TEDSalon NY2014
Naomi Oreskes: Why we should trust scientists
นาโอมิ ออเรสเคส (Naomi Oreskes): ทำไมเราควรเชื่อนักวิทยาศาสตร์
Filmed:
Readability: 4.7
1,316,791 views
ปัญหาใหญ่ๆ มากมายในโลกต้องการคำตอบจากนักวิทยาศาสตร์ แต่ทำไมเราควรที่จะเชื่อสิ่งที่พวกเขาพูด นักประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์ นาโอมิ ออเรสเคส ครุ่นคิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเรากับความเชื่อ และเฟ้นเลือกเอาสามปัญหากับแนวคิดทั่วไปที่มีต่อการสอบสวนทางวิทยาศาสตร์ และให้เหตุผลของเธอว่าทำไมเราควรที่จะเชื่อวิทยาศาสตร์
Naomi Oreskes - Historian of science
Naomi Oreskes is a historian of science who uses reason to fight climate change denial. Full bio
Naomi Oreskes is a historian of science who uses reason to fight climate change denial. Full bio
Double-click the English transcript below to play the video.
00:12
Every day we face issues like climate change
0
930
3128
ทุกๆ วันเราเจอปัญหาอย่าง
การเปลี่ยนแปลงสภาพทางภูมิอากาศ
การเปลี่ยนแปลงสภาพทางภูมิอากาศ
00:16
or the safety of vaccines
1
4058
1430
หรือความปลอดภัยของวัคซีน
00:17
where we have to answer questions whose answers
2
5488
3040
ซึ่งคำถามที่เราต้องตอบนั้น
00:20
rely heavily on scientific information.
3
8528
3461
ต้องพึ่งพาข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มาก
00:23
Scientists tell us that the world is warming.
4
11989
2881
นักวิทยาศาสตร์บอกเราว่าโลกของเราร้อนขึ้น
00:26
Scientists tell us that vaccines are safe.
5
14870
2541
นักวิทยาศาสตร์บอกเราว่าวัคซีนนั้นปลอดภัย
00:29
But how do we know if they are right?
6
17411
2054
แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาพูดถูก
00:31
Why should be believe the science?
7
19465
1964
ทำไมเราต้องเชื่อวิทยาศาสตร์ด้วย
00:33
The fact is, many of us actually
don't believe the science.
don't believe the science.
8
21429
3469
อันที่จริง พวกเราหลายคนไม่เชื่อวิทยาศาสตร์
00:36
Public opinion polls consistently show
9
24898
2176
ความคิดเห็นจากการทำการสำรวจ
แสดงให้เห็นเสมอว่า
แสดงให้เห็นเสมอว่า
00:39
that significant proportions of the American people
10
27074
3010
คนอเมริกันจำนวนมากทีเดียว
00:42
don't believe the climate is
warming due to human activities,
warming due to human activities,
11
30084
3541
ที่ไม่เชื่อว่าภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงไป
เพราะการกระทำของมนุษย์
เพราะการกระทำของมนุษย์
00:45
don't think that there is
evolution by natural selection,
evolution by natural selection,
12
33625
2939
ไม่คิดว่ามี วิวัฒนาการ
ที่เกิดจากการคัดเลือกทางธรรมชาติ
ที่เกิดจากการคัดเลือกทางธรรมชาติ
00:48
and aren't persuaded by the safety of vaccines.
13
36564
3901
และไม่ได้คล้อยตามว่าวัคซีนนั้นปลอดภัย
00:52
So why should we believe the science?
14
40465
3631
แล้วทำไมเราต้องเชื่อวิทยาศาสตร์
00:56
Well, scientists don't like talking about
science as a matter of belief.
science as a matter of belief.
15
44096
3611
นักวิทยาศาสตร์ไม่ได้ชอบ
ที่จะพูดถึงวิทยาศาสตร์ว่าเป็นความเชื่อ
ที่จะพูดถึงวิทยาศาสตร์ว่าเป็นความเชื่อ
00:59
In fact, they would contrast science with faith,
16
47707
2587
ที่จริง พวกเขามักทำให้เห็นความต่างระหว่าง
วิทยาศาสตร์และความศรัทธา
วิทยาศาสตร์และความศรัทธา
01:02
and they would say belief is the domain of faith.
17
50294
2966
และพวกเขาอาจบอกว่า
ความเชื่ออยู่ในขอบเขตของความศรัทธา
ความเชื่ออยู่ในขอบเขตของความศรัทธา
01:05
And faith is a separate thing
apart and distinct from science.
apart and distinct from science.
18
53260
3778
และความศรัทธานั้นเป็นสิ่งที่ต่าง
และห่างออกไปจากวิทยาศาสตร์
และห่างออกไปจากวิทยาศาสตร์
01:09
Indeed they would say religion is based on faith
19
57038
3152
พวกเขาจะพูดแน่ๆ ว่าศาสนา
นั้นอยู่บนรากฐานของความศรัทธา
นั้นอยู่บนรากฐานของความศรัทธา
01:12
or maybe the calculus of Pascal's wager.
20
60190
3694
หรือบางทีจะขอใช้แคลคูลัสของปาสกัล
เป็นเดิมพัน
เป็นเดิมพัน
01:15
Blaise Pascal was a 17th-century mathematician
21
63884
2676
เบลส ปาสกัล (Blaise Pascal)
นักคณิตศาสตร์ในศตวรรษที่ 17
นักคณิตศาสตร์ในศตวรรษที่ 17
01:18
who tried to bring scientific
reasoning to the question of
reasoning to the question of
22
66560
2810
ผู้ซึ่งพยายามที่จะนำการให้เหตุผล
ทางวิทยาศาสตร์ไปใช้กับคำถามที่ว่า
ทางวิทยาศาสตร์ไปใช้กับคำถามที่ว่า
01:21
whether or not he should believe in God,
23
69370
1872
เขาควรเชื่อในพระเจ้าหรือไม่
01:23
and his wager went like this:
24
71242
2604
และเดิมพันของเขาก็คือ
01:25
Well, if God doesn't exist
25
73846
2549
เอาล่ะ ถ้าพระเจ้าไม่มีอยู่จริง
01:28
but I decide to believe in him
26
76395
2025
แต่ฉันตัดสินใจที่จะเชื่อในพระเจ้า
01:30
nothing much is really lost.
27
78420
1978
ก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไรมาก
01:32
Maybe a few hours on Sunday.
28
80398
1613
บางทีก็แค่เวลาไม่กี่ชั่วโมงตอนวันอาทิตย์
01:34
(Laughter)
29
82011
993
(เสียงหัวเราะ)
01:35
But if he does exist and I don't believe in him,
30
83004
3381
แต่ถ้าพระองค์มีอยู่จริง แล้วผมไม่เชื่อ
01:38
then I'm in deep trouble.
31
86385
2017
ทีนี้ล่ะ ผมเจอปัญหาใหญ่แน่
01:40
And so Pascal said, we'd better believe in God.
32
88402
3036
ปาสกัลก็เลยบอกว่า เราควรที่จะเชื่อในพระเจ้า
01:43
Or as one of my college professors said,
33
91438
2172
หรืออย่างหนึ่งที่ศาสตราจารย์ของฉันบอก
01:45
"He clutched for the handrail of faith."
34
93610
2226
"เขายึดหลักเกาะเกี่ยวกับความศรัทธา"
01:47
He made that leap of faith
35
95836
1936
เขาทำการกระโจนออกไปด้วยความศรัทธา
01:49
leaving science and rationalism behind.
36
97772
4524
ทิ้งวิทยาศาสตร์และหลักความเชื่อเรื่องเหตุผล
ไว้ข้างหลัง
ไว้ข้างหลัง
01:54
Now the fact is though, for most of us,
37
102296
2696
ทีนี้ความจริงนั้นมันยาก สำหรับเราส่วนใหญ่
01:56
most scientific claims are a leap of faith.
38
104992
3134
ข้อกล่าวอ้างทางวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่
เป็นการกระโจนด้วยศรัทธา
เป็นการกระโจนด้วยศรัทธา
02:00
We can't really judge scientific
claims for ourselves in most cases.
claims for ourselves in most cases.
39
108126
4385
พวกเราไม่สามารถตัดสินข้อกล่าวอ้าง
ทางวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ได้ด้วยตัวเองจริงๆ
ทางวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ได้ด้วยตัวเองจริงๆ
02:04
And indeed this is actually
true for most scientists as well
true for most scientists as well
40
112511
2840
และแน่นอน มันจริงเช่นกัน
สำหรับนักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่
สำหรับนักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่
02:07
outside of their own specialties.
41
115351
2330
เมื่อมันเป็นเรื่องที่นอกเหนือความเชี่ยวชาญ
02:09
So if you think about it, a geologist can't tell you
42
117681
2520
ดังนั้น ถ้าคุณคิดถึงมัน
นักธรณีวิทยาไม่สามารถบอกคุณได้
นักธรณีวิทยาไม่สามารถบอกคุณได้
02:12
whether a vaccine is safe.
43
120201
1750
ว่าวัคซีนปลอดภัยหรือเปล่า
02:13
Most chemists are not experts in evolutionary theory.
44
121951
3000
นักเคมีส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญ
ในทฤษฎีวิวัฒนาการ
ในทฤษฎีวิวัฒนาการ
02:16
A physicist cannot tell you,
45
124951
2259
นักฟิสิกส์ไม่สามารถบอกคุณได้
02:19
despite the claims of some of them,
46
127210
1443
เว้นเสียแต่ว่าเป็นข้อกล่าวอ้างบางข้อ
02:20
whether or not tobacco causes cancer.
47
128653
3354
ว่ายาสูบทำให้เกิดมะเร็งหรือเปล่า
02:24
So, if even scientists themselves
48
132007
2450
ดังนั้น ถ้าแม้แต่นักวิทยาศาสตร์เอง
02:26
have to make a leap of faith
49
134457
1276
ยังจะต้องมีการกระโจนด้วยศรัทธา
02:27
outside their own fields,
50
135733
1922
เมื่อออกไปนอกองค์ความรู้ของพวกเขา
02:29
then why do they accept the
claims of other scientists?
claims of other scientists?
51
137655
3928
แล้วทำไมพวกเขาถึงยอมรับ
ข้อกล่าวอ้างของนักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆ
ข้อกล่าวอ้างของนักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆ
02:33
Why do they believe each other's claims?
52
141583
2298
ทำไมพวกเขาจึงเชื่อข้อกล่าวอ้างของกันและกัน
02:35
And should we believe those claims?
53
143881
3290
และเราควรที่จะเชื่อข้อกล่าวอ้างพวกนั้นหรือ
02:39
So what I'd like to argue is yes, we should,
54
147171
2776
ที่ฉันอยากจะแย้งคือ ใช่ เราควรค่ะ
02:41
but not for the reason that most of us think.
55
149947
2883
แต่ไม่ใช่ด้วยเหตุผลที่ว่า
พวกเราส่วนใหญ่คิดอย่างนั้น
พวกเราส่วนใหญ่คิดอย่างนั้น
02:44
Most of us were taught in school
that the reason we should
that the reason we should
56
152830
2330
พวกเราส่วนใหญ่ถูกสอนมาในโรงเรียน
ว่าเหตุผลที่เราควรเชื่อในวิทยาศาสตร์
ว่าเหตุผลที่เราควรเชื่อในวิทยาศาสตร์
02:47
believe in science is because of the scientific method.
57
155160
3412
ก็เพราะว่าด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์
02:50
We were taught that scientists follow a method
58
158572
2916
เราถูกสอนว่า นักวิทยาศาสตร์ทำตามขั้นตอน
02:53
and that this method guarantees
59
161488
2356
และวิธีการนี้รับรอง
02:55
the truth of their claims.
60
163844
1996
ความจริงให้กับข้อกล่าวอ้างของพวกเขา
02:57
The method that most of us were taught in school,
61
165840
3420
วิธีการที่พวกเราส่วนใหญ่
ถูกสอนมาในโรงเรียน
ถูกสอนมาในโรงเรียน
03:01
we can call it the textbook method,
62
169260
1576
พวกเราเรียกมันว่าวิธีการตามตำราก็ได้
03:02
is the hypothetical deductive method.
63
170836
2784
มันเป็นวิธีแบบนิรนัยจากสมมติฐาน
(hypothetical deductive method)
(hypothetical deductive method)
03:05
According to the standard
model, the textbook model,
model, the textbook model,
64
173620
3094
ตามแบบจำลองมาตรฐาน ตามแบบจำลองตำรา
03:08
scientists develop hypotheses, they deduce
65
176714
2957
นักวิทยาศาสตร์พัฒนาสมมติฐาน
พวกเขาอนุมาน
พวกเขาอนุมาน
03:11
the consequences of those hypotheses,
66
179671
2460
ผลที่จะตามมาของสมมติฐานนั้น
03:14
and then they go out into the world and they say,
67
182131
1710
และจากนั้นพวกเขาก็ออกไปในโลก
และบอกว่า
และบอกว่า
03:15
"Okay, well are those consequences true?"
68
183841
2374
"เอาล่ะ สิ่งที่เกิดตามมานั้นมันจริงหรือเปล่า"
03:18
Can we observe them taking
place in the natural world?
place in the natural world?
69
186215
3333
เราทำการสำรวจ
ว่ามันเกิดขึ้นในโลกปกติได้ไหม
ว่ามันเกิดขึ้นในโลกปกติได้ไหม
03:21
And if they are true, then the scientists say,
70
189548
2600
และถ้ามันจริง
นักวิทยาศาสตร์ก็จะบอกว่า
นักวิทยาศาสตร์ก็จะบอกว่า
03:24
"Great, we know the hypothesis is correct."
71
192148
2856
"ยอดเลย เรารู้ว่าสมมติฐานนี้ถูกต้อง"
03:27
So there are many famous examples in the history
72
195004
2179
มีตัวอย่างที่โด่งดังมากมาย
ในประวัติศาสตร์ของวิทยาศาสตร์
ในประวัติศาสตร์ของวิทยาศาสตร์
03:29
of science of scientists doing exactly this.
73
197183
2879
ที่นักวิทยาศาสตร์ทำแบบนี้เป๊ะๆ
03:32
One of the most famous examples
74
200062
2058
หนึ่งในตัวอย่างที่โด่งดังที่สุด
03:34
comes from the work of Albert Einstein.
75
202120
2213
มาจากผลงานของอัลเบิร์ต ไอสไตน์
03:36
When Einstein developed the
theory of general relativity,
theory of general relativity,
76
204333
2522
เมื่อไอสไตน์พัฒนาทฤษฎีสัมพันธภาพทั่วไป
03:38
one of the consequences of his theory
77
206855
2316
หนึ่งในผลที่เกิดขึ้นต่อมาจากทฤษฎีของเขา
03:41
was that space-time wasn't just an empty void
78
209171
2839
คืออวกาศ-เวลา ไม่ได้เป็นแค่ห้วงว่างเปล่า
03:44
but that it actually had a fabric.
79
212010
1909
แต่แท้จริงแล้วมันมีโครงสร้าง
03:45
And that that fabric was bent
80
213919
1601
และโครงสร้างนั้นก็ถูกดัด
03:47
in the presence of massive objects like the sun.
81
215520
3380
เมื่อมีวัตถุขนาดยักษ์อย่างดวงอาทิตย์
03:50
So if this theory were true then it meant that light
82
218900
2749
ดังนั้น ถ้าทฤษฎีนี้เป็นจริงแล้ว
มันหมายความว่า
มันหมายความว่า
03:53
as it passed the sun
83
221649
1528
เมื่อแสงเดินทางผ่านดวงอาทิตย์
03:55
should actually be bent around it.
84
223177
2168
ควรที่จะถูกดัดให้โค้งไปรอบมัน
03:57
That was a pretty startling prediction
85
225345
2400
มันค่อนข้างจะเป็นการคาดคะเนที่น่าตกใจ
03:59
and it took a few years before scientists
86
227745
1988
และมันก็กินเวลาสองสามปี
ก่อนที่นักวิทยาศาสตร์
ก่อนที่นักวิทยาศาสตร์
04:01
were able to test it
87
229733
1278
จะสามารถที่จะทดสอบมันได้
04:03
but they did test it in 1919,
88
231011
2510
แต่พวกเขาทำการทดสอบในปี 1919
04:05
and lo and behold it turned out to be true.
89
233521
2450
และดูเสียก่อน
กลายเป็นว่ามันเป็นความจริงซะด้วย
กลายเป็นว่ามันเป็นความจริงซะด้วย
04:07
Starlight actually does bend
as it travels around the sun.
as it travels around the sun.
90
235971
3158
แสงดาวถูกดัดให้โค้งจริงๆ
เมื่อมันเดินทางรอบดวงอาทิตย์
เมื่อมันเดินทางรอบดวงอาทิตย์
04:11
This was a huge confirmation of the theory.
91
239129
2494
นี่เป็นการยืนยันที่ยิ่งใหญ่ของทฤษฎีนี้
04:13
It was considered proof of the truth
92
241623
1805
มันได้รับการพิจารณาว่าเป็นข้อพิสูจน์ความจริง
04:15
of this radical new idea,
93
243428
1312
ของความคิดใหม่แสนสุดโต่ง
04:16
and it was written up in many newspapers
94
244740
1852
และมันถูกเขียนถึงในหนังสือพิมพ์หลายฉบับ
04:18
around the globe.
95
246592
2538
ทั่วโลก
04:21
Now, sometimes this theory or this model
96
249130
2350
ทีนี้ บางครั้งทฤษฎีหรือแบบจำลองนี้
04:23
is referred to as the deductive-nomological model,
97
251480
3434
ถูกกล่าวถึงว่าเป็นแบบจำลองแบบกฎของการอนุมาน
(deductive-nomological model)
(deductive-nomological model)
04:26
mainly because academics like
to make things complicated.
to make things complicated.
98
254914
3384
โดยหลักแล้ว เพราะทางวิชาการ
ชอบที่จะทำสิ่งที่ซับซ้อน
ชอบที่จะทำสิ่งที่ซับซ้อน
04:30
But also because in the ideal case, it's about laws.
99
258298
5261
แต่มันก็ยังเป็นเพราะในกรณีที่สมบูรณ์
มันเกี่ยวกับกฎเกณฑ์
มันเกี่ยวกับกฎเกณฑ์
04:35
So nomological means having to do with laws.
100
263559
2502
คำว่า โนโมโลจิคัล (nomological)
หมายถึง เกี่ยวข้องกับกฎเกณฑ์
หมายถึง เกี่ยวข้องกับกฎเกณฑ์
04:38
And in the ideal case, the hypothesis isn't just an idea:
101
266061
3424
และในกรณีที่สมบูรณ์ สมมติฐานไม่ได้เป็นแค่ความคิด
04:41
ideally, it is a law of nature.
102
269485
2326
โดยสมบูรณ์แล้ว มันคือกฎแห่งธรรมชาติ
04:43
Why does it matter that it is a law of nature?
103
271811
2287
ทำไมมันถึงสำคัญ ที่วามันเป็นกฎแห่งธรรมชาติ
04:46
Because if it is a law, it can't be broken.
104
274098
2728
เพราะว่า ถ้ามันเป็นกฎแล้ว
มันก็ไม่สามารถที่จะถูกฝ่าฝืนได้
มันก็ไม่สามารถที่จะถูกฝ่าฝืนได้
04:48
If it's a law then it will always be true
105
276826
2108
ถ้ามันเป็นกฎแล้วมันจะเป็นจริงเสมอ
04:50
in all times and all places
106
278934
1244
ในทุกเวลาและทุกสถานที่
04:52
no matter what the circumstances are.
107
280178
2206
ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร
04:54
And all of you know of at least
one example of a famous law:
one example of a famous law:
108
282384
3229
และที่คุณทุกคนก็รู้อย่างน้อยหนึ่งตัวอย่าง
ของกฎที่โด่งดัง
ของกฎที่โด่งดัง
04:57
Einstein's famous equation, E=MC2,
109
285613
3755
สมการที่โด่งดังของไอสไตน์ E=MC2
05:01
which tells us what the relationship is
110
289368
1800
ซึ่งบอกเราว่าความสัมพันธ์
05:03
between energy and mass.
111
291168
2193
ระหว่างพลังงานและมวลคืออะไร
05:05
And that relationship is true no matter what.
112
293361
4000
และความสัมพันธ์นั้นก็จริงไม่ว่าจะอย่างไร
05:09
Now, it turns out, though, that there
are several problems with this model.
are several problems with this model.
113
297361
3649
ทีนี้ มันกลายเป็นว่า แบบจำลองนี้มีปัญหา
อยู่สองสามอย่าง
อยู่สองสามอย่าง
05:13
The main problem is that it's wrong.
114
301010
3635
ปัญหาหลักคือมันผิด
05:16
It's just not true. (Laughter)
115
304645
3502
มันก็แค่ไม่จริง (เสียงหัวเราะ)
05:20
And I'm going to talk about
three reasons why it's wrong.
three reasons why it's wrong.
116
308147
2723
และฉันกำลังที่จะบรรยายเกี่ยวกับอีกสามเหตุผล
ว่าทำไมมันผิด
ว่าทำไมมันผิด
05:22
So the first reason is a logical reason.
117
310870
2679
เหตุผลแรกคือเหตุผลทางตรรกะ
05:25
It's the problem of the fallacy
of affirming the consequent.
of affirming the consequent.
118
313549
3516
มันเป็นปัญหาแห่งความคิดผิดๆ
เกี่ยวกับการยืนยันผลที่ตามมา
เกี่ยวกับการยืนยันผลที่ตามมา
05:29
So that's another fancy, academic way of saying
119
317065
2826
นั่นเป็นอีกหนึ่งความคิดผิดๆ
เป็นการพูดอย่างนักวิชาการ
เป็นการพูดอย่างนักวิชาการ
05:31
that false theories can make true predictions.
120
319891
2670
ว่าทฤษฎีที่ผิดสามารถให้การคาดเดาที่ถูกได้
05:34
So just because the prediction comes true
121
322561
1994
แค่เพียงเพราะการคาดเดาออกมาถูก
05:36
doesn't actually logically
prove that the theory is correct.
prove that the theory is correct.
122
324555
3222
ไม่ได้พิสูจน์ด้วยตรรกะจริงๆ ว่าทฤษฎีนั้นถูกต้อง
05:39
And I have a good example of that too,
again from the history of science.
again from the history of science.
123
327777
3931
และฉันมีตัวอย่างด้วยเช่นกัน
อีกครั้ง จากประวัติศาสตร์ของวิทยาศาสตร์
อีกครั้ง จากประวัติศาสตร์ของวิทยาศาสตร์
05:43
This is a picture of the Ptolemaic universe
124
331708
2695
นี่คือรูปภาพของจักรวาลของปโตเลมี
05:46
with the Earth at the center of the universe
125
334403
1862
ที่มีโลกอยู่ศูนย์กลางจักรวาล
05:48
and the sun and the planets going around it.
126
336265
2595
และดวงอาทิตย์และดาวเคราะห์อื่นๆ
โคจรไปรอบๆ มัน
โคจรไปรอบๆ มัน
05:50
The Ptolemaic model was believed
127
338860
2030
แบบจำลองแบบปโตเลมีได้รับความเชื่อถือ
05:52
by many very smart people for many centuries.
128
340890
3253
โดยคนฉลาดมากมาย เป็นเวลาหลายศตวรรษ
05:56
Well, why?
129
344143
1736
เพราะอะไรล่ะ
05:57
Well the answer is because it made
lots of predictions that came true.
lots of predictions that came true.
130
345879
3437
คำตอบก็คือ เพราะว่ามันทำการคาดคะเนมากมาย
ที่ผลออกมาเป็นจริง
ที่ผลออกมาเป็นจริง
06:01
The Ptolemaic system enabled astronomers
131
349316
2016
ระบบแบบปโตเลมีทำให้นักดาราศาสตร์
06:03
to make accurate predictions
of the motions of the planet,
of the motions of the planet,
132
351332
2750
ทำการคาดคะเนการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์
ได้อย่างแม่นยำ
ได้อย่างแม่นยำ
06:06
in fact more accurate predictions at first
133
354082
2519
อันที่จริง ตอนแรกคาดคะเนได้แม่นยำมากกว่า
06:08
than the Copernican theory
which we now would say is true.
which we now would say is true.
134
356601
4324
ทฤษฎีของโคเปอร์นิคัส ซึ่งตอนนี้เราบอกได้ว่ามันจริง
06:12
So that's one problem with the textbook model.
135
360925
2982
นั่นเป็นหนึ่งปัญหาของแบบจำลองตามตำรา
06:15
A second problem is a practical problem,
136
363907
2396
ปัญหาที่สองเป็นปัญหาทางในทางปฏิบัติ
06:18
and it's the problem of auxiliary hypotheses.
137
366303
3235
และมันเป็นปัญหาของสมมติฐานเสริม
06:21
Auxiliary hypotheses are assumptions
138
369538
2829
สมมติฐานเสริมเป็นการสันนิษฐาน
06:24
that scientists are making
139
372367
1779
ที่นักวิทยาศาสตร์ได้สร้างขึ้น
06:26
that they may or may not even
be aware that they're making.
be aware that they're making.
140
374146
3043
ซึ่งพวกเขาอาจจะหรือไม่ตระหนัก
ว่าพวกเขากระทำ
ว่าพวกเขากระทำ
06:29
So an important example of this
141
377189
2661
ตัวอย่างสำคัญของสิ่งนี้
06:31
comes from the Copernican model,
142
379850
2095
มาจากแบบจำลองโคเปอร์นิคัส
06:33
which ultimately replaced the Ptolemaic system.
143
381945
3192
ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว มาแทนที่ระบบแบบปโตเลมี
06:37
So when Nicolaus Copernicus said,
144
385137
2040
เมื่อนิโคลัส โคเปอร์นิคัส กล่าวว่า
06:39
actually the Earth is not the center of the universe,
145
387177
2650
ที่จริงโลกไม่ได้เป็นศูนย์กลางจักรวาล
06:41
the sun is the center of the solar system,
146
389827
1918
ดวงอาทิตย์อยู่ศูนย์กลางระบบสุริยจักรวาล
06:43
the Earth moves around the sun.
147
391745
1382
โลกโคจรไปรอบๆ ดวงอาทิตย์
06:45
Scientists said, well okay, Nicolaus, if that's true
148
393127
3728
นักวิทยาศาสตร์บอกว่า เอาล่ะ นิโคลัส ถ้านั่นมันจริง
06:48
we ought to be able to detect the motion
149
396855
1764
เราก็ควรที่จะสามารถตรวจจับการเคลื่อนไหว
06:50
of the Earth around the sun.
150
398619
1958
ของโลกรอบๆ ด้วยอาทิตย์ได้สิ
06:52
And so this slide here illustrates a concept
151
400577
2056
และสไลด์นี้เป็นภาพของแนวคิด
06:54
known as stellar parallax.
152
402633
1808
ที่เรียกว่า การเหลื่อมตำแหน่งของดวงดาว
(stellar parallax)
(stellar parallax)
06:56
And astronomers said, if the Earth is moving
153
404441
3822
และนักดาราศาสตร์บอกว่า ถ้าโลกกำลังเคลื่อนที่
07:00
and we look at a prominent star, let's say, Sirius --
154
408263
3200
และเรามองไปยังดาวที่เด่นชัด เช่น ซิริอัส
07:03
well I know I'm in Manhattan
so you guys can't see the stars,
so you guys can't see the stars,
155
411463
2414
ฉันรู้ว่าฉันอยู่ในแมนฮัตตัน
คุณก็เลยไม่เห็นดาว
คุณก็เลยไม่เห็นดาว
07:05
but imagine you're out in the country,
imagine you chose that rural life —
imagine you chose that rural life —
156
413877
3731
แต่ลองนึกดูว่าคุณออกไปอยู่ในชนบท
ลองคิดว่าคุณเลือกชีวิตไกลกรุง
ลองคิดว่าคุณเลือกชีวิตไกลกรุง
07:09
and we look at a star in December, we see that star
157
417608
2867
และเรามองดวงดาวในเดือนธันวาคม
เราเห็นดาวดวงนั้น
เราเห็นดาวดวงนั้น
07:12
against the backdrop of distant stars.
158
420475
2765
บนพื้นหลังที่มีดาวที่ห่างออกไป
07:15
If we now make the same observation six months later
159
423240
2954
ถ้าพวกเราทำการสังเกตหกเดือนหลังจากนี้
07:18
when the Earth has moved to this position in June,
160
426194
3812
เมื่อโลกได้เคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งในเดือนมิถุนายน
07:22
we look at that same star and we
see it against a different backdrop.
see it against a different backdrop.
161
430006
4099
เรามองไปยังดาวดวงเดิม และเราเห็นมัน
บนพื้นหลังที่ต่างออกไป
บนพื้นหลังที่ต่างออกไป
07:26
That difference, that angular
difference, is the stellar parallax.
difference, is the stellar parallax.
162
434105
4182
ความแตกต่างนั้น องศาที่แตกต่างนั้น
คือ การเหลื่อมตำแหน่งของดวงดาว
คือ การเหลื่อมตำแหน่งของดวงดาว
07:30
So this is a prediction that the Copernican model makes.
163
438287
2863
ดังนั้น การคาดการโดยแบบจำลองโคเปอร์นิคัส
07:33
Astronomers looked for the stellar parallax
164
441150
2561
นักดาราศาสตร์มองหา
การเหลื่อมตำแหน่งของดวงดาว
การเหลื่อมตำแหน่งของดวงดาว
07:35
and they found nothing, nothing at all.
165
443711
4982
และพวกเขาไม่พบอะไร ไม่พบอะไรเลย
07:40
And many people argued that this proved
that the Copernican model was false.
that the Copernican model was false.
166
448693
3866
และคนมากมายเถียงว่า
นี่เป็นข้อพิสูจน์ที่ว่าแบบจำลองโคเปอร์นิคัสเป็นเท็จ
นี่เป็นข้อพิสูจน์ที่ว่าแบบจำลองโคเปอร์นิคัสเป็นเท็จ
07:44
So what happened?
167
452559
1488
แล้วมันเกิดอะไรขึ้น
07:46
Well, in hindsight we can say
that astronomers were making
that astronomers were making
168
454047
2683
เมื่อเราเข้าใจปัญหาหลังจากที่มันเกิดขึ้นแล้ว
เราสามารถบอกได้ว่านักดาราศาสตร์
เราสามารถบอกได้ว่านักดาราศาสตร์
07:48
two auxiliary hypotheses, both of which
169
456730
2547
ได้ตั้งสองสมมติฐานเสริม ซึ่งทั้งสองข้อนั้น
07:51
we would now say were incorrect.
170
459277
2663
ตอนนี้เราบอกได้ว่ามันไม่ถูก
07:53
The first was an assumption
about the size of the Earth's orbit.
about the size of the Earth's orbit.
171
461940
3635
อย่างแรกคือข้อสมมติเกี่ยวกับขนาดของวงโคจรโลก
07:57
Astronomers were assuming
that the Earth's orbit was large
that the Earth's orbit was large
172
465575
3036
นักดาราศาสตร์เคยคาดไว้ว่าวงโคจรของโลกนั้นใหญ่
08:00
relative to the distance to the stars.
173
468611
2338
เป็นสัดส่วนกับระยะห่างจากดวงดาว
08:02
Today we would draw the picture more like this,
174
470949
2464
วันนี้เราจะเขียนภาพเป็นแบบนี้มากกว่า
08:05
this comes from NASA,
175
473413
1347
มันมาจากนาซ่า
08:06
and you see the Earth's orbit is actually quite small.
176
474760
2423
และคุณเห็นวงโคจรของโลกว่ามันค่อนข้างเล็ก
08:09
In fact, it's actually much
smaller even than shown here.
smaller even than shown here.
177
477183
2991
อันที่จริง มันเล็กกว่าที่แสดงให้เห็นตรงนี้
08:12
The stellar parallax therefore,
178
480174
1539
การเหลื่อมตำแหน่งของดวงดาวนั้น
08:13
is very small and actually very hard to detect.
179
481713
3584
เล็กมากๆ และอันที่จริง ยากที่จะตรวจจับได้
08:17
And that leads to the second reason
180
485297
1974
และนั่นนำไปสู่เหตุผลที่สอง
08:19
why the prediction didn't work,
181
487271
1859
ทำไมการคาดคะเนถึงไม่ได้ผล
08:21
because scientists were also assuming
182
489130
1915
เพราะว่านักวิทยาศาสตร์ยังเข้าใจว่า
08:23
that the telescopes they had were sensitive enough
183
491045
3010
กล้องโทรทัศน์ที่พวกเขามีนั้นไวพอ
08:26
to detect the parallax.
184
494055
1900
ที่จะตรวจจับการเหลื่อมตำแหน่งได้
08:27
And that turned out not to be true.
185
495955
2017
และนั่นกลายเป็นว่าไม่เป็นความจริง
08:29
It wasn't until the 19th century
186
497972
2534
ไม่จนกระทั่งศตวรรษที่ 19
08:32
that scientists were able to detect
187
500506
1684
ที่นักวิทยาศาสตร์สามารถที่จะตรวจจับ
08:34
the stellar parallax.
188
502190
1536
การเหลื่อมตำแหน่งของดาวได้
08:35
So, there's a third problem as well.
189
503726
2646
ดังนั้น มันมีปัญหาที่สามเช่นกัน
08:38
The third problem is simply a factual problem,
190
506372
2778
ปัญหาที่สามเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับข้อเท็จจริง
08:41
that a lot of science doesn't fit the textbook model.
191
509150
2816
ที่ว่า วิทยาศาสตร์มากมาย
ไม่ได้เป็นไปตามแบบจำลองตำรา
ไม่ได้เป็นไปตามแบบจำลองตำรา
08:43
A lot of science isn't deductive at all,
192
511966
2273
วิทยาศาสตร์มากมายไม่ใช่การนิรนัยเลย
08:46
it's actually inductive.
193
514239
1768
มันเป็นการอุปนัย
08:48
And by that we mean that scientists don't necessarily
194
516007
2516
และที่เราบอกว่า นักวิทยาศาสตร์
08:50
start with theories and hypotheses,
195
518523
2231
ไม่จำเป็นจะต้องเริ่มต้นด้วยทฤษฎีและสมมติฐาน
08:52
often they just start with observations
196
520754
1869
บ่อยครั้ง พวกเขาเริ่มจากการสังเกต
08:54
of stuff going on in the world.
197
522623
2409
สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลก
08:57
And the most famous example
of that is one of the most
of that is one of the most
198
525032
2570
และตัวอย่างที่โด่งดังที่สุดนั้น
08:59
famous scientists who ever lived, Charles Darwin.
199
527602
3065
คืองานจากนักวิทยาศาสตร์ที่โด่งดังที่สุดที่เคยมี
ชาร์ล ดาวิน
ชาร์ล ดาวิน
09:02
When Darwin went out as a young
man on the voyage of the Beagle,
man on the voyage of the Beagle,
200
530667
3162
เมื่อดาวิน ได้เดินทางไปกับเรือบีเกิลเมื่อยังหนุ่ม
09:05
he didn't have a hypothesis, he didn't have a theory.
201
533829
3612
เขาไม่ได้มีสมมติฐาน เขาไม่ได้มีทฤษฎี
09:09
He just knew that he wanted
to have a career as a scientist
to have a career as a scientist
202
537441
3066
เขาแค่รู้ว่าเขาต้องการจะมีอาชีพ
เป็นนักวิทยาศาสตร์
เป็นนักวิทยาศาสตร์
09:12
and he started to collect data.
203
540507
2012
และเขาก็เริ่มเก็บข้อมูล
09:14
Mainly he knew that he hated medicine
204
542519
2730
โดยหลักๆ แล้ว เขารู้ว่าเขาเกลียดการแพทย์
09:17
because the sight of blood made him sick so
205
545249
1818
เพราะการเห็นเลือดทำให้เขารู้สึกไม่ดี
09:19
he had to have an alternative career path.
206
547067
2268
เขาต้องหาอาชีพทางเลือกอื่น
09:21
So he started collecting data.
207
549335
2134
ดังนั้นเขาจึงเริ่มเก็บข้อมูล
09:23
And he collected many things,
including his famous finches.
including his famous finches.
208
551469
3166
และเขาเก็บสิ่งต่างๆ มากมาย
รวมทั้งนกฟินช์
รวมทั้งนกฟินช์
09:26
When he collected these finches,
he threw them in a bag
he threw them in a bag
209
554635
2210
เมื่อเขาเก็บนกเหล่านี้
เขาโยนมันเข้าไปในถุง
เขาโยนมันเข้าไปในถุง
09:28
and he had no idea what they meant.
210
556845
2340
และเขาไม่รู้เลยว่าเขาได้ทำอะไร
09:31
Many years later back in London,
211
559185
2287
หลายปีผ่านไปในลอนดอน
09:33
Darwin looked at his data again and began
212
561472
2233
ดาวินดูข้อมูลของเขาอีกครั้ง
09:35
to develop an explanation,
213
563705
2448
แล้วเริ่มที่จะพัฒนาคำอธิบาย
09:38
and that explanation was the
theory of natural selection.
theory of natural selection.
214
566153
3298
และนั่นคำอธิบายนั่นก็คือ
ทฤษฎีของการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ทฤษฎีของการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
09:41
Besides inductive science,
215
569451
2059
นอกเหนือจากวิทยาศาสตร์อุปนัย
09:43
scientists also often participate in modeling.
216
571510
2936
นักวิทยาศาสตร์ยังข้องเกี่ยว
กับการสร้างแบบจำลองบ่อยๆ
กับการสร้างแบบจำลองบ่อยๆ
09:46
One of the things scientists want to do in life
217
574446
2336
สิ่งหนึ่งที่นักวิทยาศาสตร์ต้องการจะทำในชีวิต
09:48
is to explain the causes of things.
218
576782
2268
ก็คือได้อธิบายเหตุของสิ่งต่างๆ
09:51
And how do we do that?
219
579050
1518
และเราทำอย่างนั้นได้อย่างไร
09:52
Well, one way you can do it is to build a model
220
580568
2252
ทางหนึ่งที่คุณสามารถทำได้คือสร้างแบบจำลอง
09:54
that tests an idea.
221
582820
1742
และทดสองความคิด
09:56
So this is a picture of Henry Cadell,
222
584562
1931
นี่คือภาพของแฮนรี่ คาร์เดล
09:58
who was a Scottish geologist in the 19th century.
223
586493
2866
ผู้ซึ่งเป็นนักธรณีวิทยาชาวสกอตในศตวรรษที่ 19
10:01
You can tell he's Scottish because he's wearing
224
589359
1433
คุณสามารถบอกได้ว่าเขาเป็นชาวสกอต
จากชุดที่เขาใส่
จากชุดที่เขาใส่
10:02
a deerstalker cap and Wellington boots.
225
590792
2388
หมวกคนล่ากวางและรองเท้าบูทเวลิงตัน
10:05
(Laughter)
226
593180
2154
(เสียงหัวเราะ)
10:07
And Cadell wanted to answer the question,
227
595334
1566
และคาร์เดลต้องการที่จะหาคำตอบสำหรับคำถามที่ว่า
10:08
how are mountains formed?
228
596900
1768
ภูเขาเกิดขึ้นมาได้อย่างไร
10:10
And one of the things he had observed
229
598668
1516
และหนึ่งในสิ่งที่เขาสังเกตเห็น
10:12
is that if you look at mountains
like the Appalachians,
like the Appalachians,
230
600184
2574
คือถ้าคุณดูภูเขา อย่างเทือกเขาแอปพาเลเชีย
(Appalachians)
(Appalachians)
10:14
you often find that the rocks in them
231
602758
1633
คุณมักพบว่าหินในนั้น
10:16
are folded,
232
604391
1469
โค้งงอ
10:17
and they're folded in a particular way,
233
605860
1646
และพวกมันโค้งงอในแบบจำเพาะ
10:19
which suggested to him
234
607506
1444
ที่แนะเขาว่า
10:20
that they were actually being
compressed from the side.
compressed from the side.
235
608950
2949
พวกมันถูกบีบอัดจากด้านข้าง
10:23
And this idea would later play a major role
236
611899
2088
และความคิดนี้ต่อมาได้มีบทบาทที่สำคัญ
10:25
in discussions of continental drift.
237
613987
2423
ในการอภิปรายในเรื่องการเคลื่อนตัวของทวีป
10:28
So he built this model, this crazy contraption
238
616410
2506
เขาสร้างแบบจำลองนี้ เครื่องมือแสนประหลาด
10:30
with levers and wood, and here's his wheelbarrow,
239
618916
2152
ที่มีคานและไม้ และนี่คือรถเข็นล้อเดียวของเขา
10:33
buckets, a big sledgehammer.
240
621068
2442
ตะกร้า และค้อนยักษ์
10:35
I don't know why he's got the Wellington boots.
241
623510
1898
ฉันไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงใส่บูทเวลลิงตัน
10:37
Maybe it's going to rain.
242
625408
1577
บางทีมันอาจจะกำลังฝนตก
10:38
And he created this physical model in order
243
626985
3085
และเขาสร้างแบบจำลองทางกายภาพนี้เพื่อที่จะ
10:42
to demonstrate that you could, in fact, create
244
630070
3965
แสดงว่า อันที่จริงคุณสามารถสร้าง
10:46
patterns in rocks, or at least, in this case, in mud,
245
634035
2674
แบบร่างในหิน หรืออย่างน้อย ในกรณีนี้ ในตม
10:48
that looked a lot like mountains
246
636709
2226
ที่มองดูเหมือนภูเขา
10:50
if you compressed them from the side.
247
638935
1842
ถ้าคุณอัดมันจากด้านข้าง
10:52
So it was an argument about
the cause of mountains.
the cause of mountains.
248
640777
3628
มันเป็นข้อถกเถียงเกี่ยวกับสาเหตุการกำเนิดภูเขา
10:56
Nowadays, most scientists prefer to work inside,
249
644405
3048
ทุกวันนี้ นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่
ชอบที่จะทำงานจากข้างใน
ชอบที่จะทำงานจากข้างใน
10:59
so they don't build physical models so much
250
647453
2427
ดังนั้น พวกเขาจึงไม่ได้สร้างแบบจำลองทางกายภาพ
11:01
as to make computer simulations.
251
649880
2361
มากเท่ากับการสร้างภาพจำลองคอมพิวเตอร์
11:04
But a computer simulation is a kind of a model.
252
652241
2839
แต่ภาพจำลองคอมพิวเตอร์เป็นแบบจำลองอย่างหนึ่ง
11:07
It's a model that's made with mathematics,
253
655080
1863
มันเป็นแบบจำลองที่สร้างขึ้นด้วยคณิตศาสตร์
11:08
and like the physical models of the 19th century,
254
656943
3233
และเหมือนกับแบบจำลองทางกายภาพ
ยุคศตวรรษที่ 19
ยุคศตวรรษที่ 19
11:12
it's very important for thinking about causes.
255
660176
3778
มันสำคัญมากสำหรับการคิดถึงสาเหตุ
11:15
So one of the big questions
to do with climate change,
to do with climate change,
256
663954
2615
ดังนั้นหนึ่งในคำถามข้อใหญ่ที่เกี่ยวกับ
การเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศ
การเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศ
11:18
we have tremendous amounts of evidence
257
666569
1803
เรามีหลักฐานมากมาย
11:20
that the Earth is warming up.
258
668372
1880
ที่โลกอุ่นขึ้น
11:22
This slide here, the black line shows
259
670252
2464
สไลด์นี้ เส้นสีดำแสดง
11:24
the measurements that scientists have taken
260
672716
2120
การวัดที่นักวิทยาศาสตร์ได้ทำ
11:26
for the last 150 years
261
674836
1963
ในช่วง 150 ปีที่ผ่านมา
11:28
showing that the Earth's temperature
262
676799
1410
ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอุณหภูมิของโลก
11:30
has steadily increased,
263
678209
1634
เพิ่มขึ้นอย่างคงที่
11:31
and you can see in particular
that in the last 50 years
that in the last 50 years
264
679843
2846
และคุณสามารถเห็นได้ว่าใน 50 ปีที่ผ่านมา
11:34
there's been this dramatic increase
265
682689
1764
มันมีการเพิ่มขึ้นอย่างมาก
11:36
of nearly one degree centigrade,
266
684453
2340
ถึงเกือบหนึ่งองศาเซลเซียส
11:38
or almost two degrees Fahrenheit.
267
686793
2375
หรือเกือบสององศาฟาเรนไฮด์
11:41
So what, though, is driving that change?
268
689168
2437
แล้วอะไรล่ะ ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้
11:43
How can we know what's causing
269
691605
2335
เราจะรู้ได้อย่างไร ว่าอะไรที่ทำให้
11:45
the observed warming?
270
693940
1516
เกิดอากาศที่อุ่นขึ้นอย่างที่เราเห็น
11:47
Well, scientists can model it
271
695456
1714
นักวิทยาศาสตร์สามารถสร้างแบบจำลองของมัน
11:49
using a computer simulation.
272
697170
2368
โดยใช้ภาพจำลองคอมพิวเตอร์
11:51
So this diagram illustrates a computer simulation
273
699538
2792
ภาพนี้แสดงให้เห็นภาพจำลองคอมพิวเตอร์
11:54
that has looked at all the different factors
274
702330
2121
ที่มองไปยังตัวแปลต่างๆ
11:56
that we know can influence the Earth's climate,
275
704451
2605
ที่เรารู้ว่าสามารถส่งผลกระทบต่อภูมิอากาศโลก
11:59
so sulfate particles from air pollution,
276
707056
2752
อนุภาคซัลเฟตจากมลภาวะทางอากาศ
12:01
volcanic dust from volcanic eruptions,
277
709808
2970
ฝุ่นภูเขาไฟจากการระเบิดของภูเขาไฟ
12:04
changes in solar radiation,
278
712778
2234
การเปลี่ยนแปลงของรังสีสุริยะ
12:07
and, of course, greenhouse gases.
279
715012
2378
และแน่นอน ก๊าซเรือนกระจก
12:09
And they asked the question,
280
717390
1818
และพวกเขาถามคำถาม
12:11
what set of variables put into a model
281
719208
3696
ว่าตัวแปรชุดไหนที่ใส่เข้ามาในแบบจำลอง
12:14
will reproduce what we actually see in real life?
282
722904
2976
แล้วจะเลียนแบบสิ่งที่เราเห็นในชีวิตจริงได้
12:17
So here is the real life in black.
283
725880
2020
นี่คือชีวิตจริงในสีดำ
12:19
Here's the model in this light gray,
284
727900
2280
นี่คือแบบจำลองในสีเทาอ่อน
12:22
and the answer is
285
730180
1560
และคำตอบก็คือ
12:23
a model that includes, it's the answer E on that SAT,
286
731740
4387
ตัวอย่างที่ประกอบด้วย มันคือคำตอบ E บน SAT นั่น
12:28
all of the above.
287
736127
2141
ทั้งหมดพวกนั้น
12:30
The only way you can reproduce
288
738268
1506
ทางเดียวที่เราสามารถจะเลียนแบบ
12:31
the observed temperature measurements
289
739774
1828
การวัดอุณหภูมิที่สังเกตเห็น
12:33
is with all of these things put together,
290
741602
1978
คือด้วยการนำสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเข้ามารวมกัน
12:35
including greenhouse gases,
291
743580
2139
รวมไปถึงก๊าซเรือนกระจก
12:37
and in particular you can see that the increase
292
745719
2551
และโดยเฉพาะถ้าคุณเห็นว่าการเพิ่มขึ้น
12:40
in greenhouse gases tracks
293
748270
1884
ของการติดตามก๊าซเรือนกระจก
12:42
this very dramatic increase in temperature
294
750154
2206
การเพิ่มขึ้นอย่างมากมายของอุณหภูมิ
12:44
over the last 50 years.
295
752360
1480
ตลอด 50 ปีที่ผ่านมา
12:45
And so this is why climate scientists say
296
753840
2434
และนี่เป็นเหตุที่ทำไมนักวิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศ
บอกว่า
บอกว่า
12:48
it's not just that we know that
climate change is happening,
climate change is happening,
297
756274
3108
มันไม่ใช่แค่เรารู้ว่า การเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศ
กำลังเกิดขึ้น
กำลังเกิดขึ้น
12:51
we know that greenhouse gases are a major part
298
759382
2768
เรารู้ว่า ก๊าซเรือนกระจกเป็นส่วนใหญ่
12:54
of the reason why.
299
762150
2730
ของเหตุผลว่าทำไม
12:56
So now because there all these different things
300
764880
2388
ดังนั้น เพราะมันมีสิ่งต่างๆ มากมาย
12:59
that scientists do,
301
767268
1489
ที่นักวิทยาศาสตร์ทำ
13:00
the philosopher Paul Feyerabend famously said,
302
768757
3486
นักปรัชญา พอล ฟีเยอร์เบน
(Paul Feyeraben ) กล่าวไว้ว่า
(Paul Feyeraben ) กล่าวไว้ว่า
13:04
"The only principle in science
303
772243
1626
"หลักการทางวิทยาศาสตร์เดียว
13:05
that doesn't inhibit progress is: anything goes."
304
773869
3979
ที่ไม่ได้หยุดยั้งการพัฒนาคือ: ยังไงก็ได้"
13:09
Now this quotation has often
been taken out of context,
been taken out of context,
305
777848
2616
คำพูดนี้มักถูกอ้างถึงอย่างผิดบริบท
13:12
because Feyerabend was not actually saying
306
780464
2118
เพราะฟีเยอร์เบนไม่ได้พูดจริงๆ
13:14
that in science anything goes.
307
782582
1950
ว่าในวิทยาศาสตร์ จะยังไงก็ได้
13:16
What he was saying was,
308
784532
1344
ที่เขาพูดคือ
13:17
actually the full quotation is,
309
785876
2024
จริงๆ ก็คือ
13:19
"If you press me to say
310
787900
2090
"ถ้าคุณต้องให้ผมพูด
13:21
what is the method of science,
311
789990
1646
ว่าอะไรคือวิธีการทางวิทยาศาสตร์
13:23
I would have to say: anything goes."
312
791636
3629
ผมต้องบอกว่า ยังไงก็ได้"
13:27
What he was trying to say
313
795265
1078
ที่เขาพยายายามจะพูด
13:28
is that scientists do a lot of different things.
314
796343
2567
คือนักวิทยาศาสตร์ทำอะไรมากมาย
13:30
Scientists are creative.
315
798910
2308
นักวิทยาศาสตร์มีความคิดสร้างสรรค์
13:33
But then this pushes the question back:
316
801218
2110
แต่แล้วนี่มันก็ดันปัญหากลับ
13:35
If scientists don't use a single method,
317
803328
3471
ถ้าวิทยาศาสตร์ไม่ได้ใช้วิธีการเดียว
13:38
then how do they decide
318
806799
1899
แล้วเขาจะตัดสินได้อย่างไร
13:40
what's right and what's wrong?
319
808698
1458
ว่าอะไรถูกอะไรผิด
13:42
And who judges?
320
810156
1894
และใครจะเป็นผู้ตัดสิน
13:44
And the answer is, scientists judge,
321
812050
2080
และคำตอบก็คือ นักวิทยาศาสตร์เป็นผู้ตัดสิน
13:46
and they judge by judging evidence.
322
814130
2883
และพวกเขาตัดสินโดยตัดสินจากหลักฐาน
13:49
Scientists collect evidence in many different ways,
323
817013
3409
นักวิทยาศาสตร์เก็บหลักฐานในวิธีการต่างๆ
13:52
but however they collect it,
324
820422
1622
แต่อย่างไรก็ดี พวกเขาเก็บมัน
13:54
they have to subject it to scrutiny.
325
822044
2577
พวกเขาจะต้องไตร่ตรองมันอย่างถี่ถ้วน
13:56
And this led the sociologist Robert Merton
326
824621
2560
และมันก็นำนักสังคมวิทยา
โรเบิร์ต เมอร์ตัน (Robert Merton)
โรเบิร์ต เมอร์ตัน (Robert Merton)
13:59
to focus on this question of how scientists
327
827181
2180
ไปสู่ความสนใจในคำถามว่านักวิทยาศาสตร์
14:01
scrutinize data and evidence,
328
829361
1679
ไตร่ตรองข้อมูลและหลักฐานอย่างไร
14:03
and he said they do it in a way he called
329
831040
2808
และเขาบอกว่า พวกเขาทำมันในแบบที่เขาเรียกว่า
14:05
"organized skepticism."
330
833848
1919
"กังขาอย่างมีระเบียบ"
14:07
And by that he meant it's organized
331
835767
1884
และนั่นเขาหมายถึงว่ามันเป็นระเบียบ
14:09
because they do it collectively,
332
837651
1478
เพราะว่าพวกเขาทำมันเป็นกลุ่ม
14:11
they do it as a group,
333
839129
1629
พวกเขาทำมันอย่างเป็นหมวดหมู่
14:12
and skepticism, because they do it from a position
334
840758
2816
และกังขาสงสัย เพราะพวกเขาทำมันจากตำแหน่ง
14:15
of distrust.
335
843574
1454
ของความไม่เชื่อ
14:17
That is to say, the burden of proof
336
845028
1962
มันบอกว่า ภาระของการพิสูจน์
14:18
is on the person with a novel claim.
337
846990
2481
อยู่บนคนที่มีข้อถือสิทธิ์ใหม่
14:21
And in this sense, science
is intrinsically conservative.
is intrinsically conservative.
338
849471
3143
และในกรณีนี้
วิทยาศาสตร์คือการสำรวจอย่างมีเงื่อนไข
วิทยาศาสตร์คือการสำรวจอย่างมีเงื่อนไข
14:24
It's quite hard to persuade the scientific community
339
852614
2572
มันค่อนข้างยากที่จะคะยั้นยะคอสังคมวิทยาศาสตร์
14:27
to say, "Yes, we know something, this is true."
340
855186
3711
ให้บอกว่า "ใช่ เรารู้บางอย่าง มันเป็นความจริง"
14:30
So despite the popularity of the concept
341
858897
2496
ถึงแม้ว่าแนวคิดของกระบวนทัศน์นั้นเปลี่ยนไป
14:33
of paradigm shifts,
342
861393
1597
จะเป็นที่นิยม
14:34
what we find is that actually,
343
862990
1284
สิ่งที่เราพบแท้จริงแล้ว
14:36
really major changes in scientific thinking
344
864274
2785
คือการเปลี่ยนแปลงหลักในการคิดอย่างวิทยาศาสตร์
14:39
are relatively rare in the history of science.
345
867059
3720
ค่อนข้างหาได้ยากในประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์
14:42
So finally that brings us to one more idea:
346
870779
3563
ดังนั้นในที่สุด นั่นนำเราไปยังอีกหนึ่งแนวคิด
14:46
If scientists judge evidence collectively,
347
874342
3708
ถ้าวิทยาศาสตร์ตัดสินหลักฐานโดยรวม
14:50
this has led historians to focus on the question
348
878050
2562
มันได้นำนักประวัติศาสตร์ให้มาจดจ้องกับคำถาม
14:52
of consensus,
349
880612
1419
ของมหาชน
14:54
and to say that at the end of the day,
350
882031
1895
และการบอกว่า ที่สุดแล้วนั้น
14:55
what science is,
351
883926
1934
วิทยาศาสตร์คืออะไร
14:57
what scientific knowledge is,
352
885860
1670
ความรู้ทางวิทยาศาสตร์คืออะไร
14:59
is the consensus of the scientific experts
353
887530
3379
ความเห็นที่เป็นเอกฉันท์
ของผู้เชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์
ของผู้เชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์
15:02
who through this process of organized scrutiny,
354
890909
2154
ผู้ซึ่งใช้กระบวนการการใคร่ครวญอย่างเป็นระเบียบ
15:05
collective scrutiny,
355
893063
2305
การไตร่ตรองครั้งแล้วครั้งเล่า
15:07
have judged the evidence
356
895368
1242
ได้ตัดสินหลักฐาน
15:08
and come to a conclusion about it,
357
896610
2797
และได้บทสรุปเกี่ยวกับมัน
15:11
either yea or nay.
358
899407
2477
ว่าจะเป็นใช่หรือไม่
15:13
So we can think of scientific knowledge
359
901884
1724
เราสามารถคิดถึงความรู้ทางวิทยาศาสตร์
15:15
as a consensus of experts.
360
903608
2052
เป็นความใคร่ครวญของผู้เชี่ยวชาญ
15:17
We can also think of science as being
361
905660
1772
เรายังสามารถคิดถึงวิทยาศาสตร์
15:19
a kind of a jury,
362
907432
1578
เป็นดั่งลูกขุน
15:21
except it's a very special kind of jury.
363
909010
2514
เว้นแต่ว่ามันเป็นลูกขุนชนิดพิเศษ
15:23
It's not a jury of your peers,
364
911524
2104
มันไม่ใช่ลูกขุนของเพื่อนคุณ
15:25
it's a jury of geeks.
365
913628
1896
มันเป็นลูกขุนของพวกบ้าวิชา
15:27
It's a jury of men and women with Ph.D.s,
366
915524
3634
มันเป็นลูกขุนของชายหญิงผู้เป็น ดร.
15:31
and unlike a conventional jury,
367
919158
2442
และไม่เหมือนกับลูกขุนทั่วไป
15:33
which has only two choices,
368
921600
1690
ซึ่งมีแค่สองตัวเลือก
15:35
guilty or not guilty,
369
923290
2685
คือ ผิด หรือ ไม่ผิด
15:37
the scientific jury actually has a number of choices.
370
925975
3401
ลูกขุนวิทยาศาสตร์มีตัวเลือกมากมาย
15:41
Scientists can say yes, something's true.
371
929376
2784
นักวิทยาศาสตร์สามารถบอกว่า ใช่ บางทีมันจริง
15:44
Scientists can say no, it's false.
372
932160
2580
นักวิทยาศาสตร์สามารถบอกได้ว่า ไม่ มันผิด
15:46
Or, they can say, well it might be true
373
934740
2540
หรือพวกเขาจะบอกก็ได้ว่า อืม มันอาจจะจริง
15:49
but we need to work more
and collect more evidence.
and collect more evidence.
374
937280
3044
แต่เราต้องทำการศึกษาอีก
และต้องเก็บหลักฐานเพิ่ม
และต้องเก็บหลักฐานเพิ่ม
15:52
Or, they can say it might be true,
375
940324
1616
หรือพวกเขาอาจบอกว่า มันอาจจะจริง
15:53
but we don't know how to answer the question
376
941940
1700
แต่เราไม่รู้ว่าจะตอบคำถามได้อย่างไร
15:55
and we're going to put it aside
377
943640
1310
และเรากำลังที่จะมองข้ามมันไป
15:56
and maybe we'll come back to it later.
378
944950
2923
และบางทีเราอาจกลับมาพูดถึงทีหลัง
15:59
That's what scientists call "intractable."
379
947873
4002
นั่นเป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์เรียกว่า "ความดึงดัน"
16:03
But this leads us to one final problem:
380
951875
2606
แต่มันนำเราไปยังปัญหาสุดท้าย
16:06
If science is what scientists say it is,
381
954481
2938
ถ้าวิทยาศาสตร์เป็นอย่างที่นักวิทยาศาสตร์บอกแล้ว
16:09
then isn't that just an appeal to authority?
382
957419
2541
ไม่ใช่ว่านั่นน่าสนใจสำหรับผู้รู้หรอกหรือ
16:11
And weren't we all taught in school
383
959960
1062
แล้วไม่ใช่ว่าเราทุกคนถูกสอนที่โรงเรียนหรือ
16:13
that the appeal to authority is a logical fallacy?
384
961022
3227
ว่าการดึงดูดผู้รู้
เป็นการหลอกลวงอย่างมีตรรกะ
เป็นการหลอกลวงอย่างมีตรรกะ
16:16
Well, here's the paradox of modern science,
385
964249
3032
นี่คือปฏิทรรศน์ของวิทยาศาสตร์สมัยใหม่
16:19
the paradox of the conclusion I think historians
386
967281
2272
ปฏิทรรศน์ของบทสรุปที่ฉันคิดว่านักประวัติศาสตร์
16:21
and philosophers and sociologists have come to,
387
969553
2601
และนักปรัชญาและนักสังคมวิทยาได้เผชิญ
16:24
that actually science is the appeal to authority,
388
972154
3501
ที่จริงแล้ววิทยาศาสตร์เป็นตัวดึงดูดความสนใจของผู้รู้
16:27
but it's not the authority of the individual,
389
975655
3776
แต่มันไม่ใช่ผู้รู้ของปัจเจกชน
16:31
no matter how smart that individual is,
390
979431
2399
ไม่ว่าบุคคลนั้นจะฉลาดแค่ไหน
16:33
like Plato or Socrates or Einstein.
391
981830
3865
เป็นพลาโต หรือโสเครติส หรือไอสไตน์
16:37
It's the authority of the collective community.
392
985695
3114
มันเป็นผู้รู้แห่งสังคมรวม
16:40
You can think of it is a kind of wisdom of the crowd,
393
988809
2986
คุณอาจคิดถึงมันว่าเป็นความรู้ของกลุ่มคน
16:43
but a very special kind of crowd.
394
991795
4126
แต่เป็นกลุ่มคนชนิดพิเศษ
16:47
Science does appeal to authority,
395
995921
1890
วิทยาศาสตร์เป็นที่สนใจของผู้รู้
16:49
but it's not based on any individual,
396
997811
2050
แต่มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับบุคคลใด
16:51
no matter how smart that individual may be.
397
999861
2586
ไม่ว่าบุคคลนั้นจะฉลาดแค่ไหนก็ตาม
16:54
It's based on the collective wisdom,
398
1002447
1751
มันขึ้นอยู่กับความรู้ที่สั่งสมมา
16:56
the collective knowledge, the collective work,
399
1004198
2642
ศาสตร์สหสาขา และการศึกษาต่อยอด
16:58
of all of the scientists who have worked
400
1006840
1898
ของบรรดานักวิทยาศาสตร์ผู้ซึ่งได้ศึกษา
17:00
on a particular problem.
401
1008738
2717
ปัญหาเฉพาะมากมาย
17:03
Scientists have a kind of culture of collective distrust,
402
1011455
2796
นักวิทยาศาสตร์เหมือนมีวัฒนธรรม
การไม่เชื่อแบบสั่งสม
การไม่เชื่อแบบสั่งสม
17:06
this "show me" culture,
403
1014251
2200
วัฒนธรรม "ไหนล่ะ" ที่ว่านี้
17:08
illustrated by this nice woman here
404
1016451
1950
ถูกแสดงให้เห็นโดยผู้หญิงคนนี้
17:10
showing her colleagues her evidence.
405
1018401
3082
ที่แสดงหลักฐานให้ผู้ร่วมงานเห็น
17:13
Of course, these people don't
really look like scientists,
really look like scientists,
406
1021483
1857
แน่ล่ะ คนเหล่านี้ไม่ได้ดูเหมือนนักวิทยาศาสตร์
17:15
because they're much too happy.
407
1023340
1986
เพราะพวกเขาดูร่าเริงเกินไป
17:17
(Laughter)
408
1025326
4012
(เสียงหัวเราะ)
17:21
Okay, so that brings me to my final point.
409
1029338
4322
เอาล่ะ นั่นนำฉันมาถึงเรื่องสุดท้าย
17:25
Most of us get up in the morning.
410
1033660
2648
พวกเราส่วนใหญ่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า
17:28
Most of us trust our cars.
411
1036308
1410
พวกเราส่วนใหญ่เชื่อใจรถของเรา
17:29
Well, see, now I'm thinking, I'm in Manhattan,
412
1037718
1542
ลองมาดูว่าฉันคิดยังไง ฉันอยู่ในแมนฮัตตัน
17:31
this is a bad analogy,
413
1039260
1298
นี่เป็นการเปรียบเทียบที่แย่มาก
17:32
but most Americans who don't live in Manhattan
414
1040558
2824
แต่ชาวอเมริกันส่วนมากที่ไม่ชอบแมนฮัตตัน
17:35
get up in the morning and get in their cars
415
1043382
1738
ตื่นขึ้นมาตอนเช้าและขึ้นรถ
17:37
and turn on that ignition, and their cars work,
416
1045120
2529
และทำการสตาร์ทรถ และรถก็ทำงานได้
17:39
and they work incredibly well.
417
1047649
2001
และพวกมันก็ทำงานดีซะด้วย
17:41
The modern automobile hardly ever breaks down.
418
1049650
2715
รถยนต์สมัยใหม่แทบจะไม่เคยพังเลย
17:44
So why is that? Why do cars work so well?
419
1052365
2783
แล้วทำไมล่ะ ทำไมรถถึงทำงานดีนัก
17:47
It's not because of the genius of Henry Ford
420
1055148
2504
ไม่ใช่ว่ามันเป็นเพราะอัฉริยะ เฮนรี ฟอร์ด
17:49
or Karl Benz or even Elon Musk.
421
1057652
3091
หรือ คาร์ล เบนซ์ หรือ อีลอน มัสค์
17:52
It's because the modern automobile
422
1060743
2142
มันเป็นเพราะรถสมัยใหม่
17:54
is the product of more than 100 years of work
423
1062885
5034
เป็นผลผลิตของการศึกษามากกว่าร้อยปี
17:59
by hundreds and thousands
424
1067919
1590
โดยคนมากมาย
18:01
and tens of thousands of people.
425
1069509
1336
นับร้อยนับพันคน
18:02
The modern automobile is the product
426
1070845
2111
รถยนต์รุ่นใหม่ๆ
18:04
of the collected work and wisdom and experience
427
1072956
2789
จากการศึกษาที่สั่งสม ความรู้ และประสบการณ์
18:07
of every man and woman who has ever worked
428
1075745
2347
ของบุรุษและสตรีผู้ซึ่งได้ทำการศึกษา
18:10
on a car,
429
1078092
1608
เกี่ยวกับรถยนต์
18:11
and the reliability of the technology is the result
430
1079700
2915
และความน่าเชื่อถือของเทคโนโลยีคือผลลัพธ์
18:14
of that accumulated effort.
431
1082615
2683
ของความพยายามที่สะสมมา
18:17
We benefit not just from the genius of Benz
432
1085298
2857
เราได้รับประโยขน์ ไม่ใช่แค่จากอัฉริยะอย่างเบนซ์
18:20
and Ford and Musk
433
1088155
1066
หรือฟอร์ด หรือ มัสค์
18:21
but from the collective intelligence and hard work
434
1089221
2768
แต่เป็นจากสติปัญญา
และการทำงานอย่างจริงจังที่สั่งสมมา
และการทำงานอย่างจริงจังที่สั่งสมมา
18:23
of all of the people who have worked
435
1091989
2251
ของทุกคนที่ได้ทำงาน
18:26
on the modern car.
436
1094240
1670
เกี่ยวกับรถสมัยใหม่
18:27
And the same is true of science,
437
1095910
2050
และมันก็เป็นจริงเช่นเดียวกันในวิทยาศาสตร์
18:29
only science is even older.
438
1097960
2844
เพียงแต่วิทยาศาสตร์นั้นแก่กว่าเสียอีก
18:32
Our basis for trust in science is actually the same
439
1100804
2574
พื้นฐานความเชื่อของเราในวิทยาศาสตร์นั้น
แท้จริงแล้วเหมือนกันกับ
แท้จริงแล้วเหมือนกันกับ
18:35
as our basis in trust in technology,
440
1103378
2674
พื้นฐานความเชื่อของเราที่มีต่อเทคโนโลยี
18:38
and the same as our basis for trust in anything,
441
1106052
3987
และเหมือนกันกับพื้นฐานความเชื่อในทุกสิ่ง
18:42
namely, experience.
442
1110039
2278
เป็นต้นว่า ประสบการณ์
18:44
But it shouldn't be blind trust
443
1112317
1844
แต่มันมิอาจเป็นความเชื่ออย่างมืดบอด
18:46
any more than we would have blind trust in anything.
444
1114161
2760
มากไปกว่าที่เราเชื่อสิ่งอื่นๆ อย่างหน้ามืดตามัว
18:48
Our trust in science, like science itself,
445
1116921
2841
ความเชื่อของเราที่มีต่อวิทยาศาสตร์
เช่นตัววิทยาศาสตร์เอง
เช่นตัววิทยาศาสตร์เอง
18:51
should be based on evidence,
446
1119762
1913
ควรที่จะตั้งอยู่บนหลักฐาน
18:53
and that means that scientists
447
1121675
1502
และนั่นหมายความว่านักวิทยาศาสตร์
18:55
have to become better communicators.
448
1123177
2048
จะต้องกลายเป็นนักสื่อสารที่ดีขึ้น
18:57
They have to explain to us not just what they know
449
1125225
2887
พวกเขาจะต้องอธิบายให้เราฟัง
ไม่ใช่แค่ในสิ่งที่เขาเข้าใจ
ไม่ใช่แค่ในสิ่งที่เขาเข้าใจ
19:00
but how they know it,
450
1128112
1728
แต่ต้องอธิบายว่าพวกเขาเข้าใจอย่างไรด้วย
19:01
and it means that we have
to become better listeners.
to become better listeners.
451
1129840
3890
และนั่นหมายความว่าพวกเขา
จะต้องเป็นผู้ฟังที่ดี
จะต้องเป็นผู้ฟังที่ดี
19:05
Thank you very much.
452
1133730
1419
ขอบคุณมากๆ ค่ะ
19:07
(Applause)
453
1135149
2303
(เสียงปรบมือ)
ABOUT THE SPEAKER
Naomi Oreskes - Historian of scienceNaomi Oreskes is a historian of science who uses reason to fight climate change denial.
Why you should listen
Noami Oreskes is a professor of the History of Science and an affiliated professor of Earth and Planetary Sciences at Harvard University. She received her PhD at Stanford in 1990 in the Graduate Special Program in Geological Research and History of Science.
In her 2004 paper published in Science, "Beyond the Ivory Tower: The Scientific Consensus on Climate Change,” Oreskes analyzed nearly 1,000 scientific journals to directly assess the magnitude of scientific consensus around anthropogenic climate change. The paper was famously cited by Al Gore in his film An Inconvenient Truth and led Oreskes to testify in front of the U.S. Senate Committee on Environment and Public Works.
Oreskes is the co-author of the 2010 book Merchants of Doubt, which looks at how the tobacco industry attempted to cast doubt on the link between smoking and lung cancer, and the 2014 book The Collapse of Western Civilization: A View from the Future, which looks back at the present from the year 2093. Both are written with Erik M. Conway.
Naomi Oreskes | Speaker | TED.com