TED2011
David Christian: The history of our world in 18 minutes
เดวิด คริสเตียน: ประวัติศาสตร์ภาพใหญ่
Filmed:
Readability: 4.7
10,836,002 views
ด้วยภาพประกอบที่น่าตื่นตาตื่นใจ เดวิด คริสเตียน เล่าถึงประวัติศาสตร์ของจักรวาล ตั้งแต่บิ๊กแบง ไปจนถึงการสร้างอินเตอร์เน็ต ภายในเวลา 18 นาที นี่คือ "ประวัติศาสตร์ภาพใหญ่" หรือมุมมองเปิดกว้าง ที่ทำให้เราได้เห็นถึงความซับซ้อน ชีวิต และมนุษยชาติ ควบคู่ไปกับความยิ่งใหญ่ของช่วงเวลาของจักรวาลแห่งนี้
David Christian - Historian
David Christian teaches an ambitious world history course that tells the tale of the entire universe -- from the Big Bang 13 billion years ago to present day. Full bio
David Christian teaches an ambitious world history course that tells the tale of the entire universe -- from the Big Bang 13 billion years ago to present day. Full bio
Double-click the English transcript below to play the video.
00:15
First, a video.
0
0
3000
ผมจะเริ่มจากวีดีโอนี้
00:24
(Video) Yes, it is a scrambled egg.
1
9000
3000
ใช่ครับ มันคือไข่ที่ถูกตีแล้ว
00:28
But as you look at it,
2
13000
2000
แต่เมื่อคุณมองไป
00:30
I hope you'll begin to feel
3
15000
2000
ผมหวังว่าคุณจะเริ่มรู้สึก
00:32
just slightly uneasy.
4
17000
3000
แปลกตาไปเล็กน้อย
00:36
Because you may notice that what's actually happening
5
21000
3000
เพราะคุณจะเห็นว่า สิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
00:39
is that the egg is unscrambling itself.
6
24000
3000
คือไข่ใบนั้นกำลังกลับเข้ารูปเข้าร่าง
00:42
And you'll now see the yolk and the white have separated.
7
27000
2000
คุณจะเห็นว่า ไข่ขาวกับไข่แดงถูกแยกออกจากกัน
00:44
And now they're going to be poured back into the egg.
8
29000
3000
และมันกำลังย้อนกลับขึ้นไปอยู่ในเปลือกไข่
00:47
And we all know in our heart of hearts
9
32000
3000
และเรารู้อยู่แก่ใจของเรา
00:50
that this is not the way the universe works.
10
35000
3000
ว่านี่ไม่ใช่หนทางของจักรวาล
00:54
A scrambled egg is mush -- tasty mush -- but it's mush.
11
39000
3000
ไข่คนเป็นของที่เละเทะ มันอร่อย แต่ก็เละ
00:57
An egg is a beautiful, sophisticated thing
12
42000
3000
แต่ไข่ฟองหนึ่งมันช่างสวยงาม ซับซ้อนเหลือเกิน
01:00
that can create even more sophisticated things,
13
45000
2000
ที่ยังสามารถสร้างสิ่งที่ซับซ้อนยิ่งกว่าได้อีก
01:02
such as chickens.
14
47000
2000
เช่น ไข่กลายเป็นไก่
01:04
And we know in our heart of hearts
15
49000
2000
และเรารู้อยู่แก่ใจ
01:06
that the universe does not travel
16
51000
2000
ว่าจักรวาลไม่ได้เดินหน้า
01:08
from mush to complexity.
17
53000
2000
จากสิ่งเละๆ กลายเป็นความซับซ้อน
01:10
In fact, this gut instinct
18
55000
2000
ที่จริง ความรู้สึกนึ้
01:12
is reflected in one of the most fundamental laws of physics,
19
57000
3000
ถูกบรรยายด้วยกฎรากฐานของฟิสิกส์
01:15
the second law of thermodynamics, or the law of entropy.
20
60000
3000
กฎของอุณหพลศาสตร์ข้อที่สอง หรือกฎของเอนโทรปี
01:18
What that says basically
21
63000
2000
นั่นก็คือ
01:20
is that the general tendency of the universe
22
65000
3000
แนวโน้มทั่วไปของจักรวาล
01:23
is to move from order
23
68000
2000
คือการย้ายจากความเป็นระเบียบ
01:25
and structure
24
70000
2000
และมีโครงสร้าง
01:27
to lack of order, lack of structure --
25
72000
2000
ไปสู่ความไม่มีระเบียบ และไม่มีโครงสร้าง
01:29
in fact, to mush.
26
74000
2000
ที่จริง ก็คือกลายเป็นของเละเทะนั่นแหละ
01:31
And that's why that video
27
76000
2000
และนั่นก็คือเหตุผลที่วีดีโอนี้
01:33
feels a bit strange.
28
78000
2000
มันดูแปลกๆ
01:35
And yet,
29
80000
2000
แต่กระนั้น
01:37
look around us.
30
82000
2000
ลองมองไปรอบๆตัวเราดูสิ
01:39
What we see around us
31
84000
2000
สิ่งที่เราเห็นรอบตัว
01:41
is staggering complexity.
32
86000
2000
คือความซับซ้อนอย่างมหาศาล
01:43
Eric Beinhocker estimates that in New York City alone,
33
88000
3000
เอริค ไบน์ฮอคเกอร์ ประเมินไว้ว่า ในนิวยอร์ค ซิตี้เพียงเมืองเดียว
01:46
there are some 10 billion SKUs, or distinct commodities, being traded.
34
91000
4000
มีสินค้าที่แตกต่างกันประมาณ 1 หมื่นล้านชิ้น วางจำหน่ายอยู่
01:50
That's hundreds of times as many species
35
95000
3000
คิดเป็นหลายร้อยเท่าของจำนวนสปีชีส์
01:53
as there are on Earth.
36
98000
2000
ที่มีบนโลกใบนี้
01:55
And they're being traded by a species
37
100000
2000
และมันถูกค้าขายโดยสปีชีส์เดียว
01:57
of almost seven billion individuals,
38
102000
2000
ที่มีเกือบ 7 พันล้านตัว
01:59
who are linked by trade, travel, and the Internet
39
104000
3000
ผู้ซึ่งถูกเชื่อมโยงด้วยการค้า การเดินทาง และอินเตอร์เน็ต
02:02
into a global system
40
107000
2000
เข้าสู่ระบบระดับโลก
02:04
of stupendous complexity.
41
109000
3000
ที่มีความซับซ้อนอย่างมหัศจรรย์
02:07
So here's a great puzzle:
42
112000
2000
และนี่คือคำถามที่ย่ิงใหญ่
02:09
in a universe
43
114000
2000
ในจักรวาล
02:11
ruled by the second law of thermodynamics,
44
116000
3000
ที่มีกฎอุณหพลศาสตร์ข้อที่สองกำกับอยู่
02:14
how is it possible
45
119000
2000
มันเป็นไปได้อย่างไร
02:16
to generate the sort of complexity I've described,
46
121000
3000
ที่เราจะมีความซับซ้อนมากมายดังที่ผมกล่าวถึง --
02:19
the sort of complexity represented by you and me
47
124000
3000
ความซับซ้อนในแบบที่ผมและคุณก็มีอยู่ในตัว
02:22
and the convention center?
48
127000
3000
หรือรวมไปถึงศูนย์ประชุมแบบนี้
02:25
Well, the answer seems to be,
49
130000
3000
คำตอบที่เป็นไปได้ก็คือ
02:28
the universe can create complexity,
50
133000
3000
จักรวาลสามารถสร้างความซับซ้อนได้
02:31
but with great difficulty.
51
136000
2000
แต่ด้วยความยากลำบากอย่างมาก
02:33
In pockets,
52
138000
2000
กล่าวสั้นๆ
02:35
there appear what my colleague, Fred Spier,
53
140000
2000
มีบางสิ่งที่เพื่อนผม เฟรด สเปียร์ เรียกว่า
02:37
calls "Goldilocks conditions" --
54
142000
2000
"เงื่อนไขโกลดิลอกซ์" --
02:39
not too hot, not too cold,
55
144000
2000
ไม่ร้อนเกินไป ไม่เย็นเกินไป
02:41
just right for the creation of complexity.
56
146000
3000
เหมาะสมสำหรับการสร้างความซับซ้อนพอดิบพอดี
02:44
And slightly more complex things appear.
57
149000
2000
ณ จุดนั้น สิ่งที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ก็จะเกิดขึ้น
02:46
And where you have slightly more complex things,
58
151000
2000
และเมื่อมีความซับซ้อนมากขึ้น
02:48
you can get slightly more complex things.
59
153000
2000
เราก็จะได้เห็นความซับซ้อนที่มากขึ้นไปอีก
02:50
And in this way, complexity builds
60
155000
3000
และนี่คือวิธีที่ความซับซ้อนก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ
02:53
stage by stage.
61
158000
2000
ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป
02:55
Each stage is magical
62
160000
3000
ในแต่ละช่วงนั้นก็เป็นสิ่งที่น่ามหัศจรรย์
02:58
because it creates the impression of something utterly new
63
163000
3000
เพราะเราจะได้เห็นสิ่งใหม่เอี่ยม
03:01
appearing almost out of nowhere in the universe.
64
166000
3000
ที่อยู่ดีๆก็เกิดขึ้นในจักรวาลแห่งนี้
03:04
We refer in big history to these moments
65
169000
2000
เราพูดถึงเหตุการณ์เหล่านี้ในประวัติศาสตร์ภาพใหญ่
03:06
as threshold moments.
66
171000
2000
ในฐานะชั่วขณะแห่งการเปลี่ยนแปลง
03:08
And at each threshold,
67
173000
2000
และในแต่ละช่วงการเปลี่ยนแปลงนั้น
03:10
the going gets tougher.
68
175000
2000
การเดินหน้าต่อไปก็ยากลำบากขึ้น
03:12
The complex things get more fragile,
69
177000
3000
เพราะสิ่งที่ซับซ้อนขึ้น ก็จะบอบบาง
03:15
more vulnerable;
70
180000
2000
เสี่ยงจะถูกทำลายมากขึ้น
03:17
the Goldilocks conditions get more stringent,
71
182000
3000
เงื่อนไขในการเดินหน้าต่อก็รัดตัวขึ้น
03:20
and it's more difficult
72
185000
2000
และมันก็ยากขึ้นเรื่อยๆ
03:22
to create complexity.
73
187000
2000
ในการสร้างความซับซ้อนต่อไป
03:24
Now, we, as extremely complex creatures,
74
189000
3000
ในฐานะที่เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนมากๆ
03:27
desperately need to know this story
75
192000
3000
เราจำเป็นอย่างที่สุด ที่ต้องรู้เรื่องเหล่านี้ไว้
03:30
of how the universe creates complexity
76
195000
2000
ว่าจักรวาลสร้างความซับซ้อนได้อย่างไร
03:32
despite the second law,
77
197000
2000
โดยก้าวผ่านกฎข้อที่สอง
03:34
and why complexity
78
199000
2000
และทำไมความซับซ้อน
03:36
means vulnerability
79
201000
2000
ก็หมายถึงความเสี่ยง
03:38
and fragility.
80
203000
2000
และความเปราะบาง
03:40
And that's the story that we tell in big history.
81
205000
3000
และนั่นคือเรื่องราวที่เราเล่าในประวัติศาสตร์ภาพใหญ่
03:43
But to do it, you have do something
82
208000
2000
แต่ในการที่เราจะทำสิ่งนั้น เราอาจจะต้อง
03:45
that may, at first sight, seem completely impossible.
83
210000
2000
ทำในสิ่งที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้
03:47
You have to survey the whole history of the universe.
84
212000
4000
นั่นก็คือ เก็บข้อมูลประวัติศาสตร์จักรวาลทั้งหมด
03:52
So let's do it.
85
217000
2000
งั้นเรามาทำกันเถอะ
03:54
(Laughter)
86
219000
2000
(เสียงหัวเราะ)
03:56
Let's begin by winding the timeline back
87
221000
3000
เราเริ่มจากย้อนเวลากลับไป
03:59
13.7 billion years,
88
224000
3000
สัก 13.7 พันล้านปีที่แล้ว
04:02
to the beginning of time.
89
227000
3000
ถึงจุดกำเนิดของกาลเวลา
04:12
Around us, there's nothing.
90
237000
2000
รอบๆตัวเรา ไม่มีอะไรเลย
04:14
There's not even time or space.
91
239000
4000
ไม่มีแม้กระทั่งกาลเวลา หรือปริภูมิ
04:18
Imagine the darkest, emptiest thing you can
92
243000
3000
ลองนึกถึงสิ่งที่มืดที่สุด ที่ว่างที่สุด ที่คุณจะจินตนาการได้
04:21
and cube it a gazillion times
93
246000
2000
และยกกำลังมันเข้าไปอีกเป็นล้านๆครั้ง
04:23
and that's where we are.
94
248000
2000
และนั่นคือที่ที่เราอยู่
04:25
And then suddenly,
95
250000
3000
ในทันใดนั้น
04:28
bang! A universe appears, an entire universe.
96
253000
3000
แบง! จักรวาลผุดขึ้นมา ทั้งจักรวาล
04:31
And we've crossed our first threshold.
97
256000
2000
และเราก็ได้ก้าวข้ามจุดเปลี่ยนแรก
04:33
The universe is tiny; it's smaller than an atom.
98
258000
2000
จักรวาลยังเล็กมากนัก เล็กกว่าอะตอมเสียอีก
04:35
It's incredibly hot.
99
260000
2000
มันร้อนมาก
04:37
It contains everything that's in today's universe,
100
262000
2000
ในตัวมัน มีทุกอย่างที่รวมกันเป็นจักรวาลทุกวันนี้
04:39
so you can imagine, it's busting.
101
264000
2000
คุณคงนึกภาพออก มันกำลังคึกคักเลยทีเดียว
04:41
And it's expanding at incredible speed.
102
266000
3000
และขยายตัวอย่างรวดเร็ว
04:44
And at first, it's just a blur,
103
269000
2000
ตอนแรกมันก็เป็นแค่ภาพจางๆ ปกคลุมไปทั่ว
04:46
but very quickly distinct things begin to appear in that blur.
104
271000
3000
จากนั้น เริ่มมีสิ่งแปลกใหม่เกิดขึ้นในหมอกจางๆ เหล่านั้น
04:49
Within the first second,
105
274000
2000
ภายในวินาทีแรก
04:51
energy itself shatters into distinct forces
106
276000
3000
พลังงานแตกละเอียดออกเป็นกำลังชนิดต่างๆ
04:54
including electromagnetism and gravity.
107
279000
2000
รวมถึงพลังแม่เหล็กไฟฟ้า และแรงดึงดูด
04:56
And energy does something else quite magical:
108
281000
3000
และพลังงานเหล่านี้ก็ร่ายเวทย์มนต์
04:59
it congeals to form matter --
109
284000
3000
ก่อตัวขึ้นกลายเป็นสสาร
05:02
quarks that will create protons
110
287000
2000
กลายเป็นควาร์กซึ่งกลายเป็นโปรตอน
05:04
and leptons that include electrons.
111
289000
3000
และเลปตอนที่มีอิเล็กตรอนด้วย
05:07
And all of that happens in the first second.
112
292000
2000
และทั้งหมดนั้น เกิดขึ้นภายในวินาทีแรก
05:09
Now we move forward 380,000 years.
113
294000
5000
จากนั้น ลองเดินหน้าไปสัก 380,000 ปี
05:14
That's twice as long as humans have been on this planet.
114
299000
3000
คิดเป็นสองเท่าของระยะเวลาที่มนุษย์อาศัยอยู่บนโลกนี้
05:17
And now simple atoms appear
115
302000
3000
จากนั้น อะตอมพื้นฐานก็เริ่มเกิดขึ้น
05:20
of hydrogen and helium.
116
305000
3000
มีไฮโดรเจน และฮีเลียม
05:23
Now I want to pause for a moment,
117
308000
2000
ผมขอหยุดไว้ตรงนี้ก่อนชั่วคราว
05:25
380,000 years after the origins of the universe,
118
310000
3000
ที่ 380,000 ปีหลังจากการกำเนิดของจักรวาล
05:28
because we actually know quite a lot
119
313000
2000
เพราะเรารู้จักมันค่อนข้างดี
05:30
about the universe at this stage.
120
315000
2000
เกี่ยวกับจักรวาล ณ เวลานี้
05:32
We know above all that it was extremely simple.
121
317000
3000
ที่สุดแล้ว เรารู้ว่ามันเรียบง่ายมาก
05:35
It consisted of huge clouds
122
320000
2000
มันมีกลุ่มควันใหญ่โต
05:37
of hydrogen and helium atoms,
123
322000
2000
ที่ประกอบไปด้วยไฮโดรเจนและฮีเลียม
05:39
and they have no structure.
124
324000
2000
และมันไม่มีโครงสร้างใดๆทั้งสิ้น
05:41
They're really a sort of cosmic mush.
125
326000
3000
เป็นเพียงของเละๆในระดับจักรวาล
05:44
But that's not completely true.
126
329000
2000
แต่นั่นไม่ได้เป็นจริงทั้งหมด
05:46
Recent studies
127
331000
2000
การศึกษาหลังๆมา
05:48
by satellites such as the WMAP satellite
128
333000
3000
โดยดาวเทียม เช่นดาวเทียม WMAP
05:51
have shown that, in fact, there are just tiny differences in that background.
129
336000
4000
แสดงให้เห็นว่า มีความแตกต่างกันในพื้นหลัง
05:55
What you see here,
130
340000
2000
สิ่งที่คุณเห็นอยู่นี้
05:57
the blue areas are about a thousandth of a degree cooler
131
342000
3000
บริเวณสีน้ำเงิน เย็นกว่าบริเวณสีแดง
06:00
than the red areas.
132
345000
2000
ประมาณ 1000 องศา
06:02
These are tiny differences,
133
347000
2000
ซึ่งเป็นเพียงความแตกต่างเล็กน้อย
06:04
but it was enough for the universe to move on
134
349000
2000
แต่ก็มากพอที่จะทำให้จักรวาลเดินหน้าต่อไปได้
06:06
to the next stage of building complexity.
135
351000
2000
สู่ความซับซ้อนขั้นต่อไป
06:08
And this is how it works.
136
353000
2000
และนี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
06:10
Gravity is more powerful
137
355000
3000
แรงดึงดูดจะแรงขึ้น
06:13
where there's more stuff.
138
358000
2000
เมื่อมีสสารอยู่มากขึ้น
06:15
So where you get slightly denser areas,
139
360000
2000
เพราะฉะนั้น เมื่อมีบริเวณที่หนาแน่นกว่าบริเวณอื่น
06:17
gravity starts compacting clouds
140
362000
2000
แรงดึงดูดก็เริ่มดูดกลุ่มควัน
06:19
of hydrogen and helium atoms.
141
364000
2000
ที่มีไฮโดรเจน และฮีเลียมเข้าด้วยกัน
06:21
So we can imagine the early universe breaking up
142
366000
2000
เราจินตนาการถึงจักรวาลแตกออก
06:23
into a billion clouds.
143
368000
2000
กลายเป็นกลุ่มควันล้านๆ กลุ่ม
06:25
And each cloud is compacted,
144
370000
2000
และแต่ละกลุ่ม ก็เริ่มรวมตัวเข้าหากัน
06:27
gravity gets more powerful as density increases,
145
372000
3000
แรงดึงดูดเพิ่มมากขึ้น เมื่อมันเริ่มรวมตัว
06:30
the temperature begins to rise at the center of each cloud,
146
375000
2000
อุณหภูมิในใจกลางกลุ่มควันก็เริ่มสูงขึ้น
06:32
and then, at the center of each cloud,
147
377000
2000
จากนั้น ในใจกลางของกลุ่มควันเหล่านั้น
06:34
the temperature crosses the threshold temperature
148
379000
3000
อุณหภูมิก้าวข้ามจุดเปลี่ยนแปลง
06:37
of 10 million degrees,
149
382000
2000
ที่ 10 ล้านองศา
06:39
protons start to fuse,
150
384000
2000
โปรตอนเริ่มเข้าปฎิกิริยาฟิวชั่น
06:41
there's a huge release of energy,
151
386000
3000
จากนั้นก็มีการแผ่พลังงานจำนวนออกมา
06:44
and, bam!
152
389000
2000
และ แบง!
06:46
We have our first stars.
153
391000
2000
เราก็ได้ดาวฤกษ์ดวงแรก
06:48
From about 200 million years after the Big Bang,
154
393000
4000
200 ล้านปีหลังบิ๊กแบง
06:52
stars begin to appear all through the universe,
155
397000
3000
ดาวฤกษ์เริ่มผุดขึ้นทั่วจักรวาล
06:55
billions of them.
156
400000
2000
เป็นพันๆล้านดวง
06:57
And the universe is now significantly more interesting
157
402000
3000
และจักรวาลก็เริ่มมีความน่าสนใจมากขึ้น
07:00
and more complex.
158
405000
3000
และเริ่มซับซ้อนมากขึ้น
07:03
Stars will create the Goldilocks conditions
159
408000
2000
ดาวฤกษ์เริ่มสร้างเงื่อนไข
07:05
for crossing two new thresholds.
160
410000
3000
ที่ก้าวข้ามจุดเปลี่ยนแปลงอีกสองจุด
07:08
When very large stars die,
161
413000
2000
เมื่อดาวฤกษ์ดวงใหญ่ๆดับลง
07:10
they create temperatures so high
162
415000
3000
มันดึงอุณหภูมิขึ้นไปสูงมากๆ
07:13
that protons begin to fuse in all sorts of exotic combinations,
163
418000
3000
จนโปรตอนเริ่มเกิดฟิวชั่นในหลายๆรูปแบบ
07:16
to form all the elements of the periodic table.
164
421000
3000
จนเกิดธาตุทั้งหมดที่เห็นในตารางธาตุ
07:19
If, like me, you're wearing a gold ring,
165
424000
3000
ถ้าคุณสวมแหวงทองคำเหมือนผม
07:22
it was forged in a supernova explosion.
166
427000
3000
แหวนนี่แหละถูกสร้างขึ้นจากการระเบิดของซุปเปอร์โนวา
07:25
So now the universe is chemically more complex.
167
430000
3000
ในตอนนี้ จักรวาลก็เร่ิมมีความซับซ้อนทางเคมีแล้ว
07:28
And in a chemically more complex universe,
168
433000
3000
และเมื่อมีความซับซ้อนทางเคมีมากขึ้น
07:31
it's possible to make more things.
169
436000
2000
ก็มีความเป็นไปได้ที่จะสร้างสิ่งต่างๆมากขึ้น
07:33
And what starts happening
170
438000
2000
และสิ่งที่เกิดขึ้น
07:35
is that, around young suns,
171
440000
2000
ก็คือ รอบๆดวงอาทิตย์รุ่นเยาว์
07:37
young stars,
172
442000
2000
และดาวฤกษ์รุ่นเยาว์ต่างๆ
07:39
all these elements combine, they swirl around,
173
444000
2000
ธาตุต่างๆเร่ิมรวมตัว วิ่งไปวิ่งมา
07:41
the energy of the star stirs them around,
174
446000
2000
พลังงานจากดาวฤกษ์เหวี่ยงมันไปมา
07:43
they form particles, they form snowflakes,
175
448000
3000
ทำให้เกิดอนุภาค เกิดเกล็ดหิมะ
07:46
they form little dust motes,
176
451000
2000
เกิดผงธุลี
07:48
they form rocks, they form asteroids,
177
453000
2000
เกิดก้อนหิน เกิดอุกกาบาต
07:50
and eventually, they form planets and moons.
178
455000
3000
และในที่สุดก็มีดาวเคราะห์ และดวงจันทร์บริวาร
07:53
And that is how our solar system was formed,
179
458000
3000
และนั่นคือความเป็นมาของระบบสุริยะจักรวาล
07:56
four and a half billion years ago.
180
461000
3000
ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ 4.5 พันล้านปีที่แล้ว
07:59
Rocky planets like our Earth
181
464000
3000
ดาวเคราะห์อย่างโลกของเรา
08:02
are significantly more complex than stars
182
467000
3000
มีความซับซ้อนมากกว่าดาวฤกษ์ค่อนข้างมาก
08:05
because they contain a much greater diversity of materials.
183
470000
3000
เพราะมีส่วนประกอบที่หลากหลายกว่ามาก
08:08
So we've crossed a fourth threshold of complexity.
184
473000
3000
ดังนั้น เราก็ได้ก้าวข้ามจุดเปลี่ยนที่สี่แล้ว
08:12
Now, the going gets tougher.
185
477000
3000
อะไรๆก็เริ่มยากขึ้นแล้วล่ะ
08:16
The next stage introduces entities
186
481000
2000
ขั้นต่อไป เราเริ่มเห็นตัวตน
08:18
that are significantly more fragile,
187
483000
2000
ที่มีความเปราะบางมาก
08:20
significantly more vulnerable,
188
485000
2000
แตกหักได้ง่ายมาก
08:22
but they're also much more creative
189
487000
3000
แต่ก็มีความสร้างสรรค์มากขึ้นอย่างมาก
08:25
and much more capable of generating further complexity.
190
490000
3000
และสามารถสร้างความซับซ้อนได้เก่งยิ่งขึ้น
08:28
I'm talking, of course,
191
493000
2000
แน่นอน ผมกำลังพูดถึง
08:30
about living organisms.
192
495000
2000
สิ่งมีชีวิต
08:32
Living organisms are created by chemistry.
193
497000
2000
สิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นจากปฏิกิริยาเคมี
08:34
We are huge packages of chemicals.
194
499000
3000
เราเป็นหีบห่อเคมีขนาดใหญ่
08:38
So, chemistry is dominated by the electromagnetic force.
195
503000
3000
เคมีเป็นสิ่งที่ถูกปกครองโดยพลังแม่เหล็กไฟฟ้า
08:41
That operates over smaller scales than gravity,
196
506000
2000
ซึ่งทำงานในระดับที่เล็กกว่าแรงดึงดูดมาก
08:43
which explains why you and I
197
508000
2000
ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมคุณและผม
08:45
are smaller than stars or planets.
198
510000
2000
จึงมีขนาดเล็กกว่าดาวฤกษ์หรือดาวเคราะห์
08:47
Now, what are the ideal conditions for chemistry?
199
512000
3000
แล้วมาถึงคำถามที่ว่า
08:50
What are the Goldilocks conditions?
200
515000
2000
อะไรคือเงื่อนไขที่เหมาะสมสำหรับเคมีเหล่านี้
08:52
Well, first, you need energy,
201
517000
2000
ก่อนอื่น คุณต้องมีพลังงาน
08:54
but not too much.
202
519000
2000
แต่ไม่ใช่มีมากเกินไปนะ
08:56
In the center of a star, there's so much energy
203
521000
2000
ในใจกลางดาวฤกษ์ มีพลังงานมากเกิน
08:58
that any atoms that combine will just get busted apart again.
204
523000
3000
ที่อะตอมอะไรก็ตามที่รวมตัวกันได้ ก็จะถูกแยกออกจากกันทันที
09:01
But not too little.
205
526000
2000
และไม่ใช่มีพลังงานน้อยเกิน
09:03
In intergalactic space, there's so little energy
206
528000
2000
ในพื้นที่ระหว่างกาแล็กซี่ มีพลังงานน้อยเหลือเกิน
09:05
that atoms can't combine.
207
530000
3000
จนอะตอมไม่สามารถรวมตัวกันได้
09:08
What you want is just the right amount,
208
533000
2000
สิ่งที่คุณต้องการ คือพลังงานที่พอเหมาะ
09:10
and planets, it turns out, are just right,
209
535000
2000
และดาวเคราะห์นี่แหละ คือที่ที่เหมาะสม
09:12
because they're close to stars, but not too close.
210
537000
3000
เพราะมันอยู่ใกล้ดาวฤกษ์ แต่ก็ไม่ใกล้เกินไป
09:15
You also need a great diversity of chemical elements,
211
540000
3000
คุณต้องมีธาตุที่หลากหลายด้วย
09:18
and you need liquid such as water.
212
543000
3000
และคุณต้องมีของเหลว เช่นน้ำ
09:21
Why?
213
546000
2000
ทำไมน่ะหรือ?
09:23
Well, in gasses, atoms move past each other so fast
214
548000
3000
สำหรับก๊าซ อะตอมวิ่งสวนกันเร็วมาก
09:26
that they can't hitch up.
215
551000
2000
จนไม่สามารถจับตัวกันไว้ได้
09:28
In solids,
216
553000
2000
ในของแข็ง
09:30
atoms are stuck together, they can't move.
217
555000
3000
อะตอมก็อยู่ติดกัน จนขยับตัวไม่ได้
09:33
In liquids,
218
558000
2000
ในของเหลว
09:35
they can cruise and cuddle
219
560000
2000
มันสามารถเดินไปมา จับตัวกัน
09:37
and link up to form molecules.
220
562000
3000
และรวมตัวกันกลายเป็นโมเลกุลได้
09:40
Now, where do you find such Goldilocks conditions?
221
565000
3000
แล้วที่ไหนล่ะที่เราจะพบเงื่อนไขเหล่านี้ได้
09:43
Well, planets are great,
222
568000
2000
ดาวเคราะห์เป็นที่ที่ดีที่สุด
09:45
and our early Earth
223
570000
2000
และโลกของเรา
09:47
was almost perfect.
224
572000
2000
ก็เกือบจะสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว
09:49
It was just the right distance from its star
225
574000
2000
มันอยู่ในระยะที่พอเหมาะจากดาวฤกษ์
09:51
to contain huge oceans of open water.
226
576000
3000
มีมหาสมุทร มีน้ำจำนวนมาก
09:54
And deep beneath those oceans,
227
579000
2000
และใต้มหาสมุทรเหล่านั้น
09:56
at cracks in the Earth's crust,
228
581000
2000
บริเวณจุดแตกของเปลือกโลก
09:58
you've got heat seeping up from inside the Earth,
229
583000
3000
เราก็มีความร้อน ที่เล็ดลอดมาจากใจกลางโลก
10:01
and you've got a great diversity of elements.
230
586000
2000
และเราก็มีความหลากหลายทางเคมี
10:03
So at those deep oceanic vents,
231
588000
2000
เพราะฉะนั้น ปฏิกิริยาเคมีที่น่ามหัศจรรย์
10:05
fantastic chemistry began to happen,
232
590000
3000
ก็เกิดขึ้นตามจุดแตกเหล่านั้น
10:08
and atoms combined in all sorts of exotic combinations.
233
593000
3000
อะตอมรวมตัวกันในรูปแบบต่างๆ นาๆ
10:12
But of course, life is more
234
597000
2000
แต่แน่นอนว่า ชีวิตเป็นมากกว่า
10:14
than just exotic chemistry.
235
599000
2000
ปฏิกิริยาทางเคมีหาได้ยาก
10:16
How do you stabilize
236
601000
2000
คุณทำให้โมเลกุลใหญ่ๆ
10:18
those huge molecules
237
603000
2000
ที่เจริญเติบโตได้
10:20
that seem to be viable?
238
605000
3000
มีความมั่นคงได้อย่างไร
10:23
Well, it's here that life introduces
239
608000
2000
ตรงนี้นี่แหละ ที่ชีวิตได้แนะนำให้เรารู้จัก
10:25
an entirely new trick.
240
610000
3000
กับการพลิกแพลงใหม่เอี่ยม
10:28
You don't stabilize the individual;
241
613000
2000
เราไม่พยายามทำให้โมเลกุลมั่นคง
10:30
you stabilize the template,
242
615000
2000
แต่เราทำให้แม่พิมพ์มันมั่นคงต่างหาก
10:32
the thing that carries information,
243
617000
2000
แม่พิมพ์ที่จะส่งต่อข้อมูล
10:34
and you allow the template to copy itself.
244
619000
2000
และก็ทำให้แม่พิมพ์เหล่านั้น สามารถทำสำเนาได้
10:36
And DNA, of course,
245
621000
2000
และแน่นอนว่า ดีเอ็นเอ
10:38
is the beautiful molecule
246
623000
2000
ก็คือโมเลกุลแสนสวย
10:40
that contains that information.
247
625000
2000
ที่บันทึกข้อมูลเหล่านั้น
10:42
You'll be familiar with the double helix of DNA.
248
627000
3000
คุณคงคุ้นเคยกับเกลียวคู่ในดีเอ็นเอ
10:45
Each rung contains information.
249
630000
2000
แต่ละคู่ก็มีข้อมูลเก็บไว้
10:47
So, DNA contains information
250
632000
2000
ดังนั้น ดีเอ็นเอมีข้อมูล
10:49
about how to make living organisms.
251
634000
3000
ถึงวิธีการสร้างสิ่งมีชีวิต
10:52
And DNA also copies itself.
252
637000
2000
และดีเอ็นเอก็ทำสำเนาตัวเองได้
10:54
So, it copies itself
253
639000
2000
มันจึงทำสำเนาตัวเอง
10:56
and scatters the templates through the ocean.
254
641000
2000
และปล่อยแม่พิมพ์เหล่านั้นออกไปทั่วมหาสมุทร
10:58
So the information spreads.
255
643000
2000
ข้อมูลก็แพร่ขยายออกไป
11:00
Notice that information has become part of our story.
256
645000
3000
สังเกตนะ ว่าข้อมูลเริ่มกลายเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวของเรา
11:03
The real beauty of DNA though
257
648000
2000
ความสวยงามของดีเอ็นเอนั้น
11:05
is in its imperfections.
258
650000
2000
อยู่ที่ความไม่สมบูรณ์แบบของมัน
11:07
As it copies itself,
259
652000
2000
เมื่อมันทำสำเนาตัวเอง
11:09
once in every billion rungs,
260
654000
2000
ในทุกๆ พันล้านรอบ
11:11
there tends to be an error.
261
656000
2000
มักจะมีความผิดพลาดเกิดขึ้น
11:13
And what that means
262
658000
2000
นั่นหมายความว่า
11:15
is that DNA is, in effect, learning.
263
660000
3000
ดีเอ็นเอกำลังเรียนรู้
11:18
It's accumulating new ways of making living organisms
264
663000
2000
มันกำลังรวบรวมวิธีการใหม่ๆในการสร้างสิ่งมีชีวิต
11:20
because some of those errors work.
265
665000
2000
เพราะความผิดพลาด บางทีก็ใช้งานได้จริง
11:22
So DNA's learning
266
667000
2000
ดังนั้น ดีเอ็นเอกำลังเรียนรู้
11:24
and it's building greater diversity and greater complexity.
267
669000
3000
และกำลังสร้างความหลากหลาย ความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ
11:27
And we can see this happening over the last four billion years.
268
672000
3000
เราสามารถเห็นการทำงานของมันได้ตลอด 4 พันล้านปีที่ผ่านมา
11:30
For most of that time of life on Earth,
269
675000
2000
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาบนโลกใบนี้
11:32
living organisms have been relatively simple --
270
677000
2000
สิ่งมีชีวิตค่อนข้างจะเรียบง่าย --
11:34
single cells.
271
679000
2000
เป็นสัตว์เซลล์เดียว
11:36
But they had great diversity,
272
681000
2000
แต่มีความหลากหลายอยู่มาก
11:38
and, inside, great complexity.
273
683000
2000
และภายใน ก็ซ่อนความซับซ้อนมากมาย
11:40
Then from about 600 to 800 million years ago,
274
685000
3000
จากนั้น เมื่อ 600 ถึง 800 ล้านปีที่แล้ว
11:43
multi-celled organisms appear.
275
688000
2000
สิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ก็เริ่มกำเนิดขึ้น
11:45
You get fungi, you get fish,
276
690000
2000
เราเริ่มมีสิ่งมีชีวิตตระกูลเห็ด เริ่มมีปลา
11:47
you get plants,
277
692000
2000
เริ่มมีพืช
11:49
you get amphibia, you get reptiles,
278
694000
3000
มีสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ มีสัตว์เลื้อยคลาน
11:52
and then, of course, you get the dinosaurs.
279
697000
3000
และแน่นอน เราก็มีไดโนเสาร์
11:55
And occasionally, there are disasters.
280
700000
4000
และในบางครั้งบางคราว เราเจอะเจอกับภัยธรรมชาติ
11:59
Sixty-five million years ago,
281
704000
2000
65 ล้านปีที่แล้ว
12:01
an asteroid landed on Earth
282
706000
2000
อุกกาบาตตกลงมายังโลก
12:03
near the Yucatan Peninsula,
283
708000
2000
ใกล้คาบสมุทรยูคาตัน
12:05
creating conditions equivalent to those of a nuclear war,
284
710000
3000
เกิดเงื่อนไขที่เทียบเท่ากับสงครามนิวเคลียร์
12:08
and the dinosaurs were wiped out.
285
713000
2000
และไดโนเสาร์ก็สูญพันธ์
12:10
Terrible news for the dinosaurs,
286
715000
4000
ข่าวร้ายสำหรับเหล่าไดโนเสาร์
12:14
but great news for our mammalian ancestors,
287
719000
3000
แต่เป็นข่าวดีของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม บรรพบุรุษของเรา
12:17
who flourished
288
722000
2000
ที่รุ่งเรือง
12:19
in the niches left empty by the dinosaurs.
289
724000
3000
จากที่ที่ไดโนเสาร์ทิ้งเอาไว้
12:22
And we human beings
290
727000
2000
และมนุษย์อย่างเรา
12:24
are part of that creative evolutionary pulse
291
729000
3000
ก็เป็นส่วนหนึ่งของวิวัฒนาการ
12:27
that began 65 million years ago
292
732000
3000
ที่เริ่มต้นเมื่อ 65 ล้านปีที่แล้ว
12:30
with the landing of an asteroid.
293
735000
2000
จากการทักทายของอุกกาบาต
12:33
Humans appeared about 200,000 years ago.
294
738000
3000
มนุษย์เกิดขึ้นเมื่อ 200,000 ปีที่แล้ว
12:36
And I believe we count
295
741000
2000
และผมเชื่อว่าจุดนี้
12:38
as a threshold in this great story.
296
743000
2000
คืออีกหนึ่งจุดเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่
12:40
Let me explain why.
297
745000
2000
ผมจะอธิบายให้ฟังว่าทำไม
12:42
We've seen that DNA learns in a sense,
298
747000
3000
เรารู้แล้วว่าดีเอ็นเอเรียนรู้ได้
12:45
it accumulates information.
299
750000
2000
โดยการเก็บรวบรวมข้อมูล
12:47
But it is so slow.
300
752000
2000
แต่มันก็ช้ามากๆ
12:49
DNA accumulates information
301
754000
2000
ดีเอ็นเอรวบรวมข้อมูล
12:51
through random errors,
302
756000
2000
จากข้อผิดพลาด
12:53
some of which just happen to work.
303
758000
3000
ที่มีประโยชน์โดยบังเอิญ
12:56
But DNA had actually generated a faster way of learning:
304
761000
2000
แต่ดีเอ็นเอก็ได้สร้างวิธีการเรียนรู้แบบใหม่
12:58
it had produced organisms with brains,
305
763000
3000
โดยสร้างสิ่งมีชีวิตที่มีสมอง
13:01
and those organisms can learn in real time.
306
766000
3000
และสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นสามารถเรียนรู้ได้โดยตรง
13:04
They accumulate information, they learn.
307
769000
3000
มันสามารถรวบรวมข้อมูล เรียนรู้ได้
13:07
The sad thing is,
308
772000
2000
แต่ที่น่าเสียดายคือ
13:09
when they die, the information dies with them.
309
774000
3000
เมื่อมันตาย ข้อมูลก็หายไปกับพวกมัน
13:12
Now what makes humans different
310
777000
2000
สิ่งที่ทำให้มนุษย์แตกต่าง
13:14
is human language.
311
779000
2000
ก็คือภาษาของมนุษย์
13:16
We are blessed with a language, a system of communication,
312
781000
2000
เรามีภาษา มีระบบในการติดต่อสื่อสาร
13:18
so powerful and so precise
313
783000
3000
ที่ทรงพลัง และมีความแม่นยำมาก
13:21
that we can share what we've learned with such precision
314
786000
3000
จนเราสามารถแบ่งปันสิ่งที่เราเรียนรู้ได้อย่างแม่นยำ
13:24
that it can accumulate in the collective memory.
315
789000
3000
และสามารถรวบรวม เป็นการใช้ความจำร่วมกัน
13:27
And that means
316
792000
2000
และนั่นหมายความว่า
13:29
it can outlast the individuals who learned that information,
317
794000
3000
ข้อมูลอยู่ได้นานกว่าบุคคลที่เรียนรู้ข้อมูลนั้นๆ
13:32
and it can accumulate from generation to generation.
318
797000
4000
และสามารถรวบรวมได้จากรุ่นสู่รุ่น
13:36
And that's why, as a species, we're so creative
319
801000
2000
และนั่นคือเหตุผลที่เรา ในฐานะสปีชีส์หนึ่ง มีความสร้างสรรค์
13:38
and so powerful,
320
803000
2000
และทรงพลังมาก
13:40
and that's why we have a history.
321
805000
2000
และนั่นคือเหตุผลที่เรามีประวัติศาสตร์
13:42
We seem to be the only species in four billion years
322
807000
3000
เราเหมือนจะเป็นสปีชีส์เดียวใน 4 พันล้านปี
13:45
to have this gift.
323
810000
2000
ที่ได้ของขวัญชิ้นนี้
13:47
I call this ability
324
812000
2000
ผมเรียกความสามารถนี้ว่า
13:49
collective learning.
325
814000
2000
การเรียนรู้ร่วมกัน
13:51
It's what makes us different.
326
816000
2000
นั่นคือสิ่งที่ทำให้เราแตกต่าง
13:53
We can see it at work
327
818000
2000
เราเห็นการทำงานของมัน
13:55
in the earliest stages of human history.
328
820000
2000
ได้ตั้งแต่ยุคเริ่มต้นของมนุษยชาติ
13:57
We evolved as a species
329
822000
2000
เราวิวัฒนาการในฐานะสปีชีส์
13:59
in the savanna lands of Africa,
330
824000
2000
ในทุ่งหญ้าในแอฟริกา
14:01
but then you see humans migrating into new environments,
331
826000
3000
แต่เราก็เห็นมนุษย์ย้ายถิ่นฐานไปในสภาพแวดล้อมใหม่ๆ --
14:04
into desert lands, into jungles,
332
829000
2000
ไปยังทะเลทราย ในป่าใหญ่
14:06
into the ice age tundra of Siberia --
333
831000
2000
ในทุ่งหญ้ายุคน้ำแข็งของไซบีเรีย --
14:08
tough, tough environment --
334
833000
2000
ในสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายมากๆ --
14:10
into the Americas, into Australasia.
335
835000
2000
ไปยังอเมริกา และออสเตรเลเซีย
14:12
Each migration involved learning --
336
837000
2000
ในทุกการย้ายถิ่นฐาน ล้วนมีการเรียนรู้ --
14:14
learning new ways of exploiting the environment,
337
839000
3000
เรียนรู้วิธีใหม่ในการอยู่กับสภาพแวดล้อม
14:17
new ways of dealing with their surroundings.
338
842000
2000
วิธีใหม่ในการต่อสู้กับสิ่งรอบตัว
14:19
Then 10,000 years ago,
339
844000
2000
แล้วเมื่อ 10,000 ปีที่ผ่านมา
14:21
exploiting a sudden change in global climate
340
846000
2000
มีการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศครั้งใหญ่
14:23
with the end of the last ice age,
341
848000
2000
จุดสิ้นสุดของยุคน้ำแข็ง
14:25
humans learned to farm.
342
850000
3000
มนุษย์เรียนรู้การทำเกษตรกรรม
14:28
Farming was an energy bonanza.
343
853000
2000
เกษตรกรรมเป็นแหล่งกำเนินพลังงานมหาศาล
14:30
And exploiting that energy,
344
855000
2000
และด้วยพลังงานเหล่านั้น
14:32
human populations multiplied.
345
857000
2000
ประชากรมนุษย์ก็ทวีคูณขึ้นไม่รู้จบ
14:34
Human societies got larger, denser,
346
859000
2000
สังคมมนุษย์เติบใหญ่ขึ้น หนาแน่นขึ้น
14:36
more interconnected.
347
861000
2000
เชื่อมต่อกันมากขึ้น
14:38
And then from about 500 years ago,
348
863000
4000
จากนั้นเมื่อ 500 ปีที่แล้ว
14:42
humans began to link up globally
349
867000
2000
มนุษย์เริ่มเชื่อมต่อกันทั่วโลก
14:44
through shipping, through trains,
350
869000
2000
ผ่านการเดินเรือ ทางรถไฟ
14:46
through telegraph, through the Internet,
351
871000
3000
ผ่านโทรเลข ผ่านอินเตอร์เน็ต
14:49
until now we seem to form
352
874000
2000
ตอนนี้เราเหมือนจะเห็น
14:51
a single global brain
353
876000
2000
ทั้งโลกเป็นเสมือนสมองหนึ่งเดียว
14:53
of almost seven billion individuals.
354
878000
2000
ที่มีมนุษย์ถึง 7 ล้านคนร่วมสร้าง
14:55
And that brain is learning at warp speed.
355
880000
5000
และสมองก้อนนั้น กำลังเรียนรู้ด้วยความเร็วแสง
15:00
And in the last 200 years, something else has happened.
356
885000
2000
และ 200 ปีที่ผ่านมา มีบางอย่างเกิดขึ้นอีก
15:02
We've stumbled on another energy bonanza
357
887000
2000
เราพบเจอขุมทรัพย์พลังงานอีกอย่างหนึ่ง
15:04
in fossil fuels.
358
889000
2000
จากเชื้อเพลิงฟอสซิล
15:06
So fossil fuels and collective learning together
359
891000
3000
ด้วยฟอสซิล และการเรียนรู้ร่วมกัน
15:09
explain the staggering complexity
360
894000
2000
เป็นเหตุผลที่เราเห็นความซับซ้อนมหาศาล
15:11
we see around us.
361
896000
2000
อยู่รอบตัวเรา
15:16
So, here we are,
362
901000
3000
และแล้วเราก็กลับมาสู่ปัจจุบัน
15:19
back at the convention center.
363
904000
2000
ในศูนย์ประชุมแห่งนี้
15:21
We've been on a journey, a return journey,
364
906000
2000
เราได้เดินทางไปบนเส้นทาง
15:23
of 13.7 billion years.
365
908000
3000
ความยาวถึง 13.7 ล้านปี
15:26
I hope you agree that this is a powerful story.
366
911000
3000
ผมหวังว่าคุณก็เห็นด้วย ว่านี่เป็นเรื่องราวที่ทรงพลังมาก
15:29
And it's a story in which humans
367
914000
2000
มันเป็นเรื่องราวที่มนุษย์
15:31
play an astonishing and creative role.
368
916000
3000
ได้มีบทบาทที่สำคัญและน่าทึ่ง
15:34
But it also contains warnings.
369
919000
3000
แต่มันก็มีสัญญาณเตือนเหมือนกัน
15:37
Collective learning is a very, very powerful force,
370
922000
4000
การเรียนรู้ร่วมกัน เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่
15:41
and it's not clear
371
926000
2000
และเราก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ
15:43
that we humans are in charge of it.
372
928000
3000
ว่าเราควบคุมมันได้หรือไม่
15:46
I remember very vividly as a child growing up in England,
373
931000
3000
ผมจำได้ลางๆ เมื่อครั้งยังเป็นเด็ก เติบโตที่ประเทศอังกฤษ
15:49
living through the Cuban Missile Crisis.
374
934000
3000
ใช้ชีวิตผ่านช่วงวิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบา
15:52
For a few days,
375
937000
2000
ในระยะเวลาหลายวัน
15:54
the entire biosphere
376
939000
2000
โลกทั้งใบ
15:56
seemed to be on the verge of destruction.
377
941000
3000
เกือบจะถึงจุดหายนะ
15:59
And the same weapons are still here,
378
944000
3000
และอาวุธในวันนั้น ก็ยังคงอยู่ทุกวันนี้
16:02
and they are still armed.
379
947000
2000
และพร้อมที่จะถูกใช้ในทุกเมื่อ
16:04
If we avoid that trap,
380
949000
2000
ถึงเราจะหลีกเลี่ยงจุดนั้นได้
16:06
others are waiting for us.
381
951000
2000
ก็ยังมีอีกหลายสิ่งที่คอยเราอยู่
16:08
We're burning fossil fuels at such a rate
382
953000
3000
เรากำลังเผาเชื้อเพลิงฟอสซิล
16:11
that we seem to be undermining the Goldilocks conditions
383
956000
3000
ในระดับที่เราเริ่มพังทลายเงื่อนไข
16:14
that made it possible for human civilizations
384
959000
2000
ที่ทำให้อารยธรรมมนุษย์สร้างตัวขึ้นมาได้
16:16
to flourish over the last 10,000 years.
385
961000
4000
ตลอด 10,000 ปีที่ผ่านมา
16:20
So what big history can do
386
965000
2000
สิ่งที่ประวัติศาสตร์ภาพใหญ่นี้จะทำได้
16:22
is show us the nature of our complexity and fragility
387
967000
3000
คือแสดงให้เห็นถึงความซับซ้อน และความเปราะบาง
16:25
and the dangers that face us,
388
970000
2000
และอันตรายที่เรากำลังเผชิญ
16:27
but it can also show us
389
972000
3000
แต่มันก็แสดงให้เราเห็น
16:30
our power with collective learning.
390
975000
2000
ถึงพลังของเรา จากการเรียนรู้ร่วมกัน
16:32
And now, finally,
391
977000
3000
และสุดท้ายนี้
16:35
this is what I want.
392
980000
4000
นี่คือสิ่งที่ผมต้องการ
16:39
I want my grandson, Daniel,
393
984000
3000
ผมต้องการหลายของผม แดเนียล
16:42
and his friends and his generation,
394
987000
2000
และเพื่อนของเขา และรุ่นของเขา
16:44
throughout the world,
395
989000
2000
ที่อยู่ทั่วโลกใบนี้
16:46
to know the story of big history,
396
991000
3000
ได้รู้จักเรื่องราวประวัติศาสตร์ทั้งหมดของเรา
16:49
and to know it so well
397
994000
2000
และรู้จักมันดีพอ
16:51
that they understand
398
996000
2000
ที่จะเข้าใจ
16:53
both the challenges that face us
399
998000
2000
ทั้งอุปสรรคที่เรากำลังเผชิญ
16:55
and the opportunities that face us.
400
1000000
3000
และโอกาสที่อยู่ใกล้เอื้อม
16:58
And that's why a group of us
401
1003000
2000
และนั่นก็คือเหตุผลที่พวกผม
17:00
are building a free, online syllabus
402
1005000
2000
กำลังสร้างแบบเรียนออนไลน์ฟรี
17:02
in big history
403
1007000
2000
เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ภาพใหญ่
17:04
for high school students throughout the world.
404
1009000
2000
ให้กับนักเรียนมัธยมทั่วโลกได้ใช้
17:06
We believe that big history
405
1011000
3000
เราเชื่อว่าประวัติศาสตร์ภาพใหญ่นี้
17:09
will be a vital intellectual tool for them,
406
1014000
3000
จะเป็นเครื่องมือทางปัญญาที่สำคัญสำหรับพวกเขา
17:12
as Daniel and his generation
407
1017000
3000
เพราะแดเนียลและเพื่อนของเขา
17:15
face the huge challenges
408
1020000
2000
กำลังเผชิญความท้าทายที่ยิ่งใหญ่
17:17
and also the huge opportunities
409
1022000
2000
และโอกาสที่ยิ่งใหญ่
17:19
ahead of them at this threshold moment
410
1024000
3000
อยู่ภายภาคหน้า ณ จุดเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
17:22
in the history of our beautiful planet.
411
1027000
4000
ในประวัติศาสตร์ของโลกที่สวยงามของเรา
17:26
I thank you for your attention.
412
1031000
2000
(เสียงปรบมือ)
17:28
(Applause)
413
1033000
5000
ABOUT THE SPEAKER
David Christian - HistorianDavid Christian teaches an ambitious world history course that tells the tale of the entire universe -- from the Big Bang 13 billion years ago to present day.
Why you should listen
David Christian is by training a historian of Russia and the Soviet Union, but since the 1980s he has become interested in world history on very large scales. He has written on the social and material history of the 19th-century Russian peasantry, in particular on aspects of diet and the role of alcohol. In 1989, he began teaching courses on "Big History," surveying the past on the largest possible scales, including those of biology and astronomy.
Christian is a member of the Australian Academy of the Humanities. Over the next few years he will also be working with the support of Bill Gates to create an online course in "Big History" for high school students.
Watch the Big History series on H2 >>
David Christian | Speaker | TED.com