TED2002
Nathaniel Kahn: Scenes from "My Architect"
นาธาเนียล คาห์น กล่าวถึงภาพยนตร์สารคดีเรื่อง "My Architect"
Filmed:
Readability: 2.9
393,267 views
นาธาเนียล คาห์น แบ่งปันส่วนหนึ่งของภาพยนตร์สารคดีของเขา "My Architect" ซึ่งเกี่ยวกับการเดินทางเพื่อเข้าใจพ่อของเขา ผู้เป็นสถาปนิกชื่อก้องโลก หลุยส์ คาห์น ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่มีความหมายมากสำหรับผู้ต้องการเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างศิลปะและความมรัก
Nathaniel Kahn - Filmmaker
Nathaniel Kahn is an Oscar- and Emmy-nominated maker of documentary films. His journey to understand his distant father -- the legendary modern architect Louis Kahn -- became the film "My Architect." Full bio
Nathaniel Kahn is an Oscar- and Emmy-nominated maker of documentary films. His journey to understand his distant father -- the legendary modern architect Louis Kahn -- became the film "My Architect." Full bio
Double-click the English transcript below to play the video.
00:12
One thing I wanted to say about film making is -- about this film --
0
0
3000
สิ่งหนึ่งที่อยากจะพูดเกี่ยวกับการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ คือ
00:15
in thinking about some of the wonderful talks we've heard here,
1
3000
4000
เมื่อลองคิดถึงการบรรยายอันยอดเยื่ยมต่างๆ เราได้ยินที่นี่
00:19
Michael Moschen, and some of the talks about music,
2
7000
2000
อย่างไมเคิล โมเชน หรือการบรรยายเกี่ยวกับดนตรี
00:21
this idea that there is a narrative line,
3
9000
3000
แนวคิดในการใช้บทบรรยาย
00:24
and that music exists in time.
4
12000
3000
และแนวคิดที่ว่าดนตรีคงอยู่คู่กาลเวลา
00:27
A film also exists in time; it's an experience
5
15000
3000
ภาพยนตร์ก็เหมือนกัน เช่นเดียวกันกับประสบการณ์
00:30
that you should go through emotionally.
6
18000
3000
ที่เราควรรับรู้ผ่านอารมณ์
00:33
And in making this film I felt that so many of the documentaries I've seen
7
21000
2000
ตอนที่ทำภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมย้อนไปคิดว่าหนังสารคดีส่วนใหญ่ที่เคยดู
00:35
were all about learning something,
8
23000
3000
เป็นเรื่องเกี่ยวกับการได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง
00:38
or knowledge, or driven by talking heads, and driven by ideas.
9
26000
4000
ที่เดินเรื่องโดยผู้ประกาศ หรือเดินเรื่องด้วยแนวคิดต่างๆ
00:42
And I wanted this film to be driven by emotions,
10
30000
3000
และผมอยากให้ภาพยนตร์ของผมเดินเรื่องด้วยอารมณ์ความรู้สึก
00:45
and really to follow my journey.
11
33000
2000
ให้เหมือนเดินตามการเดินทางของผมจริงๆ
00:47
So instead of doing the talking head thing, instead it's composed of scenes,
12
35000
3000
ดังนั้นแทนที่จะมีคนนั่งบรรยายปาวๆ ก็เป็นประกอบด้วยฉากต่างๆไป
00:50
and we meet people along the way.
13
38000
2000
ผู้คนที่เราเจอระหว่างทาง
00:52
We only meet them once.
14
40000
2000
เราเจอแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
00:54
They don't come back several times, so it really chronicles a journey.
15
42000
3000
พวกเขาจะไม่กลับมาปรากฎอีก เป็นการเดินทางที่เกิดตามเวลาจริง
00:57
It's something like life, that once you get in it
16
45000
3000
เหมือนในชีวิต ที่เมื่อคุณก้าวเข้ามาแล้ว
01:00
you can't get out.
17
48000
2000
คุณจะถอยกลับออกไปไม่ได้
01:02
There are two clips I want to show you,
18
50000
2000
มีวิดีโอสองคลิปที่ผมอยากให้คุณดู
01:04
the first one is a kind of hodgepodge,
19
52000
3000
คลิปแรกเป็นเหมือนจับฉ่าย
01:07
its just three little moments, four little moments
20
55000
3000
ของช่วงเวลาสั้นๆสามสี่ช่วง
01:10
with three of the people who are here tonight.
21
58000
2000
กับคนสามคนที่อยู่กับเราในคืนนี้
01:12
It's not the way they occur in the film,
22
60000
2000
ซึ่งไม่ใช่เพราะพวกเขามีส่วนร่วมในภาพยนตร์นี้
01:14
because they are part of much larger scenes.
23
62000
2000
แต่เป็นเพราะพวกเขาล้วนแต่มีบทบาทในฉากที่ใหญ่กว่า
01:16
They play off each other in a wonderful way.
24
64000
3000
สิ่งที่พวกเขาพูด เติมเต็มให้กันและกันอย่างยอดเยี่ยม
01:19
And that ends with a little clip of my father, of Lou,
25
67000
2000
และในตอนท้ายสุดเป็นคลิปของคุณพ่อของผม ลูห์
01:21
talking about something that is very dear to him,
26
69000
2000
พูดเกี่ยวกับบางอย่างที่เขารักมาก
01:23
which is the accidents of life.
27
71000
2000
ซึ่งเป็นอุบัติเหตุในชีวิต
01:25
I think he felt that the greatest things in life were accidental,
28
73000
3000
ผมคิดว่าเขาเห็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเกิดโดยอุบัติเหตุ
01:28
and perhaps not planned at all.
29
76000
3000
ไม่ได้วางแผนก่อนเลย
01:31
And those three clips will be followed by a scene of
30
79000
4000
และคลิปต่อจากนั้นจะเป็นภาพบรรยากาศของอาคาร
01:35
perhaps what, to me, is really his greatest building
31
83000
2000
ที่อาจจะเป็น หรือที่ผมเห็นว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา
01:37
which is a building in Dhaka, Bangladesh.
32
85000
2000
ซึ่งก็คืออาคารในเมืองดักกา ประเทศบังคลาเทศ
01:39
He built the capital over there.
33
87000
3000
เขาได้สร้างรัฐสภาให้ที่นั่น
01:42
And I think you'll enjoy this building, it's never been seen --
34
90000
2000
ผมคิดว่าคุณคงดีใจที่ได้เห็น เพราะมันไม่เคยถูกเผยที่ไหนมาก่อน
01:44
it's been still photographed, but never photographed by a film crew.
35
92000
5000
เคยมีการถ่ายภาพนิ่ง แต่ไม่เคยมีการถ่ายเป็นภาพเคลื่อนไหวมาก่อน
01:49
We were the first film crew in there.
36
97000
3000
เราเป็นทีมแรกที่ได้เข้าไปถ่ายทำ
01:52
So you'll see images of this remarkable building.
37
100000
3000
คุณจะได้เห็นภาพอาคารที่น่าทึ่งนี้
01:55
A couple of things to keep in mind when you see it,
38
103000
2000
และระหว่างที่คุณดูมีสองสิ่งที่ผมอยากให้คุณคิดถึง
01:57
it was built entirely by hand,
39
105000
2000
อาคารนี้สร้างขึ้นด้วยมือทั้งหมด
01:59
I think they got a crane the last year.
40
107000
4000
ผมว่าพวกเขาเพิ่งมีปั้นจั่นเมื่อปีกลาย
02:03
It was built entirely by hand off bamboo scaffolding,
41
111000
3000
อาคารถูกสร้างขึ้นด้วยมือ บนนั่งร้านไม่ไผ่
02:06
people carrying these baskets of concrete on their heads,
42
114000
2000
คนงานทูลตระกร้าใส่คอนกรีตไว้บนศีรษะ
02:08
dumping them in the forms.
43
116000
2000
แล้วเทมันใส่แบบ
02:10
It is the capital of the country,
44
118000
2000
อาคารนี้เป็นดั่งศูนย์กลางของเมือง
02:12
and it took 23 years to build,
45
120000
3000
ใช้เวลาสร้างทั้งหมด 23 ปี
02:15
which is something they seem to be very proud of over there.
46
123000
3000
เป็นสิ่งที่พวกเขาภาคภูมิใจกันมาก
02:18
It took as long as the Taj Mahal.
47
126000
2000
ใช้เวลาสร้างนานพอๆ กับทัชมาฮาล
02:20
Unfortunately it took so long that Lou never saw it finished.
48
128000
3000
น่าเศร้าที่มันใช้เวลานานเสียจนลูห์ไม่มีโอกาสได้เห็นตอนสร้างเสร็จ
02:23
He died in 1974.
49
131000
3000
ลูห์เสียชีวิตเมื่อปี ค.ศ.1974
02:26
The building was finished in 1983.
50
134000
3000
อาคารสร้างเสร็จเมื่่อปี ค.ศ.1983
02:29
So it continued on for many years
51
137000
2000
หลายปีให้หลังที่มีคนสร้างมันต่อ
02:31
after he died.
52
139000
3000
หลังจากเขาตาย
02:34
Think about that when you see that building,
53
142000
2000
นั่นคือสิ่งที่ผมอยากให้คุณนึกถึงเมื่อคุณเห็นอาคารหลังนั้น
02:36
that sometimes the things we strive for so hard in life we never get to see finished.
54
144000
4000
คิดว่าบางครั้งสิ่งที่เราพยายามอย่างยากลำบาก กลับไม่มีโอกาสเห็นมันเสร็จสมบูรณ์
02:40
And that really struck me about my father,
55
148000
4000
นี้เป็นสิ่งผมที่ประทับใจเกี่ยวกับพ่อ
02:44
in the sense that he had such belief
56
152000
2000
เขามีความเชื่ออย่างแรงกล้า
02:46
that somehow, doing these things
57
154000
2000
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาทำเรื่องพวกนี้
02:48
giving in the way that he gave, that something good would come out of it,
58
156000
3000
เขาให้ในแบบที่เขาให้ เหมือนเขาเชื่อว่าจะต้องเกิดสิ่งดีๆขึ้นจากสิ่งที่ทำลงไป
02:51
even in the middle of a war, there was a war with Pakistan at one point,
59
159000
2000
แม้กระทั่งในเวลาสงคราม สงครามที่เกิดระหว่างบังคลาเทศกับปากีสถาน
02:53
and the construction stopped totally and he kept working,
60
161000
3000
ทำให้การก่อสร้างหยุดชะงัก แต่เขายังคงทำงานต่อไป
02:56
because he felt, "Well when the war is done
61
164000
2000
เพราะเขารู้ว่า เมื่อสงครามสงบลง
02:58
they'll need this building."
62
166000
3000
ประชาชนจะต้องการสิ่งนี้
03:01
So, those are the two clips I'm going to show.
63
169000
2000
เอาล่ะ นี่เป็นสองคลิปที่ผมจะให้คุณดู
03:03
Roll that tape.
64
171000
3000
เดินเทปได้เลยครับ
03:06
(Applause)
65
174000
7000
(เสียงปรบมือ)
03:14
Richard Saul Wurman: I remember hearing him talk at Penn.
66
182000
3000
ริชาร์ด ซาวล์ เวอร์แมน: ผมจำได้ว่าเคยฟังเขาบรรยายที่มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย
03:17
And I came home and I said to my father and mother,
67
185000
3000
วันนั้น พอกลับมาบ้านผมพูดกับพ่อกับแม่ว่า
03:20
"I just met this man: doesn't have much work,
68
188000
3000
"ผมเพิ่งรู้จักคนคนหนึ่ง เขายังไม่มีผลงานมากนัก
03:23
and he's sort of ugly, funny voice,
69
191000
4000
แถมหน้าตายังออกจะน่าเกลียด แล้วเสียงก็ตลกๆ
03:27
and he's a teacher at school.
70
195000
2000
เขาเป็นอาจารย์ที่โรงเรียน
03:29
I know you've never heard of him, but just mark this day
71
197000
3000
ผมรู้ว่าพ่อกับแม่ไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขา แต่ผมจะบอกไว้ตอนนี้เลยนะ
03:32
that someday you will hear of him,
72
200000
3000
ว่าสักวันจะต้องได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเขาแน่ๆ
03:35
because he's really an amazing man."
73
203000
3000
เพราะเขาเป็นคนน่ามหัศจรรย์จริงๆ"
03:38
Frank Gehry: I heard he had some kind of a fling with Ingrid Bergman. Is that true?
74
206000
6000
แฟรงค์ แกรี: ผมเคยได้ยินว่าเขาไปกิ๊กกับ อิงกริด เบิร์กแมน ตกลงจริงรึเปล่า?
03:44
Nathaniel Kahn: If he did he was a very lucky man.
75
212000
2000
นาธาเนียล คาห์น: ถ้าเป็นจริงเขาจะเป็นผู้ชายที่โชคดีมากครับ
03:46
(Laughter)
76
214000
2000
(เสียงหัวเราะ)
03:48
NK: Did you hear that, really?
77
216000
1000
นาธาเนียล คาห์น: คุณเคยได้ยินจริงๆเหรอครับ?
03:49
FG: Yeah, when he was in Rome.
78
217000
3000
แฟรงค์ แกรี: จริงๆแหละ ตอนเขาอยู่ที่กรุงโรม
03:52
Moshe Safdie: He was a real nomad.
79
220000
3000
โมเซ ซาฟดี: เขาเป็นคนชีพจรลงเท้า
03:55
And you know, when I knew him when I was in the office,
80
223000
2000
รู้มั๊ย ตอนที่ผมรู้จักกับเขา ตอนที่ทำงานที่ออฟฟิศ
03:57
he would come in from a trip, and he would be in the office
81
225000
2000
พอเขากลับมาจากการเดินทาง เขาจะทำงานอยู่ที่ออฟฟิศ
03:59
for two or three days intensely, and he would pack up and go.
82
227000
3000
อย่างมากก็สองสามวันเท่านั้นแหละ แล้วเขาก็เก็บข้าวเก็บของเตรียวตัวจะไปอีก
04:02
You know he'd be in the office till three in the morning working with us
83
230000
4000
เขาจะทำงานอยู่กับเราดึกดื่นถึงตีสามตีสี่
04:06
and there was this kind of sense of the nomad in him.
84
234000
2000
มีนิสัยนักเพนจรในตัวเขา
04:08
I mean as tragic as his death was in a railway station,
85
236000
6000
ไม่ว่าการตายของเขาที่สถานีรถไฟจะน่าโศกสลดแค่ไหน
04:14
it was so consistent with his life, you know?
86
242000
2000
เขาเดินทางไปนู้นมานี่อยู่เสมอๆ
04:16
I mean I often think I'm going to die in a plane,
87
244000
2000
คือ..ผมคิดอยู่บ่อยๆว่าถ้าวันหนึ่งผมเกิดตายในเครื่องบินขึ้นมาล่ะ
04:18
or I'm going to die in an airport,
88
246000
2000
หรือว่าที่สนามบิน
04:20
or die jogging without an identification on me.
89
248000
3000
หรือว่าตอนกำลังวิ่งออกกำลังกาย โดยที่ไม่มีบัตรประจำตัวอะไรติดตัวอยู่
04:23
I don't know why I sort of carry that
90
251000
2000
ไม่รู้ทำไมสินะ ผมพกมันติดตัวอยู่ตลอดเลย
04:25
from that memory of the way he died.
91
253000
3000
เพราะผมจำได้ว่าเขาตายอย่างไร
04:28
But he was a sort of a nomad at heart.
92
256000
5000
แต่นั่นก็แหละ จิตใจของเขาเป็นนักเพนจร
04:33
Louis Kahn: How accidental our existences are really
93
261000
3000
หลุยส์ คาห์น: ชีวิตเรามันช่างเป็นเหมือนอุบัติเหตุจริง
04:36
and how full of influence by circumstance.
94
264000
4000
และก็ช่างเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจจากสถานการณ์ต่างๆ
05:56
Man: We are the morning workers who come, all the time, here
95
344000
5000
ผู้ชาย: พวกเรามาเดินออกกำลังกายที่นี่เป็นประจำ
06:01
and enjoy the walking, city's beauty and the atmosphere
96
349000
4000
เรามีความสุขที่ได้เห็นความงดงามของเมืองและบรรยากาศที่นี่
06:05
and this is the nicest place of Bangladesh.
97
353000
4000
นี่เป็นที่ที่สวยที่สุดในบังคลาเทศเลยล่ะ
06:09
We are proud of it.
98
357000
2000
พวกเราภูมิใจกับมันมาก
06:11
NK: You're proud of it?
99
359000
2000
นาธาเนียล คาห์น: คุณภูมิใจกับมันเหรอครับ?
06:13
Man: Yes, it is the national image of Bangladesh.
100
361000
3000
ผู้ชาย: ใช่สิ มันเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของบังคลาเทศเลยนะ
06:16
NK: Do you know anything about the architect?
101
364000
3000
นาธาเนียล คาห์น: แล้วคุณเคยรู้เรื่องเกี่ยวกับสถาปนิกที่สร้างบ้างมั๊ยครับ?
06:19
Man: Architect? I've heard about him; he's a top-ranking architect.
102
367000
7000
ผู้ชาย: สถาปนิกเหรอ? ผมเคยได้ยินนะ ได้ยินว่าเขาเป็นสถาปนิกเก่งอันดับต้นๆ
06:26
NK: Well actually I'm here because I'm the architect's son,
103
374000
3000
นาธาเนียล คาห์น: คือ ที่จริงแล้วผมมาที่นี่เพราะผมเป็นลูกชายของสถาปนิกคนนั้น
06:29
he was my father.
104
377000
2000
เขาเป็นพ่อของผม
06:31
Man: Oh! Dad is Louis Farrakhan?
105
379000
2000
ผู้ชาย: ว้าว! พ่อของคุณคือ หลุยส์ เฟอร์ราคาน เหรอ?
06:33
NK: Yeah. No not Louis Farrakhan, Louis Kahn.
106
381000
3000
นาธาเนียล คาห์น: ครับๆ เอ่อ ไม่ใช่ หลุยส์ เฟอร์ราคาน ครับ ที่ถูกคือ หลุยส์ คาห์น
06:36
Man: Louis Kahn, yes!
107
384000
3000
ผู้ชาย: หลุยส์ คาห์น ใช่ๆๆ
06:39
(Laughter)
108
387000
2000
(เสียงหัวเราะ)
06:41
Man: Your father, is he alive?
109
389000
2000
ผู้ชาย: แล้วพ่อของคุณ เขายังมีชีวิตอยู่รึเปล่า?
06:43
NK: No, he's been dead for 25 years.
110
391000
3000
นาธาเนียล คาห์น: ไม่ครับ พ่อเสียไป 25 ปีแล้ว
06:46
Man: Very pleased to welcome you back.
111
394000
3000
ผู้ชาย: ยินดีมากที่คุณกลับมาเยี่ยมนะ
06:49
NK: Thank you.
112
397000
1000
นาธาเนียล คาห์น: ขอบคุณครับ
07:30
NK: He never saw it finished, Pop.
113
438000
2000
นาธาเนียล คาห์น: เขาไม่ได้อยู่เห็นที่นี่ตอนสร้างเสร็จ
07:32
No, he never saw this.
114
440000
3000
เขาไม่เคยได้เห็นภาพนี้
07:57
Shamsul Wares: It was almost impossible, building for a country like ours.
115
465000
4000
ซามซุล วาเรส: มันแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างอาคารในประเทศนี้
08:01
In 30, 50 years back, it was nothing, only paddy fields,
116
469000
4000
เมื่อ 30-50 ปีก่อน ที่นี่ไม่มีอะไรเลยนอกจากทุ่งนา
08:05
and since we invited him here,
117
473000
3000
พอพวกเราเชิญเขามาออกแบบ
08:08
he felt that he has got a responsibility.
118
476000
2000
เขาเลยรู้สึกว่ามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ
08:10
He wanted to be a Moses here, he gave us democracy.
119
478000
3000
เขาอยากเป็นโมเสสของที่นี่ เขานำประชาธิปไตยมาให้เรา
08:13
He is not a political man,
120
481000
2000
เขาไม่ใช่นักการเมือง
08:15
but in this guise he has given us
121
483000
2000
แต่ทว่าบทบาทของเขาได้ทำให้เรา
08:17
the institution for democracy, from where we can rise.
122
485000
3000
ได้มีสถาบันเพื่อฟูมฟักประชาธิปไตย
08:20
In that way it is so relevant.
123
488000
4000
เกี่ยวพันกันอย่างลึกซึ้ง
08:24
He didn't care for how much money this country has,
124
492000
2000
เขาไม่ได้ใส่ใจว่าประเทศนี้มีเงินสักแค่ไหน
08:26
or whether he would be able to ever finish this building,
125
494000
3000
หรือว่าเขาจะสามารถสร้างอาคารนี้ให้สำเร็จได้หรือไม่
08:29
but somehow he has been able to do it, build it, here.
126
497000
3000
แต่เขาก็ทำมันจนได้ สร้างอาคารขึ้นมา ณ ที่ตรงนี้
08:32
And this is the largest project he has got in here, the poorest country in the world.
127
500000
5000
นี่เป็นงานชิ้นใหญ่ที่สุดที่เขาทำที่นี่ ที่ประเทศที่จนที่สุดในโลก
08:37
NK: It cost him his life.
128
505000
2000
นาธาเนียล คาห์น: มันแลกด้วยชีวิตของเขา
08:39
SW: Yeah, he paid. He paid his life for this,
129
507000
3000
ซามซุล วาเรส: ใช่ เขาแลกชีวิตของเขาเพื่อสิ่งนี้
08:42
and that is why he is great and we'll remember him.
130
510000
4000
และนี่แหละคือเหตุผลที่เขายิ่งใหญ่เหลือเกิน และพวกเราจะจดจำเขา
08:46
But he was also human.
131
514000
2000
แต่ในขณะเดียวกันเขาเป็นแค่คนธรรมดา
08:48
Now his failure to satisfy the family life,
132
516000
5000
ที่นี้ ที่ชีวิตครอบครัวเขาล้มเหลว
08:53
is an inevitable association of great people.
133
521000
3000
เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้สำหรับผู้คนที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย
08:56
But I think his son will understand this,
134
524000
3000
แต่ผมหวังว่าลูกชายของเขาจะเข้าใจ
08:59
and will have no sense of grudge,
135
527000
2000
และไม่รู้สึกขุ่นข้องหมองใจ
09:01
or sense of being neglected, I think.
136
529000
3000
หรือรู้สึกถูกทอดทิ้ง
09:04
He cared in a very different manner,
137
532000
3000
ผมว่า เขามีวิธีรักที่แตกต่างออกไป
09:07
but it takes a lot of time to understand that.
138
535000
2000
และมันก็ยากที่จะเข้าใจได้
09:09
In social aspect of his life
139
537000
4000
ในชีวิตสังคมของเขา
09:13
he was just like a child, he was not at all matured.
140
541000
2000
เขาเป็นเหมือนเด็กเล็กคนหนึ่ง ไม่ค่อยมีความเป็นผู้ใหญ่
09:15
He could not say no to anything,
141
543000
2000
เขาปฏิเสธอะไรไม่ลงสักอย่าง
09:17
and that is why, that he cannot say no to things,
142
545000
3000
และนี่แหละคือสาเหตุ เพราะเขาปฏิเสธไม่เป็น
09:20
we got this building today.
143
548000
3000
เราจึงมีอาคารอยู่ที่นี่ในวันนี้
09:23
You see, only that way you can be able to understand him.
144
551000
3000
คุณเห็นมั๊ย นี่คือทางเดียวที่คุณจะเข้าใจเขาได้
09:26
There is no other shortcut,
145
554000
3000
ไม่มีทางอื่นที่ง่ายกว่านี้
09:29
no other way to really understand him.
146
557000
3000
ไม่มีทางอื่นที่จะทำความเข้าใจเขาได้ดีกว่านี้
09:32
But I think he has given us this building
147
560000
8000
แต่ผมว่าที่เขาได้สร้างอาคารหลังนี้ให้เรา
09:40
and we feel all the time for him,
148
568000
2000
ทำให้เรารู้สึกถึงเขาอยู่ตลอดเวลา
09:42
that's why, he has given love for us.
149
570000
3000
เขาได้มอบความรักให้พวกเรา
09:45
He could not probably give the right kind of love for you,
150
573000
3000
เขาอาจไม่สามารถให้ความรักคุณได้ดีเท่าที่ควร
09:48
but for us, he has given the people the right kind of love,
151
576000
3000
แต่สำหรับเรา เขาได้ให้ความรักที่ดีงามกับประชาชน
09:51
that is important.
152
579000
2000
นี่คือสิ่งสำคัญ
09:53
You have to understand that.
153
581000
2000
คุณจะต้องเข้าใจว่า
09:55
He had an enormous amount of love,
154
583000
2000
เขามีความรักอยู่มหาศาล
09:57
he loved everybody.
155
585000
2000
เขามีความรักต่อทุกคน
09:59
To love everybody, he sometimes did not see
156
587000
4000
ในการรักทุกๆคน บางทีเขาอาจจะมองข้าม
10:03
the very closest ones,
157
591000
3000
คนที่อยู่ใกล้ตัวเขามากที่สุด
10:06
and that is inevitable for men of his stature.
158
594000
5000
และนั่นก็เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้สำหรับคนที่ยิ่งใหญ่อย่างเขา
10:15
(Applause)
159
603000
7000
(เสียงปรบมือ)
ABOUT THE SPEAKER
Nathaniel Kahn - FilmmakerNathaniel Kahn is an Oscar- and Emmy-nominated maker of documentary films. His journey to understand his distant father -- the legendary modern architect Louis Kahn -- became the film "My Architect."
Why you should listen
The architect Louis Kahn was known for formally brilliant modern buildings, but his personal life was utterly baroque: married with one child, he had two other children by two other women. His only son, Nathaniel, met him rarely; Louis died when Nathaniel was only 11. Nathaniel grew up to become a playwright and documentary filmmaker -- he worked on such award-winning films as 1996's My Father's Garden and Canary of the Ocean.
His 2002 film My Architect traveled the world to uncover the mysteries of his father, looking for clues in Louis Kahn's body of work, in his work relationships and his personal ones. It's a film with meaning to anyone who seeks to understand the relationship between art and love. After My Architect, Kahn directed the Oscar- and Emmy-nominated 2004 documentary Two Hands, about the pianist Leon Fleischer, and produced a mockumental look at the director M. Night Shyamalan.
Nathaniel Kahn | Speaker | TED.com