TEDGlobal 2009
Alain de Botton: A kinder, gentler philosophy of success
อาลัน เดอ บัททัน : ปรัชญาแห่งความสำเร็จที่เปี่ยมด้วยความนุ่มนวลอ่อนโยน
Filmed:
Readability: 3.7
7,971,965 views
อาลัน เดอ บัททัน (Alain de Botton) ลงมือสำรวจความคิดในเรื่องความสำเร็จและความล้มเหลว -- และตั้งคำถามถึงสมมติฐานที่อยู่เบื้องหลังการให้คุณค่าของสิ่งทั้งสองนี้ จริงหรือที่ว่าความสำเร็จจะเป็นเรื่องดีเสมอไป? แล้วความล้มเหลวล่ะ? เขาเสนอประเด็นด้วยวาทศิลป์อย่างชาญฉลาดในการที่เราจะก้าวข้ามพ้นจากความหัวสูงบ้าเห่อเจ้ายศเจ้าอย่างเพื่อค้นหาความสุขอันจริงแท้ในชีวิตการทำงานของเรา
Alain de Botton - Philosopher
Through his witty and literate books -- and his new School of Life -- Alain de Botton helps others find fulfillment in the everyday. Full bio
Through his witty and literate books -- and his new School of Life -- Alain de Botton helps others find fulfillment in the everyday. Full bio
Double-click the English transcript below to play the video.
00:12
For me they normally happen, these career crises,
0
0
3000
สำหรับผมแล้ว พวกเรื่องวิกฤตชีวิตทำงานเกิดขึ้นได้เสมอ
00:15
often, actually, on a Sunday evening,
1
3000
2000
แล้วก็มักจะเกิดขึ้นบ่อยๆในช่วงค่ำๆวันอาทิตย์ครับ
00:17
just as the sun is starting to set,
2
5000
2000
พอพระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า
00:19
and the gap between my hopes for myself,
3
7000
3000
สิ่งที่เป็นความหวังของผม
00:22
and the reality of my life, start to diverge so painfully
4
10000
4000
กับความเป็นจริงในชีวิตผม เริ่มแยกห่างจากกันไปคนละทิศละทาง
00:26
that I normally end up weeping into a pillow.
5
14000
3000
ซึ่งในตอนท้ายสุด ผมก็ถึงกับซุกหน้าน้ำตาเล็ดกับหมอนบ่อยๆเลยเหมือนกันครับ
00:29
I'm mentioning all this,
6
17000
2000
ที่ผมพูดถึงเรื่องอะไรพวกเนี่ย
00:31
I'm mentioning all this because I think this is not merely a personal problem.
7
19000
3000
ที่ผมพูดถึงเรื่องทำนองนี้ ก็เพราะผมไม่คิดว่ามันเป็นเพียงปัญหาเฉพาะบุคคลครับ
00:34
You may think I'm wrong in this,
8
22000
2000
คุณอาจมองว่าผมคิดผิดก็ได้
00:36
but I think that we live in an age when our lives are regularly
9
24000
2000
แต่ผมว่าเรากำลังอยู่ในยุคที่ชีวิตเรามักจะ
00:38
punctuated by career crises,
10
26000
2000
ถูกขัดจังหวะด้วยวิกฤตชีิวิตการทำงานครับ
00:40
by moments when what we thought we knew,
11
28000
2000
ในจังหวะที่ เราคิดว่าเรารู้อะไรดีแล้ว
00:42
about our lives, about our careers,
12
30000
2000
เกี่ยวกับชีวิตของเรา เกี่ยวกับอาชีิพการงานของเรา
00:44
comes into contact with a threatening sort of reality.
13
32000
4000
กลับมีความเป็นจริงของชีวิตอีกแบบหนึ่งรุกคืบเข้ามาเสียงั้น
00:48
It's perhaps easier now than ever before to make a good living.
14
36000
3000
บางที สมัยนี้ การดำรงชีวิตให้ได้ดีอาจจะทำได้ง่ายกว่าในสมัยก่อนๆก็ได้ครับ
00:51
It's perhaps harder than ever before
15
39000
3000
แต่บางทีมันก็อาจจะยากกว่าสมัยอื่นๆ
00:54
to stay calm, to be free of career anxiety.
16
42000
3000
ที่จะทำใจให้สบาย ให้ผ่อนคลายจากความวิตกกังวลเรื่องการงาน
00:57
I want to look now, if I may,
17
45000
2000
ผมก็เลยอยากจะค้นหาคำตอบ หากว่าผมทำได้อ่ะนะครับ
00:59
at some of the reasons why
18
47000
2000
ว่ามีเหตุผลอะไรบ้างที่เป็นต้นเหตุ
01:01
we might be feeling anxiety about our careers.
19
49000
3000
ให้เราต้องมานั่งวิตกกังวลกับหน้าที่การงานของเรา
01:04
Why we might be victims of these career crises,
20
52000
2000
เพราะอะไร เราถึงอาจจะต้องประสบกับภาวะวิกฤตในอาชีพการงานอะไรพวกเนี่ย
01:06
as we're weeping softly into our pillows.
21
54000
4000
ก็อย่างที่เราต้องมุดหน้าน้ำตาเล็ดกับหมอนไงครับ
01:10
One of the reasons why we might be suffering
22
58000
3000
เหตุหนึ่งที่ให้เราต้องมาทุกข์ทนกับเรื่องพวกเนี่ย
01:13
is that we are surrounded by snobs.
23
61000
2000
ก็เพราะรอบตัวเราล้วนเต็มไปพวกหัวสูงครับ
01:15
In a way, I've got some bad news,
24
63000
3000
ตอนนี้ผมก็มีข่าวร้ายบางอย่างครับ
01:18
particularly to anybody who's come to Oxford from abroad.
25
66000
3000
โดยเฉพาะสำหรับท่านที่เป็นชาวต่างชาติที่มาอ็อกซ์ฟอร์ดนี่ (Oxford, UK)
01:21
There is a real problem with snobbery.
26
69000
2000
เรื่องหัวสูงเจ้ายศเจ้าอย่างเนี่ยเป็นปัญหาของแท้ครับ
01:23
Because sometimes people from outside the U.K.
27
71000
2000
เพราะบางที คนที่ไม่ใช่ชาวอังกฤษมักจะพากันคิด
01:25
imagine that snobbery is a distinctively U.K. phenomenon
28
73000
2000
พากันจินตนาการว่าความหัวสูงเจ้ายศเจ้าอย่างเป็นปรากฎการณ์เฉพาะในอังกฤษ
01:27
fixated on country houses and titles.
29
75000
3000
เพราะนึกไปถึงเคหาสห์สุดหรูในชนบทกับยศฐาบรรดาศักดิ์อะไรพวกนั้น
01:30
The bad news is that's not true.
30
78000
2000
ข่าวร้ายก็คือว่า ความจริงไม่ได้มีแค่นั้น
01:32
Snobbery is a global phenomenon.
31
80000
2000
ความหัวสูงเจ้ายศเจ้าอย่างนับว่าเป็นปรากฎการณ์ระดับโลกทีเดียวครับ
01:34
We are a global organization. This is a global phenomenon.
32
82000
2000
โลกของเราก็เหมือนองค์กรใหญ่ๆองค์กรหนึ่ง และนี่ก็เป็นปรากฎการณ์ระดับโลก
01:36
It exists. What is a snob?
33
84000
2000
ซึ่งมีอยู่จริง แต่ว่าคนหัวสูงที่ว่านี่เป็นอะไรยังไงล่ะ
01:38
A snob is anybody who takes a small part of you
34
86000
3000
คนหัวสูงเจ้ายศเจ้าอย่างก็คือคนที่หยิบแค่บางเสี้ยวบางส่วนของความเป็นคุณ
01:41
and uses that to come to a complete vision of who you are.
35
89000
3000
แล้วเอามาสรุปเหมารวมแล้วว่าคุณเป็นคนอย่างนั้นอย่างนี้
01:44
That is snobbery.
36
92000
2000
นั่นแหละครับ หัวสูงเจ้ายศเจ้าอย่างหละ
01:46
The dominant kind of snobbery
37
94000
2000
และพวกหัวสูงบ้าเห่อประเภทที่เห็นกันชัดๆเลย
01:48
that exists nowadays is job snobbery.
38
96000
2000
ที่มีอยู่ทุกวันนี้ก็คือพวกหัวสูงด้านอาชีิพการงานไงครับ
01:50
You encounter it within minutes at a party,
39
98000
2000
อย่างในงานเลี้ยงเนี่ย แป่บเดียว คุณก็สังเกตุพวกนี้ออกครับ
01:52
when you get asked that famous iconic question
40
100000
3000
คนพวกเนี่ยจะถามคุณด้วยคำถามยอดนิยม
01:55
of the early 21st century, "What do you do?"
41
103000
3000
ประจำต้นศตวรรษที่ 21 ว่า "ตอนนี้คุณกำลังทำงานอะไร?"
01:58
And according to how you answer that question,
42
106000
2000
ทีนี้ ก็จะขึ้นอยู่กับว่าคุณตอบพวกเขาไปยังไง
02:00
people are either incredibly delighted to see you,
43
108000
2000
พวกเขาอาจทำท่ายินดีเสียนี่กระไรที่ได้เจอคุณ
02:02
or look at their watch and make their excuses.
44
110000
2000
หรือไม่อีกทีก็ทำทีดูนาฬิกาข้อมือแล้วขอปลีกตัว
02:04
(Laughter)
45
112000
1000
(เสียงหัวเราะ)
02:05
Now, the opposite of a snob is your mother.
46
113000
3000
อืม..ต่อนะครับ... ที่อยู่คนละฟากกันกับพวกหัวสูงบ้าเห่อก็คือคุณแม่ของคุณครับ
02:08
(Laughter)
47
116000
2000
(เสียงหัวเราะ)
02:10
Not necessarily your mother, or indeed mine,
48
118000
3000
ไม่จำเป็นว่าจะเป็นคุณแม่ของคุณ หรือแม้แต่ของผมก็ตาม
02:13
but, as it were, the ideal mother,
49
121000
2000
แต่หมายถึง คุณแม่ในอุดมคติครับ
02:15
somebody who doesn't care about your achievements.
50
123000
2000
ก็คือคนที่ไม่แคร์เรื่องความสำเร็จของคุณ
02:17
But unfortunately, most people are not our mothers.
51
125000
2000
แต่น่าเสียดายที่คนส่วนใหญ่ไม่ใช่คุณแม่ของเรา
02:19
Most people make a strict correlation between how much time,
52
127000
3000
คนส่วนใหญ่มักจะหาทางเทียบว่าจะให้เวลาเราเท่าไหร่
02:22
and if you like, love -- not romantic love,
53
130000
2000
หรือจะเอาเป็นแบบว่า จะรักเราเท่าไหร่ ไม่ใช่รักหวานซึ้งนะครับ
02:24
though that may be something --
54
132000
2000
แม้ว่ามันอาจจะมีความหมายบางอย่างอยู่
02:26
but love in general, respect,
55
134000
2000
แต่ผมหมายถึงความรักแบบทั่วๆไปนะครับ และจะนับถือเราเท่าไหร่
02:28
they are willing to accord us, that will be strictly defined
56
136000
3000
อย่างที่พวกเขาจะเต็มใจมีให้กับเรานั้นเป็นไปตามที่พวกเขาจะมองว่า
02:31
by our position in the social hierarchy.
57
139000
2000
สถานะของเราอยู่ตรงชั้นไหนขั้นไหนในระดับชั้นของสังคม
02:33
And that's a lot of the reason why we care so much about our careers
58
141000
3000
และมีเหตุผลอีกมากที่ทำให้เราต้องกังวลสนใจเกี่ยวกับอาชีพการงานของเราเสียเหลือเกิน
02:36
and indeed start caring so much about material goods.
59
144000
4000
และอันที่จริงแล้ว ก็ทำให้เริ่มกังวลสนใจมากขึ้นในพวกวัตถุสิ่งของ
02:40
You know, we're often told that we live in very materialistic times,
60
148000
3000
คุณทราบดีใช่ไหมครับ มีการกล่าวกันอยู่เสมอว่าเราอยู่ในยุควัตถุนิยม
02:43
that we're all greedy people.
61
151000
2000
และเราเป็นคนโลภ
02:45
I don't think we are particularly materialistic.
62
153000
2000
ผมไม่คิดว่าเราเป็นเฉพาะแต่วัตถุนิยม
02:47
I think we live in a society
63
155000
2000
ผมคิดว่าเราอยู่ในสังคม
02:49
which has simply pegged certain emotional rewards
64
157000
2000
ที่ทำให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกบางอย่างขึ้นมาเป็นผลตอบแทน
02:51
to the acquisition of material goods.
65
159000
3000
กับการได้มาซึ่งวัตถุสิ่งของ
02:54
It's not the material goods we want. It's the rewards we want.
66
162000
3000
เราไม่ได้ต้องการซึ่ีงวัตถุสิ่งของหรอก แต่เราต้องการผลตอบแทนนั้นต่างหาก
02:57
And that's a new way of looking at luxury goods.
67
165000
2000
และนั่นก็คือ วิธีมองสินค้าหรูหราวิธีใหม่ครับ
02:59
The next time you see somebody driving a Ferrari
68
167000
2000
คราวหน้าถ้าคุณเห็นใครขับรถเฟอร์รารี่
03:01
don't think, "This is somebody who is greedy."
69
169000
2000
อย่าไปคิดว่า "ช่างเป็นคนโลภมากเสียจริง"
03:03
Think, "This is somebody who is incredibly vulnerable and in need of love."
70
171000
3000
ลองคิดว่า "นี่คือคนที่เปราะบางอย่างไม่น่าเชื่อและต้องการความรักขั้นรุนแรง"
03:06
In other words -- (Laughter)
71
174000
5000
หรือพูดอีกอย่าง -- (เสียงหัวเราะ)
03:11
feel sympathy, rather than contempt.
72
179000
2000
คือให้คิดเห็นอกเห็นใจ ดีกว่าที่จะไปดูถูกเขา
03:13
There are other reasons --
73
181000
2000
มีเหตุผลอื่นอีกนะครับ --
03:15
(Laughter)
74
183000
1000
(เสียงหัวเราะ)
03:16
there are other reasons why it's perhaps harder now
75
184000
2000
มีเหตุผลอื่นอีกที่จะอธิบายว่าทำไมจึงได้ยากมากขึ้นในยุคปัจจุบัน
03:18
to feel calm than ever before.
76
186000
2000
เกินที่จะทำใจเย็นเหมือนสมัยก่อนนี้ได้
03:20
One of these, and it's paradoxical because it's linked to something that's rather nice,
77
188000
3000
มีเหตุผลหนึ่ง ซึ่งขัดแย้งในตัวมันเองด้วยเพราะว่ามันไปเชื่อมโยงอยู่กับข้อดีบางอย่าง
03:23
is the hope we all have for our careers.
78
191000
3000
นั่นคือความหวังที่เรามีต่ออาชีพการงานของเรา
03:26
Never before have expectations been so high
79
194000
2000
ก่อนนี้ความคาดหวังไม่เคยสูงเช่นนี้มาก่อน
03:28
about what human beings can achieve with their lifespan.
80
196000
3000
ถึงสิ่งที่คนๆหนึ่งจะทำให้สำเร็จบรรลุได้ในช่วงชีวิตหนึ่ง
03:31
We're told, from many sources, that anyone can achieve anything.
81
199000
3000
ใครๆก็บอกเราว่า คนเราใครๆก็สามารถประสบความสำเร็จได้ทั้งนั้น
03:34
We've done away with the caste system.
82
202000
2000
ไม่มีคำว่าชนชั้นวรรณะอีกแล้ว
03:36
We are now in a system where anyone can rise
83
204000
2000
ตอนนี้ จะเป็นใครก็สามารถถีบตัวเองขึ้นมาได้ทั้งนั้น
03:38
to any position they please.
84
206000
2000
ขึ้นไปยังตำแหน่งที่ใฝ่จะได้
03:40
And it's a beautiful idea.
85
208000
2000
เป็นความคิดที่สวยงามทีเดียวครับ
03:42
Along with that is a kind of spirit of equality. We're all basically equal.
86
210000
4000
สิ่งที่ตามติดมาด้วยคือจิตวิญญาณแห่งความเท่าเทียมกัน โดยพื้นฐานแล้วคนเราเท่าเทียมกัน
03:46
There are no strictly defined
87
214000
2000
ไม่มีคำนิยามที่รัดกุม
03:48
kind of hierarchies.
88
216000
2000
ถึงลำดับชั้นฐานันดร
03:50
There is one really big problem with this,
89
218000
2000
มีปัญหาหนึ่งที่ใหญ่โตมาก
03:52
and that problem is envy.
90
220000
2000
ปัญหานั้นก็คือ ความอิจฉาริษยา ครับ
03:54
Envy, it's a real taboo to mention envy,
91
222000
3000
ความอิจฉาริษยา ถือเป็นคำต้องห้ามไม่ให้พูดถึงครับ
03:57
but if there is one dominant emotion in modern society, that is envy.
92
225000
3000
แต่มีอารมณ์หนึ่งที่ครอบงำในสังคมยุคใหม่ นั่นก็คือ ความอิจฉาริษยา นี่แหละครับ
04:00
And it's linked to the spirit of equality. Let me explain.
93
228000
4000
และมันก็ยังเชื่อมโยงเข้ากับจิตวิญญาณแห่งความเท่าเทียมกันอีกด้วย ให้ผมอธิบายนะครับ
04:04
I think it would be very unusual for anyone here, or anyone watching,
94
232000
3000
ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องไม่ปกติมากเลยสำหรับท่านที่อยู่ที่นี่และท่านที่กำลังดูอยู่ด้วย
04:07
to be envious of the Queen of England.
95
235000
2000
ที่จะไปอิจฉาริษยาสมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ
04:09
Even though she is much richer than any of you are.
96
237000
3000
แม้ว่าพระองค์ท่านจะร่ำรวยกว่าพวกคุณทุกคนมาก
04:12
And she's got a very large house.
97
240000
3000
และพระองค์ท่านก็ยังมีที่ประทับเป็นพระราชวังหลังใหญ่เบ้อเริ่ม
04:15
The reason why we don't envy her is because she's too weird.
98
243000
4000
เหตุผลที่เราไม่อิจฉาริษยาพระองค์ท่านก็เพราะพระองค์แปลกประหลาดเกินไป
04:19
She's simply too strange.
99
247000
2000
พระองค์ก็เพียงแตกต่างมากเกินไป
04:21
We can't relate to her. She speaks in a funny way.
100
249000
2000
เราไม่มีอะไรเชื่อมโยงกับพระองค์เลย พระองค์ทรงตรัสอะไรที่น่าขัน
04:23
She comes from an odd place.
101
251000
2000
พระองค์ทรงมาจากสถานที่อันแปลกประหลาด
04:25
So we can't relate to her. And when you can't relate to somebody, you don't envy them.
102
253000
4000
ดังนั้นเราจึงไม่มีอะไรเชื่อมโยงกับพระองค์ และเมื่อเราไม่มีอะไรเชื่อมโยงกับใครสักคน เราก็จะไม่ไปอิจฉาริษยาเขา
04:29
The closer two people are, in age, in background,
103
257000
3000
ยิ่งคนสองคนมีความใกล้เคียงกัน ทั้งในเรื่องอายุ ในพื้นเพความเป็นมา
04:32
in the process of identification, the more there is a danger of envy --
104
260000
3000
และในกระบวนการที่บ่งยอกความเป็นตัวตนมากเท่าใด ก็จะยิ่งมีโอกาสเกิดความอิจฉาริษยามากขึ้นเท่านั้น
04:35
which is incidentally why none of you should ever go to a school reunion --
105
263000
3000
ซึ่งก็เหมือนประจวบเหมาะกันเลยว่าทำไมพวกคุณไม่ควรไปงานเลี้ยงชุมนุมศิษย์เก่า
04:38
because there is no stronger reference point
106
266000
3000
ก็เพราะมันไม่มีจุดเชื่อมโยงที่แข็งแรงพอ
04:41
than people one was at school with.
107
269000
2000
ไม่เหมือนกับคนที่เคยเรียนด้วยกันมาก่อน
04:43
But the problem, generally, of modern society, is that it turns the whole world
108
271000
3000
แต่อันที่จริงแล้ว ปัญหาของสังคมสมัยใหม่ ก็คือมันเปลี่ยนโลกทั้งใบ
04:46
into a school. Everybody is wearing jeans, everybody is the same.
109
274000
2000
ให้กลายเป็นโรงเรียน ทุกคนต่างก็ใส่กางเกงยีนส์ ทุกคนดูเหมือนกันหมด
04:48
And yet, they're not.
110
276000
2000
แต่อันที่จริง ก็ไม่เหมือนกันหรอก
04:50
So there is a spirit of equality, combined with deep inequalities.
111
278000
3000
ดังนั้นมันจึงมีจิตวิญญาณแห่งความเท่าเทียมกัน ผสมไปด้วยความไม่เท่าเทียมกันลึกๆ
04:53
Which makes for a very -- can make for a very stressful situation.
112
281000
3000
ซึ่งทำให้เกิด -- ซึ่งจะทำให้เกิดสถานการณ์ที่ตึงเครียดอย่างมาก
04:56
It's probably as unlikely that you would nowadays
113
284000
2000
ทุกวันนี้ แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่คุณจะ
04:58
become as rich and famous as Bill Gates,
114
286000
2000
กลายเป็นคนร่ำรวยและมีชื่อเสียงเช่นเดียวกับ บิล เกตส์ (ฺBill Gates)
05:00
as it was unlikely in the 17th century
115
288000
2000
เช่นเดียวกับที่ แทบเป็นไม่ได้เลยในศตวรรษที่ 17
05:02
that you would accede to the ranks of the French aristocracy.
116
290000
3000
ที่คุณจะไต่ไปถึงการเป็นชนชั้นสูงชาวฝรั่งเศส
05:05
But the point is, it doesn't feel that way.
117
293000
2000
แต่ประเด็นคือ ความคิดความรู้สึกพวกนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเอง
05:07
It's made to feel, by magazines and other media outlets,
118
295000
3000
แต่ถูกสร้างขึ้น โดยนิตยสารและสื่ออื่น ๆ
05:10
that if you've got energy, a few bright ideas about technology,
119
298000
3000
ว่าถ้าคุณมีพลังมากพอ มีความคิดสุดบรรเจิดในด้านเทคโนโลยี
05:13
a garage, you too could start a major thing.
120
301000
4000
และมีโรงเก็บรถ คุณก็เป็นอีกคนหนึ่งที่สามารถจะสร้างสิ่งยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้
05:17
(Laughter)
121
305000
1000
(เสียงหัวเราะ)
05:18
And the consequences of this problem make themselves felt in bookshops.
122
306000
3000
และผลพวงของปัญหานี้ก็ไปโผล่ในร้านหนังสือโน่นครับ
05:21
When you go to a large bookshop and look at the self-help sections,
123
309000
3000
เมื่อคุณไปที่ร้านหนังสือใหญ่ ๆ และไปเดินดูตามแผนกหนังสือพัฒนาตนเอง (self-help)
05:24
as I sometimes do,
124
312000
2000
ก็เหมือนกับที่ผมเองบางครั้งก็ทำ
05:26
if you analyze self-help books that are produced
125
314000
2000
ถ้าคุณวิเคราะห์หนังสือพวกการช่วยเหลือตัวเองที่ถูกผลิตขึ้นมา
05:28
in the world today, there are basically two kinds.
126
316000
2000
ในโลกทุกวันนี้ พื้นๆเลยจะมีอยู่สองประเภท
05:30
The first kind tells you, "You can do it! You can make it! Anything is possible!"
127
318000
3000
ประเภทแรกจะบอกคุณว่า "คุณทำได้! คุณสร้างมันขึ้นมาได้! ทุกอย่างเป็นไปได้!"
05:33
And the other kind tells you how to cope
128
321000
3000
และอีกประเภทหนึ่งก็จะบอกวิธีการที่คุณสามารถแก้ไข
05:36
with what we politely call "low self-esteem,"
129
324000
3000
กับสิ่งที่เราอาจจะเรียกอย่างสุภาพได้ว่า "ความเชื่อมั่นในตัวเองต่ำ"
05:39
or impolitely call "feeling very bad about yourself."
130
327000
2000
หรือเรียกอย่างบ้านๆได้ว่า "รู้สึกย่ำแย่กับตัวเอง"
05:41
There is a real correlationship,
131
329000
2000
มีความสัมพันธ์กันอย่างเหนี่ยวแน่นครับ
05:43
a real correlation between a society that tells people that they can do anything
132
331000
4000
ความสัมพันธ์กันระหว่างสังคมที่บอกผู้คนว่าพวกเขาสามารถทำได้ทุกอย่าง
05:47
and the existence of low self-esteem.
133
335000
2000
และการมีอยู่ของความมั่นใจตัวเองต่ำ
05:49
So that's another way in which something that is quite positive
134
337000
2000
ดังนั้น หนทางที่บางครั้งค่อนข้างเป็นแง่บวก
05:51
can have a nasty kickback.
135
339000
2000
ก็อาจมีผลสะท้อนกลับที่อันตรายได้
05:53
There is another reason why we might be feeling more anxious,
136
341000
3000
ยังมีเหตุผลอื่นอีกที่ว่าเหตุใดเราจึงรู้สึกเป็นกังวลมากขึ้น
05:56
about our careers, about our status in the world today, than ever before.
137
344000
4000
เกี่ยวกับอาชีพการงานของเรา เกี่ยวกับสถานภาพของเราในโลกปัจจุบัน กว่าในสมัยก่อนมาก
06:00
And it is, again, linked to something nice,
138
348000
2000
และมันก็ไปเชื่อมโยงกับอะไรบางอย่างที่ดีมาก อีกเช่นเคย
06:02
and that nice thing is called meritocracy.
139
350000
3000
และสิ่งดีที่ว่าก็คือ ระบบการให้รางวัลตามความสามารถ
06:05
Everybody, all politicians on Left and Right,
140
353000
2000
ตอนนี้ทุกคน นักการเมืองทุกคนไม่ว่าจะเป็นฝ่ายซ้ายหรือฝ่ายขวา
06:07
agree that meritocracy is a great thing,
141
355000
2000
ต่างก็เห็นด้วยว่าระบบการให้รางวัลตามความสามารถเป็นสิ่งที่ดี
06:09
and we should all be trying to make our societies really, really meritocratic.
142
357000
4000
และเราก็ควรจะพยายามทำให้สังคมของเราเป็นระบบที่มีการให้รางวัลตามความสามารถจริงๆ
06:13
In other words, what is a meritocratic society?
143
361000
4000
ถ้าจะให้อธิบายอีกอย่างล่ะก็ สังคมที่ให้รางวัลตามความสามารถคืออะไรล่ะครับ?
06:17
A meritocratic society is one in which
144
365000
2000
สังคมที่ให้รางวัลตามความสามารถก็คือสังคมที่
06:19
if you've got talent and energy and skill,
145
367000
2000
ถ้าคุณมีพรสวรรค์ มีพลัง และมีทักษะ
06:21
you will get to the top. Nothing should hold you back.
146
369000
2000
คุณสามารถไต่ขึ้นไปจนถึงระดับยอดได้ ไม่ควรมีอะไรที่ถ่วงรั้งคุณไว้
06:23
It's a beautiful idea. The problem is
147
371000
3000
เป็นแนวคิดที่สวยงามครับ แต่ปัญหาก็คือ
06:26
if you really believe in a society
148
374000
2000
ถ้าคุณเชื่อในความเป็นสังคม
06:28
where those who merit to get to the top, get to the top,
149
376000
3000
ที่เฉพาะคนที่คู่ควรกับการไปถึงจุดสูงสุด ไปถึงจุดสูงสุดได้
06:31
you'll also, by implication, and in a far more nasty way,
150
379000
3000
โดยนัยยะกลับกันไปในทางลบสุดกู่ ก็จะตีความได้ว่า คุณก็จะ
06:34
believe in a society where those who deserve to get to the bottom
151
382000
3000
เชื่อในความเป็นสังคมที่ว่า คนที่สมควรอยู่ข้างล่าง
06:37
also get to the bottom and stay there.
152
385000
3000
ก็ต้องไปจมอยู่ข้างล่างโน่น
06:40
In other words, your position in life comes to seem not accidental,
153
388000
3000
หรืออธิบายอีกแบบก็คือ สถานะของชีวิตคุณจะเสมือนว่าไม่ได้เป็นโดยบังเอิญ
06:43
but merited and deserved.
154
391000
2000
แต่เป็นไปตามความสามารถและความเหมาะสม
06:45
And that makes failure seem much more crushing.
155
393000
3000
และนั่นยิ่งทำให้ความล้มเหลวเป็นสิ่งที่ทำให้บีบคั้นมากขึ้น
06:48
You know, in the Middle Ages, in England,
156
396000
2000
คุณทราบใช่ไหมครับ อังกฤษในยุคกลาง
06:50
when you met a very poor person,
157
398000
2000
เมื่อคุณเห็นคนจน
06:52
that person would be described as an "unfortunate" --
158
400000
3000
คนๆ นั้นจะถูกมองว่าเป็น "คนโชคร้าย"
06:55
literally, somebody who had not been blessed by fortune, an unfortunate.
159
403000
4000
ความหมายโดยคำศัพท์คือ มีบางคนไม่ได้พรจากโชคชะตา นั่นก็คือโชคร้ายนั่นเองครับ
06:59
Nowadays, particularly in the United States,
160
407000
2000
ทุกวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา
07:01
if you meet someone at the bottom of society,
161
409000
2000
ถ้าคุณเห็นใครอยู่ระดับล่างของสังคม
07:03
they may unkindly be described as a "loser."
162
411000
3000
พวกเขาอาจถูกเรียกอย่างใจร้ายว่า "คนขี้แพ้"
07:06
There is a real difference between an unfortunate and a loser,
163
414000
3000
มันมีความแตกต่างอันสำคัญระหว่าง คนโชคร้ายและคนขี้แพ้
07:09
and that shows 400 years of evolution in society
164
417000
3000
และนี่ก็แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการ 400 ปีของสังคม
07:12
and our belief in who is responsible for our lives.
165
420000
3000
และพัฒนาการความเชื่อของเราที่ว่าใครกันจะเป็นผู้รับผิดชอบชีวิตเรา
07:15
It's no longer the gods, it's us. We're in the driving seat.
166
423000
3000
ไม่ใช่พระผู้เป็นเจ้าอีกต่อไป แต่เป็นตัวเรา เรานี่แหละที่นั่งในตำแหน่งคนขับครับ
07:18
That's exhilarating if you're doing well,
167
426000
2000
ก็จะเป็นความสุขเบิกบานใจถ้าคุณทำได้ดี
07:20
and very crushing if you're not.
168
428000
2000
แต่ย่อมบีบคั้นมากเลย ถ้าเกิดคุณทำได้ไม่ดีขึ้นมา
07:22
It leads, in the worst cases, in the analysis of a sociologist
169
430000
3000
ซึ่งตามการวิเคราะห์ของนักสังคมวิทยา ก็จะเกิดกรณีที่เลวร้ายที่สุด
07:25
like Emil Durkheim, it leads to increased rates of suicide.
170
433000
4000
อย่าง เอมิล เดอร์ไคม์ (Emil Durkheim) มองว่าเป็นกรณีที่จะทำให้อัตราการฆ่าตัวตายเพิ่มสูงขึ้น
07:29
There are more suicides in developed individualistic countries
171
437000
3000
กลุ่มประเทศที่พัฒนาเรื่องปัจเจกนิยมอย่างเต็มขั้นมีอัตราการฆ่าตัวตายสูงกว่า
07:32
than in any other part of the world.
172
440000
2000
ประเทศอื่นๆในโลก
07:34
And some of the reason for that is that people take what happens
173
442000
2000
และเหตุอย่างหนึ่งของเรื่องนี้ก็คือคนมักจะถือเอาสิ่งที่เกิดขึ้น
07:36
to them extremely personally.
174
444000
2000
กับตัวเองเป็นเรื่องส่วนตัวของตัวเองล้วนๆ
07:38
They own their success. But they also own their failure.
175
446000
4000
ความสำเร็จเกิดขึ้นก็เพราะตัวเองเพียงผู้เดียว ในขณะเดียวความล้มเหลวก็เกิดเพราะตัวเองล้วนๆด้วย
07:42
Is there any relief from some of these pressures
176
450000
2000
มีอะไรบ้างไหมที่จะคลายความกดดันพวกนี้
07:44
that I've just been outlining?
177
452000
2000
อย่างอันที่ผมได้เกริ่นไป?
07:46
I think there is. I just want to turn to a few of them.
178
454000
2000
ผมว่า มีครับ ผมจะลองพูดถึงสักสองสามหนทางก็แล้วกันครับ
07:48
Let's take meritocracy.
179
456000
2000
ขอพูดเรื่องหลักการตอบแทนตามความสามารถก่อน
07:50
This idea that everybody deserves to get where they get to,
180
458000
3000
แนวคิดนี้พูดถึงการที่ทุกคนจะได้สิ่งที่สมควรได้
07:53
I think it's a crazy idea, completely crazy.
181
461000
3000
ผมว่านี่เป็นแนวคิดที่พิลึกมาก พิลึกสมบูรณ์แบบ
07:56
I will support any politician of Left and Right,
182
464000
2000
ผมจะสนับสนุนนักการเมืองคนใดก็ได้ไม่ว่าจะฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา
07:58
with any halfway decent meritocratic idea.
183
466000
2000
ที่เสนอทางสายกลางของแนวคิดการตอบแทนตามความสามารถที่เหมาะสม
08:00
I am a meritocrat in that sense.
184
468000
2000
ผมจัดว่าเป็นพวกหลักการตอบแทนตามความสามารถในลักษณะนั้นครับ
08:02
But I think it's insane to believe that we will ever
185
470000
2000
แต่ผมคิดว่าเป็นเรื่องไร้เหตุผลที่จะเชื่อว่าเราจะสามารถ
08:04
make a society that is genuinely meritocratic. It's an impossible dream.
186
472000
4000
สร้างสังคมที่ใช้หลักการตอบแทนตามความสามารถอย่างแท้จริง มันเป็นความฝันที่เป็นไปไม่ได้
08:08
The idea that we will make a society
187
476000
2000
แนวคิดที่จะทำให้เราสร้างสังคมที่
08:10
where literally everybody is graded,
188
478000
2000
ความหมายตามศัพท์แล้ว ทุกคนจะถูกจัดลำดับคะแนน
08:12
the good at the top, and the bad at the bottom,
189
480000
2000
คนได้คะแนนดีอยู่ข้างบน คนได้คะแนนแย่อยู่ด้านล่าง
08:14
and it's exactly done as it should be, is impossible.
190
482000
2000
และการทำตามนั้นโดยเคร่งครัด เป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้
08:16
There are simply too many random factors:
191
484000
2000
เพราะว่ามีปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้เต็มไปหมด
08:18
accidents, accidents of birth,
192
486000
2000
อุบัติเหตุเอย อุบัติการณ์จากชาติกำเนิดเอย
08:20
accidents of things dropping on people's heads, illnesses, etc.
193
488000
3000
อุบัติเหตุจากสิ่งของตกใส่หัวเอย ความเจ็บไข้ได้ป่วยเอย และอะไรต่อมิอะไร
08:23
We will never get to grade them,
194
491000
2000
เราจะไม่มีวันจัดอันดับคะแนนผู้คนได้
08:25
never get to grade people as they should.
195
493000
2000
ไม่มีวันให้ระดับคะแนนกับผู้คนตามที่ควรเป็น
08:27
I'm drawn to a lovely quote by St. Augustine in "The City of God,"
196
495000
3000
ผมขอกล่าวถึงคำพูดที่น่าชื่นชมของ นักบุญออกัสตินใน "เมืองแห่งเทพเจ้า" (The City of God)
08:30
where he says, "It's a sin to judge any man by his post."
197
498000
4000
ซึ่งท่านได้กล่าวเอาไว้ว่า "มันเป็นบาปที่จะตัดสินผู้คนตามตำแหน่ง"
08:34
In modern English that would mean
198
502000
2000
ในภาษา(อังกฤษ)สมัยใหม่อาจตีความว่า
08:36
it's a sin to come to any view of who you should talk to
199
504000
2000
มันเป็นบาป ที่คุณจะมีมุมมองต่อคนที่คุณคุยด้วย
08:38
dependent on their business card.
200
506000
2000
จากสิ่งที่ปรากฏในนามบัตรของเขา
08:40
It's not the post that should count.
201
508000
2000
เราไม่สามารถวัดใครจากแค่ตำแหน่งได้หรอก
08:42
According to St. Augustine,
202
510000
2000
และตามคำของท่านนักบุญออกัสติน
08:44
it's only God who can really put everybody in their place.
203
512000
2000
มีเพียงพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้นที่จะจับผู้คนใส่ในตำแหน่งที่ควรเป็น
08:46
And he's going to do that on the Day of Judgment
204
514000
2000
และท่านจะทรงกระทำเช่นนั้นในวันสิ้นโลก (Day of Judgement)
08:48
with angels and trumpets, and the skies will open.
205
516000
2000
พร้อมทวยเทพประโคมปี่แตร และท้องฟ้าก็จะเปิดออก
08:50
Insane idea, if you're a secularist person, like me.
206
518000
3000
มันเป็นแนวคิดที่ไร้สาระถ้าคุณเป็นคนไม่เอาพระคัมภีร์เท่าไหร่อย่างผม
08:53
But something very valuable in that idea, nevertheless.
207
521000
2000
แต่อย่างไรก็ตาม แนวคิดนั้นก็ยังมีอะไรบางอย่างที่มีคุณค่าครับ
08:55
In other words, hold your horses when you're coming to judge people.
208
523000
4000
หรืออีกความหมายหนึ่งก็คือ จงอย่าด่วนตัดสินผู้อื่น
08:59
You don't necessarily know what someone's true value is.
209
527000
3000
คุณอาจไม่จำต้องทราบก็ได้ว่าคุณค่าที่แท้จริงของใครคืออะไร
09:02
That is an unknown part of them.
210
530000
2000
นั่นเป็นส่วนที่คุณไม่อาจไปล่วงรู้
09:04
And we shouldn't behave as though it is known.
211
532000
3000
และเราก็ไม่ควรทำเหมือนกับว่าเรารู้ด้วยครับ
09:07
There is another source of solace and comfort for all this.
212
535000
3000
เพราะมันเป็นอะไรอย่างหนึ่งที่เป็นเครื่องปลอบขวัญและปลอบโยนเขา
09:10
When we think about failing in life, when we think about failure,
213
538000
3000
เมื่อเราครุ่นคิดถึงความผิดพลาดในชีวิต เมื่อเราคิดถึงความล้มเหลว
09:13
one of the reasons why we fear failing is not just
214
541000
2000
เหตุผลประการหนึ่งที่เรากลัวความล้มเหลวไม่เพียงเพราะ
09:15
a loss of income, a loss of status.
215
543000
2000
เราต้องขาดรายได้ สูญเสียซึ่งสถานภาพ
09:17
What we fear is the judgment and ridicule of others. And it exists.
216
545000
4000
สิ่งที่เรากลัวคือการถูกตัดสินและถูกเหยียดหยันจากคนอื่น และมันก็เกิดขึ้นจริง
09:21
You know, the number one organ of ridicule
217
549000
2000
คุณทราบไหมครับ องค์กรอันดับหนึ่งที่ชอบเหยียดหยัน
09:23
nowadays, is the newspaper.
218
551000
2000
ในทุกวันนี้ก็คือหนังสือพิมพ์
09:25
And if you open the newspaper any day of the week,
219
553000
2000
และถ้าคุณเปิดหนังสือพิมพ์อ่านในแต่ละวัน
09:27
it's full of people who've messed up their lives.
220
555000
2000
มันเต็มไปด้วยเรื่องของคนที่ผจญกับเรื่องร้ายๆในชีวิต
09:29
They've slept with the wrong person. They've taken the wrong substance.
221
557000
3000
พวกเขามีเพศสัมพันธ์แบบผิดฝาผิดตัว พวกเขาลองใช้สารเคมีที่ไม่ถูกต้อง
09:32
They've passed the wrong piece of legislation. Whatever it is.
222
560000
2000
พวกเขาออกกฎหมายผิดที่ผิดทาง อะไรก็แล้วแต่
09:34
And then are fit for ridicule.
223
562000
3000
และนั่นก็เหมาะกับการถูกเหยียดหยัน
09:37
In other words, they have failed. And they are described as "losers."
224
565000
3000
ในอีกด้านหนึ่ง พวกเขาล้มเหลว และพวกเขาก็ถูกมองว่าเป็น "พวกขี้แพ้"
09:40
Now is there any alternative to this?
225
568000
2000
แล้วตอนนี้เรามีทางเลือกอื่นไหม?
09:42
I think the Western tradition shows us one glorious alternative,
226
570000
2000
ผมคิดว่าธรรมเนียมทางตะวันตกแสดงให้เราเห็นถึงทางเลือกที่ยอดเยี่ยมอันหนึ่ง
09:44
and that is tragedy.
227
572000
3000
และนั่นก็คือโศกนาฏกรรม
09:47
Tragic art, as it developed in the theaters of ancient Greece,
228
575000
3000
วิปโยคศิลป์ ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นในโรงละครกรีกโบราณ
09:50
in the fifth century B.C., was essentially an art form
229
578000
2000
ในช่วงศตวรรษที่ห้าก่อนคริตสกาล มันเป็นรูปลักษณ์ทางศิลปะอย่างแท้จริง
09:52
devoted to tracing how people fail,
230
580000
3000
ซึ่งอุทิศให้กับการติดตามดูว่าผู้คนล้มเหลวยังไง
09:55
and also according them a level of sympathy,
231
583000
4000
และยังคงโอบอุ้มด้วยระดับแห่งความเอื้ออาทรครับ
09:59
which ordinary life would not necessarily accord them.
232
587000
4000
ซึ่งชีวิตประจำวันอาจจะไม่มีความอาทรเช่นนั้น
10:03
I remember a few years ago, I was thinking about all this,
233
591000
1000
เมื่อสองสามปีก่อนผมยังจำตอนที่ผมคิดเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ได้
10:04
and I went to see "The Sunday Sport,"
234
592000
2000
แล้วผมก็ไปที่สำนักงานของ "เดอะซันเดย์สปอร์ต (The Sunday Sport)"
10:06
a tabloid newspaper that I don't recommend you to start reading
235
594000
3000
มันเป็นหนังสือพิมพ์แบบจุลสารที่ผมจะไม่แนะนำให้คุณอ่าน
10:09
if you're not familiar with it already.
236
597000
2000
ถ้าคุณยังไม่เคยเห็นเคยอ่านมาแล้วอะนะ
10:11
I went to talk to them
237
599000
2000
ผมได้ลองไปคุยกับพวกเขา
10:13
about certain of the great tragedies of Western art.
238
601000
3000
เกี่ยวกับเรื่องโศกนาฏกรรมอันยิ่งใหญ่ของศิลปะตะวันตก
10:16
I wanted to see how they would seize the bare bones
239
604000
2000
และผมต้องการดูว่าพวกเขาจับใจความสำคัญ
10:18
of certain stories if they came in as a news item
240
606000
3000
ของเรื่องราวที่มาในรูปแบบของข่าว
10:21
at the news desk on a Saturday afternoon.
241
609000
3000
ที่วางบนโต๊ะข่าวในช่วงบ่ายวันเสาร์ได้อย่างไร
10:24
So I told them about Othello. They had not heard of it but were fascinated by it.
242
612000
2000
ผมได้เล่าเรื่องโอเทลโล (Othello) ให้พวกเขาฟัง พวกเขาไม่เคยได้ยินเรื่องนี้แต่ก็ชื่นชอบมาก
10:26
(Laughter)
243
614000
1000
(เสียงหัวเราะ)
10:27
And I asked them to write the headline for the story of Othello.
244
615000
3000
และผมขอให้พวกเขาลองพาดหัวเรื่องของโอเทลโล
10:30
They came up with "Love-Crazed Immigrant Kills Senator's Daughter"
245
618000
3000
พวกเขาก็พาดหัวว่า "หนุ่มลี้ภัยคลั่งรัก เชือดบุตรี ส.ว."
10:33
splashed across the headline.
246
621000
2000
พาดหัวช่างดึงความสนใจได้จริงๆ
10:35
I gave them the plotline of Madame Bovary.
247
623000
2000
ผมลองเล่าเค้าเรื่อง คุณนายโบวารี (Madame Bovary)
10:37
Again, a book they were enchanted to discover.
248
625000
2000
หนังสือเรื่องนี้ก็ทำให้พวกเขาหลงเสน่ห์อีกนั่นล่ะ
10:39
And they wrote "Shopaholic Adulteress Swallows Arsenic After Credit Fraud."
249
627000
5000
แล้วพวกเขาก็พาดหัวว่า "สาวชู้นักช้อปกลืนยาฆ่าตัว หลังพบหนี้ล้น"
10:44
(Laughter)
250
632000
1000
(เสียงหัวเราะ)
10:45
And then my favorite.
251
633000
2000
แล้วคราวนี้ก็ถึงเรื่องโปรดของผม
10:47
They really do have a kind of genius all of their own, these guys.
252
635000
2000
พวกเขาดูเป็นอัจฉริยะในแนวทางของตนเองเสียจริง คนพวกเนี่ย
10:49
My favorite is Sophocles' Oedipus the King:
253
637000
2000
เรื่องโปรดของผมคือ "กษัตริย์โอดีปุส (Oedipus the King)" ของ โซโฟเคิล (Sophocles)
10:51
"Sex With Mum Was Blinding"
254
639000
3000
"หนุ่มฉาวชี้ หลับนอนกับแม่ ลั่นกลลวง"
10:54
(Laughter)
255
642000
3000
(เสียงหัวเราะ)
10:57
(Applause)
256
645000
2000
(เสียงปรบมือ)
10:59
In a way, if you like, at one end of the spectrum of sympathy,
257
647000
3000
ก็แบบนี้แหละครับ ถ้าคุณชอบอะนะ สุดโต่งด้านหนึ่งของความเห็นอกเห็นใจ
11:02
you've got the tabloid newspaper.
258
650000
2000
คุณก็ได้หนังสือพิมพ์ที่ชอบเป่าข่าว
11:04
At the other end of the spectrum you've got tragedy and tragic art,
259
652000
3000
สุดโต่งไปอีกด้าน คุณก็จะได้โศกนาฏกรรมและวิปโยคศิลป์
11:07
and I suppose I'm arguing that we should learn a little bit
260
655000
2000
ผมว่า ผมได้ถกประเด็นว่าเราควรต้องเรียนรู้บ้าง
11:09
about what's happening in tragic art.
261
657000
2000
เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวิปโยคศิลป์
11:11
It would be insane to call Hamlet a loser.
262
659000
3000
ดูจะพิกลไปนิดที่จะเรียกแฮมเล็ต (Hamlet) ว่าพวกขี้แพ้
11:14
He is not a loser, though he has lost.
263
662000
3000
เขาไม่ใช่พวกขี้แพ้ แม้ว่าเขาจะพ่ายแพ้
11:17
And I think that is the message of tragedy to us,
264
665000
2000
ผมคิดว่านั่นคือสารที่โศกนาฏกรรมสื่อถึงเรา
11:19
and why it's so very, very important, I think.
265
667000
3000
แล้วผมก็คิดว่า นั่นแหละเป็นเหตุผลว่าทำไมมันจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ
11:22
The other thing about modern society
266
670000
2000
อีกประการหนึ่งที่เกี่ยวกับสังคมยุคใหม่
11:24
and why it causes this anxiety
267
672000
2000
และสาเหตุที่ทำให้เกิดความวิตกกังวลแบบนี้
11:26
is that we have nothing at its center that is non-human.
268
674000
3000
นั่นก็คือ จะอะไรๆเราก็ใช้คนเป็นจุดศูนย์กลางไปเสียหมดหน่ะสิครับ
11:29
We are the first society to be living in a world
269
677000
2000
เราเป็นสังคมแรกที่ได้อยู่อาศัยในโลกใบนี้
11:31
where we don't worship anything other than ourselves.
270
679000
3000
สถานที่ซึ่งเราไม่ได้บูชาสิ่งอื่นใดนอกไปจากตัวตนของเราเองเลย
11:34
We think very highly of ourselves, and so we should.
271
682000
2000
เราคิดว่าเราสูงส่ง และเราก็ต้องสูงส่งไปตามที่เราคิด
11:36
We've put people on the moon. We've done all sorts of extraordinary things.
272
684000
3000
เราส่งคนขึ้นไปยังดวงจันทร์ เราทำอะไรหลายอย่างที่วิเศษมหัศจรรย์
11:39
And so we tend to worship ourselves.
273
687000
2000
เราก็เลยมีแนวโน้มที่จะบูชาตัวตนของเราเองไงครับ
11:41
Our heroes are human heroes.
274
689000
2000
วีรบุรุษของเราคือวีรบุรุษของมนุษยชาติ
11:43
That's a very new situation.
275
691000
2000
เป็นรูปแบบวิธีคิดแบบใหม่มากเลยครับ
11:45
Most other societies have had, right at their center,
276
693000
2000
สังคมอื่นโดยส่วนใหญ่ มีสิ่งยึดเหนี่ยวที่อยู่ตรงกลาง
11:47
the worship of something transcendent: a god,
277
695000
2000
พวกเขาบูชาสิ่งที่เหนือล้ำสูงค่า ซึ่งก็คือพระผู้เป็นเจ้า
11:49
a spirit, a natural force, the universe,
278
697000
2000
จิตวิญญาณ, พลังธรรมชาติ, จักรวาล
11:51
whatever it is, something else that is being worshiped.
279
699000
3000
บางสิ่งบางอย่างที่ทรงไว้ควรคู่การสักการะ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม
11:54
We've slightly lost the habit of doing that,
280
702000
2000
ส่วนพวกเราหน่ะ ไม่ค่อยจะมีธรรมเนียมแบบนั้นแล้วครับ
11:56
which is, I think, why we're particularly drawn to nature.
281
704000
2000
ซึ่ง ผมคิดว่า เป็นสาเหตุว่าทำไมเราจึงอยากไปอยู่ใกล้ๆกับธรรมชาติ
11:58
Not for the sake of our health, though it's often presented that way,
282
706000
3000
ไม่ใช่เพื่อสุขภาพของเราหรอกครับ ถึงแม้ว่าจะมีแต่คนบอกว่าเป็นแบบนั้นก็เถอะ
12:01
but because it's an escape from the human anthill.
283
709000
4000
แต่เป็นเพราะว่ามันเป็นการหลีกลี้จากสังคมมนุษย์
12:05
It's an escape from our own competition,
284
713000
2000
มันเป็นการหลีกหนีจากการแก่งแย่งแข่งขัน
12:07
and our own dramas.
285
715000
2000
จากเรื่องเร้าอารมณ์ของเราเอง
12:09
And that's why we enjoy looking at glaciers and oceans,
286
717000
2000
นั่นแหละเป็นเหตุผลว่า ทำไมเราถึงมีความสุขนักกับการยืนมองธารน้ำแข็งและห้วงมหาสมุทร
12:11
and contemplating the Earth from outside its perimeters, etc.
287
719000
4000
และพินิจพิเคราะห์โลกโดยมองเข้ามาจากอวกาศ ฯลฯ
12:15
We like to feel in contact with something that is non-human,
288
723000
4000
เราต้องการรับรู้สัมผัส กับบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ใช่มนุษย์
12:19
and that is so deeply important to us.
289
727000
4000
และเป็นสิ่งซึ่งสำคัญอย่างลึกซึ้งต่อเรา
12:23
What I think I've been talking about really is success and failure.
290
731000
3000
ผมคิดว่า สิ่งที่ผมพูดไปหน่ะเกี่ยวกับความสำเร็จและความล้มเหลวโดยตรงเลยครับ
12:26
And one of the interesting things about success
291
734000
3000
และ มีอะไรที่น่าสนใจอยู่อย่างหนึ่งเกี่ยวกับความสำเร็จ
12:29
is that we think we know what it means.
292
737000
2000
ก็คือเรามักจะเข้าใจไปว่า เรารู้ดีว่าความสำเร็จคืออะไร
12:31
If I said to you that there is somebody behind the screen
293
739000
2000
ถ้าผมบอกคุณว่า หลังจอภาพอันเนี่ย มีคนอยู่คนหนึ่ง
12:33
who is very very successful, certain ideas would immediately come to mind.
294
741000
3000
ที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวด ความคิดบางอย่างจะผุดขึ้นมาในใจของเราทันที
12:36
You would think that person might have made a lot of money,
295
744000
2000
คุณอาจคิดว่าเขาผู้นั้นอาจมีรายได้มหาศาล
12:38
achieved renown in some field.
296
746000
3000
ได้รับการยอมรับนับถือในวงการของเขา
12:41
My own theory of success -- and I'm somebody
297
749000
2000
ผมมีทฤษฎีแห่งความสำเร็จของผมเอง และผมก็เป็นคนหนึ่งที่
12:43
who is very interested in success. I really want to be successful.
298
751000
3000
สนใจอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องความสำเร็จ ผมต้องการประสบความสำเร็จจริงๆ
12:46
I'm always thinking, "How could I be more successful?"
299
754000
2000
ผมมักจะคิดอยู่เสมอว่า "ทำอย่างไรผมจึงจะประสบความสำเร็จมากๆนะ?"
12:48
But as I get older, I'm also very nuanced
300
756000
2000
พอผมเริ่มอายุมากขึ้น ผมแทบจะไม่รู้สึกแตกต่างอะไรเลย
12:50
about what that word "success" might mean.
301
758000
2000
ว่านิยามความหมายของคำว่า "ความสำเร็จ" มันจะเป็นยังไง
12:52
Here's an insight that I've had about success.
302
760000
2000
นี่เป็นเคล็ดลับที่ผมได้ค้นพบเกี่ยวกับความสำเร็จครับ
12:54
You can't be successful at everything.
303
762000
3000
คุณไม่สามารถประสบความสำเร็จกับทุกสิ่งทุกอย่าง
12:57
We hear a lot of talk about work-life balance.
304
765000
2000
เรามักจะได้ยินคำพูดเกี่ยวกับสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน
12:59
Nonsense. You can't have it all. You can't.
305
767000
3000
หาสารัตถะไม่ได้ครับ คุณไม่มีทางได้ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหมด ไม่มีทาง
13:02
So any vision of success
306
770000
2000
ดังนั้นวิสัยทัศน์เกี่ยวกับความสำเร็จ
13:04
has to admit what it's losing out on,
307
772000
2000
ก็คือการยอมรับว่า คุณต้องแลกมาด้วยการสูญเสียอะไรบางอย่าง
13:06
where the element of loss is.
308
774000
2000
สิ่งที่สูญเสียไปนั้นอยู่ที่ตรงไหน
13:08
I think any wise life will accept,
309
776000
3000
และผมคิดว่าคนที่เฉลียวฉลาดย่อมจะยอมรับ
13:11
as I say, that there is going to be an element where we are not succeeding.
310
779000
3000
อย่างที่ผมได้พูดไปว่ามันจะต้องมีบางอย่างที่เราจะไม่ประสบความสำเร็จ
13:14
Thing about a successful life
311
782000
2000
อย่างหนึ่งเกี่ยวกับชีวิตที่ประสบความสำเร็จ
13:16
is, a lot of the time, our ideas
312
784000
2000
คือบ่อยครั้งที่แนวคิดของเราที่ว่า
13:18
of what it would mean to live successfully are not our own.
313
786000
3000
อย่างไรถึงจะเรียกว่ามีชีวิตอยู่อย่างประสบความสำเร็จ กลับไม่ใช่เป็นความคิดของเราเอง
13:21
They are sucked in from other people:
314
789000
2000
แต่เป็นของคนอื่น
13:23
chiefly, if you're a man, your father,
315
791000
2000
โดยหลัก ถ้าคุณเป็นผู้ชาย ก็มาจากพ่อของคุณ
13:25
and if you're a woman, your mother.
316
793000
2000
และถ้าคุณเป็นผู้หญิง ก็มาจากแม่ของคุณ
13:27
Psychoanalysis has been drumming home this message for about 80 years.
317
795000
3000
นักจิตวิเคราะห์โหมประโคมเรื่องนี้มากว่า 80 ปีแล้วครับ
13:30
No one is quite listening hard enough, but I very much believe that that's true.
318
798000
3000
ไม่มีใครยินยอมฟังให้ลึกซึ้งพอ แต่ผมค่อนข้างเชื่อมั่นว่ามันเป็นความจริง
13:33
And we also suck in messages
319
801000
2000
นอกจากนี้ เรายังรับสาร
13:35
from everything from the television, to advertising,
320
803000
2000
จากทุกสิ่งทุกอย่าง จากโทรทัศน์ จากโฆษณา
13:37
to marketing, etc.
321
805000
2000
จากการตลาด และอื่น ๆ
13:39
These are hugely powerful forces
322
807000
2000
มีพลังงานมหาศาล
13:41
that define what we want and how we view ourselves.
323
809000
4000
ที่กำหนดให้เราเป็นอย่างที่เป็น และกำหนดให้เรามองตัวเองอย่างไร
13:45
When we're told that banking is a very respectable profession
324
813000
3000
เมื่อมีคนบอกเราว่านายธนาคารเป็นอาชีพที่น่านับถือ
13:48
a lot of us want to go into banking.
325
816000
2000
คนส่วนใหญ่ก็อยากไปเป็นนายธนาคาร
13:50
When banking is no longer so respectable, we lose interest in banking.
326
818000
3000
เมื่ออาชีพนายธนาคารไม่น่านับถืออีกต่อไป เราก็ไม่สนใจเป็นนายธนาคาร
13:53
We are highly open to suggestion.
327
821000
3000
เราเปิดรับกับคำแนะนำอย่างมาก
13:56
So what I want to argue for is not that we should give up
328
824000
3000
ดั้งนั้นสิ่งที่ผมอยากจะโต้แย้ง ก็คือเราไม่ควรยอมแพ้
13:59
on our ideas of success,
329
827000
2000
ที่จะมีแนวคิดเรื่องการประสบความสำเร็จ
14:01
but we should make sure that they are our own.
330
829000
2000
แต่เราควรจะต้องแน่ใจด้วยว่ามันเป็นแนวคิดของเราเอง
14:03
We should focus in on our ideas
331
831000
2000
เราควรจะมุ่งเน้นไปที่ความคิดของเราเอง
14:05
and make sure that we own them,
332
833000
3000
และต้องมั่นใจด้วยว่านั่นเป็นความคิดของเราเองจริงๆ
14:08
that we are truly the authors of our own ambitions.
333
836000
2000
ว่าเราเป็นเจ้าของความทะเยอทะยานของเราเอง
14:10
Because it's bad enough, not getting what you want,
334
838000
2000
เพราะมันเป็นเรื่องแย่พอดูทีเดียวครับ ที่จะไม่ได้สิ่งที่คุณต้องการ
14:12
but it's even worse to have an idea
335
840000
3000
แต่ที่ยิ่งแย่กว่านั้นคือ คุณคิด
14:15
of what it is you want and find out at the end of a journey,
336
843000
3000
ว่าคุณอยากได้อะไร แล้วไปค้นพบในตอนท้าย
14:18
that it isn't, in fact, what you wanted all along.
337
846000
3000
ว่าจริงๆแล้ว มันไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการเลย
14:21
So I'm going to end it there.
338
849000
2000
ดังนั้นผมจะจบลงตรงนี้
14:23
But what I really want to stress is
339
851000
3000
แต่สิ่งที่ผมอยากย้ำอย่างยิ่งก็คือ
14:26
by all means, success, yes.
340
854000
2000
ใช่ครับ ก็คือความสำเร็จ โดยทุกความหมาย
14:28
But let's accept the strangeness of some of our ideas.
341
856000
2000
แต่ขอให้ยอมรับความแปลกแตกต่างของความคิดบางอย่าง
14:30
Let's probe away at our notions of success.
342
858000
3000
ขอให้ตรวจสอบความเข้าใจของเราเกี่ยวกับเรื่องความสำเร็จ
14:33
Let's make sure our ideas of success are truly our own.
343
861000
4000
ขอให้ดูให้มั่นใจว่าความคิดเรื่องความสำเร็จนั้นเป็นของเราอย่างแท้จริง
14:37
Thank you very much.
344
865000
2000
ขอบคุณมากครับ
14:39
(Applause)
345
867000
16000
(เสียงปรบมือ)
14:55
Chris Anderson: That was fascinating. How do you reconcile
346
883000
2000
คริส แอนเดอร์สัน (Chris Anderson) : น่าทึ่งมากครับ คุณประสานมันได้อย่างไรนะ
14:57
this idea of someone being --
347
885000
5000
ความคิดเกี่ยวกับว่าใครก็ตามที่จะ --
15:02
it being bad to think of someone as a loser
348
890000
3000
มันเป็นเรื่องเลวร้ายที่จะมองใครบางคนในฐานะผู้แพ้
15:05
with the idea, that a lot of people like, of seizing control of your life.
349
893000
4000
กับความคิดที่หลายคนชอบ คือเรื่องให้ความสำคัญกับการกำหนดชีวิตของคุณเอง
15:09
And that a society that encourages that
350
897000
3000
และสังคมที่จะสนับสนุนเรื่องที่ว่า
15:12
perhaps has to have some winners and losers.
351
900000
3000
บางทีอาจจะมีทั้งผู้ชนะและผู้แพ้
15:15
Alain de Botton: Yes. I think it's merely the randomness
352
903000
3000
อาลัน เดอ บัททัน : ครับ ผมคิดว่ามันอาจเป็นแค่ความบังเอิญ
15:18
of the winning and losing process that I wanted to stress.
353
906000
2000
ในกระบวนการที่ทำให้เกิดชัยชนะและความพ่ายแพ้ และนั่นเป็นสิ่งที่ผมอยากจะเน้นย้ำ
15:20
Because the emphasis nowadays is so much
354
908000
2000
เพราะทุกวันนี้มีการเน้นย้ำมากเกินไป
15:22
on the justice of everything,
355
910000
2000
เกี่ยวกับการตัดสินทุกสิ่งทุกอย่าง
15:24
and politicians always talk about justice.
356
912000
2000
และนักการเมืองมักจะพูดเรื่องการตัดสินผิดถูก
15:26
Now I am a firm believer in justice, I just think that it is impossible.
357
914000
3000
ตอนนี้ผมเป็นคนเชื่อมั่นในเรื่องความยุติธรรม แต่ผมก็คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้
15:29
So we should do everything we can,
358
917000
2000
ดังนั้นเราจึงควรทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้
15:31
we should do everything we can to pursue it.
359
919000
2000
เราควรทำทุกสิ่งที่คิดว่าเราสามารถช่วยสร้างความยุติธรรมได้
15:33
But at the end of the day we should always remember
360
921000
2000
ท้ายที่สุด เราก็ควรจะระลึกไว้เสมอว่า
15:35
that whoever is facing us, whatever has happened in their lives,
361
923000
3000
ใครก็ตามที่เราพบ อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา
15:38
there will be a strong element of the haphazard.
362
926000
3000
มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างยิ่งกับการเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ
15:41
And it's that that I'm trying to leave room for.
363
929000
2000
และนั่นก็เป็นสิ่งที่ผมพยายามอย่างยิ่งที่จะเว้นช่องว่างไว้ให้
15:43
Because otherwise it can get quite claustrophobic.
364
931000
2000
เพราะไม่เช่นนั้นมันอาจจะกลายเป็นการปิดกั้นตนเอง
15:45
CA: I mean, do you believe that you can combine
365
933000
2000
คริส แอนเดอร์สัน : คือผมจะถามว่า คุณเชื่อไหมครับว่าคุณสามารถจะรวมเอา
15:47
your kind of kinder, gentler philosophy of work
366
935000
2000
ความคิดเรื่องปรัชญาที่นุ่มนวลอ่อนโยนเกี่ยวกับเรื่องการงาน
15:49
with a successful economy?
367
937000
4000
เข้ากับเศรษฐกิจที่ประสบความสำเร็จได้?
15:53
Or do you think that you can't?
368
941000
2000
หรือคุณคิดว่าเป็นไปไม่ได้ครับ?
15:55
But it doesn't matter that much that we're putting too much emphasis on that?
369
943000
2000
แต่มันไม่สำคัญมากไปที่เราจะเน้นย้ำและให้ความสำคัญเรื่องนี้หรือครับ?
15:57
AB: The nightmare thought
370
945000
3000
อาลัน เดอ บัททัน : แนวคิดที่น่ากลัว
16:00
is that frightening people is the best way to get work out of them,
371
948000
4000
มีอยู่ว่า การทำให้คนมีแต่ความหวาดกลัวเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้พวกเขาทำงานออกมาเต็มที่
16:04
and that somehow the crueler the environment
372
952000
3000
และบางทียิ่งสภาพแวดล้อมยิ่งเลวร้ายเท่าใด
16:07
the more people will rise to the challenge.
373
955000
2000
ผู้คนก็จะยิ่งลุกขึ้นต่อต้านมากขึ้นเท่านั้น
16:09
You want to think, who would you like as your ideal dad?
374
957000
4000
คุณอาจจะลองนึกดูว่า คุณอยากได้พ่อในอุดมคติแบบไหน
16:13
And your ideal dad is somebody who is tough but gentle.
375
961000
3000
และพ่อในอุดมคติของคุณเป็นคนที่เข้มแข็งแต่สุภาพอ่อนโยน
16:16
And it's a very hard line to make.
376
964000
2000
นั่นเป็นเส้นแบ่งที่ทำได้ยาก
16:18
We need fathers, as it were, the exemplary father figures in society,
377
966000
4000
เราต้องการพ่ออย่างที่ควรเป็น เป็นคุณพ่อตัวอย่างที่ควรได้รับการยกย่องจากสังคม
16:22
avoiding the two extremes,
378
970000
2000
ต้องหลีกเลี่ยงความสุดโต่งสองขั้ว
16:24
which is the authoritarian, disciplinarian, on the one hand,
379
972000
4000
ด้านหนึ่งก็คือระบอบเผด็จการ เต็มไปด้วยระเบียบวินัย
16:28
and on the other, the lax, no rules option.
380
976000
4000
ส่วนอีกด้านก็คือความหย่อนยาน ไร้กฎเกณฑ์
16:32
CA: Alain de Botton.
381
980000
2000
คริส แอนเดอร์สัน : อาลัน เดอ บัททัน ครับ
16:34
AB: Thank you very much.
382
982000
2000
อาลัน เดอ บัททัน : ขอบคุณมากครับ
16:36
(Applause)
383
984000
10000
(เสียงปรบมือ)
ABOUT THE SPEAKER
Alain de Botton - PhilosopherThrough his witty and literate books -- and his new School of Life -- Alain de Botton helps others find fulfillment in the everyday.
Why you should listen
It started in 1997, when Alain de Botton turned away from writing novels and instead wrote a touching extended essay titled How Proust Can Change Your Life, which became an unlikely blockbuster in the "self-help"category. His subsequent books take on some of the fundamental worries of modern life (am I happy? where exactly do I stand?), informed by his deep reading in philosophy and by a novelist's eye for small, perfect moments. His newest book is The Pleasures and Sorrows of Work.
In 2008, de Botton helped start the School of Life in London, a social enterprise determined to make learning and therapy relevant in today's uptight culture. His goal is (through any of his mediums) to help clients learn "how to live wisely and well."
Alain de Botton | Speaker | TED.com