TEDSalon London Spring 2011
Richard Seymour: How beauty feels
ริชาร์ด ซีมัวร์ (Richard Seymour): นี่แหละที่เรียกว่าการรู้สึกถึงความงาม
Filmed:
Readability: 3
1,120,644 views
เรื่องราวแห่งงานของศิลปะ หน้าตา และสิ่งที่ถูกออกแบบขึ้น เราจะบอกได้อย่างไรว่าสิ่งใดสวยงาม และเหตุใดความงามจึงสำคัญกับคนเรานัก ริชาร์ดซีมัวร์ ดีไซเนอร์ผู้ซึ่งจะนำพาเราไปเสาะหาการตอบสนองของคนเราที่มีต่อความงามและพลังอันน่าตื่นตาตื่นใจของสิ่งอันดำรงไว้ซึ่งความงามเหล่านั้น
Richard Seymour - Designer
As a partner in seymourpowell, Richard Seymour designs idea-driven products -- from household goods to trains and motorcycles. Full bio
As a partner in seymourpowell, Richard Seymour designs idea-driven products -- from household goods to trains and motorcycles. Full bio
Double-click the English transcript below to play the video.
00:15
When I was little --
0
0
2000
ตอนที่ผมเป็นเด็ก
00:17
and by the way, I was little once --
1
2000
2000
ฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่ผมเคยตัวเล็กมาก่อน
00:19
my father told me a story
2
4000
2000
พ่อเคยเล่าให้ผมฟัง
00:21
about an 18th century watchmaker.
3
6000
2000
เกี่ยวกับช่างประดิษฐ์นาฬิกาคนหนึ่งในศตวรรษที่ 18
00:23
And what this guy had done:
4
8000
2000
และสิ่งที่ชายผู้นี้ได้ทำนั้น
00:25
he used to produce these fabulously beautiful watches.
5
10000
2000
คือผลิตนาฬิกาที่สวยเอามากๆ
00:27
And one day, one of his customers came into his workshop
6
12000
3000
และวันหนึ่ง ลูกค้าก็เดินเข้าไปในห้องทำงานเขา
00:30
and asked him to clean the watch that he'd bought.
7
15000
3000
และขอให้ช่วยทำความสะอาดนาฬิกาที่ซื้อไป
00:33
And the guy took it apart,
8
18000
2000
ช่างได้แยกชิ้นส่วนนาฬิกาออก
00:35
and one of the things he pulled out was one of the balance wheels.
9
20000
3000
และหนึ่งในสิ่งที่เขาเอาออกมาจากตัวนาฬิกาก็คือฟันเฟืองบาลานซ์
00:38
And as he did so, his customer noticed
10
23000
2000
ในขณะนั้นเองที่ลูกค้าของเขาได้สังเกตเห็นว่า
00:40
that on the back side of the balance wheel was an engraving,
11
25000
3000
ด้านหลังของฟันเฟืองก็คือสิ่งที่ถูกสลักเอาไว้
00:43
were words.
12
28000
2000
เป็นคำๆหนึ่ง
00:45
And he said to the guy,
13
30000
2000
ลูกค้าคนนั้นจึงถามช่างนาฬิกาว่า
00:47
"Why have you put stuff on the back
14
32000
2000
"ทำไมถึงต้องสลักคำไว้ที่ด้านหลังด้วย
00:49
that no one will ever see?"
15
34000
2000
ในเมื่อไม่มีใครเห็น?"
00:51
And the watchmaker turned around and said,
16
36000
3000
แล้วช่างนาฬิกาก็หันกลับไปและตอบว่า
00:54
"God can see it."
17
39000
2000
"องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทอดพระเนตรเห็น"
00:56
Now I'm not in the least bit religious,
18
41000
2000
ผมเองไม่ใช่คนที่เคร่งศาสนาอะไร
00:58
neither was my father,
19
43000
2000
เช่นเดียวกับพ่อของผม
01:00
but at that point, I noticed something happening here.
20
45000
3000
แต่ในตอนนั้นเอง ที่ผมสังเกตุว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นตรงนี้
01:03
I felt something
21
48000
2000
ผมรู้สึกถึงบางอย่าง
01:05
in this plexus of blood vessels and nerves,
22
50000
4000
ที่ลึกเข้าไปในระบบอันซับซ้อนของประสาทและเส้นเลือด
01:09
and there must be some muscles in there as well somewhere, I guess.
23
54000
2000
และผมก็เดาว่าอาจจะมีกล้ามเนื้ออยู่ตรงนั้นสักแห่งก็ได้
01:11
But I felt something.
24
56000
2000
แต่ผมรู้สึกถึงบางอย่าง
01:13
And it was a physiological response.
25
58000
3000
และนั่นก็คือการตอบสนองทางกายภาพนั่นเอง
01:16
And from that point on, from my age at the time,
26
61000
3000
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ตอนที่ผมอายุเท่านั้น
01:19
I began to think of things in a different way.
27
64000
2000
ผมก็เริ่มคิดถึงสิ่งต่างๆในมุมมองที่แตกต่างไปจากเดิม
01:21
And as I took on my career as a designer,
28
66000
2000
ตอนที่ผมเข้ามาทำงานเป็นดีไซเนอร์
01:23
I began to ask myself the simple question:
29
68000
3000
ผมเริ่มถามคำถามง่ายๆกับตัวเองว่า
01:26
Do we actually think beauty,
30
71000
2000
คนเรารับรู้ความงามด้วยความคิด
01:28
or do we feel it?
31
73000
2000
หรือความรู้สึกกันแน่?
01:30
Now you probably know the answer to this already.
32
75000
2000
ตอนนี้คุณอาจจะมีคำตอบแล้วก็ได้
01:32
You probably think, well, I don't know which one you think it is,
33
77000
3000
คุณอาจจะคิดว่า ฉันไม่รู้หรอกว่าคุณจะคิดยังไง
01:35
but I think it's about feeling beauty.
34
80000
3000
แต่ผมคิดว่าคนเราใช้ความรู้สึกรับรู้ความงาม
01:38
And so I then moved on into my design career
35
83000
4000
จากนั้นผมก็ทำงานเป็นดีไซเนอร์มาเรื่อยๆ
01:42
and began to find some exciting things.
36
87000
2000
และเริ่มค้นพบบางอย่างที่น่าตื่นเต้นมากๆ
01:44
One of the most early work was done in automotive design --
37
89000
3000
งานชิ้นแรกๆที่ผมได้ทำก็คืองานออกแบบยานพาหนะ
01:47
some very exciting work was done there.
38
92000
2000
เราได้ทำงานออกแบบที่น่าตื่นเต้นในตอนนั้น
01:49
And during a lot of this work,
39
94000
2000
และระหว่างนี้เอง
01:51
we found something, or I found something,
40
96000
2000
เราได้ค้นพบบางสิ่ง หรือผมได้พบบางอย่าง
01:53
that really fascinated me, and maybe you can remember it.
41
98000
3000
ที่ทำให้ผมทึ่งมากๆ บางทีคุณอาจจะรู้จักมันก็ได้
01:56
Do you remember when lights used to just go on and off,
42
101000
2000
คุณจำได้ไหมว่าไฟเคยแค่ปิดและก็เปิด
01:58
click click, when you closed the door in a car?
43
103000
3000
แก๊ก แก๊ก ตอนที่คุณปิดประตูรถ?
02:01
And then somebody, I think it was BMW,
44
106000
2000
แล้วใครคนหนึ่ง ผมคิดว่าน่าจะเป็นรถ BMW นะ
02:03
introduced a light that went out slowly.
45
108000
3000
ที่นำเอาไฟที่ค่อยๆดับลงอย่างช้าๆมาใช้เป็นครั้งแรก
02:06
Remember that?
46
111000
2000
จำได้มั๊ยครับ?
02:08
I remember it clearly.
47
113000
2000
ผมจำได้แม่นทีเดียว
02:10
Do you remember the first time you were in a car and it did that?
48
115000
2000
คุณจำครั้งแรกได้มั๊ยตอนที่คุณอยู่ในรถ แล้วไฟก็ค่อยๆดับ?
02:12
I remember sitting there thinking, this is fantastic.
49
117000
3000
ผมจำได้ว่านั่งอยู่ตรงนั้น คิดว่านี่เป็นสิ่งที่วิเศษจริงๆ
02:15
In fact, I've never found anybody
50
120000
2000
ตามจริงแล้ว ผมไม่เคยเจอใครสักคน
02:17
that doesn't like the light that goes out slowly.
51
122000
2000
ที่ไม่ชอบไฟที่ค่อยๆดับลงช้าๆ
02:19
I thought, well what the hell's that about?
52
124000
2000
ผมเคยคิดว่า...ความรู้สึกนั้นมันคืออะไรกันนะ?
02:21
So I started to ask myself questions about it.
53
126000
3000
ผมเลยเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับสิ่งนั้นกับตัวเอง
02:24
And the first was, I'd ask other people: "Do you like it?" "Yes."
54
129000
3000
ตอนแรกๆ ผมก็เริ่มถามคนอื่นๆก่อนว่า "คุณชอบมันมั๊ย" "ชอบ"
02:27
"Why?" And they'd say, "Oh, it feels so natural,"
55
132000
2000
"ทำไมครับ?" และพวกเขาก็บอกว่า "มันรู้สึกธรรมชาติดี"
02:29
or, "It's nice."
56
134000
2000
หรือไม่ก็ "มันรู้สึกดี"
02:31
I thought, well that's not good enough.
57
136000
2000
ผมคิดว่า นั่นไม่ใช่คำตอบที่ดีพอ
02:33
Can we cut down a little bit further,
58
138000
2000
แล้วเราจะเจาะหาคำตอบให้ลึกเข้าไปกว่านี้ได้อีกไหม
02:35
because, as a designer, I need the vocabulary, I need the keyboard,
59
140000
3000
เพราะในฐานะที่เป็นดีไซเนอร์ ผมต้องการคำ ต้องการสิ่งที่สื่ออกมาได้
02:38
of how this actually works.
60
143000
2000
ว่าสิ่งเหล่านี้นั้นมันทำงานยังไง
02:40
And so I did some experiments.
61
145000
2000
แล้วผมก็ทำการทดลองบางอย่าง
02:42
And I suddenly realized
62
147000
2000
แล้วก็รู้ทันทีเลยว่า
02:44
that there was something that did exactly that --
63
149000
2000
มีบางอย่างที่ผลักดันให้เกิดปรากฎการณ์อย่างนั้นเลย
02:46
light to dark in six seconds --
64
151000
2000
ความรู้สึกระหว่างที่ไฟค่อยๆดับใน 6 วินาที
02:48
exactly that.
65
153000
2000
นั่นเลย
02:50
Do you know what it is? Anyone?
66
155000
3000
คุณรู้ไหมครับว่ามันคืออะไร? มีใครรู้มั๊ยครับ?
02:53
You see, using this bit, the thinky bit,
67
158000
2000
สังเกตไหมครับ เราใช้สิ่งนี้ สิ่งที่เกี่ยวกับความคิด
02:55
the slow bit of the brain -- using that.
68
160000
2000
ส่วนที่ช้าของสมอง
02:57
And this isn't a think, it's a feel.
69
162000
2000
แต่สิ่งนั้นไมใช่ความคิดครับ แต่เป็นความรู้สึก
02:59
And would you do me a favor?
70
164000
2000
ผมอยากจะให้คุณช่วยทำอะไรอย่างนึง?
03:01
For the next 14 minutes or whatever it is,
71
166000
2000
จากนี้ต่อไป 14 นาที ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็แล้วแต่
03:03
will you feel stuff?
72
168000
2000
คุณช่วยใช้ความรู้สึกรับรู้ถึงสิ่งต่างๆได้ไหมครับ?
03:05
I don't need you to think so much as I want you to feel it.
73
170000
3000
ผมอยากให้คุณใช้ความรู้สึกมากว่าความคิด
03:08
I felt a sense of relaxation
74
173000
3000
ผมเองรู้สึกถึงความผ่อนคลาย
03:11
tempered with anticipation.
75
176000
3000
ที่แต้มด้วยความคาดหวัง
03:14
And that thing that I found
76
179000
3000
และสิ่งที่ผมพบก็คือ
03:17
was the cinema or the theater.
77
182000
2000
การละครหรือโรงละครนั่นเอง
03:19
It's actually just happened here --
78
184000
2000
ตามจริงแล้วมันเกิดขึ้นระหว่างนี้แหละครับ
03:21
light to dark in six seconds.
79
186000
3000
ตอนที่ไฟค่อยๆดับลงใน 6 วินาที
03:24
And when that happens, are you sitting there going,
80
189000
2000
และในตอนนั้นเอง คุณกำลังนั่งอยู่ที่นั่น คิดในใจว่า...
03:26
"No, the movie's about to start,"
81
191000
2000
"โอไม่นะ ละครจะเริ่มแล้วเหรอเนี่ย"
03:28
or are you going, "That's fantastic. I'm looking forward to it.
82
193000
3000
หรือคุณอาจจะกำลังคิดว่า "ดีจัง ฉันอยากดูมาตั้งนานแล้ว"
03:31
I get a sense of anticipation"?
83
196000
3000
รู้สึกถึงความคาดหวังในนั้นมั้ยครับ?
03:34
Now I'm not a neuroscientist.
84
199000
2000
ผมไม่ใช่นักประสาทวิทยาก็จริง
03:36
I don't know even if there is something called a conditioned reflex.
85
201000
2000
ผมไม่รู้หรอกว่ามีสิ่งที่เรียกว่า ปฏิกิริยาตอบกลับแบบมีเงื่อนไขหรือเปล่า
03:38
But it might be.
86
203000
2000
แต่อาจจะมีก็ได้นะครับ
03:40
Because the people I speak to in the northern hemisphere
87
205000
2000
เพราะว่าคนที่ผมเคยคุยด้วยซึ่งอยู่แถบซีกโลกเหนือ
03:42
that used to go in the cinema get this.
88
207000
2000
ที่เคยไปดูละครมีความรู้สึกถึงปฏิกิริยาตอบกลับนั้น
03:44
And some of the people I speak to
89
209000
2000
และบางคนที่ผมคุยด้วย
03:46
that have never seen a movie or been to the theater
90
211000
2000
คนที่ไม่เคยดูหนังหรือไปโรงละครมาก่อน
03:48
don't get it in the same way.
91
213000
2000
กลับไม่รู้สึกอย่างเดียวกัน
03:50
Everybody likes it,
92
215000
2000
ทุกคนชอบ...ใช่
03:52
but some like it more than others.
93
217000
3000
แต่บางคนอาจจะชอบมากกว่าอีกคนหนึ่ง
03:55
So this leads me to think of this in a different way.
94
220000
2000
สิ่งนี้เลยทำให้ผมคิดไปถึงมุมมองที่ต่างไปจากเดิม
03:57
We're not feeling it. We're thinking beauty is in the limbic system --
95
222000
3000
เราไม่ได้ใช้ความรู้สึก แต่เราคิดว่าความสวยงามนั่นขึ้นอยู่กับระบบลิมบิก (Limbic system) ในสมอง
04:00
if that's not an outmoded idea.
96
225000
2000
ถ้าทฤษฎีดังกล่าวยังไม่ล้าสมัยเกินไป
04:02
These are the bits, the pleasure centers,
97
227000
3000
ระบบที่ว่าก็คือส่วนที่เป็นศูนย์กลางที่ควบคุมความพึงพอใจของคนเรา
04:05
and maybe what I'm seeing and sensing and feeling
98
230000
3000
และอาจเป็นได้ว่าสิ่งที่ผมเห็น รับรู้ และรู้สึกนั้น
04:08
is bypassing my thinking.
99
233000
2000
ก้าวข้ามส่วนที่เป็นความคิดของผม
04:10
The wiring from your sensory apparatus to those bits
100
235000
3000
ส่วนที่เชื่อมระบบความรู้สึกกับสิ่งเหล่านั้น
04:13
is shorter than the bits that have to pass through the thinky bit, the cortex.
101
238000
3000
สั้นกว่าส่วนที่เชื่อมกับส่วนที่เป็นความคิด หรือคอร์เท็กซ์ (Cortex)
04:16
They arrive first.
102
241000
2000
การรับรู้ไปถึงความรู้สึกก่อน
04:18
So how do we make that actually work?
103
243000
3000
แล้วเราจะทำให้ส่วนนั้นทำงานได้ยังไง?
04:21
And how much of that reactive side of it
104
246000
2000
และส่วนนั้นจะตอบสนองได้มากเท่าใดนั้น
04:23
is due to what we already know,
105
248000
2000
ก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรารู้อยู่แล้ว
04:25
or what we're going to learn, about something?
106
250000
2000
หรือสิ่งที่เรากำลังจะเรียนรู้เกี่ยวกับบางสิ่งกันแน่?
04:27
This is one of the most beautiful things I know.
107
252000
2000
นี่เป็นสิ่งที่สวยงามที่สุดที่ผมเคยรู้มา
04:29
It's a plastic bag.
108
254000
2000
นี่คือถุงพลาสติกถุงนึง
04:31
And when I looked at it first, I thought, no, there's no beauty in that.
109
256000
3000
ผมมองมัน แต่ไม่มีความสวยงามเอาซะเลย
04:34
Then I found out,
110
259000
2000
จากนั้นผมจึงพบ
04:36
post exposure,
111
261000
2000
หลังจากที่ผมรู้มาแล้ว
04:38
that this plastic bag if I put it into a filthy puddle
112
263000
3000
ว่าเมื่อนำถุงใบนี้ไปวางไว้ในโคลนสกปรก
04:41
or a stream filled with coliforms
113
266000
2000
หรือลำน้ำที่มีคลอโรฟอร์ม
04:43
and all sorts of disgusting stuff,
114
268000
2000
หรือสิ่งที่น่าขยะแขยงต่างๆ
04:45
that that filthy water
115
270000
2000
แล้วน้ำที่สกปรกเหล่านั้น
04:47
will migrate through the wall of the bag by osmosis
116
272000
3000
จะซึมผ่านถุงพลาสติกเข้าไป
04:50
and end up inside it as pure, potable drinking water.
117
275000
4000
กลายเป็นน้ำสะอาดบริสุทธิ์ที่สามารถดื่มได้
04:54
And all of a sudden, this plastic bag
118
279000
2000
และในทันใดนั้น ถุงพลาสติกใบนี้
04:56
was extremely beautiful to me.
119
281000
3000
ก็ดูสวยงามขึ้นมาทันที
05:00
Now I'm going to ask you again
120
285000
2000
ตอนนี้ผมจะถามพวกคุณอีกครั้ง
05:02
to switch on the emotional bit.
121
287000
2000
ให้กลับไปใช้ส่วนที่เป็นความรู้สึกของคุณ
05:04
Would you mind taking the brain out,
122
289000
2000
คุณช่วยเอาส่วนที่เป็นความคิดทั้งหมดออกไปได้มั้ยครับ
05:06
and I just want you to feel something.
123
291000
2000
ผมอยากจะให้คุณรู้สึกถึงบางอย่าง
05:08
Look at that. What are you feeling about it?
124
293000
3000
ดูนี้สิครับ คุณรู้สึกมั้ย?
05:11
Is it beautiful? Is it exciting?
125
296000
3000
สวยมั้ยครับ น่าตื่นเต้นหรือเปล่า
05:14
I'm watching your faces very carefully.
126
299000
3000
ผมกำลังมองดูหน้าพวกคุณอยู่
05:17
There's some rather bored-looking gentlemen
127
302000
2000
มีท่านสุภาพบุรุษท่านหนึ่งกำลังทำหน้าเบื่อหน่าย
05:19
and some slightly engaged-looking ladies
128
304000
2000
และสุภาพสตรีบางท่านที่ดูท่าทางสนใจ
05:21
who are picking up something off that.
129
306000
2000
กำลังหาความหมายในสิ่งที่กำลังมองดูอยู่
05:23
Maybe there's an innocence to it.
130
308000
2000
บางทีอาจจะมีความไร้เดียงสาอยู่ในนั้นก็ได้
05:25
Now I'm going to tell you what it is. Are you ready?
131
310000
3000
ตอนนี้ผมกำลังจะบอกคุณว่ามันคืออะไร พวกคุณพร้อมมั้ยครับ
05:28
This is the last act on this Earth
132
313000
3000
นี่คือสิ่งที่ถูกวาดขึ้นในช่วงสุดท้ายของชีวิต
05:31
of a little girl called Heidi, five years old,
133
316000
3000
โดยเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง อายุห้าขวบ
05:34
before she died of cancer to the spine.
134
319000
3000
ก่อนที่เธอจะเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งกระดูกสันหลัง
05:37
It's the last thing she did,
135
322000
2000
นี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอทำ
05:39
the last physical act.
136
324000
2000
เป็นการกระทำครั้งสุดท้าย
05:41
Look at that picture.
137
326000
2000
มองดูรูปภาพสิครับ
05:43
Look at the innocence. Look at the beauty in it.
138
328000
3000
มองดูความไร้เดียงสา มองความสวยงามที่อยู่ในนั้น
05:46
Is it beautiful now?
139
331000
2000
ทีนี้สวยรึยังครับ?
05:48
Stop. Stop. How do you feel?
140
333000
2000
หยุดอยู่ตรงนั้นก่อน คุณรู้สึกยังไงบ้างครับ?
05:50
Where are you feeling this?
141
335000
2000
คุณรู้สึกตรงไหน?
05:52
I'm feeling it here. I feel it here.
142
337000
3000
ผมรู้สึกตรงนี้ครับ ตรงนี้
05:55
And I'm watching your faces,
143
340000
2000
ผมกำลังมองดูหน้าพวกคุณอยู่
05:57
because your faces are telling me something.
144
342000
2000
เพราะหน้าสามารถบอกบางสิ่งกับเราได้
05:59
The lady over there is actually crying, by the way.
145
344000
3000
ตามจริงมีสุภาพสตรีตรงนั้นกำลังร้องไห้อยู่
06:02
But what are you doing?
146
347000
2000
ตอนนี้พวกคุณกำลังทำอะไรครับ?
06:04
I watch what people do.
147
349000
2000
ผมมองในสิ่งที่ผู้คนกระทำ
06:06
I watch faces.
148
351000
2000
ผมมองดูใบหน้าพวกเขา
06:08
I watch reactions.
149
353000
2000
ผมเฝ้าดูปฏิกิริยา
06:10
Because I have to know how people react to things.
150
355000
3000
เพราะผมจำเป็นต้องรู้ว่าผู้คนตอบสนองต่อสิ่งต่างๆยังไง
06:13
And one of the most common faces
151
358000
2000
ใบหน้าที่ผมเจอบ่อยที่สุด
06:15
on something faced with beauty,
152
360000
2000
ตอนนี้ใบหน้านั้นกำลังเผชิญกับความงาม
06:17
something stupefyingly delicious,
153
362000
2000
อะไรบางอย่างที่รสเลิศเหลือล้น
06:19
is what I call the OMG.
154
364000
3000
เป็นใบหน้าที่ผมเรียกว่า "โอ้พระเจ้า"
06:22
And by the way, there's no pleasure in that face.
155
367000
2000
อีกอย่าง ใบหน้านั้นไม่ใช่ใบหน้าที่แสดงความพึงพอใจนะครับ
06:24
It's not a "this is wonderful!"
156
369000
2000
ไม่ใช่ใบหน้าที่บอกว่า "โอ้...วิเศษจริงๆ"
06:26
The eyebrows are doing this, the eyes are defocused,
157
371000
3000
แต่เป็นหน้าที่คิ้วเป็นแบบนี้ครับ กับตาที่เบิกโพลง
06:29
and the mouth is hanging open.
158
374000
2000
และปากเปิดกว้าง
06:31
That's not the expression of joy.
159
376000
2000
นั้นไม่ใช่สีหน้าแสดงความสุขนะครับ
06:33
There's something else in that.
160
378000
2000
แต่มีอย่างอื่นอยู่ในนั้นด้วย
06:35
There's something weird happening.
161
380000
2000
เป็นบางอย่างที่แปลกประหลาดกำลังเกิดขึ้น
06:37
So pleasure seems to be tempered
162
382000
3000
อาจจะมีความพอใจปนอยู่ในนั้นด้วย
06:40
by a whole series of different things coming in.
163
385000
2000
พร้อมกับสิ่งต่างๆที่ประดังเข้ามา
06:42
Poignancy is a word I love as a designer.
164
387000
3000
ความรู้สึก"แปล๊บ" คือคำที่ผมชอบใช้ในฐานะดีไซเนอร์
06:45
It means something triggering a big emotional response,
165
390000
3000
คำนั้นหมายถึงบางอย่างที่จุดให้เกิดการตอบสนองทางอารมณ์ที่รุนแรง
06:48
often quite a sad emotional response,
166
393000
4000
บ่อยครั้งเป็นการตอบสนองอารมณ์เศร้าครับ
06:52
but it's part of what we do.
167
397000
2000
นั่นคือสิ่งที่เราทำ
06:54
It isn't just about nice.
168
399000
2000
มันไม่ใช่เฉพาะสิ่งที่ดีๆเท่านั้นครับ
06:56
And this is the dilemma, this is the paradox, of beauty.
169
401000
2000
แต่เป็นอะไรที่ขัดแย้งกัน เป็นพาราด็อกซ์ ของความงามครับ
06:58
Sensorily, we're taking in all sorts of things --
170
403000
2000
โดยการรับรู้แล้ว เรารับสิ่งต่างๆเข้ามา
07:00
mixtures of things that are good, bad, exciting, frightening --
171
405000
4000
ผสมปนเปทั้งดี ร้าย น่าตื่นเต้น น่ากลัว
07:04
to come up with that sensorial exposure,
172
409000
2000
เพื่อเผชิญหน้ากับการรับรู้
07:06
that sensation of what's going on.
173
411000
2000
ซึ่งเป็นการรับรู้ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้น
07:08
Pathos appears obviously
174
413000
2000
ความรู้สึกเศร้าสงสารปรากฎให้เห็นชัด
07:10
as part of what you just saw in that little girl's drawing.
175
415000
3000
เมื่อพวกคุณมองภาพวาดของเด็กผู้หญิงคนนั้น
07:13
And also triumph, this sense of transcendence,
176
418000
3000
อีกทั้งความรู้สึกถึงชัยชนะ ความรู้สึกยอดเยี่ยมเหนือธรรมชาติ
07:16
this "I never knew that. Ah, this is something new."
177
421000
3000
ความคิดที่ว่า "ฉันนึกไม่ถึงเลย ไม่เคยรู้มาก่อน"
07:19
And that's packed in there as well.
178
424000
2000
สิ่งที่ว่าก็รวมอยู่ในความรู้สึกนั้นด้วยครับ
07:21
And as we assemble these tools,
179
426000
2000
และในขณะที่เรารวบรวมสิ่งเหล่านี้เข้าด้วยกัน
07:23
from a design point of view, I get terribly excited about it,
180
428000
3000
จากมุมมองของนักออกแบบแล้ว ผมรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก
07:26
because these are things, as we've already said,
181
431000
2000
เพราะสิ่งเหล่านี้ อย่างที่บอกไปแล้ว
07:28
they're arriving at the brain, it would seem,
182
433000
2000
อาจดูเหมือนว่าสิ่งเหล่านั้นมาที่สมองก่อน
07:30
before cognition, before we can manipulate them --
183
435000
3000
ก่อนที่จะเข้าไปถึงความคิด ก่อนที่เราจะสามารถควบคุมอะไรได้
07:33
electrochemical party tricks.
184
438000
3000
ก็เกิดปฏิกิริยาทางเคมีขึ้น
07:37
Now what I'm also interested in is:
185
442000
2000
ทีนี้สิ่งที่ผมสนใจก็คือ
07:39
Is it possible to separate
186
444000
2000
เป็นไปได้ไหมที่จะแยก
07:41
intrinsic and extrinsic beauty?
187
446000
2000
ระหว่างความงามซึ่งอยู่ภายในกับภายนอก?
07:43
By that, I mean intrinsically beautiful things,
188
448000
3000
สิ่งที่ผมหมายถึงความงามภายในก็คือ
07:46
just something that's exquisitely beautiful,
189
451000
2000
สิ่งที่สวยงามเกินคำบรรยาย
07:48
that's universally beautiful.
190
453000
2000
สิ่งที่สวยไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม
07:50
Very hard to find. Maybe you've got some examples of it.
191
455000
3000
หายากจริงๆครับ บางทีคุณอาจจะมีตัวอย่างก็ได้
07:53
Very hard to find something that, to everybody,
192
458000
2000
ยากจริงๆครับที่จะหาสิ่งหนึ่ง ซึ่งดูแล้วสวยสำหรับทุกคน
07:55
is a very beautiful thing,
193
460000
2000
เป็นสิ่งที่เห็นแล้วสวยงามมากๆ
07:57
without a certain amount of information packed in there before.
194
462000
4000
โดยที่ไม่ต้องมีข้อมูลในสมองมาก่อน
08:01
So a lot of it tends to be extrinsic.
195
466000
2000
เพราะฉะนั้นอาจพูดได้ว่าหลายอย่างสวยงามที่ภายนอก
08:03
It's mediated by information before the comprehension.
196
468000
4000
ซึ่งถูกกำหนดโดยข้อมูลที่มีมาก่อนแล้ว ก่อนความเข้าใจ
08:07
Or the information's added on at the back,
197
472000
2000
หรือโดยข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้เบื้องลึกข้างหลัง
08:09
like that little girl's drawing that I showed you.
198
474000
3000
อย่างภาพวาดของเด็กหญิงที่ผมเอาให้คุณดูเมื่อครู่นี้
08:12
Now when talking about beauty
199
477000
2000
ที่นี้เมื่อพูดถึงความงามแล้ว
08:14
you can't get away from the fact
200
479000
2000
เราไม่อาจหลีกหนีความจริงที่ว่า
08:16
that a lot experiments have been done in this way
201
481000
3000
เราได้ทำการทดลองหลายอย่างตามหลักการนี้
08:19
with faces and what have you.
202
484000
2000
กับใบหน้าของคน แล้วเราได้อะไรมาครับ
08:21
And one of the most tedious ones, I think,
203
486000
2000
ตามความคิดของผมแล้ว คำพูดที่น่าเบื่อหน่ายที่สุดคือ
08:23
was saying that beauty was about symmetry.
204
488000
2000
คำพูดที่ว่าความสวยงามนั้นอยู่ที่ความสมส่วนหรือสมมาตร
08:25
Well it obviously isn't.
205
490000
2000
เห็นได้ชัดว่านั่นเป็นคำพูดที่ไม่ถูกต้อง
08:27
This is a more interesting one
206
492000
2000
สิ่งนี้น่าสนใจครับ
08:29
where half faces were shown to some people,
207
494000
2000
หน้าครึ่งหนึ่งถูกโชว์ให้คนดู
08:31
and then to add them into a list
208
496000
2000
เพื่อนำไปจัดลำดับว่า
08:33
of most beautiful to least beautiful
209
498000
2000
หน้าไหนสวยมากที่สุดไปจนถึงน้อยที่สุด
08:35
and then exposing a full face.
210
500000
2000
แล้วเมื่อใบหน้าทั้งหมดถูกเปิดออก
08:37
And they found that it was almost exact coincidence.
211
502000
2000
พวกเขาพบว่าเป็นความบังเอิญจริงๆ
08:39
So it wasn't about symmetry.
212
504000
3000
ฉะนั้นความสวยงามไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสมส่วนหรือสมมาตรครับ
08:42
In fact, this lady has a particularly asymmetrical face,
213
507000
3000
ความจริงแล้ว ผู้หญิงคนนี้มีใบหน้าที่ไม่สมมาตรกัน
08:45
of which both sides are beautiful.
214
510000
3000
ใบหน้าทั้งสองด้านสวยเหมือนกัน
08:48
But they're both different.
215
513000
2000
แต่ก็แตกต่างกันเช่นเดียวกัน
08:50
And as a designer, I can't help meddling with this,
216
515000
2000
และในฐานะที่เป็นดีไซเนอร์ ผมอดไม่ได้ที่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
08:52
so I pulled it to bits and sort of did stuff like this,
217
517000
3000
ฉะนั้นผมจึงแยกใบหน้าส่วนต่างๆออกจากกัน หรืออะไรอย่างนั้น
08:55
and tried to understand what the individual elements were,
218
520000
2000
และพยายามทำความเข้าใจว่าองค์ประกอบของคนเราคืออะไร
08:57
but feeling it as I go.
219
522000
2000
แต่พยายามใช้ความรู้สึกไปด้วย
08:59
Now I can feel a sensation of delight and beauty
220
524000
3000
ที่นี้ก็ผมรู้สึกถึงความรู้สึกของความปิติและก็ความสวยงาม
09:02
if I look at that eye.
221
527000
2000
ถ้าผมมองดูที่ดวงตา
09:04
I'm not getting it off the eyebrow.
222
529000
2000
คิ้วไม่ได้มีส่วนกับความรู้สึกของผม
09:06
And the earhole isn't doing it to me at all.
223
531000
2000
เช่นเดียวกับรูหู
09:08
So I don't know how much this is helping me,
224
533000
2000
ฉะนั้นผมจึงไม่แน่ใจว่าทำแบบนี้แล้วจะช่วยผมได้มากน้อยแค่ไหน
09:10
but it's helping to guide me to the places
225
535000
2000
แต่ก็มันช่วยนำผมให้เข้าใจในจุดอื่นๆ
09:12
where the signals are coming off.
226
537000
2000
ว่าสัญญาณรับรู้ความงามจะปิดลงเมื่อใด
09:14
And as I say, I'm not a neuroscientist,
227
539000
3000
อย่างที่ผมบอก ผมไม่ใช่นักประสาทวิทยา
09:17
but to understand how I can start to assemble things
228
542000
2000
แต่ในการทำความเข้าใจว่าผมสามารถรับรู้ถึงสิ่งต่างๆได้ยังไง
09:19
that will very quickly bypass
229
544000
3000
ก่อนที่สิ่งนั้นจะผ่านไปถึง
09:22
this thinking part
230
547000
2000
ส่วนที่ต้องใช้ความคิด
09:24
and get me to the enjoyable precognitive elements.
231
549000
3000
และทำให้ผมรับรู้ถึงส่วนที่เป็นความสุขก่อนที่ความคิดจะเข้ามามีส่วน
09:28
Anais Nin and the Talmud have told us time and time again
232
553000
3000
เอนายส์ นิน (Anais Nin) และคัมภีร์ของชาวยิว (Talmud) ได้บอกเราหลายต่อหลายครั้ง
09:31
that we see things not as they are, but as we are.
233
556000
3000
ว่าสิ่งที่เราเห็นนั้นไม่ได้บอกว่าสิ่งที่เราเห็นเป็นอย่างไร แต่บ่งบอกเราเป็นอย่างไรต่างหาก
09:34
So I'm going to shamelessly expose something to you,
234
559000
2000
ผมจะไม่บอกคุณตรงๆ
09:36
which is beautiful to me.
235
561000
2000
ว่าสิ่งใดสวยสำหรับผม
09:38
And this is the F1 MV Agusta.
236
563000
5000
นี่คือรถรุ่น F1 MV Agusta
09:43
Ahhhh.
237
568000
2000
อืม....
09:45
It is really -- I mean, I can't express to you
238
570000
2000
มันดู...ผมหมายความว่า ผมอธิบายไม่ถูกจริงๆ
09:47
how exquisite this object is.
239
572000
2000
ว่าสิ่งนี้นี่มันสวยงามแค่ไหน
09:49
But I also know why it's exquisite to me,
240
574000
3000
แต่ผมรู้ว่าทำไมมันถึงดูสวยสุดบรรยายสำหรับผม
09:52
because it's a palimpsest of things.
241
577000
3000
นั่นเพราะว่ารถนี้เป็นตำนานที่ประกอบเข้าด้วยกัน
09:55
It's masses and masses of layers.
242
580000
2000
สิ่งต่างๆที่ประกอบเข้าด้วยกันเป็นระดับชั้น
09:57
This is just the bit that protrudes into our physical dimension.
243
582000
3000
รถคันนี้เป็นเพียงผลพวงจากสิ่งต่างๆที่มาในรูปแบบของกายภาพ
10:00
It's something much bigger.
244
585000
2000
แต่ตามจริงแล้วมันหมายถึงสิ่งที่ลึกเข้าไปกว่านั้น
10:02
Layer after layer of legend, sport, details that resonate.
245
587000
3000
มันหมายถึง ตำนาน การกีฬา และรายละเอียดต่างๆที่ประกอบกันชั้นแล้วชั้นเล่า ซึ่งสะท้อนให้เห็น
10:05
I mean, if I just go through some of them now --
246
590000
3000
ผมหมายความว่า หากจะให้ผมยกตัวอย่างตอนนี้ เช่น
10:08
I know about laminar flow when it comes to air-piercing objects,
247
593000
3000
ผมรู้เกี่ยวกับการไหลของก๊าซหรือของเหลวเมื่อพูดถึงวัตถุความเร็วสูง
10:11
and that does it consummately well, you can see it can.
248
596000
3000
และรถคันนี้ก็ทำหน้าที่นั้นอย่างสมบูรณ์ คุณเห็นใช่มั้ยครับ
10:14
So that's getting me excited.
249
599000
2000
สิ่งนั้นคือสิ่งที่ทำให้ผมตื่นเต้นสุดๆ
10:16
And I feel that here.
250
601000
2000
ผมรู้สึกตรงนี้ครับ
10:18
This bit, the big secret of automotive design --
251
603000
2000
สิ่งนี้ คือเคล็ดลับสุดยอดของการออกแบบยานพาหนะครับ
10:20
reflection management.
252
605000
2000
มันเป็นการจัดฉากของสิ่งต่างๆ
10:22
It's not about the shapes,
253
607000
2000
มันไม่เกี่ยวกับลักษณะรูปร่าง
10:24
it's how the shapes reflect light.
254
609000
2000
แต่เกี่ยวกับว่ารูปร่างนั้นสะท้อนกับแสงอย่างไร
10:26
Now that thing, light flickers across it as you move,
255
611000
3000
รถคันนี้ เมื่อคุณเคลื่อนจะเห็นว่าแสงจะสะท้อนจากวัตถุ
10:29
so it becomes a kinetic object,
256
614000
2000
ฉะนั้นมันจึงกลายเป็นวัตถุที่เคลื่อนไหวได้
10:31
even though it's standing still --
257
616000
2000
ถึงแม้ว่าตัวมันเองจะไม่ได้เคลื่อนที่ก็ตาม
10:33
managed by how brilliantly that's done on the reflection.
258
618000
3000
อันเป็นผลมาจากแสงสะท้อนที่ตกกระทบแวววาวกับวัตถุ
10:36
This little relief on the footplate, by the way, to a rider
259
621000
3000
ที่วางเท้าเล็กๆนี้ สำหรับคนขับแล้ว
10:39
means there's something going on underneath it --
260
624000
2000
หมายถึงบางอย่างที่มากกว่านั้น
10:41
in this case, a drive chain running at 300 miles and hour probably,
261
626000
3000
ในกรณีนี้ โซ่ขับเคลื่อนที่ 300 ไมล์ต่อ ชม. เห็นจะได้
10:44
taking the power from the engine.
262
629000
2000
โดยรับแรงมาจากเครื่องยนต์
10:46
I'm getting terribly excited
263
631000
2000
ผมกำลังรู้สึกตื่นเต้นแล้วตอนนี้
10:48
as my mind and my eyes flick across these things.
264
633000
3000
เมื่อความคิดและสายตาของผมมองไปที่สิ่งเหล่านี้
10:51
Titanium lacquer on this.
265
636000
3000
สิ่งนี้ที่ฉาบด้วยไทเทเนียมแลคเกอร์
10:54
I can't tell you how wonderful this is.
266
639000
3000
ผมบอกไม่ถูกเลยจริงๆว่ามันยอดเยี่ยมแค่ไหน
10:57
That's how you stop the nuts coming off at high speed on the wheel.
267
642000
3000
นี่คือสิ่งที่ทำให้ชิ้นโลหะต่างๆไม่หลุดออกเป็นชิ้นๆ เมื่อล้อเคลื่อนไปด้วยความเร็วสูง
11:00
I'm really getting into this now.
268
645000
2000
ผมเริ่มที่จะอินเข้าไปทุกที
11:02
And of course, a racing bike doesn't have a prop stand,
269
647000
3000
และแน่นอนที่สุด รถแข่งจักรยานยนต์จะไม่มีขาตั้ง
11:05
but this one, because it's a road bike,
270
650000
2000
แต่คันนี้เป็นรถจักรยานยนต์ทั่วไปครับ
11:07
it all goes away and it folds into this little gap.
271
652000
3000
ขาตั้งจะหายไปเมื่อถูกพับเข้าไปในช่องว่างเล็กๆ
11:10
So it disappears.
272
655000
2000
มันจึงหายไป
11:12
And then I can't tell you how hard it is to do that radiator, which is curved.
273
657000
2000
ผมบอกไม่ถูกจริงๆว่าการที่จะทำให้หม้อน้ำโค้งเข้าไปแบบนั้นยากแค่ไหน
11:14
Why would you do that?
274
659000
2000
คุณอาจสงสัยว่าแล้วทำไมต้องทำแบบนั้นด้วย?
11:16
Because I know we need to bring the wheel farther into the aerodynamics.
275
661000
3000
นั่นเพราะว่าผมรู้ว่าเราต้องการที่จะทำให้ล้อเหล่านั้นเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้นด้วยหลักอากาศพลศาสตร์
11:19
So it's more expensive, but it's wonderful.
276
664000
2000
มันแพงขึ้น ใช่ แต่มันก็ยอดเยี่ยมด้วย
11:21
And to cap it all,
277
666000
2000
สรุปแล้วก็คือ
11:23
brand royalty --
278
668000
2000
สุดยอดจริงๆ
11:25
Agusta, Count Agusta,
279
670000
2000
ท่านเคานท์ออกัสต้า (Count Augusta)
11:27
from the great histories of this stuff.
280
672000
2000
จากประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของสิ่งๆนี้
11:29
The bit that you can't see is the genius that created this.
281
674000
3000
ส่วนที่คุณมองไม่เห็นนั่นแหละก็คือส่วนที่รังสรรค์สิ่งนี้ให้เกิดขึ้นมา
11:32
Massimo Tamburini.
282
677000
2000
มาสซิโม ทัมบูลินี (Massimo Tamburini)
11:34
They call him "The Plumber" in Italy,
283
679000
2000
หรือที่เขาเรียกกันในอิตาลีว่า "อัจฉริยะท่อน้ำ"
11:36
as well as "Maestro,"
284
681000
2000
เช่นเดียวกับ "ปรมาจารย์"
11:38
because he actually is engineer
285
683000
3000
นั่นเพราะว่าเขาเป็นนักวิศวกร
11:41
and craftsman and sculptor at the same time.
286
686000
3000
และจิตรกรกับช่างแกะสลักไปพร้อมๆกัน
11:44
There's so little compromise on this, you can't see it.
287
689000
3000
ไม่มีคำอื่นใดที่จะใช้เรียกแทนเขาได้เลย นึกไม่ออกจริงๆครับ
11:47
But unfortunately, the likes of me and people that are like me
288
692000
3000
แต่โชคร้ายที่ความชอบของผมเช่นเดียวกับคนอื่นๆ
11:50
have to deal with compromise all the time with beauty.
289
695000
3000
ตรงถูกประนีประณอมหรือปรับอยู่เสมอ เมื่อพูดถึงเรื่องความงาม
11:53
We have to deal with it.
290
698000
2000
เราต้องจำยอมรับมัน
11:55
So I have to work with a supply chain, and I've got to work with the technologies,
291
700000
3000
ฉะนั้นผมจึงต้องเริ่มด้วยสิ่งง่ายๆ ผมจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย
11:58
and I've got to work with everything else all the time,
292
703000
2000
ผมต้องมีตัวช่วยอื่นๆอยู่เสมอครับ
12:00
and so compromises start to fit into it.
293
705000
3000
และตอนนี้เองที่ส่วนที่ต้องประนีประนอมหรือต้องปรับเข้ามีบทบาท
12:03
And so look at her.
294
708000
2000
ลองมองดูใบหน้าของหญิงคนนี้สิครับ
12:05
I've had to make a bit of a compromise there.
295
710000
2000
ผมจำเป็นต้องปรับตรงนั้นหน่อย
12:07
I've had to move that part across, but only a millimeter.
296
712000
2000
ผมต้องเลื่อนส่วนนี้ อาจจะออกไปซักหนึ่งมิลลิเมตร
12:09
No one's noticed, have they yet?
297
714000
2000
ไม่มีใครสังเกตุเห็น ยังหรอกใช่มั้ยครับ
12:11
Did you see what I did?
298
716000
2000
คุณเห็นมั้ยครับว่าผมทำอะไรลงไป
12:13
I moved three things by a millimeter.
299
718000
2000
ผมเลื่อนสามส่วนไปอย่างละหนึ่งมิลลิเมตร
12:15
Pretty? Yes.
300
720000
2000
ตอนนี้สวยแล้วใช่มั้ยครับ?
12:17
Beautiful? Maybe lesser.
301
722000
2000
สวยมั้ยครับ บางทีอาจจะสวยน้อยลง
12:19
But then, of course, the consumer says that doesn't really matter.
302
724000
4000
แต่แน่นอนที่สุด ผู้บริโภคอาจจะบอกว่ามันไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่
12:23
So that's okay, isn't it?
303
728000
2000
นั่นแปลว่าทำแบบนี้โอเคใช่มั้ยครับ
12:25
Another millimeter?
304
730000
2000
เลื่อนไปอีกหนึ่งมิลลิเมตรล่ะ?
12:27
No one's going to notice those split lines and changes.
305
732000
2000
ไม่มีใครจะมาสังเกตุเห็นส่วนแยกและความเปลี่ยนแปลงนั้นได้
12:29
It's that easy to lose beauty,
306
734000
2000
และมันง่ายอย่างนั้นแหละครับที่จะสูญเสียความงามไป
12:31
because beauty's incredibly difficult to do.
307
736000
4000
เพราะว่าความงามนั้นสร้างได้ยากจริงๆ
12:35
And only a few people can do it.
308
740000
2000
มีไม่กี่คนที่ทำได้
12:37
And a focus group cannot do it.
309
742000
3000
แม้แต่คนกลุ่มเล็กๆก็ไม่สามารถทำได้
12:40
And a team rarely can do it.
310
745000
2000
เลิกพูดถึงทีมงานไปเลยครับ
12:42
It takes a central cortex, if you like,
311
747000
3000
ถ้าจะให้พูด ความงามนั้นสร้างจากคอร์เท๊กซ์ในสมองครับ
12:45
to be able to orchestrate all those elements at the same time.
312
750000
3000
ในการที่จะรังสรรค์สิ่งต่างๆเหล่านั้นได้ในเวลาเดียวกัน
12:48
This is a beautiful water bottle --
313
753000
2000
นี่คือขวดน้ำที่สวยขวดหนึ่งครับ
12:50
some of you know of it --
314
755000
2000
พวกคุณบางคนอาจจะรู้แล้วก็ได้
12:52
done by Ross Lovegrove, the designer.
315
757000
2000
ขวดนี้ถูกออกแบบโดยนักออกแบบชื่อรอส เลิฟโกรฟ (Ross Lovegrove)
12:54
This is pretty close to intrinsic beauty. This one,
316
759000
2000
นี่คือตัวอย่างหนึ่งที่สวยงามจากภายใน สิ่งนี้
12:56
as long as you know what water is like
317
761000
2000
ตราบใดก็ตามที่คุณรู้ว่าคุณสมบัติของน้ำเป็นอย่างไร
12:58
then you can experience this.
318
763000
2000
คุณก็จะสามารถสัมผัสถึงปะสบการณ์ความงามของสิ่งนี้ได้
13:00
It's lovely because it is an embodiment
319
765000
2000
สิ่งนี้สวยเพราะเป็นตัวแทน
13:02
of something refreshing and delicious.
320
767000
2000
ของบางสิ่งที่สดชื่น เพลิดเพลิน และกลมกล่อม
13:04
I might like it more than you like it,
321
769000
2000
ผมอาจจะชอบมันมากกว่าคุณชอบก็ได้ครับ
13:06
because I know how bloody hard it is to do it.
322
771000
3000
เพราะผมรู้ว่ามันยากแค่ไหนที่จะทำให้ออกมาได้แบบนี้
13:09
It's stupefyingly difficult
323
774000
2000
เป็นสิ่งที่ทำได้ยากจนบอกไม่ถูก
13:11
to make something that refracts light like that,
324
776000
3000
ที่จะทำให้บางสิ่งได้รับแสงที่หักมุมสะท้อนแบบนั้น
13:14
that comes out of the tool correctly,
325
779000
2000
แสงสะท้อนออกมาจากวัตถุได้อย่างลงตัว
13:16
that goes down the line without falling over.
326
781000
2000
มันสะท้อนไปตามเส้นโดยที่ไม่ตกกระทบลงโดยตรง
13:18
Underneath this, like the story of the swan,
327
783000
3000
ภายใต้สิ่งนี้ คือเรื่องราวดั่งนิยายของหงส์ทอง
13:21
is a million things very difficult to do.
328
786000
3000
มันคือสิ่งหลายล้านอย่างที่ยากที่จะรังสรรค์ขึ้นมา
13:24
So all hail to that.
329
789000
2000
ขอโค้งคำนับให้เลยครับ
13:26
It's a fantastic example, a simple object.
330
791000
3000
นี่คือตัวอย่างที่ยอดเยี่ยม มันเป็นวัตถุเรียบง่ายเท่านั้น
13:29
And the one I showed you before was, of course, a massively complex one.
331
794000
3000
สิ่งที่ผมเอาให้คุณดูก่อนหน้านี้ แน่นอนครับ เป็นสิ่งที่ซับซ้อนเอามากๆ
13:32
And they're working in beauty
332
797000
2000
สิ่งเหล่านั้นคือสิ่งที่สร้างสรรค์ภายใต้ความงาม
13:34
in slightly different ways because of it.
333
799000
3000
โดยวิธีทางที่แตกต่างกันเล็กน้อย และเพราะเหตุผลนี้เอง
13:37
You all, I guess, like me,
334
802000
2000
พวกคุณทุกคน เช่นเดียวกับผม
13:39
enjoy watching a ballet dancer dance.
335
804000
2000
จึงมีความสุขเมื่อได้เห็นนักบัลเล่ต์เต้นระบำ
13:41
And part of the joy of it is, you know the difficulty.
336
806000
3000
และส่วนที่ทำให้เกิดความสุขที่ว่านั้น คุณก็รู้ว่ามันยากแค่ไหน
13:44
You also may be taking into account the fact that it's incredibly painful.
337
809000
3000
คุณอาจรู้ว่าบัลเล่ต์นั้นมันเจ็บแค่ไหน
13:47
Anybody seen a ballet dancer's toes
338
812000
2000
ใครเคยเห็นนิ้วเท้าของนักบัลเล่ต์แล้ว
13:49
when they come out of the points?
339
814000
2000
ตอนที่เลิกพอยท์เท้าแล้วบ้าง
13:51
While she's doing these graceful arabesques and plies and what have you,
340
816000
3000
ขณะที่นักเต้นยกเท้าขึ้นข้างหนึ่งได้อย่างสง่านิ่มนวลนั้น แล้วคุณเห็นอะไร
13:54
something horrible's going on down here.
341
819000
3000
บางอย่างเลวร้ายกำลังเกิดขึ้นข้างล่างนี้ครับ
13:57
The comprehension of it
342
822000
2000
ความเข้าใจดังกล่าว
13:59
leads us to a greater and heightened sense
343
824000
2000
ทำให้เรารับรู้ได้ดียิ่งขึ้น
14:01
of the beauty of what's actually going on.
344
826000
2000
ถึงความงามว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้น
14:03
Now I'm using microseconds wrongly here,
345
828000
2000
ตอนนี้ผมได้ใช้หนึ่งในล้านของวินาทีผิดไป
14:05
so please ignore me.
346
830000
2000
อย่าสนใจมันเลยครับ
14:07
But what I have to do now, feeling again,
347
832000
2000
สิ่งที่ผมจะต้องทำตอนนี้ก็คือ รู้สึกอีกครั้ง
14:09
what I've got to do is to be able to supply enough of these enzymes,
348
834000
3000
สิ่งที่ผมต้องทำก็คือสะสมเอนไซม์ที่ว่าให้มากพอ
14:12
of these triggers into something early on in the process,
349
837000
3000
ซึ่งเป็นสิ่งที่จะเป็นตัวจุดประกายบางอย่างให้เกิดขึ้น
14:15
that you pick it up,
350
840000
2000
สิ่งที่เป็นตัวดึงดูดคุณ
14:17
not through your thinking, but through your feeling.
351
842000
2000
ไม่ใช่ด้วยความคิด แต่ด้วยความรู้สึก
14:19
So we're going to have a little experiment.
352
844000
2000
ฉะนั้นตอนนี้เราจะทำการทดลองอย่างหนึ่งครับ
14:21
Right, are you ready? I'm going to show you something for a very, very brief moment.
353
846000
3000
คุณพร้อมรึยังครับ ผมจะเอาบางอย่างให้คุณดูแว๊บนึง
14:24
Are you ready? Okay.
354
849000
3000
พร้อมรึยังครับ โอเคนะครับ
14:27
Did you think that was a bicycle when I showed it to you at the first flash?
355
852000
2000
คุณคิดว่านั่นเป็นจักรยานรึเปล่าครับตอนที่ผมเอาให้คุณดูแว๊บแรก
14:29
It's not.
356
854000
2000
มันไม่ใช่ครับ
14:31
Tell me something, did you think it was quick when you first saw it? Yes you did.
357
856000
4000
ทีนี้บอกผมมาครับ คูณคิดว่าชั่ววินาทีนั้นที่คุณเห็นเร็วมั้ยครับ ใช่
14:35
Did you think it was modern? Yes you did.
358
860000
2000
คุณคิดว่ามันทันสมัยมั้ยครับ ใช่คุณคิดเช่นนั้น
14:37
That blip, that information, shot into you before that.
359
862000
3000
ชั่ววินาทีนั้น ข้อมูลนั้น คุณได้รับรู้ก่อนหน้านั้นแล้ว
14:40
And because your brain starter motor began there,
360
865000
3000
เพราะว่าสมองเริ่มทำงาน ณ ตอนนั้น
14:43
now it's got to deal with it.
361
868000
2000
ที่ซึ่งสมองต้องจัดการกับข้อมูลที่มีอยู่แล้ว
14:45
And the great thing is, this motorcycle has been styled this way
362
870000
2000
ที่น่าทึ่งก็คือ รถมอเตอร์ไซค์คันนี้ถูกออกแบบขึ้นโดยอาศัยหลักการดังกล่าว
14:47
specifically to engender a sense
363
872000
2000
เพื่อเบี่ยงเบนหรือปรับการรับรู้โดยเฉพาะ
14:49
that it's green technology and it's good for you
364
874000
3000
โดยปรับให้รู้สึกว่ามันเป็นเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและดีสำหรับคุณ
14:52
and it's light and it's all part of the future.
365
877000
3000
ให้ความรู้สึกเบาและเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งในอนาคต
14:55
So is that wrong?
366
880000
2000
แล้วทำแบบนี้มันผิดมั้ยครับ?
14:57
Well in this case it isn't,
367
882000
2000
ในกรณีนี้ไม่ผิดเลยครับ
14:59
because it's a very, very ecologically-sound piece of technology.
368
884000
3000
นั่นเพราะว่ามันเป็นเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับระบบนิเวศน์ธรรมชาติ
15:02
But you're a slave of that first flash.
369
887000
2000
แต่คุณก็ถูกครอบงำด้วยภาพของชั่วแว๊บแรกที่คุณเห็นมัน
15:04
We are slaves to the first few fractions of a second --
370
889000
4000
เราถูกครอบงำด้วยภาพของช่วงเวลาเพียง 2-3 วินาที
15:08
and that's where much of my work
371
893000
2000
และเวลานี้เองที่กำหนดว่างานส่วนใหญ่ของผม
15:10
has to win or lose,
372
895000
2000
จะชนะหรือแพ้
15:12
on a shelf in a shop.
373
897000
2000
สิ่งนั้นที่วางอยู่บนชั้นวางของ
15:14
It wins or loses at that point.
374
899000
2000
จะชนะหรือแพ้ก็ขึ้นอยู่กับชั่วแว๊บแรกนั้น
15:16
You may see 50, 100, 200 things on a shelf
375
901000
3000
คุณอาจจะเห็นสิ่งของ 50, 100, 200 ชิ้นบนชั้นก็ได้
15:19
as you walk down it,
376
904000
2000
ขณะที่คุณเดินไปตามทาง
15:21
but I have to work within that domain,
377
906000
2000
และผมต้องทำงานโดยอาศัยหลักการหรือชั่ววินาทีนั้น
15:23
to ensure that it gets you there first.
378
908000
3000
เพื่อทำให้แน่ใจว่าสินค้าของผมจะไปถึงคุณก่อน
15:26
And finally, the layer that I love, of knowledge.
379
911000
3000
และในที่สุด ส่วนที่ผมโปรดที่สุดของหลักการนี้
15:29
Some of you, I'm sure, will be familiar with this.
380
914000
2000
ผมแน่ใจว่า คุณบางคนอาจจะคุ้นเคยกับสิ่งนี้ก็เป็นได้
15:31
What's incredible about this,
381
916000
2000
สิ่งที่วิเศษที่สุดเกี่ยวกับสิ่งนี้
15:33
and the way I love to come back to it,
382
918000
2000
และสิ่งที่ผมอยากจะกลับมาพูดถึงอีก
15:35
is this is taking something that you hate or bores you,
383
920000
3000
ก็คือการนำสิ่งที่คุณเบื่อหรือเกลียดที่จะทำ
15:38
folding clothes,
384
923000
2000
เช่น การพับผ้า เป็นต้น
15:40
and if you can actually do this --
385
925000
2000
แล้วถ้าคุณพับผ้าจริงๆ
15:42
who can actually do this? Anybody try to do this?
386
927000
2000
ใครจะทำแบบนั้นได้บ้าง จะมีใครที่ลองทำแบบนี้มั้ย
15:44
Yeah?
387
929000
2000
ใช่?
15:46
It's fantastic, isn't it?
388
931000
2000
มันวิเศษใช่มั้ยล่ะครับ?
15:48
Look at that. Do you want to see it again?
389
933000
2000
ดูสิครับ อยากดูอีกมั้ยครับ?
15:50
No time. It says I have two minutes left, so we can't do this.
390
935000
3000
ไม่มีเวลาแล้ว นาฬิกาบอกผมว่าเหลืออีก 2 นาที ผมเลยให้ดูอีกไม่ได้
15:53
But just go to the Web, YouTube,
391
938000
2000
ลองไปที่เว็บ YouTube ครับ
15:55
pull it down, "folding T-shirt."
392
940000
2000
เซริชคำว่า "พับเสื้อยืด" (Folding T-Shirt) ลงไป
15:57
That's how underpaid younger-aged people have to fold your T-shirt.
393
942000
3000
นั้นเป็นวิธีที่วัยรุ่นรายได้น้อยเขาพับผ้ากันแหละครับ
16:00
You didn't maybe know it.
394
945000
2000
บางทีคุณอาจจะไม่ได้ "รู้" ก็ได้
16:02
But how do you feel about it?
395
947000
2000
แต่คุณ รู้สึก ยังไงบ้างล่ะครับ?
16:04
It feels fantastic when you do it, you look forward to doing it,
396
949000
2000
มันรู้สึกวิเศษทีเดียวใช่มั้ย เวลาที่คุณทำแบบนั้นได้ ลองไปทำดูนะครับ
16:06
and when you tell somebody else about it -- like you probably have --
397
951000
3000
แล้วเวลาที่คุณบอกเรื่องนี้กับคนอื่น อย่างที่คุณอาจจะทำไปแล้วก็ได้
16:09
you look really smart.
398
954000
2000
คุณก็จะดูฉลาดเอามากๆเลย
16:11
The knowledge bubble that sits around the outside,
399
956000
2000
ความรู้ที่อยู่รอบๆตัวเรา
16:13
the stuff that costs nothing,
400
958000
2000
เป็นสิ่งที่ได้มาโดยไม่ต้องเสียสตางค์
16:15
because that knowledge is free --
401
960000
2000
เพราะว่าความรู้นั้นฟรี
16:17
bundle that together and where do we come out?
402
962000
2000
เป็นสิ่งที่รวบรวมเข้าด้วยกัน แล้วผลลัพธ์คืออะไร?
16:19
Form follows function?
403
964000
3000
รูปแบบนั้นตามฟังก์ชั่นหรือ?
16:22
Only sometimes. Only sometimes.
404
967000
3000
อาจจะเป็นบางครั้งเท่านั้นครับ
16:25
Form is function. Form is function.
405
970000
3000
แท้จริงแล้วรูปแบบคือฟังก์ชั่น
16:28
It informs, it tells us,
406
973000
2000
มันให้ข้อมูลกับเรา มันบอกเรา
16:30
it supplies us answers before we've even thought about it.
407
975000
3000
มันให้คำตอบต่างๆกับเราก่อนที่เราจะคิดถึงมันเสียอีก
16:33
And so I've stopped using words like "form,"
408
978000
2000
เพาะอย่างนี้ผมจึงเลิกที่จะใช้คำว่า "รูปแบบ"
16:35
and I've stopped using words like "function" as a designer.
409
980000
2000
และก็เลิกใช้คำว่า "ฟังก์ชั่น" ในฐานะดีไซเนอร์
16:37
What I try to pursue now
410
982000
2000
สิ่งที่ผมพยายามให้ได้มาตอนนี้ก็คือ
16:39
is the emotional functionality of things.
411
984000
2000
ระบบการทำงานในระดับอารมณ์ความรู้สึกของสิ่งต่างๆ
16:41
Because if I can get that right,
412
986000
3000
เพราะหากว่าผมจับจุดๆนั้นได้ถูกต้องแล้ว
16:44
I can make them wonderful, and I can make them repeatedly wonderful.
413
989000
3000
ผมก็จะสามารถบรรดาลสิ่งต่างๆให้สวยงามได้ และทำแบบนั้นได้ต่อไปเรื่อยๆ
16:47
And you know what those products and services are,
414
992000
2000
คุณก็รู้ว่าธรรมชาติผลิตภัณฑ์และการบริการเป็นอย่างไร
16:49
because you own some of them.
415
994000
2000
เพราะว่าคุณเป็นเจ้าของสิ่งเหล่านั้นอยู่แล้ว
16:51
They're the things that you'd snatch if the house was on fire.
416
996000
3000
มันเป็นสิ่งที่คุณต้องคว้าเอาไว้ก่อนตอนที่บ้านเกิดไฟไหม้
16:54
Forming the emotional bond
417
999000
2000
มันคือการสร้างความสัมพันธ์ทางอารมณ์
16:56
between this thing and you
418
1001000
2000
ระหว่างสิ่งๆนั้นกับตัวคุณ
16:58
is an electrochemical party trick
419
1003000
2000
เป็นตัวจุดประกายปฏิกิริยาเคมี
17:00
that happens before you even think about it.
420
1005000
3000
ที่เกิดขึ้นก่อนที่คุณทันจะคิดถึงมันเสียอีก
17:03
Thank you very much.
421
1008000
2000
ขอบคุณมากๆครับ
17:05
(Applause)
422
1010000
4000
(ปรบมือ)
ABOUT THE SPEAKER
Richard Seymour - DesignerAs a partner in seymourpowell, Richard Seymour designs idea-driven products -- from household goods to trains and motorcycles.
Why you should listen
Designer Richard Seymour works on products with soul -- from a curvy, swoopy iron to a swift and sleek city motorcycle. Seymourpowell is regarded as one of the world’s leading product and innovation design consultancies, with clients who include Ford, Virgin Galactic, Tefal, Casio, Nokia, Guinness, Samsung and Unilever. Seymour is also consultant global creative director of design to Unilever’s Dove, Axe/Lynx and Vaseline brands.
The pair have appeared extensively on British television, most notably in two series on design for Channel 4: Better by Design and Designs on your.... They have also appeared on Design Challenge and several radio productions. In the 1980s, Seymour co-wrote the book The Mirrorstone, with Michael Palin, a children's book full of holograms ...
Richard Seymour | Speaker | TED.com