TEDxRainier
Patricia Kuhl: The linguistic genius of babies
แพทริเซีย คัห์ล: อัจฉริยะภาพทางภาษาของทารก
Filmed:
Readability: 4.2
3,424,262 views
ณ TEDxRainier "แพทริเซีย คัห์ล" ได้มาแบ่งปันการค้นพบอันน่าอัศจรรย์ว่าเด็กทารกเรียนรู้ภาษาได้โดยการฟังจากบทสนทนาของคนรอบข้างและในขณะเดียวกันก็เก็บสถิติเสียงในภาษานั้นๆไปด้วย นอกจากนี้การทดลองอันชาญฉลาดและผลสแกนสมองจะเผยให้เห็นว่าทารก 6 เดือนใช้การให้เหตุผลซับซ้อนเพื่อเข้าใจความเป็นไปต่างๆอย่างไร
Patricia Kuhl - Language
Patricia Kuhl studies how we learn language as babies, looking at the ways our brains form around language acquisition. Full bio
Patricia Kuhl studies how we learn language as babies, looking at the ways our brains form around language acquisition. Full bio
Double-click the English transcript below to play the video.
00:15
I want you to take a look at this baby.
0
0
3000
ดิฉันอยากให้พวกคุณลองมองเด็กคนนี้
00:18
What you're drawn to are her eyes
1
3000
3000
สิ่งที่ดึงดูดความสนใจ คือดวงตาของเธอ
00:21
and the skin you love to touch.
2
6000
3000
และผิวพรรณที่คุณอยากสัมผัส
00:24
But today I'm going to talk to you about something you can't see --
3
9000
3000
แต่วันนี้ ดิฉันจะพูดถึงสิ่งที่คุณไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
00:27
what's going on up in that little brain of hers.
4
12000
3000
นั่นคือสิ่งที่เกิดอะไรขึ้นในสมองน้อยๆของเธอ
00:31
The modern tools of neuroscience
5
16000
2000
เครื่องมือสมัยใหม่ทางประสาทวิทยาศาสตร์
00:33
are demonstrating to us that what's going on up there
6
18000
3000
จะแสดงให้พวกเราเห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นบนนั้น
00:36
is nothing short of rocket science.
7
21000
3000
เป็นเรื่องที่เรายังจัดว่าค่อนข้างลี้ลับ
00:39
And what we're learning
8
24000
2000
และสิ่งที่พวกเราศึกษาอยู่
00:41
is going to shed some light
9
26000
2000
กำลังจะเปิดเผยให้พวกเราเห็น
00:43
on what the romantic writers and poets
10
28000
3000
ในประเด็นที่นักประพันธ์บทกลอนโรแมนติก
00:46
described as the "celestial openness"
11
31000
3000
ใช้คำบรรยายว่า "การเปิดรับจากสรวงสวรรค์"
00:49
of the child's mind.
12
34000
2000
ของสมองเด็กทารก
00:51
What we see here
13
36000
2000
ที่เราเห็นในภาพนี้
00:53
is a mother in India,
14
38000
2000
เธอเป็นแม่คนหนึ่งในประเทศอินเดีย
00:55
and she's speaking Koro,
15
40000
2000
เธอพูดภาษาโคโร่
00:57
which is a newly discovered language.
16
42000
2000
ซึ่งเป็นภาษาที่เพิ่งค้นพบไม่นาน
00:59
And she's talking to her baby.
17
44000
2000
เธอใช้ภาษานี้กับทายาทของเธอ
01:01
What this mother --
18
46000
2000
คุณแม่คนนี้
01:03
and the 800 people who speak Koro in the world --
19
48000
3000
และผู้คนอีกกว่า 800 ชีวิตทั่วโลกที่ใช้ภาษานี้
01:06
understands [is] that, to preserve this language,
20
51000
3000
ต่างเข้าใจในแนวทางเดียวกันว่า การที่จะอนุรักษ์ภาษานี้ไว้
01:09
they need to speak it to the babies.
21
54000
3000
พวกเขาจำเป็นต้องใช้ภาษาดังกล่าวพูดกับเด็กทารก
01:12
And therein lies a critical puzzle.
22
57000
3000
ทีนี้ ปัญหาที่น่าฉงนใจก็เกิดขึ้น
01:15
Why is it that you can't preserve a language
23
60000
2000
นั่นก็คือ "ทำไมคนเราถึงอนุรักษ์ภาษา
01:17
by speaking to you and I, to the adults?
24
62000
3000
ด้วยการสื่อสารกับพวกเรากันเอง หรือผู้ใหญ่ไม่ได้?"
01:20
Well, it's got to do with your brain.
25
65000
3000
เอาล่ะค่ะ นั่นเป็นเพราะการทำงานของสมองคุณ
01:23
What we see here
26
68000
2000
ที่เราเห็นนี้
01:25
is that language has a critical period for learning.
27
70000
3000
คือ "ภาษา" มีช่วงเวลาเรียนรู้ที่จำกัด
01:28
The way to read this slide is to look at your age on the horizontal axis.
28
73000
3000
สำหรับสไลด์นี้ แนวนอนหมายถึงอายุของพวกคุณ
01:31
(Laughter)
29
76000
3000
(เสียงหัวเราะ)
01:34
And you'll see on the vertical
30
79000
2000
และในแนวตั้ง คุุณจะเห็นถึง
01:36
your skill at acquiring a second language.
31
81000
2000
ความสามารถในการเรียนรู้ภาษาที่สองของคุณ
01:38
Babies and children are geniuses
32
83000
2000
ทารกและเด็กถือเป็นอัจฉริยะ
01:40
until they turn seven,
33
85000
2000
จนถึงอายุเจ็ดขวบ
01:42
and then there's a systematic decline.
34
87000
3000
แล้วจะค่อยๆลดลงตามลำดับ
01:45
After puberty, we fall off the map.
35
90000
2000
จะเห็นได้ว่าวัยรุ่นได้หลุดออกจากกรอบนี้ไปแล้ว
01:47
No scientists dispute this curve,
36
92000
3000
ไม่มีนักวิทยาศาสตร์คนไหนแย้งในจุดนี้
01:50
but laboratories all over the world
37
95000
2000
ห้องทดลองทั่วทุกมุมโลก
01:52
are trying to figure out why it works this way.
38
97000
3000
ต่างพยายามหาเหตุผลให้ได้ว่า ทำไมมันถึงเป็นเช่นนี้
01:55
Work in my lab is focused
39
100000
2000
สำหรับในห้องทดลองดิฉัน
01:57
on the first critical period in development --
40
102000
2000
จะมุ่งเน้นในระยะพัฒนาการแรกๆของช่วงวิกฤต
01:59
and that is the period in which
41
104000
2000
ซึ่งเป็นช่วงที่
02:01
babies try to master which sounds are used in their language.
42
106000
3000
ทารกพยายามแยกแยะว่าเสียงไหนใช้ในภาษาแม่ของพวกเขา
02:04
We think, by studying how the sounds are learned,
43
109000
3000
เราเชื่อว่า ด้วยการศึกษาวิธีที่ทารกเหล่านี้ใช้เรียนรู้เรื่องเสียง
02:07
we'll have a model for the rest of language,
44
112000
2000
จะทำให้เรามีต้นแบบของส่วนที่เหลือของภาษา
02:09
and perhaps for critical periods that may exist in childhood
45
114000
3000
และอาจได้ข้อมูลเกี่ยวกับช่วงเวลาเรียนรู้จำกัดที่อาจมีอยู่ในวัยเด็ก
02:12
for social, emotional
46
117000
2000
สำหรับการพัฒนาการทางด้านสังคม ด้านอารมณ์
02:14
and cognitive development.
47
119000
2000
และด้านการคิด
02:16
So we've been studying the babies
48
121000
2000
พวกเราจึงได้ศึกษาในตัวทารก
02:18
using a technique that we're using all over the world
49
123000
2000
โดยใช้เทคนิคที่พวกเราใช้กันทั่วโลก
02:20
and the sounds of all languages.
50
125000
2000
และเสียงในทุกๆภาษา
02:22
The baby sits on a parent's lap,
51
127000
2000
เด็กๆจะนั่งบนตักพ่อแม่
02:24
and we train them to turn their heads when a sound changes --
52
129000
2000
แล้วเราก็ฝึกให้พวกเขาหันหน้าหาเมื่อเสียงเปลี่ยน
02:26
like from "ah" to "ee."
53
131000
2000
เช่นจากเสียง "ah..." ไปเป็น "ee..."
02:28
If they do so at the appropriate time,
54
133000
2000
เมื่อพวกเขาตอบสนองในเวลาที่เหมาะสม
02:30
the black box lights up
55
135000
2000
กล่องสีดำจะเปล่งแสง
02:32
and a panda bear pounds a drum.
56
137000
2000
ตามด้วยหมีแพนด้าจะตีกลองรัว
02:34
A six-monther adores the task.
57
139000
2000
เด็ก 6 ขวบชอบกิจกรรมนี้ทีเดียว
02:36
What have we learned?
58
141000
2000
ว่าแต่...เราได้ข้อมูลอะไรบ้างล่ะ?
02:38
Well, babies all over the world
59
143000
2000
เอาล่ะค่ะ...ทารกทั่วทุกมุมโลก
02:40
are what I like to describe
60
145000
2000
เป็นสิ่งที่ดิฉันอยากจะเปรียบเป็น
02:42
as "citizens of the world."
61
147000
2000
"พลเมืองของโลก"
02:44
They can discriminate all the sounds of all languages,
62
149000
3000
พวกเขาสามารถแบ่งแยกความแตกต่างของเสียงในทุกๆภาษา
02:47
no matter what country we're testing and what language we're using,
63
152000
3000
จากการทดสอบในทุกๆประเทศและทุกๆภาษาที่เราใช้
02:50
and that's remarkable because you and I can't do that.
64
155000
3000
นี่ถือเป็นสิ่งที่น่าคิด เพราะดิฉันและพวกคุณทำไม่ได้
02:53
We're culture-bound listeners.
65
158000
2000
พวกเราเป็นผู้ฟังที่ผูกกับวัฒนธรรมไปแล้ว
02:55
We can discriminate the sounds of our own language,
66
160000
2000
จะสามารถแยกความต่างของเสียงได้เฉพาะในภาษาของพวกเราเอง
02:57
but not those of foreign languages.
67
162000
2000
ไม่สามารถแยกในภาษาอื่นได้
02:59
So the question arises:
68
164000
2000
ฉะนั้น คำถามก็ตามมาอีกว่า :
03:01
when do those citizens of the world
69
166000
2000
"แล้วเมื่อไหร่ล่ะ? ที่พลเมืองของโลกเหล่านี้
03:03
turn into the language-bound listeners that we are?
70
168000
3000
จะแปลงสถานะเป็นผู้ฟังที่ผูกกับภาษาเหมือนเราๆ?"
03:06
And the answer: before their first birthdays.
71
171000
3000
และคำตอบก็คือ "ก่อนครบรอบวันเกิดปีแรกของพวกเขา"
03:09
What you see here is performance on that head-turn task
72
174000
3000
และนี่คือ ผลของสมรรธภาพใน "ภารกิจหันหน้า"
03:12
for babies tested in Tokyo and the United States,
73
177000
2000
ของทารกที่เราทดสอบในโตเกียวและสหรัฐฯ
03:14
here in Seattle,
74
179000
2000
ณ ที่แห่งนี้ ซีแอตเทิล
03:16
as they listened to "ra" and "la" --
75
181000
2000
เมื่อได้ลองให้พวกเขาฟังเสียง "ra" และ "la" --
03:18
sounds important to English, but not to Japanese.
76
183000
3000
ความต่างของสองเสียงมีผลในภาษาอังกฤษ แต่ไม่มีผลในภาษาญี่ปุ่น
03:21
So at six to eight months the babies are totally equivalent.
77
186000
3000
ณ ช่วงอายุ 6-8 เดือน ความสามารถของทารกเหล่านี้ไม่ต่างกันมาก
03:24
Two months later something incredible occurs.
78
189000
3000
แต่สองเดือนถัดมาสิ่งที่น่ามหัศจรรย์ก็ปรากฏ
03:27
The babies in the United States are getting a lot better,
79
192000
2000
ทารกในสหรัฐฯดีขึ้นกว่าเดิมมาก
03:29
babies in Japan are getting a lot worse,
80
194000
2000
แต่ทารกในญี่ปุ่นแย่ลงๆ
03:31
but both of those groups of babies
81
196000
2000
ทั้งที่ทารกทั้งสองกลุ่มต่างกำลัง
03:33
are preparing for exactly the language that they are going to learn.
82
198000
3000
เตรียมตัวเพื่อเรียนรู้ภาษาแม่ของตัวเองเหมือนๆกัน
03:36
So the question is: what's happening
83
201000
3000
ทีนี้คำถามก็คือ "เกิดอะไรขึ้น
03:39
during this critical two-month period?
84
204000
2000
กับช่วงวิกฤตสองเดือนนี้?"
03:41
This is the critical period for sound development,
85
206000
2000
นี่เป็นช่วงวิกฤตของการพัฒนาทางด้านเสียง
03:43
but what's going on up there?
86
208000
2000
แล้วมันเกิดอะไรขึ้นล่ะ?
03:45
So there are two things going on.
87
210000
2000
คำตอบคือ มีสองปัจจัย
03:47
The first is that the babies are listening intently to us,
88
212000
3000
อย่างแรก เนื่องจากทารกจะฟังเราอย่างตั้งใจ
03:50
and they're taking statistics as they listen to us talk --
89
215000
3000
และเก็บข้อมูลในขณะที่พวกเราพูดคุยกัน
03:53
they're taking statistics.
90
218000
2000
พวกเขาเก็บสถิติในหัว
03:55
So listen to two mothers speaking motherese --
91
220000
3000
เราลองมาฟังคุณแม่สองคนพูดกับลูก
03:58
the universal language we use when we talk to kids --
92
223000
3000
โดยใช้ภาษาเด็กๆที่เราใช้เหมือนๆกัน
04:01
first in English and then in Japanese.
93
226000
3000
อันแรกเป็นภาษาอังกฤษ ต่อด้วยญี่ปุ่น
04:04
(Video) English Mother: Ah, I love your big blue eyes --
94
229000
3000
(วีดีโอ) คุณแม่ที่ใช้ภาษาอังกฤษ: "โอ๋...แม่ล่ะชอบตาสีฟ้าโตๆของลูกจังเลย
04:07
so pretty and nice.
95
232000
3000
น่ารักน่าชังดีจริงๆ"
04:11
Japanese Mother: [Japanese]
96
236000
6000
คุณแม่ที่ใช้ภาษาญี่ปุ่น: [ภาษาญี่ปุ่น]
04:17
Patricia Kuhl: During the production of speech,
97
242000
2000
แพทริเซีย คัห์ล: ตลอดการพูดเหล่านี้
04:19
when babies listen,
98
244000
2000
เมื่อทารกเหล่านี้ได้ฟัง
04:21
what they're doing is taking statistics
99
246000
2000
พวกเขาจะเก็บสถิติ
04:23
on the language that they hear.
100
248000
3000
จากภาษาที่พวกเขาได้ยิน
04:26
And those distributions grow.
101
251000
3000
ความสามารถด้านการแยกแยะเสียงก็จะดีขึ้น
04:29
And what we've learned
102
254000
2000
และสิ่งที่พวกเราเรียนรู้
04:31
is that babies are sensitive to the statistics,
103
256000
3000
ก็คือ ทารกจะอ่อนไหวกับสถิติมาก
04:34
and the statistics of Japanese and English are very, very different.
104
259000
3000
และสถิติของภาษาญี่ปุ่นกับอังกฤษต่างกันมากทีเดียว
04:37
English has a lot of Rs and Ls.
105
262000
3000
ในภาษาอังกฤษ จะมีเสียง R และ L เยอะมาก
04:40
The distribution shows.
106
265000
2000
สังเกตได้จากภาพนี้
04:42
And the distribution of Japanese is totally different,
107
267000
2000
และการแยกเสียงในภาษาญี่ปุ่นก็ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
04:44
where we see a group of intermediate sounds,
108
269000
3000
ที่เห็นกันนี้ คือกลุ่มเสียงที่อยู่่กึ่งกลาง
04:47
which is known as the Japanese "R."
109
272000
3000
ทั้งหมดนี้คือ "R" ในภาษาญี่ปุ่น
04:50
So babies absorb
110
275000
2000
ฉะนั้นทารกจะค่อยๆซึมซับ
04:52
the statistics of the language
111
277000
2000
สถิติของภาษานั้นๆ
04:54
and it changes their brains;
112
279000
2000
และมันสร้างความเปลี่ยนแปลงกับสมองพวกเขา
04:56
it changes them from the citizens of the world
113
281000
2000
โดยผันจากพลเมืองของโลก
04:58
to the culture-bound listeners that we are.
114
283000
3000
ไปเป็นผู้ฟังที่ผูกกับวัฒนธรรมเหมือนพวกเรา
05:01
But we as adults
115
286000
2000
แต่สำหรับผู้ใหญ่อย่างเราๆ
05:03
are no longer absorbing those statistics.
116
288000
2000
ไม่ได้ซึมซับสถิติเหล่านั้นอีกแล้ว
05:05
We're governed by the representations in memory
117
290000
3000
พวกเราถูกควบคุมโดยความจำ
05:08
that were formed early in development.
118
293000
3000
ที่ถูกสร้างมาในช่วงพัฒนาแรกๆ
05:11
So what we're seeing here
119
296000
2000
สิ่งที่เห็นในนี้
05:13
is changing our models of what the critical period is about.
120
298000
3000
คือการเปลี่ยนแปลงแม่แบบว่าช่วงวิกฤตการเรียนรู้มีผลอย่างไร
05:16
We're arguing from a mathematical standpoint
121
301000
3000
พวกเราถกเถียงจากมุมมองทางคณิตศาสตร์
05:19
that the learning of language material may slow down
122
304000
3000
ว่าความไวในการเรียนรู้ภาษาจะค่อยๆลดลง
05:22
when our distributions stabilize.
123
307000
2000
เมื่อการกระจายของข้อมูลคงที่
05:24
It's raising lots of questions about bilingual people.
124
309000
3000
ซึ่งก็สร้างความคาใจกับหลายคนที่ใช้สองภาษา
05:27
Bilinguals must keep two sets of statistics in mind at once
125
312000
4000
เพราะคนเหล่านี้ต้องเก็บข้อมูลสองชุดในเวลาเดียวกัน
05:31
and flip between them, one after the other,
126
316000
3000
และเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาระหว่างสองภาษานั้นๆ
05:34
depending on who they're speaking to.
127
319000
2000
ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาพูดกับใคร
05:36
So we asked ourselves,
128
321000
2000
เราเลยเกิดข้อสงสัยว่า
05:38
can the babies take statistics on a brand new language?
129
323000
3000
เด็กทารกจะเก็บสถิติจากภาษาที่ไม่เคยได้ยินได้หรือเปล่า?
05:41
And we tested this by exposing American babies
130
326000
2000
เราได้ลองทดสอบกับเด็กอเมริกัน
05:43
who'd never heard a second language
131
328000
2000
ที่ไม่เคยได้ยินภาษาที่สองเลย
05:45
to Mandarin for the first time during the critical period.
132
330000
3000
มาฟังจีนแมนดารินเป็นครั้งแรกในช่วงวิกฤต
05:48
We knew that, when monolinguals were tested
133
333000
2000
เราได้ข้อมูลว่า เมื่อทดสอบเด็กที่ใช้ภาษาเดียว
05:50
in Taipei and Seattle on the Mandarin sounds,
134
335000
3000
กับจีนแมนดารินที่ไทเปและซีแอตเทิล
05:53
they showed the same pattern.
135
338000
2000
ผลที่ออกมาก็เหมือนกัน
05:55
Six to eight months, they're totally equivalent.
136
340000
2000
ในช่วง 6-8 เดือน พวกเขาได้พอๆกัน
05:57
Two months later, something incredible happens.
137
342000
3000
แต่สองเดือนถัดไป สิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น
06:00
But the Taiwanese babies are getting better, not the American babies.
138
345000
3000
แต่คราวนี้เด็กไต้หวันจะดีกว่า ไม่ใช่อเมริกัน
06:03
What we did was expose American babies during this period
139
348000
3000
และในช่วงวิกฤตนี้ เราก็ได้ลองให้ทารกอเมริกัน
06:06
to Mandarin.
140
351000
2000
ลองฟังจีนแมนดาริน
06:08
It was like having Mandarin relatives come and visit for a month
141
353000
3000
ประหนึ่งว่ามีญาติคนจีนมาเยี่ยมประมาณหนึ่งเดือน
06:11
and move into your house
142
356000
2000
แล้วย้ายมาอยู่ในบ้านเดียวกัน
06:13
and talk to the babies for 12 sessions.
143
358000
2000
แล้วพูดกับทารกช่วงหนึ่ง เป็นเวลา 12 ครั้ง
06:15
Here's what it looked like in the laboratory.
144
360000
2000
นี่คือหน้าตาห้องทดลอง
06:17
(Video) Mandarin Speaker: [Mandarin]
145
362000
22000
(วีดีโอ) : [ภาษาจีนแมนดาริน]
06:39
PK: So what have we done to their little brains?
146
384000
2000
แล้วเกิดอะไรขึ้นในสมองน้อยๆของพวกเขาล่ะ?
06:41
(Laughter)
147
386000
3000
(เสียงหัวเราะ)
06:44
We had to run a control group
148
389000
2000
พวกดิฉันต้องกำหนดกลุ่มทดลอง
06:46
to make sure that just coming into the laboratory
149
391000
2000
เพื่อให้แน่ใจว่า เพียงแค่เข้ามาเยี่ยมห้องทดลองของเรานั้น
06:48
didn't improve your Mandarin skills.
150
393000
2000
ไม่ได้ช่วยให้ภาษาจีนของคุณให้ดีขึ้นเลย
06:50
So a group of babies came in and listened to English.
151
395000
2000
ดังนั้นจึงมีทารกอีกกลุ่มหนึ่งที่เข้ามาและฟังภาษาอังกฤษ
06:52
And we can see from the graph
152
397000
2000
ในกราฟนี้แสดงให้เห็นว่า
06:54
that exposure to English didn't improve their Mandarin.
153
399000
2000
การเปิดรับภาษาอังกฤษไม่ได้ทำให้ภาษาจีนของพวกเขาดีขึ้นเลย
06:56
But look at what happened to the babies
154
401000
2000
แต่เราลองมาดูว่าทารกที่
06:58
exposed to Mandarin for 12 sessions.
155
403000
2000
ได้ฟังจีนแมนดารินเป็น 12 ครั้ง
07:00
They were as good as the babies in Taiwan
156
405000
2000
ปรากฏว่าพวกเขาทำได้ดีพอๆกับทารกที่อยู่ในไต้หวัน
07:02
who'd been listening for 10-and-a-half months.
157
407000
3000
ที่ได้ฟังมา 10 เดือนครึ่ง
07:05
What it demonstrated
158
410000
2000
ผลที่ออกมา
07:07
is that babies take statistics on a new language.
159
412000
2000
คือ ทารกจะเก็บสถิติในภาษาใหม่ๆ
07:09
Whatever you put in front of them, they'll take statistics on.
160
414000
4000
อะไรก็ตามที่คุณป้อนเข้าไป พวกเขาก็จะนับทั้งหมด
07:13
But we wondered what role
161
418000
2000
แต่พวกเราสงสัยว่า
07:15
the human being played
162
420000
2000
มนุษย์เราสวมบทบาทอะไร
07:17
in this learning exercise.
163
422000
2000
ในเรื่องฝึกฝนการเรียนรู้
07:19
So we ran another group of babies
164
424000
2000
พวกเราก็เลยทดลองกับทารกอีกกลุ่มหนึ่ง
07:21
in which the kids got the same dosage, the same 12 sessions,
165
426000
3000
ในจำนวนรอบที่เท่ากันคือ 12 ครั้ง
07:24
but over a television set
166
429000
2000
แต่ทำผ่านทางโทรทัศน์
07:26
and another group of babies who had just audio exposure
167
431000
3000
ในขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งมีเพียงได้ฟังเพียงเสียง
07:29
and looked at a teddy bear on the screen.
168
434000
2000
และดูหมีเท็ดดี้บนจอ
07:31
What did we do to their brains?
169
436000
3000
แล้ว เราได้ทำอะไรกับสมองพวกเขา
07:34
What you see here is the audio result --
170
439000
3000
ที่เห็นนี้คือ ผลจากการทดสอบฟังเสียงออดิโอ
07:37
no learning whatsoever --
171
442000
2000
ไม่มีการเรียนรู้ใดๆเกิดขึ้น
07:39
and the video result --
172
444000
3000
ผลของวีดีโอ
07:42
no learning whatsoever.
173
447000
2000
ไม่มีการเรียนรู้เกิดขึ้นเช่นกัน
07:44
It takes a human being
174
449000
2000
ฉะนั้นทารกจะเก็บข้อมูลได้จาก
07:46
for babies to take their statistics.
175
451000
2000
การฟังจากคนจริงๆเท่านั้น
07:48
The social brain is controlling
176
453000
2000
เพราะตอนที่เก็บข้อมูลเหล่านั้น
07:50
when the babies are taking their statistics.
177
455000
2000
ทารกจะใช้สมองส่วนปฏิสัมพันธ์มาควบคุม
07:52
We want to get inside the brain
178
457000
2000
พวกเราต้องการเข้าถึงสมอง
07:54
and see this thing happening
179
459000
2000
เพื่อศึกษาว่าเกิดอะไรขึ้นในนั้น
07:56
as babies are in front of televisions,
180
461000
2000
และมีอะไรที่ไม่เหมือนกันระหว่างที่ทารกอยู่หน้าโทรทัศน์
07:58
as opposed to in front of human beings.
181
463000
2000
กับตอนที่อยู่หน้าผู้คน
08:00
Thankfully, we have a new machine,
182
465000
2000
โชคดี ที่เรามีเครื่องมือตัวใหม่
08:02
magnetoencephalography,
183
467000
2000
ชื่อเครื่องสแกน "MEG"
08:04
that allows us to do this.
184
469000
2000
ที่ช่วยให้ความหวังกลายเป็นจริง
08:06
It looks like a hair dryer from Mars.
185
471000
2000
หน้าตามันเหมือนไดร์เป่าผมที่มาจากดาวอังคาร
08:08
But it's completely safe,
186
473000
2000
แต่มันปลอดภัยทีเดียวเลยล่ะค่ะ
08:10
completely non-invasive and silent.
187
475000
3000
ไม่อันตราย แล้วก็ไม่ส่งเสียงรบกวน
08:13
We're looking at millimeter accuracy
188
478000
2000
พวกเราใช้หน่วยมิลลิเมตร
08:15
with regard to spatial
189
480000
2000
และมิลลิวินาที
08:17
and millisecond accuracy
190
482000
2000
เพื่อให้ผลที่ได้ออกมาแม่นยำ
08:19
using 306 SQUIDs --
191
484000
2000
โดยใช้เครื่อง 306 SQUIDs
08:21
these are Superconducting
192
486000
2000
หรือ Superconducting Quantum Interference Devices--
08:23
QUantum Interference Devices --
193
488000
2000
เป็นเครื่องมือที่ใช้วัดคลื่นสนามแม่เหล็ก
08:25
to pick up the magnetic fields
194
490000
2000
ที่แผ่ออกมาในสมอง
08:27
that change as we do our thinking.
195
492000
2000
เครื่่องจะจับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตอนเราคิด
08:29
We're the first in the world
196
494000
2000
พวกเราถือเป็นกลุ่มแรกในโลกนี้
08:31
to record babies
197
496000
2000
ที่ใช้เครื่องแสกน MEG
08:33
in an MEG machine
198
498000
2000
บันทึกข้อมูลของทารก
08:35
while they are learning.
199
500000
2000
ขณะที่พวกเขาเรียนรู้
08:37
So this is little Emma.
200
502000
2000
และนี่คือ น้องเอ็มม่า
08:39
She's a six-monther.
201
504000
2000
อายุหกเดือน
08:41
And she's listening to various languages
202
506000
2000
และเธอฟังเสียงของหลายภาษามาแล้ว
08:43
in the earphones that are in her ears.
203
508000
3000
โดยผ่านหูฟังที่ใส่อยู่
08:46
You can see, she can move around.
204
511000
2000
พวกคุณจะเห็นว่า เธอเคลื่อนไหวไปมาได้
08:48
We're tracking her head
205
513000
2000
พวกเรากำลังตามรอยสมองเธอ
08:50
with little pellets in a cap,
206
515000
2000
ด้วยเครื่องมือที่ครอบอยู่บนหัว
08:52
so she's free to move completely unconstrained.
207
517000
3000
ฉะนั้นเธอจะเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
08:55
It's a technical tour de force.
208
520000
2000
นี่เป็นผลงานที่แลกมาด้วยหยาดเหงื่อมากพอควร
08:57
What are we seeing?
209
522000
2000
แล้วพวกเราเห็นอะไรบ้าง?
08:59
We're seeing the baby brain.
210
524000
2000
พวกเราเห็นสมองของเด็ก เช่น
09:01
As the baby hears a word in her language
211
526000
3000
ถ้าเธอได้ยินคำในภาษาของตัวเอง
09:04
the auditory areas light up,
212
529000
2000
ส่วนการฟังจะเปล่งแสงขึ้น
09:06
and then subsequently areas surrounding it
213
531000
2000
และส่วนอื่นๆใกล้เคียงก็เปล่งตามกันมา
09:08
that we think are related to coherence,
214
533000
3000
ซึ่งพวกเราเชื่อว่ามีความเกี่ยวเนื่องกัน
09:11
getting the brain coordinated with its different areas,
215
536000
2000
ทำให้สมองเชื่อมโยงกับส่วนต่างๆ
09:13
and causality,
216
538000
2000
ตามที่ควรจะเป็น
09:15
one brain area causing another to activate.
217
540000
3000
สมองส่วนหนึ่งปลุกให้อีกส่วนหนึ่งทำงาน
09:18
We are embarking
218
543000
2000
พวกเราเป็นผู้บุกเบิก
09:20
on a grand and golden age
219
545000
3000
ในยุคทองของ
09:23
of knowledge about child's brain development.
220
548000
3000
ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาสมองของทารก
09:26
We're going to be able to see a child's brain
221
551000
2000
และเราก็จะเห็นสมองของเด็ก
09:28
as they experience an emotion,
222
553000
2000
ขณะที่พวกเขาเกิดอารมณ์ต่างๆขึ้น
09:30
as they learn to speak and read,
223
555000
2000
ขณะที่พวกเขาเรียนรู้ที่จะพูดและอ่าน
09:32
as they solve a math problem,
224
557000
2000
ขณะที่พวกเขาไขโจทย์คณิตศาสตร์
09:34
as they have an idea.
225
559000
2000
ขณะที่พวกเขามีความคิดใหม่ๆ
09:36
And we're going to be able to invent brain-based interventions
226
561000
3000
และด้วยสิ่งนี้ พวกเราก็จะสามารถสร้างนวัตกรรมใหม่
09:39
for children who have difficulty learning.
227
564000
3000
เพื่อช่วยเด็กที่มีปัญหาด้านการเรียนรู้
09:42
Just as the poets and writers described,
228
567000
3000
เหมือนอย่างที่นักประพันธ์กลอนและนักเขียนได้อธิบายไว้
09:45
we're going to be able to see, I think,
229
570000
2000
พวกเรากำลังจะมองเห็น
09:47
that wondrous openness,
230
572000
2000
การเปิดรับที่มหัศจรรย์
09:49
utter and complete openness,
231
574000
2000
การเปิดรับที่เต็มเปี่ยม
09:51
of the mind of a child.
232
576000
3000
ในความนึกคิดของเด็ก
09:54
In investigating the child's brain,
233
579000
2000
ด้วยการศึกษาสมองของทารกเหล่านี้
09:56
we're going to uncover deep truths
234
581000
2000
พวกเราจะค้นพบความจริง
09:58
about what it means to be human,
235
583000
2000
ว่าสิ่งนี้มีความสัมพันธ์กับชีวิตมนุษย์อย่างไร
10:00
and in the process,
236
585000
2000
อีกทั้งในกระบวนการนี้
10:02
we may be able to help keep our own minds open to learning
237
587000
2000
อาจสามารถช่วยให้สมองของพวกเรา
10:04
for our entire lives.
238
589000
2000
เปิดรับการเรียนรู้ตลอดช่วงชีวิตไปเลยก็ได้
10:06
Thank you.
239
591000
2000
ขอบคุณค่ะ
10:08
(Applause)
240
593000
3000
(เสียงปรบมือ)
ABOUT THE SPEAKER
Patricia Kuhl - LanguagePatricia Kuhl studies how we learn language as babies, looking at the ways our brains form around language acquisition.
Why you should listen
Patricia Kuhl is co-director of the Institute for Brain and Learning Sciences at the University of Washington. She's internationally recognized for her research on early language and brain development, and studies that show how young children learn. Kuhl’s work has played a major role in demonstrating how early exposure to language alters the brain. It has implications for critical periods in development, for bilingual education and reading readiness, for developmental disabilities involving language, and for research on computer understanding of speech.
Patricia Kuhl | Speaker | TED.com