TED2011
Anthony Atala: Printing a human kidney
แอนโทนี่ อทาลา (Anthony Atala): พิมพ์ไตมนุษย์
Filmed:
Readability: 4.1
3,095,211 views
ศัลยแพทย์แอนโทนี่ อทาลา สาธิตการทดลองขั้นเริ่มต้น ซึ่งในอนาคตอาจแก้ปัญหาการบริจาคอวัยวะที่ไม่เคยเพียงพอกับจำนวนคนไข้: เขานำเสนอเครื่องพิมพ์สามมิติซึ่งใช้เซลล์ที่ยังมีชีวิตมาผลิตไตที่พร้อมนำไปปลูกถ่ายให้คนไข้ ลุค มัซเซลล่า คนไข้หนุ่มรายหนึ่งของนายแพทย์อทาลา ซึ่งได้รับการปลูกถ่ายกระเพาะปัสสาวะสังเคราะห์ที่ทำขึ้นด้วยเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันนี้เมื่อสิบปีก่อน ได้มาให้สัมภาษณ์บนเวทีด้วย
Anthony Atala - Surgeon
Anthony Atala asks, "Can we grow organs instead of transplanting them?" His lab at the Wake Forest Institute for Regenerative Medicine is doing just that -- engineering over 30 tissues and whole organs. Full bio
Anthony Atala asks, "Can we grow organs instead of transplanting them?" His lab at the Wake Forest Institute for Regenerative Medicine is doing just that -- engineering over 30 tissues and whole organs. Full bio
Double-click the English transcript below to play the video.
00:15
There's actually a major health crisis today
0
0
3000
ขณะนี้เรากำลังเผชิญหน้ากับปัญหาสำคัญในด้านสุขภาพ
00:18
in terms of the shortage of organs.
1
3000
2000
นั่นคือการขาดแคลนอวัยวะสำหรับปลูกถ่าย
00:20
The fact is that we're living longer.
2
5000
2000
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ คนเรามีชีวิตยืนยาวมากขึ้น
00:22
Medicine has done a much better job
3
7000
2000
การแพทย์ได้พัฒนาไปมาก
00:24
of making us live longer,
4
9000
2000
จนสามารถยืดอายุขัยคนเราให้ยืนยาวขึ้น
00:26
and the problem is, as we age,
5
11000
2000
แต่ปัญหาก็คือ เมื่อเราแก่ตัวลง
00:28
our organs tend to fail more,
6
13000
3000
อวัยวะของเราก็เสื่อมสภาพและล้มเหลวง่ายขึ้น
00:31
and so currently
7
16000
2000
ซึ่งในปัจจุบัน
00:33
there are not enough organs to go around.
8
18000
2000
เรามีอวัยวะที่จะใช้ปลูกถ่ายไม่เพียงพอ
00:35
In fact, in the last 10 years,
9
20000
2000
ที่จริง ภายในสิบปีที่ผ่านมา
00:37
the number of patients requiring an organ has doubled,
10
22000
3000
จำนวนผู้ป่วยซึ่งรอการปลูกถ่ายอวัยวะได้เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
00:40
while in the same time,
11
25000
2000
ในขณะที่
00:42
the actual number of transplants has barely gone up.
12
27000
3000
จำนวนผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายจริงๆ แทบจะไม่เพิ่มขึ้นเลย
00:45
So this is now a public health crisis.
13
30000
2000
ดังนั้น นี่จึงเป็นปัญหาใหญ่ทางสาธารณสุข
00:47
So that's where this field comes in
14
32000
2000
และเป็นที่มาของศาสตร์แขนงนี้
00:49
that we call the field of regenerative medicine.
15
34000
2000
ที่เราเรียกว่า เวชศาสตร์การฟื้นฟูสภาวะเสื่อม
00:51
It really involves many different areas.
16
36000
2000
ศาสตร์นี้ต้องการความรู้จากหลายๆ แขนง
00:53
You can use, actually, scaffolds,
17
38000
2000
คุณสามารถใช้โครงสร้างเส้นใย
00:55
biomaterials --
18
40000
2000
ที่ทำจากวัสดุชีวภาพ
00:57
they're like the piece of your blouse or your shirt --
19
42000
2000
มันก็เหมือนเส้นใยในเสื้อผ้าของพวกคุณแหละครับ
00:59
but specific materials you can actually implant in patients
20
44000
3000
แต่เป็นวัสดุพิเศษ ซึ่งคุณสามารถใส่เข้าไปในร่างกายผู้ป่วยได้
01:02
and they will do well and help you regenerate.
21
47000
3000
และยังช่วยให้ร่างกายผู้ป่วยสร้างเซลล์ขึ้นมาฟี้นฟูตัวเองด้วย
01:05
Or we can use cells alone,
22
50000
3000
หรือว่า เราอาจใช้เซลล์เพียงอย่างเดียว
01:08
either your very own cells
23
53000
2000
ซึ่งอาจจะเป็นเซลล์ของคุณเอง
01:10
or different stem cell populations.
24
55000
2000
หรือเป็นกลุ่มเซลล์ต้นกำเนิดจากแหล่งอื่น
01:12
Or we can use both.
25
57000
2000
หรือเราอาจใช้เซลล์ทั้งสองอย่าง
01:14
We can use, actually, biomaterials
26
59000
2000
หรือที่จริง เราอาจใช้ทั้งวัสดุชีวภาพ
01:16
and the cells together.
27
61000
2000
และเซลล์ควบคู่กันไป
01:18
And that's where the field is today.
28
63000
3000
นี่คือความก้าวหน้าของศาสตร์นี้ในปัจจุบัน
01:21
But it's actually not a new field.
29
66000
2000
แต่ที่จริงศาสตร์นี้ไม่ใช่ศาสตร์ใหม่
01:23
Interestingly, this is a book
30
68000
2000
น่าสนใจนะครับ นี่คือหนังสือ
01:25
that was published back in 1938.
31
70000
3000
ที่ถูกตีพิมพ์ ย้อนไปเมื่อปี ค.ศ. 1938
01:28
It's titled "The Culture of Organs."
32
73000
2000
ชื่อว่า "การเพาะเลี้ยงอวัยวะ"
01:30
The first author, Alexis Carrel, a Nobel Prize winner.
33
75000
3000
ผู้เขียนชื่อแรก อเล็กซิส คาร์เรล นักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบล
01:33
He actually devised some of the same technologies
34
78000
2000
จริงๆ แล้วท่านเป็นคนคิดเทคโนโลยีบางอย่าง
01:35
used today for suturing blood vessels,
35
80000
2000
ที่ปัจจุบันเราใช้ในการประสานเส้นเลือด
01:37
and some of the blood vessel grafts we use today
36
82000
3000
และวิธีการเพาะเลี้ยงเส้นเลือดที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
01:40
were actually designed by Alexis.
37
85000
3000
บางวิธีก็ถูกออกแบบโดยอเล็กซิส
01:43
But I want you to note his co-author:
38
88000
3000
แต่ผมอยากให้คุณรู้จักผู้เขียนร่วมครับ
01:46
Charles Lindbergh.
39
91000
2000
ชาร์ล ลินด์เบอร์ก
01:48
That's the same Charles Lindbergh
40
93000
3000
ชาร์ล ลินด์เบอร์กคนเดียวกันนี้แหละ
01:51
who actually spent the rest of his life
41
96000
2000
ที่ได้อุทิศชีวิตทั้งชีวิต
01:53
working with Alexis
42
98000
2000
ทำงานร่วมกับอเล็กซิส
01:55
at the Rockefeller Institute in New York
43
100000
2000
ที่สถาบันร็อกกีเฟลเลอร์ ในกรุงนิวยอร์ค
01:57
in the area of the culture of organs.
44
102000
2000
ในสาขาวิชาเกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงอวัยวะ
01:59
So if the field's been around for so long,
45
104000
2000
ถ้าศาสตร์ดังกล่าวมีมาตั้งนานแล้ว
02:01
why so few clinical advances?
46
106000
2000
ทำไมถึงมีความคืบหน้าน้อยนัก
02:03
And that really has to do to many different challenges.
47
108000
3000
สาเหตุก็มาจากความท้าทายหลายรูปแบบ
02:06
But if I were to point to three challenges,
48
111000
2000
แต่ถ้าหากให้ผมเจาะจงลงไปสามหัวข้อ
02:08
the first one is actually the design of materials
49
113000
2000
อย่างแรกเลยคือการออกแบบวัสดุ
02:10
that could go in your body
50
115000
2000
ให้สามารถใส่ไว้ในร่างกายคนเราได้
02:12
and do well over time.
51
117000
2000
และอยู่คงทนเป็นเวลานาน
02:14
And many advances now,
52
119000
2000
ตอนนี้ความก้าวหน้าในส่วนนี้มีมากแล้ว
02:16
we can do that fairly readily.
53
121000
2000
และเราค่อนข้างที่จะพร้อม
02:18
The second challenge was cells.
54
123000
2000
ความท้าทายประการที่สอง คือเซลล์
02:20
We could not get enough of your cells to grow outside of your body.
55
125000
3000
เรานำเซลล์ของคุณออกมาได้ไม่มากพอที่จะนำมาเลี้ยงภายนอก
02:23
Over the last 20 years, we've basically tackled that.
56
128000
3000
กว่ายี่สิบปีที่ผ่านมา เราจัดการกับปัญหานั้นได้แล้วครับ
02:26
Many scientists can now grow many different types of cells.
57
131000
2000
ขณะนี้นักวิทยาศาสตร์หลายท่านสามารถเลี้ยงเซลล์ได้มากมายหลายชนิด
02:28
Plus we have stem cells.
58
133000
2000
แถมเรายังมีเซลล์ต้นกำเนิดอีกด้วย
02:30
But even now, 2011,
59
135000
3000
แต่จนเดี๋ยวนี้ ปี 2011
02:33
there's still certain cells that we just can't grow from the patient.
60
138000
4000
ก็ยังมีเซลล์บางจำพวกที่เราไม่สามารถเพาะเลี้ยงจากผู้ป่วยได้
02:37
Liver cells, nerve cells, pancreatic cells --
61
142000
3000
เช่น เซลล์ตับ เซลล์ประสาท เซลล์ตับอ่อน
02:40
we still can't grow them even today.
62
145000
3000
เรายังไม่สามารถเพาะเลี้ยงเซลล์พวกนี้ได้ จนถึงทุกวันนี้
02:43
And the third challenge is vascularity,
63
148000
2000
ความท้าทายประการที่สามคือโครงสร้างหลอดและท่อ
02:45
the actual supply of blood
64
150000
3000
ซึ่งเป็นหนทางลำเลียงของเลือด
02:48
to allow those organs or tissues to survive
65
153000
3000
ที่จะทำให้อวัยวะหรือเนื้อเยื่อเหล่านั้นอยู่รอดได้
02:51
once we regenerate them.
66
156000
2000
หลังจากที่เราสร้างพวกมันขึ้นมาแล้ว
02:53
So we can actually use biomaterials now.
67
158000
2000
ที่จริงเราสามารถใช้วัสดุชีวภาพมาแก้ปัญหานี้ได้แล้ว
02:55
This is actually a biomaterial.
68
160000
2000
นี่เป็นวัสดุชีวภาพนะครับ
02:57
We can weave them, knit them, or we can make them like you see here.
69
162000
3000
เราสามารถทอ ถัก หรือทำมันออกมาในรูปแบบที่คุณเห็นอยู่นี่
03:00
This is actually like a cotton candy machine.
70
165000
3000
มันก็เหมือนเครื่องทำสายไหมล่ะครับ
03:03
You saw the spray going in.
71
168000
2000
คุณจะเห็นหัวสเปรย์ฉีดเข้าไป
03:05
That was like the fibers of the cotton candy
72
170000
2000
เหมือนกับเส้นใยของสายไหม
03:07
creating this structure, this tubularized structure,
73
172000
2000
สร้างเป็นรูปทรงขึ้นมา โครงสร้างรูปท่อ
03:09
which is a biomaterial
74
174000
2000
ซึ่งทำมาจากวัสดุชีวภาพนี้
03:11
that we can then use
75
176000
2000
เราสามารถนำไปใช้งานต่อได้
03:13
to help your body regenerate
76
178000
2000
เพื่อช่วยให้ร่างกายคุณฟื้นฟูเสริมสร้างตัวเอง
03:15
using your very own cells to do so.
77
180000
3000
โดยใช้เซลล์ของคุณเอง
03:18
And that's exactly what we did here.
78
183000
2000
นั่นล่ะครับคือเป็นสิ่งที่เราทำ
03:20
This is actually a patient
79
185000
2000
นี่คือผู้ป่วย
03:22
who [was] presented with a deceased organ,
80
187000
2000
ซึ่งมีอวัยวะที่ได้รับความเสียหาย
03:24
and we then created one of these smart biomaterials,
81
189000
3000
เราได้สร้างวัสดุชีวภาพชนิดหนึ่งขึ้นมา
03:27
and then we then used that smart biomaterial
82
192000
2000
แล้วเราก็ใช้วัสดุชีวภาพนั้น
03:29
to replace and repair
83
194000
3000
เพื่อแทนที่และซ่อมแซม
03:32
that patient's structure.
84
197000
2000
โครงสร้างอวัยวะของผู้ป่วยรายนั้น
03:34
What we did was we actually
85
199000
2000
จริงๆ แล้วสิ่งที่เราทำ
03:36
used the biomaterial as a bridge
86
201000
2000
คือการใช้ชีววัสดุเป็นสะพาน
03:38
so that the cells in the organ
87
203000
2000
เพื่อให้เซลล์ในอวัยวะ
03:40
could walk on that bridge, if you will,
88
205000
2000
สามารถเดินขึ้นมาบนสะพาน
03:42
and help to bridge the gap
89
207000
2000
แล้วช่วยมาประสานเชื่อมรอยแยก
03:44
to regenerate that tissue.
90
209000
2000
และเจริญเป็นเนื้อเยื่อของอวัยวะนั้น
03:46
And you see that patient now six months after
91
211000
2000
และคุณจะเห็นว่า ผู้ป่วยคนนี้ ในอีกหกเดือนให้หลัง
03:48
with an X-ray showing you the regenerated tissue,
92
213000
3000
ภาพเอ็กซเรย์แสดงให้เห็นเนื้อเยื่อที่ถูกสร้างขึ้นใหม่
03:51
which is fully regenerated
93
216000
2000
จนเสร็จสมบูรณ์แล้ว
03:53
when you analyze it under the microscope.
94
218000
3000
ถ้าสังเกตดูด้วยกล้องจุลทรรศน์
03:56
We can also use cells alone.
95
221000
2000
เราสามารถใช้เซลล์อย่างเดียวก็ได้
03:58
These are actually cells that we obtained.
96
223000
3000
นี่คือเซลล์ที่เราได้มา
04:01
These are stem cells that we create from specific sources,
97
226000
3000
นี่เป็นเซลล์ต้นแบบที่เราสกัดมาจากแหล่งพิเศษ
04:04
and we can drive them to become heart cells,
98
229000
2000
และเราสามารถกำกับให้มันกลายเป็นเซลล์หัวใจได้
04:06
and they start beating in culture.
99
231000
2000
แล้วมันก็จะเริ่มเต้นเป็นจังหวะไปด้วยกันเป็นกลุ่ม
04:08
So they know what to do.
100
233000
2000
แสดงว่าพวกมันรู้หน้าที่แล้วครับ
04:10
The cells genetically know what to do,
101
235000
2000
เซลล์ทั้งหลายได้รับข้อมูลจากยีนว่ามันต้องทำงานอะไร
04:12
and they start beating together.
102
237000
2000
พวกมันก็เลยเริ่มเต้นเป็นจังหวะไปพร้อมๆกัน
04:14
Now today, many clinical trials
103
239000
2000
ทุกวันนี้ การทดลองทางคลินิกจำนวนมาก
04:16
are using different kinds of stem cells
104
241000
2000
ใช้เซลล์ต้นแบบที่แตกต่างกันหลายชนิด
04:18
for heart disease.
105
243000
2000
เพื่อรักษาโรคหัวใจ
04:20
So that's actually now in patients.
106
245000
3000
ซึ่งตอนนี้เราใช้จริงกับผู้ป่วยแล้ว
04:23
Or if we're going to use larger structures
107
248000
2000
หรือถ้าเราจะใช้โครงสร้างที่ใหญ่ขึ้น
04:25
to replace larger structures,
108
250000
2000
เพื่อทดแทนอวัยวะที่มีโครงสร้างขนาดใหญ่
04:27
we can then use the patient's own cells,
109
252000
2000
เราสามารถใช้เซลล์ของผู้ป่วยเอง
04:29
or some cell population,
110
254000
2000
หรือใช้เซลล์บางกลุ่ม
04:31
and the biomaterials,
111
256000
2000
ร่วมกับวัสดุชีวภาพ
04:33
the scaffolds, together.
112
258000
2000
แกนโครงสร้าง ประกอบกัน
04:35
So the concept here:
113
260000
2000
แนวคิดของวิธีการนี้ก็คือ
04:37
so if you do have a deceased or injured organ,
114
262000
3000
ถ้าเรามีอวัยวะที่เสียหายได้รับบาดเจ็บ
04:40
we take a very small piece of that tissue,
115
265000
2000
เรานำส่วนเล็กๆ ของเนื้อเยื่อนั้น
04:42
less than half the size of a postage stamp.
116
267000
3000
เล็กเสียยิ่งกว่าครึ่งหนึ่งของแสตมป์
04:45
We then tease the cells apart,
117
270000
3000
เราแยกเซลล์เหล่านั้นออกจากกัน
04:48
we grow the cells outside the body.
118
273000
2000
เราเลี้ยงเซลล์เหล่านั้นนอกร่างกายมนุษย์
04:50
We then take a scaffold, a biomaterial --
119
275000
3000
จากนั้น นำแกนโครงสร้าง วัสดุชีวภาพ
04:53
again, looks very much like a piece of your blouse or your shirt --
120
278000
3000
ที่เหมือนกับชิ้นส่วนเสื้อผ้าของเรา
04:56
we then shape that material,
121
281000
2000
จากนั้นเราก็ตัดวัสดุให้เข้ารูป
04:58
and we then use those cells to coat that material
122
283000
3000
และนำเซลล์มาหุ้มรอบวัสดุนั้น
05:01
one layer at a time --
123
286000
2000
ทีละชั้นทีละชั้น
05:03
very much like baking a layer cake, if you will.
124
288000
3000
เหมือนกับการอบเค้กเป็นชั้นๆ ถ้าจะเปรียบเทียบนะครับ
05:06
We then place it in an oven-like device,
125
291000
2000
จากนั้นก็ใส่มันเข้าไปในอุปกรณ์ที่เหมือนกับเตาอบ
05:08
and we're able to create that structure
126
293000
2000
และเราก็สามารถสร้างโครงสร้างดังกล่าว
05:10
and bring it out.
127
295000
2000
และนำมันออกมา
05:12
This is actually a heart valve
128
297000
2000
นี่คือลิ้นหัวใจ
05:14
that we've engineered,
129
299000
2000
ซึ่งเราสังเคราะห์ขึ้น
05:16
and you can see here, we have the structure of the heart valve
130
301000
3000
คุณจะเห็นว่า เรามีวัสดุที่มีรูปทรงของลิ้นหัวใจ
05:19
and we've seeded that with cells,
131
304000
3000
และเราก็ปลูกเซลล์ลงบนวัสดุนั้น
05:22
and then we exercise it.
132
307000
2000
จับมันออกกายบริหาร
05:24
So you see the leaflets opening and closing --
133
309000
2000
แล้วคุณก็จะเห็นลิ่มเล็กๆ เปิดและปิด
05:26
of this heart valve
134
311000
2000
นั่นคือลิ้นหัวใจ
05:28
that's currently being used experimentally
135
313000
4000
วืธีการนี้ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นทดลอง
05:32
to try to get it to further studies.
136
317000
3000
เพื่อที่จะพัฒนาไปสู่การศึกษาวิจัยขั้นต่อไป
05:35
Another technology
137
320000
2000
เทคโนโลยีอีกอย่าง
05:37
that we have used in patients
138
322000
2000
ที่เราได้ลองใช้จริงในผู้ป่วยแล้ว
05:39
actually involves bladders.
139
324000
2000
คือกระเพาะปัสสาวะ
05:41
We actually take a very small piece of the bladder from the patient --
140
326000
3000
เรานำชิ้นส่วนเล็กๆ จากกระเพาะปัสสาวะของผู้ป่วย
05:44
less than half the size of a postage stamp.
141
329000
3000
เล็กกว่าครึ่งนึงของแสตมป์
05:47
We then grow the cells outside the body,
142
332000
2000
แล้วนำมาเลี้ยงภายนอกร่างกาย
05:49
take the scaffold, coat the scaffold with the cells --
143
334000
2000
ทำโครงร่าง หุ้มโครงนั้นด้วยเซลล์
05:51
the patient's own cells, two different cell types.
144
336000
3000
เป็นเซลล์ของผู้ป่วยเองครับ มีเซลล์อยู่สองชนิด
05:54
We then put it in this oven-like device.
145
339000
3000
แล้วเราก็นำเข้าเครื่องที่เหมือนกับเตาอบ
05:57
It has the same conditions as the human body --
146
342000
2000
เครื่องนี้มีสภาวะเหมือนกับร่างกายคนครับ คือ
05:59
37 degrees centigrade, 95 percent oxygen.
147
344000
3000
35 องศาเซลเซียส ออกซิเจน 95 เปอร์เซนต์
06:02
A few weeks later, you have your engineered organ
148
347000
3000
ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา คุณจะได้อวัยวะสังเคราะห์
06:05
that we're able to implant back into the patient.
149
350000
3000
ซึ่งสามารถนำกลับไปปลูกถ่ายให้ผู้ป่วยได้
06:08
For these specific patients, we actually just suture these materials.
150
353000
3000
สำหรับผู้ป่วยเหล่านี้ จริงๆ แล้วเราก็แค่เย็บประสานวัสดุเหล่านี้เท่านั้น
06:11
We use three-dimensional imagining analysis,
151
356000
3000
แม้ว่าเราใช้การวิเคราะห์จากภาพสามมิติ
06:14
but we actually created these biomaterials by hand.
152
359000
3000
แต่เราสร้างวัสดุชีวภาพเหล่านี้ด้วยมือครับ
06:18
But we now have better ways
153
363000
2000
แต่ขณะนี้เรามีวิธีที่ดีกว่า
06:20
to create these structures with the cells.
154
365000
2000
ในการสร้างโครงสร้างเหล่านี้จากเซลล์
06:22
We use now some type of technologies,
155
367000
4000
เราใช้เทคโนโลยีบางอย่าง
06:26
where for solid organs, for example,
156
371000
2000
สำหรับอวัยวะที่มีรูปทรงคงตัว
06:28
like the liver,
157
373000
2000
เช่น ตับ
06:30
what we do is we take discard livers.
158
375000
3000
สิ่งที่เราทำคือ เรานำตับที่ไม่ใช้แล้ว
06:33
As you know, a lot of organs are actually discarded, not used.
159
378000
3000
อย่างที่คุณทราบ มีอวัยวะมากมายที่ถูกทิ้ง ไม่ได้ใช้
06:36
So we can take these liver structures,
160
381000
2000
เราได้นำตับเหล่านี้
06:38
which are not going to be used,
161
383000
2000
ซึ่งเราไม่สามารถนำไปใช้ได้
06:40
and we then put them in a washing machine-like structure
162
385000
4000
และเรานำมันมาใส่ในเครื่องที่มีลักษณะเหมือนเครื่องซักผ้า
06:44
that will allow the cells to be washed away.
163
389000
2000
ซึ่งจะชะล้างเซลล์ออกไป
06:46
Two weeks later,
164
391000
2000
สองสัปดาห์ให้หลัง
06:48
you have something that looks like a liver.
165
393000
2000
คุณจะได้อะไรบางอย่างที่รูปร่างเหมือนกับตับ
06:50
You can hold it like a liver,
166
395000
2000
คุณสามารถหยิบจับมันขึ้นมาได้เหมือนกับตับ
06:52
but it has no cells; it's just a skeleton of the liver.
167
397000
3000
แต่มันไม่มีเซลล์ มันเป็นแค่โครงร่างของตับ
06:55
And we then can re-perfuse the liver with cells,
168
400000
4000
จากนั้นเราฉีดเซลล์กลับเข้าไปในโครงสร้างตับนั้น
06:59
preserving the blood vessel tree.
169
404000
2000
รักษาเส้นเลือดเอาไว้
07:01
So we actually perfuse first the blood vessel tree
170
406000
3000
เราเริ่มจากการฉีดเซลล์เข้าไปในโครงสร้างเส้นเลือด
07:04
with the patient's own blood vessel cells,
171
409000
2000
ด้วยเซลล์เส้นเลือดของผู้ป่วยเอง
07:06
and we then infiltrate the parenchyma with the liver cells.
172
411000
3000
จากนั้นเราก็แทรกซึมเซลล์ตับเข้าไป
07:09
And we now have been able just to show
173
414000
2000
ตอนนี้เราสามารถทดสอบให้เห็นแล้ว
07:11
the creation of human liver tissue
174
416000
2000
ว่าเราสร้างเนื้อเยื่อตับของมนุษย์ได้
07:13
just this past month
175
418000
2000
เมื่อเดือนที่ผ่านมานี่เอง
07:15
using this technology.
176
420000
3000
โดยใช้เทคโนโลยีดังกล่าว
07:19
Another technology that we've used
177
424000
2000
เทคนิคอีกอย่างที่เราใช้
07:21
is actually that of printing.
178
426000
2000
จริงๆ แล้วเป็นการพิมพ์
07:23
This is actually a desktop inkjet printer,
179
428000
3000
นี่คือเครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึกที่เราเห็นๆ กัน
07:26
but instead of using ink,
180
431000
2000
แต่แทนที่จะเป็นหมึก
07:28
we're using cells.
181
433000
2000
เราใช้เซลล์
07:30
And you can actually see here the printhead
182
435000
2000
คุณจะเห็นหัวพิมพ์
07:32
going through and printing this structure,
183
437000
2000
วิ่งไปมาและพิมพ์โครงร่างอวัยวะ
07:34
and it takes about 40 minutes to print this structure.
184
439000
2000
มันจะใช้เวลาประมาณสี่สิบนาทีในการพิมพ์โครงร่างนี้
07:36
And there's a 3D elevator
185
441000
2000
และก็มีตัวยกสามมิติ
07:38
that then actually goes down one layer at a time
186
443000
2000
ที่จะลดระดับลงทีละขั้นในแต่ละครั้ง
07:40
each time the printhead goes through.
187
445000
2000
ทุกครั้งที่แท่นหัวพิมพ์วิ่งผ่าน
07:42
And then finally you're able to get that structure out.
188
447000
3000
ในที่สุดเราก็ได้โครงสร้างอวัยวะออกมา
07:45
You can pop that structure out of the printer and implant it.
189
450000
3000
เรานำโครงสร้างอวัยวะนี้ออกมา แล้วก็สามารถนำไปปลูกถ่ายได้
07:48
And this is actually a piece of bone
190
453000
2000
นี่เป็นชิ้นส่วนของกระดูก
07:50
that I'm going to show you in this slide
191
455000
3000
ซึ่งผมกำลังฉายให้คุณดูอยู่ในสไลด์นี้
07:53
that was actually created with this desktop printer
192
458000
3000
มันถูกทำขึ้นจากแท่นพิมพ์ดังกล่าว
07:56
and implanted as you see here.
193
461000
3000
และถูกนำไปปลูกถ่ายอย่างที่คุณได้เห็น
07:59
That was all new bone that was implanted
194
464000
2000
นี่เป็นกระดูกใหม่ทั้งหมดที่ได้รับการปลูกถ่าย
08:01
using these techniques.
195
466000
3000
โดยใช้เทคโนโลยีดังกล่าว
08:04
Another more advanced technology we're looking at right now,
196
469000
4000
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอีกอย่างหนึง ที่เรากำลังสนใจอยู่
08:08
our next generation of technologies,
197
473000
2000
ก้าวถัดไปของเทคโนโลยีนี้
08:10
are more sophisticated printers.
198
475000
2000
คือการสร้างเครื่องพิมพ์ที่ซับซ้อนมากขึ้น
08:12
This particular printer we're designing now
199
477000
3000
เรากำลังออกแบบเครื่องพิมพ์ที่ว่าอยู่ในขณะนี้
08:15
is actually one where we print right on the patient.
200
480000
3000
เป็นเครื่องที่เราจะใช้พิมพ์บนตัวผู้ป่วยเลย
08:18
So what you see here --
201
483000
2000
สิ่งที่คุณเห็นขณะนี้คือ
08:20
I know it sounds funny,
202
485000
2000
ผมทราบครับว่ามันฟังดูตลก
08:22
but that's the way it works.
203
487000
2000
แต่นี่เป็นหลักการทำงานของมัน
08:24
Because in reality, what you want to do
204
489000
3000
เนื่องจากความเป็นจริง สิ่งที่เราต้องการคือ
08:27
is you actually want to have the patient on the bed with the wound,
205
492000
3000
เราต้องการให้ผู้ป่วยที่มีแผลนอนบนเตียง
08:30
and you have a scanner,
206
495000
2000
และคุณก็มีเครื่องสแกน
08:32
basically like a flatbed scanner.
207
497000
2000
เหมือนกับเครื่องสแกนของแบนๆ ธรรมดา
08:34
That's what you see here on the right side.
208
499000
2000
ที่คุณเห็นทางขวามือ
08:36
You see a scanner technology
209
501000
2000
เป็นเทคโนโลยีเครื่องสแกน
08:38
that first scans the wound on the patient
210
503000
3000
ที่ขั้นแรกจะสแกนแผลผู้ป่วย
08:41
and then it comes back with the printheads
211
506000
3000
แล้วจะเลื่อนกลับมาอีกครั้งพร้อมกับหัวพิมพ์
08:44
actually printing the layers that you require
212
509000
3000
แล้วพิมพ์ชั้นเนื้อเยื่อที่คุณต้องการลงไป
08:47
on the patients themselves.
213
512000
2000
บนตัวผู้ป่วยเลย
08:49
This is how it actually works.
214
514000
2000
นี่คือการทำงานของมันครับ
08:51
Here's the scanner going through,
215
516000
2000
นี่คือเครื่องสแกนวิ่งผ่านไป
08:53
scanning the wound.
216
518000
2000
สแกนแผล
08:55
Once it's scanned,
217
520000
2000
หลังจากนั้น
08:57
it sends information in the correct layers of cells
218
522000
2000
มันจะส่งสัญญาณข้อมูลรูปแบบชั้นเนื้อเยื่อเซลล์ที่ถูกต้อง
08:59
where they need to be.
219
524000
2000
แบบที่ควรจะเป็น
09:01
And now you're going to see here
220
526000
2000
และคุณกำลังจะได้เห็น
09:03
a demo of this actually being done
221
528000
2000
การสาธิตที่กำลังเกิดขึ้น
09:05
in a representative wound.
222
530000
3000
กับบาดแผลตัวอย่าง
09:08
And we actually do this with a gel so that you can lift the gel material.
223
533000
3000
แล้วเราพิมพ์เซลล์ลงบนเจล เพื่อที่เราจะสามารถยกวัสดุเจลขึ้นได้
09:11
So once those cells are on the patient
224
536000
2000
และเมื่อเซลล์อยู่บนผู้ป่วยแล้ว
09:13
they will stick where they need to be.
225
538000
2000
มันจะติดลงไปในจุดที่เราต้องการ
09:15
And this is actually new technology
226
540000
2000
และนี่เป็นเทคโนโลยีใหม่
09:17
still under development.
227
542000
3000
ที่ยังอยู่ในขั้นพัฒนา
09:20
We're also working on more sophisticated printers.
228
545000
3000
เรากำลังพัฒนาเครื่องพิมพ์ที่มีความก้าวหน้ามากขึ้น
09:23
Because in reality, our biggest challenge
229
548000
2000
เพราะในความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่ท้าทายที่สุดสำหรับเรา
09:25
are the solid organs.
230
550000
2000
คืออวัยวะที่มีรูปทรงคงตัว
09:27
I don't know if you realize this,
231
552000
2000
ผมไม่ทราบว่าคุณรู้หรือเปล่า
09:29
but 90 percent of the patients on the transplant list
232
554000
4000
ว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยที่รอการปลูกถ่ายอวัยวะ
09:33
are actually waiting for a kidney.
233
558000
3000
คือผู้ป่วยที่กำลังรอไตอยู่
09:36
Patients are dying every day
234
561000
2000
ผู้ป่วยเหล่านี้เสียชีวิตไปทุกๆ วัน
09:38
because we don't have enough of those organs to go around.
235
563000
3000
เพราะเราไม่มีอวัยวะพอเพียงสำหรับการปลูกถ่าย
09:41
So this is more challenging --
236
566000
2000
ซึ่งนี่เป็นอะไรที่ท้าทายมากๆ
09:43
large organ, vascular,
237
568000
2000
อวัยวะขนาดใหญ่ มีท่อลำเลียง
09:45
a lot of blood vessel supply,
238
570000
2000
มีเส้นเลือดมาหล่อเลี้ยง
09:47
a lot of cells present.
239
572000
2000
มีเซลล์มากมาย
09:49
So the strategy here is --
240
574000
2000
ดังนั้นวิธีการของเราคือ
09:51
this is actually a CT scan, an X-ray --
241
576000
2000
นี่คือเครื่อง CT สแกน และ เอ็กซเรย์
09:53
and we go layer by layer,
242
578000
2000
แล้วเราก็สแกนภาพไตชั้นต่อชั้น
09:55
using computerized morphometric imaging analysis
243
580000
2000
ใช้การวิเคราะห์ขนาดรูปทรงจากภาพด้วยคอมพิวเตอร์
09:57
and 3D reconstruction
244
582000
2000
และการสร้างภาพจำลองสามมิติ
09:59
to get right down to those patient's own kidneys.
245
584000
3000
เพื่อที่จะเข้าไปดูว่าไตของผู้ป่วยมีลักษณะอย่างไร
10:02
We then are able to actually image those,
246
587000
3000
เราสามารถถ่ายรูปไต
10:05
do 360 degree rotation
247
590000
2000
เอามาหมุนดูได้รอบ 360 องศา
10:07
to analyze the kidney
248
592000
2000
เพื่อทำการวิเคราะห์ไต
10:09
in its full volumetric characteristics,
249
594000
4000
เพื่อดูคุณสมบัติปริมาตรโดยรวม
10:13
and we then are able
250
598000
2000
และเราก็สามารถ
10:15
to actually take this information
251
600000
2000
นำข้อมูลนี้
10:17
and then scan this
252
602000
2000
แล้วก็สแกน
10:19
in a printing computerized form.
253
604000
2000
ลงไปในเครื่องพิมพ์
10:21
So we go layer by layer through the organ,
254
606000
3000
เราเข้าไปดูอวัยวะทีละชั้น
10:24
analyzing each layer as we go through the organ,
255
609000
3000
วิเคราะห์ชั้นต่อชั้นระหว่างเราทำการสำรวจ
10:27
and we then are able to send that information, as you see here,
256
612000
4000
จากนั้นส่งข้อมูลนั้น อย่างที่คุณได้เห็น
10:31
through the computer
257
616000
2000
เข้าคอมพิวเตอร์
10:33
and actually design the organ
258
618000
2000
แล้วออกแบบอวัยวะ
10:35
for the patient.
259
620000
2000
สำหรับผู้ป่วย
10:37
This actually shows the actual printer.
260
622000
3000
นี่เป็นเครื่องพิมพ์ตัวจริง
10:40
And this actually shows that printing.
261
625000
2000
ที่กำลังสาธิตการพิมพ์อยู่
10:42
In fact, we actually have the printer right here.
262
627000
4000
ที่จริงเรามีเครื่องพิมพ์จริงๆ อยู่กับเราที่นี่
10:46
So while we've been talking today,
263
631000
3000
ระหว่างที่เรากำลังคุยกันอยู่
10:49
you can actually see the printer
264
634000
3000
คุณสามารถเห็นเครื่องพิมพ์ที่ว่า
10:52
back here in the back stage.
265
637000
3000
ด้านหลังเวที
10:55
That's actually the actual printer right now,
266
640000
2000
ซึ่งตอนนี้มันก็กำลังทำงานอยู่ครับ
10:57
and that's been printing this kidney structure
267
642000
2000
มันกำลังพิมพ์โครงสร้างไตอยู่
10:59
that you see here.
268
644000
2000
ที่คุณเห็นอยู่นี่
11:01
It takes about seven hours to print a kidney,
269
646000
2000
มันใช้เวลาประมาณเจ็ดชั่วโมงในการพิมพ์ไตหนึ่งข้าง
11:03
so this is about three hours into it now.
270
648000
3000
และนี่ก็ผ่านไปสามชั่วโมงแล้ว
11:06
And Dr. Kang's going to walk onstage right now,
271
651000
3000
ตอนนี้ ดร. คัง กำลังเดินขึ้นมาบนเวที
11:09
and we're actually going to show you one of these kidneys
272
654000
3000
และเราจะให้คุณดูไตอันหนึ่ง
11:12
that we printed a little bit earlier today.
273
657000
3000
ที่เราพิมพ์เมื่อเช้านี้
11:18
Put a pair of gloves here.
274
663000
2000
ใส่ถุงมือก่อนนะครับ
11:26
Thank you.
275
671000
2000
ขอบคุณครับ
11:28
Go backwards.
276
673000
2000
ถอยหลังไปนิดนึง
11:36
So, these gloves are a little bit small on me, but here it is.
277
681000
3000
ถุงมือเล็กไปหน่อยสำหรับผม แต่ นี่ครับ
11:39
You can actually see that kidney
278
684000
2000
คุณเห็นไตนี่แล้วใช่ไหมครับ
11:41
as it was printed earlier today.
279
686000
2000
เราเพิ่งพิมพ์มันออกมาเมื่อเช้านี้เอง
11:43
(Applause)
280
688000
16000
(เสียงปรบมือ)
11:59
Has a little bit of consistency to it.
281
704000
3000
มันมีความคงตัวดีครับ
12:03
This is Dr. Kang who's been working with us on this project,
282
708000
3000
นี่ ดร.คัง ซึ่งทำงานกับเราในโครงการนี้
12:06
and part of our team.
283
711000
2000
และเป็นส่วนหนึงในทีมของเราครับ
12:08
Thank you, Dr. Kang. I appreciate it.
284
713000
3000
ขอบคุณครับ ดร.คัง ขอบคุณมาก
12:11
(Applause)
285
716000
5000
(เสียงปรบมือ)
12:16
So this is actually a new generation.
286
721000
2000
นี่เป็นเทคโนโลยีรุ่นใหม่อย่างแท้จริงครับ
12:18
This is actually the printer that you see here onstage.
287
723000
2000
เครื่องพิมพ์ที่คุณเห็นอยู่บนเวทีนี้
12:20
And this is actually a new technology we're working on now.
288
725000
3000
และนี่คือเทคโนโลยีที่พวกเรากำลังทำการศึกษาพัฒนาอยู่ในขณะนี้
12:24
In reality, we now have a long history of doing this.
289
729000
4000
ที่จริงเราศึกษาและลงมือทำเรื่องนี้มานานแล้ว
12:28
I'm going to share with you a clip
290
733000
2000
ผมจะให้คุณดูคลิปวิดีโออันหนึ่งครับ
12:30
in terms of technology we have had in patients now for a while.
291
735000
3000
เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่เราใช้รักษาผู้ป่วยมาได้สักระยะแล้ว
12:33
And this is actually a very brief clip --
292
738000
2000
นี่เป็นเพียงคลิปสั้นๆ ครับ
12:35
only about 30 seconds --
293
740000
2000
แค่สามสิบวินาที
12:37
of a patient who actually received an organ.
294
742000
3000
เกี่ยวกับผู้ป่วยคนหนึ่งที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ
12:40
(Video) Luke Massella: I was really sick. I could barely get out of bed.
295
745000
2000
(วีดีทัศน์) ลุค เมสเซลล่า : ผมเคยป่วยมากๆ แทบลุกจากเตียงไม่ได้เลย
12:42
I was missing school. It was pretty much miserable.
296
747000
3000
ผมคิดถึงโรงเรียน ชีวิตผมค่อนข้างจะรันทดมากๆ
12:45
I couldn't go out
297
750000
2000
ผมไม่สามารถออกไปข้างนอก
12:47
and play basketball at recess
298
752000
2000
แล้วเล่นบาสเกตบอลกับเพื่อนในช่วงเบรค
12:49
without feeling like I was going to pass out
299
754000
2000
โดยไม่รู้สึกเหมือนว่ากำลังจะเป็นลม
12:51
when I got back inside.
300
756000
2000
เมื่อผมกลับมานั่งในตัวอาคาร
12:53
I felt so sick.
301
758000
3000
ผมรู้สึกป่วยมาก
12:56
I was facing basically a lifetime of dialysis,
302
761000
3000
ผมจะต้องเผชิญกับการฟอกไตทั้งชีวิต
12:59
and I don't even like to think about what my life would be like
303
764000
2000
ผมไม่อยากแม้กระทั่งคิดว่า ชีวิตผมจะเป็นอย่างไร
13:01
if I was on that.
304
766000
2000
ถ้าผมต้องเป็นเช่นนั้น
13:03
So after the surgery,
305
768000
2000
หลังจากการผ่าตัด
13:05
life got a lot better for me.
306
770000
2000
ชีวิตผมดีขึ้นมาก
13:07
I was able to do more things.
307
772000
2000
ผมทำอะไรได้หลายอย่างมากขึ้น
13:09
I was able to wrestle in high school.
308
774000
2000
ผมได้เล่นมวยปล้ำที่โรงเรียน
13:11
I became the captain of the team, and that was great.
309
776000
3000
ผมได้เป็นกัปตันทีม แล้วมันก็เยี่ยมมาก
13:14
I was able to be a normal kid with my friends.
310
779000
3000
ผมได้เป็นเด็กปกติที่แวดล้อมด้วยเพื่อนฝูง
13:17
And because they used my own cells to build this bladder,
311
782000
3000
และเพราะว่าเขาใช้เซลล์ของผมเองในการสร้างกระเพาะปัสสาวะ
13:20
it's going to be with me.
312
785000
2000
มันจะอยู่ไปกับผม
13:22
I've got it for life, so I'm all set.
313
787000
3000
ผมจะมีมันไปทั้งชีวิต ตอนนี้ชีวิตผมเข้าที่แล้วครับ
13:25
(Applause)
314
790000
38000
(เสียงปรบมือ)
14:03
Juan Enriquez: These experiments sometimes work,
315
828000
2000
ฮวน เอนริเกส์ : การทดลองพวกนี้ บางครั้งมันก็ได้ผล
14:05
and it's very cool when they do.
316
830000
2000
และมันก็เจ๋งมากเมื่อมันสำเร็จ
14:07
Luke, come up please.
317
832000
2000
ลุค เชิญขึ้นมาหน่อยครับ
14:14
(Applause)
318
839000
15000
(เสียงปรบมือ)
14:29
So Luke, before last night,
319
854000
2000
เอาล่ะ ลุค ก่อนจะเจอกันเมื่อคืน
14:31
when's the last time you saw Tony?
320
856000
2000
คุณเจอโทนี่ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่?
14:33
LM: Ten years ago, when I had my surgery --
321
858000
3000
ลุค: สิบปีก่อน ตอนผมได้รับการผ่าตัดครับ
14:36
and it's really great to see him.
322
861000
2000
และมันก็เยี่ยมมากจริงๆ ที่ได้เจอเขาอีก
14:38
(Laughter)
323
863000
2000
(เสียงหัวเราะ)
14:40
(Applause)
324
865000
6000
(เสียงปรบมือ)
14:46
JE: And tell us a little bit about what you're doing.
325
871000
2000
ฮวน: เล่าให้เราฟังหน่อยสิครับว่าตอนนี้คุณทำอะไรบ้าง
14:48
LM: Well right now I'm in college at the University of Connecticut.
326
873000
3000
ลุค: ตอนนี้ผมเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย คอนเนททีคัท
14:51
I'm a sophomore and studying communications, TV and mass media,
327
876000
4000
ผมอยู่ปีสองแล้ว กำลังเรียนเกี่ยวกับการสื่อสาร ทีวี และสื่อสารมวลชน
14:55
and basically trying to live life like a normal kid,
328
880000
3000
หลักๆ ก็พยายามใช้ชีวิตเหมือนเด็กทั่วๆ ไปครับ
14:58
which I always wanted growing up.
329
883000
2000
ซึ่งเป็นอะไรที่ผมต้องการมาตลอด
15:00
But it was hard to do that when I was born with spina bifida
330
885000
2000
แต่มันยากมากเพราะผมเกิดมาเป็นโรคสไปน่า บิฟิด้า (กระดูกสันหลังโหว่)
15:02
and my kidneys and bladder weren't working.
331
887000
3000
แล้วไตกับกระเพาะปัสสาวะผมก็ไม่ทำงาน
15:05
I went through about 16 surgeries,
332
890000
2000
ผมได้รับการผ่าตัดมาสิบหกครั้ง
15:07
and it seemed impossible to do that
333
892000
2000
และมันก็เหมือนจะเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้ผมเป็นปกติ
15:09
when I was in kidney failure when I was 10.
334
894000
3000
ตอนผมเป็นไตวาย เมื่อผมอายุได้สิบขวบ
15:12
And this surgery came along
335
897000
2000
แล้วเทคโนโลยีการผ่าตัดนี้ก็เข้ามา
15:14
and basically made me who I am today
336
899000
2000
และทำให้ผมเป็นผมในวันนี้
15:16
and saved my life.
337
901000
2000
และช่วยชีวิตผมเอาไว้
15:18
(Applause)
338
903000
11000
(เสียงปรบมือ)
15:29
JE: And Tony's done hundreds of these?
339
914000
3000
ฮวน: และโทนี่ก็ทำการผ่าตัดแบบนี้เป็นร้อยๆ เคสแล้วใช่ไหม?
15:32
LM: What I know from, he's working really hard in his lab
340
917000
3000
ลุค: ที่ผมทราบคือ เขาทำงานหนักมากในห้องทดลองของเขา
15:35
and coming up with crazy stuff.
341
920000
2000
แล้วก็มีความคิดสร้างอะไรแปลกๆ ออกมา
15:37
I know I was one of the first 10 people to have this surgery.
342
922000
3000
ผมทราบว่าผมเป็นหนึ่งในสิบคนแรกที่ได้รับการผ่าตัดแบบนี้
15:40
And when I was 10, I didn't realize how amazing it was.
343
925000
3000
และตอนผมอายุสิบขวบ ผมไม่รู้หรอกว่ามันน่าอัศจรรย์ขนาดไหน
15:43
I was a little kid, and I was like,
344
928000
2000
ผมเป็นแค่เด็กเล็กๆ และผมก็ แบบว่า
15:45
"Yeah. I'll have that. I'll have that surgery."
345
930000
2000
"ผ่าคับ ผมจะผ่าตัด"
15:47
(Laughter)
346
932000
2000
(เสียงหัวเราะ)
15:49
All I wanted to do was to get better,
347
934000
2000
คิดอยู่อย่างเดียวว่าอยากจะหาย อยากจะดีขึ้น
15:51
and I didn't realize how amazing it really was until now that I'm older
348
936000
3000
ผมไม่รู้เลยว่ามันน่าอัศจรรย์แค่ไหนจนกระทั่งตอนนี้ที่ผมโตขึ้น
15:54
and I see the amazing things that he's doing.
349
939000
3000
และได้เห็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ที่คุณหมอได้ทำ
15:58
JE: When you got this call out of the blue --
350
943000
3000
ฮวน: ตอนที่คุณได้รับโทรศัพท์จากเราแบบคาดไม่ถึง
16:01
Tony's really shy,
351
946000
2000
คือ ต้องบอกว่าโทนี่เขาขี้อายมากๆ
16:03
and it took a lot of convincing
352
948000
2000
แล้วก็ต้องกล่อมกันอยู่ตั้งนาน
16:05
to get somebody as modest as Tony
353
950000
2000
กว่าคนถ่อมตัว ไม่ชอบโอ้อวดอย่างโทนี่
16:07
to allow us to bring Luke.
354
952000
3000
จะยอมให้เราไปเชิญคุณมา
16:10
So Luke, you go to your communications professors --
355
955000
2000
ทีนี้ ลุค คุณไปหาอาจารย์ภาควิชาการสื่อสารของคุณ
16:12
you're majoring in communications --
356
957000
2000
คุณเรียนเอกการสื่อสารนี่นะ
16:14
and you ask them for permission to come to TED,
357
959000
2000
แล้วคุณขออนุญาตอาจารย์เพื่อจะมาที่ TED
16:16
which might have a little bit to do with communications,
358
961000
2000
ซึ่งมันก็เกี่ยวกับการสือสารอยู่หมือนกัน
16:18
and what was their reaction?
359
963000
3000
แล้วพวกเขามีปฎิกิริยายังไงกัน
16:21
LM: Most of my professors were all for it,
360
966000
2000
ลุค: อาจารย์ส่วนใหญ่ของผมเห็นด้วยครับ
16:23
and they said, "Bring pictures
361
968000
3000
เขาบอกว่า "เอารูปมาฝากด้วย
16:26
and show me the clips online," and "I'm happy for you."
362
971000
3000
เอาคลิปที่ออนไลน์มาอวดด้วยนะ" แล้วก็ "ยินดีด้วย"
16:29
There were a couple that were a little stubborn,
363
974000
2000
ก็มีอยู่สองคนครับที่ไม่ค่อยเห็นด้วย
16:31
but I had to talk to them.
364
976000
2000
แต่ผมไปคุยกับพวกเขา
16:33
I pulled them aside.
365
978000
3000
ผมต้องไปคุยกับเขาเป็นการส่วนตัวน่ะครับ
16:36
JE: Well, it's an honor and a privilege to meet you.
366
981000
2000
ฮวน: เอาล่ะครับ เป็นเกียรติและเป็นโอกาสพิเศษมากครับที่ได้พบคุณ
16:38
Thank you so much. (LM: Thank you so much.)
367
983000
2000
ของคุณมากเลยครับ (ลุค: ขอบคุณมากครับ)
16:43
JE: Thank you, Tony.
368
988000
2000
ฮวน: ขอบคุณครับ โทนี่
16:45
(Applause)
369
990000
3000
(เสียงปรบมือ)
ABOUT THE SPEAKER
Anthony Atala - SurgeonAnthony Atala asks, "Can we grow organs instead of transplanting them?" His lab at the Wake Forest Institute for Regenerative Medicine is doing just that -- engineering over 30 tissues and whole organs.
Why you should listen
Anthony Atala is the director of the Wake Forest Institute for Regenerative Medicine, where his work focuses on growing and regenerating tissues and organs. His team engineered the first lab-grown organ to be implanted into a human -- a bladder -- and is developing experimental fabrication technology that can "print" human tissue on demand.
In 2007, Atala and a team of Harvard University researchers showed that stem cells can be harvested from the amniotic fluid of pregnant women. This and other breakthroughs in the development of smart bio-materials and tissue fabrication technology promises to revolutionize the practice of medicine.
Anthony Atala | Speaker | TED.com