ABOUT THE SPEAKER
Brian Greene - Physicist
Brian Greene is perhaps the best-known proponent of superstring theory, the idea that minuscule strands of energy vibrating in a higher dimensional space-time create every particle and force in the universe.

Why you should listen

Greene, a professor of physics and mathematics at Columbia University, has focused on unified theories for more than 25 years, and has written several best-selling and non-technical books on the subject including The Elegant Universe, a Pulitzer finalist, and The Fabric of the Cosmos — each of which has been adapted into a NOVA mini-series. His latest book, The Hidden Reality, explores the possibility that our universe is not the only universe.

Greene believes science must be brought to general audiences in new and compelling ways, such as his live stage odyssey, Icarus at the Edge of Time, with original orchestral score by Philip Glass, and the annual World Science Festival, which he co-founded in 2008 with journalist Tracy Day.

More profile about the speaker
Brian Greene | Speaker | TED.com
TED2005

Brian Greene: Making sense of string theory

ไบรอัน กรีน (Brian Greene): ทำความเข้าใจเรื่องทฤษฎีสตริง (string theory)

Filmed:
6,215,922 views

นักฟิสิกส์ ไบรอัน กรีน อธิบายทฤษฎีซุปเปอร์สตริง (superstring theory) ซึ่งเป็นแนวคิดที่บอกว่า พลังงานหน่วยย่อยเล็กๆที่เป็นมีลักษณะเป็นเส้นเล็กๆและสั่นใน 11 มิตินั้น สร้างอนุภาคและแรงทุกชนิดที่ในเอกภพ
- Physicist
Brian Greene is perhaps the best-known proponent of superstring theory, the idea that minuscule strands of energy vibrating in a higher dimensional space-time create every particle and force in the universe. Full bio

Double-click the English transcript below to play the video.

00:13
In the yearปี 1919,
0
1000
2000
ในปี 1919
00:15
a virtuallyจวน unknownไม่ทราบ Germanเยอรมัน mathematicianนักคณิตศาสตร์, namedชื่อ Theodorเทโอดอร์ KaluzaKaluza
1
3000
7000
นักคณิตศาสตร์ชาวเยอรมันที่แทบจะไม่เป็นที่รู้จัก
นามว่า ทีโอดอร์ คาลุสซา (Theodor Kaluza)
00:22
suggestedข้อเสนอแนะ a very boldกล้า and, in some waysวิธี, a very bizarreแปลกประหลาด ideaความคิด.
2
10000
7000
ให้แนวคิดที่อาจหาญและ ออกจะดูแปลกประหลาด
00:29
He proposedเสนอ that our universeจักรวาล
3
17000
2000
เขาเสนอว่า เอกภพของเรานั้น
00:31
mightอาจ actuallyแท้จริง have more than the threeสาม dimensionsมิติ
4
19000
3000
ที่จริงแล้วอาจจะมีมากว่าสามมิติ
00:34
that we are all awareทราบ of.
5
22000
3000
ซึ่งพวกเรารู้จักกัน
00:37
That is in additionการเพิ่ม to left, right, back, forthออกมา and up, down,
6
25000
3000
นั่นมันเป็นอะไรที่มากกว่า ซ้าย ขวา หน้า หลัง บน ล่าง
00:40
KaluzaKaluza proposedเสนอ that there mightอาจ be additionalเพิ่มเติม dimensionsมิติ of spaceช่องว่าง
7
28000
5000
คาลุสซาเสนอไว้ว่า มันอาจเป็นไปได้ที่มีมิติอื่นๆอีกในอวกาศ
00:45
that for some reasonเหตุผล we don't yetยัง see.
8
33000
3000
ที่ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม เรายังมิอาจมองเห็น
00:48
Now, when someoneบางคน makesยี่ห้อ a boldกล้า and bizarreแปลกประหลาด ideaความคิด,
9
36000
4000
ทีนี้ เมื่อใครสักคนออกความคิดที่กล้าบ้าบิ่น
และพิลึก
00:52
sometimesบางครั้ง that's all it is -- boldกล้า and bizarreแปลกประหลาด,
10
40000
2000
บางทีมันก็เป็นแค่นั้น กล้าบ้าบิ่นและพิลึก
00:54
but it has nothing to do with the worldโลก around us.
11
42000
3000
แต่ไม่ได้มีอะไรสลักสำคัญกับโลกรอบๆตัวเราเลย
00:57
This particularโดยเฉพาะ ideaความคิด, howeverอย่างไรก็ตาม --
12
45000
2000
แต่อย่างไรก็ดี สำหรับความคิดนี้
00:59
althoughแม้ว่า we don't yetยัง know whetherว่า it's right or wrongไม่ถูกต้อง,
13
47000
3000
แม้ว่าเรายังไม่อาจรู้ได้ว่ามันผิดหรือถูก
01:02
and at the endปลาย I'll discussสนทนา experimentsการทดลอง whichที่, in the nextต่อไป fewน้อย yearsปี,
14
50000
3000
และในช่วงท้ายผมจะพูดถึงการทดลอง
ซึ่งในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
01:05
mayอาจ tell us whetherว่า it's right or wrongไม่ถูกต้อง --
15
53000
2000
จะบอกเราว่ามันผิดหรือถูก
01:07
this ideaความคิด has had a majorสำคัญ impactส่งผลกระทบ on physicsฟิสิกส์ in the last centuryศตวรรษ
16
55000
4000
ความคิดนี้มีอิทธิพลอย่างมากต่อสาขาวิชาฟิสิกส์
ในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา
01:11
and continuesอย่างต่อเนื่อง to informแจ้ง a lot of cutting-edgeตัดขอบ researchการวิจัย.
17
59000
3000
และจะยังคงแสดงให้เราเห็นถึงงานวิจัยล้ำสมัยอีกมากมาย
01:14
So, I'd like to tell you something about the storyเรื่องราว of these extraพิเศษ dimensionsมิติ.
18
62000
4000
ดังนั้น ผมอยากที่จะเล่าให้คุณฟังเกี่ยวกับ
เรื่องของมิติที่นอกเหนือจากสามมิติที่เราคุ้นเคย
01:18
So where do we go?
19
66000
2000
เราจะไปทางไหนกันดี
01:20
To beginเริ่ม we need a little bitบิต of back storyเรื่องราว. Go to 1907.
20
68000
3000
เพื่อเป็นการเริ่มต้น เราต้องปูพื้นเรืองเสียก่อน
ไปยังปี 1907
01:23
This is a yearปี when Einsteinไอน์สไต is baskingอาบแดด in the glowเรืองแสง
21
71000
4000
นี่เป็นปีซึ่ง ไอสไตน์ กำลังเจิดจรัสอยู่ในแสงไฟ
01:27
of havingมี discoveredค้นพบ the specialพิเศษ theoryทฤษฎี of relativityความสัมพันธ์
22
75000
3000
เพราะเขาได้ทำการค้นพบทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ
(special theory of relativity)
01:30
and decidesตัดสินใจ to take on a newใหม่ projectโครงการ,
23
78000
3000
และตัดสินใจที่จะลงมือกับโครงการใหม่
01:33
to try to understandเข้าใจ fullyอย่างเต็มที่ the grandยิ่งใหญ่, pervasiveแพร่หลาย forceบังคับ of gravityแรงดึงดูด.
24
81000
7000
เพื่อที่จะพยายามทำความเข้าใจกับพลังอันยิ่งใหญ่
ที่พบได้ทั่วไปของแรงดึงดูด
01:40
And in that momentขณะ, there are manyจำนวนมาก people around
25
88000
3000
และในวินาทีนั้น มีคนมากมาย
01:43
who thought that that projectโครงการ had alreadyแล้ว been resolvedการแก้ไข.
26
91000
4000
ที่คิดว่าโครงการที่ว่านี้มันได้รับความกระจ่างแล้ว
01:47
Newtonนิวตัน had givenรับ the worldโลก a theoryทฤษฎี of gravityแรงดึงดูด in the lateสาย 1600s
27
95000
3000
นิวตันได้มองทฤษฎีแรงโน้มถ่วงให้กับโลกเรา
เมื่อปลายศตวรรษที่ 16
01:50
that worksโรงงาน well, describesอธิบาย the motionการเคลื่อนไหว of planetsดาวเคราะห์,
28
98000
4000
มันก็ใช้การได้ดี อธิบายการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์
01:54
the motionการเคลื่อนไหว of the moonดวงจันทร์ and so forthออกมา,
29
102000
2000
การเคลื่อนที่ของดวงจันทร์และอื่นๆ
01:56
the motionการเคลื่อนไหว of apocryphalไม่มีลักฐาน of applesแอปเปิ้ล fallingล้ม from treesต้นไม้,
30
104000
3000
การเคลื่อนที่ของแอปเปิ้ลในเรื่องเล่าที่หล่นจากต้นไม้
01:59
hittingกดปุ่ม people on the headหัว.
31
107000
2000
กระแทกใครบางคนที่หัว
02:01
All of that could be describedอธิบาย usingการใช้ Newton'sของนิวตัน work.
32
109000
2000
ทั้งหมดนั้นสามารถอธิบายได้โดยใช้งานวิจัยของนิวตัน
02:03
But Einsteinไอน์สไต realizedตระหนัก that Newtonนิวตัน had left something out of the storyเรื่องราว,
33
111000
4000
แต่ไอสไตน์รู้ว่า
นิวตันไม่ได้รวมอะไรบางอย่างเข้าไปในเรื่องนั้น
02:07
because even Newtonนิวตัน had writtenเขียน
34
115000
3000
เพราะว่าแม้แต่นิวตันยังเขียนไว้เองว่า
02:10
that althoughแม้ว่า he understoodเข้าใจ how to calculateคำนวณ the effectผล of gravityแรงดึงดูด,
35
118000
5000
แม้ว่าเขาจะเข้าใจว่า
จะคำนวณผลกระทบของแรงดึงดูดได้อย่างไร
02:15
he'dเขาต้องการ been unableไม่สามารถ to figureรูป out how it really worksโรงงาน.
36
123000
3000
เขาก็ยังไม่สามารถเข้าใจได้ว่าแรงดึงดูดนั้นทำงานอย่างไร
02:18
How is it that the Sunดวงอาทิตย์, 93 millionล้าน milesไมล์ away,
37
126000
3000
ดวงอาทิตย์ที่ห่างออกไป 93 ล้านไมล์
02:21
[that] somehowอย่างใด it affectsส่งผลกระทบต่อ the motionการเคลื่อนไหว of the Earthโลก?
38
129000
3000
ทำไมยังคงมีผลกระทบต่อการเคลื่อนที่ของโลก
02:24
How does the Sunดวงอาทิตย์ reachมาถึง out acrossข้าม emptyว่างเปล่า inertเฉื่อย spaceช่องว่าง and exertออกแรง influenceมีอิทธิพล?
39
132000
4000
ดวงอาทิตย์ส่งผลกระทบนี้ข้ามห้วงอวกาศเวิ้งว้างได้อย่างไร
02:28
And that is a taskงาน to whichที่ Einsteinไอน์สไต setชุด himselfตัวเขาเอง --
40
136000
3000
และนี่ก็เป็นภารกิจที่ไอสไตน์ตั้งไว้ให้กับตนเอง
02:31
to figureรูป out how gravityแรงดึงดูด worksโรงงาน.
41
139000
3000
เพื่อที่จะค้นหาว่า แรงดึงดูดนั้นทำงานอย่างไร
02:34
And let me showแสดง you what it is that he foundพบ.
42
142000
3000
ให้ผมแสดงให้คุณชมว่าอะไรที่เขาค้นพบ
02:37
So Einsteinไอน์สไต foundพบ
43
145000
1000
ไอสไตน์พบว่า
02:38
that the mediumกลาง that transmits gravityแรงดึงดูด is spaceช่องว่าง itselfตัวเอง.
44
146000
4000
ตัวกลางที่ส่งผ่านแรงดึงดูดนั้นคืออวกาศเอง
02:42
The ideaความคิด goesไป like this:
45
150000
2000
ไอเดียเป็นแบบนี้ครับ
02:44
imagineจินตนาการ spaceช่องว่าง is a substrateสารตั้งต้น of all there is.
46
152000
2000
ลองจินตนาการอวกาสเป็นมวลสารทั่งหมดที่มี
02:46
Einsteinไอน์สไต said spaceช่องว่าง is niceดี and flatแบน, if there's no matterเรื่อง presentนำเสนอ.
47
154000
4000
ไอสไตน์กล่าวว่า อวกาศนั้นราบเรียบดี
ถ้าไม่มีสสารใดปรากฎ
02:50
But if there is matterเรื่อง in the environmentสิ่งแวดล้อม, suchอย่างเช่น as the Sunดวงอาทิตย์,
48
158000
4000
แต่ถ้ามันมีสสารในสิ่งแวดลอมนั้น เช่นดวงอาทิตย์
02:54
it causesสาเหตุ the fabricผ้า of spaceช่องว่าง to warpวิปริต, to curveเส้นโค้ง.
49
162000
4000
มันทำให้ผืนอวกาศเบี้ยวบิด ทำให้มันโค้ง
02:58
And that communicatesสื่อสาร the forceบังคับ of gravityแรงดึงดูด.
50
166000
2000
และนั่นคือการสื่อแรงดึงดูด
03:00
Even the Earthโลก warpsประลองยุทธ์ spaceช่องว่าง around it.
51
168000
3000
แม้กระทั่งโลกก็บิดเบือนอวกาศรอบๆ ตัวมัน
03:03
Now look at the Moonดวงจันทร์.
52
171000
2000
ทีนี้ลองดูดวงจันทร์
03:05
The Moonดวงจันทร์ is keptเก็บไว้ in orbitโคจร, accordingตาม to these ideasความคิด,
53
173000
3000
ดวงจันทร์นั้นโคจรรอบโลก ตามแนวความคิดนี้
03:08
because it rollsม้วน alongตาม a valleyหุบเขา in the curvedโค้ง environmentสิ่งแวดล้อม
54
176000
3000
เพราะว่ามันกลิ้งไปตามหุบร่อง ในสิ่งแวดล้อมที่โค้ง
03:11
that the Sunดวงอาทิตย์ and the Moonดวงจันทร์ and the Earthโลก can all createสร้าง by virtueคุณธรรม of theirของพวกเขา presenceการมี.
55
179000
5000
ที่ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลก ร่วมกันสร้างขึ้นด้วยมวลของพวกมันเอง
03:16
We go to a full-frameเต็มกรอบ viewดู of this.
56
184000
3000
เราลองไปมองภาพรวมของสิ่งนี้
03:19
The Earthโลก itselfตัวเอง is keptเก็บไว้ in orbitโคจร
57
187000
2000
โลกเองก็โคจรไปรอบๆดวงอาทิตย์
03:21
because it rollsม้วน alongตาม a valleyหุบเขา in the environmentสิ่งแวดล้อม that's curvedโค้ง
58
189000
4000
เพราะว่ามันกลิ้งไปตามหุบร่องของสิ่งแวดล้อมที่โค้ง
03:25
because of the Sun'sดวงอาทิตย์ presenceการมี.
59
193000
2000
เพราะว่าการมีอยู่ของดวงอาทิตย์
03:27
That is this newใหม่ ideaความคิด about how gravityแรงดึงดูด actuallyแท้จริง worksโรงงาน.
60
195000
5000
นี่เป็นความคิดใหม่เกี่ยวกับว่า แรงดึงดูดทำงานได้อย่างไร
03:32
Now, this ideaความคิด was testedการทดสอบ in 1919 throughตลอด astronomicalเกี่ยวกับดาราศาสตร์ observationsข้อสังเกต.
61
200000
5000
ทีนี้ ความคิดดังกล่าวได้รับการทดสอบใน 1919
ผ่านทางการสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์
03:37
It really worksโรงงาน. It describesอธิบาย the dataข้อมูล.
62
205000
3000
มันใช้การได้จริงๆ มันอธิบายข้อมูล
03:40
And this gainedได้รับ Einsteinไอน์สไต prominenceชื่อเสียง around the worldโลก.
63
208000
4000
และนี่แหละที่สร้างชื่อให้ไอสไตน์ไปทั่วโลก
03:44
And that is what got KaluzaKaluza thinkingคิด.
64
212000
4000
และนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้คาลุสซ่าครุ่นคิด
03:48
He, like Einsteinไอน์สไต, was in searchค้นหา of what we call a unifiedปึกแผ่น theoryทฤษฎี.
65
216000
4000
เช่นเดียวกับไอสไตน์ เขาตามหาสิ่งที่เราเรียกว่า ทฤษฎีรวม (unified theory)
03:52
That's one theoryทฤษฎี
66
220000
2000
มันคือหนึ่งทฤษฎี
03:54
that mightอาจ be ableสามารถ to describeอธิบาย all of nature'sธรรมชาติ forcesกองกำลัง from one setชุด of ideasความคิด,
67
222000
4000
ที่จะสามารถอธิบายแรงทั้งหมดในธรรมชาติ
จากชุดแนวความคิดเดียวได้
03:58
one setชุด of principlesหลักการ, one masterเจ้านาย equationสมการ, if you will.
68
226000
4000
หลักการชุดเดียว สมการหลักสมการเดียว จะเรียกอย่างนั้นก็ได้
04:02
So KaluzaKaluza said to himselfตัวเขาเอง,
69
230000
2000
คาลุสซ่าบอกกับตัวเองว่า
04:04
Einsteinไอน์สไต has been ableสามารถ to describeอธิบาย gravityแรงดึงดูด
70
232000
3000
ไอสไตน์สามารถที่จะอธิบายแรงดึงดูดได้
04:07
in termsเงื่อนไข of warpsประลองยุทธ์ and curvesเส้นโค้ง in spaceช่องว่าง --
71
235000
2000
ในบริบทของการบิดและการโค้งของอวกาศ
04:09
in factความจริง, spaceช่องว่าง and time, to be more preciseแม่นยำ.
72
237000
3000
อันที่จริง อวกาศและเวลา ถ้าจะให้มันถูกต้องจริงๆ
04:12
Maybe I can playเล่น the sameเหมือนกัน gameเกม with the other knownที่รู้จักกัน forceบังคับ,
73
240000
5000
บางที ผมอาจจะลองเล่นแนวเดียวกันกับแรงอื่นที่เรารู้จัก
04:17
whichที่ was, at that time, knownที่รู้จักกัน as the electromagneticแม่เหล็กไฟฟ้า forceบังคับ --
74
245000
3000
ซึ่งในขณะนั้นรู้จักกันในนาม แรงแม่เหล็กไฟฟ้า
04:20
we know of othersคนอื่น ๆ todayในวันนี้, but at that time
75
248000
2000
เรารู้จักแรงอย่างอื่นอีกในปัจจุบัน แต่ในเวลานั้น
04:22
that was the only other one people were thinkingคิด about.
76
250000
2000
นั่นเป็นเพียงอีกแรงเดียวที่คนคิดถึง
04:24
You know, the forceบังคับ responsibleรับผิดชอบ for electricityไฟฟ้า
77
252000
2000
เป็นแรงที่เกี่ยวข้องกับกระแสไฟฟ้า
04:26
and magneticแม่เหล็ก attractionเสน่ห์ and so forthออกมา.
78
254000
2000
และแรงแม่เหล็กและอื่นๆ
04:28
So KaluzaKaluza saysกล่าวว่า, maybe I can playเล่น the sameเหมือนกัน gameเกม
79
256000
3000
คาลุสช่ากล่าวว่า บางทีผมน่าจะลองในแนวนี้บ้าง
04:31
and describeอธิบาย electromagneticแม่เหล็กไฟฟ้า forceบังคับ in termsเงื่อนไข of warpsประลองยุทธ์ and curvesเส้นโค้ง.
80
259000
4000
และอธิบายแรงแม่เหล็กไฟฟ้าในบริบทของการบิดโค้ง
04:35
That raisedยก a questionคำถาม: warpsประลองยุทธ์ and curvesเส้นโค้ง in what?
81
263000
3000
นั่นมันทำให้เกิดคำถามว่า การบิดโค้งของอะไรล่ะ
04:38
Einsteinไอน์สไต had alreadyแล้ว used up spaceช่องว่าง and time,
82
266000
5000
ไอสไตน์ได้ใช้อวกาศกับเวลาไปแล้ว
04:43
warpsประลองยุทธ์ and curvesเส้นโค้ง, to describeอธิบาย gravityแรงดึงดูด.
83
271000
2000
การบิดโค้ง ใช้ในการอธิบายแรงดึงดูดไปแล้ว
04:45
There didn't seemดูเหมือน to be anything elseอื่น to warpวิปริต or curveเส้นโค้ง.
84
273000
3000
มันไม่น่าจะมีอะไรอีกแล้วให้บิดหรือโค้ง
04:48
So KaluzaKaluza said, well, maybe there are more dimensionsมิติ of spaceช่องว่าง.
85
276000
5000
คาลุสซ่ากล่าวว่า เอาล่ะ บางที
มันมีมิติมากกว่านี้อีกในอวกาศ
04:53
He said, if I want to describeอธิบาย one more forceบังคับ,
86
281000
2000
เขาบอกว่า ถ้าผมอยากที่จะอธิบายแรงเพิ่มอีกหนึ่งแรง
04:55
maybe I need one more dimensionมิติ.
87
283000
2000
บางที ผมต้องการอีกหนึ่งมิติ
04:57
So he imaginedจินตนาการ that the worldโลก had fourสี่ dimensionsมิติ of spaceช่องว่าง, not threeสาม,
88
285000
4000
ดังนั้น เขาจินตนาการว่าโลกมีสี่มิติของอวกาศ ไม่ใช่สาม
05:01
and imaginedจินตนาการ that electromagnetismแม่เหล็กไฟฟ้า was warpsประลองยุทธ์ and curvesเส้นโค้ง
89
289000
4000
และจินตนาการว่า แรงแม่เหล็กไฟฟ้านั้นทำให้มิติที่สี่
05:05
in that fourthที่สี่ dimensionมิติ. Now here'sนี่คือ the thing:
90
293000
2000
บิดและโค้ง
เอาล่ะ ทีนี้
05:07
when he wroteเขียน down the equationsสมการ describingอธิบาย warpsประลองยุทธ์ and curvesเส้นโค้ง
91
295000
3000
เมื่อเขาเขียนสมการอธิบายการบิดโค้ง
05:10
in a universeจักรวาล with fourสี่ spaceช่องว่าง dimensionsมิติ, not threeสาม,
92
298000
3000
ในเอกภพที่มีอวกาศสี่มิติ ไม่ใช่สาม
05:13
he foundพบ the oldเก่า equationsสมการ that Einsteinไอน์สไต had alreadyแล้ว derivedที่ได้มา in threeสาม dimensionsมิติ --
93
301000
4000
เขาพบว่าสมการเดิมที่ไอสไตน์ได้แปลงมันเรียบร้อยแล้ว
ให้รับกับอวกาศสามมิติ
05:17
those were for gravityแรงดึงดูด --
94
305000
1000
นั่นสำหรับแรงดึงดูด
05:18
but he foundพบ one more equationสมการ because of the one more dimensionมิติ.
95
306000
4000
แต่เขาพบกับสมการอีกอันหนึ่ง
เพราะว่าอีกมิติหนึ่งที่เพิ่มเข้ามา
05:22
And when he lookedมอง at that equationสมการ,
96
310000
2000
และเมื่อเขาดูสมการนั้น
05:24
it was noneไม่มี other than the equationสมการ
97
312000
2000
มันไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าสมการ
05:26
that scientistsนักวิทยาศาสตร์ had long knownที่รู้จักกัน to describeอธิบาย the electromagneticแม่เหล็กไฟฟ้า forceบังคับ.
98
314000
3000
ที่นักวิทยาศาสาตร์รู้จักกันมาเนิ่นนาน ซึ่งมันใช้อธิบาย
แรงแม่เหล็กไฟฟ้า
05:29
Amazingน่าอัศจรรย์ -- it just poppedโผล่ out.
99
317000
2000
น่าทึ่ง อยู่ดีๆมันก็โผล่ออกมาซะอย่างนั้น
05:31
He was so excitedตื่นเต้น by this realizationการสำนึก
100
319000
3000
เขารู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่ประจักษ์แจ้งนี้
05:34
that he ranวิ่ง around his houseบ้าน screamingน่าขันพิลึก, "Victoryชัยชนะ!" --
101
322000
3000
ซึ่งทำให้เขาวิ่งไปรอบบ้าน ตะโกนร้อง "ไชโย"
05:37
that he had foundพบ the unifiedปึกแผ่น theoryทฤษฎี.
102
325000
3000
ว่าเขาได้ค้นพบทฤษฎีรวมแล้ว
05:40
Now clearlyอย่างเห็นได้ชัด, KaluzaKaluza was a man who tookเอา theoryทฤษฎี very seriouslyอย่างจริงจัง.
103
328000
7000
ทีนี้ มันเป็นที่แน่ชัดว่า คาลุสซ่า
เป็นบุรุษที่เอาจริงเอาจังกับทฤษฎีมากๆ
05:47
He, in factความจริง --
104
335000
1000
อันที่จริง
05:48
there is a storyเรื่องราว that when he wanted to learnเรียน how to swimการว่ายน้ำ,
105
336000
3000
มีเรื่องเล่าว่า เมื่อเขาต้องการที่จะเรียนว่ายน้ำ
05:51
he readอ่าน a bookหนังสือ, a treatiseตำรา on swimmingว่ายน้ำ --
106
339000
3000
เขาจะอ่านหนังสือ บทความเกี่ยวกับการว่ายน้ำ
05:54
(Laughterเสียงหัวเราะ)
107
342000
1000
(เสียงหัวเราะ)
05:55
-- then doveนกพิราบ into the oceanมหาสมุทร.
108
343000
2000
แล้วก็กระโดดลงทะเลไปเลย
05:57
This is a man who would riskอันตราย his life on theoryทฤษฎี.
109
345000
3000
เขาเป็นคนที่จะเสี่ยงชีวิตกับทฤษฎี
06:00
Now, but for those of us who are a little bitบิต more practicallyจวน mindedใจ,
110
348000
4000
แต่สำหรับพวกเราที่มีความนึกคิดยึดแนวปฎิบัติมากกว่า
06:04
two questionsคำถาม immediatelyทันที ariseเกิดขึ้น from his observationการสังเกต.
111
352000
3000
สองคำถามก็ปรากฎขึ้นจากข้อสังเกตของเขา
06:07
Numberจำนวน one: if there are more dimensionsมิติ in spaceช่องว่าง, where are they?
112
355000
4000
ประการแรก ถ้ามันมีมากกว่าหนึ่งมิติในอวกาศ แล้วไหนล่ะ
06:11
We don't seemดูเหมือน to see them.
113
359000
2000
พวกเราไม่ยักเห็นมันเลย
06:13
And numberจำนวน two: does this theoryทฤษฎี really work in detailรายละเอียด,
114
361000
4000
และประการที่สอง ทฤษฎีที่ว่านี้มันใช้งานได้จริงๆ
ในรายละเอียดหรือเปล่า
06:17
when you try to applyใช้ it to the worldโลก around us?
115
365000
3000
เมื่อคุณลองพยายามประยุกต์มันเข้ากับโลกของเรา
06:20
Now, the first questionคำถาม was answeredตอบ in 1926
116
368000
4000
เอาล่ะ คำถามแรกได้ถูกไขคำตอบไปในปี 1926
06:24
by a fellowมนุษย์ namedชื่อ Oskarออสการ์ Kleinไคลน์.
117
372000
2000
โดยเพื่อนของเรานามว่า ออสก้า คลิน (Oskar Klein)
06:26
He suggestedข้อเสนอแนะ that dimensionsมิติ mightอาจ come in two varietiesพันธุ์ --
118
374000
4000
เขาได้แนะว่ามิตินั้นอาจมีอยู่สองชนิด
06:30
there mightอาจ be bigใหญ่, easy-to-seeง่ายต่อการมองเห็น dimensionsมิติ,
119
378000
3000
คือแบบที่ใหญ่ เห็นได้ง่ายๆ
06:33
but there mightอาจ alsoด้วย be tinyขนาดเล็ก, curled-upขด dimensionsมิติ,
120
381000
3000
และอาจมีแบบที่เล็ก ม้วนขดอยู่
06:36
curledขด up so smallเล็ก, even thoughแม้ they're all around us,
121
384000
3000
ซึ่งมันขดเล็กมาก แม้ว่าพวกมันจะอยู่รอบๆเรา
06:39
that we don't see them.
122
387000
2000
เราก็ไม่อาจมองเห็นมันได้
06:41
Let me showแสดง you that one visuallyสายตา.
123
389000
2000
ให้ผมแสดงให้คุณเห็นภาพชัดๆ
06:43
So, imagineจินตนาการ you're looking at something
124
391000
2000
ลองจินตนาการว่าคุณมองอะไรบางอย่าง
06:45
like a cableสายเคเบิล supportingที่สนับสนุน a trafficการจราจร lightเบา.
125
393000
2000
เช่นสายเคเบิลที่ยึดไฟจราจรไว้
06:47
It's in Manhattanแมนฮัตตัน. You're in Centralศูนย์กลาง Parkจอด -- it's kindชนิด of irrelevantที่ไม่เกี่ยวข้อง --
126
395000
3000
มันอยู่ในแมนฮัตตัน คุณยู่ที่เซนทรัลพาร์ค
อันนี้ไม่ได้เกี่ยวเท่าไร
06:50
but the cableสายเคเบิล looksรูปลักษณ์ one-dimensionalหนึ่งมิติ from a distantไกล viewpointมุมมอง,
127
398000
4000
แต่สายเคเบิลนั่นเหมือนกับมีแค่หนึ่งมิติเมื่อมองจากระยะไกล
06:54
but you and I all know that it does have some thicknessความหนา.
128
402000
3000
แต่ผมและคุณก็รู้ว่ามันมีความหนา
06:57
It's very hardยาก to see it, thoughแม้, from farห่างไกล away.
129
405000
2000
มันยากที่จะมองเห็น จากระยะที่ไกลออกไป
06:59
But if we zoomซูม in and take the perspectiveมุมมอง of, say,
130
407000
2000
แต่ถ้าเรามองใกล้เข้าไป และมองในมุมมองของ
07:01
a little antมด walkingที่เดิน around --
131
409000
2000
มดตัวเล็กๆ ที่เดินไปรอบๆ
07:03
little antsมด are so smallเล็ก that they can accessทางเข้า all of the dimensionsมิติ --
132
411000
3000
มดตัวน้อยนั้น ตัวเล็กมาก มันจึงสามารถเข้าได้ถึงทุกมิติ
07:06
the long dimensionมิติ,
133
414000
2000
ด้านยาว
07:08
but alsoด้วย this clockwiseตามเข็มนาฬิกา, counter-clockwiseทวนเข็มนาฬิกา directionทิศทาง.
134
416000
3000
และยังมีทิศตามเข็มนาฬิกา ทวนเข็มนาฬิกา
07:11
And I hopeหวัง you appreciateซาบซึ้ง this.
135
419000
2000
และผมหวังว่าคุณจะชอบนะครับเนี่ย
07:13
It tookเอา so long to get these antsมด to do this.
136
421000
2000
ใช่เวลานานโขเลยกว่าพวกมดจะยอมร่วมมือ
07:15
(Laughterเสียงหัวเราะ)
137
423000
1000
(เสียงหัวเราะ)
07:16
But this illustratesแสดงให้เห็นถึง the factความจริง that dimensionsมิติ can be of two sortsทุกประเภท:
138
424000
3000
แต่นี่มันแสดงถึงความจริงให้เห็นว่า
มิตินั้นสามารถเป็นไปได้สองแบบ
07:19
bigใหญ่ and smallเล็ก. And the ideaความคิด that maybe the bigใหญ่ dimensionsมิติ around us
139
427000
4000
คือใหญ่และเล็ก และความคิดที่ว่ามิติขนาดใหญ่ที่อยู่รอบๆเรา
07:23
are the onesคน that we can easilyอย่างง่ายดาย see,
140
431000
2000
เป็นมิติที่เราสามารถมองเห็นได้โดยง่าย
07:25
but there mightอาจ be additionalเพิ่มเติม dimensionsมิติ curledขด up,
141
433000
3000
แต่มันยังมีมิติอื่นๆอีกที่ม้วนอยู่
07:28
sortประเภท of like the circularกลม partส่วนหนึ่ง of that cableสายเคเบิล,
142
436000
2000
เช่นเดียวกับเส้นรอบวงของสายเคเบิล
07:30
so smallเล็ก that they have so farห่างไกล remainedยังคงอยู่ invisibleมองไม่เห็น.
143
438000
4000
ซึ่งเล็กมากจนเราจนถึงตอนนี้เราก็ยังมองไม่เห็น
07:34
Let me showแสดง you what that would look like.
144
442000
2000
ให้ผมแสดงให้คุณดูว่ามันน่าจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร
07:36
So, if we take a look, say, at spaceช่องว่าง itselfตัวเอง --
145
444000
3000
ถ้าคุณลองมองไปยังอวกาศ
07:39
I can only showแสดง, of courseหลักสูตร, two dimensionsมิติ on a screenจอภาพ.
146
447000
4000
ผมสามารถแสดงให้คุณดูได้แค่สองมิติบนจอ
07:43
Some of you guys will fixแก้ไขปัญหา that one day,
147
451000
2000
คงมีใครบางคนพัฒนามันได้สักวันครับ
07:45
but anything that's not flatแบน on a screenจอภาพ is a newใหม่ dimensionมิติ,
148
453000
2000
แต่อะไรก็ตามที่ไม่แบนราบไปบนจอคืออีกมิติหนึ่ง
07:47
goesไป smallerที่มีขนาดเล็ก, smallerที่มีขนาดเล็ก, smallerที่มีขนาดเล็ก,
149
455000
2000
ซอยให้เล็กย่อยๆลงไป
07:49
and way down in the microscopicจิ๋ว depthsระดับความลึก of spaceช่องว่าง itselfตัวเอง,
150
457000
4000
และลึกลงไปจนถึงระดับเล็กมากๆของอวกาศ
07:53
this is the ideaความคิด,
151
461000
1000
นี่คือแนวคิด
07:54
you could have additionalเพิ่มเติม curledขด up dimensionsมิติ --
152
462000
2000
คุณสามารถที่จะมีอีกมิติที่ม้วนขึ้นมา
07:56
here is a little shapeรูปร่าง of a circleวงกลม -- so smallเล็ก that we don't see them.
153
464000
3000
นี่เป็นวงกลมเล็กๆ เล็กมากเสียจนเรามองไม่เห็น
07:59
But if you were a little ultraรุนแรง microscopicจิ๋ว antมด walkingที่เดิน around,
154
467000
4000
แต่ถ้าคุณเป็นมดขนาดจิ๋วสุดๆที่เดินไปรอบๆ
08:03
you could walkเดิน in the bigใหญ่ dimensionsมิติ that we all know about --
155
471000
2000
คุณสามารถเดินไปบนมิติขนาดใหญ่ที่เรารู้จัก
08:05
that's like the gridตะแกรง partส่วนหนึ่ง --
156
473000
2000
นั่นเหมือนกับส่วนที่เป็นตาราง
08:07
but you could alsoด้วย accessทางเข้า the tinyขนาดเล็ก curled-upขด dimensionมิติ
157
475000
3000
แต่คุณยังสามารถเข้าถึงจุดเล็กๆที่ม้วนเป็นวงได้
08:10
that's so smallเล็ก that we can't see it with the nakedเปลือยกาย eyeตา
158
478000
2000
ซึ่งมันเล็กมาก พวกเราไม่สามารถเห็นมันได้ด้วยตาเปล่า
08:12
or even with any of our mostมากที่สุด refinedกลั่น equipmentอุปกรณ์.
159
480000
3000
หรือแม้ด้วยอุปกรณ์ที่ดีที่สุดที่เรามี
08:15
But deeplyลึก tuckedซุก into the fabricผ้า of spaceช่องว่าง itselfตัวเอง,
160
483000
3000
แต่มันเหมือนถูกถักทอลึกลงไปในผืนของอวกาศเองนั้น
08:18
the ideaความคิด is there could be more dimensionsมิติ, as we see there.
161
486000
4000
แนวคิดคือว่ามันสามารถเป็นไปได้ที่จะมีมากกว่าสามมิติ
ดังที่เราเห็นกันอยู่
08:22
Now that's an explanationคำอธิบาย
162
490000
4000
นี่เป็นคำอธิบาย
08:26
about how the universeจักรวาล could have more dimensionsมิติ than the onesคน that we see.
163
494000
4000
เกี่ยวกับว่า เอกภพสามารถมีมิติมากกว่าที่เราเห็นได้อย่างไร
08:30
But what about the secondที่สอง questionคำถาม that I askedถาม:
164
498000
3000
แต่ว่า แล้วคำถามที่สองที่ผมถามล่ะ
08:33
does the theoryทฤษฎี actuallyแท้จริง work
165
501000
2000
ทฤษฎีนี่มันใช้งานได้จริงหรอ
08:35
when you try to applyใช้ it to the realจริง worldโลก?
166
503000
2000
เมื่อคุณพยายามที่จะประยุกต์มันเข้ากับโลกแห่งความจริง
08:37
Well, it turnsผลัดกัน out that Einsteinไอน์สไต and KaluzaKaluza and manyจำนวนมาก othersคนอื่น ๆ
167
505000
3000
เอาล่ะ ผลก็คือว่า ไอสไตน์และคาลุสซ่า
และนักวิทยาศาสตร์อีกหลายคน
08:40
workedทำงาน on tryingพยายาม to refineปรับแต่ง this frameworkกรอบ
168
508000
5000
พยายามที่จะทำให้ขอบข่ายความรู้นี้สมบูรณ์
08:45
and applyใช้ it to the physicsฟิสิกส์ of the universeจักรวาล
169
513000
3000
และประยุกต์มันเข้ากับฟิสิกส์ของจักรวาล
08:48
as was understoodเข้าใจ at the time, and, in detailรายละเอียด, it didn't work.
170
516000
4000
ในแบบที่เราเข้าใจในเวลานั้น และในรายละเอียด
มันไม่ได้ผล
08:52
In detailรายละเอียด, for instanceตัวอย่าง,
171
520000
1000
ในรายละเอียด ยกตัวอย่างเช่น
08:53
they couldn'tไม่สามารถ get the massมวล of the electronอิเล็กตรอน
172
521000
2000
พวกเขาไม่สามารถคำนวณมวลของอิเล็กตรอน
08:55
to work out correctlyได้อย่างถูกต้อง in this theoryทฤษฎี.
173
523000
2000
ออกมาได้ถูกต้องด้วยทฤษฎีนี้ได้
08:57
So manyจำนวนมาก people workedทำงาน on it, but by the '40s, certainlyอย่างแน่นอน by the '50s,
174
525000
5000
มีคนพยายามมากมายเหลือเกิน แต่แล้ว ในยุค 40
หรือที่จริงแล้ว ในยุค 50
09:02
this strangeแปลก but very compellingจับใจ ideaความคิด
175
530000
4000
ความคิดที่ประหลาดแต่กระตุ้นความสนใจ
09:06
of how to unifyรวมกัน the lawsกฎหมาย of physicsฟิสิกส์ had goneที่ไปแล้ว away.
176
534000
3000
ว่าจะรวมเอากฎของฟิสิกส์ทั้งหลายเป็นหนึ่งนั้น ได้หายไป
09:09
Untilจนกระทั่ง something wonderfulยอดเยี่ยม happenedที่เกิดขึ้น in our ageอายุ.
177
537000
4000
จนกระทั่งบางสิ่งบางอย่างที่น่าทึ่งได้เกิดขึ้นในยุคของเรา
09:13
In our eraยุค, a newใหม่ approachเข้าใกล้ to unifyรวมกัน the lawsกฎหมาย of physicsฟิสิกส์
178
541000
4000
ในสมัยของเรานั้น วิธีการใหม่
ในการรวมเอากฎต่างๆทางฟิสิกส์
09:17
is beingกำลัง pursuedติดตาม by physicistsฟิสิกส์ suchอย่างเช่น as myselfตนเอง,
179
545000
2000
ได้มีการนำขึ้นเสอนโดยนักฟิสิกส์อย่างเช่นผม
09:19
manyจำนวนมาก othersคนอื่น ๆ around the worldโลก,
180
547000
2000
และนักวิทยาศาสตร์อีกมากมายรอบโลก
09:21
it's calledเรียกว่า superstringsuperstring theoryทฤษฎี, as you were indicatingการแสดง.
181
549000
3000
มันเรียกว่า ทฤษฎีซุปเปอร์สตริง (Superstring theory)
09:24
And the wonderfulยอดเยี่ยม thing is that superstringsuperstring theoryทฤษฎี
182
552000
4000
สิ่งที่น่าทึ่งก็คือว่า ทฤษฎีซุปเปอร์สตริงนี้
09:28
has nothing to do at first sightสายตา with this ideaความคิด of extraพิเศษ dimensionsมิติ,
183
556000
4000
ในตอนแรกเหมือนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับแนวคิดเรื่องมิติอื่นๆ
09:32
but when we studyศึกษา superstringsuperstring theoryทฤษฎี,
184
560000
3000
แต่เมื่อเราทำการศึกษาทฤษฎีซุปเปอร์สตริง
09:35
we find that it resurrectsฟื้นคืน the ideaความคิด in a sparklingที่เป็นประกาย, newใหม่ formฟอร์ม.
185
563000
3000
พวกเราพบว่ามันทำให้แนวคิดนั้นคืนชีพมาสดใสอีกครั้ง
ในรูปแบบใหม่
09:38
So, let me just tell you how that goesไป.
186
566000
2000
ให้ผมเล่าให้คุณฟังว่ามันเป็นอย่างไร
09:40
Superstringsuperstring theoryทฤษฎี -- what is it?
187
568000
2000
ทฤษฎีซุปเปอร์สตริง คืออะไร
09:42
Well, it's a theoryทฤษฎี that triesพยายาม to answerตอบ the questionคำถาม:
188
570000
2000
มันคือทฤษฎีที่พยายามจะตอบคำถาม
09:44
what are the basicขั้นพื้นฐาน, fundamentalพื้นฐาน, indivisibleแบ่งแยกไม่ได้, uncuttableuncuttable constituentsเป็นคนละเรื่อง
189
572000
5000
ว่าอะไรซึ่งเป็น พื้นฐาน หัวใจหลัก
ที่ไม่สามารถจำแนก แบ่งแยกลงไปได้อีก
09:49
makingการทำ up everything in the worldโลก around us?
190
577000
4000
ที่เป็นส่วนประกอบของทุกสิ่งทุกอย่างในโลกรอบตัวเรา
09:53
The ideaความคิด is like this.
191
581000
2000
ความคิดเป็นเช่นนี้
09:55
So, imagineจินตนาการ we look at a familiarคุ้นเคย objectวัตถุ, just a candleเทียน in a holderเจ้าของ,
192
583000
5000
ลองจินตนาการว่า เรามองไปยังของที่คุ้นเคย
เช่นเทียนในแท่นวาง
10:00
and imagineจินตนาการ that we want to figureรูป out what it is madeทำ of.
193
588000
3000
และจินตนาการว่าเราต้องการที่จะทราบว่า
อะไรที่เป็นส่วนประกอบของมัน
10:03
So we go on a journeyการเดินทาง deepลึก insideภายใน the objectวัตถุ and examineตรวจสอบ the constituentsเป็นคนละเรื่อง.
194
591000
4000
ดังนั้น เราเดินทางลึกลงไปในวัตถุและสำรวจองค์ประกอบนั้น
10:07
So deepลึก insideภายใน -- we all know, you go sufficientlyพอ farห่างไกล down, you have atomsอะตอม.
195
595000
4000
ลึกเข้าไปข้างใน เราทุกคนรู้ว่า ถ้าเราลงไปลึกพอเราจะพบอะตอม
10:11
We alsoด้วย all know that atomsอะตอม are not the endปลาย of the storyเรื่องราว.
196
599000
3000
เรายังรู้อีกว่า อะตอมไม่ใช่ที่สิ้นสุด
10:14
They have little electronsอิเล็กตรอน that swarmฝูง around a centralศูนย์กลาง nucleusนิวเคลียส
197
602000
4000
พวกมันยังมีอิเล็กตรอนเล็กๆที่วิ่งไปรอบๆนิวเคลียส
10:18
with neutronsนิวตรอน and protonsโปรตอน.
198
606000
1000
กับนิวตรอนและโปรตอน
10:19
Even the neutronsนิวตรอน and protonsโปรตอน have smallerที่มีขนาดเล็ก particlesอนุภาค insideภายใน of them knownที่รู้จักกัน as quarksควาร์ก.
199
607000
5000
แม้กระทั่งนิวตรอนและโปรตอนก็ยังมีอนุภาคข้างใน
ที่เรียกกันว่าควาร์ก (quark)
10:24
That is where conventionalตามธรรมเนียม ideasความคิด stop.
200
612000
3000
นี่เป็นจุดที่ความคิดดั้งเดิมสิ้นสุด
10:27
Here is the newใหม่ ideaความคิด of stringเชือก theoryทฤษฎี.
201
615000
2000
ทีนี้ นี่คือแนวคิดใหม่ของทฤษฎีสตริง
10:29
Deepลึก insideภายใน any of these particlesอนุภาค, there is something elseอื่น.
202
617000
5000
ลึกลงไปในอนุภาคเหล่านี้ มันยังมีสิ่งอื่นๆอีก
10:34
This something elseอื่น is this dancingการเต้นรำ filamentใย of energyพลังงาน.
203
622000
3000
นี่คือสิ่งอื่นที่ว่า มันเป็นเส้นใยแห่งพลังงานที่เต้นรำ
10:37
It looksรูปลักษณ์ like a vibratingฟะฟั่น stringเชือก --
204
625000
2000
เหมือนกับเส้นเชือกหรือเส้นลวดที่สั่นไหว
10:39
that's where the ideaความคิด, stringเชือก theoryทฤษฎี comesมา from.
205
627000
2000
นี่เป็นที่มาของแนวคิดทฤษฎีสตริง
10:41
And just like the vibratingฟะฟั่น stringsเงื่อนไข that you just saw in a celloซอขนาดใหญ่
206
629000
3000
และเหมือนกับการสั่นไหวของเส้นลวดที่คุณเห็นในเชลโล
10:44
can vibrateสั่น in differentต่าง patternsรูปแบบ,
207
632000
2000
ที่สามารถสั่นไหวได้หลายๆรูปแบบ
10:46
these can alsoด้วย vibrateสั่น in differentต่าง patternsรูปแบบ.
208
634000
2000
พวกมันก็สามารถสั่นไหวได้หลายๆรูปแบบเช่นกัน
10:48
They don't produceก่อ differentต่าง musicalดนตรี notesบันทึก.
209
636000
2000
พวกมันไม่ได้สร้างเสียงโน้ตดนตรีที่แตกต่างกัน
10:50
Ratherค่อนข้าง, they produceก่อ the differentต่าง particlesอนุภาค makingการทำ up the worldโลก around us.
210
638000
4000
แต่ทว่า พวกมันสร้างอนุภาคที่ต่างกันออกไป
สร้างเป็นโลกรอบๆตัวเรา
10:54
So if these ideasความคิด are correctแก้ไข,
211
642000
1000
ดังนั้น ถ้าแนวคิดนี้ถูกต้องแล้วล่ะก็
10:55
this is what the ultra-microscopicพิเศษด้วยกล้องจุลทรรศน์ landscapeภูมิประเทศ of the universeจักรวาล looksรูปลักษณ์ like.
212
643000
5000
นี่เป็นภูมิทัศน์ของเอกภพในระดับจิ๋ว
11:00
It's builtสร้างขึ้น up of a hugeใหญ่ numberจำนวน
213
648000
2000
มันถูกสร้างขึ้นจาก
11:02
of these little tinyขนาดเล็ก filamentsเส้นใย of vibratingฟะฟั่น energyพลังงาน,
214
650000
4000
เส้นใยเล็กๆแห่งพลังงานเหล่านี้จำนวนมหาศาล
11:06
vibratingฟะฟั่น in differentต่าง frequenciesความถี่.
215
654000
2000
สั่นไหวในความถึ่ที่ต่างกัน
11:08
The differentต่าง frequenciesความถี่ produceก่อ the differentต่าง particlesอนุภาค.
216
656000
3000
ความถี่ที่แตกต่างกันนั้นให้ผลผลิตเป็นอนุภาคที่ต่างกัน
11:11
The differentต่าง particlesอนุภาค are responsibleรับผิดชอบ
217
659000
3000
อนุภาคที่ต่างกันนั้นส่งผลให้
11:14
for all the richnessความร่ำรวย in the worldโลก around us.
218
662000
3000
เกิดความหลากหลายในโลกรอบตัวเรา
11:17
And there you see unificationการรวมกัน,
219
665000
2000
และคุณก็ได้เห็น ความเป็นหนึ่งเดียวกัน
11:19
because matterเรื่อง particlesอนุภาค, electronsอิเล็กตรอน and quarksควาร์ก,
220
667000
3000
เพราะว่าสสาร อนุภาค อิเล็กตรอน และควาร์ก
11:22
radiationการแผ่รังสี particlesอนุภาค, photonsโฟตอน, gravitonsgravitons, are all builtสร้างขึ้น up from one entityเอกลักษณ์.
221
670000
6000
อนุภาคกัมมันตรังสี โปรตรอน กราวิตรอน
ทั้งหลายนี้ สร้างขึ้นจากเพียงสิ่งนี้สิ่งเดียว
11:28
So matterเรื่อง and the forcesกองกำลัง of natureธรรมชาติ all are put togetherด้วยกัน
222
676000
4000
ดังนั้นสสารและพลังงานแห่งธรรมชาติทั้งมวล
ได้ถูกนำมารวมกัน
11:32
underภายใต้ the rubricตัวหนังสือแดง of vibratingฟะฟั่น stringsเงื่อนไข.
223
680000
2000
ภายใต้กฎแห่งการสั่นของสตริง
11:34
And that's what we mean by a unifiedปึกแผ่น theoryทฤษฎี.
224
682000
4000
และนั่นคือสิ่งที่เราหมายถึงในบริบทของทฤษฎีรวม
11:38
Now here is the catchจับ.
225
686000
2000
ทีนี้ก็ถึงตอนสำคัญแล้วครับ
11:40
When you studyศึกษา the mathematicsคณิตศาสตร์ of stringเชือก theoryทฤษฎี,
226
688000
3000
เมื่อคุณศึกษาคณิตศาสตร์ของทฤษฎีสตริง
11:43
you find that it doesn't work
227
691000
2000
คุณจะพบว่า มันใช้การไม่ได้
11:45
in a universeจักรวาล that just has threeสาม dimensionsมิติ of spaceช่องว่าง.
228
693000
3000
กับเอกภพที่มีเพียงแค่สามมิติของอวกาศ
11:48
It doesn't work in a universeจักรวาล with fourสี่ dimensionsมิติ of spaceช่องว่าง, norไม่ fiveห้า, norไม่ sixหก.
229
696000
4000
มันไม่สามารถใช้ได้กับเอกภพที่มีสี่มิติของอวกาศ
ห้าก็ไม่ได้ หกก็ไม่ได้
11:52
Finallyในที่สุด, you can studyศึกษา the equationsสมการ, and showแสดง that it worksโรงงาน
230
700000
4000
ในที่สุด เราสามารถศึกษาสมการ
และแสดงให้เห็นได้ว่ามันใช้การได้
11:56
only in a universeจักรวาล that has 10 dimensionsมิติ of spaceช่องว่าง
231
704000
4000
แค่ในเอกภพที่มีสิบมิติของอวกาศ
12:00
and one dimensionมิติ of time.
232
708000
2000
และหนึ่งมิติที่เป็นของเวลาเท่านั้น
12:02
It leadsโอกาสในการขาย us right back to this ideaความคิด of KaluzaKaluza and Kleinไคลน์ --
233
710000
5000
มันนำเรากลับไปยังแนวคิดของคาลุสซ่าและคลิน
12:07
that our worldโลก, when appropriatelyอย่างเหมาะสม describedอธิบาย,
234
715000
3000
ว่าโลกของเรา เมื่อได้รับการอธิบายอย่างเหมาะสมแล้ว
12:10
has more dimensionsมิติ than the onesคน that we see.
235
718000
3000
มีมิติมากกว่าที่เราเห็น
12:13
Now you mightอาจ think about that and say, well,
236
721000
3000
ทีนี้ คุณอาจคิดถึงมัน แล้วบอกว่า เอาล่ะ
12:16
OK, you know, if you have extraพิเศษ dimensionsมิติ, and they're really tightlyอย่างแน่นหนา curledขด up,
237
724000
3000
โอเค ถ้าคุณมีมิติมาเพิ่มและมันก็ขดอยู่แน่นมากๆ
12:19
yeah, perhapsบางที we won'tเคยชิน see them, if they're smallเล็ก enoughพอ.
238
727000
4000
อืม บางที เราคงจะไม่เห็นมัน ถ้ามันเล็กพอ
12:23
But if there's a little tinyขนาดเล็ก civilizationอารยธรรม of greenสีเขียว people walkingที่เดิน around down there,
239
731000
3000
แต่ถ้ามันมีเมืองแห่งมนุษย์เขียวตัวจิ๋วเดินไปเดินมาที่นั่น
12:26
and you make them smallเล็ก enoughพอ, and we won'tเคยชิน see them eitherทั้ง. That is trueจริง.
240
734000
5000
และคุณทำให้พวกเขาเล็กพอ
และพวกเราคงจะไม่เห็นพวกเขาเหมือนกัน ใช่ครับ
12:31
One of the other predictionsการคาดการณ์ of stringเชือก theoryทฤษฎี --
241
739000
3000
นั่นก็เป็นอีกการคาดการณ์ของทฤษฎีสตริง
12:34
no, that's not one of the other predictionsการคาดการณ์ of stringเชือก theoryทฤษฎี.
242
742000
3000
ไม่ใช่นะครับ อันนั้นไม่ใช่การคาดการทฤษฎีสตริงนะครับ
12:37
(Laughterเสียงหัวเราะ)
243
745000
1000
(เสียงหัวเราะ)
12:38
But it raisesยก the questionคำถาม:
244
746000
2000
แต่มันทำให้เกิดคำถาม
12:40
are we just tryingพยายาม to hideปิดบัง away these extraพิเศษ dimensionsมิติ,
245
748000
2000
พวกเราแค่พยายามที่จะซ่อนมิติอื่นๆนี้
12:42
or do they tell us something about the worldโลก?
246
750000
3000
หรือว่ามันบอกอะไรบางอย่างกับเราเกี่ยวกับโลก
12:45
In the remainingที่เหลืออยู่ time, I'd like to tell you two featuresคุณสมบัติ of them.
247
753000
4000
ในเวลาที่เหลืออยู่ ผมอยากที่จะเล่าให้คุณฟังเกี่ยวกับ
สองคุณลักษณะของมัน
12:49
First is, manyจำนวนมาก of us believe that these extraพิเศษ dimensionsมิติ
248
757000
4000
อย่างแรกก็คือ เราหลายๆคนเชื่อว่า มิติอื่นๆที่เพิ่มเติมมานี้
12:53
holdถือ the answerตอบ to what perhapsบางที is the deepestที่ลึกที่สุด questionคำถาม
249
761000
4000
กุมคำตอบที่บางทีอาจเป็นคำตอบของคำถามที่ลึกซึ้งที่สุด
12:57
in theoreticalตามทฤษฎี physicsฟิสิกส์, theoreticalตามทฤษฎี scienceวิทยาศาสตร์.
250
765000
3000
ในฟิสิกส์เชิงทฤษฎี วิทยาศาสตร์เชิงทฤษฎี
13:00
And that questionคำถาม is this: when we look around the worldโลก,
251
768000
4000
และคำถามนั่นก็คือ เมื่อเรามองไปรอบๆโลก
13:04
as scientistsนักวิทยาศาสตร์ have doneเสร็จแล้ว for the last hundredร้อย yearsปี,
252
772000
2000
ดั่งเช่นที่นักวิทยาศาสตร์ได้กระทำมาเป็นเวลา
กว่าร้อยปีที่ผ่านมานี้
13:06
there appearปรากฏ to be about 20 numbersหมายเลข that really describeอธิบาย our universeจักรวาล.
253
774000
4000
มันเหมือนจะมีตัวเลขประมาณ 20 ตัว
ที่อธิบายเอกภพเราได้จริง
13:10
These are numbersหมายเลข like the massมวล of the particlesอนุภาค,
254
778000
3000
มันคือตัวเลขเช่น มวลของอนุภาค
13:13
like electronsอิเล็กตรอน and quarksควาร์ก, the strengthความแข็งแรง of gravityแรงดึงดูด,
255
781000
2000
เช่นอิเล็กตรอน และ ควาร์ก ค่าของแรงดึงดูด
13:15
the strengthความแข็งแรง of the electromagneticแม่เหล็กไฟฟ้า forceบังคับ --
256
783000
2000
ค่าของแรงแม่เหล็กไฟฟ้า
13:17
a listรายการ of about 20 numbersหมายเลข
257
785000
2000
รายการตัวเลขประมาณ 20 ตัว
13:19
that have been measuredวัด with incredibleเหลือเชื่อ precisionความแม่นยำ,
258
787000
3000
ที่ได้มีการวัดมาด้วยความแม่นยำอันน่าทึ่ง
13:22
but nobodyไม่มีใคร has an explanationคำอธิบาย
259
790000
2000
แต่ไม่มีใครมีคำอธิบายให้ว่า
13:24
for why the numbersหมายเลข have the particularโดยเฉพาะ valuesค่า that they do.
260
792000
4000
ทำไมจำนวนเหล่านี้มีค่าดั่งที่มันเป็น
13:28
Now, does stringเชือก theoryทฤษฎี offerเสนอ an answerตอบ?
261
796000
3000
ทีนี้ ทฤษฎีสตริงมีคำตอบให้งั้นหรือ?
13:31
Not yetยัง.
262
799000
1000
ยังครับ
13:32
But we believe the answerตอบ for why those numbersหมายเลข have the valuesค่า they do
263
800000
4000
แต่เราเชื่อว่าคำตอบสำหรับคำถามที่ว่า
ทำไมจำนวนเหล่านี้มีค่าอย่างที่เป็น
13:36
mayอาจ relyวางใจ on the formฟอร์ม of the extraพิเศษ dimensionsมิติ.
264
804000
3000
อาจจะขึ้นอยู่กับรูปแบบของมิติอื่นๆ
13:39
And the wonderfulยอดเยี่ยม thing is, if those numbersหมายเลข
265
807000
2000
และสิ่งที่น่าอัศจรรย์ก็คือ ถ้าจำนวนเหล่านี้
13:41
had any other valuesค่า than the knownที่รู้จักกัน onesคน,
266
809000
3000
มีค่าเป็นค่าอื่นๆนอกจากที่เรารู้
13:44
the universeจักรวาล, as we know it, wouldn'tจะไม่ existมีอยู่.
267
812000
3000
เอกภพ ในแบบที่เรารู้จัก อาจจะไม่มีตัวตนอยู่
13:47
This is a deepลึก questionคำถาม.
268
815000
1000
นี่เป็นคำถามที่ลึกซึ้ง
13:48
Why are those numbersหมายเลข so finelyประณีต tunedติดตามความคืบหน้า
269
816000
2000
ทำไมจำนวนเหล่านั้นถึงได้ถูกปรับแต่งมาอย่างดี
13:50
to allowอนุญาต starsดาว to shineเปล่งปลั่ง and planetsดาวเคราะห์ to formฟอร์ม,
270
818000
2000
เพื่อที่จะอนุญาตให้ดวงดาวฉายแสง
และดาวเคราะห์ก่อตัว
13:52
when we recognizeรับรู้ that if you fiddleซอ with those numbersหมายเลข --
271
820000
3000
เมื่อเราตระหนักเช่นนั้นแล้ว ถ้าคุณลองเล่นกับจำนวนเหล่านี้
13:55
if I had 20 dialsหน้าปัด up here
272
823000
2000
ถ้าผมมีปุ่มหมุน 20 อันตรงนี้
13:57
and I let you come up and fiddleซอ with those numbersหมายเลข,
273
825000
2000
และผมให้คุณขึ้นมาแล้วลองปรับมันเล่นๆ
13:59
almostเกือบจะ any fiddlingที่เล่นซอ makesยี่ห้อ the universeจักรวาล disappearหายไป.
274
827000
4000
เกือบจะทุกจำนวนที่เราปรับเล่นนั้น จะทำให้เอกภพหายไป
14:03
So can we explainอธิบาย those 20 numbersหมายเลข?
275
831000
3000
ดังนั้น เราจะอธิบายจำนวนทั้ง 20 นี้ได้ไหม
14:06
And stringเชือก theoryทฤษฎี suggestsแสดงให้เห็น that those 20 numbersหมายเลข
276
834000
2000
และทฤษฎีสตริงแนะไว้ว่า จำนวนเหล่านี้
14:08
have to do with the extraพิเศษ dimensionsมิติ.
277
836000
2000
มีส่วนเกี่ยวข้องกับมิติอื่นๆที่ว่า
14:10
Let me showแสดง you how.
278
838000
2000
ให้ผมแสดงให้คุณดูครับ
14:12
So when we talk about the extraพิเศษ dimensionsมิติ in stringเชือก theoryทฤษฎี,
279
840000
4000
เมื่อเราพูดถึงมิติอื่นๆในทฤษฎีสตริง
14:16
it's not one extraพิเศษ dimensionมิติ,
280
844000
2000
มันไม่ใช่อีกแค่หนึ่งมิติที่เพิ่มขึ้นมา
14:18
as in the olderเก่ากว่า ideasความคิด of KaluzaKaluza and Kleinไคลน์.
281
846000
4000
ตามแนวคิดเก่าของคาลุสซ่าและคลิน
14:22
This is what stringเชือก theoryทฤษฎี saysกล่าวว่า about the extraพิเศษ dimensionsมิติ.
282
850000
3000
นี่คือสิ่งที่ทฤษฎีสตริงกล่าว เกี่ยวกับมิติอื่น
14:25
They have a very richรวย, intertwinedพัน geometryเรขาคณิต.
283
853000
3000
พวกมันมีลักษณะทางเรขาคณิตที่พันไขว้ซับซ้อน
14:28
This is an exampleตัวอย่าง of something knownที่รู้จักกัน as a Calabi-Yauคาลาบี-เหยา shapeรูปร่าง --
284
856000
4000
นี่เป็นตัวอย่างของสิ่งที่เราเรียกว่า รูปร่างแบบคาลาบี-เยา (Calabi-Yau)
14:32
nameชื่อ isn't all that importantสำคัญ.
285
860000
2000
ชื่อนั่นไม่ได้สำคัญหรอกครับ
14:34
But, as you can see,
286
862000
2000
แต่ว่า อย่างที่คุณเห็น
14:36
the extraพิเศษ dimensionsมิติ foldพับ in on themselvesตัวเอง
287
864000
3000
มิติอื่นๆที่เพิ่มเติมขึ้นมานี้ซ้อนพับบนตัวมันเอง
14:39
and intertwineทำให้พันกัน in a very interestingน่าสนใจ shapeรูปร่าง, interestingน่าสนใจ structureโครงสร้าง.
288
867000
4000
และเกี่ยวพันเป็นรูปร่างที่น่าสนใจ เป็นโครงสร้างที่น่าสนใจ
14:43
And the ideaความคิด is that if this is what the extraพิเศษ dimensionsมิติ look like,
289
871000
5000
และแนวคิดก็คือว่า
ถ้านี่เป็นลักษณะที่มิติอื่นๆเป็นแล้วล่ะก็
14:48
then the microscopicจิ๋ว landscapeภูมิประเทศ of our universeจักรวาล all around us
290
876000
4000
ภูมิทัศน์ระดับจิ๋วของเอกภพรอบๆตัวเราทั้งหมด
14:52
would look like this on the tiniestน้อยที่สุด of scalesตาชั่ง.
291
880000
2000
น่าจะมีลักษณะแบบนี้ ในหน่วยที่เล็กที่สุด
14:54
When you swingแกว่ง your handมือ,
292
882000
1000
เมื่อคุณแกว่งมือของคุณ
14:55
you'dคุณควรที่จะ be movingการเคลื่อนย้าย around these extraพิเศษ dimensionsมิติ over and over again,
293
883000
3000
คุณได้เคลื่อนที่ไปรอบๆมิติเพิ่มเติมเหล่านี้ครั้งแล้วครั้งเล่า
14:58
but they're so smallเล็ก that we wouldn'tจะไม่ know it.
294
886000
2000
แต่พวกมันเล็กมากๆ จนเราไม่สามารถที่จะรับรู้ได้ถึงมัน
15:00
So what is the physicalกายภาพ implicationความหมาย, thoughแม้, relevantที่เกี่ยวข้อง to those 20 numbersหมายเลข?
295
888000
3000
แล้วความหมายในนัยทางฟิสิกส์ที่เกี่ยวข้องกับ
จำนวนทั้ง 20 นั้นคืออะไรกัน
15:03
Considerพิจารณา this. If you look at the instrumentตราสาร, a Frenchฝรั่งเศส hornเขา,
296
891000
3000
ลองคิดอย่างนี้นะครับ
สมมติว่าคุณมองที่เครื่องดนตรีเช่น เฟรนช์ฮอร์น
15:06
noticeแจ้งให้ทราบ that the vibrationsการสั่นสะเทือน of the airstreamsAirstreams
297
894000
3000
คุณจะสังเกตว่าการสั่นของคลื่นอากาศนั้น
15:09
are affectedได้รับผล by the shapeรูปร่าง of the instrumentตราสาร.
298
897000
2000
ได้รับอิทธิพลจากรูปร่างของเครื่องดนตรี
15:11
Now in stringเชือก theoryทฤษฎี,
299
899000
2000
ทีนี้ในทฤษฎีสตริง
15:13
all the numbersหมายเลข are reflectionsสะท้อน of the way stringsเงื่อนไข can vibrateสั่น.
300
901000
3000
ตัวเลขทุกจำนวนนั้น สะท้อนวิธีที่เส้นเชือก (สตริง) สามารถที่จะสั่นได้
15:16
So just as those airstreamsAirstreams
301
904000
2000
เหมือนดั่งเช่นคลืนอากาศ
15:18
are affectedได้รับผล by the twistsบิด and turnsผลัดกัน in the instrumentตราสาร,
302
906000
3000
ที่ได้รับอิทธิพลโดยรูปร่างที่บิดหมุนของเครื่องดนตรี
15:21
stringsเงื่อนไข themselvesตัวเอง will be affectedได้รับผล
303
909000
2000
ตัวเส้นเชือกเองนั้นก็จะถูกควบคุมโดยอิทธิพลของ
15:23
by the vibrationalการสั่น patternsรูปแบบ in the geometryเรขาคณิต withinภายใน whichที่ they are movingการเคลื่อนย้าย.
304
911000
4000
รูปแบบการสั่นในรูปทรงเรขาคณิตภายใน
ซึ่งพวกมันกำลังเคลือนไหว
15:27
So let me bringนำมาซึ่ง some stringsเงื่อนไข into the storyเรื่องราว.
305
915000
2000
ดังนั้นให้ผมนำเส้นเชือกเข้ามาในเรื่องนี้
15:29
And if you watch these little fellowsเพื่อน vibratingฟะฟั่น around --
306
917000
3000
และถ้าคุณมองเจ้าพวกนี้สั่นไปรอบๆ
15:32
they'llพวกเขาจะ be there in a secondที่สอง -- right there,
307
920000
2000
เดี๋ยวจะมานะครับ อ๊ะ มาแล้ว
15:34
noticeแจ้งให้ทราบ that they way they vibrateสั่น is affectedได้รับผล
308
922000
2000
สังเกตดูว่า วิธีที่มันสั่นนั้นจะได้รับผลกระทบ
15:36
by the geometryเรขาคณิต of the extraพิเศษ dimensionsมิติ.
309
924000
2000
จากรูปทรงเรขาคณิตของมิติอื่นๆ
15:38
So, if we knewรู้ว่า exactlyอย่างแน่นอน what the extraพิเศษ dimensionsมิติ look like --
310
926000
3000
ดังนั้น ถ้าเรารู้แน่ๆว่า มิติอื่นๆนั้นมีหน้าตาอย่างไร
15:41
we don't yetยัง, but if we did --
311
929000
2000
ตอนนี้ยังไม่ทราบ แต่ถ้าเราทราบแล้ว
15:43
we should be ableสามารถ to calculateคำนวณ the allowedได้รับอนุญาต notesบันทึก,
312
931000
3000
เราน่าจะสามารถคำนวณ เสียงตัวโน้ตดนตรีที่เกิดขึ้นได้
15:46
the allowedได้รับอนุญาต vibrationalการสั่น patternsรูปแบบ.
313
934000
2000
รูปแบบการสั่นที่ได้รับอนุญาตให้เกิดขึ้นได้
15:48
And if we could calculateคำนวณ the allowedได้รับอนุญาต vibrationalการสั่น patternsรูปแบบ,
314
936000
3000
และถ้าเราสามารถคำนวณรูปแบบการสั่นที่เกิดขึ้นได้
15:51
we should be ableสามารถ to calculateคำนวณ those 20 numbersหมายเลข.
315
939000
3000
เราน่าจะสามารถคำนวณจำนวนทั้ง 20 ได้ด้วย
15:54
And if the answerตอบ that we get from our calculationsการคำนวณ
316
942000
4000
และถ้าคำตอบที่เราได้จากการคำนวณ
15:58
agreesตกลง with the valuesค่า of those numbersหมายเลข
317
946000
2000
สัมพันธ์กับค่าของตัวเลขพวกนี้
16:00
that have been determinedแน่นอน
318
948000
2000
ที่ได้มีการระบุไว้
16:02
throughตลอด detailedรายละเอียด and preciseแม่นยำ experimentationการทดลอง,
319
950000
3000
จากหลักฐานการทดลองที่ละเอียดและแม่นยำ
16:05
this in manyจำนวนมาก waysวิธี would be the first fundamentalพื้นฐาน explanationคำอธิบาย
320
953000
5000
ในหลายๆแง่ สิ่งนี้อาจเป็นคำอธิบายหลัก ชิ้นแรก
16:10
for why the structureโครงสร้าง of the universeจักรวาล is the way it is.
321
958000
5000
ที่บอกว่าเราว่าทำไมโครงสร้างของเอกภพถึงได้เป็นเช่นนี้
16:15
Now, the secondที่สอง issueปัญหา that I want to finishเสร็จสิ้น up with is:
322
963000
3000
ทีนี้ ประเด็นที่สองที่ผมอยากจะสรุปก็คือ
16:18
how mightอาจ we testทดสอบ for these extraพิเศษ dimensionsมิติ more directlyโดยตรง?
323
966000
5000
เราจะมีการทดสอบถึงมิติอื่นๆที่เพิ่มขึ้นมานี้โดยตรงได้อย่างไร
16:23
Is this just an interestingน่าสนใจ mathematicalคณิตศาสตร์ structureโครงสร้าง
324
971000
3000
นี่มันเป็นแค่โครงสร้างทางคณิตศาสตร์ที่น่าสนใจ
16:26
that mightอาจ be ableสามารถ to explainอธิบาย
325
974000
2000
ที่อาจช่วยอธิบาย
16:28
some previouslyก่อนหน้านี้ unexplainedไม่ได้อธิบาย featuresคุณสมบัติ of the worldโลก,
326
976000
5000
บางสิ่งที่ก่อนหน้านี้มิอาจอธิบายได้เกี่ยวกับลักษณะของโลก
16:33
or can we actuallyแท้จริง testทดสอบ for these extraพิเศษ dimensionsมิติ?
327
981000
3000
หรือว่าเราสามารถจะทดสอบมิติพวกนี้ได้จริงๆ
16:36
And we think -- and this is, I think, very excitingน่าตื่นเต้น --
328
984000
2000
และพวกเราคิด และผมก็คิดว่า มันน่าตื่นเต้นมากครับ
16:38
that in the nextต่อไป fiveห้า yearsปี or so we mayอาจ be ableสามารถ to testทดสอบ
329
986000
4000
ที่ในอีกห้าปีข้างหน้า ราวๆนั้น
เราอาจจะสามารถทดสอบ
16:42
for the existenceการดำรงอยู่ of these extraพิเศษ dimensionsมิติ.
330
990000
3000
ถึงการปรากฎอยู่ของมิติอื่นๆนี้ได้
16:45
Here'sต่อไปนี้คือ how it goesไป. In CERNเซิร์น, Genevaเหล้ายิน, Switzerlandประเทศสวิสเซอร์แลนด์,
331
993000
4000
มันเป็นอย่างนี้ครับ
ที่ CERN กรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์
16:49
a machineเครื่อง is beingกำลัง builtสร้างขึ้น calledเรียกว่า the Largeใหญ่ HadronHadron ColliderCollider.
332
997000
4000
กำลังมีการสร้างเครื่องจักรชินดหนึ่งที่เรียกว่า
เครื่องชนอนุภาคขนาดใหญ่ (Large Hadron Collider;LHC)
16:53
It's a machineเครื่อง that will sendส่ง particlesอนุภาค around a tunnelอุโมงค์,
333
1001000
3000
มันเป็นเครื่องที่จะส่งอนุภาคไปรอบๆท่อ
16:56
oppositeตรงข้าม directionsคำสั่ง, nearใกล้ the speedความเร็ว of lightเบา.
334
1004000
2000
ในทิศทางตรงข้ามกัน ด้วยความเร็วใกล้เคียงความเร็วแสง
16:58
Everyทุกๆ so oftenบ่อยครั้ง those particlesอนุภาค will be aimedมีวัตถุประสงค์เพื่อ at eachแต่ละ other,
335
1006000
4000
บางครั้งบางคราว อนุภาคเหล่านี้ก็จะวิ่งเข้าหากัน
17:02
so there's a head-onประสานงานกัน collisionการปะทะกัน.
336
1010000
2000
และเกิดการชนกันอย่างจัง
17:04
The hopeหวัง is that if the collisionการปะทะกัน has enoughพอ energyพลังงาน,
337
1012000
4000
เราหวังว่า ถ้าการชนกันนั้นมีพลังงานมากพอ
17:08
it mayอาจ ejectขับ some of the debrisเศษ from the collisionการปะทะกัน
338
1016000
3000
มันอาจปล่อยเศษซากบางอย่างออกมาจากการชน
17:11
from our dimensionsมิติ, forcingพระเดช it to enterเข้าสู่ into the other dimensionsมิติ.
339
1019000
5000
จากมิติของเรา บังคับให้มันเข้าไปในมิติอื่น
17:16
How would we know it?
340
1024000
2000
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรกัน
17:18
Well, we'llดี measureวัด the amountจำนวน of energyพลังงาน after the collisionการปะทะกัน,
341
1026000
3000
เราทำการวัดค่าของพลังงานหลังจากการชน
17:21
compareเปรียบเทียบ it to the amountจำนวน of energyพลังงาน before,
342
1029000
2000
เปรียบเทียบกับค่าของพลังงานก่อนหน้านั้น
17:23
and if there's lessน้อยกว่า energyพลังงาน after the collisionการปะทะกัน than before,
343
1031000
4000
และถ้ามันมีพลังงานน้อยกว่าหลังจากเกิดการชน
17:27
this will be evidenceหลักฐาน that the energyพลังงาน has driftedลอย away.
344
1035000
2000
นี่จะเป็นหลักฐานว่า มีพลังงานส่วนหนึ่งหลุดออกไป
17:29
And if it driftsลอย away in the right patternแบบแผน that we can calculateคำนวณ,
345
1037000
3000
และถ้ามันหลุดออกไปในรูปแบบที่ถูกต้อง
ที่เราสามารถทำการคำนวณได้
17:32
this will be evidenceหลักฐาน that the extraพิเศษ dimensionsมิติ are there.
346
1040000
3000
นี่จะเป็นหลักฐานว่า มิติอื่นๆนั้นมีอยู่
17:35
Let me showแสดง you that ideaความคิด visuallyสายตา.
347
1043000
2000
ให้ผมแสดงให้คุณดูเป็นภาพ
17:37
So, imagineจินตนาการ we have a certainบาง kindชนิด of particleอนุภาค calledเรียกว่า a gravitonGraviton --
348
1045000
3000
จินตนาการว่าเรามีอนุภาครูปแบบหนึ่งที่เรียกว่า กราวิตอน
17:40
that's the kindชนิด of debrisเศษ we expectคาดหวัง to be ejectedพุ่งออกมา out,
349
1048000
4000
นั่นเป็นเศษซากแบบหนึ่งที่เราคาดว่าจะถูกปลดปล่อยออกมา
17:44
if the extraพิเศษ dimensionsมิติ are realจริง.
350
1052000
2000
ถ้ามีมิติอื่นๆอยู่จริง
17:46
But here'sนี่คือ how the experimentการทดลอง will go.
351
1054000
1000
แต่การทดลองจะเป็นอย่างนี้
17:47
You take these particlesอนุภาค. You slamเสียงดังปัง them togetherด้วยกัน.
352
1055000
3000
คุณมีอนุภาคเหล่านี้ คุณเอามันชนเข้าหากัน
17:50
You slamเสียงดังปัง them togetherด้วยกัน, and if we are right,
353
1058000
2000
คุณจับมันชนเข้าหากัน และถ้าพวกเราถูก
17:52
some of the energyพลังงาน of that collisionการปะทะกัน
354
1060000
2000
พลังงานบางส่วนของการชน
17:54
will go into debrisเศษ that fliesแมลงวัน off into these extraพิเศษ dimensionsมิติ.
355
1062000
4000
จะไปอยู่ในรูปของเศษซากที่ปลิวออกไปยังมิติอื่น
17:58
So this is the kindชนิด of experimentการทดลอง
356
1066000
2000
นี่จะเป็นการทดลอง
18:00
that we'llดี be looking at in the nextต่อไป fiveห้า, sevenเจ็ด to 10 yearsปี or so.
357
1068000
4000
ที่เรากำลังจะเฝ้าจับตามองในอีกห้าปี
จนถึง 7 ถึง 10 ปีข้างหน้า
18:04
And if this experimentการทดลอง bearsหมี fruitผลไม้,
358
1072000
3000
และถ้าการทดลองนี้ให้ผลแล้วล่ะก็
18:07
if we see that kindชนิด of particleอนุภาค ejectedพุ่งออกมา
359
1075000
3000
ถ้าเราเห็นอนุภาคในลักษณะนั้นถูกปล่อยออกมา
18:10
by noticingสังเกตเห็น that there's lessน้อยกว่า energyพลังงาน in our dimensionsมิติ
360
1078000
3000
โดยการสังเกตพลังงานที่ลดลงในมิติของเรา
18:13
than when we beganเริ่ม,
361
1081000
2000
ก่อนจะเกิดการชน
18:15
this will showแสดง that the extraพิเศษ dimensionsมิติ are realจริง.
362
1083000
3000
มันจะเป็นการแสดงว่า มิติอื่นๆนั้นมีจริง
18:18
And to me this is a really remarkableโดดเด่น storyเรื่องราว,
363
1086000
3000
และสำหรับผมแล้ว มันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
18:21
and a remarkableโดดเด่น opportunityโอกาส. Going back to Newtonนิวตัน with absoluteแน่นอน spaceช่องว่าง --
364
1089000
4000
และเป็นโอกาสที่สำคัญมาก
ย้อนกลับไปยังยุคนิวตันที่อวกาศนั้นสัมบูรณ์
18:25
didn't provideให้ anything but an arenaสนามกีฬา, a stageเวที
365
1093000
2000
ไม่ได้ให้อะไรนอกเสียจากเป็นสนาม เป็นเวที
18:27
in whichที่ the eventsเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น of the universeจักรวาล take placeสถานที่.
366
1095000
2000
ซึ่งเหตุการณ์ของเอกภพได้เกิดขึ้น
18:29
Einsteinไอน์สไต comesมา alongตาม and saysกล่าวว่า,
367
1097000
2000
ไอสไตน์เข้ามา และบอกว่า
18:31
well, spaceช่องว่าง and time can warpวิปริต and curveเส้นโค้ง -- that's what gravityแรงดึงดูด is.
368
1099000
3000
อืม อวกาศและเวลาสามารถบิดและโค้งได้
นั่นแหละคือแรงดึงดูด
18:34
And now stringเชือก theoryทฤษฎี comesมา alongตาม and saysกล่าวว่า,
369
1102000
4000
และทีนี้ ทฤษฎีสตริงก็ตามมา และบอกว่า
18:38
yes, gravityแรงดึงดูด, quantumควอนตัม mechanicsกลศาสตร์, electromagnetismแม่เหล็กไฟฟ้า,
370
1106000
3000
ใช่ แรงดึงดูด กลศาสตร์ควอนตัม และพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้า
18:41
all togetherด้วยกัน in one packageบรรจุภัณฑ์,
371
1109000
2000
ทุกอย่างรวมกันอยู่ในชุดเดียว
18:43
but only if the universeจักรวาล has more dimensionsมิติ than the onesคน that we see.
372
1111000
4000
แต่เอกภพนั้นจะต้องมีมิติมากกว่าที่เราสำรวจเห็น
18:47
And this is an experimentการทดลอง that mayอาจ testทดสอบ for them in our lifetimeตลอดชีวิต.
373
1115000
5000
และนี่คือการทดลองที่จะเป็นบทพิสูจน์สำหรับพวกเขา
ในช่วงชีวิตของเรา
18:52
Amazingน่าอัศจรรย์ possibilityความเป็นไปได้.
374
1120000
2000
ความเป็นไปได้อันน่าอัศจรรย์
18:54
Thank you very much.
375
1122000
2000
ขอบคุณมากครับ
18:56
(Applauseการปรบมือ)
376
1124000
7000
(เสียงปรบมือ)
Translated by Kelwalin Dhanasarnsombut
Reviewed by Kanawat Senanan

▲Back to top

ABOUT THE SPEAKER
Brian Greene - Physicist
Brian Greene is perhaps the best-known proponent of superstring theory, the idea that minuscule strands of energy vibrating in a higher dimensional space-time create every particle and force in the universe.

Why you should listen

Greene, a professor of physics and mathematics at Columbia University, has focused on unified theories for more than 25 years, and has written several best-selling and non-technical books on the subject including The Elegant Universe, a Pulitzer finalist, and The Fabric of the Cosmos — each of which has been adapted into a NOVA mini-series. His latest book, The Hidden Reality, explores the possibility that our universe is not the only universe.

Greene believes science must be brought to general audiences in new and compelling ways, such as his live stage odyssey, Icarus at the Edge of Time, with original orchestral score by Philip Glass, and the annual World Science Festival, which he co-founded in 2008 with journalist Tracy Day.

More profile about the speaker
Brian Greene | Speaker | TED.com

Data provided by TED.

This site was created in May 2015 and the last update was on January 12, 2020. It will no longer be updated.

We are currently creating a new site called "eng.lish.video" and would be grateful if you could access it.

If you have any questions or suggestions, please feel free to write comments in your language on the contact form.

Privacy Policy

Developer's Blog

Buy Me A Coffee