TEDGlobal 2011
Alain de Botton: Atheism 2.0
อาลัน เดอ บัททัน: อเทวนิยม 2.0
Filmed:
Readability: 3.7
2,872,847 views
ลักษณะใดในศาสนาที่กลุ่มอเทวนิยม (Atheist) ควรนำไปใช้ (อย่างนับถือ)? อาลัน เดอ บันทันได้แนะนำ "ศาสนาสำหรับกลุ่มอเทวนิยม" -- เรียกว่า อเทวนิยม 2.0 -- ที่รวบรวมรูปแบบและประเพณีทางศาสนาเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของมนุษย์ที่ชอบมีปฏิสัมพันธ์ พิธีกรรม และหลงใหลในสิ่งที่อยู่เหนือความเข้าใจของมนุษย์
Alain de Botton - Philosopher
Through his witty and literate books -- and his new School of Life -- Alain de Botton helps others find fulfillment in the everyday. Full bio
Through his witty and literate books -- and his new School of Life -- Alain de Botton helps others find fulfillment in the everyday. Full bio
Double-click the English transcript below to play the video.
00:15
One of the most common ways of dividing the world
0
0
3000
หนึ่งในวิธีทั่วไปที่ใช้มองโลก
00:18
is into those who believe
1
3000
2000
คือการแบ่งออกเป็นคนที่มีความเชื่อ
00:20
and those who don't --
2
5000
2000
กับคนที่ไม่มี --
00:22
into the religious and the atheists.
3
7000
3000
เป็นกลุ่มศาสนากับกลุ่มอเทวนิยม
00:25
And for the last decade or so,
4
10000
2000
และในช่วงสิบปีที่ผ่านมาราวๆ นั้น
00:27
it's been quite clear
5
12000
2000
มันค่อนข้างชัดว่า
00:29
what being an atheist means.
6
14000
2000
กลุ่มอเทวนิยมเป็นอย่างไร
00:31
There have been some very vocal atheists
7
16000
3000
มีนักอเทวนิยมคนสำคัญหลายคน
00:34
who've pointed out,
8
19000
2000
ที่ชี้ว่า
00:36
not just that religion is wrong,
9
21000
2000
เรื่องศาสนาไม่ใช่แค่ผิดแค่นั้น
00:38
but that it's ridiculous.
10
23000
2000
แต่ยังไร้สาระอีกด้วย
00:40
These people, many of whom have lived in North Oxford,
11
25000
3000
กลุ่มคนเหล่านี้ พวกที่ส่วนมากอยู่แถวนอร์ทอ๊อกซฟอร์ด
00:43
have argued --
12
28000
2000
บอกว่า --
00:45
they've argued that believing in God
13
30000
3000
การเชื่อในพระเจ้า
00:48
is akin to believing in fairies
14
33000
2000
ก็เหมือนๆ กับการเชื่อในพวกภูติแฟรี่
00:50
and essentially that the whole thing
15
35000
2000
ซึ่งทั้งหมดนี้โดยพื้นฐานแล้ว
00:52
is a childish game.
16
37000
2000
เป็นเพียงนิทานหลอกเด็ก
00:54
Now I think it's too easy.
17
39000
2000
ผมคิดว่ามันง่ายเกินไป
00:56
I think it's too easy
18
41000
2000
มันง่ายเกินไป
00:58
to dismiss the whole of religion that way.
19
43000
3000
ที่จะไม่สนใจศาสนาโดยสิ้นเชิง
01:01
And it's as easy as shooting fish in a barrel.
20
46000
2000
มันง่ายพอๆ กับการยิงปลาในถัง
01:03
And what I'd like to inaugurate today
21
48000
2000
และสิ่งที่ผมอยากเปิดประเด็นวันนี้
01:05
is a new way of being an atheist --
22
50000
2000
คือการเป็นอเทวนิยมแบบใหม่ --
01:07
if you like, a new version of atheism
23
52000
3000
อเทวนิยมเวอร์ชั่นใหม่
01:10
we could call Atheism 2.0.
24
55000
3000
เราอาจเรียกว่า อเทวนิยม 2.0
01:13
Now what is Atheism 2.0?
25
58000
2000
อะไรคืออเทวนิยม 2.0?
01:15
Well it starts from a very basic premise:
26
60000
2000
ก่อนอื่น มันเริ่มต้นจากเงื่อนไขพื้นฐานที่สุดว่า
01:17
of course, there's no God.
27
62000
3000
แน่นอน ไม่มีพระเจ้า
01:20
Of course, there are no deities or supernatural spirits
28
65000
3000
แน่นอน ไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรืออำนาจเหนือธรรมชาติ
01:23
or angels, etc.
29
68000
2000
หรือเทพยดา ฯลฯ
01:25
Now let's move on; that's not the end of the story,
30
70000
3000
ลองคิดต่อไปจากนั้น เรื่องมันยังไม่จบ
01:28
that's the very, very beginning.
31
73000
3000
นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นแค่นั้น
01:31
I'm interested in the kind of constituency
32
76000
3000
ผมสนใจกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง
01:34
that thinks something along these lines:
33
79000
2000
ที่คิดในทำนองนี้นะ
01:36
that thinks, "I can't believe in any of this stuff.
34
81000
2000
ทำนองว่า "ฉันไม่เชื่อในสิ่งต่างๆ เหล่านี้
01:38
I can't believe in the doctrines.
35
83000
3000
ฉันไม่เชื่อในหลักศาสนาต่างๆ
01:41
I don't think these doctrines are right.
36
86000
2000
ฉันไม่เชื่อว่าหลักศาสนาเหล่านี้ถูกต้อง
01:43
But," a very important but, "I love Christmas carols.
37
88000
4000
แต่" เป็นแต่ที่สำคัญมาก "ฉันชอบเพลงคริสต์มาส
01:47
I really like the art of Mantegna.
38
92000
3000
ฉันชอบงานศิลปะของมานเทนยา
01:50
I really like looking at old churches.
39
95000
2000
ฉันชอบไปดูตามโบสถ์เก่าต่างๆ
01:52
I really like turning the pages of the Old Testament."
40
97000
3000
ฉันชอบพลิกดูคัมภีร์ไบเบิลเดิมไปมา"
01:55
Whatever it may be,
41
100000
2000
ประมาณนี้
01:57
you know the kind of thing I'm talking about --
42
102000
2000
คุณคงรู้ว่าผมพูดเรื่องอะไรอยู่
01:59
people who are attracted to the ritualistic side,
43
104000
2000
คนที่ชื่นชอบในด้านพิธีทางศาสนา
02:01
the moralistic, communal side of religion,
44
106000
3000
ด้านศีลธรรม ด้านประเพณีทางศาสนา
02:04
but can't bear the doctrine.
45
109000
2000
แต่ไม่ได้เชื่อหลักศาสนาไปซะหมด
02:06
Until now, these people have faced a rather unpleasant choice.
46
111000
3000
จนถึงตอนนี้ คนเหล่านี้เผชิญหน้ากับทางเลือกที่ไม่น่าภิรมย์เลย
02:09
It's almost as though either you accept the doctrine
47
114000
3000
คุณแทบต้องเลือกระหว่าง ยอมรับหลักศาสนา
02:12
and then you can have all the nice stuff,
48
117000
2000
จึงจะสามารถทำสิ่งยอดเยี่ยมเหล่านั้นได้
02:14
or you reject the doctrine and
49
119000
2000
หรือปฏิเสธหลักศาสนาและ
02:16
you're living in some kind of spiritual wasteland
50
121000
2000
อาศัยอยู่ในแดนตะกอนแห่งจิตวิญญาณ
02:18
under the guidance of CNN and Walmart.
51
123000
2000
ภายใต้การนำของซีเอ็นเอ็นและวอลมาร์ต
02:20
So that's a sort of tough choice.
52
125000
2000
ดังนั้นมันเป็นทางเลือกที่ลำบากมาก
02:22
I don't think we have to make that choice.
53
127000
2000
ผมไม่คิดว่าเราต้องเลือกขนาดนั้น
02:24
I think there is an alternative.
54
129000
2000
ผมคิดว่ายังมีทางเลือกอื่นอีก
02:26
I think there are ways --
55
131000
2000
ผมคิดว่ามันมีทาง
02:28
and I'm being both very respectful and completely impious --
56
133000
3000
และผมรู้สึกทั้งเคารพและไม่เคารพ
02:31
of stealing from religions.
57
136000
2000
ต่อการขโมยหลักการต่างๆ จากศาสนา
02:33
If you don't believe in a religion,
58
138000
2000
ถ้าคุณไม่เชื่อในศาสนา
02:35
there's nothing wrong with picking and mixing,
59
140000
2000
มันไม่ปัญหาอะไรเลยที่จะหยิบและผสม
02:37
with taking out the best sides of religion.
60
142000
3000
ที่จะดึงเอาข้อดีต่างๆ จากศาสนา
02:40
And for me, atheism 2.0
61
145000
2000
และสำหรับผม อเทวนิยม 2.0
02:42
is about both, as I say,
62
147000
2000
ก็ประกอบด้วยสองส่วน อย่างที่ผมว่า
02:44
a respectful and an impious way
63
149000
3000
ทั้งการให้เคารพและการไม่ให้เคารพ
02:47
of going through religions and saying, "What here could we use?"
64
152000
3000
ต่อการมองศาสนาและหาว่า "อะไรที่เราใช้ได้บ้าง"
02:50
The secular world is full of holes.
65
155000
2000
โลกปุถุชนเต็มไปด้วยช่องโหว่
02:52
We have secularized badly, I would argue.
66
157000
3000
เราจัดการโลกแบบปุถุชนได้ไม่ดีนัก ผมจะบอกเช่นนั้น
02:55
And a thorough study of religion
67
160000
2000
และการศึกษาศาสนาอย่างถ่องแท้
02:57
could give us all sorts of insights
68
162000
2000
จะช่วยให้เรามีหนทางแก้ปัญหา
02:59
into areas of life that are not going too well.
69
164000
3000
ในประเด็นต่างๆ ของชีวิตที่ไปไม่ได้ด้วยดี
03:02
And I'd like to run through a few of these today.
70
167000
4000
และผมจะพูดถึงบางเรื่องในวันนี้
03:06
I'd like to kick off by looking at education.
71
171000
3000
ผมอยากจะเริ่มต้นด้วยการมองถึงการศึกษา
03:09
Now education is a field
72
174000
2000
ตอนนี้การศึกษาเป็นที่ที่
03:11
the secular world really believes in.
73
176000
2000
โลกปุถุชนเชื่อถืออย่างแท้จริง
03:13
When we think about how we're going to make the world a better place,
74
178000
2000
ทุกครั้งที่เราคิดว่าจะทำให้ โลกเราน่าอยู่ขึ้นได้อย่างไร
03:15
we think education; that's where we put a lot of money.
75
180000
3000
เราก็จะคิดถึงการศึกษา ที่ที่เราทุ่มเงินลงไปจำนวนมหาศาล
03:18
Education is going to give us, not only commercial skills, industrial skills,
76
183000
3000
การศึกษาให้ทักษะการค้า ทักษะอุตสาหกรรม
03:21
it's also going to make us better people.
77
186000
2000
และยังทำให้เราเป็นพลเมืองที่ดี
03:23
You know the kind of thing a commencement address is, and graduation ceremonies,
78
188000
3000
งานปัจฉิมนิเทศ พิธีจบการศึกษา
03:26
those lyrical claims
79
191000
2000
ล้วนเรียกร้อง
03:28
that education, the process of education -- particularly higher education --
80
193000
3000
ว่าการศึกษา -- โดยเฉพาะการศึกษาระดับสูง --
03:31
will make us into nobler and better human beings.
81
196000
3000
จะยกระดับและทำให้เราเป็นมนุษย์ที่ดีขึ้น
03:34
That's a lovely idea.
82
199000
2000
นั่นเป็นแนวคิดที่ดีมาก
03:36
Interesting where it came from.
83
201000
2000
น่าสนใจว่าแนวคิดนี้มาจากไหน
03:38
In the early 19th century,
84
203000
2000
ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19
03:40
church attendance in Western Europe
85
205000
2000
อัตราการเข้าโบสถ์ในยุโรปตะวันตก
03:42
started sliding down very, very sharply, and people panicked.
86
207000
3000
เริ่มลดลงอย่างรวดเร็วจนทุกคนตกใจ
03:45
They asked themselves the following question.
87
210000
2000
พวกเขาเริ่มถามคำถามตัวเองว่า
03:47
They said, where are people going to find the morality,
88
212000
3000
แล้วพลเมืองไปค้นหาศีลธรรมที่ไหนล่ะ
03:50
where are they going to find guidance,
89
215000
2000
พลเมืองไปค้นหาหลักดำรงชีวิตที่ไหนล่ะ
03:52
and where are they going to find sources of consolation?
90
217000
2000
และพลเมืองไปค้นหาที่พึ่งทางใจที่ไหนล่ะ
03:54
And influential voices came up with one answer.
91
219000
2000
และทุกคนก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า
03:56
They said culture.
92
221000
2000
ทุกคนตอบว่า วัฒนธรรม
03:58
It's to culture that we should look
93
223000
2000
วัฒนธรรมเป็นสิ่งที่เราควรมองหา
04:00
for guidance, for consolation, for morality.
94
225000
3000
ทั้งหลักดำรงชีวิต ที่พึ่งทางใจ และหลักศีลธรรม
04:03
Let's look to the plays of Shakespeare,
95
228000
2000
ลองอ่านบทละครของเชกสเปียร์
04:05
the dialogues of Plato, the novels of Jane Austen.
96
230000
3000
บทสนทนาของเพลโต นวนิยายของเจน ออสเตน
04:08
In there, we'll find a lot of the truths
97
233000
2000
ในนั้น เราจะพบสัจธรรมหลายอย่าง
04:10
that we might previously have found in the Gospel of Saint John.
98
235000
3000
ที่เราอาจเคยพบในวรสารของนักบุญยอห์น
04:13
Now I think that's a very beautiful idea and a very true idea.
99
238000
3000
ผมคิดว่านั่นเป็นแนวคิดที่สวยงามและเป็นจริงมาก
04:16
They wanted to replace scripture with culture.
100
241000
3000
พวกเขาต้องการแทนที่พระคัมภีร์ด้วยวัฒนธรรม
04:19
And that's a very plausible idea.
101
244000
2000
และนั่นเป็นความคิดที่สมเหตุสมผล
04:21
It's also an idea that we have forgotten.
102
246000
4000
และเป็นความคิดที่เราหลงลืมไป
04:25
If you went to a top university --
103
250000
2000
ถ้าคุณไปที่มหาวิทยาลัยชั้นนำ --
04:27
let's say you went to Harvard or Oxford or Cambridge --
104
252000
2000
เช่นฮาร์วาร์ด หรืออ็อกซฟอร์ด หรือเคมบริดจ์ --
04:29
and you said, "I've come here
105
254000
2000
และพูดว่า "ผมมานี่
04:31
because I'm in search of morality, guidance and consolation;
106
256000
2000
เพราะผมต้องการค้นหาหลักศีลธรรม หลักดำรงชีวิต และที่พึ่งทางใจ
04:33
I want to know how to live,"
107
258000
2000
ผมต้องการรู้ว่าควรใช้ชีวิตอย่างไร"
04:35
they would show you the way to the insane asylum.
108
260000
3000
เขาจะชี้ให้คุณไปหาโรงพยาบาลวิกลจริต
04:38
This is simply not what our grandest and best institutes of higher learning
109
263000
3000
นี่ไม่ใช่สิ่งที่สถาบันการศึกษาชั้นสูงและยิ่งใหญ่
04:41
are in the business of.
110
266000
2000
จะทำ
04:43
Why? They don't think we need it.
111
268000
2000
เพราะอะไร? พวกเขาจึงไม่คิดว่าเราต้องการมัน
04:45
They don't think we are in an urgent need of assistance.
112
270000
3000
ไม่คิดว่าเราต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
04:48
They see us as adults, rational adults.
113
273000
2000
พวกเขาเห็นเราเป็นผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ที่มีหัวคิด
04:50
What we need is information.
114
275000
2000
ที่เราต้องการคือ ข้อมูล
04:52
We need data, we don't need help.
115
277000
2000
เราต้องการข่าวสาร เราไม่ต้องการความช่วยเหลือ
04:54
Now religions start from a very different place indeed.
116
279000
3000
แต่ศาสนาเริ่มต้นจากมุมมองที่ต่างออกไปอย่างยิ่ง
04:57
All religions, all major religions,
117
282000
2000
ทุกศาสนา ทุกศาสนาหลักๆ
04:59
at various points call us children.
118
284000
3000
ไม่ว่าที่ใดก็ตาม มองเราเหมือนลูก
05:02
And like children,
119
287000
2000
และการมองเหมือนลูกนั่นเอง
05:04
they believe that we are in severe need of assistance.
120
289000
2000
พวกเขาเชื่อว่า เราต้องการความช่วยเหลืออย่างสุดซึ้ง
05:06
We're only just holding it together.
121
291000
2000
พวกเราเพียงแค่รวมใจเป็นหนึ่ง
05:08
Perhaps this is just me, maybe you.
122
293000
2000
เผลอๆ ผมต้องรวมคนเดียว คุณอาจรวมด้วยมั้ง
05:10
But anyway, we're only just holding it together.
123
295000
3000
อย่างไรก็ดี พวกเราแค่ต้องรวมใจเป็นหนึ่ง
05:13
And we need help. Of course, we need help.
124
298000
2000
และเราก็ต้องการความช่วยเหลือ
05:15
And so we need guidance and we need didactic learning.
125
300000
3000
และเราก็ต้องการหลักดำรงชีวิต และเราก็ต้องการการสั่งสอน
05:18
You know, in the 18th century in the U.K.,
126
303000
2000
ในช่วงคริสตศตวรรษที่ 18 ในสหราชอาณาจักร
05:20
the greatest preacher, greatest religious preacher, was a man called John Wesley,
127
305000
3000
นักเทศน์ทางศาสนาที่มียิ่งใหญ่ที่สุดท่านหนึ่งซึ่งก็คือ จอห์น วีสลีย์
05:23
who went up and down this country delivering sermons,
128
308000
3000
ได้เดินทางไปทั่วประเทศนี้เพื่อเทศนาสั่งสอน
05:26
advising people how they could live.
129
311000
2000
แนะนำว่าพวกเขาควรใช้ชีวิตอย่างไร
05:28
He delivered sermons on the duties of parents to their children
130
313000
2000
เขาเทศนาสั่งสอนเสมือนหนึ่งว่า เป็นสิ่งที่พ่อแม่ควรทำต่อลูก
05:30
and children to their parents,
131
315000
2000
และลูกควรทำต่อพ่อแม่
05:32
the duties of the rich to the poor and the poor to the rich.
132
317000
2000
สิ่งที่คนรวยควรทำต่อคนจน และคนจนควรทำต่อคนรวย
05:34
He was trying to tell people how they should live
133
319000
2000
เขาพยายามบอกคนอื่นว่า พวกเขาควรใช้ชีวิตอย่างไร
05:36
through the medium of sermons,
134
321000
2000
โดยสื่อผ่านคำเทศนา
05:38
the classic medium of delivery of religions.
135
323000
3000
สื่อดั้งเดิมที่ใช้สอนศาสนา
05:41
Now we've given up with the idea of sermons.
136
326000
2000
ตอนนี้เราพิจารณาแนวทางการเทศนา
05:43
If you said to a modern liberal individualist,
137
328000
2000
ถ้าเราพูดกับนักเสรีปัจเจกนิยมสมัยใหม่
05:45
"Hey, how about a sermon?"
138
330000
2000
"เฮ้ ต้องการฟังเทศน์มั้ย?"
05:47
they'd go, "No, no. I don't need one of those.
139
332000
2000
คงตอบว่า "ไม่ ไม่หรอก ฉันไม่ต้องการฟังหรอก
05:49
I'm an independent, individual person."
140
334000
2000
ฉันเป็นอิสระ เป็นปัจเจกบุคคล"
05:51
What's the difference between a sermon
141
336000
2000
อะไรคือความแตกต่างระหว่างการเทศนา
05:53
and our modern, secular mode of delivery, the lecture?
142
338000
3000
กับวิธีการสั่งสอนในโลกสมัยใหม่ การสอนเชิงบรรยาย
05:56
Well a sermon wants to change your life
143
341000
3000
คำเทศนาต้องการเปลี่ยนชีวิตคุณ
05:59
and a lecture wants to give you a bit of information.
144
344000
3000
และการสอนเชิงบรรยายแค่ต้องการให้ข้อมูลเท่านั้น
06:02
And I think we need to get back to that sermon tradition.
145
347000
3000
และผมคิดว่าเราควรกลับไปสู่ วัฒนธรรมการเทศนา
06:05
The tradition of sermonizing is hugely valuable,
146
350000
2000
วัฒนธรรมการเทศนาเป็นสิ่งที่มีคุณค่ายิ่ง
06:07
because we are in need of guidance,
147
352000
2000
เพราะเราต้องการหลักดำรงชีวิต
06:09
morality and consolation --
148
354000
2000
หลักศีลธรรม และที่พึ่งทางใจ
06:11
and religions know that.
149
356000
2000
และศาสนาก็เข้าใจเรื่องนี้
06:13
Another point about education:
150
358000
2000
อีกประเด็นหนึ่งของการศึกษาก็คือ
06:15
we tend to believe in the modern secular world
151
360000
2000
เรามีแนวโน้มที่จะเชื่อว่าในโลกสมัยใหม่
06:17
that if you tell someone something once, they'll remember it.
152
362000
3000
ว่าเราบอก ใคร เรื่องอะไร ครั้งหนึ่งแล้ว พวกเขาจะจำได้หมด
06:20
Sit them in a classroom, tell them about Plato
153
365000
2000
ให้เขานั่งในห้องเรียน เล่าเรื่องเพลโตให้เขาฟัง
06:22
at the age of 20, send them out for a career in management consultancy for 40 years,
154
367000
3000
ตอนเขาอายุ 20 ส่งเขาไปเป็นที่ปรึกษาฝ่ายบริหารเป็นเวลา 40 ปี
06:25
and that lesson will stick with them.
155
370000
2000
และคิดว่าบทเรียนจะอยู่กับเขาตลอดไป
06:27
Religions go, "Nonsense.
156
372000
2000
กลุ่มศาสนาบอกว่า "ไม่มีทาง
06:29
You need to keep repeating the lesson 10 times a day.
157
374000
3000
คุณต้องทบทวนบทเรียนซ้ำๆ 10 ครั้งต่อวัน
06:32
So get on your knees and repeat it."
158
377000
2000
คุกเข่าลงและท่องมันซ้ำๆ
06:34
That's what all religions tell us:
159
379000
2000
นั่นคือสิ่งที่ศาสนาบอกเรา
06:36
"Get on you knees and repeat it 10 or 20 or 15 times a day."
160
381000
3000
คุกเข่าและท่องมันซ้ำๆ 10 หรือ 20 หรือ 15 รอบต่อวัน
06:39
Otherwise our minds are like sieves.
161
384000
2000
มิฉะนั้นเราจะได้หน้าแล้วลืมหลัง
06:41
So religions are cultures of repetition.
162
386000
2000
ดังนั้นศาสนาคือวัฒนธรรมแห่งการซ้ำ
06:43
They circle the great truths again and again and again.
163
388000
2000
ท่องสัจธรรมอันยิ่งใหญ่ต่างๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
06:45
We associate repetition with boredom.
164
390000
2000
เรามักเชื่อมโยงการซ้ำกับความน่าเบื่อ
06:47
"Give us the new," we're always saying.
165
392000
2000
"ให้อะไรใหม่ๆ กับเราสิ" เรามักพูดเช่นนี้
06:49
"The new is better than the old."
166
394000
2000
"ของใหม่ย่อมดีกว่าของเก่าเสมอ"
06:51
If I said to you, "Okay, we're not going to have new TED.
167
396000
2000
อย่างถ้าผมบอกคุณว่า "โอเค เราจะไม่มี TED ใหม่ๆ
06:53
We're just going to run through all the old ones
168
398000
2000
เราจะทบทวนคลิปเก่าทั้งหมด
06:55
and watch them five times because they're so true.
169
400000
2000
และเราจะทวนมันห้าครั้ง เพราะมันเป็นสัจธรรมมากๆ
06:57
We're going to watch Elizabeth Gilbert five times
170
402000
3000
เราจะดู อลิสซาเบธ กิลเบิร์ต ถึงห้าครั้ง
07:00
because what she says is so clever," you'd feel cheated.
171
405000
3000
เพราะเธอพูดในสิ่งที่ชาญฉลาดสุดๆ" คุณจะรู้สึกถูกหลอกลวง
07:03
Not so if you're adopting a religious mindset.
172
408000
2000
แต่ไม่จริงเสมอไป ถ้าเรามองในมุมมองศาสนา
07:05
The other things that religions do
173
410000
2000
อีกสิ่งหนึ่งที่กลุ่มศาสนาทำ
07:07
is to arrange time.
174
412000
2000
คือการเรียงลำดับเวลา
07:09
All the major religions give us calendars.
175
414000
2000
ทุกๆ ศาสนาหลักได้กำหนดปฏิทินแก่เรา
07:11
What is a calendar?
176
416000
2000
ปฏิทินคืออะไร?
07:13
A calendar is a way of making sure that across the year
177
418000
3000
ปฏิทินคือสิ่งที่ทำให้แน่ใจว่าในช่วงปี
07:16
you will bump into certain very important ideas.
178
421000
3000
เราจะโคจรมาพบกับความคิดที่สำคัญต่างๆ
07:19
In the Catholic chronology, Catholic calendar,
179
424000
3000
ในลำดับเวลาแบบคาทอลิก ปฏิทินแบบคาทอลิก
07:22
at the end of March you will think about St. Jerome
180
427000
2000
ในปลายเดือนมีนาคมคุณจะคิดถึงเซนต์เจอโรม
07:24
and his qualities of humility and goodness
181
429000
2000
และคุณธรรมที่สำคัญทางด้านมนุษยธรรมและความดีความงาม
07:26
and his generosity to the poor.
182
431000
2000
และความเมตตากรุณาต่อผู้ยากไร้
07:28
You won't do that by accident; you will do that because you are guided to do that.
183
433000
3000
คุณไม่ได้คิดถึงมันโดยบังเอิญ คุณคิดถึงมันเพราะว่าถูกชี้นำให้คิดถึงมัน
07:31
Now we don't think that way.
184
436000
2000
ในปัจจุบัน เราไม่ได้คิดเช่นนั้น
07:33
In the secular world we think, "If an idea is important, I'll bump into it.
185
438000
2000
ในทางโลกเราคิดว่า "สำหรับความคิดที่สำคัญๆ เราก็แค่โคจรมาพบกัน
07:35
I'll just come across it."
186
440000
2000
แล้วก็ผ่านไป"
07:37
Nonsense, says the religious world view.
187
442000
2000
ไม่มีทาง เมื่อมองจากโลกทัศน์ของศาสนา
07:39
Religious view says we need calendars, we need to structure time,
188
444000
3000
มุมมองของศาสนาบอกว่าเราต้องการปฏิทิน เราต้องกำหนดตารางเวลา
07:42
we need to synchronize encounters.
189
447000
2000
เราต้องผ่านมันไปเป็นจังหวะ
07:44
This comes across also
190
449000
2000
การผ่านไปก็
07:46
in the way in which religions set up rituals
191
451000
2000
เป็นไปตามที่ศาสนาได้จัดวางพิธีกรรม
07:48
around important feelings.
192
453000
2000
ไว้รอบความรู้สึกที่สำคัญต่างๆ
07:50
Take the Moon. It's really important to look at the Moon.
193
455000
3000
ลองคิดถึงดวงจันทร์สิ มันเป็นเรื่องสำคัญเวลามองไปที่ดวงจันทร์
07:53
You know, when you look at the Moon,
194
458000
2000
คุณก็รู้ เมื่อคุณมองไปที่ดวงจันทร์
07:55
you think, "I'm really small. What are my problems?"
195
460000
2000
คุณก็คิดว่า "ฉันนั้นช่างตัวเล็กเหลือเกิน อะไรคือปัญหาของฉัน"
07:57
It sets things into perspective, etc., etc.
196
462000
2000
มันเป็นการกำหนดมุมมองต่อสิ่งต่างๆ อื่นๆ อีกมากมาย
07:59
We should all look at the Moon a bit more often. We don't.
197
464000
2000
เราควรมองดวงจันทร์บ่อยขึ้นกว่านี่หน่อย ซึ่งเราไม่ค่อยทำ
08:01
Why don't we? Well there's nothing to tell us, "Look at the Moon."
198
466000
3000
ทำไมเราถึงไม่มอง นั่นเพราะว่าไม่มีใครบอกเราให้ทำ "มองดวงจันทร์สิ"
08:04
But if you're a Zen Buddhist in the middle of September,
199
469000
3000
แต่ถ้าคุณเป็นพุทธศาสนิกชนนิกายเซน ในช่วงกลางเดือนกันยายน
08:07
you will be ordered out of your home, made to stand on a canonical platform
200
472000
3000
คุณก็ควรจะออกจากบ้าน ไปยืนที่แท่นบูชา
08:10
and made to celebrate the festival of Tsukimi,
201
475000
2000
และฉลองเทศกาลสึคิมิ
08:12
where you will be given poems to read
202
477000
2000
ที่ที่คุณจะอ่านบทกลอน
08:14
in honor of the Moon and the passage of time
203
479000
2000
เพื่อชื่นชมดวงจันทร์ การไหลผ่านของกาลเวลา
08:16
and the frailty of life that it should remind us of.
204
481000
2000
และความเปราะบางของชีวิตที่ย้ำเตือนเรา
08:18
You'll be handed rice cakes.
205
483000
2000
คุณจะได้รับเค้กที่ทำจากข้าว
08:20
And the Moon and the reflection on the Moon
206
485000
2000
ดวงจันทร์และเงาสะท้อนของดวงจันทร์
08:22
will have a secure place in your heart.
207
487000
2000
ทำให้ความสงบสุขเกิดขึ้นในใจเรา
08:24
That's very good.
208
489000
2000
มันช่างสวยงามยิ่งนัก
08:26
The other thing that religions are really aware of
209
491000
2000
อีกสิ่งหนึ่งที่กลุ่มศาสนามักคำนึงถึง
08:28
is: speak well --
210
493000
2000
ก็คือ สิ่งที่เรียกว่า --
08:30
I'm not doing a very good job of this here --
211
495000
2000
ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ผมถนัดนัก --
08:32
but oratory, oratory is absolutely key to religions.
212
497000
3000
นั่นก็คือลีลาการเทศน์ ลีลาการเทศน์เป็นกุญแจสำคัญทางศาสนา
08:35
In the secular world, you can come through the university system and be a lousy speaker
213
500000
3000
ในทางโลก คุณสามารถจบจากมหาวิทยาลัย และไปเป็นนักพูดที่น่าดึงดูดใจ
08:38
and still have a great career.
214
503000
2000
และยังเป็นอาชีพที่ดีอีกด้วย
08:40
But the religious world doesn't think that way.
215
505000
2000
แต่มุมมองของศาสนาไม่ได้คิดแบบนั้น
08:42
What you're saying needs to be backed up
216
507000
2000
อะไรที่คุณพูดต้องได้รับการสนับสนุน
08:44
by a really convincing way of saying it.
217
509000
2000
ด้วยวิธีการพูดที่โน้มน้าวอย่างแท้จริง
08:46
So if you go to an African-American Pentecostalist church
218
511000
2000
อย่างเมื่อคุณไปที่โบสถ์เพ็นเทคอส แอฟริกัน อเมริกัน
08:48
in the American South
219
513000
2000
ในอเมริกาใต้
08:50
and you listen to how they talk,
220
515000
2000
คุณลองฟังดูว่าพวกเขาพูดว่าอย่างไร
08:52
my goodness, they talk well.
221
517000
2000
สุดยอดจริงๆ พวกเขาพูดได้ดีมาก
08:54
After every convincing point, people will go, "Amen, amen, amen."
222
519000
3000
ทุกครั้งหลังคำพูดที่โน้มน้าว ทุกคนก็จะพูดว่า "อาเมน อาเมน อาเมน"
08:57
At the end of a really rousing paragraph, they'll all stand up,
223
522000
2000
ทุกๆ ครั้งหลังคำพูดที่ดึงดูดใจ พวกเขาก็จะยืนขึ้น
08:59
and they'll go, "Thank you Jesus, thank you Christ, thank you Savior."
224
524000
3000
และพูดว่า "ขอบคุณพระเยซู ขอบคุณพระคริสต์ ขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า"
09:02
If we were doing it like they do it --
225
527000
2000
ถ้าคุณจะทำให้เหมือนกับที่พวกเขาทำ --
09:04
let's not do it, but if we were to do it --
226
529000
3000
ไม่ต้องทำหรอกนะครับ แต่ถ้าพวกเราจะทำ --
09:07
I would tell you something like, "Culture should replace scripture."
227
532000
2000
สมมติว่าผมพูดประมาณว่า "วัฒนธรรมจะมาแทนที่พระคัมภีร์น่ะ"
09:09
And you would go, "Amen, amen, amen."
228
534000
2000
และคุณก็พูดว่า "อาเมน อาเมน อาเมน"
09:11
And at the end of my talk, you would all stand up
229
536000
2000
และเมื่อผมพูดจบ ทุกคนก็จะยืนขึ้น
09:13
and you would go, "Thank you Plato, thank you Shakespeare, thank you Jane Austen."
230
538000
2000
และพูดว่า "ขอบคุณเพลโต ขอบคุณเชกสเปียร์ ขอบคุณเจน ออสเตน"
09:15
And we'd know that we had a real rhythm going.
231
540000
3000
และเราก็รู้ว่ามันมีท่วงทำนองของมัน
09:18
All right, all right. We're getting there. We're getting there.
232
543000
2000
เอาล่ะ เอาล่ะ คุณเข้าใจแล้ว คุณเข้าใจแล้ว
09:20
(Applause)
233
545000
2000
(เสียงปรบมือ)
09:22
The other thing that religions know is we're not just brains,
234
547000
2000
อีกสิ่งหนึ่งที่ศาสนาคำนึงถึงคือเราไม่ได้มีแค่สมองอย่างเดียว
09:24
we are also bodies.
235
549000
2000
เรายังมีร่างกาย
09:26
And when they teach us a lesson,
236
551000
2000
และเมื่อพวกเขาสั่งสอนเรา
09:28
they do it via the body.
237
553000
2000
เขายังทำมันผ่านร่างกายอีกด้วย
09:30
So for example,
238
555000
2000
ยกตัวอย่างเช่น
09:32
take the Jewish idea of forgiveness.
239
557000
2000
คำสอนของยิวเกี่ยวกับการให้อภัย
09:34
Jews are very interested in forgiveness
240
559000
2000
ยิวให้ความสำคัญกับการให้อภัยอย่างยิ่ง
09:36
and how we should start anew and start afresh.
241
561000
2000
และการที่เราต้องเริ่มสิ่งใหม่ๆ และกลับมามีชีวิตชีวา
09:38
They don't just deliver us sermons on this.
242
563000
2000
พวกเขาไม่ได้เทศนาสั่งสอนเราแค่นั้น
09:40
They don't just give us books or words about this.
243
565000
2000
เขาไม่ได้ให้คัมภีร์หรือคำสอนแก่เราแค่นั้น
09:42
They tell us to have a bath.
244
567000
2000
เขาให้เราชำระร่างกาย
09:44
So in Orthodox Jewish communities, every Friday you go to a Mikveh.
245
569000
3000
ชาวยิวแบบดั้งเดิม ทุกวันศุกร์คุณจะไปทำพิธีมิกเวห์
09:47
You immerse yourself in the water,
246
572000
2000
คุณจุ่มตัวเองลงไปในน้ำ
09:49
and a physical action backs up a philosophical idea.
247
574000
3000
และการกระทำทางกาย จะสนับสนุนความคิดทางปรัชญา
09:52
We don't tend to do that.
248
577000
2000
พวกเราไม่มีแนวโน้มจะทำแบบนั้น
09:54
Our ideas are in one area and our behavior with our bodies is in another.
249
579000
3000
ความคิดของเราอยู่ในอีกส่วนหนึ่ง และพฤติกรรมทางร่างกายอยู่ในอีกส่วนหนึ่ง
09:57
Religions are fascinating in the way they try and combine the two.
250
582000
2000
ศาสนานั้นน่าสนใจในการพยายามรวมทั้งสองเข้าด้วยกัน
09:59
Let's look at art now.
251
584000
2000
ลองคิดไปถึงงานศิลปะ
10:01
Now art is something that in the secular world,
252
586000
3000
ปัจจุบันนี้ศิลปะเป็นสิ่งที่ในทางโลกนั้น
10:04
we think very highly of. We think art is really, really important.
253
589000
3000
คิดว่าสูงส่ง เราคิดว่างานศิลปะเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม
10:07
A lot of our surplus wealth goes to museums, etc.
254
592000
3000
คนที่มั่งคั่งเงินเหลือก็จะไปพิพิธภัณฑ์ เป็นต้น
10:10
We sometimes hear it said
255
595000
2000
บางครั้งเราก็ได้ยินว่า
10:12
that museums are our new cathedrals, or our new churches.
256
597000
3000
พิพิธภัณฑ์เปรียบเสมือนศาสนสถาน เปรียบเสมือนโบสถ์ในยุคใหม่
10:15
You've heard that saying.
257
600000
2000
คุณคงเคยได้ยินเช่นนั้น
10:17
Now I think that the potential is there,
258
602000
2000
ผมคิดว่าประเด็นมันอยู่ตรงนั้น
10:19
but we've completely let ourselves down.
259
604000
2000
แต่นั่นกลับทำให้เรารู้สึกแย่ลง
10:21
And the reason we've let ourselves down
260
606000
2000
และสาเหตุที่เรารู้สึกแย่ลง
10:23
is that we're not properly studying
261
608000
2000
เพราะเราไม่ได้ศึกษาว่า
10:25
how religions handle art.
262
610000
4000
ศาสนามีบทบาทต่อศิลปะอย่างไร
10:29
The two really bad ideas that are hovering in the modern world
263
614000
3000
ความคิดที่แย่มากสองประการ ที่เวียนวนอยู่ในสังคมสมัยใหม่
10:32
that inhibit our capacity to draw strength from art:
264
617000
4000
ที่ขัดขวางความสามารถของเรา ในการดึงจุดแข็งจากศิลปะคือ
10:36
The first idea is that art should be for art's sake --
265
621000
2000
ความคิดแรกที่ว่างานศิลปะนั้น
10:38
a ridiculous idea --
266
623000
2000
มีประโยชน์ทางศิลปะเท่านั้น -- แนวคิดนี้ไม่จริง --
10:40
an idea that art should live in a hermetic bubble
267
625000
2000
และอีกแนวคิดหนึ่งที่ว่า ศิลปะควรอยู่ในฟองอากาศที่ปิดทึบ
10:42
and should not try to do anything with this troubled world.
268
627000
3000
และไม่เกี่ยวข้องกับโลกอันแสนเลวร้ายนี้
10:45
I couldn't disagree more.
269
630000
2000
ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง
10:47
The other thing that we believe is that art shouldn't explain itself,
270
632000
3000
และอีกอย่างหนี่งที่เราเชื่อก็คือ ศิลปะไม่ควรมีคำอธิบายด้วยตัวมันเอง
10:50
that artists shouldn't say what they're up to,
271
635000
2000
เราเชื่อว่า ศิลปินไม่ควรอธิบายในสิ่งที่เขาทำ
10:52
because if they said it, it might destroy the spell
272
637000
2000
เพราะว่าถ้าพูดออกมา มันจะทำลายเสน่ห์ของชิ้นงาน
10:54
and we might find it too easy.
273
639000
2000
และเราจะสามารถดื่มด่ำมันได้ง่ายเกินไป
10:56
That's why a very common feeling when you're in a museum --
274
641000
2000
นั่นเป็นความรู้สึกร่วมกัน เมื่อคุณอยู่ในพิพิธภัณฑ์
10:58
let's admit it --
275
643000
2000
-- ยอมรับเถอะครับ --
11:00
is, "I don't know what this is about."
276
645000
2000
ก็คือ "ผมไม่รู้เลยว่ามันต้องการสื่อถึงอะไร"
11:02
But if we're serious people, we don't admit to that.
277
647000
2000
แต่ถ้าเราเป็นคนจริงจัง เราคงไม่ยอมรับมัน
11:04
But that feeling of puzzlement is structural
278
649000
3000
แต่ความรู้สึกสงสัยกลายเป็นปัจจัยสำคัญ
11:07
to contemporary art.
279
652000
3000
สำหรับศิลปะร่วมสมัย
11:10
Now religions have a much saner attitude to art.
280
655000
2000
แต่ศาสนามีทัศนคติต่องานศิลปะ ที่เรียบง่ายกว่านั้น
11:12
They have no trouble telling us what art is about.
281
657000
2000
พวกเขาไม่มีปัญหาที่จะบอกเราว่า งานชิ้นนี้ต้องการสื่อถึงอะไร
11:14
Art is about two things in all the major faiths.
282
659000
2000
ในความเชื่อหลักๆ งานศิลปะต้องการสื่อถึงสองประการ
11:16
Firstly, it's trying to remind you
283
661000
2000
ประการแรก งานศิลปะต้องการให้คุณตระหนัก
11:18
of what there is to love.
284
663000
2000
ว่าอะไรคือสิ่งที่คุณควรรัก
11:20
And secondly, it's trying to remind you
285
665000
2000
และประการที่สอง งานศิลปะต้องการให้คุณตระหนัก
11:22
of what there is to fear and to hate.
286
667000
2000
ว่าสิ่งใดที่คุณควรเกลียดและกลัว
11:24
And that's what art is.
287
669000
2000
และนี่คือสิ่งที่งานศิลปะต้องการสื่อถึง
11:26
Art is a visceral encounter with the most important ideas of your faith.
288
671000
3000
ศิลปะเป็นสื่อความคิดที่สำคัญของศาสนาผ่านการมองเห็น
11:29
So as you walk around a church,
289
674000
2000
เมื่อคุณเดินรอบโบสถ์
11:31
or a mosque or a cathedral,
290
676000
2000
หรือสุเหร่า หรือวัด
11:33
what you're trying to imbibe, what you're imbibing is,
291
678000
2000
สิ่งที่คุณจะได้ซึมซับ สิ่งที่คุณจะได้รับรู้
11:35
through your eyes, through your senses,
292
680000
2000
ผ่านสายตาคุณ ผ่านประสาทสัมผัสของคุณ
11:37
truths that have otherwise come to you through your mind.
293
682000
2000
คือสัจธรรมที่ปกติแล้วคุณรับรู้ผ่านจิตใจ
11:39
Essentially it's propaganda.
294
684000
2000
โดยพื้นฐานแล้ว มันก็คือโฆษณาชวนเชื่อ
11:41
Rembrandt is a propagandist
295
686000
2000
แรมบรังด์เป็นนักโฆษณาชวนเชื่อ
11:43
in the Christian view.
296
688000
2000
ในมุมมองของคริสเตียน
11:45
Now the word "propaganda" sets off alarm bells.
297
690000
2000
คำว่า "โฆษณาชวนเชื่อ" นั้นทำให้เราวิตก
11:47
We think of Hitler, we think of Stalin. Don't, necessarily.
298
692000
2000
เรามักคิดไปถึงฮิตเลอร์ คิดไปถึงสตาลิน ไม่จำเป็นเสมอไป
11:49
Propaganda is a manner of being didactic in honor of something.
299
694000
3000
โฆษณาชวนเชื่อ เป็นวิธีการสั่งสอนเพื่อชื่นชมบางสิ่ง
11:52
And if that thing is good, there's no problem with it at all.
300
697000
3000
และถ้าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ดี มันก็ไม่มีปัญหาอะไรเลย
11:55
My view is that museums should take a leaf out of the book of religions.
301
700000
4000
ในความคิดเห็นของผม พิพิธภัณฑ์ควรจะเลียนแบบศาสนาในเรื่องนี้บ้าง
11:59
And they should make sure that when you walk into a museum --
302
704000
2000
และควรทำให้แน่ใจว่า เมื่อคุณก้าวเข้าไปในพิพิธภัณฑ์
12:01
if I was a museum curator,
303
706000
2000
-- สมมติว่าผมเป็นผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์นะ --
12:03
I would make a room for love, a room for generosity.
304
708000
3000
ผมจะสร้างห้องแห่งความรัก ห้องแห่งความเมตตากรุณา
12:06
All works of art are talking to us about things.
305
711000
2000
งานศิลปะทั้งหมดจะสื่อถึงสิ่งเหล่านี้
12:08
And if we were able to arrange spaces
306
713000
2000
และถ้าเราสามารถจัดสถานที่
12:10
where we could come across works
307
715000
2000
ให้เราสามารถเดินผ่านงานต่างๆ
12:12
where we would be told, use these works of art
308
717000
2000
ให้เราสามารถบอก ให้เราสามารถใช้งานศิลปะต่างๆ
12:14
to cement these ideas in your mind,
309
719000
2000
เพื่อสร้างความคิดใหม่ๆ ในใจของเรา
12:16
we would get a lot more out of art.
310
721000
2000
เราจะเรียนรู้อะไรจากงานศิลปะได้อีกมาก
12:18
Art would pick up the duty that it used to have
311
723000
3000
งานศิลปะก็จะมีหน้าที่เฉกเช่นเดียวกับที่มันเคยเป็น
12:21
and that we've neglected because of certain mis-founded ideas.
312
726000
3000
ที่เราละเลยมันเพราะขาดความคิดเหล่านี้
12:24
Art should be one of the tools
313
729000
2000
งานศิลปะควรเป็นเครื่องมือหนึ่ง
12:26
by which we improve our society.
314
731000
2000
ที่ปรับปรุงสังคมให้ดีขึ้น
12:28
Art should be didactic.
315
733000
3000
งานศิลปะควรสอนเราได้
12:31
Let's think of something else.
316
736000
2000
ลองคิดไปถึงอีกด้านหนึ่ง
12:33
The people in the modern world, in the secular world,
317
738000
2000
คนในโลกสมัยใหม่ ในโลกปุถุชนธรรมดา
12:35
who are interested in matters of the spirit,
318
740000
2000
ที่ยังสนใจในเรื่องของจิตวิญญาณ
12:37
in matters of the mind,
319
742000
2000
ในเรื่องของจิตใจ
12:39
in higher soul-like concerns,
320
744000
3000
ในเรื่องที่อยู่เหนือตัวตนของเราขึ้นไป
12:42
tend to be isolated individuals.
321
747000
2000
มักมีแนวโน้มที่จะโดดเดี่ยวและเป็นปัจเจก
12:44
They're poets, they're philosophers, they're photographers, they're filmmakers.
322
749000
3000
เป็นนักกวี เป็นนักปรัชญา เป็นนักถ่ายรูป เป็นนักทำหนัง
12:47
And they tend to be on their own.
323
752000
2000
และมักมีแนวทางเป็นของตนเอง
12:49
They're our cottage industries. They are vulnerable, single people.
324
754000
3000
พวกเขาเหมือนทำอุตสาหกรรมครัวเรือน พวกเขาล้วนมีค่า แต่โดดเดี่ยว
12:52
And they get depressed and they get sad on their own.
325
757000
2000
พวกเขาเครียดและซึมเศร้าอยู่คนเดียว
12:54
And they don't really change much.
326
759000
2000
และยังไม่เปลี่ยนไปมาก
12:56
Now think about religions, think about organized religions.
327
761000
2000
ตอนนี้ลองคิดถึงเรื่องศาสนา คิดถึงองค์กรทางศาสนา
12:58
What do organized religions do?
328
763000
2000
อะไรที่องค์กรทางศาสนาทำ
13:00
They group together, they form institutions.
329
765000
3000
พวกเขารวมกลุ่มกัน จัดตั้งเป็นสถาบัน
13:03
And that has all sorts of advantages.
330
768000
2000
ซึ่งทำให้เกิดประโยชน์ในหลายๆ ด้าน
13:05
First of all, scale, might.
331
770000
3000
ด้านแรกเลยคือ ขนาด อำนาจต่อรอง
13:08
The Catholic Church pulled in 97 billion dollars last year
332
773000
3000
โบสถ์คาทอลิกรวบรวมเงินได้ถึง 97 พันล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว
13:11
according to the Wall Street Journal.
333
776000
2000
ตามรายงานของเดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล
13:13
These are massive machines.
334
778000
2000
มันเหมือนเครื่องจักรขนาดใหญ่
13:15
They're collaborative, they're branded, they're multinational,
335
780000
3000
พวกเขารวมตัวกัน สร้างแบรนด์ มีสาขาข้ามชาติ
13:18
and they're highly disciplined.
336
783000
2000
และมีระบบจัดการที่ยอดเยี่ยม
13:20
These are all very good qualities.
337
785000
2000
นี่คือจุดเด่นต่างๆ
13:22
We recognize them in relation to corporations.
338
787000
2000
เรารู้จักมันในรูปแบบของบริษัท
13:24
And corporations are very like religions in many ways,
339
789000
2000
และบริษัทก็มีลักษณะเหมือนกับศาสนาหลายอย่าง
13:26
except they're right down at the bottom of the pyramid of needs.
340
791000
2000
ยกเว้นแต่บริษัทมักอยู่ที่ ฐานพีระมิดของความต้องการ
13:28
They're selling us shoes and cars.
341
793000
2000
พวกเขาขายรองเท้าและรถยนต์
13:30
Whereas the people who are selling us the higher stuff --
342
795000
2000
ในขณะที่ผู้คนที่ขายสิ่งที่อยู่เหนือกว่านั้น
13:32
the therapists, the poets --
343
797000
2000
นักบำบัด นักกวี
13:34
are on their own and they have no power,
344
799000
2000
อยู่กับตัวเอง และไม่มีอำนาจ
13:36
they have no might.
345
801000
2000
พวกเขาไม่มีอำนาจการต่อรอง
13:38
So religions are the foremost example
346
803000
3000
ดังนั้น ศาสนาเป็นตัวอย่างที่สำคัญที่สุด
13:41
of an institution that is fighting for the things of the mind.
347
806000
3000
ของสถาบันที่เรียกร้องประเด็นต่างๆ ในระดับจิตใจ
13:44
Now we may not agree with what religions are trying to teach us,
348
809000
3000
แม้ว่าเราอาจไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ศาสนาสอนเรา
13:47
but we can admire the institutional way
349
812000
2000
แต่เราสามารถชื่นชมระบบองค์กร
13:49
in which they're doing it.
350
814000
2000
ที่พวกเขาทำได้
13:51
Books alone, books written by lone individuals,
351
816000
3000
หนังสืออย่างเดียว หนังสือที่เขียนโดยบุคคลธรรมดาเพียงอย่างเดียว
13:54
are not going to change anything.
352
819000
2000
ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้
13:56
We need to group together.
353
821000
2000
เราต้องรวมกลุ่มกัน
13:58
If you want to change the world, you have to group together, you have to be collaborative.
354
823000
3000
ถ้าเราต้องการเปลี่ยนโลก เราต้องรวมกลุ่มกัน เราต้องทำงานร่วมกัน
14:01
And that's what religions do.
355
826000
2000
และนั่นคือสิ่งที่ศาสนาทำ
14:03
They are multinational, as I say,
356
828000
2000
พวกเขามีสาขาข้ามชาติ ดังที่ผมกล่าว
14:05
they are branded, they have a clear identity,
357
830000
3000
พวกเขาสร้างแบรนด์ มีเอกลักษณ์อย่างชัดเจน
14:08
so they don't get lost in a busy world.
358
833000
2000
ดังนั้นพวกเขาจะไม่สูญหายไป ในโลกที่แสนวุ่นวายนี้
14:10
That's something we can learn from.
359
835000
2000
นี่คือสิ่งที่เราสามารถเรียนรู้ได้
14:12
I want to conclude.
360
837000
2000
ผมอยากจะสรุป
14:14
Really what I want to say
361
839000
2000
สิ่งที่ผมต้องการจะพูดจริงๆ
14:16
is for many of you who are operating in a range of different fields,
362
841000
3000
คือสำหรับคุณทุกคนที่ทำงานในสาขาที่แตกต่างกัน
14:19
there is something to learn from the example of religion --
363
844000
3000
มันมีอะไรบางอย่างที่สามารถเรียนรู้ได้จากศาสนา
14:22
even if you don't believe any of it.
364
847000
3000
แม้ว่าคุณจะไม่ได้นับถือศาสนาใดเลยก็ตาม
14:25
If you're involved in anything that's communal,
365
850000
2000
ถ้าคุณทำงานอะไรก็ตามที่เป็นสาธารณะ
14:27
that involves lots of people getting together,
366
852000
2000
ที่ต้องการความร่วมมือจากผู้คนหลายกลุ่ม
14:29
there are things for you in religion.
367
854000
2000
มักมีประเด็นเหล่านี้อยู่แล้วในศาสนา
14:31
If you're involved, say, in a travel industry in any way,
368
856000
3000
เช่นถ้าคุณทำงาน ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
14:34
look at pilgrimage.
369
859000
2000
ไม่ว่าทางไหนก็ตาม ลองมองไปที่นักจาริกแสวงบุญ
14:36
Look very closely at pilgrimage.
370
861000
2000
มองนักจาริกแสวงบุญลงไปให้ลึกลงไป
14:38
We haven't begun to scratch the surface
371
863000
2000
เราไม่จำเป็นต้องเริ่มคิดใหม่
14:40
of what travel could be
372
865000
2000
ว่าการท่องเที่ยวควรเป็นอย่างไร
14:42
because we haven't looked at what religions do with travel.
373
867000
2000
เพราะเราสามารถมองว่า ศาสนาจัดการในเรื่องการท่องเที่ยวอย่างไร
14:44
If you're in the art world,
374
869000
2000
ถ้าคุณอยู่ในโลกศิลปะ
14:46
look at the example of what religions are doing with art.
375
871000
2000
ลองมองว่าศาสนาจัดการในเรื่องศิลปะอย่างไร
14:48
And if you're an educator in any way,
376
873000
3000
และถ้าคุณเป็นผู้ให้การศึกษาไม่ว่าทางไหนก็ตาม
14:51
again, look at how religions are spreading ideas.
377
876000
3000
ลองมองว่าศาสนาจัดการในเรื่อง การแพร่ขยายความคิดอย่างไร
14:54
You may not agree with the ideas,
378
879000
2000
คุณอาจไม่เห็นด้วยกับความคิดทั้งหมด
14:56
but my goodness, they're highly effective mechanisms for doing so.
379
881000
3000
แต่อย่างน้อย มันก็เป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพสูงเช่นกัน
14:59
So really my concluding point
380
884000
2000
ดังนั้นโดยสรุปแล้ว
15:01
is you may not agree with religion,
381
886000
2000
ถึงแม้ว่าคุณจะไม่เห็นด้วยกับศาสนา
15:03
but at the end of the day,
382
888000
2000
ถึงอย่างนั้น
15:05
religions are so subtle, so complicated,
383
890000
2000
ศาสนาก็ยังเป็นระบบที่ปราณีต ซับซ้อน
15:07
so intelligent in many ways
384
892000
2000
และชาญฉลาด อยู่หลายประการ
15:09
that they're not fit to be abandoned to the religious alone;
385
894000
3000
จนไม่สามารถที่จะละเลยศาสนาโดยสิ้นเชิง
15:12
they're for all of us.
386
897000
2000
เพราะว่าศาสนาเกิดมาเพื่อเราทุกคน
15:14
Thank you very much.
387
899000
2000
ขอบคุณมากครับ
15:16
(Applause)
388
901000
17000
(เสียงปรบมือ)
15:33
Chris Anderson: Now this is actually a courageous talk,
389
918000
2000
คริส แอนเดอร์สัน: นี่เป็นการพูดที่กล้าหาญอย่างยิ่ง
15:35
because you're kind of setting up yourself in some ways
390
920000
2000
เพราะคุณจะต้องจัดวางตัวเองในรูปแบบที่
15:37
to be ridiculed in some quarters.
391
922000
2000
ถูกเย้ยหยันจากบางกลุ่ม
15:39
AB: You can get shot by both sides.
392
924000
2000
อาลัน เดอ บันทัน: คุณอาจถูกยิงจากทั้งสองฝ่าย
15:41
You can get shot by the hard-headed atheists,
393
926000
2000
คุณอาจถูกยิงจากกลุ่มอเทวนิยมที่ดื้อรั้น
15:43
and you can get shot by those who fully believe.
394
928000
3000
และคุณอาจถูกยิงจาก กลุ่มที่เชื่อศาสนาอย่างสุดโต่ง
15:46
CA: Incoming missiles from North Oxford at any moment.
395
931000
2000
คริส แอนเดอสัน: อาจเจอมิสไซส์จากนอร์ทอ๊อกซฟอร์ด ในเวลาใดก็ได้
15:48
AB: Indeed.
396
933000
2000
อาลัน เดอ บันทัน: จริงทีเดียว
15:50
CA: But you left out one aspect of religion
397
935000
3000
คริส แอนเดอสัน: แต่คุณยังเหลืออีกด้านหนึ่งต่อศาสนา
15:53
that a lot of people might say
398
938000
2000
ที่คนจำนวนมากอาจกล่าวว่า
15:55
your agenda could borrow from,
399
940000
2000
สามารถนำความคิดของคุณไปใช้ได้
15:57
which is this sense --
400
942000
2000
นั่นคือความรู้สึกแบบ ---
15:59
that's actually probably the most important thing to anyone who's religious --
401
944000
2000
ที่จริงค่อนข้างจะเป็นสิ่งที่สำคัญมากต่อใครก็ตามที่นับถือศาสนา --
16:01
of spiritual experience,
402
946000
2000
ถึงประสบการณ์ทางจิตวิญญาณ
16:03
of some kind of connection
403
948000
2000
ถึงลักษณะการติดต่อ
16:05
with something that's bigger than you are.
404
950000
2000
กับบางสิ่งที่เหนือกว่าตัวตนของคุณ
16:07
Is there any room for that experience in Atheism 2.0?
405
952000
3000
จะมีเนื้อที่สำหรับประสบการณ์แบบนั้นใน อเทวนิยม 2.0 ไหมครับ?
16:10
AB: Absolutely. I, like many of you, meet people
406
955000
3000
อาลัน เดอ บันทัน: แน่นอน ผม คงเหมือนกับคนอื่นจำนวนมาก ที่เคยพบ
16:13
who say things like, "But isn't there something bigger than us,
407
958000
3000
กับคนที่พูดทำนองว่า "แต่มันมีสิ่งที่อยู่เหนือกว่าเรา
16:16
something else?"
408
961000
2000
ยังมีสิ่งอื่นอีก?"
16:18
And I say, "Of course." And they say, "So aren't you sort of religious?"
409
963000
3000
และผมก็พูดว่า "แน่นอน" และเขาก็พูดว่า "แล้วเช่นนั้นคุณนับถือศาสนาหรือเปล่า?"
16:21
And I go, "No." Why does that sense of mystery,
410
966000
3000
และผมก็พูดว่า "ไม่" ทำไมความรู้สึกถึงความลึกลับ
16:24
that sense of the dizzying scale of the universe,
411
969000
3000
ความรู้สึกถึงขนาดอันน่าเวียนหัวของจักรวาล
16:27
need to be accompanied by a mystical feeling?
412
972000
3000
จึงต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งลึกลับด้วย?
16:30
Science and just observation
413
975000
2000
วิทยาศาสตร์ หรือการสังเกตเฉยๆ
16:32
gives us that feeling without it,
414
977000
2000
ก็ทำให้เรารู้สึกโดยปราศจากมันได้
16:34
so I don't feel the need.
415
979000
2000
ดังนั้นผมจึงไม่รู้สึกต้องการแบบนั้น
16:36
The universe is large and we are tiny,
416
981000
2000
จักรวาลนั้นยิ่งใหญ่และเราก็ตัวเล็กนิดเดียวได้
16:38
without the need for further religious superstructure.
417
983000
4000
โดยไม่จำเป็นต้องใช้ โครงสร้างพิเศษทางศาสนาเพิ่มเติม
16:42
So one can have so-called spiritual moments
418
987000
2000
ดังนั้นแต่ละคนจึงสามารถมีสิ่งที่เรียกว่า ประสบการณ์ทางจิตวิญญาณได้
16:44
without belief in the spirit.
419
989000
2000
โดยไม่ต้องเชื่อในจิตวิญญาณเหล่านั้น
16:46
CA: Actually, let me just ask a question.
420
991000
2000
คริส แอนเดอสัน: จริงทีเดียว ผมขอถามคำถามหนึ่ง
16:48
How many people here would say
421
993000
2000
ใครในห้องนี้บ้างที่บอกว่า
16:50
that religion is important to them?
422
995000
2000
ศาสนามีความสำคัญต่อเขา?
16:54
Is there an equivalent process
423
999000
3000
มันจะมีวิธีการในลักษณะเดียวกันหรือไม่
16:57
by which there's a sort of bridge
424
1002000
2000
ที่จะเป็นสะพาน
16:59
between what you're talking about and what you would say to them?
425
1004000
3000
เชื่อมระหว่างสิ่งที่คุณพูดไปเมื่อสักครู่นี้ กับสิ่งที่คุณจะบอกพวกเขา
17:02
AB: I would say that there are many, many gaps in secular life
426
1007000
2000
อาลัน เดอ บันทัน: ผมจะพูดว่ามันมีช่องว่างจำนวนมาก ในชีวิตปุถุชนคนธรรมดา
17:04
and these can be plugged.
427
1009000
2000
และเราก็สามารถอยู่ร่วมกันมันได้
17:06
It's not as though, as I try to suggest,
428
1011000
2000
มันไม่ได้ราวกับว่า อย่างที่ผมได้พูดไป
17:08
it's not as though either you have religion
429
1013000
2000
มันไม่ได้ราวกับว่าคุณจะต้องนับถือศาสนา
17:10
and then you have to accept all sorts of things,
430
1015000
2000
จึงจะอยู่กับสิ่งต่างๆ เหล่านั้นได้
17:12
or you don't have religion
431
1017000
2000
หรือคุณจะไม่นับถือศาสนา
17:14
and then you're cut off from all these very good things.
432
1019000
3000
และตัดขาดจากสิ่งดีๆ เหล่านั้น
17:17
It's so sad that we constantly say,
433
1022000
3000
มันเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีที่เรามักพูดว่า
17:20
"I don't believe so I can't have community,
434
1025000
2000
"ฉันไม่เชื่อ ดังนั้นฉันจึงไม่สามารถอยู่ร่วมกลุ่มได้
17:22
so I'm cut off from morality,
435
1027000
2000
ดังนั้นฉันจึงตัดขาดจากหลักศีลธรรม
17:24
so I can't go on a pilgrimage."
436
1029000
2000
ดังนั้นฉันจึงไม่สามารถไปจาริกแสวงบุญได้"
17:26
One wants to say, "Nonsense. Why not?"
437
1031000
2000
ต้องมีคนหนึ่งบอกว่า "ไม่จริง ทำไมจะไม่ได้ล่ะ"
17:28
And that's really the spirit of my talk.
438
1033000
2000
และนั่นคือจิตวิญญาณอันแท้จริง ในการพูดของผม
17:30
There's so much we can absorb.
439
1035000
2000
มันมีเรื่องราวมากมายที่เราสามารถซึมซับ
17:32
Atheism shouldn't cut itself off from the rich sources of religion.
440
1037000
3000
กลุ่มอเทวนิยมไม่ควรตัดขาดตนเองออกจาก แหล่งความรู้อันมั่งคั่งของศาสนา
17:35
CA: It seems to me that there's plenty of people in the TED community
441
1040000
3000
คริส แอนเดอสัน: ผมเห็นว่ามีคนมากมายในผู้ชม TED ตอนนี้
17:38
who are atheists.
442
1043000
2000
ที่เป็นอเทวนิยม
17:40
But probably most people in the community
443
1045000
2000
แต่อาจจะเป็นคนส่วนมากในที่นี้
17:42
certainly don't think that religion is going away any time soon
444
1047000
3000
ที่คิดว่าศาสนาจะไม่สูญหายไป ในอนาคตอันใกล้นี้อย่างแน่นอน
17:45
and want to find the language
445
1050000
2000
และต้องการหาภาษา
17:47
to have a constructive dialogue
446
1052000
3000
เพื่อสร้างบทสนทนาที่ส่งเสริม
17:50
and to feel like we can actually talk to each other
447
1055000
2000
และรู้สึกเหมือนเราสามารถ พูดคุยกันได้อย่างจริงจัง
17:52
and at least share some things in common.
448
1057000
2000
และแบ่งปันบางสิ่งบางอย่าง ที่เหมือนกันได้เป็นอย่างน้อย
17:54
Are we foolish to be optimistic
449
1059000
2000
เราจะเขลาเกินไปหรือไม่ที่มองโลกในแง่ดี
17:56
about the possibility of a world
450
1061000
2000
ถึงโอกาสที่โลกเรา
17:58
where, instead of religion being the great rallying cry
451
1063000
3000
ซึ่งแทนที่ศาสนาจะเป็นแค่เงื่อนไข
18:01
of divide and war,
452
1066000
2000
แห่งความแตกแยกและสงคราม
18:03
that there could be bridging?
453
1068000
2000
จะกลายเป็นสะพานเชื่อมกันได้หรือไม่
18:05
AB: No, we need to be polite about differences.
454
1070000
3000
อาลัน เดอ บันทัน: ไม่ เราต้องมีมารยาทในเรื่องความแตกต่าง
18:08
Politeness is a much-overlooked virtue.
455
1073000
2000
มารยาทเป็นคุณธรรมเบื้องต้น
18:10
It's seen as hypocrisy.
456
1075000
2000
มันดูเหมือนเสแสร้ง
18:12
But we need to get to a stage when you're an atheist
457
1077000
2000
แต่เมื่อเราก็ต้องเผชิญหน้า เมื่อเราเป็นอเทวนิยม
18:14
and someone says, "Well you know, I did pray the other day,"
458
1079000
3000
และใครบางคนพูดว่า "คุณก็รู้ ผมสวดภาวนา"
18:17
you politely ignore it.
459
1082000
2000
แล้วคุณนั่งเงียบๆ อย่างมีมารยาท
18:19
You move on.
460
1084000
2000
นั่นก็ทำดีแล้ว
18:21
Because you've agreed on 90 percent of things,
461
1086000
3000
เพราะเราเห็นด้วยกับ 90 เปอร์เซนต์ของสิ่งที่เขาทำ
18:24
because you have a shared view on so many things,
462
1089000
2000
เพราะเรามีมุมมองร่วมกันหลายอย่าง
18:26
and you politely differ.
463
1091000
2000
และคุณก็แตกต่างกันอย่างมีมารยาท
18:28
And I think that's what the religious wars of late have ignored.
464
1093000
4000
และผมคิดว่า นี่เป็นสิ่งที่สงครามศาสนาที่ผ่านมานั้นละเลย
18:32
They've ignored the possibility of harmonious disagreement.
465
1097000
3000
พวกเขาละเลย ความเป็นไปได้ที่จะแตกต่างอย่างกลมกลืนกัน
18:36
CA: And finally, does this new thing that you're proposing
466
1101000
2000
คริส แอนเดอสัน: และสุดท้ายนี้ สิ่งใหม่ที่คุณนำเสนอ
18:38
that's not a religion but something else,
467
1103000
2000
ซึ่งไม่ใช่ศาสนา แต่เป็นสิ่งอื่น
18:40
does it need a leader,
468
1105000
2000
ต้องมีผู้นำหรือไม่?
18:42
and are you volunteering to be the pope?
469
1107000
2000
และคุณจะอาสาเป็นโป๊ปให้หรือไม่?
18:44
(Laughter)
470
1109000
2000
(เสียงหัวเราะ)
18:46
AB: Well, one thing that we're all very suspicious of
471
1111000
2000
อาลัน เดอ บันทัน: มีเรื่องหนึ่งที่เราทุกคนมักตั้งคำถามอย่างยิ่ง
18:48
is individual leaders.
472
1113000
2000
คือผู้นำที่เป็นบุคคล
18:50
It doesn't need it.
473
1115000
2000
เราไม่ได้ต้องการมัน
18:52
What I've tried to lay out is a framework
474
1117000
2000
สิ่งที่ผมพยายามคือการวางกรอบไว้
18:54
and I'm hoping that people can just fill it in.
475
1119000
3000
และผมหวังว่าทุกคนจะสามารถอยู่กับมันได้
18:57
I've sketched a sort of broad framework.
476
1122000
2000
ผมเพียงแค่ร่างกรอบกว้างๆ เอาไว้
18:59
But wherever you are, as I say, if you're in the travel industry, do that travel bit.
477
1124000
3000
แล้วแต่คุณอยู่ตรงไหน ถ้าคุณอยู่ในภาคการท่องเที่ยว ก็นำไปต่อยอดในเรื่องท่องเที่ยว
19:02
If you're in the communal industry, look at religion and do the communal bit.
478
1127000
3000
ถ้าคุณอยู่ในภาคบริการสาธารณะ ก็ลองมองศาสนาและนำไปต่อยอดในภาคบริการสาธารณะ
19:05
So it's a wiki project.
479
1130000
2000
ดังนั้น มันจึงเป็นโครงการแบบวิกิ
19:07
(Laughter)
480
1132000
2000
(เสียงหัวเราะ)
19:09
CA: Alain, thank you for sparking many conversations later.
481
1134000
3000
CA: อาลัน ขอบคุณที่จุดประกายสู่บทสนทนาอื่นๆ ต่อไป
19:12
(Applause)
482
1137000
3000
(เสียงปรบมือ)
ABOUT THE SPEAKER
Alain de Botton - PhilosopherThrough his witty and literate books -- and his new School of Life -- Alain de Botton helps others find fulfillment in the everyday.
Why you should listen
It started in 1997, when Alain de Botton turned away from writing novels and instead wrote a touching extended essay titled How Proust Can Change Your Life, which became an unlikely blockbuster in the "self-help"category. His subsequent books take on some of the fundamental worries of modern life (am I happy? where exactly do I stand?), informed by his deep reading in philosophy and by a novelist's eye for small, perfect moments. His newest book is The Pleasures and Sorrows of Work.
In 2008, de Botton helped start the School of Life in London, a social enterprise determined to make learning and therapy relevant in today's uptight culture. His goal is (through any of his mediums) to help clients learn "how to live wisely and well."
Alain de Botton | Speaker | TED.com