต้องเป็นอภิมหาวีรบุรุษ
17:02
There are ordinary heroes.
296
1010000
2000
ในโลกนี้มีวีรบุรุษธรรมดาสามัญอีกมาก
17:04
Ordinary heroes like the janitors who are worth celebrating too.
297
1012000
3000
อย่างเช่นบรรดาภารโรงที่ควรได้รับการยกย่องเช่นกัน
17:07
As practitioners each and every one of us should strive
298
1015000
3000
ในฐานะที่เป็นนักปฏิบัติ พวกเราทุกคนควรพยายาม
17:10
to be ordinary, if not extraordinary heroes.
299
1018000
3000
เป็นวีรบุรุษธรรมดาสามัญให้ได้ แม้จะไม่ได้เป็นอภิมหาวีรบุรุษ
17:13
As heads of organizations,
300
1021000
2000
ในฐานะผู้นำองค์กร
17:15
we should strive to create environments
301
1023000
2000
เราควรพยายามสร้างสภาพแวดล้อม
17:17
that encourage and nurture both moral skill and moral will.
302
1025000
5000
ที่ส่งเสริมและบ่มเพาะทั้งทักษะและเจตจำนงทางคุณธรรม
17:22
Even the wisest and most well-meaning people
303
1030000
3000
แม้แต่คนที่มีปัญญาและความตั้งใจดีมากที่สุด
17:25
will give up if they have to swim against the current
304
1033000
3000
ก็ยังอาจยอมแพ้ถ้าเขาต้องว่ายน้ำทวนกระแส
17:28
in the organizations in which they work.
305
1036000
3000
ในองค์กรที่เขาทำงาน
17:31
If you run an organization, you should be sure
306
1039000
3000
ถ้าคุณบริหารองค์กร คุณต้องจัดการให้แน่ใจว่า
17:34
that none of the jobs -- none of the jobs --
307
1042000
3000
งานทุกงาน ทุกงานเลยนะครับ
17:37
have job descriptions like the job descriptions of the janitors.
308
1045000
3000
ไม่มีงานใดมีรายการหน้าที่รับผิดชอบเหมือนของภารโรงเมื่อครู่นี้
17:40
Because the truth is that
309
1048000
3000
เพราะที่จริงแล้ว
17:43
any work that you do that involves interaction with other people
310
1051000
3000
งานใดๆ ที่มีการปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น
17:46
is moral work.
311
1054000
3000
ย่อมต้องมีคุณธรรมเข้ามาเกี่ยวข้อง
17:49
And any moral work depends upon practical wisdom.
312
1057000
4000
และงานใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับคุณธรรม ก็ต้องอาศัยปัญญาในรูปสามัญสำนึกขั้นสูง
17:53
And, perhaps most important,
313
1061000
3000
และที่อาจจะสำคัญที่สุดนะครับ
17:56
as teachers, we should strive to be the ordinary heroes,
314
1064000
3000
ในฐานะที่เป็นครู เราควรพยายามเป็นวีรบุรุษธรรมดาสามัญ
17:59
the moral exemplars, to the people we mentor.
315
1067000
4000
เป็นแบบอย่างทางคุณธรรมให้ลูกศิษย์
18:03
And there are a few things that we have to remember as teachers.
316
1071000
3000
และยังมีอีกสองสามอย่างที่เราต้องจำไว้ในฐานะที่เป็นครู
18:06
One is that we are always teaching.
317
1074000
4000
อย่างแรกคือ เรากำลังสอนอยู่ตลอดเวลา
18:10
Someone is always watching.
318
1078000
3000
มีคนมองเราอยู่ตลอดเวลา
18:13
The camera is always on.
319
1081000
2000
มีกล้องจับภาพเราอยู่ตลอดเวลา
18:15
Bill Gates talked about the importance of education
320
1083000
3000
บิล เกตส์พูดถึงความสำคัญของการศึกษา
18:18
and, in particular, the model that KIPP was providing:
321
1086000
3000
และโดยเฉพาะต้นแบบที่ได้จากโครงการ KIPP
18:21
"Knowledge is power."
322
1089000
2000
หรือโครงการ "ความรู้คืออำนาจ"
18:24
And he talked about a lot of the wonderful things
323
1092000
3000
และเขาพูดถึงสิ่งดีๆ มากมาย
18:27
that KIPP is doing
324
1095000
2000
ที่โครงการ KIPP กำลังทำ
18:29
to take inner-city kids and turn them in the direction of college.
325
1097000
4000
เพื่อดึงเด็กๆ ในชุมชนแออัดเข้ามาเรียน แล้วส่งเสริมให้เขาเข้ามหาวิทยาลัย
18:33
I want to focus on one particular thing KIPP is doing
326
1101000
3000
แต่ผมอยากเน้นเรื่องหนึ่งที่ KIPP ทำอยู่
18:36
that Bill didn't mention.
327
1104000
2000
ซึ่งบิลไม่ได้พูดถึง
18:39
That is that they have come to the realization
328
1107000
2000
นั่นคือ ในที่สุด โครงการนี้ก็ได้ข้อสรุปว่า
18:42
that the single most important thing kids need to learn
329
1110000
2000
สิ่งสำคัญที่สุดสิ่งเดียวที่เด็กต้องเรียนรู้
18:44
is character.
330
1112000
1000
คือลักษณะนิสัย
18:45
They need to learn to respect themselves.
331
1113000
3000
เด็กๆ ต้องเรียนรู้ที่จะเคารพตัวเอง
18:48
They need to learn to respect their schoolmates.
332
1116000
3000
พวกเขาต้องเรียนรู้ที่จะเคารพเพื่อนร่วมโรงเรียน
18:51
They need to learn to respect their teachers.
333
1119000
3000
และต้องเรียนรู้ที่จะเคารพครูบาอาจารย์
18:54
And, most important, they need to learn to respect learning.
334
1122000
3000
และที่สำคัญที่สุด เด็กๆ ต้องเรียนรู้ที่จะเคารพการเรียนรู้
18:57
That's the principle objective.
335
1125000
2000
นั่นเป็นวัตถุประสงค์หลัก
18:59
If you do that, the rest is just pretty much a coast downhill.
336
1127000
4000
ถ้าคุณทำได้ตามนั้น เรื่องอื่นๆ ที่เหลือก็ง่ายเหมือนเส้นทางลงเนิน
19:03
And the teachers: the way you teach these things to the kids
337
1131000
3000
และคุณครูทั้งหลายครับ วิธีที่คุณจะสอนสิ่งเหล่านี้ให้เด็กๆ ได้
19:06
is by having the teachers and all the other staff embody it every minute of every day.
338
1134000
7000
ก็คือ คุณครูและเจ้าหน้าที่ทุกคนต้องแสดงสิ่งเหล่านี้ให้เด็กเห็นทุกๆ นาที ของทุกๆ วัน
19:13
Obama appealed to virtue.
339
1141000
2000
โอบามาเรียกร้องให้เรามีคุณธรรม
19:15
And I think he was right.
340
1143000
2000
และผมคิดว่าท่านคิดถูก
19:17
And the virtue I think we need above all others is practical wisdom,
341
1145000
4000
และคุณธรรมที่เราต้องมีเหนือสิ่งอื่นใจคือปัญญาในรูปของสามัญสำนึกขั้นสูง
19:21
because it's what allows other virtues -- honesty, kindness, courage and so on --
342
1149000
7000
เพราะมันช่วยให้คนเราแสดงคุณธรรมอื่นๆ เช่น ความซื่อสัตย์ ความเมตตา ความกล้าหาญ
19:28
to be displayed at the right time and in the right way.
343
1156000
3000
ออกมาได้อย่างถูกกาละเทศะและถูกวิธี
19:31
He also appealed to hope.
344
1159000
3000
นอกจากนี้ โอบามายังเรียกร้องให้เรามีความหวังด้วย
19:34
Right again.
345
1162000
2000
ซึ่งก็ถูกต้องอีกเช่นกัน
19:36
I think there is reason for hope.
346
1164000
3000
ผมคิดว่ามันมีเหตุผลที่เราต้องมีความหวัง
19:39
I think people want to be allowed to be virtuous.
347
1167000
3000
ผมคิดว่าคนเราล้วนอยากได้รับโอกาสที่จะเป็นคนมีคุณธรรม
19:42
In many ways, it's what TED is all about.
348
1170000
4000
จะว่าไป นี่ก็คือสิ่งที่เราทั้งหมดพูดกันใน TED
19:46
Wanting to do the right thing
349
1174000
3000
นั่นคือความปรารถนาที่จะทำสิ่งที่ถูกต้อง
19:49
in the right way
350
1177000
2000
ด้วยวิธีการที่ถูกต้อง
19:51
for the right reasons.
351
1179000
2000
เพื่อเหตุผลที่ถูกต้อง
19:53
This kind of wisdom is within the grasp of each and every one of us
352
1181000
3000
เราทุกๆ คนสามารถเข้าถึงปัญญาเช่นนี้ได้
19:56
if only we start paying attention.
353
1184000
3000
ถ้าเพียงแค่เราจะเริ่มเอาใจใส่
19:59
Paying attention to what we do,
354
1187000
3000
ใส่ใจในสิ่งที่เราทำ
20:02
to how we do it,
355
1190000
2000
วิธีที่เราทำสิ่งนั้น
20:04
and, perhaps most importantly,
356
1192000
2000
และที่น่าจะสำคัญที่สุด
20:06
to the structure of the organizations within which we work,
357
1194000
3000
ก็คือการจัดโครงสร้างขององค์กรที่เราทำงานอยู่
20:09
so as to make sure that it enables us and other people to develop wisdom
358
1197000
5000
เพื่อให้แน่ใจว่ามันส่งเสริมให้เราและคนอื่นๆ ได้พัฒนาปัญญา
20:14
rather than having it suppressed.
359
1202000
3000
ไม่ใช่ถูกกดไว้จนไม่มีโอกาสได้เติบโต
20:17
Thank you very much.
360
1205000
2000
ขอบคุณมากครับ
20:20
Thank you.
361
1208000
2000
ขอบคุณ
20:22
(Applause)
362
1210000
3000
(เสียงปรบมือ)
20:25
Chris Anderson: You have to go and stand out here a sec.
363
1213000
3000
คริส แอนเดอร์สัน: เชิญออกมายืนตรงนี้สักครู่ครับ
20:31
Barry Schwartz: Thank you very much.
364
1219000
2000
แบรี่ ชวาร์ต: ขอบคุณมากครับ
20:33
(Applause)
365
1221000
6000
(เสียงปรบมือ)
ABOUT THE SPEAKER
Barry Schwartz - PsychologistBarry Schwartz studies the link between economics and psychology, offering startling insights into modern life. Lately, working with Ken Sharpe, he's studying wisdom.
Why you should listen
In his 2004 book The Paradox of Choice, Barry Schwartz tackles one of the great mysteries of modern life: Why is it that societies of great abundance — where individuals are offered more freedom and choice (personal, professional, material) than ever before — are now witnessing a near-epidemic of depression? Conventional wisdom tells us that greater choice is for the greater good, but Schwartz argues the opposite: He makes a compelling case that the abundance of choice in today's western world is actually making us miserable.
Infinite choice is paralyzing, Schwartz argues, and exhausting to the human psyche. It leads us to set unreasonably high expectations, question our choices before we even make them and blame our failures entirely on ourselves. His relatable examples, from consumer products (jeans, TVs, salad dressings) to lifestyle choices (where to live, what job to take, who and when to marry), underscore this central point: Too much choice undermines happiness.
Schwartz's previous research has addressed morality, decision-making and the varied inter-relationships between science and society. Before Paradox he published The Costs of Living, which traces the impact of free-market thinking on the explosion of consumerism -- and the effect of the new capitalism on social and cultural institutions that once operated above the market, such as medicine, sports, and the law.
Both books level serious criticism of modern western society, illuminating the under-reported psychological plagues of our time. But they also offer concrete ideas on addressing the problems, from a personal and societal level.
Schwartz is the author of the TED Book, Why We Work.
Barry Schwartz | Speaker | TED.com