TED2012
Andrew Stanton: The clues to a great story
แอนดริว แสตนตัน (Andrew Stanton): เคล็ดลับของเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่
Filmed:
Readability: 3.5
4,201,482 views
ผู้กำกับและนักเขียนบทภาพยนตร์ Andrew Stanton (จากเรื่อง Toy Story และ WALL-E) อธิบายถึงวิธีการเล่าเรื่องราว โดยเริ่มจากตอนจบย้อนไปหาจุดเริ่มต้น (โปรดระวังมีคำไม่สุภาพ)
Andrew Stanton - Filmmaker
Andrew Stanton has made you laugh and cry. The writer behind the three "Toy Story" movies and the writer/director of "WALL-E," he releases his new film, "John Carter," in March. Full bio
Andrew Stanton has made you laugh and cry. The writer behind the three "Toy Story" movies and the writer/director of "WALL-E," he releases his new film, "John Carter," in March. Full bio
Double-click the English transcript below to play the video.
00:15
A tourist is backpacking
0
0
2000
มีนักท่องเที่ยวคนหนึ่ง
00:17
through the highlands of Scotland,
1
2000
2000
แบกเป้เที่ยวรอบที่ราบสูงของสก๊อตแลนด์
00:19
and he stops at a pub to get a drink.
2
4000
2000
เขาเข้าไปพักเหนื่อยที่ผับแห่งหนึ่ง
00:21
And the only people in there is a bartender
3
6000
2000
ในนั้นมีเพียงบาร์เทนเดอร์
00:23
and an old man nursing a beer.
4
8000
2000
และชายแก่คนหนึ่ง กับเบียร์ของเขา
00:25
And he orders a pint, and they sit in silence for a while.
5
10000
2000
นักท่องเที่ยวสั่งเบียร์มาแก้วหนึ่ง แล้วนั่งลงเงียบๆ
00:27
And suddenly the old man turns to him and goes,
6
12000
2000
ทันใดนั้น ชายแก่หันมาหาเขา แล้วบอกว่า
00:29
"You see this bar?
7
14000
2000
"คุณเห็นผับนี้ไหม
00:31
I built this bar with my bare hands
8
16000
2000
ผมสร้างมันขึ้นมาด้วยมือเปล่าของผม
00:33
from the finest wood in the county.
9
18000
2000
จากไม้ที่ดีที่สุดที่หาได้ในละแวกนี้
00:35
Gave it more love and care than my own child.
10
20000
3000
ให้ความรักมันยิ่งกว่าลูกผมเสียอีก
00:38
But do they call me MacGregor the bar builder? No."
11
23000
3000
แต่เขาเรียกผมว่า
แม๊คเกรเกอร์ผู้สร้างบาร์ หรือเปล่า? เปล่าเลย"
แม๊คเกรเกอร์ผู้สร้างบาร์ หรือเปล่า? เปล่าเลย"
00:41
Points out the window.
12
26000
2000
เขาชี้ไปที่หน้าต่าง
00:43
"You see that stone wall out there?
13
28000
2000
คุณเห็นกำแพงเมืองตั้งตระหง่านนั่นหรือเปล่า
00:45
I built that stone wall with my bare hands.
14
30000
3000
ผมสร้างมันขึ้นมาด้วยมือเปล่าของผม
00:48
Found every stone, placed them just so through the rain and the cold.
15
33000
3000
หาหินทุกก้อน ก่ออย่างดิบดี
ให้ทนน้ำทนหนาว
ให้ทนน้ำทนหนาว
00:51
But do they call me MacGregor the stone wall builder? No."
16
36000
3000
แต่เขาเรียกผมว่า
แม๊คเกรเกอร์ผู้สร้างกำแพงเมืองหรือเปล่า? เปล่าเลย"
แม๊คเกรเกอร์ผู้สร้างกำแพงเมืองหรือเปล่า? เปล่าเลย"
00:54
Points out the window.
17
39000
2000
เขาชี้ไปที่หน้าต่าง
00:56
"You see that pier on the lake out there?
18
41000
2000
"คุณเห็นท่าเรือนั้นไหม
00:58
I built that pier with my bare hands.
19
43000
2000
ผมสร้างมันขึ้นมาด้วยมือเปล่าของผม
01:00
Drove the pilings against the tide of the sand, plank by plank.
20
45000
4000
ตอกเสาเข็มทวนกระแสน้ำเชี่ยว ต้นแล้วต้นเล่า
01:04
But do they call me MacGregor the pier builder? No.
21
49000
4000
แต่เขาเรียกผมว่า
แม๊คเกรเกอร์ผู้สร้างท่าเรือหรือเปล่า? เปล่าเลย
แม๊คเกรเกอร์ผู้สร้างท่าเรือหรือเปล่า? เปล่าเลย
01:08
But you fuck one goat ... "
22
53000
3000
... แต่เอ็งเคยอึ๊บกับแพะนี่หว่า"
01:11
(Laughter)
23
56000
11000
(เสียงหัวเราะ)
01:22
Storytelling --
24
67000
2000
การเล่าเรื่อง --
01:24
(Laughter)
25
69000
2000
(เสียงหัวเราะ)
01:26
is joke telling.
26
71000
3000
คือการเล่ามุขตลก
01:29
It's knowing your punchline,
27
74000
2000
คุณต้องรู้ประโยคทีเด็ด
01:31
your ending,
28
76000
2000
ประโยคปิดท้ายของคุณ
01:33
knowing that everything you're saying, from the first sentence to the last,
29
78000
3000
ต้องรู้ว่าทุกสิ่งที่คุณเล่า จากประโยคแรกถึงสุดท้าย
01:36
is leading to a singular goal,
30
81000
2000
จะนำไปสู่จุดหมายเดียวกัน
01:38
and ideally confirming some truth
31
83000
3000
ซึ่งยืนยันความจริง
01:41
that deepens our understandings
32
86000
2000
ให้เราเข้าใจมากขึ้น
01:43
of who we are as human beings.
33
88000
3000
ถึงความเป็นมนุษย์ของเรา
01:46
We all love stories.
34
91000
2000
เราทุกคนชอบเรื่องเล่าครับ
01:48
We're born for them.
35
93000
2000
เราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้
01:50
Stories affirm who we are.
36
95000
2000
เรื่องราวเป็นเครื่องยืนยันสิ่งที่เราเป็น
01:52
We all want affirmations that our lives have meaning.
37
97000
2000
เราต้องการคำยืนยัน ว่าชีวิตเรามีความหมาย
01:54
And nothing does a greater affirmation
38
99000
2000
และไม่มีอะไรที่ยืนยันได้ดีกว่า
01:56
than when we connect through stories.
39
101000
2000
การเล่าเรื่องราวให้แก่กันและกัน
01:58
It can cross the barriers of time,
40
103000
2000
ไม่มีขีดจัดกัดเรื่องเวลา
02:00
past, present and future,
41
105000
2000
ไม่ว่าจะอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต
02:02
and allow us to experience
42
107000
2000
มันทำให้เรารู้สึกได้
02:04
the similarities between ourselves
43
109000
2000
ถึงความคล้ายคลึงระหว่างเรา
02:06
and through others, real and imagined.
44
111000
3000
และทุกอย่างรอบตัว
ทั้งความเป็นจริง และจินตนาการ
ทั้งความเป็นจริง และจินตนาการ
02:09
The children's television host Mr. Rogers
45
114000
3000
ผู้ดำเนินรายการเด็ก คุณโรเจอร์
02:12
always carried in his wallet
46
117000
2000
มักมีกระดาษใบหนึ่ง
02:14
a quote from a social worker
47
119000
3000
ในกระเป๋าสตางค์ของเขา
02:17
that said, "Frankly, there isn't anyone you couldn't learn to love
48
122000
3000
ซึ่งเขียนว่า "ไม่มีทางที่คุณจะไม่รักใครคนนั้น
02:20
once you've heard their story."
49
125000
2000
เมื่อคุณได้รับฟังเรื่องราวเขา"
02:22
And the way I like to interpret that
50
127000
2000
ผมคิดว่าข้อความนี้
02:24
is probably the greatest story commandment,
51
129000
5000
เป็นกฎของการเล่าเรื่องที่สำคัญที่สุด
02:29
which is "Make me care" --
52
134000
3000
นั่นก็คือ "ทำให้ผมสนใจสิ" --
02:32
please, emotionally,
53
137000
2000
ทำให้ผมพอใจ ทั้งทางอารมณ์
02:34
intellectually, aesthetically,
54
139000
2000
หรือด้วยความคิด และด้วยสุนทรีย์
02:36
just make me care.
55
141000
2000
ขอแค่ทำให้ผมสนใจ
02:38
We all know what it's like to not care.
56
143000
2000
เราทุกคนรู้ว่าการไม่สนใจเป็นอย่างไร
02:40
You've gone through hundreds of TV channels,
57
145000
3000
ช่องโทรทัศน์หลายสิบช่องผ่านตาเราไป
02:43
just switching channel after channel,
58
148000
2000
เรากดเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
02:45
and then suddenly you actually stop on one.
59
150000
2000
ทันใดนั้นสายตาเราหยุดลงที่ช่องหนึ่ง
02:47
It's already halfway over,
60
152000
2000
หนังฉายไปแล้วครึ่งเรื่อง
02:49
but something's caught you and you're drawn in and you care.
61
154000
3000
แต่อะไรสักอย่างสะกดจิตเรา ทำให้เราสนใจ
02:52
That's not by chance,
62
157000
2000
มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญครับ
02:54
that's by design.
63
159000
2000
มันถูกออกแบบมา
02:56
So it got me thinking, what if I told you my history was story,
64
161000
4000
มันทำให้ผมคิดว่า ถ้าผมเล่าถึงประวัติตัวผมล่ะ
03:00
how I was born for it,
65
165000
2000
ว่าผมเกิดมาเพื่อการเล่าเรื่อง
03:02
how I learned along the way this subject matter?
66
167000
3000
และผมเรียนรู้อะไรมาโดยตลอด
03:05
And to make it more interesting,
67
170000
2000
และเพื่อให้ไม่น่าเบื่อจนเกินไป
03:07
we'll start from the ending
68
172000
2000
ผมจะเริ่มจากตอนจบ
03:09
and we'll go to the beginning.
69
174000
2000
แล้วย้อนกลับไปจุดเริ่มต้น
03:11
And so if I were going to give you the ending of this story,
70
176000
3000
ถ้าผมจะบอกตอนจบของเรื่องนี้
03:14
it would go something like this:
71
179000
2000
จะได้ใจความประมาณนี้ครับ
03:16
And that's what ultimately led me
72
181000
2000
"และทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ดลบันดาลให้
03:18
to speaking to you here at TED
73
183000
2000
ผมมาพูดเกี่ยวกับการเล่าเรื่อง
03:20
about story.
74
185000
3000
ณ TED แห่งนี้ครับ"
03:23
And the most current story lesson that I've had
75
188000
3000
บทเรียนล่าสุดที่ผมได้มา
03:26
was completing the film I've just done
76
191000
2000
มาจากหนังเรื่องล่าสุดของผม
03:28
this year in 2012.
77
193000
2000
ในปี 2012 นี้
03:30
The film is "John Carter." It's based on a book called "The Princess of Mars,"
78
195000
3000
หนังชื่อว่า "จอห์น คาร์เตอร์" ซึ่งดัดแปลงมา
จากหนังสือ "เจ้าหญิงแห่งดาวอังคาร"
จากหนังสือ "เจ้าหญิงแห่งดาวอังคาร"
03:33
which was written by Edgar Rice Burroughs.
79
198000
2000
ประพันธ์โดย Edgar Rice Burroughs
03:35
And Edgar Rice Burroughs actually put himself
80
200000
3000
และ Edgar Rice Burroughs วางตัวเขาเอง
03:38
as a character inside this movie, and as the narrator.
81
203000
3000
เป็นตัวละครในหนังสือเล่มนี้ ในฐานะผู้เล่าเรื่อง
03:41
And he's summoned by his rich uncle, John Carter, to his mansion
82
206000
3000
เขาถูกเรียกตัวจากลุงเศรษฐี นามว่าจอห์น คาร์เตอร์
03:44
with a telegram saying, "See me at once."
83
209000
2000
ด้วยโทรเลขว่า "มาพบฉันเดี๋ยวนี้"
03:46
But once he gets there,
84
211000
2000
แต่เมื่อเขาไปถึง
03:48
he's found out that his uncle has mysteriously passed away
85
213000
4000
กลับพบว่า ลุงของเขาเสียชีวิตไปอย่างลึกลับ
03:52
and been entombed in a mausoleum on the property.
86
217000
4000
ศพของเขาถูกฝังในสุสาน ภายในบริเวณบ้านเขาเอง
03:56
(Video) Butler: You won't find a keyhole.
87
221000
2000
(วีดีโอ) ผู้ดูแล: คุณหารูกุญแจไม่เจอหรอก
03:58
Thing only opens from the inside.
88
223000
3000
มันเปิดได้จากด้านในเท่านั้น
04:01
He insisted,
89
226000
2000
ลุงของเธอขอร้อง
04:03
no embalming, no open coffin,
90
228000
2000
ไม่ให้แต่งศพ ไม่ต้องมีโลง
04:05
no funeral.
91
230000
2000
ไม่ต้องมีพิธีศพ
04:07
You don't acquire the kind of wealth your uncle commanded
92
232000
2000
สงสัยคนเรารวยได้
04:09
by being like the rest of us, huh?
93
234000
3000
เพราะทำตัวแปลกๆเนอะ
04:12
Come, let's go inside.
94
237000
3000
เราเข้าไปในบ้านกันเถอะ
04:33
AS: What this scene is doing, and it did in the book,
95
258000
2000
แอนดริว: สิ่งที่ฉากนี้กำลังทำอยู่ เช่นเดียวกับในหนังสือ
04:35
is it's fundamentally making a promise.
96
260000
2000
ก็คือการให้คำมั่นสัญญา
04:37
It's making a promise to you
97
262000
2000
มันกำลังสัญญาว่า
04:39
that this story will lead somewhere that's worth your time.
98
264000
2000
เรื่องราวนี้จะพาคุณไปหาอะไรบางอย่าง
ที่คุ้มค่าการรอคอย
ที่คุ้มค่าการรอคอย
04:41
And that's what all good stories should do at the beginning, is they should give you a promise.
99
266000
3000
นั่นคือสิ่งที่ควรทำตั้งแต่ต้น
คือการให้คำมั่นสัญญา
คือการให้คำมั่นสัญญา
04:44
You could do it an infinite amount of ways.
100
269000
2000
คุณสามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ
04:46
Sometimes it's as simple as "Once upon a time ... "
101
271000
4000
บางทีมันง่ายเหมือน "กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว..."
04:50
These Carter books always had Edgar Rice Burroughs as a narrator in it.
102
275000
3000
หนังสือเกี่ยวกับคาร์เตอร์
มี Edgar Rice Burroughs เป็นผู้บรรยายเสมอ
มี Edgar Rice Burroughs เป็นผู้บรรยายเสมอ
04:53
And I always thought it was such a fantastic device.
103
278000
2000
ผมเชื่อตลอดว่ามันเป็นเครื่องมือที่ดีมาก
04:55
It's like a guy inviting you around the campfire,
104
280000
3000
เหมือนมีคนสักคนชวนคุณไปรอบกองไฟ
04:58
or somebody in a bar saying, "Here, let me tell you a story.
105
283000
3000
หรือคนในบาร์พูดกับคุณว่า "ผมจะเล่าอะไรให้คุณฟัง
05:01
It didn't happen to me, it happened to somebody else,
106
286000
2000
มันไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวผม
05:03
but it's going to be worth your time."
107
288000
2000
แต่มันคุ้มค่าที่คุณจะฟังแน่นอน"
05:05
A well told promise
108
290000
2000
คำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ได้ดี
05:07
is like a pebble being pulled back in a slingshot
109
292000
4000
เหมือนลูกแก้วที่ถูกดึงบนหนังยาง
05:11
and propels you forward through the story
110
296000
2000
ที่พร้อมจะนำคุณพุ่งเข้าไปในเรื่องราว
05:13
to the end.
111
298000
2000
ไปจนจบ
05:15
In 2008,
112
300000
2000
ในปี 2008
05:17
I pushed all the theories that I had on story at the time
113
302000
3000
ผมนำความรู้เกี่ยวกับการเล่าเรื่องทั้งหมดที่มี
05:20
to the limits of my understanding on this project.
114
305000
3000
มาใส่ไว้ในโปรเจกต์นี้
05:23
(Video) (Mechanical Sounds)
115
308000
5000
(วีดีโอ)
(เสียงเครื่องจักร)
(เสียงเครื่องจักร)
05:53
♫ And that is all ♫
116
338000
5000
♫ และนั่นคือทุกสิ่ง ♫
05:58
♫ that love's about ♫
117
343000
6000
♫ เกี่ยวกับความรัก ♫
06:04
♫ And we'll recall ♫
118
349000
5000
♫ ที่เราตระหนัก ♫
06:09
♫ when time runs out ♫
119
354000
8000
♫ เมื่อเวลาหมดลง ♫
06:17
♫ That it only ♫
120
362000
7000
♫ เมื่อเรารู้ว่ามันเพียง... ♫
06:24
(Laughter)
121
369000
2000
(เสียงปรบมือ)
06:26
AS: Storytelling without dialogue.
122
371000
2000
แอนดริว: การเล่าเรื่องโดยไม่ใช้คำพูด
06:28
It's the purest form of cinematic storytelling.
123
373000
2000
เป็นการเล่าเรื่องภาพยนตร์ที่บริสุทธิ์ที่สุด
06:30
It's the most inclusive approach you can take.
124
375000
3000
เป็นวิธีการดึงผู้ชมเข้ามาได้ลึกที่สุด
06:33
It confirmed something I really had a hunch on,
125
378000
2000
มันเป็นเครื่องยืนยันลางสังหรณ์ของผม
06:35
is that the audience
126
380000
2000
ว่าผู้ชม
06:37
actually wants to work for their meal.
127
382000
2000
ต้องการทำงานเพื่อความสุขของเขา
06:39
They just don't want to know that they're doing that.
128
384000
3000
เพียงแต่เขาไม่ต้องการรับรู้ว่าเขากำลังทำมันอยู่
06:42
That's your job as a storyteller,
129
387000
2000
นั่นคืองานของนักเล่าเรื่อง
06:44
is to hide the fact
130
389000
2000
การซ่อนความจริงว่า
06:46
that you're making them work for their meal.
131
391000
2000
คุณกำลังให้เขาทำงาน เพื่อความสุขของเขา
06:48
We're born problem solvers.
132
393000
2000
เราเกิดมาเป็นนักแก้ปัญหา
06:50
We're compelled to deduce
133
395000
2000
เราต้องการคิดเอง
06:52
and to deduct,
134
397000
2000
สรุปเอง
06:54
because that's what we do in real life.
135
399000
2000
เพราะนั่นคือสิ่งที่เราทำในชีวิตของเรา
06:56
It's this well-organized absence of information
136
401000
3000
สิ่งที่ดึงดูดความสนใจเรา
06:59
that draws us in.
137
404000
2000
คือเรื่องราวที่รอการเติมเต็ม
07:01
There's a reason that we're all attracted to an infant or a puppy.
138
406000
3000
เหตุผลที่เราดึงดูดเข้าหาทารก หรือลูกสุนัข
07:04
It's not just that they're damn cute;
139
409000
2000
ไม่ใช่แค่ความน่ารัก
07:06
it's because they can't completely express
140
411000
3000
แต่เพราะพวกเขาไม่สามารถอธิบาย
07:09
what they're thinking and what their intentions are.
141
414000
2000
สิ่งที่เขากำลังคิด ให้ชัดเจนได้
07:11
And it's like a magnet.
142
416000
2000
มันเหมือนแม่เหล็ก
07:13
We can't stop ourselves
143
418000
2000
เราไม่สามารถห้ามใจ
07:15
from wanting to complete the sentence and fill it in.
144
420000
2000
หยุดเติมคำในช่องว่างได้
07:17
I first started
145
422000
2000
ผมเริ่มเข้าใจ
07:19
really understanding this storytelling device
146
424000
2000
เครื่องมือในการเล่าเรื่องชิ้นนี้
07:21
when I was writing with Bob Peterson on "Finding Nemo."
147
426000
2000
ตอนที่ผมร่วมงานกับ Bob Peterson
ในเรื่อง "Finding Nemo"
ในเรื่อง "Finding Nemo"
07:23
And we would call this the unifying theory of two plus two.
148
428000
3000
เรามักเรียกทฤษฎีนี้ว่า ทฤษฎีสองบวกสอง
07:26
Make the audience put things together.
149
431000
2000
ให้ผู้ชมปะติดปะต่อเรื่องราวเอง
07:28
Don't give them four,
150
433000
2000
อย่าให้เขาสี่
07:30
give them two plus two.
151
435000
2000
จงให้สองบวกสอง
07:32
The elements you provide and the order you place them in
152
437000
3000
สิ่งที่คุณใส่ลงในบท และการเรียงลำดับ
07:35
is crucial to whether you succeed or fail at engaging the audience.
153
440000
3000
มีผลอย่างมากต่อความสำเร็จในการดึงดูดผู้ชม
07:38
Editors and screenwriters have known this all along.
154
443000
3000
บรรณาธิการและนักเขียนบทรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี
07:41
It's the invisible application
155
446000
2000
มันคือสิ่งล่องหน
07:43
that holds our attention to story.
156
448000
2000
ที่ทำให้เราหยุดอยู่กับเรื่องราวนั้นๆ
07:45
I don't mean to make it sound
157
450000
2000
ผมไม่ได้หมายความว่า
07:47
like this is an actual exact science, it's not.
158
452000
3000
มันเป็นทฤษฏีที่ถูกต้องเสมอไป เพราะมันไม่ใช่
07:50
That's what's so special about stories,
159
455000
2000
และนั่นคือสิ่งพิเศษเกี่ยวกับเรื่องราว
07:52
they're not a widget, they aren't exact.
160
457000
3000
มันไม่แน่นอนเสมอไป
07:55
Stories are inevitable, if they're good,
161
460000
2000
เราจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้ามันดีพอ
07:57
but they're not predictable.
162
462000
2000
แต่มันไม่ได้ตายตัวเสมอไป
07:59
I took a seminar in this year
163
464000
3000
ปีนี้ผมมีโอกาสเข้าสัมมนา
08:02
with an acting teacher named Judith Weston.
164
467000
3000
กับอาจารย์สอนการแสดง นามว่า Judith Weston
08:05
And I learned a key insight to character.
165
470000
2000
ผมได้เรียนรู้สิ่งหนึ่ง เกี่ยวกับตัวละคร
08:07
She believed that all well-drawn characters
166
472000
3000
เธอเชื่อว่าตัวละครทุกตัว
08:10
have a spine.
167
475000
2000
มีกระดูกสันหลัง
08:12
And the idea is that the character has an inner motor,
168
477000
2000
ตัวละครทุกตัว ต้องมีกลไกลซ่อนอยู่
08:14
a dominant, unconscious goal that they're striving for,
169
479000
3000
เป็นจุดมุ่งหมายที่ตัวละครพยายามไปให้ถึง
08:17
an itch that they can't scratch.
170
482000
2000
เหมือนความคันที่เกาไม่ถึง
08:19
She gave a wonderful example of Michael Corleone,
171
484000
2000
เธอยกตัวอย่าง Michael Corleone
08:21
Al Pacino's character in "The Godfather,"
172
486000
2000
ที่ Al Pacino รับบท ในหนัง "The Godfather"
08:23
and that probably his spine
173
488000
2000
กระดูกสันหลังของเขา
08:25
was to please his father.
174
490000
2000
คือการโอ๋พ่อของเขา
08:27
And it's something that always drove all his choices.
175
492000
2000
และนั่นคือสิ่งที่ผลักดันตัวเขา
08:29
Even after his father died,
176
494000
2000
แม้กระทั่งเมื่อพ่อของเขาตายลง
08:31
he was still trying to scratch that itch.
177
496000
4000
เขาก็ยังพยายามจะเกาให้ถึง
08:35
I took to this like a duck to water.
178
500000
3000
ผมชอบตัวอย่างนี้มาก
08:38
Wall-E's was to find the beauty.
179
503000
3000
หุ่นยนต์ Wall-E พยายามค้นหาความรัก
08:41
Marlin's, the father in "Finding Nemo,"
180
506000
3000
มาร์ลิน ปลาการ์ตูนตัวพ่อใน "Finding Nemo"
08:44
was to prevent harm.
181
509000
3000
พยายามปกป้องลูกของเขา
08:47
And Woody's was to do what was best for his child.
182
512000
3000
และวู๊ดดี้ พยายามทำทุกสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อเพื่อนพ้อง
08:50
And these spines don't always drive you to make the best choices.
183
515000
3000
และกระดูกสันหลังไม่จำเป็นต้องนำสิ่งที่ดีที่สุดมาให้
08:53
Sometimes you can make some horrible choices with them.
184
518000
3000
บางทีมันทำให้เรื่องราวเลวร้ายลง
08:56
I'm really blessed to be a parent,
185
521000
2000
ผมรู้สึกโชคดีที่ได้เป็นพ่อคน
08:58
and watching my children grow, I really firmly believe
186
523000
3000
ได้เฝ้ามองลูกของผมเติบโต
09:01
that you're born with a temperament and you're wired a certain way,
187
526000
3000
ผมเชื่อว่าเราเกิดมาพร้อมอารมณ์ พร้อมบางสิ่งบางอย่าง
09:04
and you don't have any say about it,
188
529000
3000
ที่เราไม่สามารถเลือกได้
09:07
and there's no changing it.
189
532000
2000
และเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมันได้
09:09
All you can do is learn to recognize it
190
534000
3000
แต่คุณสามารถเข้าใจมัน
09:12
and own it.
191
537000
3000
และเป็นเจ้าของมันได้
09:15
And some of us are born with temperaments that are positive,
192
540000
2000
บางคนเกิดมาพร้อมอารมณ์ด้านบวก
09:17
some are negative.
193
542000
2000
บางคนพร้อมอารมณ์ด้านลบ
09:19
But a major threshold is passed
194
544000
3000
แต่เมื่อเราโตถึงจุดหนึ่ง
09:22
when you mature enough
195
547000
2000
เมื่อเรามีวุฒิภาวะพอ
09:24
to acknowledge what drives you
196
549000
2000
เราจะเข้าใจว่าอะไรขับเคลื่อนเรา
09:26
and to take the wheel and steer it.
197
551000
2000
แล้วเราจะคุมทิศทางมันได้อย่างไร
09:28
As parents, you're always learning who your children are.
198
553000
3000
ในฐานะพ่อคน คุณเรียนรู้เกี่ยวกับลูกของคุณตลอดเวลา
09:31
They're learning who they are.
199
556000
2000
พวกเขาก็กำลังเรียนรู้ตัวเขาเอง
09:33
And you're still learning who you are.
200
558000
2000
และคุณก็ยังเรียนรู้ตัวคุณเองอยู่
09:35
So we're all learning all the time.
201
560000
3000
เราเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา
09:38
And that's why change is fundamental in story.
202
563000
3000
นั่นคือเหตุผลที่การเปลี่ยนแปลง
มีส่วนสำคัญต่อเรื่องราว
มีส่วนสำคัญต่อเรื่องราว
09:41
If things go static, stories die,
203
566000
2000
ถ้าเรื่องราวเรียบเฉยเกินไป เรื่องราวก็ตายลง
09:43
because life is never static.
204
568000
3000
เพราะชีวิตไม่เคยอยู่กับที่
09:46
In 1998,
205
571000
2000
ในปี 1998
09:48
I had finished writing "Toy Story" and "A Bug's Life"
206
573000
2000
ผมเขียนเรื่อง Toy Story และ A Bug's Life จนเสร็จ
09:50
and I was completely hooked on screenwriting.
207
575000
2000
ผมตกหลุมรักการเขียนบทภาพยนตร์
09:52
So I wanted to become much better at it and learn anything I could.
208
577000
3000
ผมต้องการเรียนรู้มากขึ้นเรื่อยๆ
09:55
So I researched everything I possibly could.
209
580000
3000
ผมทำการค้นคว้าทุกวิถีทาง
09:58
And I finally came across this fantastic quote
210
583000
2000
และสุดท้ายพบกับคำพูด
10:00
by a British playwright, William Archer:
211
585000
3000
ของนักเขียนบทละคร William Archer
10:03
"Drama is anticipation
212
588000
2000
"ละครคือความคาดหมาย
10:05
mingled with uncertainty."
213
590000
2000
ประสมกลมเกลียวกับความไม่แน่นอน"
10:07
It's an incredibly insightful definition.
214
592000
3000
ซึ่งเป็นคำนิยามที่เฉียบคมมากครับ
10:10
When you're telling a story,
215
595000
2000
เวลาที่คุณเล่าเรื่อง
10:12
have you constructed anticipation?
216
597000
2000
คุณสร้างความคาดหวังแล้วหรือยัง
10:14
In the short-term, have you made me want to know
217
599000
2000
ในระยะสั้น คุณต้องทำให้ผมอยากรู้
10:16
what will happen next?
218
601000
2000
ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป
10:18
But more importantly,
219
603000
2000
แต่ที่สำคัญกว่า
10:20
have you made me want to know
220
605000
2000
คุณทำให้ผมอยากรู้
10:22
how it will all conclude in the long-term?
221
607000
2000
ว่าทุกอย่างจะลงเอยอย่างไร แล้วหรือยัง
10:24
Have you constructed honest conflicts
222
609000
2000
คุณสร้างความขัดแย้ง
10:26
with truth that creates doubt
223
611000
2000
กับความจริงที่มีข้อสงสัย
10:28
in what the outcome might be?
224
613000
2000
ว่าผลลัพธ์จะออกมาอย่างไร แล้วหรือยัง
10:30
An example would be in "Finding Nemo,"
225
615000
2000
ยกตัวอย่างจาก Finding Nemo
10:32
in the short tension, you were always worried,
226
617000
2000
ในระยะสั้น คุณเป็นห่วงว่า
10:34
would Dory's short-term memory
227
619000
2000
ด้วยโรคความจำสั้นของดอรี่
10:36
make her forget whatever she was being told by Marlin.
228
621000
2000
เธอจะจำสิ่งที่มาร์ลินบอกได้หรือเปล่า
10:38
But under that was this global tension
229
623000
2000
แต่ภายใต้ความกังวลนั้น เรายังต้องห่วงว่า
10:40
of will we ever find Nemo
230
625000
2000
สุดท้ายเราจะพบนีโม
10:42
in this huge, vast ocean?
231
627000
2000
ในท้องทะเลที่กว้างใหญ่นี้ได้หรือเปล่า
10:44
In our earliest days at Pixar,
232
629000
2000
ในช่วงแรกๆ ของพิกซาร์
10:46
before we truly understood the invisible workings of story,
233
631000
3000
ก่อนที่เราจะเข้าใจการทำงานของเรื่องราวอย่างแท้จริง
10:49
we were simply a group of guys just going on our gut, going on our instincts.
234
634000
3000
เราเป็นเพียงกลุ่มคนที่ใช้สัญชาติญาณเล่าเรื่อง
10:52
And it's interesting to see
235
637000
2000
น่าสนใจที่ว่า
10:54
how that led us places
236
639000
2000
มันนำเราไปสู่
10:56
that were actually pretty good.
237
641000
2000
หลายๆ สิ่งที่ดี
10:58
You've got to remember that in this time of year,
238
643000
3000
ถ้าคุณยังจำได้
11:01
1993,
239
646000
2000
ปี 1993
11:03
what was considered a successful animated picture
240
648000
3000
หนังอนิเมชั่นที่ประสบความสำเร็จ
11:06
was "The Little Mermaid," "Beauty and the Beast,"
241
651000
3000
คือเรื่องนางเงือกน้อย หรือโฉมงามกับเจ้าชายอสูร
11:09
"Aladdin," "Lion King."
242
654000
2000
หรืออลาดิน ไลออนคิง
11:11
So when we pitched "Toy Story" to Tom Hanks for the first time,
243
656000
3000
ดังนั้น ตอนที่เราทาบทาม Toy Story ให้กับ Tom Hanks
11:14
he walked in and he said,
244
659000
2000
เขาถามว่า
11:16
"You don't want me to sing, do you?"
245
661000
2000
"ผมคงไม่ต้องร้องเพลงด้วย ใช่ไหม"
11:18
And I thought that epitomized perfectly
246
663000
2000
ผมว่ามันเป็นตัวอย่างที่ชัดเจน
11:20
what everybody thought animation had to be at the time.
247
665000
3000
ว่าคนพูดถึงหนังอนิเมชั่นอย่างไรในตอนนั้น
11:23
But we really wanted to prove
248
668000
2000
แต่เราต้องการพิสูจน์ว่า
11:25
that you could tell stories completely different in animation.
249
670000
3000
หนังอนิเมชั่นทำได้มากกว่านั้น
11:28
We didn't have any influence then,
250
673000
2000
เราไม่ได้มีแรงกดดันมากมายในตอนนั้น
11:30
so we had a little secret list of rules
251
675000
2000
เราเลยสร้างกฎต้องห้ามของเรา
11:32
that we kept to ourselves.
252
677000
2000
ที่เราเก็บไว้กับตัวเอง
11:34
And they were: No songs,
253
679000
3000
นั่นคือ ไม่ต้องร้องเพลง
11:37
no "I want" moment,
254
682000
2000
ไม่มีช่วงเวลา "ฉันอยากได้"
11:39
no happy village,
255
684000
2000
ไม่มีหมู่บ้านที่แสนอบอุ่น
11:41
no love story.
256
686000
2000
ไม่มีเรื่องความรัก
11:43
And the irony is that, in the first year,
257
688000
2000
ที่แย่ก็คือ ในปีแรกของเรา
11:45
our story was not working at all
258
690000
2000
มันไม่เวิร์คเลย
11:47
and Disney was panicking.
259
692000
2000
และดิสนีย์ก็เริ่มกังวล
11:49
So they privately got advice
260
694000
3000
พวกเขาไปขอคำแนะนำ
11:52
from a famous lyricist, who I won't name,
261
697000
2000
จากนักแต่งเพลงชื่อดังคนหนึ่ง
11:54
and he faxed them some suggestions.
262
699000
2000
เขาส่งคำแนะนำมาบนหน้ากระดาษ
11:56
And we got a hold of that fax.
263
701000
2000
แล้วเราก็ได้กระดาษแผ่นนั้น
11:58
And the fax said,
264
703000
2000
เนื้อความมีอยู่ว่า
12:00
there should be songs,
265
705000
2000
อนิเมชั่นต้องมีเพลง
12:02
there should be an "I want" song,
266
707000
2000
มีเพลงเกี่ยวกับ "ฉันต้องการ"
12:04
there should be a happy village song,
267
709000
2000
มีเพลงสำหรับหมู่บ้านอบอุ่น
12:06
there should be a love story
268
711000
2000
และมีเรื่องราวของความรัก
12:08
and there should be a villain.
269
713000
2000
พร้อมทั้งบทตัวร้าย
12:10
And thank goodness
270
715000
2000
แต่โชคดีครับ
12:12
we were just too young, rebellious and contrarian at the time.
271
717000
3000
ที่ตอนนั้นเรายังเป็นวัยรุ่น ชอบขัดขืน ชอบแตกต่าง
12:15
That just gave us more determination
272
720000
3000
ซึ่งยิ่งทำให้เราฮึดสู้
12:18
to prove that you could build a better story.
273
723000
2000
เพื่อพิสูจน์ว่าเราสามารถเขียนเรื่องที่ดีกว่านั้นได้
12:20
And a year after that, we did conquer it.
274
725000
2000
หนึ่งปีต่อมา เราทำสำเร็จครับ
12:22
And it just went to prove
275
727000
2000
ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่า
12:24
that storytelling has guidelines,
276
729000
2000
การเล่าเรื่องมีแค่แนวทาง
12:26
not hard, fast rules.
277
731000
2000
ไม่ใช่กฎตายตัว
12:28
Another fundamental thing we learned
278
733000
2000
อีกสิ่งหนึ่งที่เราเรียนรู้คือ
12:30
was about liking your main character.
279
735000
2000
ความดีความชอบของตัวละครหลัก
12:32
And we had naively thought,
280
737000
2000
เราคิดอย่างซื่อๆว่า
12:34
well Woody in "Toy Story" has to become selfless at the end,
281
739000
2000
ท้ายสุด วู๊ดดี้ใน Toy Story ก็ต้องไม่เห็นแก่ตัว
12:36
so you've got to start from someplace.
282
741000
2000
เราจึงต้องเริ่มจากที่ไหนสักที่
12:38
So let's make him selfish. And this is what you get.
283
743000
3000
เราเลยทำให้เขาเห็นแก่ตัวก่อน แล้วนี่คือสิ่งที่เราได้ครับ
12:41
(Voice Over) Woody: What do you think you're doing?
284
746000
2000
(เสียงพูด) วู๊ดดี้: นี่นายทำอะไรอยู่น่ะ
12:43
Off the bed.
285
748000
2000
ลงจากเตียงเดี๋ยวนี้
12:45
Hey, off the bed!
286
750000
2000
ฉันบอกให้ลงเดี๋ยวนี้!
12:47
Mr. Potato Head: You going to make us, Woody?
287
752000
2000
คุณหัวมันฝรั่ง: นายจะไล่พวกเราลงหรอ
12:49
Woody: No, he is.
288
754000
2000
วู๊ดดี้: ไม่ใช่ผม คนนั้นต่างหาก
12:51
Slinky? Slink ... Slinky!
289
756000
4000
สลิงกี้ สลิงกี้อยู่ไหน!
12:55
Get up here and do your job.
290
760000
2000
ขึ้นมาทำหน้าที่ของนายเดี๋ยวนี้
12:57
Are you deaf?
291
762000
2000
ไม่ได้ยินหรือไง
12:59
I said, take care of them.
292
764000
2000
จัดการพวกเขาเดี๋ยวนี้
13:01
Slinky: I'm sorry, Woody,
293
766000
2000
สลิงกี้: โทษทีนะวู๊ดดี้
13:03
but I have to agree with them.
294
768000
2000
ผมเห็นด้วยกับพวกเขานะ
13:05
I don't think what you did was right.
295
770000
2000
ผมไม่คิดว่าคุณทำถูกต้อง
13:07
Woody: What? Am I hearing correctly?
296
772000
3000
วู๊ดดี้: อะไรนะ ฉันหูฝาดไปหรือเปล่า
13:10
You don't think I was right?
297
775000
2000
แกคิดว่าฉันผิดหรือ?
13:12
Who said your job was to think, Spring Wiener?
298
777000
4000
ใครบอกให้แกคิด
13:17
AS: So how do you make a selfish character likable?
299
782000
2000
แอนดริว: คุณจะทำให้คนรักตัวละครที่เห็นแก่ตัวยังไง
13:19
We realized, you can make him kind,
300
784000
2000
เราพบว่า เราสามารถทำให้เขาใจดี
13:21
generous, funny, considerate,
301
786000
2000
มีน้ำใจ มีอารมณ์ขัน เห็นใจผู้อื่น
13:23
as long as one condition is met for him,
302
788000
2000
ตราบใดที่เงื่อนไขหนึ่งยังคงไว้
13:25
is that he stays the top toy.
303
790000
2000
นั่นคือเขาเป็นผู้นำ
13:27
And that's what it really is,
304
792000
2000
นั่นคือเรื่องจริงครับ
13:29
is that we all live life conditionally.
305
794000
2000
เราทุกคนใช้ชีวิตด้วยเงื่อนไข
13:31
We're all willing to play by the rules and follow things along,
306
796000
2000
เราพร้อมที่จะทำตามทุกสิ่ง
13:33
as long as certain conditions are met.
307
798000
3000
ตราบใดที่เงื่อนไขยังคงไว้อยู่
13:36
After that, all bets are off.
308
801000
2000
นอกจากนั้นแล้ว อะไรก็ได้
13:38
And before I'd even decided to make storytelling my career,
309
803000
3000
ก่อนที่ผมจะรับอาชีพนักเล่าเรื่อง
13:41
I can now see key things that happened in my youth
310
806000
2000
ผมพบเข้าใจในบางสิ่งบางอย่าง
13:43
that really sort of opened my eyes
311
808000
2000
ที่เปิดประตูโลกของผม
13:45
to certain things about story.
312
810000
2000
ให้พบบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องราว
13:47
In 1986, I truly understood the notion
313
812000
3000
ในปี 1986 ผมเข้าใจความคิดที่ว่า
13:50
of story having a theme.
314
815000
3000
เรื่องราวจะต้องมีใจความสำคัญ
13:53
And that was the year that they restored and re-released
315
818000
3000
ในปีนั้นเองที่มีการทำหนังเรื่อง
13:56
"Lawrence of Arabia."
316
821000
2000
Lawrence of Arabia ขึ้นมาใหม่
13:58
And I saw that thing seven times in one month.
317
823000
3000
ผมดูเรื่องนั้น 7 ครั้งภายในหนึ่งเดือน
14:01
I couldn't get enough of it.
318
826000
2000
ผมหยุดไม่ได้จริงๆ
14:03
I could just tell there was a grand design under it --
319
828000
3000
ผมบอกได้เลยว่า ในทุกๆ ฉาก
ทุกๆ ตอน ทุกคำพูด
ทุกๆ ตอน ทุกคำพูด
14:06
in every shot, every scene, every line.
320
831000
2000
มันถูกออกแบบมาอย่างดี
14:08
Yet, on the surface it just seemed
321
833000
2000
แม้ระดับผิวเผินนั้น
14:10
to be depicting his historical lineage
322
835000
3000
จะเป็นเพียงการพรรณาถึงอดีต
14:13
of what went on.
323
838000
2000
ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงนั้น
14:15
Yet, there was something more being said. What exactly was it?
324
840000
2000
แต่มันมีอะไรบางอย่างอยู่ภายใต้นั้น มันคืออะไรหรือ
14:17
And it wasn't until, on one of my later viewings,
325
842000
2000
ผมต้องดูอยู่หลายรอบ
14:19
that the veil was lifted
326
844000
2000
จนผมเข้าใจ
14:21
and it was in a scene where he's walked across the Sinai Desert
327
846000
3000
ในฉากที่ผู้ชายคนนี้เดินข้ามทะเลทราย
14:24
and he's reached the Suez Canal,
328
849000
2000
จนมาพบกับคลองซูเอส
14:26
and I suddenly got it.
329
851000
2000
แล้วผมก็เข้าใจ
14:33
(Video) Boy: Hey! Hey! Hey! Hey!
330
858000
6000
(วีดีโอ) ผู้ชาย: เฮ้! เฮ้! เฮ้! เฮ้!
14:46
Cyclist: Who are you?
331
871000
3000
คนขับ: คุณคือใคร
14:50
Who are you?
332
875000
3000
คุณคือใคร
14:53
AS: That was the theme: Who are you?
333
878000
3000
แอนดริว: นั่นคือใจความสำคัญครับ: คุณคือใคร
14:56
Here were all these seemingly disparate
334
881000
2000
เหตุการณ์และการสนทนา
14:58
events and dialogues
335
883000
2000
ที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกัน
15:00
that just were chronologically telling the history of him,
336
885000
3000
เหมือนเป็นเพียงการเล่าประวัติตัวเขา เหมือนปกติ
15:03
but underneath it was a constant,
337
888000
2000
แต่ภายใต้นั้นมีเส้นทาง
15:05
a guideline, a road map.
338
890000
2000
มีจุดมุ่งหมายหนึ่งเดียว
15:07
Everything Lawrence did in that movie
339
892000
2000
สิ่งที่ลอว์เรนซ์ทำตลอดทั้งเรื่อง
15:09
was an attempt for him to figure out where his place was in the world.
340
894000
3000
คือการค้นหาตัวตนของเขาบนโลกใบนี้
15:12
A strong theme is always running through
341
897000
3000
เรื่องราวที่ดี
15:15
a well-told story.
342
900000
3000
มักมีใจความสำคัญเสมอ
15:18
When I was five,
343
903000
2000
เมื่อผมอายุ 5 ขวบ
15:20
I was introduced to possibly the most major ingredient
344
905000
3000
ผมพบกับส่วนผสมสำคัญ
15:23
that I feel a story should have,
345
908000
3000
ของการเล่าเรื่อง
15:26
but is rarely invoked.
346
911000
2000
ที่ไม่ถูกใช้มากนัก
15:28
And this is what my mother took me to when I was five.
347
913000
3000
แม่พาผมไปดูเรื่องนี้ครับ
15:34
(Video) Thumper: Come on. It's all right.
348
919000
3000
(วีดีโอ) กระต่าย: มาสิ ไม่เป็นไรหรอก
15:37
Look.
349
922000
2000
ดูสิ
15:39
The water's stiff.
350
924000
3000
แข็งเป็นหินเลย
15:45
Bambi: Yippee!
351
930000
2000
แบมบี้: เย้
15:57
Thumper: Some fun,
352
942000
2000
กระต่าย: สนุกเนอะ
15:59
huh, Bambi?
353
944000
3000
จริงไหม แบมบี้?
16:02
Come on. Get up.
354
947000
2000
ลุกขึ้นเร็ว
16:04
Like this.
355
949000
2000
ทำแบบนี้นะ
16:24
Ha ha. No, no, no.
356
969000
3000
ฮ่าๆ ไม่ใช่ ไม่ใช่
16:27
AS: I walked out of there
357
972000
2000
แอนดริว: ผมเดินออกจากหนังเรื่องนี้
16:29
wide-eyed with wonder.
358
974000
2000
ด้วยความตื่นตาตื่นใจ
16:31
And that's what I think the magic ingredient is,
359
976000
2000
ผมคิดว่านั่นคือส่วนผสมวิเศษครับ
16:33
the secret sauce,
360
978000
2000
เครื่องปรุงที่ถูกเก็บเป็นความลับ
16:35
is can you invoke wonder.
361
980000
2000
นั่นคือ คุณสามารถทำให้คนพิศวงได้หรือเปล่า
16:37
Wonder is honest, it's completely innocent.
362
982000
2000
ความพิศวงเป็นสิ่งที่จริงใจ บริสุทธิ์ที่สุด
16:39
It can't be artificially evoked.
363
984000
2000
เราไม่สามารถแกล้งพิศวงได้
16:41
For me, there's no greater ability
364
986000
2000
ผมคิดว่าไม่มีสิ่งใดที่วิเศษไปกว่า
16:43
than the gift of another human being giving you that feeling --
365
988000
3000
การได้รับความรู้สึกนั้น
16:46
to hold them still just for a brief moment in their day
366
991000
3000
การที่จะหยุดใครสักคน
16:49
and have them surrender to wonder.
367
994000
2000
เพื่อให้เขายอมแพ้ต่อความพิศวง
16:51
When it's tapped, the affirmation of being alive,
368
996000
3000
เมื่อเราสะกิดความรู้สึกนั้นได้
16:54
it reaches you almost to a cellular level.
369
999000
3000
การรู้สึกมีชีวิตมันเข้าถึงทุกอณูของตัวคุณ
16:57
And when an artist does that to another artist,
370
1002000
2000
เมื่อศิลปินสามารถทำสิ่งนั้นให้กับศิลปินอีกคน
16:59
it's like you're compelled to pass it on.
371
1004000
2000
คุณเหมือนได้แรงจูงใจที่จะต้องส่งต่อมันออกไป
17:01
It's like a dormant command
372
1006000
2000
เป็นเหมือนคำสั่งที่ถูกซ่อนไว้
17:03
that suddenly is activated in you, like a call to Devil's Tower.
373
1008000
3000
ทันใดนั้นก็ถูกเปิดขึ้นมา
17:06
Do unto others what's been done to you.
374
1011000
3000
ให้ส่งต่อสิ่งที่คุณรู้สึกออกไป
17:09
The best stories infuse wonder.
375
1014000
3000
เรื่องราวที่ดีที่สุดสามารถทำให้เราพิศวงได้
17:12
When I was four years old,
376
1017000
2000
เมื่อผมอายุ 4 ขวบ
17:14
I have a vivid memory
377
1019000
2000
ผมมีความทรงจำลางๆ
17:16
of finding two pinpoint scars on my ankle
378
1021000
3000
ในการหาแผลเป็นเล็กๆที่ข้อเท้า
17:19
and asking my dad what they were.
379
1024000
2000
แล้วถามพ่อผมว่ามันคืออะไร
17:21
And he said I had a matching pair like that on my head,
380
1026000
2000
เขาบอกว่าผมมีแผลเป็นนั้นบนหัวของผมเช่นกัน
17:23
but I couldn't see them because of my hair.
381
1028000
2000
แต่เส้นผมปิดมันเอาไว้
17:25
And he explained that when I was born,
382
1030000
2000
เขาอธิบายว่า
17:27
I was born premature,
383
1032000
2000
ผมคลอดก่อนกำหนด
17:29
that I came out much too early,
384
1034000
3000
เร็วไปมาก
17:32
and I wasn't fully baked;
385
1037000
2000
ผมต้องเข้าตู้อบเป็นเวลานาน
17:34
I was very, very sick.
386
1039000
2000
ตอนนั้นผมป่วยมาก
17:36
And when the doctor took a look at this yellow kid with black teeth,
387
1041000
3000
ตอนที่หมอวินิจฉัยเด็กเหลืองๆ ฟันดำๆคนนี้
17:39
he looked straight at my mom and said,
388
1044000
2000
เขามองไปที่แม่ผม แล้วกล่าวว่า
17:41
"He's not going to live."
389
1046000
3000
"เขาไม่รอดแน่"
17:44
And I was in the hospital for months.
390
1049000
3000
ผมอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเดือนๆ
17:47
And many blood transfusions later,
391
1052000
2000
ถูกให้เลือดนับครั้งไม่ถ้วน
17:49
I lived,
392
1054000
2000
สุดท้ายผมก็รอด
17:51
and that made me special.
393
1056000
3000
และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมเป็นคนพิเศษ
17:54
I don't know if I really believe that.
394
1059000
3000
ผมไม่แน่ใจว่าผมเชื่ออย่างนั้นจริงๆหรือเปล่า
17:57
I don't know if my parents really believe that,
395
1062000
3000
ผมไม่รู้ว่าพ่อแม่ของผมเชื่อหรือเปล่า
18:00
but I didn't want to prove them wrong.
396
1065000
3000
แต่ผมไม่อยากให้เขาผิดหวัง
18:03
Whatever I ended up being good at,
397
1068000
3000
อะไรก็ตามที่ผมทำได้ดี
18:06
I would strive to be worthy of the second chance I was given.
398
1071000
4000
ผมจะพยายามอย่างที่สุด ให้สมกับชีวิตที่ผมได้มา
18:10
(Video) (Crying)
399
1075000
4000
(วีดีโอ)
(เสียงร้องไห้)
(เสียงร้องไห้)
18:23
Marlin: There, there, there.
400
1088000
3000
มาร์ลิน: นั่นไง นั่นไง
18:26
It's okay, daddy's here.
401
1091000
3000
ไม่เป็นไรนะ พ่ออยู่นี่แล้ว
18:29
Daddy's got you.
402
1094000
3000
พ่ออยู่กับเธอแล้ว
18:34
I promise,
403
1099000
2000
พ่อสัญญา
18:36
I will never let anything happen to you, Nemo.
404
1101000
4000
พ่อจะไม่ให้อะไรเกิดขึ้นกับเธออีกเป็นอันขาด นีโม
18:40
AS: And that's the first story lesson I ever learned.
405
1105000
4000
แอนดริว: และนั่นคือสิ่งแรกที่ผมเรียนรู้
18:44
Use what you know. Draw from it.
406
1109000
2000
ใช้สิ่งที่คุณประสบ เค้นมันออกมา
18:46
It doesn't always mean plot or fact.
407
1111000
2000
ไม่จำเป็นต้องเป็นความจริงที่แน่นอน
18:48
It means capturing a truth from your experiencing it,
408
1113000
3000
มันคือการเก็บความรู้สึกที่แท้จริงออกมา
18:51
expressing values you personally feel
409
1116000
3000
แล้วแผ่ความรู้สึกที่คุณมีจริงๆออกไป
18:54
deep down in your core.
410
1119000
2000
จากลึกสุดหัวใจของคุณ
18:56
And that's what ultimately led me to speaking to you
411
1121000
2000
และนี่คือสิ่งที่ดลบันดาลให้ผม
18:58
here at TEDTalk today.
412
1123000
2000
มาพูดที่ TEDTalk วันนี้
19:00
Thank you.
413
1125000
2000
ขอบคุณครับ
19:02
(Applause)
414
1127000
8000
(เสียงปรบมือ)
ABOUT THE SPEAKER
Andrew Stanton - FilmmakerAndrew Stanton has made you laugh and cry. The writer behind the three "Toy Story" movies and the writer/director of "WALL-E," he releases his new film, "John Carter," in March.
Why you should listen
Andrew Stanton wrote the first film produced entirely on a computer, Toy Story. But what made that film a classic wasn't the history-making graphic technology -- it's the story, the heart, the characters that children around the world instantly accepted into their own lives. Stanton wrote all three Toy Story movies at Pixar Animation Studios, where he was hired in 1990 as the second animator on staff. He has two Oscars, as the writer-director of Finding Nemo and WALL-E. And as Edgar Rice Burroughs nerds, we're breathlessly awaiting the March opening of his fantasy-adventure movie John Carter.
Andrew Stanton | Speaker | TED.com