TEDIndia 2009
Pranav Mistry: The thrilling potential of SixthSense technology
พรานาฟ มิสทรี่: ความน่าตื่นตาตื่นใจของศักยภาพที่สามารถพัฒนาได้สำหรับเทคโนโลยี สัมผัสที่หก
Filmed:
Readability: 4
18,689,186 views
ณ TEDIndia พรานาฟ มิสทรี่ได้นำเสนอเครื่องมือที่สามารถเชื่อมโยงโลกวัตถุจริงเข้ากับโลกของข้อมูล เราจะได้เห็นอุปกรณ์สัมผัสที่หกของเขาอย่างหมดเปลือก และคอมพิวเตอร์แล็ปท๊อปกระดาษ ระหว่างช่วงตอบคำถามบนเวทีในตอนท้าย เขาได้กล่าวอีกว่าจะเปิดเผยซอฟต์แวร์เหล่านี้ให้กับสาธารณชนที่ต้องการพัฒนาอุปกรณ์สัมผัสที่หกด้วยตนเอง
Pranav Mistry - Director of research, Samsung Research America
As an MIT grad student, Pranav Mistry invented SixthSense, a wearable device that enables new interactions between the real world and the world of data. Full bio
As an MIT grad student, Pranav Mistry invented SixthSense, a wearable device that enables new interactions between the real world and the world of data. Full bio
Double-click the English transcript below to play the video.
00:15
We grew up
0
0
2000
เราโตขึ้นมา
00:17
interacting with the physical objects around us.
1
2000
3000
พร้อมๆกับการได้หยิบจับสิ่งของต่างๆรอบตัวเรา
00:20
There are an enormous number of them
2
5000
2000
สิ่งของเหล่านั้นมีจำนวนมากมายมหาศาล
00:22
that we use every day.
3
7000
2000
ที่เราใช้อยู่ทุกวัน
00:24
Unlike most of our computing devices,
4
9000
3000
มันต่างกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่
00:27
these objects are much more fun to use.
5
12000
3000
เพราะของเหล่านี้ ใช้ได้สนุกกว่ามาก
00:30
When you talk about objects,
6
15000
3000
เมื่อคุณพูดถึงสิ่งของ
00:33
one other thing automatically comes attached to that thing,
7
18000
3000
จะมีอีกอย่างที่มากควบคู่กับมันโดยอัตโนมัติ
00:36
and that is gestures:
8
21000
2000
และนั่นก็คือ "การใช้ท่าทาง"
00:38
how we manipulate these objects,
9
23000
2000
เพื่อหยิบจับแก้ไขสิ่งของ
00:40
how we use these objects in everyday life.
10
25000
3000
ที่เราใช้อยู่ทุกวันในชีวิตประจำวัน
00:43
We use gestures not only to interact with these objects,
11
28000
3000
เราใช้ท่าทาง ไม่ใช่แค่เพื่อการปฏิสัมพันธ์กับสิ่งของเหล่านี้เท่านั้น
00:46
but we also use them to interact with each other.
12
31000
2000
แต่เรายังใช้มันเพื่อติดต่อกับคนอื่นๆอีกด้วย
00:48
A gesture of "Namaste!", maybe, to respect someone,
13
33000
3000
เช่น ท่าทางของการ "นมัสเต" แสดงถึงการเคารพต่อบุคคล
00:51
or maybe --
14
36000
1000
หรือบางครั้ง...
00:52
in India I don't need to teach a kid that this means
15
37000
2000
ในอินเดีย ผมไม่จำเป็นต้องสอนเด็กๆเลย ว่าท่านี้
00:54
"four runs" in cricket.
16
39000
2000
หมายถึง "ได้สี่แต้ม" ในกีฬาคริกเกต
00:56
It comes as a part of our everyday learning.
17
41000
3000
มันเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ในแต่ละวัน
00:59
So, I am very interested,
18
44000
2000
ดังนั้น ผมจึงสนใจมาก
01:01
from the beginning, that how --
19
46000
2000
ตั้งแต่ต้นเลย ว่า...
01:03
how our knowledge
20
48000
2000
ความเข้าใจของเรา
01:05
about everyday objects and gestures,
21
50000
2000
ที่มีต่อของใช้ประจำวัน และการใช้ท่าทางต่างๆ
01:07
and how we use these objects,
22
52000
2000
รวมถึงวิธีการใช้สิ่งของเหล่านี้
01:09
can be leveraged to our interactions with the digital world.
23
54000
3000
จะสามารถนำมาสู่การเชื่อมโยงกันในโลกดิจิตอลได้หรือไม่
01:12
Rather than using a keyboard and mouse,
24
57000
3000
แทนที่เราจะใช้คีย์บอร์ดหรือเมาส์
01:15
why can I not use my computer
25
60000
3000
ทำไมผมไม่ใช้คอมพิวเตอร์
01:18
in the same way that I interact in the physical world?
26
63000
3000
ในแบบเดียวกับที่ ผมใช้สิ่งของในโลกวัตถุจริงนี้
01:21
So, I started this exploration around eight years back,
27
66000
3000
ดังนั้น ผมจึงเริ่มการสำรวจนี้เมื่อ 8 ปีที่แล้ว
01:24
and it literally started with a mouse on my desk.
28
69000
3000
จริงๆแล้วมันเริ่มจากเมาส์บนโต๊ะของผม
01:27
Rather than using it for my computer,
29
72000
3000
แทนที่จะใช้มันกับคอมพิวเตอร์
01:30
I actually opened it.
30
75000
3000
ผมก็แกะมันออกมา
01:33
Most of you might be aware that, in those days,
31
78000
2000
พวกคุณคงจะทราบว่า ในสมัยนั้น
01:35
the mouse used to come with a ball inside,
32
80000
2000
เมาส์จะมีลูกกลมๆลูกหนึ่ง
01:37
and there were two rollers
33
82000
2000
กับลูกกลิ้งอีกสองอัน
01:39
that actually guide the computer where the ball is moving,
34
84000
3000
ซึ่งบอกคอมพิวเตอร์ว่าลูกบอลเคลื่อนที่ไปทางไหน
01:42
and, accordingly, where the mouse is moving.
35
87000
2000
ซึ่งเป็นตัวบอกว่าเมาส์ถูกขยับไปทางไหน
01:44
So, I was interested in these two rollers,
36
89000
3000
ผมจึงสนใจในลูกกลิ้งสองลูกนี้มาก
01:47
and I actually wanted more, so I borrowed another mouse from a friend --
37
92000
3000
และผมก็อยากได้มากกว่าเดิมด้วย ผมเลยขอยืมเมาส์จากเพื่อน
01:50
never returned to him --
38
95000
2000
และก็ไม่ได้เอาไปคืนอีกเลย
01:52
and I now had four rollers.
39
97000
2000
ตอนนี้ ผมมีลูกกลิ้งสี่ลูก
01:54
Interestingly, what I did with these rollers is,
40
99000
3000
ที่น่าสนใจก็คือ ผมจะทำอะไรกับลูกกลิ้งเหล่านี้
01:57
basically, I took them off of these mouses
41
102000
3000
ตอนแรกผมถอดมันออกมาจากเมาส์
02:00
and then put them in one line.
42
105000
2000
แล้วเรียงเป็นแถวเดียวกัน
02:02
It had some strings and pulleys and some springs.
43
107000
3000
มีสาย มีรอก และสปริง
02:05
What I got is basically a gesture interface device
44
110000
3000
สิ่งที่ผมได้ ก็คือเครื่องมือประกอบท่าทาง
02:08
that actually acts as a motion-sensing device
45
113000
4000
และมันก็ทำหน้าที่เหมือนกับเครื่องมือรับประสาทสัมผัสการเคลื่อนไหว
02:12
made for two dollars.
46
117000
2000
ที่ทำขึ้นจากเงินเพียงสองดอลลาร์
02:14
So, here, whatever movement I do in my physical world
47
119000
3000
และเมื่อใดก็ตามที่ผมเคลื่อนไหวร่างกาย
02:17
is actually replicated inside the digital world
48
122000
3000
มันจะถูกทำซ้ำในโลกดิจิตอล
02:20
just using this small device that I made, around eight years back,
49
125000
3000
แค่ใช้เจ้าเครื่องมือเล็กๆ ที่ผมทำขึ้น ประมาณแปดปีที่แล้ว
02:23
in 2000.
50
128000
2000
ในปี 2000
02:25
Because I was interested in integrating these two worlds,
51
130000
2000
เพราะผมสนใจที่จะรวมเอาสองโลกนี้เข้าไว้ด้วยกัน
02:27
I thought of sticky notes.
52
132000
2000
ผมเลยนึกถึงกระดาษโน๊ต
02:29
I thought, "Why can I not connect
53
134000
3000
ผมคิดว่า ทำไมผมไม่แปะกระดาษโน๊ต
02:32
the normal interface of a physical sticky note
54
137000
2000
ที่ใช้กันทุกวันนี้
02:34
to the digital world?"
55
139000
2000
ลงในโลกดิจิตอลล่ะ
02:36
A message written on a sticky note to my mom
56
141000
2000
ข้อความที่ผมเขียนบอกแม่
02:38
on paper
57
143000
1000
บนกระดาษ
02:39
can come to an SMS,
58
144000
2000
สามารถกลายเป็นข้อความ SMS
02:41
or maybe a meeting reminder
59
146000
2000
หรือบางทีเป็นเครื่องเตือนความจำในที่ประชุม
02:43
automatically syncs with my digital calendar --
60
148000
2000
ซึ่งจะไปอัพเดทกับปฏิทินบนคอมพิวเตอร์ทันที
02:45
a to-do list that automatically syncs with you.
61
150000
3000
รายการช่วยจำก็ถูกอัพเดทอัตโนมัติ
02:48
But you can also search in the digital world,
62
153000
3000
นอกจากนี้คุณยังสามารถค้นหาข้อมูลในโลกดิจิตอลได้
02:51
or maybe you can write a query, saying,
63
156000
2000
หรือบางทีคุณอาจจะเขียนคำถาม
02:53
"What is Dr. Smith's address?"
64
158000
2000
"ด็อกเตอร์สมิทพักอยู่ที่ไหน?"
02:55
and this small system actually prints it out --
65
160000
2000
และเจ้าระบบเล็กๆนี้จะพิมพ์มันออกมา
02:57
so it actually acts like a paper input-output system,
66
162000
2000
ความจริงแล้วมันก็เหมือนกับระบบรับ-ส่งข้อมูลบนกระดาษ
02:59
just made out of paper.
67
164000
3000
ทว่ามันไม่ได้ทำจากกระดาษ
03:05
In another exploration,
68
170000
2000
อีกตัวอย่างการสำรวจ
03:07
I thought of making a pen that can draw in three dimensions.
69
172000
3000
ผมคิดที่จะทำปากกาที่สามารถวาดรูปสามมิติได้
03:10
So, I implemented this pen
70
175000
2000
ดังนั้น ผมจึงประดิษฐ์ปากกานี้ขึ้น
03:12
that can help designers and architects
71
177000
2000
เพื่อช่วยนักออกแบบและสถาปนิก
03:14
not only think in three dimensions,
72
179000
2000
ไม่ใช่แค่คิดในมุมมองสามมิติเท่านั้น
03:16
but they can actually draw
73
181000
2000
แต่พวกเขาสามารถวาดขึ้นมาได้ด้วย
03:18
so that it's more intuitive to use that way.
74
183000
2000
และมันก็ตอบสนองสัญชาตญาณได้เป็นอย่างดี
03:20
Then I thought, "Why not make a Google Map,
75
185000
2000
แล้วผมก็คิดว่า ทำไมไม่ลองทำแผนที่กูลเกิ้ลดู
03:22
but in the physical world?"
76
187000
2000
แต่ทำออกมาในทางที่จับต้องได้
03:24
Rather than typing a keyword to find something,
77
189000
3000
แทนที่จะพิมพ์ข้อความสำหรับการค้นหา
03:27
I put my objects on top of it.
78
192000
2000
ผมก็วางสิ่งของบนแผนที่
03:29
If I put a boarding pass, it will show me where the flight gate is.
79
194000
3000
เช่น ถ้าผมวางบัตรโดยสารเครื่องบิน มันก็จะแสดงตำแหน่งของประตูทางขึ้นเครื่อง
03:32
A coffee cup will show where you can find more coffee,
80
197000
3000
ถ้าวางถ้วยกาแฟ ก็จะแสดงตำแหน่งของร้านกาแฟ
03:35
or where you can trash the cup.
81
200000
2000
หรือถังขยะที่คุณสามารถทิ้งแก้วนั้นได้
03:37
So, these were some of the earlier explorations I did because
82
202000
3000
นั่นคือตัวอย่างการสำรวจที่ผ่านมาในช่วงแรกๆ ที่ผมทำไปก็เพราะ
03:40
the goal was to connect these two worlds seamlessly.
83
205000
3000
เป้าหมายของผมคือต้องการที่จะเชื่อมโลกสองโลกนี้อย่างไร้รอยต่อ
03:44
Among all these experiments,
84
209000
2000
ท่ามกลางการทดลองเหล่านี้
03:46
there was one thing in common:
85
211000
2000
มีอย่างหนึ่งที่เหมือนกัน
03:48
I was trying to bring a part of the physical world to the digital world.
86
213000
4000
ผมได้ลองนำโลกวัตถุจริงไปใส่ในโลกดิจิตอล
03:52
I was taking some part of the objects,
87
217000
3000
ผมเคยนำชิ้นส่วนของสิ่งของ
03:55
or any of the intuitiveness of real life,
88
220000
3000
หรืออะไรก็ตามในชีวิตจริง
03:58
and bringing them to the digital world,
89
223000
3000
และนำสิ่งเหล่านั้นเข้าสู่โลกดิจิตอล
04:01
because the goal was to make our computing interfaces more intuitive.
90
226000
3000
เพื่อให้เราใช้คอมพิวเตอร์ตามสัญชาตญาณเรามากขึ้น
04:04
But then I realized that we humans
91
229000
2000
แต่ผมก็ตระหนักว่าคนเรา
04:06
are not actually interested in computing.
92
231000
3000
ไม่ค่อยสนใจในเรื่องการประมวลผลมากนัก
04:09
What we are interested in is information.
93
234000
3000
แต่สิ่งที่เราสนใจก็คือข่าวสาร
04:12
We want to know about things.
94
237000
2000
เราอยากรู้เกี่ยวกับสิ่งต่างๆ
04:14
We want to know about dynamic things going around.
95
239000
2000
เราอยากรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เป็นไปรอบๆตัวเรา
04:16
So I thought, around last year -- in the beginning of the last year --
96
241000
5000
ดังนั้น ผมเริ่มคิดเรื่องนี้ประมาณต้นปีที่แล้ว
04:21
I started thinking, "Why can I not take this approach in the reverse way?"
97
246000
3000
ผมเริ่มคิดว่า ทำไมผมไม่ทำในทางกลับกันบ้าง?
04:24
Maybe, "How about I take my digital world
98
249000
3000
บางที จะเป็นยังไง ถ้าผมจะเอาโลกดิจิตอลของผม
04:27
and paint the physical world with that digital information?"
99
252000
5000
มาให้มันเติมแต่งแต้มสี เพิ่มข้อมูลให้กับโลกวัตถุจริง?
04:32
Because pixels are actually, right now, confined in these rectangular devices
100
257000
4000
เพราะปัจจุบันนี้ พิกเซลถูกจำกัดให้อยู่แต่ในอุปกรณ์รูปทรงสี่เหลี่ยม
04:36
that fit in our pockets.
101
261000
2000
ให้ใส่กระเป๋าเสื้อได้
04:38
Why can I not remove this confine
102
263000
3000
ทำไมผมไม่ลองลบล้างข้อจำกัดนี้ซะ
04:41
and take that to my everyday objects, everyday life
103
266000
3000
และนำมันมาสู่สิ่งที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน
04:44
so that I don't need to learn the new language
104
269000
2000
ดังนั้น ผมก็ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ภาษาใหม่ๆ
04:46
for interacting with those pixels?
105
271000
3000
เพื่อที่จะใช้งานอุปกรณ์พวกนี้อีกต่อไป
04:50
So, in order to realize this dream,
106
275000
2000
การที่จะทำให้ฝันนี้เป็นจริง
04:52
I actually thought of putting a big-size projector on my head.
107
277000
3000
ผมนึกถึงเครื่องโปรเจ็กเตอร์ขนาดใหญ่สวมลงบนศรีษะขอผม
04:55
I think that's why this is called a head-mounted projector, isn't it?
108
280000
3000
มันเลยถูกเรียกว่า โปรเจ็กเตอร์ติดหัว ใช่มั้ยครับ
04:58
I took it very literally,
109
283000
2000
ผมขอรับไปใช้ตรงตัวเลย
05:00
and took my bike helmet,
110
285000
2000
ผมเอาหมวกกันน๊อกจักรยานของผมมา
05:02
put a little cut over there so that the projector actually fits nicely.
111
287000
3000
ตัดให้พอดีที่จะใส่โปรเจ็กเตอร์ได้
05:05
So now, what I can do --
112
290000
2000
และตอนนี้ สิ่งที่ผมสามารถทำได้
05:07
I can augment the world around me with this digital information.
113
292000
4000
ก็คือสามารถเชื่อมโลกรอบๆตัวผม ด้วยข่าวสารข้อมูลจากโลกดิจิตอล
05:11
But later,
114
296000
2000
แต่หลังจากนั้น
05:13
I realized that I actually wanted to interact with those digital pixels, also.
115
298000
3000
ผมก็รู้สึกอยากมีปฏิสัมพันธ์กับรูปภาพดิจิตอลพวกนั้นด้วย
05:16
So I put a small camera over there,
116
301000
2000
ดังนั้น ผมเลยใส่กล้องถ่ายภาพลงไป
05:18
that acts as a digital eye.
117
303000
2000
ซึ่งทำงานเสมือนดวงตาดิจิตอล
05:20
Later, we moved to a much better,
118
305000
2000
แล้วเราก็ยิ่งได้สิ่งที่ดีขึ้นไปอีก
05:22
consumer-oriented pendant version of that,
119
307000
2000
เป็นรูปแบบที่ผนวกความต้องการของผู้บริโภคเข้าไป
05:24
that many of you now know as the SixthSense device.
120
309000
3000
ที่คุณหลายคนรู้จักมันในนามของอุปกรณ์สัมผัสที่หก
05:27
But the most interesting thing about this particular technology
121
312000
3000
แต่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดในเทคโนโลยีนี้
05:30
is that you can carry your digital world with you
122
315000
4000
ก็คือคุณสามารถที่จะพกพาเจ้าโลกดิจิตอลนี้ไว้กับตัวคุณได้
05:34
wherever you go.
123
319000
2000
ทุกที่ๆคุณไป
05:36
You can start using any surface, any wall around you,
124
321000
3000
คุณสามารถใช้พื้นผิวต่างๆ หรือกำแพงรอบตัวคุณ
05:39
as an interface.
125
324000
2000
ให้เป็นเหมือนกับหน้าจอการทำงาน
05:41
The camera is actually tracking all your gestures.
126
326000
3000
เจ้ากล้องนี้จะจับภาพการเคลือนไหวท่าทางของคุณ
05:44
Whatever you're doing with your hands,
127
329000
2000
อะไรก็ตามที่คุณทำกับมือของคุณ
05:46
it's understanding that gesture.
128
331000
2000
มันจะเข้าใจท่าทางนั้น
05:48
And, actually, if you see, there are some color markers
129
333000
2000
และถ้าคุณสังเกต จะเห็นว่ามีสัญลักษณ์สีอยู่
05:50
that in the beginning version we are using with it.
130
335000
3000
ซึ่งเราใช้มันในช่วงเริ่มแรก
05:53
You can start painting on any wall.
131
338000
2000
คุณสามารถวาดภาพบนผนังที่ไหนก็ได้
05:55
You stop by a wall, and start painting on that wall.
132
340000
3000
คุณแค่ยืนอยู่หน้าผนังและเริ่มวาดรูปบนผนังนั้น
05:58
But we are not only tracking one finger, here.
133
343000
2000
แต่ว่าเราไม่ได้จับความเคลื่อนไหวของแค่นิ้วมือเท่านั้น
06:00
We are giving you the freedom of using all of both of your hands,
134
345000
4000
เราให้อิสระแก่คุณที่จะใช้สองมือร่วมกัน
06:04
so you can actually use both of your hands to zoom into or zoom out
135
349000
3000
ซึ่งคุณสามารถใช้สองมือในการย่อขยายภาพ
06:07
of a map just by pinching all present.
136
352000
2000
โดยใช้นิ้วมือของคุณย่อขยายมัน
06:09
The camera is actually doing --
137
354000
3000
กล้องถ่ายภาพ
06:12
just, getting all the images --
138
357000
1000
จะทำการรวบรวมภาพทั้งหมด
06:13
is doing the edge recognition and also the color recognition
139
358000
3000
จำแนกขอบเขตและสีสัน
06:16
and so many other small algorithms are going on inside.
140
361000
3000
และชุดคำสั่งเล็กๆต่างๆที่บรรจุไว้ภายใน
06:19
So, technically, it's a little bit complex,
141
364000
2000
มันจึงค่อนข้างซับซ้อน
06:21
but it gives you an output which is more intuitive to use, in some sense.
142
366000
3000
แต่มันแสดงผลที่ตอบสนองสัญชาตญาณมากกว่า
06:24
But I'm more excited that you can actually take it outside.
143
369000
3000
แต่ที่ผมสนใจมากกว่านั้น ก็คือการนำมันออกมาสู่ภายนอก
06:27
Rather than getting your camera out of your pocket,
144
372000
3000
แทนที่จะต้องหยิบกล้องออกจากกระเป๋าของคุณ
06:30
you can just do the gesture of taking a photo
145
375000
3000
คุณสามารถที่จะทำท่าทางถ่ายภาพ
06:33
and it takes a photo for you.
146
378000
2000
และมันก็จะถ่ายภาพนั้นไว้ให้คุณ
06:35
(Applause)
147
380000
4000
(เสียงปรบมือ)
06:39
Thank you.
148
384000
1000
ขอบคุณครับ
06:41
And later I can find a wall, anywhere,
149
386000
2000
จากนั้น ผมก็หาพื้นผนังที่ไหนก็ได้ซักแห่ง
06:43
and start browsing those photos
150
388000
2000
และก็เริ่มดูรูปภาพเหล่านั้น
06:45
or maybe, "OK, I want to modify this photo a little bit
151
390000
2000
หรือบางที ผมอาจจะทำการเปลี่ยนแปลงรูปภาพซักหน่อย
06:47
and send it as an email to a friend."
152
392000
2000
แล้วส่งอีเมล์ให้เพื่อนของผม
06:49
So, we are looking for an era where
153
394000
3000
ดังนั้น เราจึงกำลังมองหายุคใหม่
06:52
computing will actually merge with the physical world.
154
397000
3000
ยุคที่คอมพิวเตอร์สามารถใช้ร่วมกับวัตถุจริงบนโลก
06:55
And, of course, if you don't have any surface,
155
400000
3000
และแน่นอน ถ้าคุณไม่สามารถมองหาพื้นผิวต่างๆได้
06:58
you can start using your palm for simple operations.
156
403000
3000
คุณก็สามารถใช้มือของคุณเองในการทำงานได้
07:01
Here, I'm dialing a phone number just using my hand.
157
406000
2000
นี่ผมกำลังกดโทรศัพท์บนฝ่ามือผมเอง
07:07
The camera is actually not only understanding your hand movements,
158
412000
3000
เจ้ากล้องนี้ไม่ได้เข้าใจแค่การเคลื่อนไหว ของมือของคุณเพียงอย่างเดียว
07:10
but, interestingly,
159
415000
1000
แต่ที่น่าสนใจคือ
07:11
is also able to understand what objects you are holding in your hand.
160
416000
3000
มันรู้ว่าคุณกำลังถืออะไรในมือ
07:14
What we're doing here is actually --
161
419000
3000
ที่เรากำลังทำอยู่นี้จริงๆแล้ว
07:17
for example, in this case,
162
422000
2000
ยกตัวอย่างเช่น กรณีนี้
07:19
the book cover is matched
163
424000
2000
ปกหนังสือนี้ตรงกันกับ
07:21
with so many thousands, or maybe millions of books online,
164
426000
3000
หนังสือออนไลน์หลายพันหรือล้านเล่ม
07:24
and checking out which book it is.
165
429000
2000
และต้องตรวจสอบว่ามันคือเล่มไหนกันแน่
07:26
Once it has that information,
166
431000
1000
เมื่อมันได้ข้อมูลของหนังสือ
07:27
it finds out more reviews about that,
167
432000
2000
มันก็จะมองหาบทวิจารณ์เกี่ยวกับหนังสือ
07:29
or maybe New York Times has a sound overview on that,
168
434000
3000
หรือบางทีในนิวยอร์คทามส์ มีอธิบายในรูปแบบของเสียง
07:32
so you can actually hear, on a physical book,
169
437000
2000
ซึ่งคุณสามารถรับฟังบทวิจารณ์ได้จากหนังสือจริงๆ
07:34
a review as sound.
170
439000
2000
การอธิบายเกี่ยวกับหนังสือในรูปแบบของเสียงการพูดยอดนิยมที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและนี่ก็คือการเยี่ยมพบของโอบามาอาทิตย์ที่ในรูปแบบเสียง
07:36
("famous talk at Harvard University ...")
171
441000
2000
("สิ่งที่คนพูดถึงมากที่สุด ที่มหาวิทยาลัยฮาวาร์ดคือ...")
07:38
This was Obama's visit last week to MIT.
172
443000
3000
นี่คือการเยือนเอ็มไอทีครั้งล่าสุดของโอบามา
07:42
("... and particularly I want to thank two outstanding MIT ...")
173
447000
4000
("...และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผมอยากขอบคุณบุคคลสองท่านจากเอ็มไอที...")
07:46
So, I was seeing the live [video] of his talk, outside, on just a newspaper.
174
451000
5000
ผมก็ได้รับชมการปราศรัยของเขาผ่านทางหนังสือพิมพ์ได้
07:51
Your newspaper will show you live weather information
175
456000
3000
หนังสือพิมพ์ของคุณจะรายงานพยากรณ์อากาศสดแก่คุณ
07:54
rather than having it updated -- like, you have to check your computer
176
459000
3000
แทนที่จะต้องตรวจสอบข้อมูลจากคอมพิวเตอร์
07:57
in order to do that, right?
177
462000
2000
ที่ผ่านมาคุณต้องทำแบบนั้นใช่มั้ย?
07:59
(Applause)
178
464000
5000
(เสียงปรบมือ)
08:04
When I'm going back, I can just use my boarding pass
179
469000
3000
เมื่อผมจะเดินทางกลับ ผมก็สามารถใช้บัตรผ่านโดยสารขึ้นเครื่องบิน
08:07
to check how much my flight has been delayed,
180
472000
2000
ในการตรวจสอบเวลาการล่าช้าของเที่ยวบินได้
08:09
because at that particular time,
181
474000
2000
เพราะว่าในขณะนั้น
08:11
I'm not feeling like opening my iPhone,
182
476000
2000
ผมไม่มีอารมณ์จะเปิดไอโฟน
08:13
and checking out a particular icon.
183
478000
2000
แล้วก็กดดูจากปุ่มของไอโฟน
08:15
And I think this technology will not only change the way --
184
480000
3000
และผมคิดว่าเทคโนโลยีจะไม่ใช่แค่ ทำให้วิธีการใช้อุปกรณ์เปลี่ยนไป
08:18
yes. (Laughter)
185
483000
1000
ใช่แล้ว (เสียงหัวเราะ)
08:20
It will change the way we interact with people, also,
186
485000
2000
มันยังจะเปลี่ยนแปลง วิถีที่เราติดต่อสื่อสารกับผู้คน
08:22
not only the physical world.
187
487000
2000
ไม่ใช่แค่ในโลกวัตถุวัตถุจริงอีกด้วย
08:24
The fun part is, I'm going to the Boston metro,
188
489000
3000
ส่วนที่น่าสนุกที่สุดก็คือ ผมจะไปที่สถานีรถไฟฟ้าบอสตัน
08:27
and playing a pong game inside the train
189
492000
3000
และจะเล่นเกมส์ปองในรถไฟ
08:30
on the ground, right?
190
495000
2000
บนพื้นนั่นเอง ใช่ไหมครับ?
08:32
(Laughter)
191
497000
1000
(เสียงหัวเราะ)
08:33
And I think the imagination is the only limit
192
498000
2000
และผมคิดว่าจินตนาการคือขอบเขต
08:35
of what you can think of
193
500000
2000
จำกัดสำหรับสิ่งที่คุณสามารถนึกออกได้
08:37
when this kind of technology merges with real life.
194
502000
2000
เมื่อเทคโนโลยีเช่นนี้ ผสมผสานรวมกับชีวิตจริง
08:39
But many of you argue, actually, that
195
504000
2000
แต่หลายคนอาจจะโต้แย้งว่า จริงๆแล้ว
08:41
all of our work is not only about physical objects.
196
506000
3000
งานที่เราทำอยู่นี้ ไม่ได้แค่เกี่ยวกับวัตถุในโลกเท่านั้นจริงๆ
08:44
We actually do lots of accounting and paper editing
197
509000
3000
แต่เราทำหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับ การคำนวณและแก้ไขเอกสารมากมาย
08:47
and all those kinds of things; what about that?
198
512000
2000
และสิ่งต่างๆ เหล่านี้, และพวกนั้นล่ะ?
08:49
And many of you are excited about the next generation tablet computers
199
514000
4000
พวกคุณหลายคนอาจจะตื่นเต้นกับแท็บเล็ตรุ่นใหม่
08:53
to come out in the market.
200
518000
2000
ที่เข้ามาสู่ท้องตลาด
08:55
So, rather than waiting for that,
201
520000
2000
ดังนั้น แทนที่เราจะตั้งตารอคอยมันออกมา
08:57
I actually made my own, just using a piece of paper.
202
522000
3000
ผมสามารถทำมันขึ้นมาด้วยตนเองจากแผ่นกระดาษ
09:00
So, what I did here is remove the camera --
203
525000
2000
ดังนั้น สิ่งที่ผมทำก็คือ แค่ถอดเจ้ากล้องออกมา
09:02
All the webcam cameras have a microphone inside the camera.
204
527000
4000
กล้องเว็บแคมทุกตัวจะมีไมโครโฟนอยู่ข้างใน
09:06
I removed the microphone from that,
205
531000
3000
ฉันก็ถอดไมโครโฟนออกมา
09:09
and then just pinched that --
206
534000
2000
และดึงมันออกมาติด
09:11
like I just made a clip out of the microphone --
207
536000
3000
เหมือนกับว่าผมทำคลิปจากไมโครโฟน
09:14
and clipped that to a piece of paper, any paper that you found around.
208
539000
4000
และติดมันลงบนแผ่นกระดาษ กระดาษอะไรก็ได้ที่คุณหาได้รอบตัว
09:18
So now the sound of the touch
209
543000
3000
ดังนั้น ตอนนี้จะมีเสียงของการสัมผัส
09:21
is getting me when exactly I'm touching the paper.
210
546000
3000
บอกให้ผมรู้อย่างแน่นอนว่า ว่าตอนไหนที่ผมสัมผัสกระดาษ
09:24
But the camera is actually tracking where my fingers are moving.
211
549000
4000
แต่กล้องนั้นก็ได้จับภาพการเคลื่อนที่ของนิ้วผม
09:28
You can of course watch movies.
212
553000
3000
แน่นอน คุณสามารถดูหนังได้
09:31
("Good afternoon. My name is Russell ...
213
556000
3000
("สวัสดีตอนบ่ายครับ ผมชื่อรัสเซล...
09:34
and I am a Wilderness Explorer in Tribe 54.")
214
559000
3000
และผมเป็นลูกเสือสำรวจโลกที่กว้างใหญ่ สังกัดหมู่ที่ 54")
09:37
And you can of course play games.
215
562000
3000
และคุณก็สามารถเล่นเกมส์
09:40
(Car engine)
216
565000
3000
(เสียงเครื่องยนต์)
09:43
Here, the camera is actually understanding how you're holding the paper
217
568000
3000
ตรงนี้กล้องจะเข้าใจท่าทางการจับกระดาษของคุณ
09:46
and playing a car-racing game.
218
571000
2000
และเล่นเกมส์รถแข่งได้
09:48
(Applause)
219
573000
3000
(เสียงปรบมือ)
09:52
Many of you already must have thought, OK, you can browse.
220
577000
2000
คุณหลายคนคงคิดเรียบร้อยแล้วว่า คุณสามารถเปิดอ่านเว็บไซต์ได้แน่นอน
09:54
Yeah. Of course you can browse to any websites
221
579000
3000
ใช่ครับ คุณเปิดอ่านเว็บไซต์ได้แน่นอน
09:57
or you can do all sorts of computing on a piece of paper
222
582000
3000
หรือคุณสามารถทำการคำนวนทุกอย่างได้บนกระดาษแผ่นเดียว
10:00
wherever you need it.
223
585000
1000
ทุกที่ๆคุณต้องการ
10:01
So, more interestingly,
224
586000
3000
ดังนั้น สิ่งที่น่าสนใจกว่านั้นคือ
10:04
I'm interested in how we can take that in a more dynamic way.
225
589000
3000
ผมสนใจในวิธี ที่จะทำยังไงให้มันสร้างสรรค์ได้มากกว่านี้
10:07
When I come back to my desk I can just pinch that information
226
592000
3000
เมื่อผมกลับมาที่ถึงโต๊ะทำงานผม ผมสามารถดึงข้อมูลนั้น
10:10
back to my desktop
227
595000
2000
มาสู่หน้าจอ
10:12
so I can use my full-size computer.
228
597000
3000
บนคอมพิวเตอร์ขนาดเต็มรูปแบบของผมได้
10:15
(Applause)
229
600000
2000
(เสียงปรบมือ)
10:17
And why only computers? We can just play with papers.
230
602000
3000
แล้วทำไมต้องหยุดที่คอมพิวเตอร์ด้วย? เราเล่นบนกระดาษก็ได้
10:20
Paper world is interesting to play with.
231
605000
3000
การใช้กระดาษนั้น น่าสนุกกว่าครับ
10:23
Here, I'm taking a part of a document
232
608000
2000
ผมกำลังนำข้อมูลบางส่วนมา
10:25
and putting over here a second part from a second place --
233
610000
4000
แล้ววางมันลงที่นี่ ในส่วนที่สองที่เอามาจากอีกที่หนึ่ง
10:29
and I'm actually modifying the information
234
614000
3000
และผมกำลังปรับแต่งข้อมูล
10:32
that I have over there.
235
617000
2000
ที่ผมมีอยู่ตรงนี้
10:34
Yeah. And I say, "OK, this looks nice,
236
619000
3000
เย้ ผมคิดว่ามันดูดีแล้ว
10:37
let me print it out, that thing."
237
622000
2000
เลยขอพิมพ์มันออกมาดู
10:39
So I now have a print-out of that thing, and now --
238
624000
2000
ดังนั้น ตอนนี้ผมก็ได้พิมพ์เจ้าเอกสารนั้นออกมา
10:41
the workflow is more intuitive the way we used to do it
239
626000
3000
จะเห็นว่าขั้นตอนการทำงานดูตอบสนองสัญชาตญาณมากขึ้น จากวิธีเดิมที่เราเคยทำมา
10:44
maybe 20 years back,
240
629000
3000
บางทีเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว
10:47
rather than now switching between these two worlds.
241
632000
3000
ตอนนี้ที่เราสามารถสลับใช้มันระหว่างสองโลกนี้ได้
10:50
So, as a last thought,
242
635000
3000
ดังนั้น สำหรับความคิดสุดท้าย
10:53
I think that integrating information to everyday objects
243
638000
3000
ผมคิดที่จะติดต่อใช้งานข้อมูลข่าวสารกับวัตถุในชีวิตประจำวัน
10:56
will not only help us to get rid of the digital divide,
244
641000
5000
ที่จะไม่เพี่ยงแค่ช่วยลดจำนวนอุปกรณ์ดิจิตอล ที่เราต้องใช้ให้น้อยลง
11:01
the gap between these two worlds,
245
646000
2000
ซึ่งนั้นถือเป็นช่องว่างระหว่างสองโลกนี้แล้ว
11:03
but will also help us, in some way,
246
648000
2000
แต่มันจะยังช่วยให้เรา
11:05
to stay human,
247
650000
2000
ยังคงลักษณะความเป็นมนุษย์
11:07
to be more connected to our physical world.
248
652000
3000
ที่ติดต่อกับโลกวัตถุจริง ให้มากขึ้น
11:13
And it will actually help us not end up being machines
249
658000
3000
มันจะช่วยให้เรา ไม่ต้องจบลงด้วยความรู้สึกเหมือนเครื่องจักร
11:16
sitting in front of other machines.
250
661000
2000
ที่นั่งอยู่หน้าเครื่องจักรอื่นๆ
11:18
That's all. Thank you.
251
663000
3000
ขอจบเพียงเท่านี้ ของคุณครับ
11:21
(Applause)
252
666000
14000
(เสียงปรบมือ)
11:35
Thank you.
253
680000
1000
ขอบคุณครับ
11:36
(Applause)
254
681000
3000
(เสียงปรบมือ)
11:39
Chris Anderson: So, Pranav,
255
684000
1000
เอาหล่ะ ปรานาพ
11:40
first of all, you're a genius.
256
685000
3000
อย่างแรกเลย คุณคืออัจฉริยะ
11:43
This is incredible, really.
257
688000
3000
และนี่เป็นสิ่งที่น่าทึ่งมากๆ จริงๆนะ
11:46
What are you doing with this? Is there a company being planned?
258
691000
3000
ตอนนี้คุณทำอะไรอยู่ มีการวางแผนจะทำบริษัทรึเปล่า?
11:49
Or is this research forever, or what?
259
694000
2000
หรือมันจะเป็นพวกงานวิจัยแบบตลอดการ? หรืออะไรครับ?
11:51
Pranav Mistry: So, there are lots of companies --
260
696000
2000
ที่จริงแล้วก็มีหลายบริษัท
11:53
actually sponsor companies of Media Lab --
261
698000
1000
ที่ให้การสนับสนุนห้องทดสอง 'มีเดียแล็ป'
11:54
interested in taking this ahead in one or another way.
262
699000
3000
และสนใจที่จะดำเนินการในทางใดทางหนึ่งต่อไป
11:57
Companies like mobile phone operators
263
702000
2000
เช่นบริษัทโทรศัพท์โครงข่ายมือถือ
11:59
want to take this in a different way than the NGOs in India,
264
704000
3000
ต้องการที่จะนำไปใช้ในแนวทางอื่นที่ที่ต่างจากกลุ่ม เอ็นจีโอ ในอินเดีย
12:02
[who] are thinking, "Why can we only have 'Sixth Sense'?
265
707000
3000
ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความคิดว่า ทำไมเราจำกัดให้มีแค่สัมผัสที่หก?
12:05
We should have a 'Fifth Sense' for missing-sense people
266
710000
2000
เราควรที่จะมี 'สัมผัสที่ห้า' สำหรับบุคคลที่มีปัญหาด้านประสาทสัมผัส
12:07
who cannot speak.
267
712000
1000
เช่น ผู้ที่ไม่สามารถพูดได้
12:08
This technology can be used for them to speak out in a different way
268
713000
3000
เทคโนโลยีนี้สามารถใช้เพื่อให้บุคคลเหล่านั้นให้สามารถติดต่อสื่อสารในวิธีที่ต่างออกไป
12:11
with maybe a speaker system."
269
716000
1000
อาจจะมีระบบช่วยพูดเพิ่มขึ้นมา
12:12
CA: What are your own plans? Are you staying at MIT,
270
717000
3000
แล้วแผนของคุณเองล่ะ คุณจะอยู่ที่เอ็มไอทีต่อไปไหม
12:15
or are you going to do something with this?
271
720000
1000
หรือว่าคุณกำลังจะทำอย่างอื่น?
12:16
PM: I'm trying to make this more available to people
272
721000
2000
ผมพยายามที่จะทำให้มันสามารถเข้าถึงได้มากกว่านี้
12:18
so that anyone can develop their own SixthSense device,
273
723000
3000
เพื่อจะให้ทุกคน สามารถพัฒนาอุปกรณ์สัมผ้สที่หกด้วยตัวเองได้
12:21
because the hardware is actually not that hard to manufacture
274
726000
5000
เพราะมันชิ้นส่วนที่ใช้นั้นไม่ยากนักที่จะประกอบเอง
12:26
or hard to make your own.
275
731000
2000
หรือไม่ยากที่จะสร้างด้วยตัวคุณเอง
12:28
We will provide all the open source software for them,
276
733000
2000
เราจะมอบโปรแกรมซึ่งอนุญาตให้แก้ไขปรับปรุงได้ (open source)แก่พวกเขาแน่นอนอยู่แล้ว
12:30
maybe starting next month.
277
735000
2000
บางที่อาจจะเริ่มประมาณเดือนหน้า
12:32
CA: Open source? Wow.
278
737000
2000
โปรแกรมซึ่งอนุญาตให้แก้ไขปรับปรุงได้หรือ มันเป็นสิ่งที่วิเศษมาก
12:34
(Applause)
279
739000
5000
(เสียงปรบมือ)
12:39
CA: Are you going to come back to India with some of this, at some point?
280
744000
3000
คุณจะกลับไปอินเดีย พร้อมๆกับนำสิ่งนี้ด้วยรึเปล่า?
12:42
PM: Yeah. Yes, yes, of course.
281
747000
2000
ครับๆ แน่นอน
12:44
CA: What are your plans? MIT?
282
749000
2000
อะไรคือแผนของคุณตอนนี้? อยู่ที่เอ็มไอ?
12:46
India? How are you going to split your time going forward?
283
751000
2000
หรือว่าอินเดีย? คุณจะแบ่งเวลากับอนาคตข้างหน้าไว้อย่างไร?
12:48
PM: There is a lot of energy here. Lots of learning.
284
753000
3000
ที่นี่ยังมีพลังงาน เพื่อการเรียนรู้อยู่อีกมากมาย
12:51
All of this work that you have seen is all about
285
756000
2000
ทุกอย่างที่คุณเห็นวันนี้ เป็น
12:53
my learning in India.
286
758000
2000
การเรียนรู้ของผมในอินเดีย
12:55
And now, if you see, it's more about the cost-effectiveness:
287
760000
3000
และตอนนี้ คุณคงเห็นแล้วว่า มันจะมีประเด็นเรื่องของราคาเข้ามาเกี่ยวข้อง
12:58
this system costs you $300
288
763000
2000
เจ้าระบบนี้มีราคาประมาณ 300 ดอลลาร์
13:00
compared to the $20,000 surface tables, or anything like that.
289
765000
3000
เปรียบเที่ยบกับอุปกรณ์โต๊ะสัมผัสซึ่งมีราคา 20,000 ดอลลาร์ หรืออะไรประมาณนั้น
13:03
Or maybe even the $2 mouse gesture system
290
768000
3000
หรือแม้แต่กระทั่ง เปรียบเที่ยบกับเครื่องเลียนแบบท่าทางจากเมาส์ราคา 2 ดอลลาร์
13:06
at that time was costing around $5,000?
291
771000
3000
ตอนนั้นมันมีราคาประมาณ 5,000 ดอลลาร์
13:09
So, we actually -- I showed that, at a conference, to
292
774000
4000
ซึ่งจริงๆ แล้วที่เราจัดแสดงในห้องประชุมกับ
13:13
President Abdul Kalam, at that time,
293
778000
2000
ท่านประธาธิบดีอับดุล กาลาม ในขณะนั้น
13:15
and then he said, "OK, we should use this in Bhabha Atomic Research Centre
294
780000
3000
และท่านก็กล่าวว่า โอเค เราควรจะใช้มันในศูนย์วิจัยบาบาร์อะตอมมิค
13:18
for some use of that."
295
783000
2000
ในบางส่วน
13:20
So I'm excited about how I can bring the technology to the masses
296
785000
3000
จากความคิดนั้นผมรู้สึกตื่นเต้น ว่าผมจะนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในกับคนจำนวนมากได้อย่างไร
13:23
rather than just keeping that technology in the lab environment.
297
788000
3000
แทนที่จะเก็บเทคโนโลยีนั้นไว้ใช้เพียงแค่ในห้องทดลอง
13:26
(Applause)
298
791000
4000
(เสียงปรบมือ)
13:30
CA: Based on the people we've seen at TED,
299
795000
3000
จากการได้สัมผัสกับบุคคลที่เราเห็นในเท็ด
13:33
I would say you're truly one of the two or three
300
798000
1000
ผมอยากจะบอกว่า คุณคือหนึ่งในสองหรือสามคน
13:34
best inventors in the world right now.
301
799000
2000
ที่เป็นนักประดิษฐ์ที่ดีที่สดในโลกขณะนี้
13:36
It's an honor to have you at TED.
302
801000
2000
เป็นเกียรติ์อย่างยิ่งที่คุณมาพูดใน TED วันนี้
13:38
Thank you so much.
303
803000
2000
ขอบคุณมาก
13:40
That's fantastic.
304
805000
1000
มันวิเศษที่สุด
13:41
(Applause)
305
806000
4000
(เสียงปรบมือ)
ABOUT THE SPEAKER
Pranav Mistry - Director of research, Samsung Research AmericaAs an MIT grad student, Pranav Mistry invented SixthSense, a wearable device that enables new interactions between the real world and the world of data.
Why you should listen
When Pranav Mistry was a PhD student in the Fluid Interfaces Group at MIT's Media Lab, he worked with lab director Pattie Maes to create some of the most entertaining and thought-provoking interfaces the world had ever seen. And not just computer interfaces, mind you -- these are ways to help the digital and the actual worlds interface. Imagine: intelligent sticky notes, Quickies, that can be searched and can send reminders; a pen that draws in 3D; and TaPuMa, a tangible public map that can act as Google of physical world. And of course the legendary SixthSense, which is now open sourced
Before his studies at MIT, he worked with Microsoft as a UX researcher; he's a graduate of IIT. Now, as director of research at Samsung Research America, Mistry heads the Think Tank Team, an interdisciplinary group of researchers that hunts for new ways to mix digital informational with real-world interactions. As an example, Mistry launched the company's smartwatch, the Galaxy Gear, in 2013.
Pranav Mistry | Speaker | TED.com