ABOUT THE SPEAKER
Steven Pinker - Psychologist
Steven Pinker is a professor of cognitive science (the study of the human mind) who writes about language, mind and human nature.

Why you should listen

Steven Pinker grew up in the English-speaking community of Montreal but has spent his adult life bouncing back and forth between Harvard and MIT. He is interested in all aspects of human nature: how we see, hear, think, speak, remember, feel and interact.

To be specific: he developed the first comprehensive theory of language acquisition in children, used verb meaning as a window into cognition, probed the limits of neural networks and showed how the interaction between memory and computation shapes language. He has used evolution to illuminate innuendo, emotional expression and social coordination. He has documented historical declines in violence and explained them in terms of the ways that the violent and peaceable components of human nature interact in different eras. He has written books on the language instinct, how the mind works, the stuff of thought and the doctrine of the blank slate, together with a guide to stylish writing that is rooted in psychology.

In his latest book, Enlightenment Now: The Case for Reason, Science, Humanism, and Progress, he writes about progress -- why people are healthier, richer, safer, happier and better educated than ever. His other books include The Language InstinctHow the Mind Works, The Blank Slate: The Modern Denial of Human NatureThe Stuff of Thought, and The Better Angels of Our Nature.

More profile about the speaker
Steven Pinker | Speaker | TED.com
TEDGlobal 2005

Steven Pinker: What our language habits reveal

สตีเวน พิงเกอร์ (Steven Pinker): ความเคยชินทางภาษาเผยให้เห็นอะไร

Filmed:
2,457,061 views

ในตัวอย่างพิเศษจากงานเขียนของเขา "The Stuff of Thought" สตีเฟน พิงเคอร์วิเคราะห์ถึงภาษาและดูว่ามันช่วยแสดงสิ่งที่เราคิดได้อย่างไร และคำที่เรายกมาใช้นั้น สื่อสารได้มากกว่าที่เรารู้ตัว
- Psychologist
Steven Pinker is a professor of cognitive science (the study of the human mind) who writes about language, mind and human nature. Full bio

Double-click the English transcript below to play the video.

00:26
This is a pictureภาพ of Mauriceมอริซ DruonDruon,
0
1000
2000
นี่คือภาพของ โมรีส ดรูอง
00:28
the Honoraryกิตติมศักดิ์ Perpetualตลอดกาล Secretaryเลขานุการ of L'AcademieL'Academie francaiseFrancaise,
1
3000
4000
เลขาธิการกิตติมศักดิ์แห่ง
L'Academie francaise
00:32
the Frenchฝรั่งเศส Academyสถานศึกษา.
2
7000
2000
หรือราชบัณฑิตยสถานประเทศฝรั่งเศส
00:34
He is splendidlyผงาด attiredแต่งกาย in his 68,000-dollar-ดอลลาร์ uniformเหมือนกัน,
3
9000
5000
เขาใส่ชุดเครื่องแบบหรูหรา
มูลค่ากว่า 68,000 ดอลล่าร์
00:39
befittingเหมาะสม the roleบทบาท of the Frenchฝรั่งเศส Academyสถานศึกษา
4
14000
3000
สมกับบทบาทของราชบัณฑิตยสถาน
00:42
as legislatingการออกกฎหมาย the
5
17000
3000
ในฐานะที่ออกกฎเกณฑ์
00:45
correctแก้ไข usageการใช้ in Frenchฝรั่งเศส
6
20000
2000
การใช้ภาษาฝรั่งเศสอย่างถูกต้อง
00:47
and perpetuatingยืนยาว the languageภาษา.
7
22000
2000
และคงภาษาไว้ไม่ให้สูญหาย
00:49
The Frenchฝรั่งเศส Academyสถานศึกษา has two mainหลัก tasksงาน:
8
24000
3000
ราชบัณฑิตยสถานฝรั่งเศส
มีหน้าที่หลักอยู่สองประการ
00:52
it compilesคอมไพล์ a dictionaryพจนานุกรม of officialเป็นทางการ Frenchฝรั่งเศส.
9
27000
3000
ประการแรก คือการจัดทำพจนานุกรมฉบับทางการ
00:55
They're now workingการทำงาน on theirของพวกเขา ninthที่เก้า editionฉบับ,
10
30000
3000
ซึ่งตอนนี้ พวกเขากำลังทำฉบับที่เก้า
00:58
whichที่ they beganเริ่ม in 1930, and they'veพวกเขาได้ reachedถึง the letterจดหมาย P.
11
33000
3000
โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1930
และถึงตัวอักษร P (เป) แล้ว
01:02
They alsoด้วย legislateออกกฎหมาย on correctแก้ไข usageการใช้,
12
37000
3000
พวกเขายังกำหนดกฎการใช้ภาษาอย่างถูกต้อง
01:05
suchอย่างเช่น as the properเหมาะสม termวาระ for what the Frenchฝรั่งเศส call "emailอีเมล,"
13
40000
4000
เช่น การใช้ศัพท์บัญญัติ
แทนคำทับศัพท์คำว่า "email" (อีเมล)
01:09
whichที่ oughtควร to be "courrielcourriel."
14
44000
2000
โดยใช้คำฝรั่งเศสว่า "courriel" (กูริแยล)
01:11
The Worldโลก Wideกว้าง Webเว็บ, the Frenchฝรั่งเศส are told,
15
46000
2000
หรือ World Wide Web (เวิลด์ไวด์เว็บ)
01:13
oughtควร to be referredเรียกว่า to as
16
48000
2000
ควรจะใช้คำฝรั่งเศสว่า
01:15
"laลา toiletoile d'araigneed'araignee mondialeMondiale" -- the Globalทั่วโลก Spiderแมงมุม Webเว็บ --
17
50000
4000
La toile d'araignée mondiale
แปลตรงตัวคือ เครือข่ายใยแมงมุม
01:19
recommendationsคำแนะนำ that the Frenchฝรั่งเศส gailyเบิกบานใจ ignoreไม่สนใจ.
18
54000
4000
ซึ่งเป็นคำแนะนำที่
คนฝรั่งเศสยังไม่คิดจะใช้
01:24
Now, this is one modelแบบ of how languageภาษา comesมา to be:
19
59000
4000
นี่แหละ คือหนึ่งในรูปแบบ
ว่าภาษามีความเป็นมาอย่างไร
01:28
namelyคือ, it's legislatedออกกฏหมาย by an academyสถานศึกษา.
20
63000
3000
ตัวอย่างเช่น มันถูกกำหนดโดยราชบัณฑิตฯ
01:31
But anyoneใคร ๆ who looksรูปลักษณ์ at languageภาษา realizesตระหนัก
21
66000
3000
แต่ถ้าใครก็ตามมามองดูแล้วล่ะก็ จะพบว่า
01:34
that this is a ratherค่อนข้าง sillyโง่ conceitความคิด,
22
69000
4000
มันออกจะดูเป็นความคิดที่โง่เง่าไปหน่อย
01:38
that languageภาษา, ratherค่อนข้าง, emergesโผล่ออกมา from humanเป็นมนุษย์ mindsจิตใจ interactingการมีปฏิสัมพันธ์ from one anotherอื่น.
23
73000
3000
ที่ภาษา ซึ่งเกิดจากปฏิสัมพันธ์ระหว่าง
ความนึกคิดของมนุษย์คนหนึ่งกับอีกคนหนึ่ง
01:41
And this is visibleมองเห็นได้ in the unstoppableผ่านพ้นไม่ได้ changeเปลี่ยนแปลง in languageภาษา --
24
76000
4000
และก็เห็นได้ชัดว่า
ภาษาไม่เคยหยุดเปลี่ยนแปลง
01:45
the factความจริง that by the time the Academyสถานศึกษา finishesเสร็จสิ้น theirของพวกเขา dictionaryพจนานุกรม,
25
80000
3000
ความจริงที่ว่า เมื่อถึงเวลาที่
ราชบัณฑิตย์ทำพจนานุกรมเสร็จแล้ว
01:48
it will alreadyแล้ว be well out of dateวันที่.
26
83000
2000
มันก็ตกยุคไปแล้วเรียบร้อย
01:50
We see it in the
27
85000
2000
เราจะเห็นได้จาก
01:52
constantคงที่ appearanceการปรากฏ of slangคำสแลง and jargonศัพท์แสง,
28
87000
4000
การเกิดคำแสลงหรือ
ศัพท์เฉพาะกลุ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ
01:56
of the historicalประวัติศาสตร์ changeเปลี่ยนแปลง in languagesภาษา,
29
91000
2000
จากการเปลี่ยนแปลงภาษาในประวัติศาสตร์
01:58
in divergenceการแตกต่าง of dialectsภาษาถิ่น
30
93000
2000
จากความหลากหลายของภาษาถิ่นต่าง ๆ
02:00
and the formationการสร้าง of newใหม่ languagesภาษา.
31
95000
3000
และจากการกำเนิดภาษาใหม่ ๆ
02:03
So languageภาษา is not so much a creatorผู้สร้าง or shaperShaper of humanเป็นมนุษย์ natureธรรมชาติ,
32
98000
3000
ดังนั้น ภาษาไม่ได้เป็นผู้สร้าง
หรือกำหนดธรรมชาติมนุษย์
02:06
so much as a windowหน้าต่าง ontoไปยัง humanเป็นมนุษย์ natureธรรมชาติ.
33
101000
3000
มากเท่ากับเป็นหน้าต่างสู่ธรรมชาติของมนุษย์
02:09
In a bookหนังสือ that I'm currentlyปัจจุบัน workingการทำงาน on,
34
104000
3000
ในหนังสือที่ผมกำลังเขียนอยู่ตอนนี้
02:12
I hopeหวัง to use languageภาษา to shedหลั่งน้ำตา lightเบา on
35
107000
3000
ผมหวังที่จะใช้ภาษาในการอธิบาย
02:15
a numberจำนวน of aspectsด้าน of humanเป็นมนุษย์ natureธรรมชาติ,
36
110000
2000
หลาย ๆ แง่มุมตามธรรมชาติของมนุษย์
02:17
includingรวมไปถึง the cognitiveองค์ความรู้ machineryเครื่องจักรกล
37
112000
2000
รวมถึงกลไกความคิด
02:19
with whichที่ humansมนุษย์ conceptualizeคิดในใจ the worldโลก
38
114000
3000
ที่มนุษย์ใช้ในการรับรู้สิ่งรอบ ๆ ตัว
02:22
and the relationshipความสัมพันธ์ typesประเภท that governปกครอง humanเป็นมนุษย์ interactionปฏิสัมพันธ์.
39
117000
3000
และความเชื่อมโยงต่าง ๆ ที่กำหนด
การปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ด้วยกัน
02:25
And I'm going to say a fewน้อย wordsคำ about eachแต่ละ one this morningตอนเช้า.
40
120000
3000
ผมจะอธิบายแต่ละอย่างนิด ๆ หน่อย ๆ
ให้ทุกท่านฟังในเช้านี้
02:28
Let me startเริ่มต้น off with a technicalวิชาการ problemปัญหา in languageภาษา
41
123000
2000
ผมขอเริ่มต้นจากปัญหาเชิงทฤษฎีของภาษา
02:30
that I've worriedกลุ้มใจ about for quiteทีเดียว some time --
42
125000
2000
ที่ผมกังวลมาพักใหญ่แล้ว
02:32
and indulgeดื่มด่ำ me
43
127000
4000
และมันก็ทำให้ผมหมกมุ่น
02:36
in my passionความชอบ for verbsคำกริยา and how they're used.
44
131000
3000
กับความหลงใหล ในเรื่องของคำกริยา
และวิธีการใช้คำเหล่านี้
02:39
The problemปัญหา is, whichที่ verbsคำกริยา go in whichที่ constructionsการก่อสร้าง?
45
134000
3000
ปัญหาก็คือ คำกริยาใด เหมาะกับ
หน่วยสร้างใดของภาษา
02:42
The verbคำกริยา is the chassisเพลารถ of the sentenceประโยค.
46
137000
3000
คำกริยาคือตัวขับเคลื่อนของประโยค
02:45
It's the frameworkกรอบ ontoไปยัง whichที่ the other partsชิ้นส่วน are boltedปิด.
47
140000
4000
มันเป็นโครงที่ให้ส่วนอื่น ๆ มายึดติดด้วย
02:49
Let me give you a quickรวดเร็ว reminderการแจ้งเตือน
48
144000
2000
เรามาลองทบทวนกันนิดนึง
02:51
of something that you've long forgottenลืม.
49
146000
2000
กับเรื่องที่ทุกท่านอาจจะลืมไปนานแล้ว
02:53
An intransitiveอกรรมกริยา verbคำกริยา, suchอย่างเช่น as "dineรับประทานอาหาร," for exampleตัวอย่าง,
50
148000
3000
อกรรมกริยา เช่นคำว่า "ทานมื้อค่ำ"
02:56
can't take a directโดยตรง objectวัตถุ.
51
151000
2000
ไม่ต้องมีกรรมตรงมารองรับ
02:58
You have to say, "Samแซม dinedรับประทานอาหารค่ำ," not, "Samแซม dinedรับประทานอาหารค่ำ the pizzaพิซซ่า."
52
153000
3000
คุณต้องพูด "แซมทานมื้อค่ำแล้ว"
ไม่ใช่ "แซมทานมื้อค่ำพิซซ่าแล้ว"
03:01
A transitiveเกี่ยวกับสกรรมกริยา verbคำกริยา mandatesเอกสาร
53
156000
2000
ส่วนสกรรมกริยานั้น ถูกกำหนดมาว่า
03:03
that there has to be an objectวัตถุ there:
54
158000
2000
จะต้องมีกรรมมารองรับมัน
03:05
"Samแซม devouredกิน the pizzaพิซซ่า." You can't just say, "Samแซม devouredกิน."
55
160000
3000
"แซมสวาปามพิซซ่า"
คุณไม่ได้พูดแค่ว่า "แซมสวาปาม"
03:08
There are dozensหลายสิบ or scoresคะแนน of verbsคำกริยา of this typeชนิด,
56
163000
4000
มีคำกริยาเช่นนี้อีกมากมาย
03:12
eachแต่ละ of whichที่ shapesรูปร่าง its sentenceประโยค.
57
167000
2000
แต่ละตัวก็จะกำหนดประโยคของมัน
03:14
So, a problemปัญหา in explainingอธิบาย how childrenเด็ก ๆ learnเรียน languageภาษา,
58
169000
4000
ดังนั้น ปัญหาในการอธิบาย
วิธีการที่เด็กเรียนภาษา
03:18
a problemปัญหา in teachingการสอน languageภาษา to adultsผู้ใหญ่ so that they don't make grammaticalตามไวยากรณ์ errorsข้อผิดพลาด,
59
173000
5000
ปัญหาในการสอนภาษาให้ผู้ใหญ่
เพื่อจะได้ไม่ใช้ภาษาผิดไวยากรณ์
03:23
and a problemปัญหา in programmingการเขียนโปรแกรม computersคอมพิวเตอร์ to use languageภาษา is
60
178000
3000
และปัญหาในการเขียนโปรแกรม
ให้คอมพิวเตอร์ใช้ภาษาได้
03:26
whichที่ verbsคำกริยา go in whichที่ constructionsการก่อสร้าง.
61
181000
2000
ก็คือ กริยาไหน ควรอยู่ในหน่วยสร้างใด
03:29
For exampleตัวอย่าง, the dativeสัมปทานการก constructionการก่อสร้าง in Englishอังกฤษ.
62
184000
2000
ตัวอย่างเช่น หน่วยของกรรมรองในภาษาอังกฤษ
03:31
You can say, "Give a muffinมัฟฟิน to a mouseเม้าส์," the prepositionalเป็นบุพบท dativeสัมปทานการก.
63
186000
3000
คุณจะพูดว่า "Give a muffin to a mouse"
ซึ่งใช้คำบุพบทก็ได้
03:34
Or, "Give a mouseเม้าส์ a muffinมัฟฟิน," the double-objectสองครั้งที่วัตถุ dativeสัมปทานการก.
64
189000
3000
หรือ "Give a mouse a muffin"
โดยวางกรรมตรง กรรมรองติดกันก็ได้
03:37
"Promiseคำมั่นสัญญา anything to her," "Promiseคำมั่นสัญญา her anything," and so on.
65
192000
4000
"Promise anything to her" หรือ
"Promise her anything" และอีกมากมาย
03:41
Hundredsหลายร้อย of verbsคำกริยา can go bothทั้งสอง waysวิธี.
66
196000
2000
คำกริยาหลายร้อยคำ สามารถใช้ได้ทั้งสองแบบ
03:43
So a temptingล่อใจ generalizationลักษณะทั่วไป for a childเด็ก,
67
198000
2000
ดังนั้น จึงเกิดเกณฑ์ทั่วไปสำหรับเด็ก
03:45
for an adultผู้ใหญ่, for a computerคอมพิวเตอร์
68
200000
2000
สำหรับผู้ใหญ่ สำหรับคอมพิวเตอร์
03:47
is that any verbคำกริยา that can appearปรากฏ in the constructionการก่อสร้าง,
69
202000
2000
คือ คำกริยาใด ๆ ที่ปรากฏ
ในหน่วยสร้างในรูปแบบ
03:49
"subject-verb-thing-to-a-recipientเรื่องกริยาสิ่งต่อ-a-ผู้รับ"
70
204000
3000
"ประธาน-กริยา-ของ-ให้-คนรับ"
03:52
can alsoด้วย be expressedแสดง as "subject-verb-recipient-thingเรื่องกริยาผู้รับสิ่ง."
71
207000
3000
สามารถเขียนในรูปแบบ
"ประธาน-กริยา-ผู้รับ-ของ" ได้เช่นกัน
03:55
A handyมีประโยชน์ thing to have,
72
210000
2000
ที่เรามีอะไรที่ใช้ง่าย ๆ แบบนี้เกิดขึ้น
03:57
because languageภาษา is infiniteอนันต์,
73
212000
2000
เพราะว่า ภาษาไม่มีที่สิ้นสุด
03:59
and you can't just parrotนกแก้ว back the sentencesประโยค that you've heardได้ยิน.
74
214000
3000
และคุณไม่สามารถท่องจำ
ประโยคที่คุณเพิ่งได้ยินได้
04:02
You've got to extractสารสกัด generalizationsภาพรวม
75
217000
2000
ดังนั้นคุณต้องตกผลึกเกณฑ์ง่าย ๆ
04:04
so you can produceก่อ and understandเข้าใจ newใหม่ sentencesประโยค.
76
219000
3000
เพื่อให้คุณสร้างและเข้าใจประโยคใหม่ ๆ ได้
04:07
This would be an exampleตัวอย่าง of how to do that.
77
222000
2000
นี่แหละ คือตัวอย่างของกระบวนการข้างต้น
04:09
Unfortunatelyน่าเสียดาย, there appearปรากฏ to be idiosyncraticที่มีนิสัยแปลก exceptionsข้อยกเว้น.
78
224000
3000
โชคไม่ดี เพราะว่ามันก็มีข้อยกเว้นด้วย
04:12
You can say, "BiffBiff droveฝูง the carรถ to Chicagoเมืองชิคาโก,"
79
227000
3000
คุณพูดว่า "บิฟขับรถไปชิคาโก"
04:15
but not, "BiffBiff droveฝูง Chicagoเมืองชิคาโก the carรถ."
80
230000
3000
แต่ไม่พูดว่า "บิฟขับชิคาโกรถ"
04:18
You can say, "SalSal gaveให้ Jasonเจสัน a headacheอาการปวดหัว,"
81
233000
3000
คุณพูดว่า "แซลทำให้เจสันปวดหัว"
04:21
but it's a bitบิต oddแปลก to say, "SalSal gaveให้ a headacheอาการปวดหัว to Jasonเจสัน."
82
236000
2000
แต่พูดว่า "แซลให้ปวดหัวแก่เจสัน"
ก็ดูแปลก
04:24
The solutionวิธีการแก้ is that these constructionsการก่อสร้าง, despiteแม้จะมี initialแรกเริ่ม appearanceการปรากฏ,
83
239000
3000
ทางออกของปัญหาก็คือ ต้องรู้ว่า
แม้หน่วยสร้างเหล่านี้ดูเหมือนกัน
04:27
are not synonymousตรงกัน,
84
242000
2000
แต่มันต่างกัน
04:29
that when you crankข้อเหวี่ยง up the microscopeกล้องจุลทรรศน์
85
244000
2000
เพราะเมื่อมองลงไปถึงรายละเอียดของ
04:31
on humanเป็นมนุษย์ cognitionความรู้ความเข้าใจ, you see that there's a subtleบอบบาง differenceข้อแตกต่าง
86
246000
2000
การรับรู้ของมนุษย์
คุณจะเห็นข้อแตกต่างย่อย ๆ
04:33
in meaningความหมาย betweenระหว่าง them.
87
248000
2000
ในความหมายของมัน
04:35
So, "give the X to the Y,"
88
250000
2000
ดังนั้น "ให้ X แก่ Y"
04:37
that constructionการก่อสร้าง correspondsสอดคล้อง to the thought
89
252000
3000
หน่วยสร้างนี้ สัมพันธ์กับความคิดว่า
"ทำให้เกิด X และไปยัง Y"
04:40
"causeสาเหตุ X to go to Y." Whereasแต่ทว่า "give the Y the X"
90
255000
3000
ในขณะที่ "ให้ Y แก่ X"
04:43
correspondsสอดคล้อง to the thought "causeสาเหตุ Y to have X."
91
258000
4000
จะสัมพันธ์กับความคิดที่ว่า
"ทำให้เกิด Y ที่ทำให้มี X"
04:47
Now, manyจำนวนมาก eventsเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น can be subjectเรื่อง to eitherทั้ง construalconstrual,
92
262000
4000
เอาล่ะครับ หลาย ๆ เหตุการณ์ขึ้นอยู่กับ
การตีความ
04:51
kindชนิด of like the classicคลาสสิก figure-groundรูปพื้นดิน reversalความผกผัน illusionsภาพลวงตา,
93
266000
3000
คล้ายกับภาพลวงตาคลาสสิกที่คุ้นชินกัน
04:54
in whichที่ you can eitherทั้ง payจ่ายเงิน attentionความสนใจ
94
269000
3000
ซึ่งเราจะมองไปที่
04:57
to the particularโดยเฉพาะ objectวัตถุ,
95
272000
2000
วัตถุนั้น ๆ
04:59
in whichที่ caseกรณี the spaceช่องว่าง around it recedesลดระดับลง from attentionความสนใจ,
96
274000
4000
ซึ่งในกรณีนี้ พื้นที่รอบ ๆ วัตถุ
จะถูกมองข้ามไป
05:03
or you can see the facesใบหน้า in the emptyว่างเปล่า spaceช่องว่าง,
97
278000
2000
หรือคุณจะเห็นใบหน้าคนตรงพื้นที่ว่าง
05:05
in whichที่ caseกรณี the objectวัตถุ recedesลดระดับลง out of consciousnessสติ.
98
280000
4000
ซึ่งกรณีนี้ วัตถุก็จะถูกมองข้ามไป
05:09
How are these construalsconstruals reflectedสะท้อนให้เห็นถึง in languageภาษา?
99
284000
2000
แล้วการตีความหมายแบบนี้ สะท้อนภาษาอย่างไร
05:11
Well, in bothทั้งสอง casesกรณี, the thing that is construedตีความ as beingกำลัง affectedได้รับผล
100
286000
4000
ครับ ทั้งสองกรณี สิ่งที่ถูกตีความ
ว่าเป็นผู้รับผลนั้น
05:15
is expressedแสดง as the directโดยตรง objectวัตถุ,
101
290000
2000
จะถูกแสดงออกมาเป็นกรรมตรง
05:17
the nounคำนาม after the verbคำกริยา.
102
292000
2000
หรือคำนามที่ตามหลังคำกริยา
05:19
So, when you think of the eventเหตุการณ์ as causingการก่อให้เกิด the muffinมัฟฟิน to go somewhereที่ไหนสักแห่ง --
103
294000
4000
ดังนั้น เมื่อคุณนึกถึงเหตุการณ์
ที่ทำให้ขนมมัฟฟินไปไหนสักที่
05:23
where you're doing something to the muffinมัฟฟิน --
104
298000
2000
ที่ที่คุณกำลังทำบางสิ่งบางอย่างกับมัฟฟิน
05:25
you say, "Give the muffinมัฟฟิน to the mouseเม้าส์."
105
300000
2000
คุณพูดว่า "Give the muffin to the mouse"
05:27
When you construeตีความ it as "causeสาเหตุ the mouseเม้าส์ to have something,"
106
302000
3000
แต่เมื่อคุณตีความว่า
"ทำให้หนูได้รับบางสิ่ง"
05:30
you're doing something to the mouseเม้าส์,
107
305000
2000
คุณกำลังทำบางสิ่งกับหนู
05:32
and thereforeดังนั้น you expressด่วน it as, "Give the mouseเม้าส์ the muffinมัฟฟิน."
108
307000
3000
ดังนั้น คุณจะพูดว่า
"Give the mouse the muffin"
05:35
So whichที่ verbsคำกริยา go in whichที่ constructionการก่อสร้าง --
109
310000
2000
ดังนั้น คำกริยาไหนไปอยู่ในหน่วยสร้างใด
05:37
the problemปัญหา with whichที่ I beganเริ่ม --
110
312000
2000
ปัญหาที่ผมกำลังพูดถึงนี้
05:39
dependsขึ้นอยู่กับ on whetherว่า the verbคำกริยา specifiesระบุ a kindชนิด of motionการเคลื่อนไหว
111
314000
4000
จะขึ้นอยู่กับว่ากริยาระบุการเคลื่อนที่
05:43
or a kindชนิด of possessionสมบัติ changeเปลี่ยนแปลง.
112
318000
2000
หรือระบุการเปลี่ยนมือในการครอบครอง
05:45
To give something involvesที่เกี่ยวข้องกับการ bothทั้งสอง causingการก่อให้เกิด something to go
113
320000
3000
การให้บางสิ่ง เกี่ยวข้องกับทั้ง
การทำให้บางสิ่งบางอย่างออกไป
05:48
and causingการก่อให้เกิด someoneบางคน to have.
114
323000
2000
และทำให้บางคนมีบางสิ่งด้วย
05:50
To driveขับรถ the carรถ only causesสาเหตุ something to go,
115
325000
3000
การขับรถ มีแค่ทำให้บางสิ่งออกไป
05:53
because Chicago'sชิคาโก not the kindชนิด of thing that can possessมี something.
116
328000
2000
เพราะชิคาโกไม่ใช่สิ่งที่จะไปครองอีกสิ่งได้
05:55
Only humansมนุษย์ can possessมี things.
117
330000
3000
มีแค่มนุษย์ที่ครองสิ่งต่าง ๆ ได้
05:58
And to give someoneบางคน a headacheอาการปวดหัว causesสาเหตุ them to have the headacheอาการปวดหัว,
118
333000
2000
และการให้ความปวดหัวกับใคร
คือการทำให้คนนั้นปวดหัว
06:00
but it's not as if you're takingการ the headacheอาการปวดหัว out of your headหัว
119
335000
3000
แต่ไม่ได้บอกว่า
เราเอาความปวดหัวออกจากหัวเรา
06:03
and causingการก่อให้เกิด it to go to the other personคน,
120
338000
2000
แล้วทำให้มันไปยังอีกคน
06:05
and implantingปลูกฝัง it in them.
121
340000
2000
แล้วฝังตัวในคนนั้นแล้วงอกขึ้นมา
06:07
You mayอาจ just be loudดัง or obnoxiousน่ารังเกียจ,
122
342000
2000
คุณอาจจะเสียงดังหรือทำตัวน่ารังเกียจเฉย ๆ
06:09
or some other way causingการก่อให้เกิด them to have the headacheอาการปวดหัว.
123
344000
2000
หรือทำอะไรสักอย่างที่ทำให้เขาปวดหัว
06:11
So, that's
124
346000
4000
ดังนั้น นั่นแหละ
06:15
an exampleตัวอย่าง of the kindชนิด of thing that I do in my day jobงาน.
125
350000
2000
คือตัวอย่างของสิ่งที่ผมทำในแต่ละวันของผม
06:17
So why should anyoneใคร ๆ careการดูแล?
126
352000
2000
แล้วทำไมคนถึงต้องสนใจล่ะ
06:19
Well, there are a numberจำนวน of interestingน่าสนใจ conclusionsข้อสรุป, I think,
127
354000
3000
เพราะ ผมคิดว่ามันมีข้อสรุป
บางประการที่น่าสนใจ
06:22
from this and manyจำนวนมาก similarคล้ายคลึงกัน kindsชนิด of analysesวิเคราะห์
128
357000
4000
เกี่ยวกับเรื่องนี้และการวิเคราะห์อื่น ๆ
06:26
of hundredsหลายร้อย of Englishอังกฤษ verbsคำกริยา.
129
361000
2000
ในคำกริยากว่าอีกหลายร้อยคำ
06:28
First, there's a levelชั้น of fine-grainedเม็ดเล็ก conceptualเกี่ยวกับความคิดเห็น structureโครงสร้าง,
130
363000
3000
อย่างแรกคือ มีแผนผังมโนทัศน์อย่างละเอียด
06:31
whichที่ we automaticallyอัตโนมัติ and unconsciouslyโดยไม่รู้ตัว computeคำนวณ
131
366000
3000
ที่เราประมวลผลโดยอัตโนมัติและไม่รู้ตัว
06:34
everyทุกๆ time we produceก่อ or utterที่สุด a sentenceประโยค, that governsควบคุม our use of languageภาษา.
132
369000
4000
ทุกครั้งที่เราสร้างหรือเปล่งประโยคออกไป
สิ่งนี้ ควบคุมการใช้ภาษาของเรา
06:38
You can think of this as the languageภาษา of thought, or "mentalesementalese."
133
373000
4000
คุณเรียกสิ่งนี้ได้ว่าเป็นภาษาของความคิด
หรือ "mentalese"(เมนทาลีส)
06:42
It seemsดูเหมือนว่า to be basedซึ่งเป็นรากฐาน on a fixedคงที่ setชุด of conceptsแนวคิด,
134
377000
3000
ซึ่งน่าจะมีพื้นมาจากชุดความคิดที่ตายตัว
06:45
whichที่ governปกครอง dozensหลายสิบ of constructionsการก่อสร้าง and thousandsพัน of verbsคำกริยา --
135
380000
3000
ที่ควบคุมหน่วยสร้างจำนวนมากและกริยานับพัน
06:48
not only in Englishอังกฤษ, but in all other languagesภาษา --
136
383000
3000
ไม่ใช่แค่ภาษาอังกฤษ แต่ในทุก ๆ ภาษา
06:51
fundamentalพื้นฐาน conceptsแนวคิด suchอย่างเช่น as spaceช่องว่าง,
137
386000
2000
กรอบความคิดพื้นฐาน เช่น พื้นที่
06:53
time, causationสาเหตุ and humanเป็นมนุษย์ intentionความตั้งใจ,
138
388000
3000
เวลา สาเหตุ และเจตนาของมนุษย์
06:56
suchอย่างเช่น as, what is the meansวิธี and what is the endsปลาย?
139
391000
3000
เช่น อะไรคือวิธีการ และอะไรคือผลลัพธ์
06:59
These are reminiscentเตือนความทรงจำ of the kindsชนิด of categoriesประเภท
140
394000
2000
สิ่งเหล่านี้ เป็นตัวย้ำเตือนเราถึงหมวดหมู่
07:01
that Immanuelจิตวิทยา Kantคานท์ arguedที่ถกเถียงกันอยู่
141
396000
2000
ที่อิมมานูเอล คานท์อภิปรายไว้
07:03
are the basicขั้นพื้นฐาน frameworkกรอบ for humanเป็นมนุษย์ thought,
142
398000
3000
นี่คือโครงสร้างพื้นฐานของความคิดมนุษย์
07:06
and it's interestingน่าสนใจ that our unconsciousไม่ได้สติ use of languageภาษา
143
401000
3000
และมันน่าสนใจว่า จิตใต้สำนึก
ของการใช้ภาษาของเรา
07:09
seemsดูเหมือนว่า to reflectสะท้อน these Kantianคานต์ categoriesประเภท.
144
404000
3000
สะท้อนถึงหมวดหมู่แบบคานท์เหล่านี้
07:12
Doesn't careการดูแล about perceptualการรับรู้ qualitiesลักษณะ,
145
407000
2000
ไม่ต้องสนใจคุณภาพที่รับรู้
07:14
suchอย่างเช่น as colorสี, textureเนื้อผ้า, weightน้ำหนัก and speedความเร็ว,
146
409000
2000
เช่นสี เนื้องาน น้ำหนัก และความเร็ว
07:16
whichที่ virtuallyจวน never differentiateแยก
147
411000
2000
ซึ่งไม่เคยแบ่ง
07:18
the use of verbsคำกริยา in differentต่าง constructionsการก่อสร้าง.
148
413000
2000
การใช้งานคำกริยาในหน่วยสร้างอย่างแท้จริง
07:21
An additionalเพิ่มเติม twistบิด is that all of the constructionsการก่อสร้าง in Englishอังกฤษ
149
416000
3000
อีกสิ่งที่น่าสนใจก็คือ
ทุกหน่วยสร้างในภาษาอังกฤษ
07:24
are used not only literallyอย่างแท้จริง,
150
419000
2000
ไม่ได้ถูกใช้สื่อความ
ตรงตามตัวอักษรเท่านั้น
07:26
but in a quasi-metaphoricalกึ่งเชิงเปรียบเทียบ way.
151
421000
3000
แต่ยังถูกใช้ในแนวกึ่ง ๆ อุปมาด้วย
07:29
For exampleตัวอย่าง, this constructionการก่อสร้าง, the dativeสัมปทานการก,
152
424000
2000
ตัวอย่างเช่น หน่วยสร้างนี้ กรรมรอง
07:31
is used not only to transferโอน things,
153
426000
2000
ไม่ได้ใช้สำหรับการเคลื่อนย้ายของเท่านั้น
07:33
but alsoด้วย for the metaphoricalเชิงเปรียบเทียบ transferโอน of ideasความคิด,
154
428000
3000
แต่ยังมีความคิดเคลื่อนย้ายเชิงอุปมาด้วย
07:36
as when we say, "She told a storyเรื่องราว to me"
155
431000
2000
เช่นที่เราพูด "เธอบอกเรื่องนี้กับฉัน"
07:38
or "told me a storyเรื่องราว,"
156
433000
2000
หรือ "เธอบอกฉันเรื่องนี้"
07:40
"Maxแม็กซ์ taughtสอน Spanishสเปน to the studentsนักเรียน" or "taughtสอน the studentsนักเรียน Spanishสเปน."
157
435000
3000
"แมกซ์สอนภาษาสเปนแก่นักเรียน"
หรือ "สอนนักเรียน ภาษาสเปน"
07:43
It's exactlyอย่างแน่นอน the sameเหมือนกัน constructionการก่อสร้าง,
158
438000
2000
มันคือหน่วยสร้างเดียวกันเป๊ะ
07:45
but no muffinsมัฟฟิน, no miceหนู, nothing movingการเคลื่อนย้าย at all.
159
440000
4000
แค่ไม่มีขนมมัฟฟิน ไม่มีหนู
ไม่มีอะไรเคลื่อนไหว
07:49
It evokesevokes the containerภาชนะ metaphorคำอุปมา of communicationการสื่อสาร,
160
444000
3000
มันทำให้นึกถึงอุปมาที่แฝงอยู่ในการสื่อสาร
07:52
in whichที่ we conceiveตั้งครรภ์ of ideasความคิด as objectsวัตถุ,
161
447000
2000
ซึ่งเรารับรู้ความคิดนี้เป็นเหมือนวัตถุ
07:54
sentencesประโยค as containersตู้คอนเทนเนอร์,
162
449000
2000
ประโยคเป็นเหมือนเครื่องบรรจุ
07:56
and communicationการสื่อสาร as a kindชนิด of sendingการส่ง.
163
451000
2000
และการสื่อสารเป็นเหมือนการส่งบางสิ่ง
07:58
As when we say we "gatherรวบรวม" our ideasความคิด, to "put" them "into" wordsคำ,
164
453000
3000
เช่นเราพูดว่า "รวบรวม" ความคิดของเรา
และ "ประกอบ" มัน "เป็น" คำ.
08:01
and if our wordsคำ aren'tไม่ได้ "emptyว่างเปล่า" or "hollowกลวง,"
165
456000
2000
และถ้าสารของเราไม่ "กลวง" ไม่ "ลวง"
08:03
we mightอาจ get these ideasความคิด "acrossข้าม" to a listenerผู้ฟัง,
166
458000
3000
เราก็อาจพาความคิดเรา "ข้าม" ไปถึงคนฟัง
08:06
who can "unpackแกะ" our wordsคำ to "extractสารสกัด" theirของพวกเขา "contentเนื้อหา."
167
461000
3000
ผู้สามารถ "เปิดรับ" ความของเราเพื่อ
"ถอด" ออกมาเป็น "สาระ" ได้
08:09
And indeedจริง, this kindชนิด of verbiageการใช้คำฟุ่มเฟือย is not the exceptionข้อยกเว้น, but the ruleกฎ.
168
464000
3000
และแน่นอนว่า การพูดน้ำท่วมทุ่ง
ไม่ใช่ข้อยกเว้น แต่เป็นกฏ
08:12
It's very hardยาก to find any exampleตัวอย่าง of abstractนามธรรม languageภาษา
169
467000
3000
มันยากมากที่จะยกตัวอย่างภาษาที่เป็นนามธรรม
08:15
that is not basedซึ่งเป็นรากฐาน on some concreteคอนกรีต metaphorคำอุปมา.
170
470000
3000
ที่อยู่บนพื้นฐานการอุปมาที่เป็นรูปธรรม
08:18
For exampleตัวอย่าง, you can use the verbคำกริยา "go"
171
473000
3000
ยกตัวอย่าง คุณสามารถพูดกริยาว่า "ไป"
08:21
and the prepositionsคำบุพบท "to" and "from"
172
476000
2000
กับคำบุพบท "ยัง" และ "จาก"
08:23
in a literalตามตัวอักษร, spatialเกี่ยวกับอวกาศ senseความรู้สึก.
173
478000
2000
ในเชิงพื้นที่ตามความหมาย
08:25
"The messengerผู้สื่อสาร wentไป from Parisปารีส to Istanbulอิสตันบูล."
174
480000
2000
"คนส่งของ ไปจากปารีส ไปยังอิสตันบูล"
08:27
You can alsoด้วย say, "BiffBiff wentไป from sickป่วย to well."
175
482000
3000
คุณยังพูดได้ว่า
"บิฟ จากที่ป่วย ไปเป็นหายดี"
08:30
He needn'tไม่จำเป็นต้อง go anywhereทุกแห่ง. He could have been in bedเตียง the wholeทั้งหมด time,
176
485000
3000
เขาไม่ต้องไปไหน เขาจะอยู่
บนเตียงตลอดเวลาก็ยังได้
08:33
but it's as if his healthสุขภาพ is a pointจุด in stateสถานะ spaceช่องว่าง
177
488000
2000
แต่มันเหมือนกับว่าสุขภาพของเขา
เป็นจุด ๆ หนี่งในห้วงเวลา
08:35
that you conceptualizeคิดในใจ as movingการเคลื่อนย้าย.
178
490000
2000
ซึ่งคุณมีกรอบความคิดว่ามันเคลื่อนที่
08:37
Or, "The meetingการประชุม wentไป from threeสาม to fourสี่,"
179
492000
2000
หรือ "ประชุม จากสามโมง ไปถึงสี่โมง"
08:39
in whichที่ we conceiveตั้งครรภ์ of time as stretchedยืด alongตาม a lineเส้น.
180
494000
3000
ซึ่งเรารับรู้เวลาว่าเป็นเส้นตรงเส้นหนึ่ง
08:42
Likewiseในทำนองเดียวกัน, we use "forceบังคับ" to indicateแสดง
181
497000
3000
ในทำนองเดียวกัน เราใช้คำว่า "บังคับ"
08:45
not only physicalกายภาพ forceบังคับ,
182
500000
2000
ไม่ใช่แค่กับแรงทางกายภาพ
08:47
as in, "Roseดอกกุหลาบ forcedถูกบังคับ the doorประตู to openเปิด,"
183
502000
2000
เช่น "โรสบังคับให้ประตูเปิด"
08:49
but alsoด้วย interpersonalความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล forceบังคับ,
184
504000
2000
แต่ใช้กับแรงระหว่างคนด้วย
08:51
as in, "Roseดอกกุหลาบ forcedถูกบังคับ Sadieซาดี to go," not necessarilyจำเป็นต้อง by manhandlingซ้อม her,
185
506000
4000
เช่น "โรสบังคับให้เซดี้ออกไป"
ซึ่งมันไม่จำเป็นว่าต้องผลักไสออกไป
08:55
but by issuingการออก a threatการคุกคาม.
186
510000
2000
อาจแค่พูดขู่เฉย ๆ ก็ได้
08:57
Or, "Roseดอกกุหลาบ forcedถูกบังคับ herselfตัวเธอเอง to go,"
187
512000
2000
หรือ "โรสบังคับตัวเองให้ออกไป"
08:59
as if there were two entitiesหน่วยงาน insideภายใน Rose'sโรส headหัว,
188
514000
2000
เรากับว่ามีสิ่งสองสิ่งในหัวเซดี้
กำลังชักเย่อกันไปมา
09:02
engagedหมั้น in a tugเรือโยง of a warสงคราม.
189
517000
2000
09:04
Secondที่สอง conclusionข้อสรุป is that the abilityความสามารถ to conceiveตั้งครรภ์
190
519000
3000
ข้อสรุปอันที่สอง คือความสามารถในการรับรู้
09:07
of a givenรับ eventเหตุการณ์ in two differentต่าง waysวิธี,
191
522000
3000
ในเหตุการณ์หนึ่ง ๆ เป็นสองแบบที่ต่างกัน
09:10
suchอย่างเช่น as "causeสาเหตุ something to go to someoneบางคน"
192
525000
2000
เช่น "ทำให้บางสิ่ง ไปยังบางคน"
09:12
and "causingการก่อให้เกิด someoneบางคน to have something,"
193
527000
2000
และ "ทำให้บางคน มีบางสิ่ง"
09:14
I think is a fundamentalพื้นฐาน featureลักษณะ of humanเป็นมนุษย์ thought,
194
529000
4000
ผมคิดว่า มันเป็นลักษณะพื้นฐาน
ของความคิดมนุษย์
09:18
and it's the basisรากฐาน for much humanเป็นมนุษย์ argumentationการโต้แย้ง,
195
533000
3000
และมันเป็นรากฐานของการให้เหตุผล
ของมนุษย์อีกมากมาย
09:21
in whichที่ people don't differแตกต่าง so much on the factsข้อเท็จจริง
196
536000
3000
ซึ่งคนไม่ได้เห็นต่างกันนักในข้อเท็จจริง
09:24
as on how they oughtควร to be construedตีความ.
197
539000
2000
ว่ามันควรถูกตีความอย่างไร
09:26
Just to give you a fewน้อย examplesตัวอย่าง:
198
541000
2000
ผมขอลองยกตัวอย่างนะครับ
09:28
"endingสิ้นสุด a pregnancyการตั้งครรภ์" versusกับ "killingที่ฆ่า a fetusลูกอ่อนในครรภ์;"
199
543000
2000
"ยุติภาวะตั้งครรภ์" กับ "ฆ่าเด็กในท้อง"
09:30
"a ballลูกบอล of cellsเซลล์" versusกับ "an unbornยังไม่เกิด childเด็ก;"
200
545000
3000
"ก้อนเซลล์" กับ "เด็กที่ยังไม่เกิด"
09:33
"invadingที่บุกรุก Iraqอิรัก" versusกับ "liberatingที่ปลดปล่อย Iraqอิรัก;"
201
548000
2000
"รุกรานอิรัก" กับ "ปลดปล่อยอิรัก"
09:35
"redistributingการกระจาย wealthความมั่งคั่ง" versusกับ "confiscatingยึด earningsรายได้."
202
550000
4000
"จัดสรรความมั่งคั่ง" กับ "ริบทรัพย์"
09:39
And I think the biggestที่ใหญ่ที่สุด pictureภาพ of all
203
554000
2000
และผมคิดว่า ภาพใหญ่สุดนั้น
09:41
would take seriouslyอย่างจริงจัง the factความจริง
204
556000
3000
จะอยู่บนพื้นฐานของความจริงมาก ๆ
09:44
that so much of our verbiageการใช้คำฟุ่มเฟือย about abstractนามธรรม eventsเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
205
559000
3000
จนกระทั่งการพูดเวิ่นเว้อ
ถึงเรื่องนามธรรมของเรา
09:47
is basedซึ่งเป็นรากฐาน on a concreteคอนกรีต metaphorคำอุปมา
206
562000
2000
นั้นยืนพื้นจากการอุปมาเชิงรูปธรรม
09:49
and see humanเป็นมนุษย์ intelligenceสติปัญญา itselfตัวเอง
207
564000
2000
และมองเห็นว่าความฉลาดของมนุษย์นั้น
09:51
as consistingซึ่งประกอบด้วย of a repertoireรายการละคร of conceptsแนวคิด --
208
566000
3000
มีแนวคิดอยู่หลายอย่าง
09:54
suchอย่างเช่น as objectsวัตถุ, spaceช่องว่าง, time, causationสาเหตุ and intentionความตั้งใจ --
209
569000
3000
เช่น วัตถุ พื้นที่ เวลา สาเหตุ และเจตนา
09:57
whichที่ are usefulมีประโยชน์ in a socialสังคม, knowledge-intensiveความรู้มาก speciesสายพันธุ์,
210
572000
4000
ซึ่งมีประโยชน์ในสังคมของ
เผ่าพันธุ์ที่ขับเคลื่อนด้วยความรู้
10:01
whoseใคร evolutionวิวัฒนาการ you can well imagineจินตนาการ,
211
576000
2000
เผ่าพันธุ์ที่มีวิวัฒนาการที่คุณรู้จักกันดี
10:03
and a processกระบวนการ of metaphoricalเชิงเปรียบเทียบ abstractionสิ่งที่เป็นนามธรรม
212
578000
3000
และกระบวนการอุปมาเชิงนามธรรมนี้
10:06
that allowsช่วยให้ us to bleachฟอกขาว these conceptsแนวคิด
213
581000
2000
ช่วยให้เราชำระแนวคิด
10:08
of theirของพวกเขา originalเป็นต้นฉบับ conceptualเกี่ยวกับความคิดเห็น contentเนื้อหา --
214
583000
3000
เรื่องกรอบเนื้อหาแรกเริ่มเหล่านี้
10:11
spaceช่องว่าง, time and forceบังคับ --
215
586000
3000
พื้นที่ เวลา และการบังคับ
10:14
and applyใช้ them to newใหม่ abstractนามธรรม domainsโดเมน,
216
589000
2000
และประยุกต์มันเข้ากับขอบเขตนามธรรมใหม่ ๆ
10:16
thereforeดังนั้น allowingการอนุญาต a speciesสายพันธุ์ that evolvedการพัฒนา
217
591000
3000
ทำให้เผ่าพันธุ์ที่มีวิวัฒนาการ
10:19
to dealจัดการ with rocksโขดหิน and toolsเครื่องมือ and animalsสัตว์,
218
594000
2000
เพื่อจัดการกับหิน เครื่องมือ และสัตว์
10:21
to conceptualizeคิดในใจ mathematicsคณิตศาสตร์, physicsฟิสิกส์, lawกฎหมาย
219
596000
3000
ได้สร้างกรอบความคิดเรื่องคณิตศาสตร์
ฟิสิกส์ กฏหมาย
10:24
and other abstractนามธรรม domainsโดเมน.
220
599000
3000
และขอบเขตนามธรรมอื่น ๆ
10:27
Well, I said I'd talk about two windowsหน้าต่าง on humanเป็นมนุษย์ natureธรรมชาติ --
221
602000
3000
ผมบอกไว้ว่าจะเล่าถึงหน้าต่างสองบาน
ที่ส่องธรรมชาติของมนุษย์
10:30
the cognitiveองค์ความรู้ machineryเครื่องจักรกล with whichที่ we conceptualizeคิดในใจ the worldโลก,
222
605000
3000
กลไกความคิดที่เราใช้มองโลก
10:33
and now I'm going to say a fewน้อย wordsคำ about the relationshipความสัมพันธ์ typesประเภท
223
608000
2000
ตอนนี้ผมจะเล่าสั้น ๆ เกี่ยวกับ
รูปแบบความสัมพันธ์
10:35
that governปกครอง humanเป็นมนุษย์ socialสังคม interactionปฏิสัมพันธ์,
224
610000
2000
ที่ควบคุมการปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์
10:37
again, as reflectedสะท้อนให้เห็นถึง in languageภาษา.
225
612000
2000
ซึ่งสะท้อนอยู่ในภาษาเช่นกัน
10:40
And I'll startเริ่มต้น out with a puzzleปริศนา, the puzzleปริศนา of indirectทางอ้อม speechการพูด actsการกระทำ.
226
615000
4000
ผมขอเริ่มจากปริศนาของวัจนกรรมอ้อม
10:44
Now, I'm sure mostมากที่สุด of you have seenเห็น the movieหนัง "Fargoฟาร์โก."
227
619000
2000
ผมเชื่อว่าทุกท่านส่วนใหญ่
เคยชมหนัง "Fargo"
10:46
And you mightอาจ rememberจำ the sceneฉาก in whichที่
228
621000
2000
และคงจำฉากนั้นได้
10:48
the kidnapperผู้พาหนี is pulledดึง over by a policeตำรวจ officerเจ้าหน้าที่,
229
623000
3000
ที่โจรลักพาตัวถูกตำรวจลากเข้าข้างทาง
10:51
is askedถาม to showแสดง his driver'sคนขับ licenseอนุญาต
230
626000
2000
และให้แสดงใบขับขี่
10:53
and holdsถือ his walletกระเป๋าสตางค์ out
231
628000
2000
และเขาหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา
10:55
with a 50-dollar-ดอลลาร์ billบิล extendingขยาย
232
630000
3000
พร้อมแบงก์ 50 ดอลล่าร์ที่ยื่น
10:58
at a slightเล็กน้อย angleมุม out of the walletกระเป๋าสตางค์.
233
633000
2000
เป็นมุมเล็ก ๆ ออกมาจากกระเป๋า
11:00
And he saysกล่าวว่า, "I was just thinkingคิด
234
635000
2000
เขาพูดว่า "ฉันแค่กำลังคิดว่า
11:02
that maybe we could take careการดูแล of it here in Fargoฟาร์โก,"
235
637000
2000
เราอาจจะตกลงกันได้ที่ฟาร์โกนี่นะ"
11:04
whichที่ everyoneทุกคน, includingรวมไปถึง the audienceผู้ชม,
236
639000
3000
ซึ่งทุกคน รวมถึงคนดู
11:07
interpretsตีความ as a veiledที่ได้ถูกปกคลุม bribeสินบน.
237
642000
3000
แปลได้ว่า มันคือใต้โต๊ะนั่นแหละ
11:10
This kindชนิด of indirectทางอ้อม speechการพูด is rampantแผลงฤทธิ์ in languageภาษา.
238
645000
4000
สารทางอ้อมแบบนี้ลุกลามอยู่ในภาษา
11:14
For exampleตัวอย่าง, in politeสุภาพ requestsการร้องขอ,
239
649000
2000
ยกตัวอย่างเช่น การขอร้องแบบสุภาพ
11:16
if someoneบางคน saysกล่าวว่า, "If you could passผ่านไป the guacamoleกวากาโมเล่,
240
651000
2000
เมื่อมีคนพูดว่า "ถ้าคุณช่วยหยิบกัวคาโมเล
11:18
that would be awesomeน่ากลัว,"
241
653000
2000
มาให้ได้ มันคงจะเยี่ยมเลย"
11:20
we know exactlyอย่างแน่นอน what he meansวิธี,
242
655000
2000
เราเข้าใจความหมายแน่นอน ว่าเขาจะสื่ออะไร
11:22
even thoughแม้ that's a ratherค่อนข้าง bizarreแปลกประหลาด
243
657000
2000
แม้ว่ามันจะดู
11:24
conceptแนวคิด beingกำลัง expressedแสดง.
244
659000
2000
เป็นอะไรที่ค่อนข้างประหลาดก็ตาม
11:26
(Laughterเสียงหัวเราะ)
245
661000
3000
(เสียงหัวเราะ)
11:29
"Would you like to come up and see my etchingsแกะสลัก?"
246
664000
2000
"สนใจมาดูภาพสะสมที่บ้านฉันไหม"
11:31
I think mostมากที่สุด people
247
666000
2000
ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่
11:33
understandเข้าใจ the intentเจตนา behindหลัง that.
248
668000
3000
เข้าใจถึงจุดประสงค์เบื้องหลังแน่ ๆ
11:36
And likewiseในทำนองเดียวกัน, if someoneบางคน saysกล่าวว่า,
249
671000
2000
และทำนองเดียวกัน ถ้ามีใครพูดว่า
11:38
"Niceดี storeเก็บ you've got there. It would be a realจริง shameความอัปยศ if something happenedที่เกิดขึ้น to it" --
250
673000
3000
"ร้านของนายนี่ดีนะ ถ้ามันเป็นอะไรไปคงแย่"
11:41
(Laughterเสียงหัวเราะ) --
251
676000
1000
(เสียงหัวเราะ)
11:42
we understandเข้าใจ that as a veiledที่ได้ถูกปกคลุม threatการคุกคาม,
252
677000
2000
เราเข้าใจว่ามันคือคำขู่แบบอ้อม ๆ
11:44
ratherค่อนข้าง than a musingครุ่นคิด of hypotheticalน่าสงสัย possibilitiesความเป็นไปได้.
253
679000
3000
มากกว่าเป็นการไตร่ตรองความน่าจะเป็น
11:47
So the puzzleปริศนา is, why are bribesสินบน,
254
682000
3000
ดังนั้น ปริศนาก็คือ ทำไมการติดสินบน
11:50
politeสุภาพ requestsการร้องขอ, solicitationsชักชวน and threatsภัยคุกคาม so oftenบ่อยครั้ง veiledที่ได้ถูกปกคลุม?
255
685000
3000
การขอร้องแบบสุภาพ การเชิญชวน และการขู่
บ่อยครั้งไม่ได้ออกมาตรง ๆ
11:53
No one'sหนึ่งคือ fooledหลงกล.
256
688000
2000
ไม่มีใครไม่ฉลาดพอ
11:55
Bothทั้งสอง partiesคู่กรณี know exactlyอย่างแน่นอน what the speakerผู้พูด meansวิธี,
257
690000
3000
ทั้งสองฝ่ายรู้ตรงกันว่าผู้พูดจะสื่ออะไร
11:58
and the speakerผู้พูด knowsรู้ the listenerผู้ฟัง knowsรู้
258
693000
2000
และผู้พูดก็รู้ว่าผู้ฟังรู้เช่นกันว่า
12:00
that the speakerผู้พูด knowsรู้ that the listenerผู้ฟัง knowsรู้, etcฯลฯ., etcฯลฯ.
259
695000
3000
ผู้พูดรู้ว่าผู้ฟังรู้ และอื่น ๆ อีกมากมาย
12:03
So what's going on?
260
698000
2000
เกิดอะไรขึ้น
12:05
I think the keyสำคัญ ideaความคิด is that languageภาษา
261
700000
2000
ผมคิดว่า ความคิดสำคัญก็คือภาษา
12:07
is a way of negotiatingการเจรจาต่อรอง relationshipsสัมพันธ์,
262
702000
2000
คือรูปแบบในการเจรจาความสัมพันธ์
12:09
and humanเป็นมนุษย์ relationshipsสัมพันธ์ fallตก into a numberจำนวน of typesประเภท.
263
704000
3000
และความสัมพันธ์ของมนุษย์ก็มีหลายรูปแบบ
12:12
There's an influentialมีอิทธิพล taxonomyอนุกรมวิธาน by the anthropologistนักมานุษยวิทยา Alanอลัน FiskeFiske,
264
707000
4000
มีการจัดกลุ่มโดยนักมานุษยวิทยา อลัน ฟิสค์
12:16
in whichที่ relationshipsสัมพันธ์ can be categorizedการจัดหมวดหมู่, more or lessน้อยกว่า,
265
711000
3000
ซึ่งความสัมพันธ์ถูกแบ่งกลุ่มอย่างเหมาะสม
12:19
into communalitycommunality, whichที่ worksโรงงาน on the principleหลัก
266
714000
2000
เป็นความร่วมกัน ที่อยู่บนหลักการที่ว่า
12:21
"what's mineเหมือง is thineเจ้า, what's thineเจ้า is mineเหมือง,"
267
716000
3000
"ของเราคือของท่าน ของท่านคือของเรา"
12:24
the kindชนิด of mindsetความคิด that operatesดำเนินการ withinภายใน a familyครอบครัว, for exampleตัวอย่าง;
268
719000
4000
ความเชื่อแบบนี้มีอยู่ใน เช่น ครอบครัว
12:28
dominanceการปกครอง, whoseใคร principleหลัก is "don't messความยุ่งเหยิง with me;"
269
723000
3000
แบบปกครอง ก็จะใช้หลักการ
ว่า "อย่ามายุ่งกับฉัน"
12:31
reciprocityความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน, "you scratchเกา my back, I'll scratchเกา yoursของคุณ;"
270
726000
4000
แบบถ้อยทีถ้อยอาศัย บอกว่า
"เธอเกาหลังฉัน ฉันเกาหลังเธอ"
12:35
and sexualityความรู้สึกเรื่องเพศ, in the immortalเป็นอมตะ wordsคำ of Coleโคล Porterพนักงานยกกระเป๋า, "Let's do it."
271
730000
5000
และแบบเรื่องเพศ คำพูดอมตะของโคล พอร์ตเตอร์
ที่บอกไว้ว่า "มาทำกันเถอะ"
12:40
Now, relationshipความสัมพันธ์ typesประเภท can be negotiatedการเจรจาต่อรอง.
272
735000
3000
เอาล่ะ รูปแบบความสัมพันธ์นั้นต่อรองได้
12:43
Even thoughแม้ there are defaultค่าเริ่มต้น situationsสถานการณ์
273
738000
3000
แม้ว่าจะมีสถานการณ์ทั่วไป
12:46
in whichที่ one of these mindsetsความตั้งใจ can be appliedประยุกต์,
274
741000
2000
ที่ความเชื่อเหล่านี้ใช้ได้
12:48
they can be stretchedยืด and extendedขยาย.
275
743000
3000
มันก็สามารถยืดหยุ่นได้
12:51
For exampleตัวอย่าง, communalitycommunality appliesมีผลบังคับใช้ mostมากที่สุด naturallyเป็นธรรมชาติ
276
746000
3000
ตัวอย่างเช่น ความร่วมกัน
ที่อยู่เป็นธรรมชาติใน
12:54
withinภายใน familyครอบครัว or friendsเพื่อน,
277
749000
2000
ครอบครัวและเพื่อน
12:56
but it can be used to try to transferโอน
278
751000
2000
แต่มันก็สามารถใช้เพื่อพยามยามส่งต่อ
12:58
the mentalityความคิด of sharingใช้งานร่วมกัน
279
753000
2000
จิตแห่งการแบ่งปัน
13:00
to groupsกลุ่ม that ordinarilyปกติ would not be disposedเอนเอียง to exerciseการออกกำลังกาย it.
280
755000
4000
ไปยังกลุ่มที่ปกติไม่มีแนวโน้มที่จะทำ
13:04
For exampleตัวอย่าง, in brotherhoodsbrotherhoods, fraternalเป็นพี่น้องกัน organizationsองค์กร,
281
759000
4000
เช่น ในพวกพ้อง ในสมาคม
13:08
sororitiesพบปะ, locutionslocutions like "the familyครอบครัว of man,"
282
763000
3000
ในสโมสรสตรี สำนวนเช่น "the family of man"
(ครอบครัวมนุษย์)
13:11
you try to get people who are not relatedที่เกี่ยวข้อง
283
766000
2000
คุณพยายามที่จะดึงผู้คนที่ไม่เกี่ยวข้อง
13:13
to use the relationshipความสัมพันธ์ typeชนิด that would ordinarilyปกติ
284
768000
4000
แล้วนำนิยามความสัมพันธ์ที่ปกติแล้ว
เราจะใช้มันกับญาติพี่น้องที่สนิท มาใช้
13:17
be appropriateเหมาะสม to closeปิด kinญาติ.
285
772000
2000
13:19
Now, mismatchesที่ไม่ตรงกัน -- when one personคน assumesถือว่า one relationshipความสัมพันธ์ typeชนิด,
286
774000
3000
มันไม่เหมาะสมนัก เมื่อคนหนึ่ง
ทึกทักว่าเป็นความสัมพันธ์แบบหนึ่ง
13:22
and anotherอื่น assumesถือว่า a differentต่าง one -- can be awkwardอึดอัด.
287
777000
3000
ขณะที่อีกคนคิดว่าเป็นอีกแบบ
ซึ่งมันคงแปลก
13:25
If you wentไป over and you helpedช่วย yourselfด้วยตัวคุณเอง
288
780000
2000
ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณแวะไปเยี่ยมบ้านหัวหน้า
13:27
to a shrimpกุ้ง off your boss'เจ้านาย plateจาน,
289
782000
2000
แล้วหยิบกุ้งจากจานของหัวหน้ามากิน
13:29
for exampleตัวอย่าง, that would be an awkwardอึดอัด situationสถานการณ์.
290
784000
2000
มันคงแปลก ๆ
13:31
Or if a dinnerอาหารเย็น guestแขก after the mealอาหาร
291
786000
2000
หรือถ้าแขกที่เชิญมาทานมื้อค่ำ หลังทานเสร็จ
13:33
pulledดึง out his walletกระเป๋าสตางค์ and offeredที่นำเสนอ to payจ่ายเงิน you for the mealอาหาร,
292
788000
3000
เขาหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา
บอกว่าจะเลี้ยงคุณ
13:36
that would be ratherค่อนข้าง awkwardอึดอัด as well.
293
791000
2000
นั้นก็คงแปลก ๆ เหมือนกัน
13:38
In lessน้อยกว่า blatantดัง casesกรณี,
294
793000
3000
ในกรณีที่ไม่ค่อยโจ่งแจ้ง
13:41
there's still a kindชนิด of negotiationการเจรจาต่อรอง that oftenบ่อยครั้ง goesไป on.
295
796000
3000
บ่อยครั้งก็มีการเจรจาต่อรองเกิดขึ้น
13:44
In the workplaceที่ทำงาน, for exampleตัวอย่าง,
296
799000
2000
อย่างเช่น ในที่ทำงาน
13:46
there's oftenบ่อยครั้ง a tensionความตึงเครียด over whetherว่า an employeeลูกจ้าง
297
801000
2000
ก็มีความเครียดอยู่บ่อยครั้ง
13:48
can socializeเข้าสังคม with the bossนาย,
298
803000
2000
ว่าพนักงานผูกมิตรกับเจ้านายได้หรือไม่
13:50
or referอ้างถึง to him or her
299
805000
2000
หรือ เรียกชื่อเจ้านาย
13:52
on a first-nameชื่อจริง basisรากฐาน.
300
807000
2000
โดยไม่ต้องเรียกด้วยนามสกุลได้
13:54
If two friendsเพื่อน have a
301
809000
2000
ถ้าเพื่อนสองคน มีธุรกรรม
13:56
reciprocalซึ่งกันและกัน transactionการซื้อขาย, like sellingขาย a carรถ,
302
811000
2000
ที่มีผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน เช่น การขายรถ
13:58
it's well knownที่รู้จักกัน that this can be a sourceแหล่ง
303
813000
2000
เรารู้ดีว่า นี่แหละอาจเป็นจุดเริ่มต้น
14:00
of tensionความตึงเครียด or awkwardnessความอึดอัด.
304
815000
2000
ของความเครียด หรือความประหม่าได้
14:02
In datingการนัดหมาย, the transitionการเปลี่ยนแปลง
305
817000
2000
ในการเดท การเปลี่ยนขั้น
14:04
from friendshipมิตรภาพ to sexเพศ
306
819000
2000
จากความเป็นเพื่อน ไปเป็นเซ็กส์
14:06
can leadนำ to, notoriouslyอย่างฉาวโฉ่, variousต่างๆ formsรูปแบบ of awkwardnessความอึดอัด,
307
821000
3000
อาจนำไปสู่ความอึกอักฉาวโฉ่ในหลายแบบ
14:09
and as can sexเพศ in the workplaceที่ทำงาน,
308
824000
2000
พอ ๆ กับการมีเซ็กส์ในที่ทำงาน
14:11
in whichที่ we call the conflictขัดกัน betweenระหว่าง a
309
826000
2000
ซึ่งเราเรียกความขัดแย้งระหว่าง
ผู้มีอำนาจ
14:13
dominantเด่น and a sexualทางเพศ relationshipความสัมพันธ์ "sexualทางเพศ harassmentการล่วงละเมิด."
310
828000
4000
กับเรื่องสัมพันธ์สวาทว่า
"การคุมคามทางเพศ"
14:17
Well, what does this have to do with languageภาษา?
311
832000
2000
แล้ว เรื่องพวกนี้มันเกี่ยวกับภาษาอย่างไร
14:19
Well, languageภาษา, as a socialสังคม interactionปฏิสัมพันธ์,
312
834000
2000
ภาษา ในฐานะการปฏิสัมพันธ์ในสังคม
14:21
has to satisfyพอใจ two conditionsเงื่อนไข.
313
836000
2000
จะต้องตอบโจทย์ในสองเงื่อนไขนี้
14:23
You have to conveyสื่อ the actualที่จริง contentเนื้อหา --
314
838000
3000
คุณต้องสื่อเนื้อหาที่แท้จริง
14:26
here we get back to the containerภาชนะ metaphorคำอุปมา.
315
841000
2000
เรากลับมากันที่เรื่องอุปลักษณ์พื้นที่บรรจุ
14:28
You want to expressด่วน the bribeสินบน, the commandคำสั่ง, the promiseคำมั่นสัญญา,
316
843000
3000
คุณต้องการสื่อถึงการติดสินบน
การสั่ง สัญญา
14:31
the solicitationการชักชวน and so on,
317
846000
2000
การเชิญชวน หรืออื่น ๆ
14:33
but you alsoด้วย have to negotiateต่อรอง
318
848000
2000
แต่เช่นกัน คุณต้องเจรจา
14:35
and maintainเก็บรักษา the kindชนิด of relationshipความสัมพันธ์
319
850000
2000
และคงไว้ซึ่งรูปแบบความสัมพันธ์
14:37
you have with the other personคน.
320
852000
2000
ที่คุณมีกับคนอื่น ๆ
14:39
The solutionวิธีการแก้, I think, is that we use languageภาษา at two levelsระดับ:
321
854000
3000
ผมคิดว่า ทางออกก็คือ เราใช้ภาษาในสองระดับ
14:42
the literalตามตัวอักษร formฟอร์ม signalsสัญญาณ
322
857000
2000
แบบตรง ๆ ตามตัวอักษร
14:44
the safestปลอดภัยที่สุด relationshipความสัมพันธ์ with the listenerผู้ฟัง,
323
859000
2000
ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ที่ปลอดภัยสุดกับผู้ฟัง
14:46
whereasแต่ทว่า the implicatedที่เกี่ยวข้อง contentเนื้อหา --
324
861000
2000
ขณะที่สารที่เข้ามาเกี่ยวพัน
การตีความแต่ละบรรทัด
ที่เราหวังให้ผู้ฟังทำ
14:49
the readingการอ่าน betweenระหว่าง the linesเส้น that we countนับ on the listenerผู้ฟัง to performปฏิบัติการ --
325
864000
2000
ช่วยให้ผู้ฟังได้รับความหมาย
14:52
allowsช่วยให้ the listenerผู้ฟัง to deriveได้รับมา the interpretationการตีความ
326
867000
2000
14:54
whichที่ is mostมากที่สุด relevantที่เกี่ยวข้อง in contextบริบท,
327
869000
2000
ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อความมากที่สุด
14:56
whichที่ possiblyอาจ initiatesประทับจิต a changedการเปลี่ยนแปลง relationshipความสัมพันธ์.
328
871000
3000
ซึ่งอาจเริ่มเปลี่ยนความสัมพันธ์ได้
14:59
The simplestที่ง่ายที่สุด exampleตัวอย่าง of this is in the politeสุภาพ requestขอร้อง.
329
874000
4000
ตัวอย่างที่ง่ายสุด ก็คือการร้องขอแบบสุภาพ
15:03
If you expressด่วน your requestขอร้อง as a conditionalเงื่อนไข --
330
878000
3000
ถ้าคุณแสดงการขอร้องในลักษณะเงื่อนไข
15:06
"if you could openเปิด the windowหน้าต่าง, that would be great" --
331
881000
3000
"ถ้าช่วยเปิดหน้าต่างได้ มันคงจะดีมาก"
15:09
even thoughแม้ the contentเนื้อหา is an imperativeความจำเป็น,
332
884000
2000
แม้ว่าเนื้อหาจริง ๆ มันคือคำสั่งก็ตาม
15:11
the factความจริง that you're not usingการใช้ the imperativeความจำเป็น voiceเสียงพูด
333
886000
2000
ความจริงที่ว่า คุณไม่ได้ใช้น้ำเสียงที่สั่ง
แปลว่าคุณไม่ได้กำลังทำตัวว่ามีอำนาจเหนือ
15:14
meansวิธี that you're not actingการแสดง as if you're in a relationshipความสัมพันธ์ of dominanceการปกครอง,
334
889000
3000
ซึ่งทำให้คุณรู้ได้ว่าคนอื่นจะปฏิบัติตาม
15:18
where you could presupposeโมเม the complianceการปฏิบัติตาม of the other personคน.
335
893000
3000
15:21
On the other handมือ, you want the damnประณาม guacamoleกวากาโมเล่.
336
896000
2000
ในอีกมุมหนึ่ง คุณต้องการกัวคาโมเลอะไรนั่น
15:23
By expressingแสดง it as an if-thenถ้าแล้ว statementคำแถลง,
337
898000
3000
โดยแสดงออกในรูปแบบข้อความ ถ้า-แล้ว
15:26
you can get the messageข่าวสาร acrossข้าม
338
901000
2000
คุณก็สามารถส่งสารไปถึง
15:28
withoutไม่มี appearingปรากฏ to bossนาย anotherอื่น personคน around.
339
903000
4000
โดยไม่ต้องทำตัวเป็นเจ้านายสั่งคนรอบ ๆ ตัวได้
และผมคิดว่า ในแบบที่สื่อนัย ๆ นี่แหละ ได้ผล
15:32
And in a more subtleบอบบาง way, I think, this worksโรงงาน
340
907000
2000
15:34
for all of the veiledที่ได้ถูกปกคลุม speechการพูด actsการกระทำ
341
909000
2000
สำหรับทุกวัจนกรรมที่ไม่เผยจุดประสงค์ตรง ๆ
15:36
involvingที่เกี่ยวข้องกับ plausibleน่าเชื่อถือ deniabilitydeniability:
342
911000
2000
รวมถึงการปฏิเสธความไร้เหตุผล:
15:38
the bribesสินบน, threatsภัยคุกคาม, propositionsข้อเสนอ,
343
913000
2000
การใต้โต๊ะ การขู่ การเสนอ
15:40
solicitationsชักชวน and so on.
344
915000
2000
การเชิญชวน และอื่น ๆ
15:42
One way of thinkingคิด about it is to imagineจินตนาการ what it would be like
345
917000
2000
วิธีคิดแบบหนึ่งก็คือ ลองจินตนาการ
15:44
if languageภาษา -- where it could only be used literallyอย่างแท้จริง.
346
919000
3000
ว่ามันจะเป็นอย่างไรถ้าภาษา
ใช้แบบตรงตัวเท่านั้น และคุณ
คิดในนิยามของ
15:47
And you can think of it in termsเงื่อนไข of a
347
922000
2000
15:49
game-theoreticเกมตามทฤษฎี payoffผลตอบแทน matrixมดลูก.
348
924000
3000
เมตริกผลตอบแทนตามทฤษฎีเกมส์
15:52
Put yourselfด้วยตัวคุณเอง in the positionตำแหน่ง of the
349
927000
2000
ลองเอาตัวเองไปอยู่ในตำแหน่ง
15:54
kidnapperผู้พาหนี wantingบกพร่อง to bribeสินบน the officerเจ้าหน้าที่.
350
929000
3000
ของโจรลักพาตัวที่ต้องการใต้โต๊ะกับตำรวจ
15:57
There's a highสูง stakesเงินเดิมพัน
351
932000
2000
มันมีการเดิมพันที่สูง
15:59
in the two possibilitiesความเป็นไปได้
352
934000
3000
บนความเป็นไปได้สองอย่าง
16:02
of havingมี a dishonestไม่สุจริต officerเจ้าหน้าที่ or an honestซื่อสัตย์ officerเจ้าหน้าที่.
353
937000
3000
คือเจอตำรวจไม่สุจริต หรือเจอที่สุจริต
16:05
If you don't bribeสินบน the officerเจ้าหน้าที่,
354
940000
3000
ถ้าคุณไม่ติดสินบนตำรวจ
16:08
then you will get a trafficการจราจร ticketตั๋ว --
355
943000
2000
คุณก็จะโดนใบสั่ง
16:10
or, as is the caseกรณี of "Fargoฟาร์โก," worseแย่ลง --
356
945000
2000
หรือ ในกรณีของ "ฟาร์โก" แย่กว่านั้น
16:12
whetherว่า the honestซื่อสัตย์ officerเจ้าหน้าที่
357
947000
2000
ตำรวจที่สุจริตนั้น
16:14
is honestซื่อสัตย์ or dishonestไม่สุจริต.
358
949000
2000
ซื่อสัตย์หรือไม่ก็ตาม
16:16
Nothing venturedกล้า, nothing gainedได้รับ.
359
951000
2000
ถ้าไม่ลองเสี่ยง ก็ไม่ได้อะไรกลับมา
16:18
In that caseกรณี, the consequencesผลที่ตามมา are ratherค่อนข้าง severeรุนแรง.
360
953000
3000
ซึ่งกรณีนั้น ผลลัพธ์ค่อนข้างแย่เอาการ
16:21
On the other handมือ, if you extendต่ออายุ the bribeสินบน,
361
956000
2000
ในอีกมุมหนึ่ง ถ้าคุณยื่นสินบน
16:23
if the officerเจ้าหน้าที่ is dishonestไม่สุจริต,
362
958000
2000
ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่ซื่อสัตย์
16:25
you get a hugeใหญ่ payoffผลตอบแทน of going freeฟรี.
363
960000
3000
คุณก็ได้รับผลตอบแทนก้อนโต
คุณเป็นอิสระ
16:28
If the officerเจ้าหน้าที่ is honestซื่อสัตย์, you get a hugeใหญ่ penaltyการลงโทษ
364
963000
3000
ถ้าเจ้าหน้าที่ซื่อสัตย์ คุณเจอโทษหนัก
16:31
of beingกำลัง arrestedจับกุม for briberyการกินสินบน.
365
966000
2000
ด้วยข้อหาติดสินบนเจ้าหน้าที่
16:33
So this is a ratherค่อนข้าง fraughtเต็มไป situationสถานการณ์.
366
968000
2000
ดังนั้น มันค่อนข้างเป็นสถานการณ์
ที่เต็มไปด้วยปัญหา
16:35
On the other handมือ, with indirectทางอ้อม languageภาษา,
367
970000
2000
ในอีกมุมหนึ่ง ด้วยภาษาอ้อม ๆ
16:37
if you issueปัญหา a veiledที่ได้ถูกปกคลุม bribeสินบน,
368
972000
2000
ถ้าคุณติดสินบนแบบอ้อม ๆ
16:39
then the dishonestไม่สุจริต officerเจ้าหน้าที่
369
974000
2000
เจ้าหน้าที่ที่ทุจริต
16:41
could interpretตีความ it as a bribeสินบน,
370
976000
2000
สามารถเข้าใจได้ว่ามันคือใต้โต๊ะ
16:43
in whichที่ caseกรณี you get the payoffผลตอบแทน of going freeฟรี.
371
978000
3000
กรณีนี้ คุณได้ผลตอบแทน ได้เป็นอิสระ
ส่วนเจ้าหน้าที่ที่สุจริตจะไม่สามารถรั้งคุณไว้
16:46
The honestซื่อสัตย์ officerเจ้าหน้าที่ can't holdถือ you to it as beingกำลัง a bribeสินบน,
372
981000
3000
ด้วยข้อหาติดสินบน
และคุณได้รับใบสั่งน่ารำคาญมาใบนึง
16:49
and thereforeดังนั้น, you get the nuisanceความรำคาญ of the trafficการจราจร ticketตั๋ว.
373
984000
3000
16:52
So you get the bestดีที่สุด of bothทั้งสอง worldsโลก.
374
987000
3000
ซึ่งคุณได้สิ่งที่ดีสุดในทั้งสองกรณี
16:55
And a similarคล้ายคลึงกัน analysisการวิเคราะห์, I think,
375
990000
2000
และผมคิดว่า การวิเคราะห์คล้าย ๆ กันนี้
16:57
can applyใช้ to the potentialที่อาจเกิดขึ้น awkwardnessความอึดอัด
376
992000
2000
สามารถใช้ได้กับความประหม่าที่น่าจะเกิดใน
16:59
of a sexualทางเพศ solicitationการชักชวน,
377
994000
2000
การเชื้อเชิญที่แฝงสัมพันธ์สวาทได้ด้วย
17:01
and other casesกรณี where plausibleน่าเชื่อถือ deniabilitydeniability is an assetสินทรัพย์.
378
996000
3000
และกรณีอื่นที่การปฏิเสธความไร้เหตุผลมีค่า
17:04
I think this affirmsคงอันดับเครดิตองค์กร
379
999000
2000
ผมคิดว่า นี่เป็นสิ่งยืนยัน
17:06
something that's long been knownที่รู้จักกัน by diplomatsนักการทูต --
380
1001000
2000
ที่สิ่งที่นักการทูตรู้จักกันมายาวนาน
17:08
namelyคือ, that the vaguenessความคลุมเครือ of languageภาษา,
381
1003000
2000
มันคือ ความคลุมเครือของภาษา
17:10
farห่างไกล from beingกำลัง a bugแมลง or an imperfectionความไม่สมบูรณ์,
382
1005000
3000
มากกว่าที่จะเป็นข้อผิดพลาดหรือบกพร่อง
17:13
actuallyแท้จริง mightอาจ be a featureลักษณะ of languageภาษา,
383
1008000
3000
จริง ๆ มันอาจเป็นลักษณะของภาษาเอง
17:16
one that we use to our advantageความได้เปรียบ in socialสังคม interactionsปฏิสัมพันธ์.
384
1011000
3000
เราใช้มันเพื่อเป็นข้อได้เปรียบ
ในการปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
17:19
So to sumรวม up: languageภาษา is a collectiveโดยรวม humanเป็นมนุษย์ creationการสร้าง,
385
1014000
3000
สรุปก็คือ ภาษาเป็นกลุ่มก้อน
ที่มนุษย์สร้างขึ้น
17:22
reflectingสะท้อนให้เห็นถึง humanเป็นมนุษย์ natureธรรมชาติ,
386
1017000
2000
และสะท้อนถึงธรรมชาติของมนุษย์
17:24
how we conceptualizeคิดในใจ realityความจริง,
387
1019000
2000
วิถีที่เรามองความเป็นจริง
17:26
how we relateสัมพันธ์ to one anotherอื่น.
388
1021000
2000
วิถีที่เราผูกสัมพันธ์กับผู้อื่น
17:28
And then by analyzingวิเคราะห์ the variousต่างๆ quirksนิสัยใจคอ and complexitiesความซับซ้อน of languageภาษา,
389
1023000
4000
และจากนั้น เมื่อวิเคราะห์ถึงสำนวน
และความซับซ้อนของภาษาแล้ว
17:32
I think we can get a windowหน้าต่าง ontoไปยัง what makesยี่ห้อ us tickเห็บ.
390
1027000
3000
ผมคิดว่า เราจะเข้าใจกรอบ
ของสิ่งที่มากระตุ้นเรา
17:35
Thank you very much.
391
1030000
1000
ขอบคุณมากครับ
17:36
(Applauseการปรบมือ)
392
1031000
1000
(เสียงปรบมือ)
Translated by Varoj Khamboot
Reviewed by Sirapol Kwangtongpanich

▲Back to top

ABOUT THE SPEAKER
Steven Pinker - Psychologist
Steven Pinker is a professor of cognitive science (the study of the human mind) who writes about language, mind and human nature.

Why you should listen

Steven Pinker grew up in the English-speaking community of Montreal but has spent his adult life bouncing back and forth between Harvard and MIT. He is interested in all aspects of human nature: how we see, hear, think, speak, remember, feel and interact.

To be specific: he developed the first comprehensive theory of language acquisition in children, used verb meaning as a window into cognition, probed the limits of neural networks and showed how the interaction between memory and computation shapes language. He has used evolution to illuminate innuendo, emotional expression and social coordination. He has documented historical declines in violence and explained them in terms of the ways that the violent and peaceable components of human nature interact in different eras. He has written books on the language instinct, how the mind works, the stuff of thought and the doctrine of the blank slate, together with a guide to stylish writing that is rooted in psychology.

In his latest book, Enlightenment Now: The Case for Reason, Science, Humanism, and Progress, he writes about progress -- why people are healthier, richer, safer, happier and better educated than ever. His other books include The Language InstinctHow the Mind Works, The Blank Slate: The Modern Denial of Human NatureThe Stuff of Thought, and The Better Angels of Our Nature.

More profile about the speaker
Steven Pinker | Speaker | TED.com

Data provided by TED.

This site was created in May 2015 and the last update was on January 12, 2020. It will no longer be updated.

We are currently creating a new site called "eng.lish.video" and would be grateful if you could access it.

If you have any questions or suggestions, please feel free to write comments in your language on the contact form.

Privacy Policy

Developer's Blog

Buy Me A Coffee