ABOUT THE SPEAKER
Dan Ariely - Behavioral economist
The dismal science of economics is not as firmly grounded in actual behavior as was once supposed. In "Predictably Irrational," Dan Ariely told us why.

Why you should listen

Dan Ariely is a professor of psychology and behavioral economics at Duke University and a founding member of the Center for Advanced Hindsight. He is the author of the bestsellers Predictably IrrationalThe Upside of Irrationality, and The Honest Truth About Dishonesty -- as well as the TED Book Payoff: The Hidden Logic that Shapes Our Motivations.

Through his research and his (often amusing and unorthodox) experiments, he questions the forces that influence human behavior and the irrational ways in which we often all behave.

More profile about the speaker
Dan Ariely | Speaker | TED.com
TED2011

Dan Ariely: Beware conflicts of interest

แดน อาเรียลี่ : ระวังผลประโยชน์ทับซ้อน

Filmed:
1,284,831 views

ในการพูดสั้นๆ นี้ นักจิตวิทยา แดน อาเรียลี่ จะมาเล่าสองเรื่องราวที่จะพาเราไปสำรวจในเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ นั่นคือ ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ จุดมุ่งหมายส่วนตัวจะมีผลกระทบกับการวิ่งไล่ตามหาความรู้ใหม่ๆได้อย่างไร เมื่อเรากำลังคิดถึงปัญหาใหญ่ๆ พวกนี้ เขาเตือนเราว่า ระวังสมองที่ สุด-จะ-เป็นมนุษย์ ของพวกเราไว้ให้ดี
- Behavioral economist
The dismal science of economics is not as firmly grounded in actual behavior as was once supposed. In "Predictably Irrational," Dan Ariely told us why. Full bio

Double-click the English transcript below to play the video.

00:16
So, I was in the hospitalโรงพยาบาล for a long time.
0
1000
3000
เอาล่ะ... ผมเคยใช้ชีวิตอยู่ในโรงพยาบาลมานาน
00:19
And a fewน้อย yearsปี after I left, I wentไป back,
1
4000
3000
และหลังจากที่ผมออกมาไม่กี่ปี ผมก็กลับไปที่นั่น
00:22
and the chairmanประธาน of the burnเผา departmentแผนก was very excitedตื่นเต้น to see me --
2
7000
3000
ท่านประธานของแผนกบำบัดผู้ป่วยไฟไหม้ดูตื่นเต้นมากเลยที่ได้เจอผม
00:25
said, "Danแดน, I have a fantasticน่าอัศจรรย์ newใหม่ treatmentการรักษา for you."
3
10000
3000
ท่านบอกผมว่า "แดน, ผมมีวิธีรักษาใหม่สำหรับคุณด้วยล่ะ มันเจ๋งมาก"
00:28
I was very excitedตื่นเต้น. I walkedเดิน with him to his officeสำนักงาน.
4
13000
2000
ผมตื่นเต้นมาก ผมเดินตามท่านเข้าไปในออฟฟิศ
00:30
And he explainedอธิบาย to me that, when I shaveโกน,
5
15000
3000
แล้วท่านก็อธิบายให้ผมฟังว่า ตอนที่ผมกำลังโกนหนวด
00:33
I have little blackสีดำ dotsจุด on the left sideด้าน of my faceใบหน้า where the hairผม is,
6
18000
3000
ผมมีจุดเล็กๆ ดำๆ ยุ่บยั่บอยู่บนซีกซ้ายของใบหน้า ส่วนที่มีเส้นขนอยู่ ตรงนี้ครับ
00:36
but on the right sideด้าน of my faceใบหน้า
7
21000
2000
แต่ใบหน้าซีกขวาของผมนี่สิ
00:38
I was badlyไม่ดี burnedเผาไหม้ so I have no hairผม,
8
23000
2000
ผมเคยถูกไฟคลอกหนักมาก ส่วนนี้ก็เลยไม่มีขน
00:40
and this createsสร้าง lackไม่มี of symmetryสมมาตร.
9
25000
2000
ใบหน้าทั้งสองซีกของผมก็เลยไม่สมมาตรกันครับ
00:42
And what's the brilliantสุกใส ideaความคิด he had?
10
27000
2000
แล้ววิธีรักษาสุดเจ๋งของท่านประธานน่ะเหรอครับ?
00:44
He was going to tattooสัก little blackสีดำ dotsจุด
11
29000
2000
ท่านจะสักจุดสีดำเล็กๆ พวกนี้
00:46
on the right sideด้าน of my faceใบหน้า
12
31000
3000
ลงบนใบหน้าซีกขวาของผม
00:49
and make me look very symmetricสมมาตร.
13
34000
2000
ซึ่งนั่นจะทำให้ใบหน้าของผมสมมาตรกันครับ
00:51
It soundedฟัง interestingน่าสนใจ. He askedถาม me to go and shaveโกน.
14
36000
3000
ผมสนใจวิธีนี้นะ ท่านก็เลยขอให้ผมไปโกนหนวด
00:54
Let me tell you, this was a strangeแปลก way to shaveโกน,
15
39000
2000
ผมจะบอกให้ มันเป็นวิธีการโกนหนวดที่แปลกมาก
00:56
because I thought about it
16
41000
2000
เพราะผมมาลองคิดๆดูแล้ว
00:58
and I realizedตระหนัก that the way I was shavingการโกน then
17
43000
2000
แล้วผมก็พบว่า วีธีการโกนหนวดของผมในตอนนั้น
01:00
would be the way I would shaveโกน for the restส่วนที่เหลือ of my life --
18
45000
2000
จะกลายเป็นวิธีที่ผมใช้โกนหนวดไปตลอดชีวิตของผม
01:02
because I had to keep the widthความกว้าง the sameเหมือนกัน.
19
47000
2000
เพราะผมต้องทำให้ความกว้างของเคราเท่าเดิมเสมอ
01:04
When I got back to his officeสำนักงาน,
20
49000
2000
เมื่อผมกลับไปที่ออฟฟิศของท่านประธาน
01:06
I wasn'tก็ไม่ได้ really sure.
21
51000
2000
ผมรู้สึกไม่ค่อยแน่ใจ
01:08
I said, "Can I see some evidenceหลักฐาน for this?"
22
53000
2000
ผมก็เลยถามท่านว่า "ผมขอดูหน่อยได้มั้ยครับว่าถ้าทำแล้วจะเป็นยังไง?"
01:10
So he showedแสดงให้เห็นว่า me some picturesภาพ
23
55000
2000
ท่านก็เลยให้ผมดูรูป
01:12
of little cheeksแก้ม with little blackสีดำ dotsจุด --
24
57000
2000
ของแก้มเล็กๆ ซึ่งมีจุดสีดำเล็กๆ
01:14
not very informativeให้ข้อมูล.
25
59000
2000
บอกอะไรไม่ค่อยได้เท่าไหร่
01:16
I said, "What happensที่เกิดขึ้น when I growเจริญ olderเก่ากว่า and my hairผม becomesกลายเป็น whiteขาว?
26
61000
2000
ผมก็เลยถามอีกว่า "ถ้าผมแก่ตัวขึ้นแล้วผมทั้งหัวกลายเป็นสีขาวโพลน
01:18
What would happenเกิดขึ้น then?"
27
63000
2000
อะไรจะเกิดขึ้นครับ?"
01:20
"Oh, don't worryกังวล about it," he said.
28
65000
2000
"โอ้, ไม่ต้องกังวลหรอกเรื่องนั้น" ท่านบอก
01:22
"We have lasersเลเซอร์; we can whitenฟอกขาว it out."
29
67000
3000
"เรามีเลเซอร์, เราทำให้จุดพวกนั้นขาวได้"
01:25
But I was still concernedเกี่ยวข้อง,
30
70000
2000
แต่ผมก็ยังกังวลอยู่
01:27
so I said, "You know what, I'm not going to do it."
31
72000
3000
ผมจึงบอกท่านว่า "รู้อะไรมั้ยครับ, ผมไม่ทำดีกว่า"
01:30
And then cameมา one of the biggestที่ใหญ่ที่สุด guiltความรู้สึกผิด tripsการเดินทาง of my life.
32
75000
4000
แล้วการกดดันเพื่อทำให้ผมรู้สึกผิดครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต ก็ตามมาทันทีครับ
01:34
This is comingมา from a Jewishชาวยิว guy, all right, so that meansวิธี a lot.
33
79000
3000
คนพูดประโยคนี้เป็นคนยิวนะครับ เอาล่ะ นั่นตีความได้หลายอย่างเลย
01:37
(Laughterเสียงหัวเราะ)
34
82000
2000
(หัวเราะ)
01:39
And he said, "Danแดน, what's wrongไม่ถูกต้อง with you?
35
84000
3000
ท่านบอกว่า "แดน, คุณเป็นอะไรไป?"
01:42
Do you enjoyสนุก looking non-symmetricที่ไม่สมมาตร?
36
87000
2000
รู้สึกดีเหรอที่ใบหน้าดูไม่สมมาตรเป็นแบบนี้?
01:44
Do you have some kindชนิด of pervertedในทางที่ผิด pleasureความสุข from this?
37
89000
5000
คุณมีความสุขแบบวิตถารจากการที่เป็นแบบนี้หรือไง?
01:49
Do womenผู้หญิง feel pityสงสาร for you
38
94000
2000
ผู้หญิงจะรู้สึกสงสารคุณ
01:51
and have sexเพศ with you more frequentlyบ่อยๆ?"
39
96000
3000
แล้วก็มีเซ็กซ์กับคุณบ่อยขึ้นงั้นเหรอ?
01:54
Noneไม่มี of those happenedที่เกิดขึ้น.
40
99000
3000
ที่พูดมาทั้งหมด ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยครับ
01:58
And this was very surprisingน่าแปลกใจ to me,
41
103000
2000
และนั่นเป็นอะไรที่ผมเซอร์ไพรส์มากนะ
02:00
because I've goneที่ไปแล้ว throughตลอด manyจำนวนมาก treatmentsการรักษา --
42
105000
2000
เพราะผมเคยผ่านการบำบัดรักษามาก็หลายครั้ง
02:02
there were manyจำนวนมาก treatmentsการรักษา I decidedตัดสินใจ not to do --
43
107000
2000
แล้วก็มีการบำบัดหลายอย่างที่ผมไม่ทำ
02:04
and I never got this guiltความรู้สึกผิด tripการเดินทาง to this extentขอบเขต.
44
109000
2000
และผมก็ไม่เคยถูกกดดันให้รู้สึกผิดขนาดนี้มาก่อนเลย
02:06
But I decidedตัดสินใจ not to have this treatmentการรักษา.
45
111000
2000
แต่ผมก็ตัดสินใจว่าจะไม่เข้ารับการรักษานี้
02:08
And I wentไป to his deputyรอง and askedถาม him, "What was going on?
46
113000
2000
ผมก็เลยไปหาท่านรองคณบดี แล้วถามว่า "เกิดอะไรขึ้น?
02:10
Where was this guiltความรู้สึกผิด tripการเดินทาง comingมา from?"
47
115000
2000
ทำไมต้องมากดดันกัน?"
02:12
And he explainedอธิบาย that they have doneเสร็จแล้ว this procedureขั้นตอน on two patientsผู้ป่วย alreadyแล้ว,
48
117000
4000
แล้วท่านรองก็อธิบายให้ผมฟังว่า พวกเขาได้ใช้วิธีรักษานี้กับผู้ป่วยสองรายแล้ว
02:16
and they need the thirdที่สาม patientผู้ป่วย for a paperกระดาษ they were writingการเขียน.
49
121000
3000
และพวกเขากำลังต้องการผู้ป่วยรายที่สามสำหรับรายงานที่พวกเขากำลังเขียนอยู่
02:19
(Laughterเสียงหัวเราะ)
50
124000
2000
(หัวเราะ)
02:21
Now you probablyอาจ think that this guy'sคนที่แต่งตัวประหลาด a schmuckSchmuck.
51
126000
2000
ตอนนี้ คุณอาจจะคิดว่าผู้ชายคนนี้มันงี่เง่า
02:23
Right, that's what he seemsดูเหมือนว่า like.
52
128000
2000
ก็ถูกครับ ดูเหมือนเขาจะเป็นแบบนั้นจริงๆ นั่นแหละ
02:25
But let me give you a differentต่าง perspectiveมุมมอง on the sameเหมือนกัน storyเรื่องราว.
53
130000
3000
แต่ขอผมเล่าเพิ่มมุมมองอีกด้านนึงของเรื่องนี้ให้คุณฟังก็แล้วกัน
02:28
A fewน้อย yearsปี agoมาแล้ว, I was runningวิ่ง some of my ownด้วยตัวเอง experimentsการทดลอง in the labห้องปฏิบัติการ.
54
133000
3000
ไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผมกำลังทำการทดลองอยู่ในห้องทดลอง
02:31
And when we runวิ่ง experimentsการทดลอง,
55
136000
2000
แล้วตอนที่เราดำเนินการทดลองเนี่ยนะครับ
02:33
we usuallyมักจะ hopeหวัง that one groupกลุ่ม will behaveประพฤติ differentlyต่างกัน than anotherอื่น.
56
138000
3000
เรามักจะหวังว่ากลุ่มแรก จะทำตัวแตกต่างจากอีกกลุ่มที่เหลือ
02:36
So we had one groupกลุ่ม that I hopedหวังว่า theirของพวกเขา performanceประสิทธิภาพ would be very highสูง,
57
141000
3000
สรุปได้ว่า ตอนนั้นเรามีกลุ่มหนึ่งที่ผมคาดว่ามีประสิทธิภาพสูง
02:39
anotherอื่น groupกลุ่ม that I thought theirของพวกเขา performanceประสิทธิภาพ would be very lowต่ำ,
58
144000
3000
และอีกกลุ่มที่ผมคาดว่ามีประสิทธิภาพต่ำ
02:42
and when I got the resultsผล, that's what we got --
59
147000
2000
และตอนที่เราได้ผลการทดลอง นี่เป็นสิ่งที่เราได้ครับ
02:44
I was very happyมีความสุข -- asideกัน from one personคน.
60
149000
3000
ผมดีใจมาก
02:47
There was one personคน in the groupกลุ่ม
61
152000
2000
ถ้าไม่นับว่ามีคนคนหนึ่ง
02:49
that was supposedควร to have very highสูง performanceประสิทธิภาพ
62
154000
2000
ในกลุ่มที่น่าจะมีประสิทธิภาพสูง
02:51
that was actuallyแท้จริง performingการดำเนินการ terriblyชะมัด.
63
156000
2000
แต่ดันทำงานได้แย่มาก
02:53
And he pulledดึง the wholeทั้งหมด mean down,
64
158000
2000
และเขาดึงค่าเฉลี่ยของกลุ่มลง
02:55
destroyingทำลาย my statisticalสถิติ significanceความสำคัญ of the testทดสอบ.
65
160000
3000
ทำลายนัยสำคัญในเชิงสถิติของการทดลองไปหมด
02:59
So I lookedมอง carefullyรอบคอบ at this guy.
66
164000
2000
ดังนั้น ผมก็เลยจับตาดูผู้ชายคนนี้เป็นพิเศษ
03:01
He was 20-some-บาง yearsปี olderเก่ากว่า than anybodyใคร ๆ elseอื่น in the sampleตัวอย่าง.
67
166000
3000
เขามีอายุมากกว่าคนอื่นๆ ในกลุ่มประมาณ 20 กว่าปี
03:04
And I rememberedจำได้ว่า that the oldเก่า and drunkenเมา guy
68
169000
2000
และผมจำได้ดีเลยว่า เคยมีผู้ชายแก่ๆ และขี้เมาคนหนึ่ง
03:06
cameมา one day to the labห้องปฏิบัติการ
69
171000
2000
มาหาผมที่ห้องทดลอง
03:08
wantingบกพร่อง to make some easyง่าย cashเงินสด
70
173000
2000
อยากจะได้เงินไปใช้
03:10
and this was the guy.
71
175000
2000
และผู้ชายแก่ๆ คนนั้นก็คือผู้ชายที่ทำลายผลการทดลองของผมนี่แหละ
03:12
"Fantasticน่าอัศจรรย์!" I thought. "Let's throwโยน him out.
72
177000
2000
"เยี่ยมเลย!" ผมคิด "โยนเขาออกไปจากการทดลองเลยละกัน
03:14
Who would ever includeประกอบด้วย a drunkenเมา guy in a sampleตัวอย่าง?"
73
179000
3000
ใครหน้าไหนกันที่จะเอาผู้ชายขี้เมามาเป็นกลุ่มตัวอย่าง?"
03:17
But a coupleคู่ of daysวัน laterต่อมา,
74
182000
2000
แต่ในอีกสองวันถัดมา
03:19
we thought about it with my studentsนักเรียน,
75
184000
2000
เรามานั่งคิดเรื่องนี้กันกับกลุ่มนักศึกษาของผม
03:21
and we said, "What would have happenedที่เกิดขึ้น if this drunkenเมา guy was not in that conditionเงื่อนไข?
76
186000
3000
แล้วเราก็พูดว่า "อะไรจะเกิดขึ้นถ้าผู้ชายขี้เมาคนนั้นไม่ได้ทำลายผลการทดลองของเรา
03:24
What would have happenedที่เกิดขึ้น if he was in the other groupกลุ่ม?
77
189000
2000
อะไรจะเกิดขึ้นถ้าเขาอยู่ในอีกกลุ่มนึง?
03:26
Would we have thrownโยน him out then?"
78
191000
2000
เราจะเอาเขาออกไปจากการทดลองมั้ย?"
03:28
We probablyอาจ wouldn'tจะไม่ have lookedมอง at the dataข้อมูล at all,
79
193000
2000
เราอาจจะไม่ได้ดูข้อมูลเลยด้วยซ้ำไป
03:30
and if we did look at the dataข้อมูล,
80
195000
2000
และถ้าเราได้ดูข้อมูล
03:32
we'dพุธ probablyอาจ have said, "Fantasticน่าอัศจรรย์! What a smartฉลาด guy who is performingการดำเนินการ this lowต่ำ,"
81
197000
3000
เราอาจจะพูดว่า "เยี่ยมเลย! ช่างเป็นผู้ชายที่ฉลาด และทำงานได้ไร้ประสิทธิภาพอะไรอย่างนี้"
03:35
because he would have pulledดึง the mean of the groupกลุ่ม lowerลดลง,
82
200000
2000
เพราะเขาคงดึงค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ด้อยกว่าลงไปอีก"
03:37
givingให้ us even strongerแข็งแกร่ง statisticalสถิติ resultsผล than we could.
83
202000
3000
ซึ่งนั่นทำให้ผลการทดลองของเรามีความหนักแน่นขึ้น อย่างที่เราไม่มีทางทำได้
03:41
So we decidedตัดสินใจ not to throwโยน the guy out and to rerunวิ่งใหม่ the experimentการทดลอง.
84
206000
3000
ดังนั้น พวกเราจึงตัดสินใจไม่ถอดผู้ชายคนนั้นออก และเริ่มทำการทดลองกันใหม่
03:44
But you know, these storiesเรื่องราว,
85
209000
3000
แต่คุณก็รู้ เรื่องราวเหล่านี้
03:47
and lots of other experimentsการทดลอง that we'veเราได้ doneเสร็จแล้ว on conflictsความขัดแย้ง of interestดอกเบี้ย,
86
212000
3000
และการทดลองอีกหลายครั้งที่เราได้ทำบนผลประโยชน์ที่ทับซ้อนกัน
03:50
basicallyเป็นพื้น kindชนิด of bringนำมาซึ่ง two pointsจุด
87
215000
2000
มักจะดึงเอาสองประเด็นสำคัญ
03:52
to the foregroundเบื้องหน้า for me.
88
217000
2000
ขึ้นมาให้เราเห็นนะ ผมว่า
03:54
The first one is that in life we encounterพบ manyจำนวนมาก people
89
219000
3000
ประเด็นแรกก็คือ ในชีวิตนี้ เราได้เจอผู้คนมากมาย
03:57
who, in some way or anotherอื่น,
90
222000
3000
ผู้คนที่ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
04:00
try to tattooสัก our facesใบหน้า.
91
225000
2000
พยายามจะสักลงบนหน้าเรา
04:02
They just have the incentivesแรงจูงใจ that get them to be blindedตาบอด to realityความจริง
92
227000
3000
พวกเขาได้รับผลประโยชน์ ที่ทำให้มองไม่เห็นความเป็นจริง
04:05
and give us adviceคำแนะนำ that is inherentlyอย่างโดยเนื้อแท้ biasedลำเอียง.
93
230000
3000
จึงทำให้พวกเขาให้คำแนะนำที่มีความเอนเอียงกับเรา
04:08
And I'm sure that it's something that we all recognizeรับรู้,
94
233000
2000
และผมมั่นใจมากว่า นี่เป็นสิ่งที่พวกเราทุกคนสังเกตพบ
04:10
and we see that it happensที่เกิดขึ้น.
95
235000
2000
และพวกเราเห็นว่ามันเกิดขึ้น
04:12
Maybe we don't recognizeรับรู้ it everyทุกๆ time,
96
237000
2000
เราอาจจะไม่ได้สังเกตพบในทุกๆ ครั้ง
04:14
but we understandเข้าใจ that it happensที่เกิดขึ้น.
97
239000
2000
แต่เราเข้าใจว่ามันเกิดขึ้น
04:16
The mostมากที่สุด difficultยาก thing, of courseหลักสูตร, is to recognizeรับรู้
98
241000
2000
สิ่งที่ยากที่สุด แน่นอนครับ ก็คือการสังเกต
04:18
that sometimesบางครั้ง we too
99
243000
2000
ว่าในบางครั้ง ตัวเราเองนั่นแหละ
04:20
are blindedตาบอด by our ownด้วยตัวเอง incentivesแรงจูงใจ.
100
245000
2000
ที่ตามืดบอดไปเพราะผลประโยชน์ที่เราได้รับ
04:22
And that's a much, much more difficultยาก lessonบทเรียน to take into accountบัญชี.
101
247000
3000
และนั่นก็เป็นบทเรียนที่ยากมาก มากเพียงพอที่เราจะต้องนำมาใส่ใจ
04:25
Because we don't see how conflictsความขัดแย้ง of interestดอกเบี้ย work on us.
102
250000
4000
เพราะเรามองไม่เห็นว่าผลประโยชน์ทับซ้อนมีผลกับเราอย่างไร
04:29
When I was doing these experimentsการทดลอง,
103
254000
2000
ในขณะที่ผมกำลังทำการทดลองพวกนี้
04:31
in my mindใจ, I was helpingการช่วยเหลือ scienceวิทยาศาสตร์.
104
256000
2000
ในใจผมนะ ผมกำลังช่วยเหลือวิทยาศาสตร์
04:33
I was eliminatingการกำจัด the dataข้อมูล
105
258000
2000
ผมทำลายข้อมูล
04:35
to get the trueจริง patternแบบแผน of the dataข้อมูล to shineเปล่งปลั่ง throughตลอด.
106
260000
2000
เพื่อที่จะทำให้รูปแบบของข้อมูลที่แท้จริงเปล่งประกายออกมา
04:37
I wasn'tก็ไม่ได้ doing something badไม่ดี.
107
262000
2000
ผมไม่ได้ทำอะไรเลวร้ายซักหน่อย
04:39
In my mindใจ, I was actuallyแท้จริง a knightอัศวิน
108
264000
2000
ในใจผม ผมนี่แหละที่เป็นอัศวิน
04:41
tryingพยายาม to help scienceวิทยาศาสตร์ moveย้าย alongตาม.
109
266000
2000
ที่กำลังช่วยให้วิทยาศาสตร์ก้าวหน้า
04:43
But this was not the caseกรณี.
110
268000
2000
แต่มันไม่ใช่เลย
04:45
I was actuallyแท้จริง interferingรบกวน with the processกระบวนการ with lots of good intentionsความตั้งใจ.
111
270000
3000
จริงๆแล้ว ผมกำลังเข้าไปยุ่มย่ามกับกระบวนการ ด้วยเจตนาดีทั้งหลายแหล่
04:48
And I think the realจริง challengeท้าทาย is to figureรูป out
112
273000
2000
และผมคิดว่าความท้าทายที่แท้จริงก็คือการมองให้ออก
04:50
where are the casesกรณี in our livesชีวิต
113
275000
2000
ว่ามีครั้งไหนบ้างในชีวิตเรา
04:52
where conflictsความขัดแย้ง of interestดอกเบี้ย work on us,
114
277000
2000
ที่ผลประโยชน์ทับซ้อนเข้ามามีบทบาทอยู่
04:54
and try not to trustวางใจ our ownด้วยตัวเอง intuitionปรีชา to overcomeเอาชนะ it,
115
279000
3000
และพยายามเลิกเชื่อในสัญชาตญาณที่จะเอาชนะมัน
04:57
but to try to do things
116
282000
2000
แต่ให้พยายามทำในสิ่งต่างๆ
04:59
that preventป้องกัน us from fallingล้ม preyเหยื่อ to these behaviorsพฤติกรรม,
117
284000
2000
ที่จะช่วยให้เราหลีกหนีจากการเป็นเหยื่อของพฤติกรรมเหล่านี้
05:01
because we can createสร้าง lots of undesirableไม่พึงปรารถนา circumstancesพฤติการณ์.
118
286000
3000
เพราะเราอาจจะสร้างสถานการณ์ที่เราไม่ต้องการขึ้นมาได้มากมาย
05:05
I do want to leaveออกจาก you with one positiveบวก thought.
119
290000
2000
ผมอยากจะฝากซักแง่คิดที่ดีไว้ให้กับพวกคุณ
05:07
I mean, this is all very depressingซึ่งทำให้ตกต่ำ, right --
120
292000
2000
ผมหมายความว่า ที่ผมพูดมาทั้งหมดนี่มันน่าหดหู่นะ
05:09
people have conflictsความขัดแย้ง of interestดอกเบี้ย, we don't see it, and so on.
121
294000
3000
ผู้คนมีผลประโยชน์ทับซ้อน เรามองไม่เห็นมัน และอะไรอื่นๆอีกมากมาย
05:12
The positiveบวก perspectiveมุมมอง, I think, of all of this
122
297000
2000
ผมคิดว่านะ สิ่งที่ดี ของผมที่กล่าวมาทั้งหมดนี่
05:14
is that, if we do understandเข้าใจ when we go wrongไม่ถูกต้อง,
123
299000
3000
ก็คือ ถ้าเราเข้าใจเมื่อเราก้าวไปผิดทาง
05:17
if we understandเข้าใจ the deepลึก mechanismsกลไก
124
302000
2000
ถ้าเราเข้าใจกระบวนการลึกๆ
05:19
of why we failล้มเหลว and where we failล้มเหลว,
125
304000
2000
ว่าทำไมเราถึงตกหลุมพราง และหลุมพรางเหล่านี้อยู่ที่ไหนบ้าง
05:21
we can actuallyแท้จริง hopeหวัง to fixแก้ไขปัญหา things.
126
306000
2000
เราก็คงจะหวังได้จริงๆ ว่าเราจะแก้ปัญหานี้ได้
05:23
And that, I think, is the hopeหวัง. Thank you very much.
127
308000
2000
และนั่นแหละครับ คือความหวัง ขอบคุณมากครับ
05:25
(Applauseการปรบมือ)
128
310000
4000
(ปรบมือ)
Translated by Ratchpak Pongmongkol
Reviewed by Thanee Chaiwat

▲Back to top

ABOUT THE SPEAKER
Dan Ariely - Behavioral economist
The dismal science of economics is not as firmly grounded in actual behavior as was once supposed. In "Predictably Irrational," Dan Ariely told us why.

Why you should listen

Dan Ariely is a professor of psychology and behavioral economics at Duke University and a founding member of the Center for Advanced Hindsight. He is the author of the bestsellers Predictably IrrationalThe Upside of Irrationality, and The Honest Truth About Dishonesty -- as well as the TED Book Payoff: The Hidden Logic that Shapes Our Motivations.

Through his research and his (often amusing and unorthodox) experiments, he questions the forces that influence human behavior and the irrational ways in which we often all behave.

More profile about the speaker
Dan Ariely | Speaker | TED.com