TED2012
Brian Greene: Is our universe the only universe?
ไบรอัน กรีน (Brian Greene): เอกภพของเรา เป็นเพียงเอกภพเดียวจริงหรือ?
Filmed:
Readability: 4.8
6,486,379 views
ในแก่นของจักรวาลวิทยา ยังมีปริศนาลึกลับว่า ทำไมเอกภพของเราจึงดูเหมือนถูกปรับแต่งให้เหมาะสมอย่างแปลกประหลาด ที่จะสร้างสภาวะที่จำเป็นต่อสิ่งมีชีวิต? ด้วยการบรรจงนำเสนอการค้นพบทางวิทยาศาสตร์อันยิ่งใหญ่ ไบรอัน กรีนแสดงให้เห็นว่าแนวคิดอันน่าทึ่ง เกี่ยวกับสหภพนั้น อาจมีคำตอบของปริศนาอยู่
Brian Greene - Physicist
Brian Greene is perhaps the best-known proponent of superstring theory, the idea that minuscule strands of energy vibrating in a higher dimensional space-time create every particle and force in the universe. Full bio
Brian Greene is perhaps the best-known proponent of superstring theory, the idea that minuscule strands of energy vibrating in a higher dimensional space-time create every particle and force in the universe. Full bio
Double-click the English transcript below to play the video.
00:15
A few months ago
0
0
2000
ไม่กี่เดือนก่อน
00:17
the Nobel Prize in physics
1
2000
2000
รางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์
00:19
was awarded to two teams of astronomers
2
4000
2000
ถูกมอบให้ทีมนักดาราศาสตร์ 2 ทีม
00:21
for a discovery that has been hailed
3
6000
3000
สำหรับการค้นพบที่ได้รับการยกย่อง
00:24
as one of the most important
4
9000
2000
ให้เป็นการค้นพบที่สำคัญที่สุดเท่าที่เคยมีมา
00:26
astronomical observations ever.
5
11000
2000
ด้านการสังเกตการณ์ดาราศาสตร์
00:28
And today, after briefly describing what they found,
6
13000
2000
วันนี้ ผมจะเริ่มจากอธิบายให้ฟัง
เกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาค้นพบ
เกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาค้นพบ
00:30
I'm going to tell you about a highly controversial framework
7
15000
3000
แล้วต่อด้วยกรอบแนวคิดซึ่งเป็นที่ถกเถียง
00:33
for explaining their discovery,
8
18000
3000
ที่ใช้อธิบายการค้นพบนี้
00:36
namely the possibility
9
21000
2000
นั่นก็คือ ความเป็นไปได้ที่
00:38
that way beyond the Earth,
10
23000
2000
ไกลออกไปจากโลก
00:40
the Milky Way and other distant galaxies,
11
25000
3000
จากกาแล็กซีทางช้างเผือก และกาแล็กซีอื่นๆ
00:43
we may find that our universe
12
28000
2000
เราอาจพบว่าเอกภพ (universe) ของเรา
00:45
is not the only universe,
13
30000
2000
ไม่ได้เป็นเอกภพเดียวที่มีอยู่
00:47
but is instead
14
32000
2000
แต่เป็นเพียงแค่
00:49
part of a vast complex of universes
15
34000
2000
ส่วนหนึ่งของหลายเอกภพที่ซับซ้อน
00:51
that we call the multiverse.
16
36000
2000
ที่เราเรียกว่า "สหภพ" (multiverse)
00:53
Now the idea of a multiverse is a strange one.
17
38000
3000
แนวคิดของสหภพออกจะฟังดูแปลกสักหน่อย
00:56
I mean, most of us were raised to believe
18
41000
2000
พวกเราส่วนใหญ่โตมากับความเชื่อที่ว่า
00:58
that the word "universe" means everything.
19
43000
3000
คำว่า "เอกภพ" หมายถึง ทุกสิ่งอย่าง
01:01
And I say most of us with forethought,
20
46000
3000
และผมว่าพวกเราส่วนใหญ่ที่คิดรอบคอบ
01:04
as my four-year-old daughter has heard me speak of these ideas since she was born.
21
49000
3000
เหมือนลูกสาวอายุ 4 ขวบของผม
ที่ได้ยินผมพูดแนวคิดเหล่านี้มาตั้งแต่เกิด
ที่ได้ยินผมพูดแนวคิดเหล่านี้มาตั้งแต่เกิด
01:07
And last year I was holding her
22
52000
2000
และเมื่อปีที่แล้ว ในขณะที่ผมกำลังประคองเธออยู่
01:09
and I said, "Sophia,
23
54000
2000
ผมบอกเธอว่า "โซเฟีย,
01:11
I love you more than anything in the universe."
24
56000
3000
พ่อรักลูกมากกว่าสิ่งอื่นใดในเอกภพเลยนะ"
01:14
And she turned to me and said, "Daddy,
25
59000
2000
เธอถามผมว่า "พ่อคะ
01:16
universe or multiverse?"
26
61000
2000
เอกภพ หรือ สหภพ กันแน่คะ?"
01:18
(Laughter)
27
63000
3000
(เสียงหัวเราะ)
01:21
But barring such an anomalous upbringing,
28
66000
3000
แม้ไม่นับการสอนลูกแบบแปลกๆ ของผม
01:24
it is strange to imagine
29
69000
2000
มันก็ดูแปลกที่จะจินตนาการ
01:26
other realms separate from ours,
30
71000
2000
ถึงดินแดนอื่นๆ นอกเหนือจากของเรา
01:28
most with fundamentally different features,
31
73000
2000
ที่มีลักษณะพื้นฐานแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
01:30
that would rightly be called universes of their own.
32
75000
3000
ที่ซึ่งอาจมีสิทธิ์เรียกตัวเองว่าเป็นเอกภพได้เหมือนกัน
01:33
And yet,
33
78000
2000
ถึงแม้ว่า
01:35
speculative though the idea surely is,
34
80000
2000
แนวความคิดนี้เป็นเพียงการคาดคะเน
01:37
I aim to convince you
35
82000
2000
ผมก็ยังมุ่งมั่นจะโน้มน้าวให้พวกคุณเชื่อ
01:39
that there's reason for taking it seriously,
36
84000
2000
ว่ามีเหตุผลมากพอที่จะจริงจังกับมัน
01:41
as it just might be right.
37
86000
2000
เพราะมันอาจเป็นแนวคิดที่ถูกต้อง
01:43
I'm going to tell the story of the multiverse in three parts.
38
88000
3000
ผมจะแบ่งการอธิบายเรื่องของสหภพออกเป็นสามภาค
01:46
In part one,
39
91000
2000
ในภาคแรก
01:48
I'm going to describe those Nobel Prize-winning results
40
93000
2000
ผมจะบรรยายการค้นพบที่ได้รางวัลโนเบล
01:50
and to highlight a profound mystery
41
95000
2000
และชี้ให้เห็นปริศนาอันน่าฉงน
01:52
which those results revealed.
42
97000
2000
ซึ่งถูกเปิดเผยโดยการค้นพบเหล่านั้น
01:54
In part two,
43
99000
2000
ในภาคที่สอง
01:56
I'll offer a solution to that mystery.
44
101000
2000
ผมจะเสนอคำตอบสำหรับปริศนานั้น
01:58
It's based on an approach called string theory,
45
103000
2000
ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของแนวคิด ทฤษฎีสตริง (string theory)
02:00
and that's where the idea of the multiverse
46
105000
2000
และนั่นคือตอน ที่แนวคิดเรื่องสหภพ
02:02
will come into the story.
47
107000
2000
จะเข้ามาในเรื่องราวของเรา
02:04
Finally, in part three,
48
109000
2000
และสุดท้าย ในภาคที่สาม
02:06
I'm going to describe a cosmological theory
49
111000
2000
ผมจะบรรยายทฤษฎีของจักรวาลวิทยา
02:08
called inflation,
50
113000
2000
ที่เรียกว่า การขยายตัว (infllation)
02:10
which will pull all the pieces of the story together.
51
115000
3000
ซึ่งจะดึงเอาเรื่องราวทั้งสามภาคมารวมเข้าด้วยกัน
02:13
Okay, part one starts back in 1929
52
118000
4000
ภาคแรก เริ่มต้นเมื่อปี 1929
02:17
when the great astronomer Edwin Hubble
53
122000
2000
เมื่อนักดาราศาสตร์ชื่อดัง เอ็ดวิน ฮับเบิล (Edwin Hubble)
02:19
realized that the distant galaxies
54
124000
3000
ตระหนักว่ากาแล็กซีที่ห่างไกลออกไป
02:22
were all rushing away from us,
55
127000
2000
ต่างวิ่งห่างจากเราออกไปเรื่อยๆ
02:24
establishing that space itself is stretching,
56
129000
2000
เขาก่อตั้งแนวคิดที่ว่าอวกาศนั้นยืดตัวออกเรื่อยๆ
02:26
it's expanding.
57
131000
2000
มันกำลังขยายตัว
02:28
Now this was revolutionary.
58
133000
3000
นี่เป็นการปฏิวัติด้านแนวคิดเลยทีเดียว
02:31
The prevailing wisdom was that on the largest of scales
59
136000
3000
ความเข้าใจโดยทั่วไปในยุคนั้นคือ
02:34
the universe was static.
60
139000
2000
เอกภพนั้นหยุดนิ่ง
02:36
But even so,
61
141000
2000
แต่กระนั้น
02:38
there was one thing that everyone was certain of:
62
143000
3000
มีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนแน่ใจ นั่นก็คือ
02:41
The expansion must be slowing down.
63
146000
3000
การขยายตัวจะต้องช้าลง
02:44
That, much as the gravitational pull of the Earth
64
149000
3000
เปรียบเสมือนแรงดึงดูดของโลก
02:47
slows the ascent of an apple tossed upward,
65
152000
3000
ที่ชะลอการลอยตัวของผลแอปเปิลที่ถูกโยนขึ้น
02:50
the gravitational pull
66
155000
2000
ซึ่งแรงดึงดูด
02:52
of each galaxy on every other
67
157000
2000
ของแต่ละกาแล็กซีนี้
02:54
must be slowing
68
159000
2000
มีผลให้การขยายตัวของห้วงอวกาศ
02:56
the expansion of space.
69
161000
2000
ชะลอลง
02:58
Now let's fast-forward to the 1990s
70
163000
3000
ทีนี้ เร่งเวลามาสู่ยุคปี 90
03:01
when those two teams of astronomers
71
166000
2000
ในตอนที่นักดาราศาสตร์ 2 ทีม
03:03
I mentioned at the outset
72
168000
2000
ที่ผมกล่าวถึงเมื่อตอนต้น
03:05
were inspired by this reasoning
73
170000
2000
เกิดแรงบันดาลใจจากเหตุผลดังกล่าว
03:07
to measure the rate
74
172000
2000
พวกเขาจึงคิดวัดอัตรา
03:09
at which the expansion has been slowing.
75
174000
2000
การขยายตัวเริ่มชะลอลง
03:11
And they did this
76
176000
2000
พวกเขาทำการทดลอง
03:13
by painstaking observations
77
178000
2000
โดยใช้ความอุตสาหะในการเฝ้าสังเกตการณ์
03:15
of numerous distant galaxies,
78
180000
2000
หลายๆ กาแล็กซีอันห่างไกล
03:17
allowing them to chart
79
182000
2000
ทำให้พวกเขาสามารถบันทึก
03:19
how the expansion rate has changed over time.
80
184000
3000
ว่าอัตราการขยายตัวนั้นเปลี่ยนแปลงตามเวลาไปอย่างไร
03:22
Here's the surprise:
81
187000
3000
และนี่คือผลที่น่าประหลาดใจ
03:25
They found that the expansion is not slowing down.
82
190000
3000
พวกเขาพบว่าอัตราการขยายตัวไม่ได้ค่อยๆ ชะลอลง
03:28
Instead they found that it's speeding up,
83
193000
2000
แต่กลับพบว่ามันกำลังเร่งความเร็วขึ้น
03:30
going faster and faster.
84
195000
2000
เร็วขึ้นเรื่อยๆ
03:32
That's like tossing an apple upward
85
197000
2000
มันเหมือนกับการโยนลูกแอปเปิลขึ้นในอากาศ
03:34
and it goes up faster and faster.
86
199000
2000
แล้วมันลอยสูงขึ้น เร็วขึ้นเรื่อยๆ
03:36
Now if you saw an apple do that,
87
201000
2000
เวลาคุณเห็นแอปเปิลเป็นอย่างนั้น
03:38
you'd want to know why.
88
203000
2000
คุณคงอยากรู้ว่า
03:40
What's pushing on it?
89
205000
2000
อะไรกำลังผลักมันอยู่
03:42
Similarly, the astronomers' results
90
207000
2000
คล้ายกันครับ การค้นพบของนักดาราศาสตร์เหล่านั้น
03:44
are surely well-deserving of the Nobel Prize,
91
209000
3000
สมควรได้รับรางวัลโนเบลอย่างแน่นอน
03:47
but they raised an analogous question.
92
212000
4000
แต่พวกเขาก็สร้างคำถามเชิงเปรียบเทียบขึ้นมา
03:51
What force is driving all galaxies
93
216000
2000
ว่าแรงอะไรที่กำลังผลักดันกาแล็กซีทั้งหลาย
03:53
to rush away from every other
94
218000
3000
ให้วิ่งออกห่างจากกัน
03:56
at an ever-quickening speed?
95
221000
3000
ด้วยอัตราที่เร็วขึ้นเรื่อยๆ
03:59
Well the most promising answer
96
224000
2000
ทีนี้ คำตอบที่เป็นไปได้มากที่สุด
04:01
comes from an old idea of Einstein's.
97
226000
3000
มาจากแนวคิดเก่าแก่ของ ไอน์สไตน์ (Einstien)
04:04
You see, we are all used to gravity
98
229000
2000
คือว่า พวกเราเคยชินกับแรงโน้มถ่วง
04:06
being a force that does one thing,
99
231000
3000
ว่าเป็นแรงที่มีหน้าที่อย่างเดียว
04:09
pulls objects together.
100
234000
2000
คือดึงวัตถุเข้าหากัน
04:11
But in Einstein's theory of gravity,
101
236000
2000
แต่ในทฤษฎีแรงโน้มถ่วงของไอน์สไตน์
04:13
his general theory of relativity,
102
238000
2000
หรือทฤษฎีสัมพัทธภาพ
04:15
gravity can also push things apart.
103
240000
3000
แรงโน้มถ่วงก็สามารถผลักวัตถุออกจากกันได้
04:18
How? Well according to Einstein's math,
104
243000
3000
ถ้าอธิบายตามคณิตศาสตร์ของไอน์สไตน์
04:21
if space is uniformly filled
105
246000
2000
อวกาศนั้นเต็มไปด้วยพลังงานที่มองไม่เห็น
04:23
with an invisible energy,
106
248000
2000
กระจายตัวอยู่อย่างสม่ำเสมอ
04:25
sort of like a uniform, invisible mist,
107
250000
3000
คล้ายๆ กับหมอกบางๆ ที่มองไม่เห็น
04:28
then the gravity generated by that mist
108
253000
3000
ทีนี้แรงโน้มถ่วงที่สร้างขึ้นจากหมอกพวกนั้น
04:31
would be repulsive,
109
256000
2000
จะเป็นแรงผลัก
04:33
repulsive gravity,
110
258000
2000
เป็นแรงโน้มถ่วงชนิดผลัก
04:35
which is just what we need to explain the observations.
111
260000
3000
ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องการ
ที่จะใช้อธิบายผลสังเกตการณ์เหล่านั้น
ที่จะใช้อธิบายผลสังเกตการณ์เหล่านั้น
04:38
Because the repulsive gravity
112
263000
2000
และเป็นเพราะแรงโน้มถ่วงชนิดผลัก
04:40
of an invisible energy in space --
113
265000
2000
ของพลังงานที่มองไม่เห็นในอวกาศ
04:42
we now call it dark energy,
114
267000
2000
เราจึงเรียกมันว่า พลังงานมืด (dark energy)
04:44
but I've made it smokey white here so you can see it --
115
269000
3000
ผมทำมันเป็นควันสีขาว เพื่อให้คุณเห็นมัน
04:47
its repulsive gravity
116
272000
2000
แรงโน้มถ่วงชนิดผลัก
04:49
would cause each galaxy to push against every other,
117
274000
2000
ทำให้แต่ละกาแล็กซีต่างผลักตัวออกจากกัน
04:51
driving expansion to speed up,
118
276000
2000
ส่งผลให้การขยายตัวเพิ่มอัตราขึ้น
04:53
not slow down.
119
278000
2000
ไม่ใช่ช้าลง
04:55
And this explanation
120
280000
2000
และการอธิบายนี้
04:57
represents great progress.
121
282000
2000
ก็แสดงถึงความก้าวหน้าอันยิ่งใหญ่
04:59
But I promised you a mystery
122
284000
3000
ผมสัญญาพวกคุณว่าจะมีปริศนา
05:02
here in part one.
123
287000
2000
ในภาคแรกนี้
05:04
Here it is.
124
289000
2000
เรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ
05:06
When the astronomers worked out
125
291000
2000
เมื่อนักดาราศาสตร์กลุ่มนี้คำนวณได้ว่า
05:08
how much of this dark energy
126
293000
3000
ต้องมีพลังงานมืด
05:11
must be infusing space
127
296000
2000
แทรกตัวอยู่ในอวกาศมากแค่ไหน
05:13
to account for the cosmic speed up,
128
298000
2000
จึงจะส่งผลให้เกิดการขยายตัวของอวกาศเช่นที่เป็นอยู่
05:15
look at what they found.
129
300000
2000
นี่คือผลที่พวกเขาพบ
05:24
This number is small.
130
309000
2000
ตัวเลขที่ได้ มีค่าน้อยมาก
05:26
Expressed in the relevant unit,
131
311000
2000
แม้จะแสดงในหน่วยที่เหมาะสมแล้ว
05:28
it is spectacularly small.
132
313000
2000
มันก็ยังดูน้อยมากอยู่ดี
05:30
And the mystery is to explain this peculiar number.
133
315000
3000
และปริศนานั้นก็คือการที่จะอธิบายเจ้าเลขแปลกๆ ตัวนี้
05:33
We want this number
134
318000
2000
เราอยากให้ตัวเลขนี้
05:35
to emerge from the laws of physics,
135
320000
2000
ให้เป็นผลลัพธ์ของกฏฟิสิกส์
05:37
but so far no one has found a way to do that.
136
322000
3000
แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครพบวิธีที่จะทำได้
05:40
Now you might wonder,
137
325000
3000
ทีนี้คุณอาจสงสัยว่า
05:43
should you care?
138
328000
2000
ต้องสนใจมันด้วยเหรอ?
05:45
Maybe explaining this number
139
330000
2000
บางทีคำอธิบายเลขตัวนี้
05:47
is just a technical issue,
140
332000
2000
อาจเป็นแค่เรื่องทางเทคนิค
05:49
a technical detail of interest to experts,
141
334000
3000
อาจเป็นรายละเอียดที่มีแต่ผู้เชี่ยวชาญสนใจ
05:52
but of no relevance to anybody else.
142
337000
2000
แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับใครอื่น
05:54
Well it surely is a technical detail,
143
339000
3000
มันก็เป็นเรื่องรายละเอียดทางเทคนิคจริงๆ แหละครับ
05:57
but some details really matter.
144
342000
2000
แต่รายละเอียดบางอย่าง ก็น่าสนใจ
05:59
Some details provide
145
344000
2000
บางรายละเอียด ชี้ให้เห็นประตู
06:01
windows into uncharted realms of reality,
146
346000
2000
สู่ดินแดนที่ไม่เคยมีใครค้นพบมาก่อน
06:03
and this peculiar number may be doing just that,
147
348000
3000
และเลขแปลกๆ ตัวนี้อาจมีหน้าที่เช่นนั้น
06:06
as the only approach that's so far made headway to explain it
148
351000
3000
และวิธีเดียวที่จะเข้าใกล้การอธิบายตัวเลขนี้ได้มากที่สุด
06:09
invokes the possibility of other universes --
149
354000
3000
ก็ก่อให้เกิดความเป็นไปได้ของเอกภพอื่นๆ
06:12
an idea that naturally emerges from string theory,
150
357000
3000
เป็นแนวคิดที่เกิดขึ้นมาจากทฤษฎีสตริง
06:15
which takes me to part two: string theory.
151
360000
3000
ซึ่งจะนำผมเข้าสู่ภาคสอง: ทฤษฎีสตริง
06:18
So hold the mystery of the dark energy
152
363000
4000
พักเรื่องปริศนาของพลังงานมืด
06:22
in the back of your mind
153
367000
2000
ไว้ในใจก่อนนะครับ
06:24
as I now go on to tell you
154
369000
2000
เพราะตอนนี้ผมจะเล่าให้คุณฟังเกี่ยวกับ
06:26
three key things about string theory.
155
371000
3000
สิ่งสำคัญสามอย่างเกี่ยวกับทฤษฎีสตริง
06:29
First off, what is it?
156
374000
2000
อย่างแรกเลย
06:31
Well it's an approach to realize Einstein's dream
157
376000
3000
มันคือวิธีการทำฝันของไอน์สไตน์ให้เป็นจริง
06:34
of a unified theory of physics,
158
379000
3000
ซึ่งก็คือทฤษฎีเอกภาพทางฟิสิคส์
06:37
a single overarching framework
159
382000
2000
เป็นกรอบแนวคิดใหญ่
06:39
that would be able to describe
160
384000
2000
ที่จะสามารถอธิบาย
06:41
all the forces at work in the universe.
161
386000
2000
แรงทุกอย่างที่มีในเอกภพ
06:43
And the central idea of string theory
162
388000
2000
และแก่นความคิดหลักของทฤษฎีสตริง
06:45
is quite straightforward.
163
390000
2000
ก็ตรงไปตรงมา
06:47
It says that if you examine
164
392000
2000
มันกล่าวว่าถ้าคุณพิจารณา
06:49
any piece of matter ever more finely,
165
394000
2000
สสารชิ้นใดก็ตามให้ละเอียด
06:51
at first you'll find molecules
166
396000
2000
ตอนแรกคุณจะพบโมเลกุล
06:53
and then you'll find atoms and subatomic particles.
167
398000
3000
จากนั้นคุณจะพบอะตอมและอนุภาคย่อยของอะตอม
06:56
But the theory says that if you could probe smaller,
168
401000
2000
แต่ทฤษฎีกล่าวไว้ว่า ถ้าคุณสามารถมองเห็นสิ่งที่เล็กลงไปอีก
06:58
much smaller than we can with existing technology,
169
403000
3000
เล็กกว่าความสามารถของเทคโนโลยีที่เรามีอยู่
07:01
you'd find something else inside these particles --
170
406000
3000
คุณจะพบสิ่งอื่นๆ ในอนุภาคเหล่านี้
07:04
a little tiny vibrating filament of energy,
171
409000
3000
มันคือสายใยขนาดจิ๋วของพลังงานที่กำลังสั่น
07:07
a little tiny vibrating string.
172
412000
3000
เส้นด้ายเล็กๆ ที่กำลังสั่น
07:10
And just like the strings on a violin,
173
415000
2000
และเช่นเดียวกับสายไวโอลิน
07:12
they can vibrate in different patterns
174
417000
2000
พวกมันสามารถสั่นได้หลายรูปแบบ
07:14
producing different musical notes.
175
419000
2000
สร้างโน้ตดนตรีต่างๆ กัน
07:16
These little fundamental strings,
176
421000
2000
เมื่อเส้นด้ายพื้นฐานเล็กๆ เหล่านี้
07:18
when they vibrate in different patterns,
177
423000
2000
สั่นในรูปแบบต่างๆ
07:20
they produce different kinds of particles --
178
425000
2000
พวกมันจะผลิตอนุภาคที่แตกต่างกัน
07:22
so electrons, quarks, neutrinos, photons,
179
427000
2000
ดังนั้นอิเล็กตรอน ควาร์ก นิวตริโน โฟตอน
07:24
all other particles
180
429000
2000
และ อนุภาคอื่น ๆ
07:26
would be united into a single framework,
181
431000
2000
จะถูกรวมอยู่ในกรอบเดียวกัน
07:28
as they would all arise from vibrating strings.
182
433000
3000
เพราะพวกมันล้วนเกินจากเส้นด้ายที่สั่น
07:31
It's a compelling picture,
183
436000
3000
มันเป็นภาพที่สวยจับใจ
07:34
a kind of cosmic symphony,
184
439000
2000
คล้ายกับเป็นซิมโฟนีจักรวาล
07:36
where all the richness
185
441000
2000
ที่ซึ่งความอิ่มเอิบ
07:38
that we see in the world around us
186
443000
2000
ที่เราเห็นในโลกรอบตัวเรา
07:40
emerges from the music
187
445000
2000
ก่อกำเนิดขึ้นมาจากบทเพลง
07:42
that these little, tiny strings can play.
188
447000
3000
ที่เส้นด้ายจิ๋วเหล่านี้สามารถเล่นได้
07:45
But there's a cost
189
450000
2000
แต่ก็มีต้นทุน
07:47
to this elegant unification,
190
452000
2000
เพื่อให้ได้มาซึ่งความเป็นเอกภาพที่เริศหรูนี้
07:49
because years of research
191
454000
2000
เพราะจากการวิจัยหลายปี
07:51
have shown that the math of string theory doesn't quite work.
192
456000
3000
แสดงให้เห็นว่าคณิตศาสตร์ของทฤษฎีสตริง
ทำงานไม่สมบูรณ์นัก
ทำงานไม่สมบูรณ์นัก
07:54
It has internal inconsistencies,
193
459000
2000
มันมีความไม่สอดคล้องภายในอยู่บางอย่าง
07:56
unless we allow
194
461000
2000
ยกเว้นว่าเราอนุญาตให้มี
07:58
for something wholly unfamiliar --
195
463000
3000
บางสิ่งที่ เราไม่คุ้นเคยโดยสิ้นเชิง
08:01
extra dimensions of space.
196
466000
3000
นั่นคือ มิติเพิ่มเติมของพื้นที่
08:04
That is, we all know about the usual three dimensions of space.
197
469000
3000
เราทุกคนทราบเกี่ยวกับพื้นที่สามมิติปกติของเรา
08:07
And you can think about those
198
472000
2000
และคุณสามารถนึกถึงมัน
08:09
as height, width and depth.
199
474000
3000
ในแง่ความสูง ความกว้าง และความลึก
08:12
But string theory says that, on fantastically small scales,
200
477000
3000
แต่ทฤษฎีสตริงกล่าวว่าว่า ในระดับที่เล็กมากๆ
08:15
there are additional dimensions
201
480000
2000
จะมีมิติเพิ่มเติม
08:17
crumpled to a tiny size so small
202
482000
2000
ที่ถูกบีบอัดขนาดให้เล็กมาก
08:19
that we have not detected them.
203
484000
2000
กระทั่งเราไม่สามารถตรวจพบได้
08:21
But even though the dimensions are hidden,
204
486000
2000
แม้ว่ามิติเหล่านี้จะถูกซ่อน ไว้
08:23
they would have an impact on things that we can observe
205
488000
3000
พวกมันก็ส่งผลกระทบ
ต่อสิ่งที่เราสามารถสังเกตได้
ต่อสิ่งที่เราสามารถสังเกตได้
08:26
because the shape of the extra dimensions
206
491000
3000
เนื่องจากมิติพิเศษเหล่านี้
08:29
constrains how the strings can vibrate.
207
494000
3000
บังคับพฤติกรรมการสั่นของเส้นด้าย
08:32
And in string theory,
208
497000
2000
และในทฤษฎีสตริง
08:34
vibration determines everything.
209
499000
3000
การสั่นสะเทือนกำหนดทุกสิ่งทุกอย่าง
08:37
So particle masses, the strengths of forces,
210
502000
2000
ดังนั้น มวลของอนุภาค แรงต่างๆ
08:39
and most importantly, the amount of dark energy
211
504000
3000
และที่สำคัญมากที่สุดคือ ปริมาณของพลังงานมืด
08:42
would be determined
212
507000
2000
จะถูกกำหนด
08:44
by the shape of the extra dimensions.
213
509000
2000
โดยรูปร่างของมิติพิเศษ
08:46
So if we knew the shape of the extra dimensions,
214
511000
3000
ดังนั้นถ้าเรารู้รูปร่างของมิติพิเศษ
08:49
we should be able to calculate these features,
215
514000
3000
เราน่าจะคำนวณคุณลักษณะต่างๆ ได้
08:52
calculate the amount of dark energy.
216
517000
3000
คำนวณปริมาณของพลังงานมืดได้
08:55
The challenge
217
520000
2000
ความท้าทาย
08:57
is we don't know
218
522000
2000
คือ เราไม่รู้
08:59
the shape of the extra dimensions.
219
524000
3000
รูปร่างของมิติพิเศษ
09:02
All we have
220
527000
2000
ทั้งหมดที่เรามี
09:04
is a list of candidate shapes
221
529000
2000
คือ รายการของรูปร่างที่เป็นไปได้
09:06
allowed by the math.
222
531000
3000
ที่คณิตศาสตร์จะอนุญาตให้มี
09:09
Now when these ideas were first developed,
223
534000
2000
ตอนนี้ เมื่อความคิดเหล่านี้ถูกแรกพัฒนา
09:11
there were only about five different candidate shapes,
224
536000
2000
มีรูปร่างต่างๆ ที่เข้าข่าย เพียงแค่ห้าแบบ
09:13
so you can imagine
225
538000
2000
คุณคงพอนึกออกว่า
09:15
analyzing them one-by-one
226
540000
2000
การวิเคราะห์พวกมันทีละรูปร่าง
09:17
to determine if any yield
227
542000
2000
เพื่อดูว่ารูปร่างใด ให้ผลลัพธ์
09:19
the physical features we observe.
228
544000
2000
เป็นคุณลักษณะทางกายภาพที่เราสังเกตเห็นได้
09:21
But over time the list grew
229
546000
2000
แต่เมื่อเวลาผ่านไป รายการก็ยาวขึ้น
09:23
as researchers found other candidate shapes.
230
548000
2000
เมื่อนักวิจัยพบรูปร่างอื่นที่เข้าข่าย
09:25
From five, the number grew into the hundreds and then the thousands --
231
550000
3000
จากห้ารูปร่าง เพิ่มเป็นหลักร้อย และหลักพัน
09:28
A large, but still manageable, collection to analyze,
232
553000
3000
กลายเป็นรายการขนาดใหญ่
แต่ก็พอที่จะทำการวิเคราะห์ไหว
แต่ก็พอที่จะทำการวิเคราะห์ไหว
09:31
since after all,
233
556000
2000
เพราะยังไงก็แล้วแต่
09:33
graduate students need something to do.
234
558000
3000
เหล่านักศึกษาป.โท ก็ยังต้องหาหัวข้อทำวิจัย
09:36
But then the list continued to grow
235
561000
2000
แต่แล้ว รายการก็ยังเพิ่มขึ้นอีก
09:38
into the millions and the billions, until today.
236
563000
3000
เป็นหลักล้าน พันล้าน จนทุกวันนี้
09:41
The list of candidate shapes
237
566000
2000
รายการรูปร่างที่เข้าข่าย
09:43
has soared to about 10 to the 500.
238
568000
5000
มีสูงถึงประมาณ 10 ยกกำลัง 500
09:48
So, what to do?
239
573000
3000
แล้วเราจะทำอย่างไรดี
09:51
Well some researchers lost heart,
240
576000
3000
นักวิจัยบางคนก็ถอดใจ
09:54
concluding that was so many candidate shapes for the extra dimensions,
241
579000
3000
สรุปเอาว่า มีจำนวนรูปร่างของมิติพิเศษ
ที่เป็นไปได้มากเกินไป
ที่เป็นไปได้มากเกินไป
09:57
each giving rise to different physical features,
242
582000
3000
แต่ละอันก่อให้เกิดลักษณะทางกายภาพแตกต่างกัน
10:00
string theory would never make
243
585000
2000
ทฤษฎีสตริงคงไม่สามารถ
10:02
definitive, testable predictions.
244
587000
2000
ให้การทำนายที่ชัดเจนและทดสอบได้
10:04
But others turned this issue on its head,
245
589000
4000
แต่มีคนที่เปลี่ยนวิธีมองปัญหานี้โดยสิ้นเชิง
10:08
taking us to the possibility of a multiverse.
246
593000
2000
นำเราไปสู่ความเป็นไปได้ ของสหภพ
10:10
Here's the idea.
247
595000
2000
และนี่คือแนวคิดที่ว่า
10:12
Maybe each of these shapes is on an equal footing with every other.
248
597000
3000
บางที รูปร่างเหล่านี้อาจมีศักดิ์ศรี
เท่าเทียมกับรูปร่างอื่นๆ
เท่าเทียมกับรูปร่างอื่นๆ
10:15
Each is as real as every other,
249
600000
2000
แต่ละรูปร่างก็มีอยู่จริงเหมือนกับรูปร่างอื่นๆ
10:17
in the sense
250
602000
2000
ในเชิงที่ว่า
10:19
that there are many universes,
251
604000
2000
มีเอกภพอยู่มากมาย
10:21
each with a different shape, for the extra dimensions.
252
606000
3000
แต่ละเอกภพ มีรูปร่างมิติพิเศษที่แตกต่างกัน
10:24
And this radical proposal
253
609000
2000
และข้อเสนอที่สุดโต่งนี้
10:26
has a profound impact on this mystery:
254
611000
3000
มีผลกระทบลึกซึ้งต่อปริศนา
10:29
the amount of dark energy revealed by the Nobel Prize-winning results.
255
614000
3000
เรื่องปริมาณพลังงานมืดจากผลลัพธ์
ของทีมผู้ได้รับรางวัลโนเบล
ของทีมผู้ได้รับรางวัลโนเบล
10:32
Because you see,
256
617000
2000
เพราะว่า
10:34
if there are other universes,
257
619000
3000
ถ้ามีเอกภพอื่นๆ
10:37
and if those universes
258
622000
2000
และหากเอกภพเหล่านั้น
10:39
each have, say, a different shape for the extra dimensions,
259
624000
4000
แต่ละเอกภพมีรูปร่างของมิติพิเศษที่แตกต่างกัน
10:43
then the physical features of each universe will be different,
260
628000
2000
แล้ว คุณสมบัติทางกายภาพของแต่ละเอกภพจะแตกต่างกัน
10:45
and in particular,
261
630000
2000
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
10:47
the amount of dark energy in each universe
262
632000
2000
ปริมาณของพลังงานมืดในแต่ละเอกภพ
10:49
will be different.
263
634000
2000
จะแตกต่างกันไปด้วย
10:51
Which means that the mystery
264
636000
2000
ซึ่งหมายความว่าปริศนา
10:53
of explaining the amount of dark energy we've now measured
265
638000
2000
ในการอธิบายปริมาณพลังงานมืดที่เราวัดได้ตอนนี้
10:55
would take on a wholly different character.
266
640000
3000
จะเปลี่ยนวิธีไปโดยสิ้นเชิง
10:58
In this context,
267
643000
2000
ในบริบทนี้
11:00
the laws of physics can't explain one number for the dark energy
268
645000
3000
กฎฟิสิกส์ไม่สามารถอธิบาย
ค่าพลังงานมืดค่าใดค่าหนึ่งได้
ค่าพลังงานมืดค่าใดค่าหนึ่งได้
11:03
because there isn't just one number,
269
648000
3000
เนื่องจากมันไม่ได้มีเพียงค่าเดียว
11:06
there are many numbers.
270
651000
2000
มีค่าพลังงานมืดหลายค่า
11:08
Which means
271
653000
2000
ซึ่งแปลว่า
11:10
we have been asking the wrong question.
272
655000
3000
เราตั้งคำถามผิดมาโดยตลอด
11:13
It's that the right question to ask is,
273
658000
2000
คำถามที่ถูกควรจะเป็น
11:15
why do we humans find ourselves in a universe
274
660000
3000
ทำไมมนุษย์เราเกิดขึ้นมาในเอกภพหนึ่ง
11:18
with a particular amount of dark energy we've measured
275
663000
3000
ที่มีปริมาณพลังงานมืด เท่าที่เราวัดได้อยู่นี้
11:21
instead of any of the other possibilities
276
666000
3000
แทนที่จะเกิดขึ้นในเอกภพอื่นๆ
11:24
that are out there?
277
669000
2000
ที่มีอยู่มากมาย
11:26
And that's a question on which we can make headway.
278
671000
3000
และนั่นคือคำถามสำคัญที่ควรหยิบขึ้นมาพิจารณา
11:29
Because those universes
279
674000
2000
และคำตอบก็คือ เหล่าเอกภพ
11:31
that have much more dark energy than ours,
280
676000
2000
ที่มีพลังงานมืดมากกว่าของเรา
11:33
whenever matter tries to clump into galaxies,
281
678000
3000
เมื่อใดก็ตามที่สสารพยายามก่อตัว
11:36
the repulsive push of the dark energy is so strong
282
681000
3000
แรงโน้มถ่วงแบบผลักของพลังงานมืดจะรุนแรงมาก
11:39
that it blows the clump apart
283
684000
2000
จนระเบิดสสารนั้นออกเป็นเสี่ยงๆ
11:41
and galaxies don't form.
284
686000
2000
กาแล็กซีจึงไม่ก่อเป็นรูปร่าง
11:43
And in those universes that have much less dark energy,
285
688000
3000
ส่วนเอกภพที่มีพลังงานมืดน้อยไป
11:46
well they collapse back on themselves so quickly
286
691000
2000
พวกมันจะยุบตัวลงอย่างรวดเร็ว
11:48
that, again, galaxies don't form.
287
693000
3000
จนกาแล็กซีไม่ก่อเกิดเป็นรูปร่างเช่นกัน
11:51
And without galaxies, there are no stars, no planets
288
696000
3000
และถ้าไม่มีเอกภพ ก็ไม่มีดาวฤกษ์ ไม่มีดาวเคราะห์
11:54
and no chance
289
699000
2000
และไม่มีโอกาส
11:56
for our form of life
290
701000
2000
สำหรับสิ่งมีชีวิตแบบเรา
11:58
to exist in those other universes.
291
703000
2000
ที่จะเกิดในเอกภพเหล่านั้น
12:00
So we find ourselves in a universe
292
705000
2000
ดังนั้นเราจึงพบตัวเราในเอกภพ
12:02
with the particular amount of dark energy we've measured
293
707000
3000
ที่มีปริมาณพลังงานมืด ดังที่เราวัดได้
12:05
simply because our universe has conditions
294
710000
3000
ก็เพียงเพราะเอกภพของเรามีเงื่อนไข
12:08
hospitable to our form of life.
295
713000
4000
ที่เหมาะสมต่อสิ่งมีชีวิตแบบเรา
12:12
And that would be that.
296
717000
2000
และมันก็เป็นเช่นนี้เอง
12:14
Mystery solved,
297
719000
2000
ปริศนาได้ถูกตอบแล้ว
12:16
multiverse found.
298
721000
2000
เราค้นพบสหภพ
12:18
Now some find this explanation unsatisfying.
299
723000
5000
บางคนยังคิดว่าคำอธิบายเหล่านี้ยังไม่น่าพอใจ
12:23
We're used to physics
300
728000
2000
เราเคยชินกับฟิสิกส์
12:25
giving us definitive explanations for the features we observe.
301
730000
3000
ที่ให้คำอธิบายสำหรับสิ่งต่างๆ ที่เราสังเกตได้
12:28
But the point is,
302
733000
2000
แต่ประเด็น คือ
12:30
if the feature you're observing
303
735000
3000
ถ้าคุณลักษณะที่คุณกำลังเฝ้าสังเกต
12:33
can and does take on
304
738000
2000
สามารถมี
12:35
a wide variety of different values
305
740000
2000
ค่าต่างๆ ที่หลากหลาย
12:37
across the wider landscape of reality,
306
742000
3000
มากมายเท่าที่จะเป็นไปได้
12:40
then thinking one explanation
307
745000
2000
การพยายามหาคำอธิบาย
12:42
for a particular value
308
747000
2000
สำหรับค่าเฉพาะเจาะจงหนึ่งค่า
12:44
is simply misguided.
309
749000
3000
จึงเป็นความคิดที่ผิด
12:47
An early example
310
752000
2000
ตัวอย่างแรกๆ
12:49
comes from the great astronomer Johannes Kepler
311
754000
3000
มาจากนักดาราศาสตร์ชื่อ โยฮันเนส เคปเลอร์
(Johannes Kepler)
(Johannes Kepler)
12:52
who was obsessed with understanding
312
757000
2000
ผู้ซึ่งหมกมุ่น กับการพยายามเข้าใจ
12:54
a different number --
313
759000
2000
ตัวเลขอีกตัวหนึ่ง
12:56
why the Sun is 93 million miles away from the Earth.
314
761000
4000
ทำไมดวงอาทิตย์อยู่ห่างจากโลก 93 ล้านไมล์
13:00
And he worked for decades trying to explain this number,
315
765000
3000
และเขาได้ทำงานเป็นสิบปี พยายามอธิบายเลขตัวนี้
13:03
but he never succeeded, and we know why.
316
768000
3000
แต่ไม่เคยสำเร็จ และเราก็รู้ว่าทำไม
13:06
Kepler was asking
317
771000
2000
เคปเลอร์ ได้ถาม
13:08
the wrong question.
318
773000
2000
ผิดคำถาม
13:10
We now know that there are many planets
319
775000
3000
ตอนนี้ เรารู้แล้วว่ามีดาวเคราะห์หลายดวง
13:13
at a wide variety of different distances from their host stars.
320
778000
3000
ที่ระยะทางต่างๆ กัน จากดาวฤกษ์ของตนเอง
13:16
So hoping that the laws of physics
321
781000
3000
ดังนั้น การหวังว่ากฎฟิสิกส์
13:19
will explain one particular number, 93 million miles,
322
784000
3000
จะอธิบายถึงเลขเจาะจง 93 ล้านไมล์
13:22
well that is simply wrongheaded.
323
787000
3000
เป็นความคิดที่ผิด
13:25
Instead the right question to ask is,
324
790000
2000
คำถามที่ถูกคือ
13:27
why do we humans find ourselves on a planet
325
792000
3000
ทำไมมนุษย์จึงอยู่บนดาวเคราะห์
13:30
at this particular distance,
326
795000
2000
ที่ระยะห่างนี้โดยเฉพาะ
13:32
instead of any of the other possibilities?
327
797000
3000
แทนที่เป็นระยะห่างอื่นๆ
13:35
And again, that's a question we can answer.
328
800000
3000
และนั่นเป็นคำถามที่เราตอบได้
13:38
Those planets which are much closer to a star like the Sun
329
803000
3000
เหล่าดาวเคราะห์ซึ่งอยู่ใกล้มากเกินไป จากดาวฤกษ์คล้ายดวงอาทิตย์
13:41
would be so hot
330
806000
2000
จะร้อนมาก
13:43
that our form of life wouldn't exist.
331
808000
2000
จนสิ่งมีชีวิตอย่างเราอยู่ไม่ได้
13:45
And those planets that are much farther away from the star,
332
810000
3000
และดาวเคราะห์ที่อยู่ไกลจากดาวฤกษ์มากเกินไป
13:48
well they're so cold
333
813000
2000
ก็จะเย็นมาก
13:50
that, again, our form of life would not take hold.
334
815000
2000
จนสิ่งมีชีวิตอย่างเราก็ทนไม่ได้เช่นกัน
13:52
So we find ourselves
335
817000
2000
ดังนั้น เราจึงเกิดขึ้น
13:54
on a planet at this particular distance
336
819000
2000
บนดาวเคราะห์ในระยะห่างนี้โดยเฉพาะ
13:56
simply because it yields conditions
337
821000
2000
เพียงแค่ เพราะมันมีสภาพ
13:58
vital to our form of life.
338
823000
3000
ที่สำคัญต่อสิ่งมีชีวิตแบบเรา
14:01
And when it comes to planets and their distances,
339
826000
3000
และเมื่อพูดถึงดาวเคราะห์และระยะห่างของมัน
14:04
this clearly is the right kind of reasoning.
340
829000
4000
นี่คือการให้เหตุผลอย่างถูกต้อง
14:08
The point is,
341
833000
2000
ประเด็นก็คือ
14:10
when it comes to universes and the dark energy that they contain,
342
835000
3000
เมื่อพูดถึงเอกภพ และพลังงานมืดที่มากับมัน
14:13
it may also be the right kind of reasoning.
343
838000
4000
มันอาจเป็นการให้เหตุผลที่ถูกต้องด้วยเช่นกัน
14:17
One key difference, of course,
344
842000
3000
แน่นอน ความแตกต่างสำคัญ
14:20
is we know that there are other planets out there,
345
845000
2000
คือ เรารู้แน่นอนแล้วว่ามีดาวฤกษ์อื่นๆ อยู่
14:22
but so far I've only speculated on the possibility
346
847000
3000
แต่จนถึงตอนนี้ เราได้เพียงแต่คาดคะเนว่ามีความน่าจะเป็น
14:25
that there might be other universes.
347
850000
2000
ที่จะมีเอกภพอื่นๆ อยู่
14:27
So to pull it all together,
348
852000
2000
ถ้าจะสรุป
14:29
we need a mechanism
349
854000
2000
เราจำเป็นต้องมีกลไก
14:31
that can actually generate other universes.
350
856000
3000
ที่สามารถให้กำเนิดเอกภพอื่นๆ ได้
14:34
And that takes me to my final part, part three.
351
859000
3000
และนั่นนำผมไปสู่ภาคสาม ภาคสุดท้าย
14:37
Because such a mechanism has been found
352
862000
3000
เนื่องจากกลไกดังกล่าวถูกค้นพบแล้ว
14:40
by cosmologists trying to understand the Big Bang.
353
865000
3000
โดยนักดาราศาสตร์ที่พยายามศึกษา บิ๊กแบง (Big Bang)
14:43
You see, when we speak of the Big Bang,
354
868000
2000
เมื่อเราพูดถึงบิ๊กแบง
14:45
we often have an image
355
870000
2000
เรามักจะนึกถึง
14:47
of a kind of cosmic explosion
356
872000
2000
การระเบิดของจักรวาล
14:49
that created our universe
357
874000
2000
ที่สร้างเอกภพของเรา
14:51
and set space rushing outward.
358
876000
3000
และเริ่มทำให้อวกาศพุ่งขยายตัวทุกทิศทาง
14:54
But there's a little secret.
359
879000
2000
แต่ยังมีความลับเล็กน้อยอยู่
14:56
The Big Bang leaves out something pretty important,
360
881000
3000
บิ๊กแบง ได้ทิ้งบางสิ่งที่สำคัญมากเอาไว้
14:59
the Bang.
361
884000
2000
นั่นคือ การระเบิด
15:01
It tells us how the universe evolved after the Bang,
362
886000
3000
มันบอกถึงวิวัฒนาการของเอกภพหลังการระเบิด
15:04
but gives us no insight
363
889000
2000
แต่มันไม่ให้ข้อมูลเชิงลึกกับเราเลย
15:06
into what would have powered the Bang itself.
364
891000
4000
ว่าอะไรเป็นแหล่งพลังงานของการระเบิด
15:10
And this gap was finally filled
365
895000
2000
และสุดท้ายคำถามนี้ก็ได้รับคำตอบ
15:12
by an enhanced version of the Big Bang theory.
366
897000
2000
โดยทฤษฎีบิ๊กแบง ฉบับปรับปรุงใหม่
15:14
It's called inflationary cosmology,
367
899000
3000
ซึ่งถูกเรียกว่า จักรวาลวิทยาแบบขยายตัว
(inflationary cosmology)
(inflationary cosmology)
15:17
which identified a particular kind of fuel
368
902000
4000
ซึ่งระบุถึงชนิดเชื้อเพลิง
15:21
that would naturally generate
369
906000
2000
ซึ่งโดยธรรมชาติแล้ว จะสร้าง
15:23
an outward rush of space.
370
908000
2000
แรงผลักออกของอวกาศ
15:25
The fuel is based on something called a quantum field,
371
910000
3000
เชื้อเพลิงนี้มีรากฐานอยู่บนสิ่งที่เรียกว่า
สนามควอนตัม (quantum field)
สนามควอนตัม (quantum field)
15:28
but the only detail that matters for us
372
913000
3000
แต่รายละเอียดเดียวที่สำคัญกับเรา
15:31
is that this fuel proves to be so efficient
373
916000
3000
นั่นคือ เชื้อเพลิงชนิดนี้
ถูกพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพสูงมาก
ถูกพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพสูงมาก
15:34
that it's virtually impossible
374
919000
2000
จนเกือบจะเป็นไปไม่ได้
15:36
to use it all up,
375
921000
2000
ที่จะใช้มันจนหมด
15:38
which means in the inflationary theory,
376
923000
2000
ซึ่งแปลว่าในทฤษฎีการขยายตัว
15:40
the Big Bang giving rise to our universe
377
925000
3000
การที่บิ๊กแบงให้กำเนิดเอกภพของเรา
15:43
is likely not a one-time event.
378
928000
3000
อาจไม่ได้เป็นเหตุการณ์เพียงครั้งเดียว
15:46
Instead the fuel not only generated our Big Bang,
379
931000
3000
หากแต่ว่า เชื้อเพลิงไม่เพียงแต่สร้างบิ๊กแบงของเรา
15:49
but it would also generate countless other Big Bangs,
380
934000
6000
แต่มันยังสร้าง บิ๊กแบง อีกนับไม่ถ้วน
15:55
each giving rise to its own separate universe
381
940000
3000
แต่ละครั้งให้กำเนิดเอกภพของมันเอง
15:58
with our universe becoming but one bubble
382
943000
2000
ซึ่งมีเอกภพของเรา เป็นเพียงแค่หนึ่งฟอง
16:00
in a grand cosmic bubble bath of universes.
383
945000
3000
ในอ่างอาบน้ำฟองสบู่แห่งเอกภพ
16:03
And now, when we meld this with string theory,
384
948000
2000
ทีนี้ เมื่อเรารวมสิ่งนี้เข้ากับทฤษฎีสตริง
16:05
here's the picture we're led to.
385
950000
2000
นี่คือภาพที่เราพบ
16:07
Each of these universes has extra dimensions.
386
952000
2000
แต่ละเอกภพมีมิติพิเศษที่หลากลาย
16:09
The extra dimensions take on a wide variety of different shapes.
387
954000
3000
มิติพิเศษเหล่านี้มีรูปร่างที่แตกต่างกัน
16:12
The different shapes yield different physical features.
388
957000
3000
รูปร่างที่แตกต่างกันมีผลต่อ
คุณลักษณะทางกายภาพที่แตกต่างกัน
คุณลักษณะทางกายภาพที่แตกต่างกัน
16:15
And we find ourselves in one universe instead of another
389
960000
3000
และเราพบตัวเราในเอกภพหนึ่งแทนที่จะเป็นที่อื่นๆ
16:18
simply because it's only in our universe
390
963000
3000
เพียงเพราะในเอกภพของเรานั้น
16:21
that the physical features, like the amount of dark energy,
391
966000
3000
ที่มีคุณลักษณะกายภาพ เช่น ปริมาณของพลังงานมืด
16:24
are right for our form of life to take hold.
392
969000
4000
เหมาะสมสำหรับรูปแบบสิ่งมีชีวิตอย่างเราจะดำรงอยู่ได้
16:28
And this is the compelling but highly controversial picture
393
973000
3000
และนี่คือภาพที่น่าดึงดูด
แต่ยังเป็นข้อถกเถียงอย่างกว้างขวาง
แต่ยังเป็นข้อถกเถียงอย่างกว้างขวาง
16:31
of the wider cosmos
394
976000
2000
ของจักรวาลในมุมกว้าง
16:33
that cutting-edge observation and theory
395
978000
2000
ซึ่ง การเฝ้าสังเกตการณ์
ด้วยทฤษฎี และเครื่องมือทันสมัย
ด้วยทฤษฎี และเครื่องมือทันสมัย
16:35
have now led us to seriously consider.
396
980000
4000
ทำให้เราเริ่มใคร่ครวญอย่างจริงจัง
16:39
One big remaining question, of course, is,
397
984000
4000
แน่นอน คำถามใหญ่ที่เหลืออยู่คือ
16:43
could we ever confirm
398
988000
3000
เราจะสามารถยืนยัน
16:46
the existence of other universes?
399
991000
3000
การมีอยู่จริงของเอกภพอื่นๆ ได้หรือไม่
16:49
Well let me describe
400
994000
2000
ผมว่า
16:51
one way that might one day happen.
401
996000
3000
ทางหนึ่งคือ วันนั้นอาจมาถึงในที่สุด
16:54
The inflationary theory
402
999000
2000
ทฤษฎีการขยายตัว
16:56
already has strong observational support.
403
1001000
2000
ก็มีข้อมูลการเฝ้าสังเกตการณ์
เป็นหลักฐานสนับสนุนที่หนักแน่นแล้ว
เป็นหลักฐานสนับสนุนที่หนักแน่นแล้ว
16:58
Because the theory predicts
404
1003000
2000
เนื่องจากทฤษฎีทำนายว่า
17:00
that the Big Bang would have been so intense
405
1005000
2000
บิ๊กแบง น่าจะเกิดขึ้นรุนแรงมาก
17:02
that as space rapidly expanded,
406
1007000
3000
จนในขณะที่อวกาศขยายอย่างรวดเร็ว
17:05
tiny quantum jitters from the micro world
407
1010000
2000
การสั่นไหวเล็กน้อยทางควอนตัมจากโลกใบเล็กๆ
17:07
would have been stretched out to the macro world,
408
1012000
3000
จะต้องถูกยืดออกไปยังโลกขนาดใหญ่
17:10
yielding a distinctive fingerprint,
409
1015000
3000
ส่งผลให้ทิ้งร่องรอยที่เป็นเอกลักษณ์
17:13
a pattern of slightly hotter spots and slightly colder spots,
410
1018000
2000
เป็นรูปแบบของจุดที่ร้อนกว่า และจุดที่เย็นกว่าจุดอื่นๆ
17:15
across space,
411
1020000
2000
แผ่ทั่วทั้งอวกาศ
17:17
which powerful telescopes have now observed.
412
1022000
3000
ที่ซึ่งกล้องโทรทัศน์กำลังสูงทุกวันนี้
สามารถตรวจวัดได้แล้ว
สามารถตรวจวัดได้แล้ว
17:20
Going further, if there are other universes,
413
1025000
3000
ในอนาคต หากมีเอกภพอื่นๆ
17:23
the theory predicts that every so often
414
1028000
2000
ทฤษฎีทำนายไว้ว่า บ่อยครั้ง
17:25
those universes can collide.
415
1030000
2000
ที่เอกภพเหล่านั้นสามารถชนกันได้
17:27
And if our universe got hit by another,
416
1032000
2000
และ ถ้าเอกภพถูกชนโดยอีกเอกภพ
17:29
that collision
417
1034000
2000
การชนนั้น
17:31
would generate an additional subtle pattern
418
1036000
2000
จะทำให้เกิดรูปแบบที่ซับซ้อนเพิ่มขึ้น
17:33
of temperature variations across space
419
1038000
2000
ของความแปรปรวนของอุณหภูมิทั่วทั้งอวกาศ
17:35
that we might one day
420
1040000
2000
ความแปรปรวนซึ่งวันหนึ่ง
17:37
be able to detect.
421
1042000
2000
เราอาจตรวจพบ
17:39
And so exotic as this picture is,
422
1044000
3000
และแม้ภาพของอวกาศนี้จะดูแปลกประหลาด
17:42
it may one day be grounded
423
1047000
2000
วันหนึ่งอาจมีหลักฐานที่หนักแน่น
17:44
in observations,
424
1049000
2000
จากการเฝ้าสังเกต
17:46
establishing the existence of other universes.
425
1051000
3000
ที่ยืนยันว่าเอกภพอื่นมีอยู่จริง
17:49
I'll conclude
426
1054000
2000
ผมจะกล่าวปิด
17:51
with a striking implication
427
1056000
3000
ด้วยการตีความที่น่าสนใจ
17:54
of all these ideas
428
1059000
2000
ของความคิดเหล่านี้ทั้งหมด
17:56
for the very far future.
429
1061000
2000
สำหรับในอนาคตอันไกล
17:58
You see, we learned
430
1063000
2000
เราได้เรียนรู้
18:00
that our universe is not static,
431
1065000
2000
ว่าเอกภพของเรานั้นไม่คงที่
18:02
that space is expanding,
432
1067000
2000
รู้ว่าอวกาศขยายตัวออกเรื่อยๆ
18:04
that that expansion is speeding up
433
1069000
2000
รู้ว่าการขยายตัวนั้น เร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ
18:06
and that there might be other universes
434
1071000
2000
และรู้ว่าอาจมีเอกภพอื่นๆอีก
18:08
all by carefully examining
435
1073000
2000
ทั้งหมดนี้ จากการตรวจสอบ
18:10
faint pinpoints of starlight
436
1075000
2000
แสงเล็กๆ อันริบหรี่ของดวงดาว
18:12
coming to us from distant galaxies.
437
1077000
3000
ที่เดินทางมาจากกาแล็กซีอันไกลโพ้น
18:15
But because the expansion is speeding up,
438
1080000
3000
แต่เนื่อง จากการขยายตัวนั้นเร่งความเร็วขึ้น
18:18
in the very far future,
439
1083000
2000
ในอนาคตอันไกล
18:20
those galaxies will rush away so far and so fast
440
1085000
3000
กาแล็กซีเหล่านั้นจะพุ่งออกห่าง อย่างไกลมากและเร็วมาก
18:23
that we won't be able to see them --
441
1088000
3000
จนเรามองเห็นมันไม่ได้
18:26
not because of technological limitations,
442
1091000
2000
ไม่ใช่เพราะข้อจำกัดของเทคโนโลยี
18:28
but because of the laws of physics.
443
1093000
2000
แต่เนื่องจากกฎฟิสิกส์
18:30
The light those galaxies emit,
444
1095000
2000
แสงที่วิ่งออกจากกาแล็กซีเหล่านั้น
18:32
even traveling at the fastest speed, the speed of light,
445
1097000
3000
แม้เดินทางด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด
หรือความเร็วของแสง
หรือความเร็วของแสง
18:35
will not be able to overcome
446
1100000
2000
จะไม่สามารถเอาชนะ
18:37
the ever-widening gulf between us.
447
1102000
3000
ช่องว่างที่ขยายตัวออกเรื่อยๆ ระหว่างกาแล็กซีได้
18:40
So astronomers in the far future
448
1105000
2000
นักดาราศาสตร์ในอนาคตอันไกล
18:42
looking out into deep space
449
1107000
2000
ที่ค้นหาลึกลงไปในอวกาศ
18:44
will see nothing but an endless stretch
450
1109000
3000
จะไม่พบอะไรนอกจากความว่างเปล่าไร้ที่สิ้นสุด
18:47
of static, inky, black stillness.
451
1112000
4000
มีแต่ความแน่นิ่ง ที่ดำมืดสนิท
18:51
And they will conclude
452
1116000
2000
และพวกเขาจะสรุป
18:53
that the universe is static and unchanging
453
1118000
2000
ว่า เอกภพเป็นนั้นคงที่ ไม่เปลี่ยนแปลง
18:55
and populated by a single central oasis of matter
454
1120000
3000
และมีสสารอยู่เป็นกลุ่มก้อน
ณ ใจกลางเพียงจุดเดียว
ณ ใจกลางเพียงจุดเดียว
18:58
that they inhabit --
455
1123000
2000
ที่ซึ่งพวกเขาอาศัยอยู่
19:00
a picture of the cosmos
456
1125000
2000
นั่นคือภาพของจักรวาล
19:02
that we definitively know to be wrong.
457
1127000
3000
ที่เรารู้อย่างแน่นอนว่าผิด
19:05
Now maybe those future astronomers will have records
458
1130000
3000
ถึงตอนนั้น บางทีนักดาราศาสตร์ในอนาคตอาจได้รับบันทึก
19:08
handed down from an earlier era,
459
1133000
2000
ที่ตกทอดจากยุคก่อนหน้า
19:10
like ours,
460
1135000
2000
เช่นยุคของเรา
19:12
attesting to an expanding cosmos
461
1137000
2000
บันทึกที่ยืนยันการขยายตัวของจักรวาล
19:14
teeming with galaxies.
462
1139000
2000
พราวสะพรั่งไปด้วยกาแล็กซี
19:16
But would those future astronomers
463
1141000
2000
แต่นักดาราศาสตร์ในอนาคตเหล่านั้น
19:18
believe such ancient knowledge?
464
1143000
3000
จะเชื่อว่าความรู้โบราณดังกล่าวไหม?
19:21
Or would they believe
465
1146000
2000
หรือพวกเขาจะเลือกเชื่อ
19:23
in the black, static empty universe
466
1148000
3000
ในเอกภพสีดำอันว่างเปล่า
19:26
that their own state-of-the-art observations reveal?
467
1151000
4000
ที่ซึ่งเครื่องมือตรวจสอบอันล้ำยุคของพวกเขาเผยให้เห็น
19:30
I suspect the latter.
468
1155000
2000
ผมคิดว่าพวกเขาเลือกอย่างหลัง
19:32
Which means that we are living
469
1157000
2000
ซึ่งหมายความว่า เรากำลังมีชีวิต
19:34
through a remarkably privileged era
470
1159000
3000
ผ่านยุคที่มีความพิเศษอย่างเหลือเชื่อ
19:37
when certain deep truths about the cosmos
471
1162000
2000
ยุคที่ความจริงอันลักลับเกี่ยวกับจักรวาล
19:39
are still within reach
472
1164000
2000
ยังอยู่ในระยะที่เอื้อมถึง
19:41
of the human spirit of exploration.
473
1166000
2000
ของจิตใจรักสำรวจของมนุษย์
19:43
It appears that it may not always be that way.
474
1168000
5000
เป็นที่ปรากฏแล้วว่า มันคงไม่อยู่แบบนี้เสมอไป
19:48
Because today's astronomers,
475
1173000
2000
เนื่องจากวันนี้นักดาราศาสตร์
19:50
by turning powerful telescopes to the sky,
476
1175000
3000
โดยการหันกล้องโทรทัศน์กำลังสูงขึ้นสู่ท้องฟ้า
19:53
have captured a handful of starkly informative photons --
477
1178000
3000
ได้ตรวจจับโฟตอนมากมาย
ที่ซ่อนข้อมูลเอาไว้อย่างบรรจง
ที่ซ่อนข้อมูลเอาไว้อย่างบรรจง
19:56
a kind of cosmic telegram
478
1181000
3000
เสมือนดั่งโทรเลขจักรวาล
19:59
billions of years in transit.
479
1184000
2000
เดินทางมานับพันล้านปี
20:01
and the message echoing across the ages is clear.
480
1186000
4000
และข้อความที่สะท้อนข้ามกาลเวลามานั้นก็ชัดเจน
20:05
Sometimes nature guards her secrets
481
1190000
3000
บางครั้งธรรมชาติก็เก็บความลับไว้
20:08
with the unbreakable grip
482
1193000
2000
ด้วยกำมือที่แน่นหนา
20:10
of physical law.
483
1195000
2000
ของกฏฟิสิกส์
20:12
Sometimes the true nature of reality beckons
484
1197000
4000
บางครั้งธรรมชาติของความจริง ก็กวักมือเรียกเรา
20:16
from just beyond the horizon.
485
1201000
3000
เพียงแค่จากสุดขอบฟ้า
20:19
Thank you very much.
486
1204000
2000
ขอบคุณมากครับ
20:21
(Applause)
487
1206000
4000
(เสียงปรบมือ)
20:25
Chris Anderson: Brian, thank you.
488
1210000
2000
คริส แอนเดอร์สัน: ไบรอัน ขอบคุณครับ
20:27
The range of ideas you've just spoken about
489
1212000
2000
แนวคิดที่หลากหลายที่คุณได้พูดไป
20:29
are dizzying, exhilarating, incredible.
490
1214000
3000
มันช่างน่าตื้นเต้น น่าชื่นใจอย่างไม่น่าเชื่อเลย
20:32
How do you think
491
1217000
2000
คุณคิดว่า
20:34
of where cosmology is now,
492
1219000
2000
ดาราศาสตร์ปัจจุบันนี้อยู่จุดไหนครับ
20:36
in a sort of historical side?
493
1221000
2000
ในแง่ของประวัติศาสตร์?
20:38
Are we in the middle of something unusual historically in your opinion?
494
1223000
3000
คือเรากำลังอยู่ระหว่างเหตุการณ์ไม่ปกติ
ในประวัติศาสตร์หรือเปล่า
ในประวัติศาสตร์หรือเปล่า
20:41
BG: Well it's hard to say.
495
1226000
2000
ไบรอัน: คือ มันก็ยากที่จะพูดนะครับ
20:43
When we learn that astronomers of the far future
496
1228000
3000
เมื่อเรารู้ว่านักดาราศาสตร์ในอนาคตอันไกล
20:46
may not have enough information to figure things out,
497
1231000
3000
อาจไม่มีข้อมูลเพียงพอจะอธิบายอะไร
20:49
the natural question is, maybe we're already in that position
498
1234000
3000
คำถามที่ตามมาคือ บางทีเราอาจอยู่ในสถานการณ์นั้นแล้วก็ได้
20:52
and certain deep, critical features of the universe
499
1237000
3000
และคุณลักษณะบางอย่างลึกซึ้ง
และสำคัญของจักรวาล
และสำคัญของจักรวาล
20:55
already have escaped our ability to understand
500
1240000
3000
ก็ได้อยู่เกินเอื้อมที่เราจะเข้าใจได้แล้ว
20:58
because of how cosmology evolves.
501
1243000
2000
เป็นเพราะลักษณะที่จักรวาลวิทยาเปลี่ยนไป
21:00
So from that perspective,
502
1245000
2000
ดังนั้นจากมุมมองที่ว่า
21:02
maybe we will always be asking questions
503
1247000
2000
บางทีเราจะต้องคอยตั้งคำถามไปตลอด
21:04
and never be able to fully answer them.
504
1249000
2000
และไม่สามารถหาคำตอบได้อย่างเต็มรูปแบบ
21:06
On the other hand, we now can understand
505
1251000
2000
ในอีกทางหนึ่ง เดี๋ยวนี้เราสามารถรู้ได้
21:08
how old the universe is.
506
1253000
2000
ว่าจักรวาลอายุเท่าไหร่
21:10
We can understand
507
1255000
2000
เรารู้จัก
21:12
how to understand the data from the microwave background radiation
508
1257000
3000
วิธีการทำความเข้าใจข้อมูล
จากการแผ่รังสีไมโครเวฟพื้นหลัง
จากการแผ่รังสีไมโครเวฟพื้นหลัง
21:15
that was set down 13.72 billion years ago --
509
1260000
3000
ซึ่งถูกปล่อยออกมาเมื่อ 13.72 พันล้านปีมาแล้ว
21:18
and yet, we can do calculations today to predict how it will look
510
1263000
2000
กระนั้น เราสามารถทำการคำนวณ ณ วันนี้
เพื่อทำนายว่ามันจะมีหน้าตาอย่างไร
เพื่อทำนายว่ามันจะมีหน้าตาอย่างไร
21:20
and it matches.
511
1265000
2000
และได้ผลตรงกัน
21:22
Holy cow! That's just amazing.
512
1267000
2000
นั่นมันน่าอัศจรรย์ที่สุด!
21:24
So on the one hand, it's just incredible where we've gotten,
513
1269000
3000
ดังนั้น ในทางกลับกัน มันก็น่าเหลือเชื่อ
ที่เรามาถึง ณ จุดนี้
ที่เรามาถึง ณ จุดนี้
21:27
but who knows what sort of blocks we may find in the future.
514
1272000
4000
แต่ใครจะรู้ ว่าเราจะเจออุปสรรคอะไรในอนาคต
21:31
CA: You're going to be around for the next few days.
515
1276000
3000
คริส: หวังว่าคุณคงยังไม่ไปไหนในช่วงสองสามวันนี้นะครับ
21:34
Maybe some of these conversations can continue.
516
1279000
2000
บางทีบทสนทนาเหล่านี้อาจจะมีต่อ
21:36
Thank you. Thank you, Brian. (BG: My pleasure.)
517
1281000
2000
ขอบคุณครับ ขอบคุณ ไบรอัน (ไบรอัน: ยินดีครับ)
21:38
(Applause)
518
1283000
3000
(เสียงปรบมือ)
ABOUT THE SPEAKER
Brian Greene - PhysicistBrian Greene is perhaps the best-known proponent of superstring theory, the idea that minuscule strands of energy vibrating in a higher dimensional space-time create every particle and force in the universe.
Why you should listen
Greene, a professor of physics and mathematics at Columbia University, has focused on unified theories for more than 25 years, and has written several best-selling and non-technical books on the subject including The Elegant Universe, a Pulitzer finalist, and The Fabric of the Cosmos — each of which has been adapted into a NOVA mini-series. His latest book, The Hidden Reality, explores the possibility that our universe is not the only universe.
Greene believes science must be brought to general audiences in new and compelling ways, such as his live stage odyssey, Icarus at the Edge of Time, with original orchestral score by Philip Glass, and the annual World Science Festival, which he co-founded in 2008 with journalist Tracy Day.
Brian Greene | Speaker | TED.com