TEDSalon NY2011
Barry Schwartz: Using our practical wisdom
แบร์รี ชวาร์ตซ์: ใช้ปัญญาปฏิบัติของเรา
Filmed:
Readability: 3.9
1,136,541 views
ในสุนทรพจน์ที่ใกล้ตัว แบร์รี ชวาร์ตซ์ เจาะลึกลงในคำถาม "เราจะทำสิ่งที่ถูกต้องได้อย่างไร?" ร่วมกับเพื่อนร่วมงาน เคนเน็ธ ชาร์ป เขาแลกเปลี่ยนเรื่องราวที่สะท้อนให้เห็นความแตกต่างระหว่างการทำตามกฏ กับการเลือกที่เปี่ยมปัญญาอย่างแท้จริง
Barry Schwartz - Psychologist
Barry Schwartz studies the link between economics and psychology, offering startling insights into modern life. Lately, working with Ken Sharpe, he's studying wisdom. Full bio
Barry Schwartz studies the link between economics and psychology, offering startling insights into modern life. Lately, working with Ken Sharpe, he's studying wisdom. Full bio
Double-click the English transcript below to play the video.
00:00
The first thing I want to do is say thank you to all of you.
0
0
3000
แรกสุดเลยนะครับ ผมอยากขอบคุณพวกคุณทุกคน
00:03
The second thing I want to do is introduce my co-author
1
3000
3000
เรื่องที่สองคือ ผมอยากแนะนำเพื่อนที่เขียนหนังสือด้วยกัน
00:06
and dear friend and co-teacher.
2
6000
2000
เพื่อนรักและเพื่อนอาจารย์
00:08
Ken and I have been working together
3
8000
2000
เคนกับผมทำงานด้วยกัน
00:10
for almost 40 years.
4
10000
2000
มาเกือบ 40 ปีแล้ว
00:12
That's Ken Sharpe over there.
5
12000
2000
เคน ชาร์ป นั่งอยู่นั่นครับ
00:14
(Applause)
6
14000
2000
(ปรบมือ)
00:16
So there is among many people --
7
16000
3000
มีคนหลายคนเลยครับที่ --
00:19
certainly me and most of the people I talk to --
8
19000
2000
แน่นอนว่ารวมทั้งตัวผมเองและคนส่วนใหญ่ที่ผมคุยด้วย --
00:21
a kind of collective dissatisfaction
9
21000
3000
เหมือนจะมีความไม่พอใจรวมหมู่
00:24
with the way things are working,
10
24000
2000
เกี่ยวกับทิศทางของสิ่งต่างๆ
00:26
with the way our institutions run.
11
26000
3000
วิธีที่สถาบันของเราทำงาน
00:29
Our kids' teachers seem to be failing them.
12
29000
4000
ครูของลูกหลานเราดูเหมือนจะล้มเหลว
00:33
Our doctors don't know who the hell we are,
13
33000
3000
หมอของเราไม่รู้ว่าเราคือใครกัน
00:36
and they don't have enough time for us.
14
36000
2000
และมีเวลาไม่พอสำหรับเรา
00:38
We certainly can't trust the bankers,
15
38000
2000
เราไว้ใจนายธนาคารไม่ได้แน่ๆ
00:40
and we certainly can't trust the brokers.
16
40000
3000
และก็ไว้ใจนายหน้าไม่ได้ด้วย
00:43
They almost brought the entire financial system down.
17
43000
3000
พวกเขาเกือบจะทำให้ระบบการเงินทั้งระบบพังพินาศ
00:46
And even as we do our own work,
18
46000
3000
แม้แต่เวลาที่เราทำงานของตัวเอง
00:49
all too often,
19
49000
2000
บ่อยครั้งเราจะ
00:51
we find ourselves having to choose
20
51000
3000
พบว่าเราต้องเลือก
00:54
between doing what we think is the right thing
21
54000
3000
ระหว่างการทำสิ่งที่เราคิดว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
00:57
and doing the expected thing,
22
57000
2000
กับสิ่งที่คนคาดหวังให้เราทำ
00:59
or the required thing,
23
59000
2000
หรือสิ่งที่ต้องทำ
01:01
or the profitable thing.
24
61000
2000
หรือสิ่งที่ทำกำไร
01:03
So everywhere we look,
25
63000
2000
ดังนั้น ทุกหนทุกแห่งที่เรามอง
01:05
pretty much across the board,
26
65000
2000
แทบทุกวงการ
01:07
we worry that the people we depend on
27
67000
3000
เราก็เป็นห่วงว่าคนที่เราพึ่งพา
01:10
don't really have our interests at heart.
28
70000
3000
จะไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของเรา
01:14
Or if they do have our interests at heart,
29
74000
3000
หรือไม่ถ้าเขาคำนึงถึงผลประโยชน์ของเรา
01:17
we worry that they don't know us well enough
30
77000
2000
เราก็กังวลว่าพวกเขาจะไม่รู้จักเราดีพอ
01:19
to figure out what they need to do
31
79000
2000
ที่จะรู้ว่าต้องทำอะไร
01:21
in order to allow us
32
81000
2000
เพื่อให้เราสามารถ
01:23
to secure those interests.
33
83000
2000
พิทักษ์ผลประโยชน์เหล่านั้นได้
01:25
They don't understand us.
34
85000
2000
พวกเขาไม่เข้าใจเรา
01:27
They don't have the time to get to know us.
35
87000
2000
ไม่มีเวลาที่จะทำความรู้จักเรา
01:29
There are two kinds of responses
36
89000
2000
ปกติแล้วมีปฏิกิริยาสองแบบ
01:31
that we make
37
91000
2000
ที่เราทำ
01:33
to this sort of general dissatisfaction.
38
93000
3000
เวลาที่เกิดความรู้สึกเซ็งแบบนี้
01:37
If things aren't going right,
39
97000
2000
ถ้าสิ่งต่างๆ ไม่ได้ดั่งใจ
01:39
the first response is:
40
99000
2000
ปฏิกิริยาแรกคือ
01:41
let's make more rules,
41
101000
2000
มาตั้งกฏเกณฑ์ใหม่ๆ กันดีกว่า
01:43
let's set up a set
42
103000
2000
มาเขียนชุดขั้นตอน
01:45
of detailed procedures
43
105000
2000
ที่มีรายละเอียดยิบย่อย
01:47
to make sure that people will do the right thing.
44
107000
3000
เพื่อให้มั่นใจว่าผู้คนจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง
01:50
Give teachers scripts
45
110000
2000
เขียนบทให้ครู
01:52
to follow in the classroom,
46
112000
2000
ทำตามในห้องเรียน
01:54
so even if they don't know what they're doing
47
114000
2000
เวลาที่ครูไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่
01:56
and don't care about the welfare of our kids,
48
116000
3000
และไม่ใส่ใจในความเป็นอยู่ของนักเรียน
01:59
as long as they follow the scripts,
49
119000
2000
ตราบใดที่พวกเขาทำตามบท
02:01
our kids will get educated.
50
121000
2000
ลูกหลานของเราก็จะยังได้รับการศึกษา
02:03
Give judges a list of mandatory sentences
51
123000
3000
หรือเราอาจเขียนรายการคำพิพากษา
02:06
to impose for crimes,
52
126000
2000
ให้ผู้พิพากษาใช้ตัดสินคดีอาชญากรรม
02:08
so that you don't need to rely
53
128000
2000
คุณจะได้ไม่ต้องพึ่งพา
02:10
on judges using their judgment.
54
130000
3000
วิจารณญาณของผู้พิพากษาเลย
02:13
Instead, all they have to do
55
133000
2000
สิ่งเดียวที่พวกเขาต้องทำ
02:15
is look up on the list
56
135000
2000
คือมองหาในรายการ
02:17
what kind of sentence goes with what kind of crime.
57
137000
3000
ว่าคำพิพากษาข้อไหนตรงกับอาชญากรรมแบบไหน
02:20
Impose limits
58
140000
2000
หรือเราอาจตั้งข้อจำกัด
02:22
on what credit card companies can charge in interest
59
142000
3000
ตั้งเพดานว่าบริษัทบัตรเครดิตจะคิดดอกเบี้ยได้สูงสุดเท่าไหร่
02:25
and on what they can charge in fees.
60
145000
2000
และเก็บค่าธรรมเนียมได้สูงสุดเท่าไหร่
02:27
More and more rules
61
147000
2000
เขียนกฎขึ้นมากฎแล้วกฏเล่า
02:29
to protect us
62
149000
2000
เพื่อปกป้องเรา
02:31
against an indifferent, uncaring
63
151000
2000
จากสถาบันที่ไม่แยแสและไม่ใส่ใจ
02:33
set of institutions we have to deal with.
64
153000
3000
ที่เราต้องมีปฏิสัมพันธ์ด้วย
02:36
Or -- or maybe and --
65
156000
2000
หรือไม่ -- หรือบางทีอาจเป็น "นอกจากนั้น" --
02:38
in addition to rules,
66
158000
2000
นอกจากจะมีกฏต่างๆ แล้ว
02:40
let's see if we can come up
67
160000
2000
ลองดูว่าเราจะสามารถคิดค้น
02:42
with some really clever incentives
68
162000
2000
แรงจูงใจที่แยบยลมากๆ
02:44
so that, even if the people we deal with
69
164000
2000
ที่จะทำให้คนที่เราต้องรับมือด้วย
02:46
don't particularly want to serve our interests,
70
166000
3000
ถึงแม้ว่าพวกเขาอาจไม่อยากรับใช้เรา
02:49
it is in their interest
71
169000
2000
ก็จะยังอยากทำอย่างนั้น
02:51
to serve our interest --
72
171000
2000
เพราะมันเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาเองด้วย --
02:53
the magic incentives
73
173000
2000
แรงจูงใจแสนวิเศษ
02:55
that will get people to do the right thing
74
175000
2000
ที่จะทำให้คนทำในสิ่งที่ถูกต้อง
02:57
even out of pure selfishness.
75
177000
3000
แม้จะเห็นแก่ตัวสุดขีดก็ตาม
03:00
So we offer teachers bonuses
76
180000
2000
เราก็เลยมอบโบนัสให้กับครู
03:02
if the kids they teach
77
182000
2000
ถ้าหากนักเรียนที่เขาสอน
03:04
score passing grades on these big test scores
78
184000
3000
สอบผ่านในการสอบใหญ่ระดับชาติ
03:07
that are used to evaluate
79
187000
2000
ที่เราใช้ประเมิน
03:09
the quality of school systems.
80
189000
2000
คุณภาพของระบบโรงเรียน
03:12
Rules and incentives --
81
192000
2000
กฏเกณฑ์และแรงจูงใจ --
03:14
"sticks" and "carrots."
82
194000
2000
ไม้เรียวและแครอท
03:16
We passed a bunch of rules
83
196000
2000
เราได้ออกกฏเกณฑ์มาชุดหนึ่ง
03:18
to regulate the financial industry
84
198000
2000
เพื่อกำกับดูแลอุตสาหกรรมการเงิน
03:20
in response to the recent collapse.
85
200000
2000
หลังจากที่เกิดวิกฤติการเงินรอบล่าสุด
03:22
There's the Dodd-Frank Act,
86
202000
2000
มีกฎหมายชื่อ กฎหมาย ดอดด์-แฟรงค์
03:24
there's the new Consumer Financial Protection Agency
87
204000
3000
มีหน่วยงานใหม่ชื่อ สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคทางการเงิน
03:27
that is temporarily being headed through the backdoor
88
207000
3000
ซึ่งตอนนี้ผู้นำองค์กรชั่วคราว อย่างไม่เป็นทางการ
03:30
by Elizabeth Warren.
89
210000
2000
คือ อลิซาเบ็ธ วอร์เรน
03:32
Maybe these rules
90
212000
2000
บางที กฎเกณฑ์เหล่านี้
03:34
will actually improve
91
214000
3000
อาจปรับปรุง
03:37
the way these financial services companies behave.
92
217000
4000
พฤติกรรมของบริษัทการเงินจริงๆ ก็ได้
03:41
We'll see.
93
221000
2000
เราต้องรอดูกัน
03:43
In addition, we are struggling
94
223000
2000
นอกจากนี้ เราก็กำลังดิ้นรน
03:45
to find some way to create incentives
95
225000
3000
ที่จะหาวิธีสร้างแรงจูงใจ
03:48
for people in the financial services industry
96
228000
3000
ให้กับคนในอุตสาหกรรมการเงิน
03:51
that will have them more interested
97
231000
2000
แรงจูงใจที่จะทำให้พวกเขาสนใจมากขึ้น
03:53
in serving the long-term interests
98
233000
2000
ที่จะพิทักษ์ผลประโยชน์ระยะยาว
03:55
even of their own companies,
99
235000
2000
แม้แต่ประโยชน์ของบริษัทตัวเอง
03:57
rather than securing short-term profits.
100
237000
3000
แทนที่จะมองเห็นแต่กำไรระยะสั้น
04:01
So if we find just the right incentives,
101
241000
2000
ฉะนั้นถ้าเราเจอแรงจูงใจที่ถูกต้อง
04:03
they'll do the right thing -- as I said -- selfishly,
102
243000
3000
พวกเขาก็จะทำสิ่งที่ถูกต้อง -- อย่างที่ผมบอก -- แบบเห็นแก่ตัว
04:06
and if we come up with the right rules and regulations,
103
246000
3000
และถ้าเราออกแบบกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่ถูกต้อง
04:09
they won't drive us all over a cliff.
104
249000
3000
พวกเขาก็จะไม่ขับพาเราทั้งหมดลงเหว
04:12
And Ken [Sharpe] and I certainly know
105
252000
3000
เคน [ชาร์ป] กับผมรู้ดีว่า
04:15
that you need to reign in the bankers.
106
255000
3000
คุณจะต้องคุมนายธนาคารให้ได้
04:18
If there is a lesson to be learned from the financial collapse
107
258000
3000
ถ้ามีบทเรียนอะไรที่เราควรได้รับจากวิกฤติการเงิน
04:21
it is that.
108
261000
2000
มันก็คือเรื่องนั้น
04:23
But what we believe,
109
263000
2000
แต่สิ่งที่เราเชื่อ
04:25
and what we argue in the book,
110
265000
2000
และสิ่งที่เราถกเถียงในหนังสือ
04:27
is that there is no set of rules,
111
267000
3000
คือมันไม่มีชุดกฏเกณฑ์ไหนหรอก
04:30
no matter how detailed,
112
270000
2000
ไม่ว่าจะละเอียดแค่ไหน
04:32
no matter how specific,
113
272000
2000
เฉพาะเจาะจงแค่ไหน
04:34
no matter how carefully monitored
114
274000
2000
ไม่ว่าจะตรวจตราอย่างเข้มงวดแค่ไหน
04:36
and enforced,
115
276000
2000
บังคับใช้ขนาดไหน
04:38
there is no set of rules
116
278000
2000
ก็ไม่มีชุดกฏเกณฑ์ใดเลย
04:40
that will get us what we need.
117
280000
2000
ที่จะบรรลุสิ่งที่เราต้องการ
04:42
Why? Because bankers are smart people.
118
282000
3000
ทำไมหรือครับ? ก็เพราะนายธนาคารเป็นคนฉลาด
04:46
And, like water,
119
286000
2000
พวกเขาก็เหมือนน้ำ
04:48
they will find cracks
120
288000
2000
จะหาช่องโหว่เจอ
04:50
in any set of rules.
121
290000
3000
ในชุดกฏเกณฑ์อะไรก็ตาม
04:53
You design a set of rules that will make sure
122
293000
3000
คุณออกแบบกฏเกณฑ์ที่ทำให้มั่นใจว่า
04:56
that the particular reason
123
296000
2000
สาเหตุเฉพาะเจาะจง
04:58
why the financial system "almost-collapse"
124
298000
2000
ตัวการที่ทำให้ระบบการเงินเกือบพังทลาย
05:00
can't happen again.
125
300000
2000
จะไม่มีวันเกิดขึ้นอีก
05:02
It is naive beyond description
126
302000
2000
ความคิดแบบนี้ไร้เดียงสาอย่างเหลือเชื่อ
05:04
to think that having blocked
127
304000
2000
ความคิดที่ว่าถ้าคุณปิดกั้น
05:06
this source of financial collapse,
128
306000
2000
สาเหตุข้อนี้ของวิกฤติการเงิน
05:08
you have blocked all possible sources of financial collapse.
129
308000
3000
ก็เท่ากับปิดกั้นสาเหตุอื่นๆ ที่เป็นไปได้ของวิกฤติการเงินด้วย
05:11
So it's just a question of waiting for the next one
130
311000
3000
ฉะนั้นมันจึงเป็นเรื่องของการรอวิกฤติลูกต่อไป
05:14
and then marveling at how we could have been so stupid
131
314000
3000
เสร็จแล้วก็ฉงนสนเท่ห์ว่าเราโง่ขนาดนั้นได้อย่างไร
05:17
as not to protect ourselves against that.
132
317000
3000
โง่ขนาดไม่ปกป้องตัวเราจากสาเหตุนั้น
05:20
What we desperately need,
133
320000
2000
สิ่งที่เราต้องการอย่างเร่งด่วนจริงๆ
05:22
beyond, or along with, better rules
134
322000
3000
นอกเหนือหรือควบคู่กับกฏเกณฑ์ที่ดีกว่าเดิม
05:25
and reasonably smart incentives,
135
325000
2000
และแรงจูงใจที่ค่อนข้างฉลาด
05:27
is we need virtue.
136
327000
3000
ก็คือ เราต้องการคุณธรรม
05:30
We need character.
137
330000
2000
ต้องการความหยิ่งในศักดิ์ศรี
05:32
We need people who want to do the right thing.
138
332000
3000
ต้องการคนที่อยากทำสิ่งที่ถูกต้อง
05:35
And in particular,
139
335000
2000
และสิ่งที่เราต้องการ
05:37
the virtue that we need most of all
140
337000
3000
คุณธรรมที่เราต้องการมากที่สุด
05:40
is the virtue that Aristotle called
141
340000
2000
คือคุณธรรมที่อริสโตเติลเรียกว่า
05:42
"practical wisdom."
142
342000
3000
ปัญญาปฏิบัติ
05:45
Practical wisdom
143
345000
2000
ปัญญาปฏิบัติ
05:47
is the moral will
144
347000
2000
คือเจตจำนงทางศีลธรรม
05:49
to do the right thing
145
349000
2000
ที่จะทำสิ่งที่ถูกต้อง
05:51
and the moral skill
146
351000
2000
และทักษะทางศีลธรรม
05:53
to figure out what the right thing is.
147
353000
3000
ที่จะล่วงรู้ว่าสิ่งที่ถูกต้องนั้นคืออะไร
05:56
So Aristotle was very interested in watching
148
356000
3000
อริสโตเติลชอบเฝ้าดู
05:59
how the craftsmen around him worked.
149
359000
3000
วิธีทำงานของช่างฝีมือรอบตัวเขา
06:02
And he was impressed
150
362000
2000
เขารู้สึกประทับใจ
06:04
at how they would improvise
151
364000
2000
กับวิธีที่ช่างเหล่านี้จะด้นสด
06:06
novel solutions to novel problems --
152
366000
2000
ใช้วิธีแก้ใหม่ๆ กับปัญหาใหม่ๆ
06:08
problems that they hadn't anticipated.
153
368000
2000
ปัญหาที่พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อน
06:10
So one example is he sees these stonemasons
154
370000
2000
ตัวอย่างหนึ่งคือ อริสโตเติลเห็นช่างหิน
06:12
working on the Isle of Lesbos,
155
372000
3000
ทำงานบนเกาะเลสโบส
06:15
and they need to measure out
156
375000
2000
พวกเขาต้องหาวิธีวัด
06:17
round columns.
157
377000
2000
ขนาดของเสากลม
06:19
Well if you think about it,
158
379000
2000
ถ้าคุณลองคิดดู
06:21
it's really hard to measure out round columns using a ruler.
159
381000
3000
ยากมากเลยนะครับที่จะวัดขนาดของเสากลมด้วยไม้บรรทัด
06:24
So what do they do?
160
384000
2000
ช่างหินทำยังไง?
06:26
They fashion a novel solution to the problem.
161
386000
3000
พวกเขาคิดวิธีแก้ใหม่เพื่อแก้ปัญหานี้
06:29
They created a ruler that bends,
162
389000
3000
พวกเขาประดิษฐ์ไม้บรรทัดที่งอได้
06:32
what we would call these days a tape measure --
163
392000
3000
สิ่งที่วันนี้เราเรียกว่า ตลับเมตร
06:35
a flexible rule,
164
395000
2000
กฏที่ยืดหยุ่น
06:37
a rule that bends.
165
397000
2000
กฎที่งอได้
06:39
And Aristotle said,
166
399000
2000
และอริสโตเติลพูดว่า
06:41
"Hah, they appreciated that sometimes
167
401000
3000
ฮ่า ช่างหินรู้ดีว่าบางครั้ง
06:44
to design rounded columns,
168
404000
3000
ในการออกแบบเสากลม
06:47
you need to bend the rule."
169
407000
3000
คุณจำเป็นจะต้องงอกฏ
06:50
And Aristotle said
170
410000
2000
และอริสโตเติลก็พูดว่า
06:52
often in dealing with other people,
171
412000
3000
บ่อยครั้งในปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น
06:55
we need to bend the rules.
172
415000
3000
เราจะต้องงอกฏเกณฑ์
06:58
Dealing with other people
173
418000
2000
ปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นนั้น
07:00
demands a kind of flexibility
174
420000
3000
ต้องใช้ความยืดหยุ่นในระดับที่
07:03
that no set of rules can encompass.
175
423000
3000
ไม่มีชุดกฏเกณฑ์ใดๆ จะครอบคลุมได้
07:06
Wise people know when and how
176
426000
2000
คนที่มีปัญญารู้ดีว่าจะงอกฏ
07:08
to bend the rules.
177
428000
2000
เมื่อไหร่และอย่างไร
07:10
Wise people know how to improvise.
178
430000
3000
คนที่มีปัญญารู้วิธีด้นสด
07:13
The way my co-author , Ken, and I talk about it,
179
433000
3000
ผมกับเคน ผู้เขียนร่วมกับผม อธิบายเรื่องนี้ว่า
07:16
they are kind of like jazz musicians.
180
436000
2000
คนเหล่านี้เหมือนกับนักดนตรีแจ๊ซ
07:18
The rules are like the notes on the page,
181
438000
2000
กฎเกณฑ์เหมือนกับตัวโน้ตบนกระดาษ
07:20
and that gets you started,
182
440000
2000
มันทำให้คุณเริ่มเล่นได้
07:22
but then you dance around the notes on the page,
183
442000
3000
แต่เสร็จแล้วคุณก็เต้นไปรอบๆ ตัวโน้ตบนกระดาษ
07:25
coming up with just the right combination
184
445000
2000
พยายามผสมโน้ตให้ลงตัว
07:27
for this particular moment
185
447000
2000
สำหรับชั่วขณะนั้น
07:29
with this particular set of fellow players.
186
449000
3000
สำหรับกลุ่มนักดนตรีที่เล่นด้วยกัน
07:32
So for Aristotle,
187
452000
2000
ดังนั้น สำหรับอริสโตเติล
07:34
the kind
188
454000
3000
ประเภทของ
07:37
of rule-bending,
189
457000
3000
การงอกฏ
07:40
rule exception-finding and improvisation
190
460000
3000
หาข้อยกเว้นและด้นสด
07:43
that you see in skilled craftsmen
191
463000
2000
ที่คุณพบเจอในช่างฝีมือผู้ชำนาญ
07:45
is exactly what you need
192
465000
2000
คือสิ่งที่จำเป็น
07:47
to be a skilled moral craftsman.
193
467000
3000
ต่อการเป็นช่างศีลธรรมผู้ชำนาญ
07:50
And in interactions with people,
194
470000
2000
และในปฏิสัมพันธ์กับผู้คน
07:52
almost all the time,
195
472000
2000
แทบจะทุกครั้ง
07:54
it is this kind of flexibility that is required.
196
474000
2000
ความยืดหยุ่นทำนองนี้คือสิ่งจำเป็น
07:56
A wise person knows when to bend the rules.
197
476000
3000
ผู้มีปัญญารู้ว่าเมื่อไรที่ควรงอกฎ
07:59
A wise person knows when to improvise.
198
479000
2000
ผู้มีปัญญารู้ว่าเมื่อไรที่ควรด้นสด
08:01
And most important,
199
481000
2000
และที่สำคัญที่สุดคือ
08:03
a wise person does this improvising and rule-bending
200
483000
3000
ผู้มีปัญญาด้นสดและงอกฏ
08:06
in the service of the right aims.
201
486000
3000
เพื่อตอบสนองจุดหมายที่ถูกต้อง
08:10
If you are a rule-bender and an improviser
202
490000
3000
ถ้าคุณเป็นนักงอกฏและนักด้นสด
08:13
mostly to serve yourself,
203
493000
2000
เพื่อตอบสนองตัวเอง
08:15
what you get is ruthless manipulation of other people.
204
495000
3000
ในกรณีนั้นคุณก็แค่ฉวยโอกาสเอาเปรียบคนอื่นอย่างเหี้ยมโหด
08:18
So it matters that you do this wise practice
205
498000
2000
ดังนั้น สิ่งสำคัญคือคุณต้องทำเรื่องนี้
08:20
in the service of others
206
500000
2000
เพื่อผู้อื่น
08:22
and not in the service of yourself.
207
502000
2000
ไม่ใช่เพื่อตัวเอง
08:24
And so the will to do the right thing
208
504000
3000
และดังนั้น เจตจำนงที่จะทำสิ่งที่ถูกต้อง
08:27
is just as important as the moral skill
209
507000
2000
จึงสำคัญไม่แพ้ทักษะทางศีลธรรม
08:29
of improvisation
210
509000
2000
แห่งการด้นสด
08:31
and exception-finding.
211
511000
2000
และหาข้อยกเว้น
08:33
Together they comprise practical wisdom,
212
513000
3000
สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดประกอบกันเป็นปัญญาปฏิบัติ
08:36
which Aristotle thought
213
516000
2000
ซึ่งอริสโตเติลคิดว่า
08:38
was the master virtue.
214
518000
2000
เป็นคุณธรรมชั้นเอก
08:40
So I'll give you an example
215
520000
2000
ผมอยากจะยกตัวอย่าง
08:42
of wise practice in action.
216
522000
2000
ของปัญญาปฏิบัติในโลกจริง
08:44
It's the case of Michael.
217
524000
3000
นั่นคือเรื่องของไมเคิล
08:47
Michael's a young guy.
218
527000
2000
ไมเคิลเป็นชายหนุ่มครับ
08:49
He had a pretty low-wage job.
219
529000
2000
เขาทำงานที่มีรายได้ค่อนข้างน้อย
08:51
He was supporting his wife and a child,
220
531000
3000
ต้องเลี้ยงดูภรรยาและลูก
08:54
and the child was going to parochial school.
221
534000
2000
ส่งลูกไปโรงเรียนวัด
08:56
Then he lost his job.
222
536000
3000
วันหนึ่งเขาตกงาน
08:59
He panicked
223
539000
2000
ตื่นตระหนกว่า
09:01
about being able to support his family.
224
541000
3000
จะเลี้ยงดูครอบครัวไม่ได้อีก
09:04
One night, he drank a little too much,
225
544000
3000
วันหนึ่ง เขาดื่มหนักไปหน่อย
09:07
and he robbed a cab driver --
226
547000
2000
ไปปล้นคนขับรถแท็กซี่
09:09
stole 50 dollars.
227
549000
2000
ได้เงินไป 50 เหรียญ
09:11
He robbed him at gunpoint.
228
551000
2000
จี้ด้วยการเอาปืนขู่
09:13
It was a toy gun.
229
553000
3000
มันเป็นปืนเด็กเล่น
09:16
He got caught. He got tried.
230
556000
3000
ไมเคิลถูกตำรวจจับ ส่งขึ้นศาล
09:19
He got convicted.
231
559000
2000
ถูกพิพากษาจำคุก
09:21
The Pennsylvania sentencing guidelines
232
561000
3000
แนวปฏิบัติของผู้พิพากษาในเพนซิลวาเนีย
09:24
required a minimum sentence for a crime like this
233
564000
3000
บอกว่าโทษจำคุกขั้นต่ำสำหรับอาชญากรรมลักษณะนี้
09:27
of two years, 24 months.
234
567000
2000
คือสองปี หรือ 24 เดือน
09:29
The judge on the case, Judge Lois Forer
235
569000
3000
ผู้พิพากษาในคดีนี้ชื่อ ลอยส์ โฟเรอร์
09:32
thought that this made no sense.
236
572000
3000
คิดว่ากฎข้อนี้ไม่มีเหตุผลเลย
09:35
He had never committed a crime before.
237
575000
3000
เพราะไมเคิลไม่เคยก่อคดีมาก่อน
09:38
He was a responsible husband and father.
238
578000
3000
เขาเป็นสามีและพ่อที่รับผิดชอบ
09:41
He had been faced with desperate circumstances.
239
581000
2000
ชีวิตตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง
09:43
All this would do is wreck a family.
240
583000
3000
คำพิพากษาจะทำให้ครอบครัวแตกเป็นเสี่ยงๆ
09:46
And so she improvised a sentence -- 11 months,
241
586000
3000
ดังนั้นเธอจึงตัดสินให้จำคุกเพียง 11 เดือน
09:49
and not only that,
242
589000
2000
และไม่เพียงเท่านั้น
09:51
but release every day to go to work.
243
591000
2000
ยังบอกให้เรือนจำปล่อยตัวไมเคิลให้ไปทำงานทุกวัน
09:53
Spend your night in jail, spend your day holding down a job.
244
593000
3000
กลับมานอนในคุกตอนกลางคืน ตอนกลางวันก็ไปทำงาน
09:56
He did. He served out his sentence.
245
596000
3000
ไมเคิลก็ทำอย่างนั้น เขารับโทษเต็มเวลา
09:59
He made restitution
246
599000
2000
เขาชดใช้กรรม
10:01
and found himself a new job.
247
601000
2000
หางานใหม่ได้
10:03
And the family was united.
248
603000
3000
ครอบครัวก็รักใคร่กันดังเดิม
10:06
And it seemed on the road
249
606000
2000
และดูเหมือนจะออกเดินบนเส้นทาง
10:08
to some sort of a decent life --
250
608000
3000
สู่ชีวิตที่มีคุณภาพพอควร
10:11
a happy ending to a story
251
611000
3000
เป็นแฮปปี้เอ็นดิ้งของเรื่องราว
10:14
involving wise improvisation
252
614000
2000
ที่เกี่ยวกับการด้นสดอย่างเปี่ยมปัญญา
10:16
from a wise judge.
253
616000
3000
ของผู้พิพากษาที่มีปัญญา
10:19
But it turned out
254
619000
3000
แต่กลายเป็นว่า
10:22
the prosecutor was not happy
255
622000
3000
อัยการไม่ชอบใจเลยที่
10:25
that Judge Forer ignored the sentencing guidelines
256
625000
3000
ผู้พิพากษาโฟเรอร์ไม่แยแสแนวปฏิบัติ
10:28
and sort of invented her own,
257
628000
2000
และคิดค้นแนวใหม่ของเธอเองขึ้นมา
10:30
and so he appealed.
258
630000
3000
อัยการก็เลยยื่นอุทธรณ์
10:33
And he asked for the mandatory minimum sentence
259
633000
3000
ขอให้ศาลสั่งพิพากษาจำคุกขั้นต่ำ
10:36
for armed robbery.
260
636000
2000
สำหรับการปล้นที่ใช้อาวุธปืน
10:38
He did after all have a toy gun.
261
638000
3000
ที่จริงเขาก็ใช้แค่ปืนเด็กเล่น
10:41
The mandatory minimum sentence for armed robbery
262
641000
2000
ตามแนวปฏิบัติ โทษจำคุกขั้นต่ำสำหรับการปล้นที่ใช้ปืน
10:43
is five years.
263
643000
3000
คือห้าปี
10:46
He won the appeal.
264
646000
2000
อัยการคนนี้ชนะอุทธรณ์
10:48
Michael was sentenced to five years in prison.
265
648000
3000
ไมเคิลถูกพิพากษาให้รับโทษจำคุกห้าปี
10:52
Judge Forer had to follow the law.
266
652000
3000
ผู้พิพากษาโฟเรอร์ต้องทำตามกฎหมาย
10:56
And by the way, this appeal went through
267
656000
2000
และบังเอิญพอดีที่คำอุทธรณ์นี้ผ่าน
10:58
after he had finished serving his sentence,
268
658000
2000
หลังจากที่ไมเคิลพ้นโทษแล้ว
11:00
so he was out and working at a job
269
660000
3000
ตอนนั้นเขาออกจากคุก กำลังทำงาน
11:03
and taking care of his family
270
663000
2000
และเลี้ยงดูครอบครัว
11:05
and he had to go back into jail.
271
665000
2000
ไมเคิลก็เลยต้องกลับไปอยู่ในคุก
11:07
Judge Forer did what she was required to do,
272
667000
3000
ผู้พิพากษาโฟเรอร์ทำในสิ่งที่กฎบอกให้เธอทำ
11:10
and then she quit the bench.
273
670000
3000
หลังจากนั้นเธอก็ลาออก
11:14
And Michael disappeared.
274
674000
3000
และไมเคิลก็หายตัวไป
11:18
So that is an example,
275
678000
2000
นี่เป็นตัวอย่างนะครับ
11:20
both of wisdom in practice
276
680000
2000
ตัวอย่างของปัญญาปฏิบัติ
11:22
and the subversion of wisdom
277
682000
2000
และการล้มล้างปัญญา
11:24
by rules that are meant, of course, to make things better.
278
684000
3000
โดยกฎที่คนออกแบบคิดว่าจะทำให้อะไรๆ ดีขึ้น
11:27
Now consider Ms. Dewey.
279
687000
2000
ทีนี้มาดูตัวอย่างของคุณดิวอี้
11:29
Ms. Dewey's a teacher in a Texas elementary school.
280
689000
3000
เธอเป็นครูมัธยมในมลรัฐเท็กซัส
11:32
She found herself listening to a consultant one day
281
692000
3000
วันหนึ่งเธอนั่งฟังที่ปรึกษาคนหนึ่งพูด
11:35
who was trying to help teachers
282
695000
2000
เขาพยายามหาวิธีช่วยให้ครู
11:37
boost the test scores of the kids,
283
697000
2000
เพิ่มคะแนนสอบของนักเรียน
11:39
so that the school
284
699000
2000
โรงเรียนนั้นจะได้
11:41
would reach the elite category
285
701000
3000
เข้าข่ายโรงเรียนชั้นนำ
11:44
in percentage of kids passing big tests.
286
704000
2000
ในแง่สัดส่วนของเด็กที่สอบผ่าน
11:46
All these schools in Texas compete with one another
287
706000
2000
โรงเรียนในเท็กซัสต่างแข่งกันเรื่องนี้
11:48
to achieve these milestones,
288
708000
2000
พยายามทำให้ถึงเป้า
11:50
and there are bonuses and various other treats
289
710000
3000
และระบบก็ให้โบนัสและสิทธิพิเศษต่างๆ
11:53
that come if you beat the other schools.
290
713000
3000
ถ้าโรงเรียนของคุณเอาชนะโรงเรียนอื่นได้
11:56
So here was the consultant's advice:
291
716000
3000
ที่ปรึกษาคนนั้นให้คำแนะนำว่า
11:59
first, don't waste your time on kids
292
719000
3000
ข้อแรก อย่าเสียเวลาไปกับนักเรียน
12:02
who are going to pass the test no matter what you do.
293
722000
3000
ที่ยังไงๆ ก็สอบผ่านอยู่แล้วไม่ว่าครูจะทำอะไร
12:06
Second, don't waste your time
294
726000
2000
ข้อสอง อย่าเสียเวลาไปกับ
12:08
on kids who can't pass the test
295
728000
3000
เด็กที่ยังไงๆ ก็สอบไม่ผ่านอยู่แล้ว
12:11
no matter what you do.
296
731000
2000
ไม่ว่าครูจะทำอะไร
12:13
Third, don't waste your time
297
733000
2000
ข้อสาม อย่าเสียเวลาไปกับ
12:15
on kids who moved into the district
298
735000
3000
เด็กที่ย้ายเข้ามาอยู่ในเขตนั้น
12:18
too late for their scores to be counted.
299
738000
3000
ช้าเกินกว่าที่คะแนนของพวกเขาจะถูกนับรวมในระบบ
12:21
Focus all of your time and attention
300
741000
3000
ที่ปรึกษาแนะให้ครูทุ่มเทเวลาและสมาธิทั้งหมด
12:24
on the kids who are on the bubble,
301
744000
3000
ไปกับเด็กที่อยู่บนฟองสบู่
12:27
the so-called "bubble kids" --
302
747000
2000
เด็กที่เรียกกันว่า เด็กฟองสบู่ --
12:29
kids where your intervention
303
749000
2000
เด็กที่การกระทำของครู
12:31
can get them just maybe over the line
304
751000
2000
อาจช่วยพยุงให้พวกเขาข้ามเส้น
12:33
from failing to passing.
305
753000
2000
จากสอบตกเป็นสอบผ่าน
12:35
So Ms. Dewey heard this,
306
755000
2000
คุณดิวอีได้ยินอย่างนี้
12:37
and she shook her head in despair
307
757000
3000
แล้วก็ส่ายหัวด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง
12:40
while fellow teachers were sort of cheering each other on
308
760000
3000
ขณะที่เพื่อนครูคนอื่นๆ ให้กำลังใจกันและกัน
12:43
and nodding approvingly.
309
763000
2000
และพยักหน้าเห็นด้วย
12:45
It's like they were about to go play a football game.
310
765000
2000
ราวกับว่ากำลังจะไปเล่นเกมฟุตบอล
12:47
For Ms. Dewey,
311
767000
2000
สำหรับคุณดิวอีแล้ว
12:49
this isn't why she became a teacher.
312
769000
3000
นี่ไม่ใช่เหตุผลที่เธอมาเป็นครู
12:52
Now Ken and I are not naive,
313
772000
2000
โอเค เคนกับผมไม่ได้ไร้เดียงสานะครับ
12:54
and we understand that you need to have rules.
314
774000
3000
เราเข้าใจดีว่าคุณต้องมีกฏเกณฑ์
12:57
You need to have incentives.
315
777000
2000
คุณต้องมีสิ่งสร้างแรงจูงใจ
12:59
People have to make a living.
316
779000
2000
คนเราต้องทำมาหากิน
13:01
But the problem
317
781000
2000
แต่ปัญหา
13:03
with relying on rules and incentives
318
783000
2000
ของการใช้แต่กฎและแรงจูงใจ
13:05
is that they demoralize
319
785000
3000
คือมันทำให้กิจกรรมของมืออาชีพ
13:08
professional activity,
320
788000
2000
หลุดลอยจากมิติศีลธรรม
13:10
and they demoralize professional activity
321
790000
2000
การใช้กฏและแรงจูงใจทำให้กิจกรรมของมืออาชีพขาดศีลธรรม
13:12
in two senses.
322
792000
2000
ในสองแง่มุม
13:14
First, they demoralize the people
323
794000
2000
แง่มุมแรก มันทำให้ผู้คนที่ทำกิจกรรม
13:16
who are engaged in the activity.
324
796000
2000
เหล่านั้นขาดขวัญกำลังใจ
13:18
Judge Forer quits,
325
798000
2000
ผู้พิพากษาโฟเรอร์ลาออก
13:20
and Ms. Dewey in completely disheartened.
326
800000
2000
และคุณดิวอีก็รู้สึกท้อแท้หมดหวัง
13:22
And second,
327
802000
2000
แง่มุมที่สองคือ
13:24
they demoralize the activity itself.
328
804000
2000
มันทำให้ตัวกิจกรรมเองไร้ศีลธรรม
13:26
The very practice is demoralized,
329
806000
3000
การกระทำนั้นเองขาดศีลธรรม
13:29
and the practitioners are demoralized.
330
809000
2000
และผู้กระทำก็ขาดขวัญกำลังใจ
13:31
It creates people --
331
811000
2000
มันทำให้คน --
13:33
when you manipulate incentives to get people to do the right thing --
332
813000
3000
เวลาที่คุณบิดเบือนสิ่งจูงใจเพื่อทำให้คนทำในสิ่งที่ถูกต้อง --
13:36
it creates people
333
816000
2000
คุณก็จะทำให้คน
13:38
who are addicted to incentives.
334
818000
2000
เสพติดสิ่งจูงใจเหล่านั้น
13:40
That is to say, it creates people
335
820000
2000
ผมหมายความว่า คุณจะทำให้คน
13:42
who only do things for incentives.
336
822000
2000
ทำอะไรๆ เพียงเพื่อจะได้รับสิ่งจูงใจ
13:44
Now the striking thing about this
337
824000
2000
ทีนี้ สิ่งที่น่าทึ่งเกี่ยวกับปรากฏการณ์นี้
13:46
is that psychologists have known this
338
826000
2000
คือนักจิตวิทยารู้จักปรากฏการณ์นี้
13:48
for 30 years.
339
828000
2000
มา 30 ปีแล้ว
13:50
Psychologists have known
340
830000
2000
นักจิตวิทยารู้ดีแล้ว
13:52
about the negative consequences of incentivizing everything
341
832000
3000
เกี่ยวกับผลพวงเชิงลบของการใช้สิ่งจูงใจกระตุ้นทุกอย่าง
13:55
for 30 years.
342
835000
2000
รู้มา 30 ปีแล้วครับ
13:57
We know that if you reward kids for drawing pictures,
343
837000
3000
เรารู้ว่าถ้าคุณให้รางวัลกับลูกๆ ที่วาดรูป
14:00
they stop caring about the drawing
344
840000
2000
เด็กเหล่านั้นก็จะหยุดแคร์เกี่ยวกับการวาดรูป
14:02
and care only about the reward.
345
842000
2000
พวกเขาจะแคร์กับรางวัลเท่านั้น
14:04
If you reward kids for reading books,
346
844000
2000
ถ้าคุณให้รางวัลเด็กๆ ที่อ่านหนังสือ
14:06
they stop caring about what's in the books
347
846000
3000
พวกเขาก็จะหยุดสนใจเนื้อหาในหนังสือ
14:09
and only care about how long they are.
348
849000
2000
จะสนใจแค่ว่าหนังสือเหล่านั้นยาวแค่ไหน
14:11
If you reward teachers for kids' test scores,
349
851000
3000
ถ้าคุณให้รางวัลครูที่ลูกศิษย์สอบได้คะแนนดี
14:14
they stop caring about educating
350
854000
2000
ครูก็จะหยุดแคร์เกี่ยวกับการเรียนการสอน
14:16
and only care about test preparation.
351
856000
2000
จะแคร์แต่การเตรียมความพร้อมที่จะสอบเท่านั้น
14:18
If you were to reward doctors
352
858000
2000
ถ้าคุณให้รางวัลแพทย์
14:20
for doing more procedures --
353
860000
2000
ตามจำนวนวิธีรักษาที่ใช้ --
14:22
which is the current system -- they would do more.
354
862000
2000
อย่างที่เป็นในปัจจุบัน -- แพทย์ก็จะใช้วิธีรักษามากขึ้น
14:24
If instead you reward doctors for doing fewer procedures,
355
864000
3000
แทนที่จะทำอย่างนั้น ถ้าคุณให้รางวัลแพทย์ที่ใช้วิธีรักษาน้อยลง
14:27
they will do fewer.
356
867000
2000
พวกเขาก็จะทำน้อยลง
14:29
What we want, of course,
357
869000
2000
แน่นอนว่าสิ่งที่เราอยากเห็น
14:31
is doctors who do just the right amount of procedures
358
871000
2000
คือหมอที่ใช้วิธีรักษาในจำนวนที่ถูกต้อง
14:33
and do the right amount for the right reason --
359
873000
3000
จำนวนที่ถูกต้อง ด้วยเหตุผลที่ถูกต้อง --
14:36
namely, to serve the welfare of their patients.
360
876000
3000
นั่นคือ เพื่อความอยู่ดีมีสุขของผู้ป่วย
14:39
Psychologists have known this for decades,
361
879000
2000
นักจิตวิทยารู้จักปรากฏการณ์นี้มาหลายสิบปีแล้ว
14:41
and it's time for policymakers
362
881000
3000
ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่ผู้ดำเนินนโยบาย
14:44
to start paying attention
363
884000
2000
ควรเริ่มหันมาสนใจ
14:46
and listen to psychologists a little bit,
364
886000
3000
ลองหันมาฟังนักจิตวิทยาบ้าง
14:49
instead of economists.
365
889000
3000
แทนที่จะฟังแต่นักเศรษฐศาสตร์
14:52
And it doesn't have to be this way.
366
892000
2000
สถานการณ์ไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนี้เลย
14:54
We think, Ken and I, that there are real sources of hope.
367
894000
3000
พวกเรา ผมกับเคน คิดว่าเรามีความหวังจริงๆ
14:57
We identify one set of people
368
897000
2000
เราเจอคนกลุ่มหนึ่ง
14:59
in all of these practices
369
899000
2000
ในอาชีพการงานเหล่านี้
15:01
who we call canny outlaws.
370
901000
2000
เราเรียกพวกเขาว่า คนนอกหัวหมอ
15:03
These are people
371
903000
2000
พวกเขาคือคนที่
15:05
who, being forced to operate
372
905000
3000
เวลาถูกบังคับให้ทำงาน
15:08
in a system that demands rule-following
373
908000
2000
ในระบบที่เรียกร้องให้ทำตามกฏ
15:10
and creates incentives,
374
910000
2000
และสร้างสิ่งจูงใจ
15:12
find away around the rules,
375
912000
2000
พวกเขาจะพบช่องโหว่ในกฎ
15:14
find a way to subvert the rules.
376
914000
3000
พบวิธีที่จะเลี่ยงหลบมัน
15:17
So there are teachers who have these scripts to follow,
377
917000
2000
มีครูที่ต้องทำตามบทที่ได้รับ
15:19
and they know that if they follow these scripts, the kids will learn nothing.
378
919000
3000
แต่รู้ว่าถ้าทำตามบทจริงๆ นักเรียนก็จะไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย
15:22
And so what they do is they follow the scripts,
379
922000
3000
ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาทำคือ ทำตามบท
15:25
but they follow the scripts at double-time
380
925000
3000
แต่สอนตามบทให้เร็วขึ้นสองเท่า
15:28
and squirrel away little bits of extra time
381
928000
3000
จะได้มีเวลาเหลือพอ
15:31
during which they teach in the way
382
931000
2000
ที่จะสอนนักเรียนด้วยวิธี
15:33
that they actually know is effective.
383
933000
3000
ที่พวกเขารู้ว่าใช้การได้จริงๆ
15:36
So these are little ordinary, everyday heroes,
384
936000
3000
พวกเขาคือวีรบุรุษที่เป็นสามัญชน คนตัวเล็กๆ
15:39
and they're incredibly admirable,
385
939000
2000
ที่น่าชื่นชมมากๆ
15:41
but there's no way that they can sustain this kind of activity
386
941000
3000
แต่ไม่มีทางเลยที่พวกเขาจะทำอย่างนี้ไปได้เรื่อยๆ
15:44
in the face of a system
387
944000
2000
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับระบบ
15:46
that either roots them out
388
946000
2000
ที่พยายามเขี่ยพวกเขาออก
15:48
or grinds them down.
389
948000
2000
หรือไม่ก็บดขยี้จนไม่เหลือเรี่ยวแรง
15:50
So canny outlaws are better than nothing,
390
950000
2000
การมีคนนอกหัวหมอดีกว่าไม่มีอะไรเลยก็จริง
15:52
but it's hard to imagine any canny outlaw
391
952000
2000
แต่ก็ยากที่เราจะคาดหวังให้คนนอกหัวหมอ
15:54
sustaining that for an indefinite period of time.
392
954000
3000
ทำตัวหัวหมอไปได้เรื่อยๆ โดยไร้ที่สิ้นสุด
15:57
More hopeful
393
957000
2000
คนที่เรามีความหวังมากกว่า
15:59
are people we call system-changers.
394
959000
2000
คือคนที่เราเรียกว่า นักเปลี่ยนระบบ
16:01
These are people who are looking
395
961000
2000
พวกเขาคือคนที่หาวิธี
16:03
not to dodge the system's rules and regulations,
396
963000
3000
ไม่ได้หาวิธีหลบเลี่่ยงหรือหาช่องโหว่ในกฏ
16:06
but to transform the system,
397
966000
2000
แต่หาวิธีเปลี่ยนแปลงระบบ
16:08
and we talk about several.
398
968000
2000
เคนกับผมพูดถึงคนบางคนในกลุ่มนี้
16:10
One in particular
399
970000
2000
คนหนึ่ง
16:12
is a judge named Robert Russell.
400
972000
3000
เป็นผู้พิพากษาชื่อ โรเบิร์ต รัสเซล
16:15
And one day he was faced
401
975000
2000
วันหนึ่งท่านเจอกับ
16:17
with the case of Gary Pettengill.
402
977000
3000
คดีของ แกรี เพ็ตเต็นกิล
16:20
Pettengill was a 23-year-old vet
403
980000
3000
เพ็ตเต็นกิลเป็นทหารผ่านศึก อายุ 23 ปี
16:23
who had planned to make the army a career,
404
983000
2000
เขาเคยวางแผนว่าจะเป็นทหารอาชีพ
16:25
but then he got a severe back injury in Iraq,
405
985000
2000
แต่แล้วหลังก็บาดเจ็บสาหัสในสงครามอิรัก
16:27
and that forced him to take a medical discharge.
406
987000
3000
ทำให้ต้องถูกปลดประจำการ
16:30
He was married, he had a third kid on the way,
407
990000
3000
เขาแต่งงานแล้ว กำลังจะมีลูกคนที่สาม
16:33
he suffered from PTSD, in addition to the bad back,
408
993000
3000
นอกจากเจ็บหลังแล้วยังป่วยเป็นโรคเครียดหลังวิกฤติชีวิต (PTSD)
16:36
and recurrent nightmares,
409
996000
2000
และฝันร้ายซ้ำซาก
16:38
and he had started using marijuana
410
998000
2000
เขาเริ่มสูบกัญชา
16:40
to ease some of the symptoms.
411
1000000
3000
เพื่อคลายทุกข์จากอาการเหล่านี้
16:43
He was only able to get part-time work because of his back,
412
1003000
3000
อาการเจ็บหลังทำให้เขาหาได้แต่งานพาร์ทไทม์
16:46
and so he was unable to earn enough to put food on the table
413
1006000
3000
รายได้ไม่พอยาไส้ครอบครัว
16:49
and take care of his family.
414
1009000
2000
เลี้ยงดูครอบครัวไม่ได้
16:51
So he started selling marijuana.
415
1011000
2000
ดังนั้นเขาจึงเริ่มขายกัญชา
16:53
He was busted in a drug sweep.
416
1013000
3000
เขาถูกตำรวจจับกุมในการกวาดล้างยาเสพติด
16:56
His family was kicked out of their apartment,
417
1016000
2000
ครอบครัวถูกขับไล่ออกจากอพาร์ตเม้นท์
16:58
and the welfare system
418
1018000
2000
และระบบสวัสดิการ
17:00
was threatening to take away his kids.
419
1020000
2000
ก็ขู่ว่าจะพรากลูกๆ จากเขาไป
17:02
Under normal sentencing procedures,
420
1022000
2000
ในขั้นตอนการพิพากษาปกติ
17:04
Judge Russell would have had little choice
421
1024000
3000
ผู้พิพากษารัสเซลจะไม่มีทางเลือก
17:07
but to sentence Pettengill to serious jail-time
422
1027000
2000
ต้องพิพากษาให้เพ็ตเต็นกิลรับโทษจำคุกขนาดหนัก
17:09
as a drug felon.
423
1029000
3000
ในฐานะผู้ค้ายา
17:12
But Judge Russell did have an alternative.
424
1032000
3000
แต่ในกรณีนี้ ผู้พิพากษามีทางเลือก
17:15
And that's because he was in a special court.
425
1035000
3000
นั่นเป็นเพราะท่านทำงานในศาลพิเศษ
17:18
He was in a court called the Veterans' Court.
426
1038000
3000
ศาลที่เรียกว่า ศาลทหารผ่านศึก
17:21
In the Veterans' Court --
427
1041000
2000
ในศาลทหารผ่านศึก --
17:23
this was the first of its kind in the United States.
428
1043000
3000
ซึ่งเป็นศาลพิเศษศาลแรกในสหรัฐอเมริกา
17:26
Judge Russell created the Veterans' Court.
429
1046000
2000
ผู้พิพากษารัสเซลก่อตั้งศาลทหารผ่านศึกขึ้นมา
17:28
It was a court only for veterans
430
1048000
2000
เฉพาะสำหรับทหารผ่านศึก
17:30
who had broken the law.
431
1050000
3000
ที่ทำผิดกฎหมาย
17:33
And he had created it exactly because
432
1053000
2000
ท่านก่อตั้งศาลนี้ขึ้นมาเพราะ
17:35
mandatory sentencing laws
433
1055000
2000
กฏหมายกระบวนพิจารณาคดี
17:37
were taking the judgment out of judging.
434
1057000
3000
ได้แยกวิจารณญาณออกจากกระบวนการตัดสิน
17:40
No one wanted non-violent offenders --
435
1060000
3000
ไม่มีใครอยากให้ผู้ละเมิดกฏหมายที่ไม่รุนแรง
17:43
and especially non-violent offenders who were veterans to boot --
436
1063000
3000
โดยเฉพาะผู้ละเมิดกฎหมายไม่รุนแรงที่เป็นทหารผ่านศึกด้วย
17:46
to be thrown into prison.
437
1066000
2000
ถูกโยนเข้าคุก
17:48
They wanted to do something about what we all know,
438
1068000
3000
พวกเขาอยากทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับเรื่องที่เราทุกคนรู้
17:51
namely the revolving door of the criminal justice system.
439
1071000
3000
นั่นคือ ระบบกฎหมายอาญาที่โยนคนเข้าคุกเหมือนประตูหมุน
17:54
And what the Veterans' Court did,
440
1074000
2000
สิ่งที่ศาลทหารผ่านศึกทำ
17:56
was it treated each criminal as an individual,
441
1076000
3000
คือมองว่าอาชญากรแต่ละคนคือปัจเจก
17:59
tried to get inside their problems,
442
1079000
3000
พยายามเข้าใจปัญหาของพวกเขา
18:02
tried to fashion responses to their crimes
443
1082000
3000
พยายามหาวิธีรับมือกับอาชญากรรมของพวกเขา
18:05
that helped them to rehabilitate themselves,
444
1085000
2000
ที่ช่วยให้พวกเขาฟื้นฟูชีวิตและจิตใจได้
18:07
and didn't forget about them once the judgment was made.
445
1087000
3000
ไม่ลืมพวกเขาหลังจากพิพากษาไปแล้ว
18:10
Stayed with them, followed up on them,
446
1090000
3000
ศาลนี้คอยช่วยเหลือ คอยติดตามพวกเขา
18:13
made sure that they were sticking to whatever plan
447
1093000
2000
เพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขาจะทำตามแผนอะไรก็ตาม
18:15
had been jointly developed
448
1095000
2000
ที่ร่วมกันพัฒนา
18:17
to get them over the hump.
449
1097000
2000
เพื่อช่วยให้ผ่านพ้นอุปสรรคได้
18:19
There are now 22 cities
450
1099000
2000
ทุกวันนี้มีเมือง 22 เมือง
18:21
that have Veterans' Courts like this.
451
1101000
2000
ที่มีศาลทหารผ่านศึกแบบนี้
18:23
Why has the idea spread?
452
1103000
3000
ทำไมไอเดียนี้ถึงแพร่หลาย?
18:26
Well, one reason is
453
1106000
2000
เหตุผลข้อหนึ่งคือ
18:28
that Judge Russell
454
1108000
2000
ผู้พิพากษารัสเซล
18:30
has now seen 108 vets
455
1110000
2000
ได้เห็นทหารผ่านศึก 108 คน
18:32
in his Veterans' Court
456
1112000
2000
ที่มาขึ้นศาลทหารผ่านศึกของท่าน
18:34
as of February of this year,
457
1114000
2000
สถิติ ณ เดือนกุมภาพันธ์ของปีนี้
18:36
and out of 108,
458
1116000
2000
จากทหาร 108 คนนั้น
18:38
guess how many have gone back through
459
1118000
2000
ลองเดาครับว่ามีกี่คนที่ทำผิดซ้ำสอง เดินกลับไป
18:40
the revolving door of justice
460
1120000
2000
ผ่านประตูหมุนของระบบยุติธรรม
18:42
into prison.
461
1122000
2000
กลับเข้าไปในคุก
18:44
None. None.
462
1124000
2000
คำตอบคือศูนย์ครับ ไม่มีเลย
18:46
Anyone would glom onto
463
1126000
3000
ใครๆต่างสรรเสริญ
18:49
a criminal justice system
464
1129000
2000
ระบบกฎหมายอาญาที่
18:51
that has this kind of a record.
465
1131000
2000
มีสถิติแบบนี้
18:53
So here's is a system-changer, and it seems to be catching.
466
1133000
3000
ฉะนั้น ท่านจึงเป็นนักเปลี่ยนระบบ และความคิดนี้ก็กำลังแพร่หลาย
18:56
There's a banker
467
1136000
2000
มีนายธนาคารคนหนึ่ง
18:58
who created a for-profit community bank
468
1138000
2000
ที่ก่อตั้งธนาคารเพื่อชุมชน ธนาคารที่แสวงกำไร
19:00
that encouraged bankers -- I know this is hard to believe --
469
1140000
3000
ที่กระตุ้นให้นายธนาคาร -- ผมรู้ว่าเรื่องนี้เหลือเชื่อ --
19:03
encouraged bankers who worked there to do well
470
1143000
3000
กระตุ้นให้นายธนาคารที่ทำงานที่นั่น
19:06
by doing good for their low-income clients.
471
1146000
3000
รับใช้ลูกค้าผู้มีรายได้น้อยให้ดีที่สุด
19:09
The bank helped finance the rebuilding
472
1149000
3000
ธนาคารแห่งนี้ช่วยปล่อยสินเชื่อให้กับ
19:12
of what was otherwise a dying community.
473
1152000
3000
การฟื้นฟูชุมชนที่ก่อนหน้านั้นใกล้ตาย
19:15
Though their loan recipients were high-risk by ordinary standards,
474
1155000
3000
ถึงแม้ว่าลูกหนี้ของพวกเขาจะมีความเสี่ยงสูงมาก
19:18
the default rate was extremely low.
475
1158000
3000
อัตราหนี้เสียก็อยู่ในระดับต่ำมาก
19:21
The bank was profitable.
476
1161000
3000
และธนาคารก็มีกำไร
19:24
The bankers stayed with their loan recipients.
477
1164000
2000
ธนาคารดูแลลูกหนี้ของพวกเขา
19:26
They didn't make loans and then sell the loans.
478
1166000
2000
ไม่ได้ปล่อยสินเชื่อแล้วเอาไปขายต่อ
19:28
They serviced the loans.
479
1168000
2000
แต่อยู่ดูแลลูกหนี้
19:30
They made sure that their loan recipients
480
1170000
2000
ดูแลให้มั่นใจว่าลูกหนี้เหล่านั้น
19:32
were staying up with their payments.
481
1172000
3000
จะสามารถชำระหนี้ตรงเวลา
19:35
Banking hasn't always been
482
1175000
3000
ก่อนหน้านี้การธนาคารไม่ได้เป็น
19:38
the way we read about it now in the newspapers.
483
1178000
4000
วงการแบบที่เราอ่านในหนังสือพิมพ์นะครับ
19:42
Even Goldman Sachs
484
1182000
2000
แม้แต่ โกลด์แมน แซคส์
19:44
once used to serve clients,
485
1184000
3000
ครั้งหนึ่งก็เคยให้บริการลูกค้า
19:47
before it turned into an institution
486
1187000
3000
ก่อนที่จะกลายเป็นสถาบัน
19:50
that serves only itself.
487
1190000
2000
ที่ให้บริการแต่ตัวเอง
19:52
Banking wasn't always this way,
488
1192000
2000
การธนาคารไม่ได้เป็นแบบนี้ตลอดมา
19:54
and it doesn't have to be this way.
489
1194000
3000
และมันก็ไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนี้ตลอดไป
19:59
So there are examples like this in medicine --
490
1199000
3000
มีตัวอย่างทำนองนี้ในวงการแพทย์ด้วย --
20:02
doctors at Harvard
491
1202000
2000
กลุ่มแพทย์ที่ฮาร์วาร์ด
20:04
who are trying to transform medical education,
492
1204000
2000
กำลังพยายามปฏิรูปการศึกษาแพทย์
20:06
so that you don't get a kind of ethical erosion
493
1206000
2000
คุณจะได้ไม่ต้องพบปัญหาจริยธรรมผุกร่อน
20:08
and loss of empathy,
494
1208000
2000
และขาดความเอาใจใส่
20:10
which characterizes most medical students
495
1210000
2000
ที่นักศึกษาแพทย์ส่วนใหญ่เป็น
20:12
in the course of their medical training.
496
1212000
2000
ระหว่างที่พวกเขาร่ำเรียนในโรงเรียนแพทย์
20:14
And the way they do it is to give third-year medical students
497
1214000
3000
วิธีที่แพทย์กลุ่มนี้ใช้ คือมอบหมายให้นิสิตแพทย์ปีสาม
20:17
patients who they follow for an entire year.
498
1217000
2000
ติดตามผู้ป่วยไปตลอดปี
20:19
So the patients are not organ systems,
499
1219000
2000
จะได้ระลึกว่าผู้ป่วยไม่ใช่ระบบอวัยวะ
20:21
and they're not diseases;
500
1221000
2000
ไม่ใช่โรคร้าย
20:23
they're people, people with lives.
501
1223000
2000
แต่พวกเขาคือมนุษย์ มนุษย์ที่มีชีวิตจิตใจ
20:25
And in order to be an effective doctor,
502
1225000
2000
การเป็นแพทย์ที่รักษาคนได้จริงๆ
20:27
you need to treat people who have lives and not just disease.
503
1227000
3000
แปลว่าคุณต้องรักษาคนที่ใช้ชีวิต ไม่ใช่รักษาแต่โรค
20:30
In addition to which there's an enormous amount of back and forth,
504
1230000
3000
นอกจากนี้นักศึกษายังต้องเชื่อมสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน
20:33
mentoring of one student by another,
505
1233000
2000
รุ่นพี่เป็นพี่เลี้ยงให้กับรุ่นน้อง
20:35
of all the students by the doctors,
506
1235000
3000
มีแพทย์คอยให้คำปรึกษาแก่นักศึกษา
20:38
and the result is a generation -- we hope -- of doctors
507
1238000
3000
เราหวังว่าผลลัพธ์ของโครงการนี้คือ แพทย์รุ่นใหม่
20:41
who do have time for the people they treat.
508
1241000
2000
ที่จะมีเวลาให้กับคนที่พวกเขารักษาพยาบาล
20:43
We'll see.
509
1243000
2000
ต้องรอดูกันต่อไป
20:45
So there are lots of examples like this that we talk about.
510
1245000
3000
คงเห็นแล้วนะครับว่ามีตัวอย่างทำนองนี้มากมาย
20:48
Each of them shows that it is possible
511
1248000
2000
แต่ละตัวอย่างสะท้อนให้เห็นว่า เป็นไปได้
20:50
to build on and nurture character
512
1250000
3000
ที่เราจะต่อยอดและอุ้มชูุอุปนิสัย
20:53
and keep a profession
513
1253000
2000
และทำให้อาชีพอะไรก็ตาม
20:55
true to its proper mission --
514
1255000
2000
รับใช้เป้าหมายที่ถูกต้องของมัน --
20:57
what Aristotle would have called its proper telos.
515
1257000
3000
สิ่งที่อริสโตเติลเรียกว่า เป้าหมายสูงสุด (telos)
21:01
And Ken and I believe
516
1261000
2000
เคนกับผมเชื่อว่า
21:03
that this is what practitioners actually want.
517
1263000
3000
นี่คือสิ่งที่มืออาชีพทั้งหลายต้องการจริงๆ
21:06
People want to be allowed
518
1266000
2000
คนเราอยากมีโอกาส
21:08
to be virtuous.
519
1268000
2000
ที่จะเป็นคนดี
21:10
They want to have permission to do the right thing.
520
1270000
3000
พวกเขาอยากมีโอกาสที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง
21:13
They don't want to feel
521
1273000
2000
ไม่อยากรู้สึกว่า
21:15
like they need to take a shower
522
1275000
2000
จะต้องอาบน้ำเพื่อ
21:17
to get the moral grime off their bodies everyday
523
1277000
3000
ชำระล้างคราบไคลของศีลธรรมออกจากร่างกาย
21:20
when they come home from work.
524
1280000
3000
ทุกวันที่กลับบ้านมาจากที่ทำงาน
21:23
Aristotle thought that practical wisdom
525
1283000
2000
อริสโตเติลคิดว่าปัญญาปฏิบัติ
21:25
was the key to happiness,
526
1285000
2000
คือกุญแจสู่ความสำเร็จ
21:27
and he was right.
527
1287000
3000
และเขาก็คิดถูก
21:30
There's now a lot of research being done in psychology
528
1290000
3000
ตอนนี้มีงานวิจัยมากมายในวงการจิตวิทยา
21:33
on what makes people happy,
529
1293000
2000
เพื่อค้นหาว่าอะไรที่ทำให้คนมีความสุข
21:35
and the two things that jump out in study after study --
530
1295000
3000
ข้อค้นพบสองประการที่เราเห็นในงานวิจัยชิ้นแล้วชิ้นเล่า --
21:38
I know this will come as a shock to all of you --
531
1298000
2000
ผมรู้ว่าพวกคุณทุกคนจะแปลกใจ --
21:40
the two things that matter most to happiness
532
1300000
3000
สองสิ่งที่สำคัญที่สุดต่อความสุข
21:43
are love and work.
533
1303000
3000
คือความรักและงาน
21:46
Love: managing successfully
534
1306000
3000
ความรัก : การจัดการอย่างได้ผล
21:49
relations with the people who are close to you
535
1309000
2000
จัดการความสัมพันธ์กับผู้คนที่ใกล้ชิดกับคุณ
21:51
and with the communities of which you are a part.
536
1311000
3000
และกับชุมชนที่คุณเป็นสมาชิก
21:54
Work: engaging in activities
537
1314000
3000
งาน : การทำกิจกรรม
21:57
that are meaningful and satisfying.
538
1317000
3000
ที่มีความหมายและให้ความพึงพอใจ
22:00
If you have that, good close relations with other people,
539
1320000
3000
ถ้าคุณมีสองสิ่งนี้ มีความสัมพันธ์แนบชิดที่ดีกับคนอื่น
22:03
work that's meaningful and fulfilling,
540
1323000
3000
กับงานที่มีความหมายและให้ความพึงพอใจ
22:06
you don't much need anything else.
541
1326000
3000
คุณก็ไม่ค่อยจำเป็นจะต้องมีอะไรอื่นอีก
22:09
Well, to love well and to work well,
542
1329000
3000
ทีนี้ การจะรักได้ดีและทำงานได้ดี
22:12
you need wisdom.
543
1332000
2000
คุณจะต้องมีปัญญา
22:14
Rules and incentives don't tell you
544
1334000
2000
กฎเกณฑ์และสิ่งจูงใจไม่บอกคุณว่า
22:16
how to be a good friend, how to be a good parent,
545
1336000
3000
จะเป็นเพื่อนที่ดี ผู้ปกครองที่ดี
22:19
how to be a good spouse,
546
1339000
2000
หรือคู่สมรสที่ดีได้อย่างไร
22:21
or how to be a good doctor or a good lawyer
547
1341000
2000
บอกไม่ได้ว่าจะเป็นหมอที่ดี หรือทนายที่ดี
22:23
or a good teacher.
548
1343000
2000
หรือครูที่ดีอย่างไร
22:25
Rules and incentives
549
1345000
2000
กฎเกณฑ์และสิ่งจูงใจ
22:27
are no substitutes for wisdom.
550
1347000
2000
ทดแทนปัญญาไม่ได้ครับ
22:29
Indeed, we argue,
551
1349000
2000
ที่จริงเราเสนอว่า
22:31
there is no substitute for wisdom.
552
1351000
3000
ไม่มีอะไรเลยที่ทดแทนปัญญาได้
22:34
And so practical wisdom
553
1354000
2000
ฉะนั้น ปัญญาปฏิบัติ
22:36
does not require
554
1356000
2000
ไม่จำเป็นต้องอาศัย
22:38
heroic acts of self-sacrifice
555
1358000
3000
การเสียสละตัวเองอย่างยิ่งใหญ่
22:41
on the part of practitioners.
556
1361000
3000
ของมืออาชีพ
22:44
In giving us the will and the skill
557
1364000
2000
เพียงแต่พวกเขามีเจตจำนงและทักษะ
22:46
to do the right thing -- to do right by others --
558
1366000
3000
ที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง -- ถูกต้องสำหรับคนอื่น --
22:49
practical wisdom also gives us
559
1369000
2000
นอกจากนั้น ปัญญาปฏิบัติยังมอบ
22:51
the will and the skill
560
1371000
2000
เจตจำนงและทักษะ
22:53
to do right by ourselves.
561
1373000
3000
ที่เราจะทำในสิ่งที่ถูกต้องสำหรับตัวเอง
22:56
Thanks.
562
1376000
2000
ขอบคุณครับ
22:58
(Applause)
563
1378000
3000
(ปรบมือ)
ABOUT THE SPEAKER
Barry Schwartz - PsychologistBarry Schwartz studies the link between economics and psychology, offering startling insights into modern life. Lately, working with Ken Sharpe, he's studying wisdom.
Why you should listen
In his 2004 book The Paradox of Choice, Barry Schwartz tackles one of the great mysteries of modern life: Why is it that societies of great abundance — where individuals are offered more freedom and choice (personal, professional, material) than ever before — are now witnessing a near-epidemic of depression? Conventional wisdom tells us that greater choice is for the greater good, but Schwartz argues the opposite: He makes a compelling case that the abundance of choice in today's western world is actually making us miserable.
Infinite choice is paralyzing, Schwartz argues, and exhausting to the human psyche. It leads us to set unreasonably high expectations, question our choices before we even make them and blame our failures entirely on ourselves. His relatable examples, from consumer products (jeans, TVs, salad dressings) to lifestyle choices (where to live, what job to take, who and when to marry), underscore this central point: Too much choice undermines happiness.
Schwartz's previous research has addressed morality, decision-making and the varied inter-relationships between science and society. Before Paradox he published The Costs of Living, which traces the impact of free-market thinking on the explosion of consumerism -- and the effect of the new capitalism on social and cultural institutions that once operated above the market, such as medicine, sports, and the law.
Both books level serious criticism of modern western society, illuminating the under-reported psychological plagues of our time. But they also offer concrete ideas on addressing the problems, from a personal and societal level.
Schwartz is the author of the TED Book, Why We Work.
Barry Schwartz | Speaker | TED.com