Mark Ronson: How sampling transformed music
มาร์ค รอนสัน (Mark Ronson): การทำแซมพลิ้งช่วยแปลงโฉมเพลงใหม่ได้อย่างไร
His production credits range from Amy Winehouse to Paul McCartney -- ace DJ, musician and producer Mark Ronson has lived recent music history from the inside out. Full bio
Double-click the English transcript below to play the video.
ใช่มั้ยครับ
ให้ท่านลองฟังกันดู
Kate Stone: -- mix some music.
(เคท สโตนน์) มามิกซ์เพลง
ผมจะใช้มันบอกเล่าเรื่องราว
ที่ไม่เคยมีใครได้ยินได้ฟังมาก่อน
ผมเรียกมันว่ามิกเซอร์
dials, the wheel starts to turn.
ล้อของมันก็จะเริ่มหมุน
or a rhythm or a mood or an attitude?
อารมณ์หรือว่าทัศนคติกันแน่
that's going on inside my body.
ที่กำลังเกิดขึ้นในร่างกายผม
this amazing musical computer.
อย่างมิวสิเคิลคอมพิวเตอร์
works. It's a language that's still evolving.
เครื่องสังเคราะห์สร้างเสียง มันคือภาษาที่กำลังพัฒนา
แวะเข้าไปในดิสโกเทค
is doing: moving to the music.
ก็กำลังโยกไปตามจังหวะเพลงไง
ผมว่ามันสำคัญนะเนี่ย
เราทุกคนรักในเสียงดนตรี
เพลงแดนซ์ เพลงรักและเพลงมาร์ช
is new music created from old music.
ส่วนเพลงรีมิกซ์ คือ เพลงเก่ามาเล่าใหม่
แล้วอะไรจะเกิดขึ้นต่อ ถ้าเพลงหยุด
ผมได้ดู TED Talks มาเยอะพอสมควร
watching tons of TED Talks,
เท่าที่พอจะทำได้
ก็จะเริ่มคิดว่า
expedition to the North Pole yet.
ขั้วโลกเหนือมาก่อนเลยนะ
วิธีการเดินกระแสไฟฟ้า
ความฉลาดล้ำเลิศด้วยซ้ำไป
ที่กลั่นออกมาจากความรู้สึกภายใน
ใครที่ออกมากล่าวอย่างทุ่มเท
ก็กลายสภาพเป็นแบบนี้
"Beautiful Mind" เลยครับ
อย่างน้อยสักหนึ่งวันก็ได้
หรือไม่ก็ไปกินไอติมด้วยกันบ้าง
they're banging on about all the time.
พยายามอธิบายแทบจะทุกครั้ง
you're but a mere human
คุณเป็นแค่มนุษย์คนหนึ่ง
มีระดับสติปัญญาเท่าคนทั่วไป
โลกแห่งความจริงกันดีกว่า
กลายเป็นเพื่อนซี้กัน
and I imagine is quite busy,
ว่าคงยุ่งวุ่นวายพิลึก
หลายๆ อย่างเข้าด้วยกัน
เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราว
กับวงการเพลงมาตลอด 30 ปี
คุณมีเครื่องแซมเพิลดิจิตอล
เพลงหลายๆ เพลงมาใช้ใหม่ (แซมพลิ้ง)
(Funky Meters)
(Ron Carter)
จากวงเดอ ลา โซล (De La Soul)
จากวงบีสตีบอยส์ (Beastie Boys)
จากหลายทศวรรษมารวมกัน
ให้เป็นผลงานชิ้นเอก
อัลบั้ม Sgt. Peppers ในสมัยนั้น
มาดัดแปลงใช้ใหม่
ที่จะเขียนเพลงเอง
เพื่อที่จะฉวยโอกาส
อะไรๆ ที่มีการแซมพลิ้งมาเกี่ยวข้อง
ดูคลุมเครือนะครับ
"doo doo doo da da doo doo"
ที่จะลองเป็นส่วนหนึ่งของมันดู
(Delta blues)
and the Beatles and Clapton,
(the Beatles) และแคลปตัน (Clapton)
เรามักจะเลือกเอาสิ่งที่เรารัก
โดย Doug E. Fresh & Slick Rick)
แซมพลิ้งมากเป็นอันดับที่ห้า
ได้ทำเพลงนี้ออกมาในปีค.ศ.1984
ดั๊กกี้เฟรช (Doug E. Fresh)
เจอร์รี่ เคิร์ล (Jheri curl) กำลังมาแรง
จะกลับมาฮิตอีกนะครับเนี่ย
เรื่องราวก่อนสมัยการมีแซมพลิ้งครับ
ไม่มีแซมพลิ้งปนอยู่เลย
ในอินเตอร์เน็ตแล้วเมื่อคืน
สมัยปลายศตวรรษที่ 19
มิสซิสแพทมอร์ (Mrs. Patmore)
เร็วๆ นี้ครับ
สำหรับเพลงป็อปในอนาคต
เผื่อว่าท่านใดสงสัย
ก็ขอบคุณมากครับที่ถาม
เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์
of fellow nine-year-olds
กับเพื่อนๆ เด็กเก้าขวบ
ถ้าจะให้เล่าย่อๆ ก็คือ
ในชีวิตแบบนี้สักครั้ง
กับป.สามไล่ให้ลงจากเวที
แล้วก็จะรู้ว่ามันไม่สนุกนักหรอก
of that song for a minute.
ของประวัติศาสตร์เพลงนั้นสักนาทีนึงก็พอ
I could put myself in there.
ผมอยากมีส่วนร่วม
โดยเพลงอื่นๆ อีกจนนับไม่ถ้วน
"Here Comes the Hotstepper"
"Here Comes the Hotstepper"
เอาเพลงนี้มาร้องใหม่
and calls it "Lodi Dodi."
และใช้ชื่อเพลงว่า"Lodi Dodi"
a field day at this point.
จึงเริ่มเข้ามามีบทบาทในวงการ
(the Notorious B.I.G.) หรือบิกกี (Biggie)
"La Di Da Di" first came out,
เปิดตัวเป็นครั้งแรก
that I'd ever have a chance of getting it.
ที่ผมจะมีโอกาสได้ปล่อยมุกนี้ด้วย
(เสียงหัวเราะ)
พวกคลั่งการแซมพลิ้งอยู่เล็กๆ
samples that we were doing,
ที่ไม่มีอะไรโดดเด่น
"Let's Dance" ของโบว์วี่ (Bowie)
and just rapping on them.
อยู่ในกระแสได้นาน
ในอดีตของคนอื่นมาจนหมด
ผู้มากความสามารถ
มากมายเกี่ยวกับเสียงในอัลบั้มนี้
อย่างการที่พวกเราอัดเสียง
ศตวรรษที่ 21หลงเหลืออยู่เลย
เอมี่ ไวน์เฮาส์ นั่นเอง
และโรเจอร์ มัวร์
พูดกันตรงๆ เลยครับ
the musical arrangements.
ท่อนของซลิค ริค กันดูนะครับ
โดย Slick Rick & Doug E. Fresh)
when "La Di Da Di" was made,
เพลง "La Di Da Di"ออกมา
ที่ร่วมเขียนเพลงนี้กับเธอ
consciousness of pop music,
ในกระแสวงการเพลงป็อป
ของต้นฉบับที่ไม่มีวันตกยุค
เพลงที่ใช้แซมพลิ้งเป็นส่วนประกอบ
ของแกรมมี่ (Grammy) กล่าวไว้ว่า
ที่เคยมีคนเขียนมาแล้ว
เหมือนเขื่อนที่แตก
something significant and original
ของเพลงที่เรารัก
becomes something new again.
เมื่อกลายเป็นสิ่งใหม่อีกครั้ง
ของนักเปียโน เดเร็ค พาราวิชินี่
ทั้งยังเป็นอัจฉริยะด้านเปียโน
เพื่อสร้างประวัติศาสตร์ให้กับวงการดนตรี
ทุกท่านคงจะชอบนะครับ เอาล่ะ
กันอีกรอบกันดีกว่า
ABOUT THE SPEAKER
Mark Ronson - Music producer and DJHis production credits range from Amy Winehouse to Paul McCartney -- ace DJ, musician and producer Mark Ronson has lived recent music history from the inside out.
Why you should listen
Mark Ronson’s unusual path into the music world has led to an eclectic and multifaceted resume. Ronson began his career DJing hip New York City nightclubs in the heady 1990s. Since then, he’s scored his own hits with the help of Ghostface Killah and Amy Winehouse via his own first two albums Here Comes The Fuzz and Version, winning the Brit Award for best British male sole artist in 2008.
As a producer, Mark has helped create chart-topping albums for Adele, Lily Allen and Bruno Mars (nominated for 2014 Record of the Year for Locked out of Heaven), and won three Grammys for his work on Amy Winehouse's album Back to Black. 2010’s Record Collection featured collaborations with Duran Duran, Boy George, D'Angelo, Q-Tip and MNDR. Mark is the Global Ambassador for Arms Around The Child.
Mark Ronson | Speaker | TED.com