TED2011
Nina Tandon: Caring for engineered tissue
นิน่า แทนดัน:การดูแลเนื้อเยื่อที่เราสร้างขึ้นมา
Filmed:
Readability: 3.5
556,310 views
วิศวกรเนื้อเยื่อและหนึ่งในสมาชิก TED นิน่า แทนดัน กำลังศึกษาเพื่อสร้างหัวใจและกระดูกเทียมขึ้นมา ซึ่งเธอจำเป็นต้องหาวิธีการใหม่ๆเพื่อดูแลเซลล์เทียมที่เติบโตขึ้น--เธอพัฒนาเทคนิคแบบง่ายๆแต่มีพลังขึ้นมา ด้วยการลอกเลียนสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติของเซลล์เหล่านั้น
Nina Tandon - Tissue engineering researcher
Nina Tandon studies ways to use electrical signals to grow artificial tissues for transplants and other therapies. Full bio
Nina Tandon studies ways to use electrical signals to grow artificial tissues for transplants and other therapies. Full bio
Double-click the English transcript below to play the video.
00:15
Good morning everybody.
0
0
3000
สวัสดีคะทุกๆท่าน
00:18
I work with really amazing,
1
3000
2000
ฉันทำงานกับสิ่งที่น่าทึ่งจริงๆ
00:20
little, itty-bitty creatures called cells.
2
5000
3000
สิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆที่เรียกว่าเซลล์
00:23
And let me tell you what it's like
3
8000
2000
จะเล่าให้ฟังนะคะว่ามันเป็นอย่างไร
00:25
to grow these cells in the lab.
4
10000
2000
ที่สร้างเซลล์เหล่านี้ให้โตขึ้นในห้องทดลอง
00:27
I work in a lab where we take cells out of their native environment.
5
12000
3000
ฉันทำงานในห้องทดลองที่เราเอาเซลล์มาจากแหล่งที่อยู่ตามธรรมชาติของมัน
00:30
We plate them into dishes
6
15000
2000
เอามันใส่ลงในจานเพาะเชื้อ
00:32
that we sometimes call petri dishes.
7
17000
2000
ซี่งบางครั้งเราเรียกว่าเพ็ทรีดิช
00:34
And we feed them -- sterilely of course --
8
19000
3000
เราก็ให้อาหารมัน--ที่ปลอดเชื้อโรค--
00:37
with what we call cell culture media -- which is like their food --
9
22000
3000
ซึ่งเราเรียกว่าเซลล์คัลเจอมีเดีย--ซึ่งเหมือนเป็นอาหารของมัน--
00:40
and we grow them in incubators.
10
25000
3000
และเราก็เลี้ยงมันให้โตขึ้นในตู้เพาะเชื้อ
00:43
Why do I do this?
11
28000
2000
ทำไมฉันจึงทำอย่างนี้?
00:45
We observe the cells in a plate,
12
30000
2000
เราสังเกตเซลล์ในจานเลี้ยง,
00:47
and they're just on the surface.
13
32000
2000
มันก็อยู่แค่ตรงพื้นผิวข้างบนเอง
00:49
But what we're really trying to do in my lab
14
34000
3000
แต่ที่เราพยายามทำจริงๆในห้องทดลองของฉัน
00:52
is to engineer tissues out of them.
15
37000
3000
คือสร้างเนื้อเยื่อจากเซลล์เหล่านั้น
00:55
What does that even mean?
16
40000
2000
แล้วมันจะหมายถึงอะไรเล่า?
00:57
Well it means growing an actual heart,
17
42000
2000
ก็หมายถึงจะทำให้มันโตเป็นหัวใจจริงๆขึ้นมา,
00:59
let's say,
18
44000
2000
นี่เป็นตัวอย่าง,
01:01
or grow a piece of bone
19
46000
2000
หรือทำให้ชิ้นกระดูกโตขึ้น
01:03
that can be put into the body.
20
48000
2000
ซึ่งจะนำไปใส่ในร่างกายได้
01:05
Not only that, but they can also be used for disease models.
21
50000
3000
ไม่เพียงเท่านั้น,ยังสามารถใช้เป็นแบบจำลองการเกิดโรคได้
01:08
And for this purpose, traditional cell culture techniques
22
53000
2000
และเพื่อจุดประสงค์นี้, เทคนิคการเพาะเลี้ยงเซลล์แบบเดิม
01:10
just really aren't enough.
23
55000
2000
จริงๆจึงยังไม่เพียงพอ
01:12
The cells are kind of homesick;
24
57000
2000
เซลล์จะรู้สึกคล้ายๆกับคิดถึงบ้าน;
01:14
the dish doesn't feel like their home.
25
59000
2000
จานเพาะเชื้อไม่ได้ทำให้มันรู้สึกเหมือนบ้านของมันจริงๆ
01:16
And so we need to do better at copying their natural environment
26
61000
2000
ดังนั้นเราจำต้องปรับปรุงด้วยการเลียนแบบสภาพแวดล้อมเดิมของมันมา
01:18
to get them to thrive.
27
63000
2000
เพื่อให้มันโตขึ้นได้อย่างดี
01:20
We call this the biomimetic paradigm --
28
65000
2000
เราเรียกสิ่งนี้ว่า กระบวนการไบโอมิเมติค --
01:22
copying nature in the lab.
29
67000
3000
การเลียนแบบธรรมชาติในห้องแลบ
01:25
Let's take the example of the heart,
30
70000
2000
เรามาดูตัวอย่างเรื่องหัวใจ,
01:27
the topic of a lot of my research.
31
72000
2000
ซึ่งเป็นเรื่องที่มีการวิจัยกันมาก
01:29
What makes the heart unique?
32
74000
2000
อะไรทำให้หัวใจมีเอกลักษณ์ของมันเอง?
01:31
Well, the heart beats,
33
76000
2000
ก็,หัวใจมันเต้น,
01:33
rhythmically, tirelessly, faithfully.
34
78000
3000
เป็นจังหวะ,ไม่เหน็ดเหนื่อย,ซื่อสัตย์
01:36
We copy this in the lab
35
81000
2000
เราเลียนแบบสิ่งนี้ในห้องแลบ
01:38
by outfitting cell culture systems with electrodes.
36
83000
3000
โดยใช้อีเลคโทรดเพื่อจัดระบบการเพาะเลี้ยงเซลล์
01:41
These electrodes act like mini pacemakers
37
86000
2000
อีเลคโทรดทำงานคล้ายกับเครื่องกระตุ้นหัวใจขนาดเล็ก
01:43
to get the cells to contract in the lab.
38
88000
3000
เพื่อให้เซลล์หดตัวในห้องทดลอง
01:46
What else do we know about the heart?
39
91000
2000
มีเรื่องอื่นอีกไหม ที่เรารู้เกี่ยวกับหัวใจ?
01:48
Well, heart cells are pretty greedy.
40
93000
2000
อ๋อ,เซลล์หัวใจยังกินจุอย่างมากๆ
01:50
Nature feeds the heart cells in your body
41
95000
2000
โดยธรรมชาติแล้วร่างกายเราให้อาหารหัวใจ
01:52
with a very, very dense blood supply.
42
97000
2000
ด้วยการให้มีหลอดเลือดที่หนาแน่นมากรอบหัวใจ
01:54
In the lab, we micro-pattern channels
43
99000
2000
ในห้องทดลอง,เราออกแบบช่องทางขนาดจิ๋ว
01:56
in the biomaterials
44
101000
2000
ในสารชีวภาพ
01:58
on which we grow the cells,
45
103000
2000
ที่เราเลี้ยงเซลล์
02:00
and this allows us to flow the cell culture media, the cells' food,
46
105000
3000
และสิ่งนี้ทำให้เราสามารถส่งเซลล์คัลเจอร์มีเดีย, หรืออาหารเซลล์,
02:03
through the scaffolds where we're growing the cells --
47
108000
3000
ผ่านทางโครงข่ายซึ่งเราสร้างไว้เพื่อเลี้ยงเซลล์--
02:06
a lot like what you might expect
48
111000
2000
คล้ายกันมากกับที่เราคาดว่าจะเห็น
02:08
from a capillary bed in the heart.
49
113000
2000
จากโครงข่ายระบบไหลเวียนของโลหิตในหัวใจ
02:10
So this brings me to lesson number one:
50
115000
3000
เรื่องนี้นำฉันไปสู่บทเรียนบทแรก:
02:13
life can do a lot with very little.
51
118000
3000
ืนั่นคือ ชีวิตทำอะไรได้มากมายจากสิ่งเพียงน้อยนิด
02:16
Let's take the example of electrical stimulation.
52
121000
2000
เรามาดูแรงกระตุ้นไฟฟ้าเป็นตัวอย่าง
02:18
Let's see how powerful just one of these essentials can be.
53
123000
3000
มาดูว่าเพียงแค่หนึ่งแรงของพลังเหล่านั้นก็ทำได้มากขนาดไหน
02:22
On the left, we see a tiny piece of beating heart tissue
54
127000
3000
ทางซ้ายมือ,เราเห็นชิ้นเล็กๆของเนื้อเยื่อหัวใจที่กำลังเต้น
02:25
that I engineered from rat cells in the lab.
55
130000
2000
ซึ่งฉันสร้่างขึ้นมาจากเซลล์ของหนูในห้องแลบ
02:27
It's about the size of a mini marshmallow.
56
132000
2000
ขนาดประมาณแมชแมลโลชิ้นเล็กๆ
02:29
And after one week, it's beating.
57
134000
2000
และหลังจากหนึ่งสัปดาห์, มันก็เริ่มเต้น
02:31
You can see it in the upper left-hand corner.
58
136000
2000
คุณเห็นได้ทางมุมบนซ้ายมือ
02:33
But don't worry if you can't see it so well.
59
138000
2000
แต่ไม่ต้องห่วงถ้าคุณยังมองเห็นไม่ชัด
02:35
It's amazing that these cells beat at all.
60
140000
3000
มันน่าประหลาดที่เซลล์เหล่านี้เต้นได้
02:38
But what's really amazing
61
143000
2000
แต่สิ่งที่น่าประหลาดจริงๆ
02:40
is that the cells, when we electrically stimulate them,
62
145000
2000
ก็คือเซลล์, เมื่อเรากระตุ้นมันด้วยกระแสไฟฟ้า
02:42
like with a pacemaker,
63
147000
2000
เหมือนใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจ,
02:44
that they beat so much more.
64
149000
2000
ที่เซลล์เหล่านั้นเต้นได้ดีขึ้นมาก
02:46
But that brings me to lesson number two:
65
151000
2000
นี่นำฉันไปสู่บทเรียนที่สอง:
02:48
cells do all the work.
66
153000
2000
เซลล์เป็นผู้ทำสิ่งนี้เองทั้งหมด
02:50
In a sense, tissue engineers have a bit of an identity crisis here,
67
155000
3000
ตามที่เข้าใจ,วิศวกรรมเนื้อเยื่อมีบทบาทที่นี่อยู่บ้าง
02:53
because structural engineers
68
158000
2000
เพราะว่าวิศวกรโครงสร้าง
02:55
build bridges and big things,
69
160000
3000
สร้างสะพานและสิ่งต่างๆที่ใหญ่โต
02:58
computer engineers, computers,
70
163000
2000
วิศวกรคอมพิวเตอร์,สร้างคอมพิวเตอร์
03:00
but what we are doing
71
165000
2000
แต่สิ่งที่เรากำลังทำอยู่
03:02
is actually building enabling technologies for the cells themselves.
72
167000
3000
จริงๆแล้วเป็นการสร้างเทคโนโลยี่ให้เซลล์สามารถนำไปใช้กับตนเองได้
03:05
What does this mean for us?
73
170000
2000
สิ่งนี้ให้ความหมายอะไรกับเรา?
03:07
Let's do something really simple.
74
172000
2000
เรามาทำอะไรง่ายๆสักอย่างหนึ่ง
03:09
Let's remind ourselves
75
174000
2000
คอยเตือนตนเอง
03:11
that cells are not an abstract concept.
76
176000
3000
ว่าเซลล์ไม่ใช่ความคิดเชิงนามธรรม
03:14
Let's remember that our cells sustain our lives
77
179000
3000
ควรจำไว้ว่าเซลล์ของเราทำให้เรามีชีวิตอยู่ได้
03:17
in a very real way.
78
182000
2000
เป็นความจริงแท้
03:19
"We are what we eat," could easily be described
79
184000
3000
"เราเป็นสิ่งที่เรากินเข้าไป" สามารถอธิบายได้อย่างง่ายๆ
03:22
as, "We are what our cells eat."
80
187000
2000
ว่า "เราคือสิ่งที่เซลล์ของเรากิน"
03:24
And in the case of the flora in our gut,
81
189000
2000
และในกรณีเชื้อจุลินทรีย์ประจำถิ่นซึ่งที่อยู่ในลำไส้ของเรา
03:26
these cells may not even be human.
82
191000
3000
เซลล์เหล่านี้อาจจะไม่ใช่เซลล์ของมนุษย์เลยก็ได้
03:30
But it's also worth noting
83
195000
2000
แต่ก็มีค่าพอที่จะให้ข้อสังเกตได้
03:32
that cells also mediate our experience of life.
84
197000
3000
ว่าเซลล์นั้นนำไปสู่ประสบการณ์ชีวิตของเราด้วย
03:35
Behind every sound, sight, touch, taste and smell
85
200000
3000
เบื้องหลังของทุกๆประสาทสัมผัส รูปรสกลิ่นเสียง
03:38
is a corresponding set of cells
86
203000
2000
เป็นการตอบรับจากชุดของเซลล์ต่างๆ
03:40
that receive this information
87
205000
2000
ที่ได้รับข้อมูลนั้น
03:42
and interpret it for us.
88
207000
2000
และแปลออกมาให้เรา
03:44
It begs the question:
89
209000
2000
มันทำให้เกิดคำถาม:
03:46
shall we expand our sense of environmental stewardship
90
211000
3000
เราควรจะขยายการรับรู้ของเราเรื่องภาระการดูแลสิ่งแวดล้อม
03:49
to include the ecosystem of our own bodies?
91
214000
3000
ให้รวมถึงระบบนิเวศของร่างกายของเราด้วยไหม?
03:52
I invite you to talk about this with me further,
92
217000
2000
ฉันขอเชิญชวนคุณมาคุยเรื่องนี้ักับฉันต่อในครั้งถัดไป,
03:54
and in the meantime, I wish you luck.
93
219000
3000
และในระหว่างนี้,ขอให้คุณโชคดี
03:57
May none of your non-cancer cells
94
222000
2000
ขออวยพรให้เซลล์ที่ไม่เป็นมะเร็งของคุณ
03:59
become endangered species.
95
224000
2000
ไม่กลายเป็นสายพันธุ์ที่เป็นอันตราย
04:01
Thank you.
96
226000
2000
ขอบคุณ
04:03
(Applause)
97
228000
4000
(เสียงปรบมือ)
ABOUT THE SPEAKER
Nina Tandon - Tissue engineering researcherNina Tandon studies ways to use electrical signals to grow artificial tissues for transplants and other therapies.
Why you should listen
Nina Tandon studies electrical signaling in the context of tissue engineering, with the goal of creating “spare parts” for human implantation and/or disease models. After receiving a bachelor’s degree in electrical engineering from Cooper Union, Nina worked on an electronic nose used to “smell” lung cancer as a Fulbright scholar in Rome. She studied electrical stimulation for cardiac tissue engineering at MIT and Columbia, and now continues her research on electrical stimulation for broader tissue-engineering applications. Tandon was a 2011 TED Fellow and a 2012 Senior Fellow. Nina was also honored as one of Foreign Policy's 2015 Global Thinkers.
Nina Tandon | Speaker | TED.com