Russ Altman: What really happens when you mix medications?
รัส อัลท์แมน (Russ Altman): เกิดอะไรขึ้นเมื่อคุณใช้ยาแบบผสมผสาน
Russ Altman uses machine learning to better understand adverse effects of medication. Full bio
Double-click the English transcript below to play the video.
and get some tests.
that you have high cholesterol
from medication to treat it.
that this is going to work.
a lot of studies, submitted it to the FDA.
ที่ถูกส่งผลไปยังองค์กรอาหารและยา
skeptically, they approved it.
เป็นขั้นตอน และพวกเขารับรองมัน
ว่ามันทำงานอย่างไร
of what the side effects are.
มันมีผลข้างเคียงอย่างไร
of a conversation with your physician
because you've been blue,
เพราะว่าคุณดูเศร้า ๆ
in life quite as much as you usually do.
ได้มากเท่าที่คุณเคยเป็น
I think you have some depression.
ผมคิดว่าคุณเป็นโรคซึมเศร้า
you another pill."
about two medications.
of people have taken it,
the FDA looked at it -- all good.
ตรวจสอบมัน -- เป็นยาที่ดี
these two together?
มากแค่ไหน
"post-marketing surveillance,"
"การควบคุมหลังการขาย"
if bad things are happening
ว่ากำลังเกิดเรื่องร้าย ๆ ขึ้น
who has several diagnoses
ที่ผ่านการตรวจมาสองสามครั้งก็ได้
and really, in my opinion,
และข้อมูล และความคิดส่วนตัวของผมก็คือ
to understand these interactions
ที่จะเข้าใจปฏิสัมพันธ์เหล่านี้ได้
of different sources of data
ที่มีอยู่มากมาย
when drugs can be used together safely
ยาสามารถใช้ด้วยกันได้อย่างปลอดภัย
วิทยาศาสตร์ข้อมูลกับคุณ
because that's his name.
เพราะว่านั่นเป็นชื่อของเขา
to understand how drugs work
เราต้องทำความเข้าใจต่อการทำงานของยา
and how they work separately,
และการที่มันทำงานแยกกัน
an amazing database.
ได้ทำฐานข้อมูลที่น่าทึ่ง
download it right now --
มันตอนนี้ได้เลย --
of adverse event reports
companies, pharmacists.
that the patient has,
or side effects, that they experience.
ที่พวกเขาเจอ
that are occurring in America today,
ที่เกิดขึ้นในอเมริกาทุกวันนี้
of thousands of drugs.
and we know it's involved with diabetes.
และเรารู้ว่ามันเกี่ยวข้องกับเบาหวาน
glucose response.
หรือเปล่า
look at the side effects of a drug
ที่สามารถดูผลข้างเคียงของยา
is likely to change glucose or not."
ยานั้นน่าจะเปลี่ยนระดับกลูโคสได้หรือไม่"
that were known to change glucose
ที่เรารู้ว่ามันเปลี่ยนระดับกลูโคส
that don't change glucose,
ที่ไม่มีผลในการเปลี่ยนระดับกลูโคส
in their side effects?
มีอะไรที่ต่างกัน
In urination habits?"
หรือพฤติกรรมการขับปัสสาวะ"
to give him a really good predictor.
ให้เขาเป็นนักคาดคะเนชั้นเลิศ
with 93 percent accuracy
ที่ระดับความแม่นยำ 93 เปอร์เซ็นต์
you have to build his confidence.
เราต้องเสริมความม้่นใจให้เขาหน่อย
knows all the drugs that change glucose,
จะเปลี่ยนระดับกลูโคส
ของงานของเราอยู่แล้ว
but not really that interesting,
I thought you might say that."
ผมคิดว่าคุณอาจพูดแบบนั้น"
so I did one other experiment.
ผมก็เลยทำการทดลองอีกอัน
who were on two drugs,
คนไหนที่ใช้ยาสองอย่าง
glucose-changing signals,
สัญญาณการเปลี่ยนแปลงระดับกลูโคส
did not change glucose,
จะไม่เปลี่ยนแปลงระดับกลูโคส
ผมจะเห็นสัญญาณที่ชัดเจน"
Good idea. Show me the list."
ความคิดเจ๋งมาก ขอผมดูหน่อยสิ"
not very exciting.
ไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไร
was, on the list there were two drugs:
ในรายการนั้นมียาสองอย่าง
ยาต้านอาการซึมเศร้า
a cholesterol medication.
ยาที่ใช้รักษาอาการที่เกี่ยวกับคลอเรสเตอรอล
of Americans on those two drugs."
ที่ใช้ยานั่น"
at the time, 15 million on pravastatin,
ในเวลานั้น อีก 15 ล้านคนใช้พราวาสตาติน
with their glucose
that he did in the FDA database
ที่เขาสร้างขึ้นในฐานข้อมูลองค์กรอาหารและยา
with the mumbo jumbo,
evidence that we have."
มันไม่ใช่หลักฐานตามมาตราฐานจริง ๆ"
electronic medical record.
ของสแตนฟอร์ดดีกว่า
that's OK for research,
on these two drugs
คนที่ใช้ยาสองชนิดนี้
and thousands of people
that take paroxetine and pravastatin.
ที่ใช้ยาพารอกซิทิน และพราวาสตาติน
and had a glucose measurement,
และได้รับการวัดระดับกลูโคส
another glucose measurement,
และได้รับการวัดระดับกลูโคสอีกครั้ง
something like two months.
-- ในเวลาประมาณสองเดือน
we found 10 patients.
had a bump in their glucose
มีระดับกลูโคสที่ลดลง
we call this P and P --
พวกเราเรียกมันว่า พี และ พี --
the second one comes up,
และตัวที่สองก็คืออีกตัวหนึ่ง
20 milligrams per deciliter.
20 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร
if you're not diabetic,
ถ้าคุณไม่เป็นเบาหวาน
about a potential diagnosis of diabetes.
การวินิจฉัยเกี่ยวกับเบาหวานที่น่าจะเป็นไปได้
ค่อนข้างมีนัยสำคัญ
don't have a paper,
เรายังไม่สามารถตีพิมพ์ได้
and -- give me a break --
-- เดี๋ยวก่อนนะ --
at Harvard and Vanderbilt,
ที่ฮาร์วาร์ดและวานเดอร์บิลท์
Vanderbilt in Nashville,
วานเดอร์บิลท์ในแนชวิล
medical records similar to ours.
ที่คล้ายกับของเรา
similar patients
คนไข้ที่คล้าย ๆ กันหรือเปล่า
the glucose measurements
และมีผลระดับกลูโคส
in one week found 40 such patients,
พบคนไข้แบบนั้น 40 รายในหนึ่งสัปดาห์
ที่มีรูปแบบเดียวกัน
from three diverse medical centers
จากบันทึกทางการแพทย์ต่าง ๆ สามแห่ง
getting these two drugs
ผู้ป่วยที่ใช้ยาสองอย่างนี้
somewhat significantly.
ที่ค่อนข้างมีนัยสำคัญ
we had left out diabetics,
เราได้ตัดผู้ที่เป็นเบาหวานออกไป
have messed up glucose.
ทำระดับกลูโคสยุ่งเหยิงอยู่แล้ว
at the glucose of diabetics,
per deciliter, not just 20.
ไม่ใช่เพียง 20
"We've got to publish this."
"เราต้องตีพิมพ์สิ่งนี้"
ข้อมูลจากสแตนฟอร์ด
ข้อมูลจากฮาร์วาร์ด
was in review, went to the lab.
นิคก็เลยไปที่ห้องทดลอง
who knew about lab stuff.
but I don't do pipettes.
one P, paroxetine.
พารอกซิทินกับพวกมัน
of mice both of them.
20 to 60 milligrams per deciliter
20 ถึง 60 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร
based on the informatics evidence alone,
โดยหลักฐานทางข้อมูลเพียงอย่างเดียว
if you give these to mice, it goes up.
ถ้าคุณให้ยากับหนู ระดับมันจะเพิ่มขึ้น
could have ended there.
thinking about all of this,
of it, but somebody said,
แต่ใครสักคนพูดว่า
who are taking these two drugs
of hyperglycemia.
ของการมีกลูโคสมากนี้ไหม
one new medication or two,
or the one drug you're taking,
หรือยาตัวหนึ่งที่คุณใช้
their search logs with us,
ผลการป้อนคำค้นหากับเราไหม
these kinds of searches.
อะไรพวกนี้หรือเปล่า
denied our request.
กูเกิลปฏิเสธคำขอของเรา
who works at Microsoft Research
กับเพื่อนร่วมงานที่ไมโครซอร์ฟ รีเซิร์ช
the Bing searches."
companies in the world,
ที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง
to make him feel better.
you might not understand.
to do searches at Google,
ทำการค้นหาในกูเกิล
for research purposes only."
ในการวิจัยเท่านั้น เป็นเวลา 18 เดือน"
my friend at Microsoft.
เพื่อนของผมที่ไมโครซอร์ฟ
that a regular person might type in
ที่คนทั่วไปจะพิมพ์
"urinating a lot," "peeing a lot" --
"ปัสสาวะมาก" "ฉี่เยอะ" --
of the things you might type in.
that we called the "diabetes words."
ที่เรียกว่า "คำที่เกี่ยวกับเบาหวาน"
that about .5 to one percent
involve one of those words.
ใช้คำที่เกี่ยวข้องกับคำพวกนี้
or "Paxil" -- those are synonyms --
หรือ "พาซิล" -- นั่นเป็นคำเหมือนนะครับ --
of diabetes-type words,
จะสูงขึ้นถึงประมาณสองเปอร์เซ็นต์
that there's that "paroxetine" word.
อยู่ด้วย
to about three percent from the baseline.
จะสูงจากเส้นล่างถึงสามเปอร์เซ็นต์
are present in the query,
"พราวาสตาติน" อยู่ในข้อความค้นหา
that we were interested in,
ที่เราสนใจ
or hyperglycemia-type words.
หรือคำที่เกี่ยวข้องกับภาวะน้ำตาลสูง
their side effects indirectly
ถึงผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นพวกเขา
to the attention of the FDA.
surveillance programs
ทางสื่อสังคมออนไลน์
for doing this, and others,
สำหรับการทำงานนี้และงานอื่น ๆ
either individually or together,
ที่ยาไม่ว่าจะเป็นการใช้เดี่ยวหรือใช้ร่วมกัน
Why tell this story?
ทำไมผมต้องมาเล่าเรื่องนี้ด้วย
of big data and medium-sized data
และข้อมูลขนาดกลาง
a new ecosystem
and to optimize their use.
และเพื่อปรับการใช้พวกมันให้เหมาะสม
at Columbia now.
ตอนนี้เขาเป็นศาสตราจารย์ที่โคลัมเบียแล้ว
for hundreds of pairs of drugs.
โดยการดูยาหลายร้อยคู่
very important interactions,
ในยาบางคู่
is a way that really works
of drugs at a time.
on three, five, seven, nine drugs.
ที่ใช้ยาสาม , ห้า, เจ็ด, เก้าอย่าง
to their nine-way interaction?
ปฎิสัมพันธ์ทั้งเก้าทางนั้นหรือเปล่า
A and B, A and C, A and D,
A และ B A และ C A และ D ได้
D, E, F, G all together,
more effective or less effective
มีประสิทธิภาพมากขึ้นก็น้อยลง
that are unexpected?
for us to use data
ทุ่งหญ้ากว้างไกล สำหรับเราที่จะใช้ข้อมูล
the interaction of drugs.
that we were able to generate
ที่เราจะสามารถสร้างได้
volunteered their adverse reactions
ข้อมูลผลร้ายที่เกิดขึ้น
through themselves, through their doctors,
ผ่านตัวพวกเขาเอง ผ่านแพทย์ของพวกเขา
at Stanford, Harvard, Vanderbilt,
กับสแตนฟอร์ด ฮาร์วาร์ด แวนเดอร์บิลท์
and security -- they should be.
และความปลอดภัย -- พวกเขาก็ควรครับ
that closes that data off,
ที่ปิดตายข้อมูลเหล่านั้นได้
and it was a little bit of a sad story.
และมันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าเสียใจ
the two drugs very carefully together,
ในการใช้ยาสองตัวนี้ด้วยกัน
when you're prescribing.
เมื่อคุณเขียนใบสั่งยา
two drugs or three drugs
of causing a side effect,
ที่ใหม่และก้าวหน้า
for depression, for diabetes --
สำหรับโรคซึมเศร้า สำหรับเบาหวาน --
TED Talk on a different day,
ในวันอื่น ๆ
of drugs in combination
ที่มีประสิทธิภาพได้อย่างไร
of our patients even better?
ได้ดีขึ้น
ABOUT THE SPEAKER
Russ Altman - Big data techno-optimist and internistRuss Altman uses machine learning to better understand adverse effects of medication.
Why you should listen
Professor of bioengineering, genetics, medicine and computer science at Stanford University, Russ Altman's primary research interests are in the application of computing and informatics technologies to problems relevant to medicine. He is particularly interested in methods for understanding drug actions at molecular, cellular, organism and population levels, including how genetic variation impacts drug response.
Altman received the U.S. Presidential Early Career Award for Scientists and Engineers, a National Science Foundation CAREER Award and Stanford Medical School's graduate teaching award. He has chaired the Science Board advising the FDA Commissioner and currently serves on the NIH Director’s Advisory Committee. He is a clinically active internist, the founder of the PharmGKB knowledge base, and advisor to pharmacogenomics companies.
Russ Altman | Speaker | TED.com