TEDGlobal 2005
Martin Rees: Is this our final century?
มาร์ติน รีส ถาม: นี่คือศตวรรษสุดท้ายของเราแล้วหรือ?
Filmed:
Readability: 5
2,914,928 views
เซอร์ มาร์ติน รีส พูดในนามของทั้งนักดาราศาสตร์และ "สมาชิกมนุษยชาติคนหนึ่งที่ห่วงใยโลก" เขาศึกษาโลกและอนาคตของโลกเราจากมุมมองทางดาราศาสตร์ และเรียกร้องให้มีการเคลื่อนไหวเพื่อป้องกันผลร้ายของความเจริญทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของเรา
Martin Rees - Astrophysicist
Lord Martin Rees, one of the world's most eminent astronomers, is an emeritus professor of cosmology and astrophysics at the University of Cambridge and the UK's Astronomer Royal. He is one of our key thinkers on the future of humanity in the cosmos. Full bio
Lord Martin Rees, one of the world's most eminent astronomers, is an emeritus professor of cosmology and astrophysics at the University of Cambridge and the UK's Astronomer Royal. He is one of our key thinkers on the future of humanity in the cosmos. Full bio
Double-click the English transcript below to play the video.
00:24
If you take 10,000 people at random, 9,999 have something in common:
0
0
6000
ถ้าเราสุ่มคนมา 10,000 คน จะพบว่า 9,999 คน มีบางอย่างที่เหมือนกัน
00:30
their interests in business lie on or near the Earth's surface.
1
6000
5000
ความสนใจของเขาเหล่านั้น อยู่บน หรือใกล้ๆ กับพื้นผิวโลกเรานี่เอง
00:35
The odd one out is an astronomer, and I am one of that strange breed.
2
11000
4000
คนที่แปลกที่สุดคือนักดาราศาสตร์ และผมก็คือคนหนึ่งในสายพันธุ์ประหลาดนี้
00:39
(Laughter)
3
15000
1000
(เสียงหัวเราะ)
00:40
My talk will be in two parts. I'll talk first as an astronomer,
4
16000
5000
การบรรยายของผมจะมี 2 ส่วนด้วยกัน ตอนแรกผมจะพูดในนามนักดาราศาสตร์ก่อน
00:45
and then as a worried member of the human race.
5
21000
4000
และหลังจากนั้น ในนามของสมาชิกมนุษยชาติคนหนึ่งที่ห่วงใยโลก
00:49
But let's start off by remembering that Darwin showed
6
25000
5000
เริ่มจากงานของดาร์วินที่แสดงให้เห็นว่า
00:54
how we're the outcome of four billion years of evolution.
7
30000
4000
พวกเราเป็นผลของวิวัฒนาการเมื่อ 4 พันล้านปีก่อน
00:58
And what we try to do in astronomy and cosmology
8
34000
3000
แต่อะไรที่เราพยายามทำอยู่ในวิชาดาราศาสตร์และเอกภพวิทยานั้น
01:01
is to go back before Darwin's simple beginning,
9
37000
3000
ย้อนหลังกลับไปก่อนกำเนิดชีวิตขั้นพื้นฐานของดาร์วินเสียอีก
01:04
to set our Earth in a cosmic context.
10
40000
4000
เพื่อศึกษาโลกในบริบทของอวกาศ
01:08
And let me just run through a few slides.
11
44000
3000
ผมขอแสดงภาพสองสามภาพ
01:11
This was the impact that happened last week on a comet.
12
47000
4000
นี่คือภาพดาวหางดวงหนึ่งที่ถูกชนเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว
01:16
If they'd sent a nuke, it would have been rather more spectacular
13
52000
2000
ถ้าสมมติเราส่งอาวุธนิวเคลียร์ไปถล่มที่นั่น มันคงจะดูน่าตื่นตาตื่นใจ
01:18
than what actually happened last Monday.
14
54000
2000
มากกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
01:21
So that's another project for NASA.
15
57000
2000
นั่นเป็นอีกโครงการหนึ่งของนาซ่า
01:23
That's Mars from the European Mars Express, and at New Year.
16
59000
5000
ส่วนนี่คือภาพดาวอังคาร จากภารกิจสำรวจดาวอังคารของยุโรป "ยูโรเปียนมาร์สเอ็กเพรส"
01:28
This artist's impression turned into reality
17
64000
5000
และเมื่อต้นปีใหม่นี้ ภาพวาดโดยศิลปินคนนี้ได้กลายเป็นจริง
01:33
when a parachute landed on Titan, Saturn's giant moon.
18
69000
4000
เมื่อร่มชูชีพได้ร่อนลงถึงพื้นของไททัน ดวงจันทร์ยักษ์ของดาวเสาร์
01:37
It landed on the surface. This is pictures taken on the way down.
19
73000
4000
มันได้ร่อนลงบนพื้นผิวของไททัน ภาพนี้ถูกถ่ายไว้ระหว่างขาลงจอด
01:41
That looks like a coastline.
20
77000
1000
นั่นดูเหมือนชายฝั่งทะเลนะครับ
01:42
It is indeed, but the ocean is liquid methane --
21
78000
3000
มันเป็นชายฝั่งจริงๆ ล่ะครับ แต่ในมหาสมุทรนั้นคือมีเธนเหลว
01:45
the temperature minus 170 degrees centigrade.
22
81000
5000
อุณหภูมิ -170 องศาเซลเซียส
01:50
If we go beyond our solar system,
23
86000
2000
ถ้าเราออกนอกระบบสุริยะของเราออกไป
01:52
we've learned that the stars aren't twinkly points of light.
24
88000
4000
เราก็ได้เรียนรู้ว่าดาวฤกษ์ทั้งหลายนั้น ไม่ได้เป็นดวงไฟที่ระยิบระยับ
01:56
Each one is like a sun with a retinue of planets orbiting around it.
25
92000
4000
แต่ละดวงนั้นก็เหมือนดวงอาทิตย์ ที่มีบริวารเป็นดาวเคราะห์โคจรรอบมัน
02:01
And we can see places where stars are forming,
26
97000
3000
และยังเราสามารถเห็นสถานที่ที่ดาวฤกษ์ถือกำเนิดขึ้นได้
02:04
like the Eagle Nebula. We see stars dying.
27
100000
3000
เช่น เนบิวล่ารูปนกอินทรี เราเห็นดาวฤกษ์หลายดวงกำลังจะตาย
02:07
In six billion years, the sun will look like that.
28
103000
3000
ในอีกหกพันล้านปีข้างหน้า ดวงอาทิตย์ของเราก็จะมีสภาพแบบนี้
02:10
And some stars die spectacularly in a supernova explosion,
29
106000
4000
การตายของดาวฤกษ์บางดวงก็น่าตื่นตาตื่นใจ ระเบิดกลายเป็นซุปเปอร์โนวา
02:14
leaving remnants like that.
30
110000
2000
ทิ้งซากไว้ให้เห็นเช่นนี้
02:16
On a still bigger scale, we see entire galaxies of stars.
31
112000
4000
ในมุมมองที่ใหญ่ขึ้น เราเห็นดาวฤกษ์ทั้งกาแล็กซี่
02:20
We see entire ecosystems where gas is being recycled.
32
116000
3000
เราเห็นระบบนิเวศ ที่ก๊าซกำลังจะถูกนำกลับมาใช้ใหม่
02:23
And to the cosmologist,
33
119000
2000
และสำหรับนักเอกภพวิทยา
02:25
these galaxies are just the atoms, as it were, of the large-scale universe.
34
121000
6000
กาแล็กซีเหล่านี้ เป็นเพียงอะตอมเล็กๆ ในเอกภพที่กว้างใหญ่
02:31
This picture shows a patch of sky
35
127000
3000
ภาพนี้แสดงส่วนหนึ่งของท้องฟ้า
02:34
so small that it would take about 100 patches like it
36
130000
3000
ขนาดเล็กมาก จนต้องใช้ภาพขนาดนี้ 100 ส่วน
02:37
to cover the full moon in the sky.
37
133000
2000
จึงจะแปะทับดวงจันทร์บนท้องฟ้าได้มิด
02:40
Through a small telescope, this would look quite blank,
38
136000
2000
เมื่อมองผ่านกล้องโทรทรรศน์ ส่วนของท้องฟ้าที่ว่านี้้ดูค่อนข้างว่างเปล่า
02:42
but you see here hundreds of little, faint smudges.
39
138000
4000
แต่คุณเจะห็นจุดคล้ายควันเล็กๆ หรี่มากๆ หลายร้อยจุด
02:46
Each is a galaxy, fully like ours or Andromeda,
40
142000
4000
แต่ละจุดนี้ คือกาแล็กซีทั้งกาแล็กซี่ เหมือนกาแล็กซีของเรา หรือกาแล็กซีแอนโดรเมดา
02:50
which looks so small and faint because its light
41
146000
2000
ที่ดูเล็กและริบหรี่มาก
02:52
has taken 10 billion light-years to get to us.
42
148000
3000
เพราะแสงของมันต้องใช้เวลาถึง 1 หมื่นล้านปีแสง เพื่อจะเดินทางมาถึงเรา
02:56
The stars in those galaxies probably don't have planets around them.
43
152000
4000
ดาวฤกษ์ในกาแล็กซี่เช่นนั้น อาจไม่มีดาวเคราะห์อยู่รายรอบ
03:01
There's scant chance of life there -- that's because there's been no time
44
157000
3000
โอกาสที่จะมีสิ่งมีชีวิตอยู่ที่นั่นน้อยมาก เพราะมันมีเวลาไม่พอ
03:04
for the nuclear fusion in stars to make silicon and carbon and iron,
45
160000
6000
ให้ปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันในดาวฤกษ์หลอมให้เกิดธาตุซิลิคอน คาร์บอน และเหล็ก
03:10
the building blocks of planets and of life.
46
166000
3000
ที่ถือเป็นองค์ประกอบเบื้องต้นของดาวเคราะห์และชีวิต
03:14
We believe that all of this emerged from a Big Bang --
47
170000
5000
เราเชื่อว่า ทั้งหมดทั้งมวลนี้ เกิดมาจากการระเบิดครั้งยิ่งใหญ่ "บิ๊กแบง"
03:20
a hot, dense state. So how did that amorphous Big Bang
48
176000
4000
ซึ่งเป็นสภาวะที่ร้อนและหนาแน่นมาก แล้วบิ๊กแบงที่ไร้ที่มาที่ไปนี้
03:24
turn into our complex cosmos?
49
180000
2000
กลายมาเป็นเอกภพที่ซับซ้อนได้อย่างไร
03:26
I'm going to show you a movie simulation
50
182000
3000
ผมจะแสดงภาพยนตร์จำลองให้ดูนะครับ
03:29
16 powers of 10 faster than real time,
51
185000
2000
ความเร็วในภาพยนต์ เร็วกว่าความเป็นจริงไป 10 ยกกำลัง 16 เท่า
03:31
which shows a patch of the universe where the expansions have subtracted out.
52
187000
4000
แสดงภาพเพียงส่วนหนึ่งของเอกภพ ที่ตัดช่วงการขยายตัวออกไปแล้ว
03:35
But you see, as time goes on in gigayears at the bottom,
53
191000
4000
เมื่อเวลาผ่านไปในหน่วยพันล้านปีดังที่แสดงด้านล่างของภาพ
03:39
you will see structures evolve as gravity feeds
54
195000
3000
คุณจะเห็นโครงสร้างวิวัฒนาการขึ้นมาเมื่อมีแรงโน้มถ่วงเกิดขึ้น
03:42
on small, dense irregularities, and structures develop.
55
198000
4000
บนจุดเล็กๆ ที่หนาแน่น ไร้ระบบระเบียบ ก็เกิดมีโครงสร้างพัฒนาขึ้น
03:46
And we'll end up after 13 billion years
56
202000
2000
และหลังจากหนึ่งหมื่นสามพันล้านปีผ่านไป เราก็มาลงเอย
03:48
with something looking rather like our own universe.
57
204000
4000
ด้วยอะไรบางอย่างหน้าตาคล้ายเอกภพของเรานี่เอง
03:55
And we compare simulated universes like that --
58
211000
3000
และเราก็เอาเอกภพจำลองที่สร้างขึ้นนี้มาเปรียบเทียบกับ--
03:58
I'll show you a better simulation at the end of my talk --
59
214000
2000
เดี๋ยวผมจะแสดงแบบจำลองที่ดีกว่านี้ ในตอนท้ายของการพูดของผมนะ --
04:00
with what we actually see in the sky.
60
216000
4000
เราเปรียบเทียบเอกภพจำลองที่สร้างขึ้นกับสิ่งที่เราเห็นจริงๆบนท้องฟ้า
04:04
Well, we can trace things back to the earlier stages of the Big Bang,
61
220000
6000
แล้วเราก็เราสามารถแกะรอยสิ่งต่างๆ ย้อนกลับไปในระยะแรกเริ่มของบิ๊กแบง
04:10
but we still don't know what banged and why it banged.
62
226000
4000
แต่เรายังคงไม่ทราบเลย ว่าอะไรระเบิด และทำไมมันถึงระเบิด
04:14
That's a challenge for 21st-century science.
63
230000
3000
นั่นคือสิ่งที่ท้าทายวิทยาศาสตร์ในศตวรรษที่ 21
04:19
If my research group had a logo, it would be this picture here:
64
235000
3000
ถ้ากลุ่มวิจัยของผมมีโลโก้ มันคงจะเป็นรูปนี้ครับ
04:22
an ouroboros, where you see the micro-world on the left --
65
238000
4000
รูปงูกินหาง ที่คุณเห็นโลกในระดับไมโครทางด้านซ้าย
04:27
the world of the quantum -- and on the right
66
243000
3000
เรียกอีกอย่างว่า โลกในระดับควอนตัม (ระดับอนุภาค) ก็ได้
04:30
the large-scale universe of planets, stars and galaxies.
67
246000
5000
ทางด้านขวา เป็นโลกในมุมมองกว้างใหญ่ระดับเอกภพอันประกอบด้วย ดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์ และกาแล็กซี
04:35
We know our universes are united though --
68
251000
2000
เราทราบว่าเอกภพของเรามีสภาพเป็นหนึ่งเดียวกัน
04:37
links between left and right.
69
253000
2000
มีจุดเชื่อมระหว่างด้านซ้ายกับด้านขวา
04:39
The everyday world is determined by atoms,
70
255000
2000
โลกทุกวันนี้ ถูกกำหนดด้วยอะตอมต่างๆ
04:41
how they stick together to make molecules.
71
257000
2000
ว่ามันประกอบกันเป็นโมเลกุลต่างๆ อย่างไร
04:43
Stars are fueled by how the nuclei in those atoms react together.
72
259000
6000
ดาวฤกษ์ได้รับเชื้อเพลิงจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ภายในอะตอมเหล่านั้น
04:49
And, as we've learned in the last few years, galaxies are held together
73
265000
3000
ไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราได้เรียนรู้ว่ากาแล็กซีต่างๆ เกาะกลุ่มอยู่รวมกัน
04:52
by the gravitational pull of so-called dark matter:
74
268000
3000
โดยแรงดึงโน้มถ่วงที่เรียกว่า "สสารมืด"
04:55
particles in huge swarms, far smaller even than atomic nuclei.
75
271000
5000
ซึ่งก็คืออนุภาคที่เล็กยิ่งกว่านิวเคลียสในอะตอม ที่มารวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่มหึมา
05:01
But we'd like to know the synthesis symbolized at the very top.
76
277000
6000
แต่ที่เราต้องการรู้ คือการเชื่อมโยงที่เป็นสัญลักษณ์อยู่บนสุด
05:07
The micro-world of the quantum is understood.
77
283000
3000
โลกระดับอนุภาคควอนตัมนั้นเราเข้าใจกันแล้ว
05:10
On the right hand side, gravity holds sway. Einstein explained that.
78
286000
4000
ทางด้านขวามือ เรื่องความโน้มถ่วง ไอน์สไตน์ก็อธิบายไปแล้ว
05:15
But the unfinished business for 21st-century science
79
291000
3000
แต่ภารกิจที่ยังไม่สำเร็จของวิทยาศาสตร์ในศตวรรษที่ 21
05:18
is to link together cosmos and micro-world
80
294000
2000
ก็คือการเชื่องโยงระหว่างฟิสิกส์ระดับ "เอกภพ" กับระดับ "อนุภาค"
05:20
with a unified theory -- symbolized, as it were, gastronomically
81
296000
4000
ด้วยทฤษฎีรวมแรงที่เป็นหนึ่งเดียว ดังที่เป็นสัญลักษณ์น่าอร่อย
05:24
at the top of that picture. (Laughter)
82
300000
2000
อยู่บนสุดของภาพนั่น (หัวเราะ)
05:26
And until we have that synthesis,
83
302000
2000
ถ้าเรายังไม่สามารถค้นพบความเชื่อมโยงนี้ได้
05:28
we won't be able to understand the very beginning of our universe
84
304000
3000
เราก็จะไม่สามารถเข้าใจกำเนิดเอกภพของเราได้เลย
05:31
because when our universe was itself the size of an atom,
85
307000
3000
เพราะเมื่อตอนที่เอกภพของเรามีขนาดเท่ากับอะตอมอันหนึ่งนั้น
05:34
quantum effects could shake everything.
86
310000
2000
ผลกระทบทางควอนตัมสามารถเขย่าทุกอย่างกระเจิดกระเจิง
05:37
And so we need a theory that unifies the very large and the very small,
87
313000
4000
ดังนั้น เราจึงต้องการทฤษฎีหนึ่งเดียวที่ใช้อธิบายได้ทั้งในระดับใหญ่มาก และระดับเล็กมาก
05:41
which we don't yet have.
88
317000
2000
ซึ่งเรายังไม่มี
05:44
One idea, incidentally --
89
320000
2000
แต่มีความคิดหนึ่งเกิดขึ้นโดยบังเอิญ
05:46
and I had this hazard sign to say I'm going to speculate from now on --
90
322000
4000
ซึ่งผมว่าผมจะลองเสี่ยงไปกับมันดู
05:51
is that our Big Bang was not the only one.
91
327000
2000
นั่นคือ ความคิดที่ว่าบิ๊กแบงไม่ได้มีเพียงหนึ่งเดียว
05:53
One idea is that our three-dimensional universe
92
329000
4000
แนวคิดหนึ่งก็คือ เอกภพแบบ 3 มิติของเรา
05:57
may be embedded in a high-dimensional space,
93
333000
2000
อาจฝังตัวอยู่ในอวกาศที่มีมากกว่า 3 มิติ
05:59
just as you can imagine on these sheets of paper.
94
335000
3000
คุณลองจินตนาการดูว่า
06:02
You can imagine ants on one of them
95
338000
2000
มีมดอยู่บนกระดาษแผ่นนี้
06:04
thinking it's a two-dimensional universe,
96
340000
2000
มันคิดว่า นี่มันคือเอกภพแบบ 2 มิติ
06:06
not being aware of another population of ants on the other.
97
342000
2000
โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่ามีมดตัวอื่นๆ อยู่บนกระดาษอีกแผ่น
06:08
So there could be another universe just a millimeter away from ours,
98
344000
4000
ดังนั้น มันอาจจะมีเอกภพอีกแห่งที่อยู่ห่างจากเอกภพของเราออกไปเพียง 1 มิลลิเมตร
06:12
but we're not aware of it because that millimeter
99
348000
3000
แต่เราไม่รู้สึกถึงมัน เพราะความห่างนั้นแค่หนึ่งมิลิเมตรนั้น
06:15
is measured in some fourth spatial dimension,
100
351000
2000
ถูกวัดในอวกาศ แบบ 4 มิติ
06:17
and we're imprisoned in our three.
101
353000
2000
แต่เราเองติดยึดอยู่กับมิติเพียง 3 มิติ
06:19
And so we believe that there may be a lot more to physical reality
102
355000
5000
ดังนั้น ผมเชื่อว่า อาจยังมีความจริงทางกายภาพอีกมากมาย
06:24
than what we've normally called our universe --
103
360000
2000
มากกว่าแค่ที่เรารู้จักและเรียกว่าเอกภพของเรา
06:26
the aftermath of our Big Bang. And here's another picture.
104
362000
3000
ซึ่งเป็นเพียง 'ควันหลง' ของบิ๊กแบง และนี่เป็นอีกภาพครับ
06:29
Bottom right depicts our universe,
105
365000
2000
รูปด้านล่างขวาคือเอกภพของเรา
06:31
which on the horizon is not beyond that,
106
367000
2000
ที่ยังอยู่ภายใต้ขอบเขตแห่งความรู้ของเรา
06:33
but even that is just one bubble, as it were, in some vaster reality.
107
369000
5000
แต่มันเป็นเหมือนแค่ฟองสบู่ฟองหนึ่ง ท่ามกลางความจริงที่กว้างใหญ่กว่านั้นมาก
06:38
Many people suspect that just as we've gone from believing
108
374000
3000
หลายคนคาดว่า อย่างที่เราก้าวข้ามความเชื่อ
06:41
in one solar system to zillions of solar systems,
109
377000
4000
ว่ามีระบบสุริยะเพียงหนึ่งเดียว ไปสู่การตระหนักว่ามันมีหลายระบบจนนับไม่ถ้วน
06:45
one galaxy to many galaxies,
110
381000
2000
จากที่คิดว่ามีกาแล็กซีเดียว ไปสู่การค้นพบว่ามีอีกหลายๆ กาแล็กซี
06:47
we have to go to many Big Bangs from one Big Bang,
111
383000
4000
เราคงต้องก้าวข้ามความคิดว่ามีบิ๊กแบงเดียว และยอมรับว่ามีอีกหลายบิ๊กแบง
06:51
perhaps these many Big Bangs displaying
112
387000
2000
และบิ๊กแบงจำนวนมากมายนี้อาจเผยให้เห็น
06:53
an immense variety of properties.
113
389000
2000
ถึงความหลากหลายอย่างมโหฬารของสสาร
06:55
Well, let's go back to this picture.
114
391000
2000
เอาหล่ะ เรากลับมากันที่รูปนี้อีกครั้ง
06:57
There's one challenge symbolized at the top,
115
393000
2000
อย่างที่เข้าใจแล้วว่า มันมีสัญลักษณ์ที่ท้าทายเราอยู่ด้านบนสุด
07:00
but there's another challenge to science symbolized at the bottom.
116
396000
4000
แต่มีความท้าทายสำหรับวิทยาศาสตร์อีกอันอยู่ด้านล่างสุดเช่นกัน
07:04
You want to not only synthesize the very large and the very small,
117
400000
3000
คุณอยากที่จะเชื่อมโยงสิ่งใหญ่เข้ากับสิ่งเล็ก
07:07
but we want to understand the very complex.
118
403000
2000
และก็อยากเข้าใจสิ่งที่มีความซับซ้อนด้วย
07:10
And the most complex things are ourselves,
119
406000
2000
และสิ่งที่ซับซ้อนที่สุด ก็คือ มนุษย์อย่างพวกเรานี่เอง
07:12
midway between atoms and stars.
120
408000
2000
เราคือสิ่งที่อยู่ตรงกลาง ระหว่างอะตอม กับดวงดาว
07:14
We depend on stars to make the atoms we're made of.
121
410000
2000
เราพึ่งพาดาวฤกษ์ เพราะมันสร้างอะตอมที่ประกอบเป็นเราขึ้นมา
07:16
We depend on chemistry to determine our complex structure.
122
412000
5000
เราขึ้นอยู่กับคุณสมบัติทางเคมีของสสาร ที่จะกำหนดโครงสร้างที่ซับซ้อนของเราขึ้นมา
07:22
We clearly have to be large, compared to atoms,
123
418000
2000
พูดง่ายๆเลยคือ เราต้องใหญ่ เมื่อเทียบกับอะตอม
07:25
to have layer upon layer of complex structure.
124
421000
2000
จึงจะสามารถเกิดโครงสร้างเป็นชั้นๆ ที่ซับซ้อนขึ้นมาได้
07:27
We clearly have to be small, compared to stars and planets --
125
423000
3000
และอีกทางหนึ่ง เราต้องเล็ก เมื่อเทียบกับดวงดาว
07:30
otherwise we'd be crushed by gravity. And in fact, we are midway.
126
426000
4000
มิเช่นนั้น เราจะถูกบดขยี้ด้วยแรงโน้มถ่วง ดังนั้น เราอยู่ระหว่างกลางจริงๆ
07:34
It would take as many human bodies to make up the sun
127
430000
2000
ถ้าจะใช้ร่างกายคนเรารวมกันเป็นดวงอาทิตย์ขึ้นมาสักดวง
07:36
as there are atoms in each of us.
128
432000
2000
ต้องใช้จำนวนคนเท่ากับจำนวนอะตอมที่ประกอบกันเป็นร่างกายเรา
07:38
The geometric mean of the mass of a proton
129
434000
2000
ค่าเฉลี่ยระหว่างมวลของโปรตอน
07:40
and the mass of the sun is 50 kilograms,
130
436000
3000
กับมวลของดวงอาทิตย์ คือ 50 กิโลกรัม
07:43
within a factor of two of the mass of each person here.
131
439000
3000
ซึ่งก็ไม่เกิน 2 เท่า ของมวลของเราแต่ละคนที่อยู่ที่นี่
07:46
Well, most of you anyway.
132
442000
1000
ผมหมายถึงพวกคุณส่วนใหญ่น่ะครับ
07:47
The science of complexity is probably the greatest challenge of all,
133
443000
5000
วิทยาศาสตร์ว่าด้วยความซับซ้อนนี้ อาจจะเป็นความท้าทายสูงสุดเท่าที่เคยมีมา
07:52
greater than that of the very small on the left
134
448000
2000
ท้าทายยิ่งกว่าสิ่งที่เล็กมากๆ ทางด้านซ้าย
07:54
and the very large on the right.
135
450000
2000
และยิ่งกว่าที่ใหญ่มากๆ ทางด้านขวา
07:57
And it's this science,
136
453000
2000
และศาสตร์ที่ว่านี่ล่ะ
07:59
which is not only enlightening our understanding of the biological world,
137
455000
4000
ที่ไม่เพียงสอนให้เราเข้าใจโลกในทางชีวภาพ
08:03
but also transforming our world faster than ever.
138
459000
3000
แต่ยังเปลี่ยนโลกไปอย่างรวดเร็วขึ้นกว่าที่เคย
08:07
And more than that, it's engendering new kinds of change.
139
463000
3000
และยิ่งกว่านั้น มันยังกำลังก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบใหม่ด้วย
08:11
And I now move on to the second part of my talk,
140
467000
4000
และตอนนี้ ผมจะขอเข้าสู่การบรรยายในส่วนที่สองแล้วนะครับ
08:16
and the book "Our Final Century" was mentioned.
141
472000
4000
หนังสือเรื่อง "ศตวรรษสุดท้ายของเรา" ที่ได้ถูกกล่าวถึง
08:20
If I was not a self-effacing Brit, I would mention the book myself,
142
476000
4000
คือ ถ้าผมไม่ได้เป็นคนอังกฤษที่ถ่อมตน ผมก็จะกล่าวถึงหนังสือเล่มนี้เอง
08:24
and I would add that it's available in paperback.
143
480000
3000
และผมก็จะบอกเพิ่มด้วยว่า แบบปกอ่อนก็มีขายนะครับ
08:27
(Laughter)
144
483000
2000
(หัวเราะ)
08:30
And in America it was called "Our Final Hour"
145
486000
3000
ในอเมริกา มันมีอีกชื่อ คือ "ชั่วโมงสุดท้ายของเรา"
08:33
because Americans like instant gratification.
146
489000
2000
เพราะคนอเมริกา ชอบความพอใจแบบทันด่วน
08:35
(Laughter)
147
491000
2000
(หัวเราะ)
08:37
But my theme is that in this century,
148
493000
3000
ประเด็นของผมก็คือ ในศตวรรษนี้
08:40
not only has science changed the world faster than ever,
149
496000
3000
วิทยาศาสตร์ไม่ได้แค่เปลี่ยนโลกไปแล้วอย่างรวดเร็ว
08:43
but in new and different ways.
150
499000
2000
แต่เปลี่ยนในรูปแบบใหม่เลยด้วย
08:46
Targeted drugs, genetic modification, artificial intelligence,
151
502000
4000
ยาที่ให้ผลเฉพาะเจาะจง การตัดต่อพันธุกรรม สมองกล
08:50
perhaps even implants into our brains,
152
506000
2000
และอาจไปถึงการฝังบางอย่างเข้าไปในสมองด้วยนั้น
08:52
may change human beings themselves. And human beings,
153
508000
3000
อาจจะเปลี่ยนความเป็นมนุษย์ไปก็ได้ ความเป็นมนุษย์
08:55
their physique and character, has not changed for thousands of years.
154
511000
4000
ในแง่กายภาพและลักษณะนิสัยโดยรวมที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยมาหลายพันปี
08:59
It may change this century.
155
515000
2000
อาจจะเปลี่ยนไปในศตวรรษนี้ล่ะ
09:01
It's new in our history.
156
517000
2000
มันถือเป็นสิ่งใหม่ในประวัติศาสตร์ของเรา
09:03
And the human impact on the global environment -- greenhouse warming,
157
519000
3000
และผลกระทบจากมนุษย์ที่มีต่อสิ่งแวดล้อมโลก เช่น สภาวะเรือนกระจก
09:06
mass extinctions and so forth -- is unprecedented, too.
158
522000
3000
การสูญพันธุ์ครั้งยิ่งใหญ่ เหล่านี้ก็ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเช่นกัน
09:10
And so, this makes this coming century a challenge.
159
526000
3000
ดังนั้น ศตวรรษหน้าที่กำลังมาถึงจึงเป็นสิ่งที่ท้าทาย
09:15
Bio- and cybertechnologies are environmentally benign
160
531000
3000
เทคโนโลยีชีวภาพและคอมพิวเตอร์นั้นเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
09:18
in that they offer marvelous prospects,
161
534000
2000
ในแง่ที่มันหยิบยื่นโอกาสที่น่าทึ่ง
09:20
while, nonetheless, reducing pressure on energy and resources.
162
536000
3000
ในขณะที่ช่วยลดความกดดันเรื่องพลังงานและทรัพยากรลง
09:24
But they will have a dark side.
163
540000
2000
แต่มันก็ย่อมมีด้านมืดแน่นอนครับ
09:27
In our interconnected world, novel technology could empower
164
543000
4000
ในโลกที่เชื่อมโยงอย่างไร้พรมแดนนี้ เทคโนโลยีใหม่ๆ สามารถให้อำนาจ
09:31
just one fanatic,
165
547000
2000
แก่คนที่คลั่งไคล้อะไรบางอย่าง
09:33
or some weirdo with a mindset of those who now design computer viruses,
166
549000
4000
หรือคนที่มีความคิดประหลาดอย่างเช่นพวกที่สร้างไวรัสคอมพิวเตอร์
09:37
to trigger some kind on disaster.
167
553000
2000
เพื่อก่อให้เกิดหายนะสักอย่างขึ้น
09:39
Indeed, catastrophe could arise simply from technical misadventure --
168
555000
4000
จริงๆ แล้ว หายนะหรือจุดจบอาจเกิดขึ้นได้ง่ายๆ จากอุบัติเหตุทางเทคโนโลยี
09:43
error rather than terror.
169
559000
2000
จากความผิดพลาดมากกว่าเจตนาที่จะคุกคาม
09:45
And even a tiny probability of catastrophe is unacceptable
170
561000
5000
และความน่าจะเป็นแม้เพียงน้อยนิดที่จะเกิดหายนะก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้
09:50
when the downside could be of global consequence.
171
566000
3000
เพราะผลเสียสามารถแพร่กระจายไปได้ทั่วโลก
09:55
In fact, some years ago, Bill Joy wrote an article
172
571000
4000
ที่จริง เมื่อไม่กี่ปีก่อนนี้ นักเขียนชื่อ 'บิล จอย' ได้เขียนบทความ
09:59
expressing tremendous concern about robots taking us over, etc.
173
575000
4000
แสดงความเห็นห่วงอย่างมากเกี่ยวกับหุ่นยนต์ที่กำลังเข้าแทนที่ผู้คน ฯลฯ
10:03
I don't go along with all that,
174
579000
1000
ผมได้ไม่เห็นด้วยกับทุกอย่างที่เขาเขียน
10:04
but it's interesting that he had a simple solution.
175
580000
2000
แต่มันน่าสนใจตรงที่ว่า เขาเสนอแนวทางการแก้ไขง่ายๆ
10:06
It was what he called "fine-grained relinquishment."
176
582000
3000
ซึ่งเขาเรียกว่า "การสละอำนาจควบคุมบางอย่าง"
10:09
He wanted to give up the dangerous kind of science
177
585000
3000
เขาต้องการที่จะล้มเลิกโครงการวิทยาศาสตร์ที่อาจเป็นอันตราย
10:12
and keep the good bits. Now, that's absurdly naive for two reasons.
178
588000
4000
และเก็บโครงการที่ดีไว้ แตาความคิดนี้มันไร้เดียงสา ด้วยเหตุผล 2 ประการ
10:16
First, any scientific discovery has benign consequences
179
592000
4000
ประการแรก การค้นพบทางวิทยาศาสตร์ใดๆ ย่อมมีผลลัพธ์ที่ดี
10:20
as well as dangerous ones.
180
596000
2000
พอๆ กับที่อันตรายไปพร้อมกัน
10:22
And also, when a scientist makes a discovery,
181
598000
3000
และเมื่อนักวิทยาศาสตร์ค้นพบอะไรบางอย่าง
10:25
he or she normally has no clue what the applications are going to be.
182
601000
4000
เขาก็มักจะไม่รู้หรอกว่า สิ่งๆ นี้จะถูกนำไปใช้อย่างไรบ้าง
10:29
And so what this means is that we have to accept the risks
183
605000
5000
ดังนั้น นี่หมายความว่า เราต้องยอมรับความเสี่ยง
10:34
if we are going to enjoy the benefits of science.
184
610000
4000
ถ้าเราต้องการจะเสพประโยชน์จากวิทยาศาสตร์
10:38
We have to accept that there will be hazards.
185
614000
2000
เราต้องยอมรับว่า มันจะมีอันตรายแน่นอน
10:41
And I think we have to go back to what happened in the post-War era,
186
617000
6000
และผมคิดว่า เราต้องย้อนกลับไปสมัยยุคหลังสงคราม
10:47
post-World War II, when the nuclear scientists
187
623000
3000
หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อนักวิทยาศาสตร์สาขานิวเคลียร์
10:50
who'd been involved in making the atomic bomb,
188
626000
2000
ที่มีส่วนร่วมในการสร้างระเบิดปรมาณู
10:52
in many cases were concerned that they should do all they could
189
628000
4000
เกิดความเป็นห่วงว่าพวกเขาควรทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้
10:56
to alert the world to the dangers.
190
632000
2000
เพื่อกระตุ้นชาวโลกให้ตระหนักถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น
10:58
And they were inspired not by the young Einstein,
191
634000
4000
พวกเขาได้แรงบันดาลใจจากไอน์สไตน์ ที่ไม่ใช่ไอน์สไตน์ในวัยหนุ่ม
11:02
who did the great work in relativity, but by the old Einstein,
192
638000
5000
ผู้สร้างผลงานที่ดีเยี่ยมในเรื่องทฤษฏีสัมพัทธภาพ แต่เป็นไอน์สไตน์ในวัยชรา
11:07
the icon of poster and t-shirt,
193
643000
3000
ไอน์สไตน์ในรูปที่เป็นสัญลักษณ์บนโปสเตอร์และเสื้อยืด
11:10
who failed in his scientific efforts to unify the physical laws.
194
646000
4000
ไอน์สไตน์คนที่ล้มเหลวในความพยายามที่จะสร้างทฤษฎีรวมแรงทางฟิสิกส์
11:14
He was premature. But he was a moral compass --
195
650000
3000
เขายังทำไม่สำเร็จ แต่เขาก็เป็นเสมือนเข็มทิศทางศีลธรรม
11:17
an inspiration to scientists who were concerned with arms control.
196
653000
5000
เป็นแรงบันดาลใจให้กับนักวิทยาศาสตร์ที่เป็นห่วงเรื่องการควบคุมอาวุธ
11:22
And perhaps the greatest living person
197
658000
2000
ส่วนบุคคลที่อาจถือเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่
11:24
is someone I'm privileged to know, Joe Rothblatt.
198
660000
3000
คือ "โจ รอธแบลท" ผู้ที่ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้รู้จัก
11:27
Equally untidy office there, as you can see.
199
663000
3000
ห้องทำงานรกพอกันเลย อย่างที่คุณเห็นน่ะครับ
11:30
He's 96 years old, and he founded the Pugwash movement.
200
666000
4000
เขาอายุ 96 ปี และเป็นผู้ก่อนตั้ง 'กลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสันติ พัควอซ'
11:34
He persuaded Einstein, as his last act,
201
670000
2000
บทบาทสุดท้ายของเขา คือเกลี้ยกล่อมไอน์สไตน์
11:36
to sign the famous memorandum of Bertrand Russell.
202
672000
3000
ให้ลงนามในเอกสารที่โด่งดัง ของเบอร์ทรันด์ รัสเซลล์
11:39
And he sets an example of the concerned scientist.
203
675000
4000
เขาเป็นตัวอย่างให้แก่นักวิทยาศาสตร์ที่เป็นห่วงเป็นใยโลก
11:44
And I think to harness science optimally,
204
680000
3000
ผมคิดว่าการที่จะควบคุมวิทยาศาสตร์อย่างเหมาะสมที่สุด
11:47
to choose which doors to open and which to leave closed,
205
683000
3000
การที่เลือกว่าประตูไหนควรเปิด ประตูไหนควรปิดเอาไว้
11:50
we need latter-day counterparts of people like Joseph Rothblatt.
206
686000
5000
เราต้องการคนแบบเดียวกันกับโจเซฟ รอธแบลท คนนี้ ในสมัยนี้
11:55
We need not just campaigning physicists,
207
691000
2000
เราต้องรณรงค์ไม่เพียงแค่ในหมู่นักฟิสิกส์
11:57
but we need biologists, computer experts
208
693000
2000
แต่เราต้องการให้นักชีววิทยา ผู้เชี่ยวชาญคอมพิวเตอร์
11:59
and environmentalists as well.
209
695000
2000
และนักสิ่งแวดล้อมร่วมมือด้วย
12:02
And I think academics and independent entrepreneurs
210
698000
3000
ผมคิดว่านักวิชาการและผู้ประกอบการอิสระ
12:05
have a special obligation because they have more freedom
211
701000
2000
มีกฎข้อบังคับพิเศษ
12:07
than those in government service,
212
703000
2000
เพราะว่าพวกเขามีอิสระมากว่าภาครัฐ
12:09
or company employees subject to commercial pressure.
213
705000
3000
หรือพนักงานบริษัท ที่แปรผันตามความกดดันทางการค้า
12:12
I wrote my book, "Our Final Century," as a scientist,
214
708000
5000
ผมเขียนหนังสือ "ศตวรรษสุดท้ายของเรา" ในฐานะนักวิทยาศาสตร์
12:17
just a general scientist. But there's one respect, I think,
215
713000
3000
แค่นักวิทยาศาสตร์ทั่วไปคนหนึ่ง แต่ผมคิดว่ามีประเด็นหนึ่ง
12:20
in which being a cosmologist offered a special perspective,
216
716000
4000
ที่ในฐานะที่เป็นนักเอกภพวิทยา ทำให้ผมมีมุมมองที่ไม่ธรรมดาขึ้นมา
12:24
and that's that it offers an awareness of the immense future.
217
720000
4000
และทำให้ผมเราตระหนักเกี่ยวกับอนาคตที่ยิ่งใหญ่ครับ
12:28
The stupendous time spans of the evolutionary past
218
724000
3000
กาลเวลาอันยาวนานของวิวัฒนาการ
12:31
are now part of common culture --
219
727000
3000
เป็นส่วนหนึ่งที่เรามีวัฒนธรรมร่วมกัน
12:34
outside the American Bible Belt, anyway --
220
730000
3000
อ่อ ผมหมายถึงที่อื่นนอกเหนือจากกลุ่มรัฐอนุรักษ์นิยมของอเมริกานะครับ
12:37
(Laughter)
221
733000
1000
(หัวเราะ)
12:38
but most people, even those who are familiar with evolution,
222
734000
4000
แต่คนส่วนใหญ่ แม้กระทั่งคนที่ศึกษากับเรื่องวิวัฒนาการมา
12:42
aren't mindful that even more time lies ahead.
223
738000
3000
ก็ไม่ได้ใส่ใจว่ายังมีเวลาที่ยาวนานกว่ายิ่งนั้นรออยู่ในอนาคต
12:46
The sun has been shining for four and a half billion years,
224
742000
3000
ดวงอาทิตย์ได้ส่งแสงมาแล้ว 4.5 ล้านล้านปี
12:49
but it'll be another six billion years before its fuel runs out.
225
745000
4000
ยังเหลืออีก 6 ล้านล้านปี ก่อนที่เชื้อเพลิงของมันจะหมด
12:53
On that schematic picture, a sort of time-lapse picture, we're halfway.
226
749000
5000
บนแผนภาพที่ย่นเวลานั้น เราอยู่ตรงครึ่งทางพอดี
12:59
And it'll be another six billion before that happens,
227
755000
5000
ยังมีเวลาอีกตั้ง 6 ล้านล้านปี ก่อนจะถึงจุดจบ
13:04
and any remaining life on Earth is vaporized.
228
760000
4000
ตอนนั้น สิ่งมีชีวิตที่เหลืออยู่บนโลกจะกลายเป็นไอหมด
13:09
There's an unthinking tendency to imagine that humans will be there,
229
765000
3000
ไม่มีแนวโน้มเลยที่มนุษย์จะยังอยู่
13:12
experiencing the sun's demise,
230
768000
2000
และได้เห็นการตายของดวงอาทิตย์
13:14
but any life and intelligence that exists then
231
770000
3000
สิ่งมีชีิวิตที่ทรงปัญญาที่จะยังอยู่ได้ ณ วันนั้น
13:17
will be as different from us as we are from bacteria.
232
773000
4000
จะต้องแตกต่างจากเรามาก เหมือนที่เราต่างกับแบคทีเรียมาก
13:21
The unfolding of intelligence and complexity
233
777000
2000
อีกนานมาก กว่าสิ่งมีชีวิตอันซับซ้อนและทรงปัญญานี้จะเกิดขึ้น
13:23
still has immensely far to go, here on Earth and probably far beyond.
234
779000
5000
มันอาจจะเกิดขึ้นบนโลก หรืออาจจะนอกโลกก็ได้
13:29
So we are still at the beginning of the emergence of complexity
235
785000
3000
ดังนั้น พวกเรากำลังอยู่ในช่วงเริ่มแรกของความซับซ้อน
13:32
in our Earth and beyond.
236
788000
2000
ไม่ว่าจะเป็นบนโลกหรือนอกโลกก็ตาม
13:35
If you represent the Earth's lifetime by a single year,
237
791000
4000
ถ้าจะนำเสนอช่วงชีวิตของโลกทั้งหมด ให้อยู่ในรูปของเวลา 1 ปี
13:39
say from January when it was made to December,
238
795000
3000
โดยให้วันที่โลกถูกสร้างเป็นเดือนมกราคม จนถึงจุดจบในเดือนธันวาคม
13:42
the 21st-century would be a quarter of a second in June --
239
798000
5000
ศตวรรษที่ 21 นี้ จะมีค่าเท่ากับ 1 ใน 15 ส่วน ของวินาที ในเดือนมิถุนายน
13:48
a tiny fraction of the year.
240
804000
2000
ซึ่งเป็นเสี้ยวส่วนที่เล็กมากเมื่อเทียบกับ 1 ปี
13:51
But even in this concertinaed cosmic perspective,
241
807000
4000
แต่แม้จะดูเล็กน้อยในมุมมองเอกภพแบบย่นย่อนี้
13:55
our century is very, very special,
242
811000
2000
ศตวรรษของเรา ก็ยังมีความพิเศษอยู่มากๆ
13:58
the first when humans can change themselves and their home planet.
243
814000
4000
ข้อแรกคือ เมื่อมนุษย์สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเอง และโลกที่เป็นบ้านของตัวเองได้
14:03
As I should have shown this earlier,
244
819000
3000
จริงๆ ผมควรจะแสดงภาพนี้ก่อนหน้านี้เพื่อจะบอกว่า
14:06
it will not be humans who witness the end point of the sun;
245
822000
3000
สิ่งที่จะได้อยู่เห็นจุดจบของดวงอาทิตย์จะไม่ใช่มนุษย์อย่างแน่นอน
14:09
it will be creatures as different from us as we are from bacteria.
246
825000
3000
มันจะต้องเป็นสิ่งมีชีวิตแบบอื่นที่แตกต่างจากเรามาก ดังเช่นเราที่แตกต่างจากแบคทีเรีย
14:14
When Einstein died in 1955,
247
830000
3000
เมื่อไอน์สไตน์เสียชีวิต ในปี 1955
14:17
one striking tribute to his global status was this cartoon
248
833000
3000
ก็มีการ์ตูนล้อเลียน วาดเพื่ออุทิศให้กับเขา
14:20
by Herblock in the Washington Post.
249
836000
2000
โดย ฮอร์บลอก จากหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์
14:22
The plaque reads, "Albert Einstein lived here."
250
838000
3000
ที่แผ่นหินสลักไว้ว่า "อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เคยอยู่ที่นี่"
14:26
And I'd like to end with a vignette, as it were, inspired by this image.
251
842000
4000
เอาล่ะครับ ผมจะจบการบรรยายด้วยภาพภาพหนึ่งที่ได้แรงบันดาลใจมาจากภาพนี้
14:30
We've been familiar for 40 years with this image:
252
846000
6000
เราคุ้นเคยกับภาพนี้มาประมาณ 40 ปีเห็นจะได้
14:36
the fragile beauty of land, ocean and clouds,
253
852000
3000
ภาพนี้แสดงให้เห็นความงามที่เปราะบางของแผ่นดิน มหาสมุทร และเมฆ
14:39
contrasted with the sterile moonscape
254
855000
2000
ตัดกับพื้นผิวดวงจันทร์ที่งามหมดจด
14:41
on which the astronauts left their footprints.
255
857000
3000
ที่ๆ นักบินอวกาศทิ้งรอยเท้าไว้
14:45
But let's suppose some aliens had been watching our pale blue dot
256
861000
4000
แต่สมมติว่ามีมนุษย์ต่างดาวกำลังเฝ้ามองโลกสีน้ำเงินซีดๆ ของเรา
14:49
in the cosmos from afar, not just for 40 years,
257
865000
4000
ผ่านห้วงอวกาศไกลโพ้น มาระยะหนึ่ง ไม่ใช่แค่ 40 ปี
14:53
but for the entire 4.5 billion-year history of our Earth.
258
869000
4000
แต่เป็นตลอดระยะเวลา 4.5 ล้านล้านปี เท่าที่โลกเกิดมา
14:58
What would they have seen?
259
874000
2000
พวกเขาจะเห็นอะไรครับ ?
15:00
Over nearly all that immense time,
260
876000
2000
ตลอดระยะเวลาอันยาวนานนี้
15:02
Earth's appearance would have changed very gradually.
261
878000
3000
ลักษณะภายนอกของโลกได้ค่อยๆ เปลี่ยนไป
15:05
The only abrupt worldwide change
262
881000
2000
เพียงสิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและรุนแรง
15:07
would have been major asteroid impacts or volcanic super-eruptions.
263
883000
6000
คือ รอยชนจากอุกกาบาต หรือการระเบิดของภูเขาไฟ
15:13
Apart from those brief traumas, nothing happens suddenly.
264
889000
4000
นอกเหนือจากแผลเหล่านั้นแล้ว ก็ไม่มีอะไรเลยที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และรุนแรง
15:17
The continental landmasses drifted around.
265
893000
3000
ทวีปเคลื่อนตัวไปมา
15:20
Ice cover waxed and waned.
266
896000
2000
น้ำแข็งที่ปกคลุม มีทั้งพอกพูนเพิ่มขึ้นและละลายลงไป
15:22
Successions of new species emerged, evolved and became extinct.
267
898000
3000
สิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้น วิวัฒน์ตัวเอง และในที่สุดก็สูญพันธุ์ไป
15:26
But in just a tiny sliver of the Earth's history,
268
902000
4000
แต่ในเพียงแค่ชั่วพริบตาของประวัติศาสตร์โลก
15:30
the last one-millionth part, a few thousand years,
269
906000
3000
แค่ ในช่วงไม่กี่พันปีที่ผ่านมานี้เอง
15:34
the patterns of vegetation altered much faster than before.
270
910000
3000
ลักษณะพืชพันธุ์ มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว มากกว่าที่เคยเป็นมา
15:37
This signaled the start of agriculture.
271
913000
3000
สิ่งนี้คือสัญญาณการเริ่มต้นของยุคเกษตรกรรม
15:40
Change has accelerated as human populations rose.
272
916000
4000
ความเปลี่ยนแปลงต่างๆ เกิดอย่างรวดเร็วตามจำนวนประชากรมนุษย์ที่เพิ่มขึ้น
15:44
Then other things happened even more abruptly.
273
920000
2000
แล้วก็มีการเปลี่ยนแปลงอีกอย่าง ที่รุนแรงและรวดเร็วเกิดขึ้น
15:46
Within just 50 years --
274
922000
2000
ภายในแค่ 50 ปี
15:48
that's one hundredth of one millionth of the Earth's age --
275
924000
4000
ซึ่งก็คือ 1 ในล้านส่วนของอายุโลก
15:52
the amount of carbon dioxide in the atmosphere started to rise,
276
928000
4000
ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศเริ่มสูงขึ้น
15:56
and ominously fast.
277
932000
2000
และมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
15:58
The planet became an intense emitter of radio waves --
278
934000
2000
ดาวเคราะห์โลกของเราได้กลายเป็นวัตถุที่แผ่คลื่นวิทยุ
16:00
the total output from all TV and cell phones
279
936000
4000
ซึ่งเป็นผลรวมจากการเปิดทีวี โทรศัพท์มือถือ
16:04
and radar transmissions. And something else happened.
280
940000
3000
และเครื่องส่งสัญญาณเรด้าทุกเครื่อง แล้วก็มีบางอย่างจะเกิดขึ้นอีก
16:07
Metallic objects -- albeit very small ones, a few tons at most --
281
943000
5000
วัตถุโลหะต่างๆ แม้จะขนาดเล็ก น้ำหนักมากสุดไม่กี่ตัน
16:12
escaped into orbit around the Earth.
282
948000
3000
ที่ถูกปล่อยออกไปโคจรรอบๆ โลก
16:15
Some journeyed to the moons and planets.
283
951000
2000
บางชิ้นอาจจะเดินทางไปถึงดวงจันทร์ และดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ
16:17
A race of advanced extraterrestrials
284
953000
2000
มนุษย์ต่างดาวที่ชาญฉลาด
16:19
watching our solar system from afar
285
955000
3000
ที่เฝ้ามองโลกจากระยะไกล
16:22
could confidently predict Earth's final doom in another six billion years.
286
958000
5000
อาจทำนายอย่างมั่นใจว่าโลกจะสิ้นอายุขัยในอีก 6 พันล้านปีข้างหน้า
16:27
But could they have predicted this unprecedented spike
287
963000
4000
แต่มนุษย์ต่างดาวจะทำนายความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
16:31
less than halfway through the Earth's life?
288
967000
3000
ตอนที่โลกยังมีอายุไม่ถึงครึ่งของอายุขัยได้หรือ
16:34
These human-induced alterations
289
970000
2000
การเปลี่ยนแปลงที่เป็นผลจากการกระทำของมนุษย์นี้
16:36
occupying overall less than a millionth of the elapsed lifetime
290
972000
4000
กินเวลาเพียงแค่ไม่ถึง 1 ในล้านส่วนของอายุขัยโลก
16:40
and seemingly occurring with runaway speed?
291
976000
3000
และดูเหมือนจะยิ่งเปลี่ยนด้วยความเร็วเพิ่มขึ้น
16:43
If they continued their vigil,
292
979000
2000
ถ้ามนุษย์ต่างดาวยังคงเฝ้าสอดแนมเราอยู่
16:45
what might these hypothetical aliens witness
293
981000
2000
คุณว่า พวกเขาได้เห็นอะไร
16:47
in the next hundred years?
294
983000
2000
ในอีกร้อยปีข้างหน้า?
16:50
Will some spasm foreclose Earth's future?
295
986000
3000
จะมีอะไรกระชากอนาคตของโลกหายไปเลยหรือไม่?
16:53
Or will the biosphere stabilize?
296
989000
2000
หรือโลกของสิ่งมีชีวิตจะเข้าสู่ภาวะสงบมั่นคงอีกครั้ง ?
16:56
Or will some of the metallic objects launched from the Earth
297
992000
3000
หรือ สิ่งที่มนุษย์ปล่อยขึ้นสู่อวกาศทั้งหลาย
16:59
spawn new oases, a post-human life elsewhere?
298
995000
4000
จะก่อให้เกิดโอเอซิสแหล่งชีวิตแห่งใหม่ข้างนอกนั่นได้?
17:03
The science done by the young Einstein will continue
299
999000
3000
วิทยาศาสตร์ที่บุกเบิกโดยไอน์สไตน์วัยหนุ่มจะดำเนินต่อไป
17:06
as long as our civilization, but for civilization to survive,
300
1002000
5000
ตราบเท่าที่อารยธรรมมนุษย์ยังคงอยู่ แต่อารยธรรมจะอยู่รอดได้
17:11
we'll need the wisdom of the old Einstein --
301
1007000
2000
เราจำเป็นต้องอาศัยภูมิปัญญาของไอน์สไตน์วัยชรา
17:13
humane, global and farseeing.
302
1009000
2000
ซึ่งก็คือ การมีมนุษยธรรม การมองการไกลและรอบด้าน
17:15
And whatever happens in this uniquely crucial century
303
1011000
5000
และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในศตวรรษปัจจุบันที่โหดร้ายนี้
17:20
will resonate into the remote future and perhaps far beyond the Earth,
304
1016000
6000
สิ่งนั้นย่อมมีผลกระทบต่ออนาคตของโลก
17:26
far beyond the Earth as depicted here.
305
1022000
2000
หรืออาจมีผลไปไกลเกินขอบเขตของ "โลก" ในแบบที่เรารู้จัก
17:28
Thank you very much.
306
1024000
2000
ขอบคุณมากครับ
17:30
(Applause)
307
1026000
3000
(ปรบมือ)
ABOUT THE SPEAKER
Martin Rees - AstrophysicistLord Martin Rees, one of the world's most eminent astronomers, is an emeritus professor of cosmology and astrophysics at the University of Cambridge and the UK's Astronomer Royal. He is one of our key thinkers on the future of humanity in the cosmos.
Why you should listen
Lord Martin Rees has issued a clarion call for humanity. His 2004 book, ominously titled Our Final Hour, catalogues the threats facing the human race in a 21st century dominated by unprecedented and accelerating scientific change. He calls on scientists and nonscientists alike to take steps that will ensure our survival as a species.
One of the world's leading astronomers, Rees is an emeritus professor of cosmology and astrophysics at Cambridge, and UK Astronomer Royal. Author of more than 500 research papers on cosmological topics ranging from black holes to quantum physics to the Big Bang, Rees has received countless awards for his scientific contributions. But equally significant has been his devotion to explaining the complexities of science for a general audience, in books like Before the Beginning and Our Cosmic Habitat.
Martin Rees | Speaker | TED.com