TEDIndia 2009
Vilayanur Ramachandran: The neurons that shaped civilization
วีเอส รามจันทรัน: เซลล์ประสาทที่สรรค์สร้างอารยธรรม
Filmed:
Readability: 4.5
2,250,451 views
นักระบบประสาทวิทยา วีเอส รามจันทรัน ได้ชี้ให้เห็นถึงการทำงานอันน่าทึ่งของ 'เซลล์ประสาทกระจกเงา' (mirror neurons) และเซลล์ประสาทที่ถูกค้นพบล่าสุดเหล่านี้เองที่ช่วยให้เราได้เรียนรู้พฤติกรรมทางสังคมอันซับซ้อนซึ่งเป็นเหตุให้อารยธรรมมนุษย์พัฒนามาเป็นอย่างทุกวันนี้
Vilayanur Ramachandran - Brain expert
Neurologist V.S. Ramachandran looks deep into the brain’s most basic mechanisms. By working with those who have very specific mental disabilities caused by brain injury or stroke, he can map functions of the mind to physical structures of the brain. Full bio
Neurologist V.S. Ramachandran looks deep into the brain’s most basic mechanisms. By working with those who have very specific mental disabilities caused by brain injury or stroke, he can map functions of the mind to physical structures of the brain. Full bio
Double-click the English transcript below to play the video.
00:15
I'd like to talk to you today about the human brain,
0
0
3000
วันนี้ ผมอยากจะพูดถึงเรื่องสมองของมนุษย์อย่างเราๆ
00:18
which is what we do research on at the University of California.
1
3000
2000
ซึ่งก็เป็นงานวิจัยที่เรากำลังศึกษากันอยู่ ที่มหาวิยาลัย University of California
00:20
Just think about this problem for a second.
2
5000
2000
เรามาลองขบคิดถึงปัญหาต่อไปนี้ดูสักหน่อย
00:22
Here is a lump of flesh, about three pounds,
3
7000
3000
นี่คือก้อนเนื้อ หนักราวๆ 3 ปอนด์ (1.36 กิโลกรัม)
00:25
which you can hold in the palm of your hand.
4
10000
2000
ซึ่งสามารถวางบนฝ่ามือคุณได้อย่างง่ายดาย
00:27
But it can contemplate the vastness of interstellar space.
5
12000
4000
แต่เจ้าก้อนน้อยๆนี้ก็สามารถขบคิดถึงความกว้างใหญ่ระดับจักรวาลได้
00:31
It can contemplate the meaning of infinity,
6
16000
2000
สามารถขบถึงความหมายของ ค่าอนันต์ หรือ ความไม่สิ้นสุด
00:33
ask questions about the meaning of its own existence,
7
18000
3000
ถามคำถามเกี่ยวกับความหมายของการคงอยู่ของตัวมันเอง
00:36
about the nature of God.
8
21000
2000
ไปจนถึง ธรรมชาติของ'พระเจ้าผู้สร้าง'
00:38
And this is truly the most amazing thing in the world.
9
23000
2000
และนี่คือสิ่งที่น่าทึ่งที่สุดในโลกก็ว่าได้
00:40
It's the greatest mystery confronting human beings:
10
25000
3000
แต่มันก็ยังเป็นสิ่งที่คงความลึกลับมากที่สุดที่มนุษย์เราเผชิญ
00:43
How does this all come about?
11
28000
2000
แล้วมันมาได้ยังไงกันแน่?
00:45
Well, the brain, as you know, is made up of neurons.
12
30000
2000
อืม... เป็นที่ทราบกันดีว่า สมองคนเรานี่ประกอบด้วยเซลล์ประสาท
00:47
We're looking at neurons here.
13
32000
2000
เช่นในภาพที่เราเห็นอยู่นี้
00:49
There are 100 billion neurons in the adult human brain.
14
34000
3000
มันประกอบไปด้วยเซลล์ประสาท 100 พันล้านเซลล์ ในมนุษย์วัยทำงาน
00:52
And each neuron makes something like 1,000 to 10,000 contacts
15
37000
3000
และแต่ละเซลล์ฯก็สร้างการติดต่อสื่อสารกัน 1,000 ถึง 10,000 ครั้ง
00:55
with other neurons in the brain.
16
40000
2000
กับเซลล์ประสาทรอบๆ
00:57
And based on this, people have calculated
17
42000
2000
และจากข้อมูลดังกล่าว ได้มีคนคำนวนว่า
00:59
that the number of permutations and combinations of brain activity
18
44000
3000
ตัวเลขของความหลากหลาย ของกิจกรรมที่เกิดจากการคุยกันเองในเซลล์ฯเหล่านั้น
01:02
exceeds the number of elementary particles in the universe.
19
47000
3000
เกินตัวเลขของธาตุพื้นฐานทุกๆธาตุของทั้งจักรวาล
01:05
So, how do you go about studying the brain?
20
50000
2000
เอาล่ะ แล้วเราจะศึกษาสมองได้อย่างไร?
01:07
One approach is to look at patients who had lesions
21
52000
2000
วิธีหนึ่ง ก็คือ การสังเกตคนไข้ที่มีความบอบชำ้หรือแผลในส่วนต่างๆของสมอง
01:09
in different part of the brain, and study changes in their behavior.
22
54000
3000
และศึกษาความเปลี่ยนแปลงไปจากพฤติกรรมก่อนหน้า
01:12
This is what I spoke about in the last TED.
23
57000
2000
นั่นคือสิ่งที่ผมได้พูดไปใน TED ครั้งที่แล้ว
01:14
Today I'll talk about a different approach,
24
59000
2000
วันนี้ ผมจะมาพูดถึงอีกวิธีหนึ่ง
01:16
which is to put electrodes in different parts of the brain,
25
61000
2000
ซึ่งจะเป็นการนำ เครื่องมืดวัดคลื่นไฟฟ้า วางไว้ที่ส่วนต่างๆของสมอง
01:18
and actually record the activity of individual nerve cells in the brain.
26
63000
4000
และเก็บข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมของแต่ละเซลล์ประสาทในสมอง
01:22
Sort of eavesdrop on the activity of nerve cells in the brain.
27
67000
4000
คล้ายๆกับการดักฟัง เจ้าเซลล์ทั้งหลายในสมองนั่นเอง
01:26
Now, one recent discovery that has been made
28
71000
3000
ล่าสุด ได้มีการค้นพบโดยนักวิจัย
01:29
by researchers in Italy, in Parma,
29
74000
2000
จากเมืองปาร์มา, อิตาลี
01:31
by Giacomo Rizzolatti and his colleagues,
30
76000
3000
นาม Giacomo Rizzolatti และเพื่อนร่วมทีมเขา
01:34
is a group of neurons called mirror neurons,
31
79000
2000
พบว่า มีกลุ่มของเซลล์ประสาท ที่ถูกตั้งชื่อว่า 'เซลล์ประสาทกระจกเงา'
01:36
which are on the front of the brain in the frontal lobes.
32
81000
3000
ซึ่งรวมอยู่ส่วนหน้าของสมองสองซีก
01:39
Now, it turns out there are neurons
33
84000
2000
ทีนี้ ก็ยังมีเซลล์ประสาทอีกแบบ
01:41
which are called ordinary motor command neurons in the front of the brain,
34
86000
3000
เรียกว่า 'เซลล์ประสาทมอเตอร์ควบคุมทั่วไป' ในส่วนหน้าของสมอง
01:44
which have been known for over 50 years.
35
89000
2000
ที่เป็นที่รู้จักดีมากว่า 50 ปีมาแล้ว
01:46
These neurons will fire when a person performs a specific action.
36
91000
3000
เซลล์ประสาทเหล่านี้จะทำงานเมื่อร่างกายเจ้าของกระทำกริยาบางอย่าง
01:49
For example, if I do that, and reach and grab an apple,
37
94000
3000
เช่น เมื่อผมเอื้อมมือไปหยิบลูกแอปเปิล แบบนี้
01:52
a motor command neuron in the front of my brain will fire.
38
97000
4000
เจ้า 'เซลล์ประสาทมอเตอร์ฯ' ก็จะทำงานทันที
01:56
If I reach out and pull an object, another neuron will fire,
39
101000
3000
และถ้าผมเอืื้อมไปดึงของบางอย่าง เซลล์ประสาทอีกตัวก็จะทำงาน
01:59
commanding me to pull that object.
40
104000
2000
เพื่อสั่งให้ผมดึงของสิ่งนั้น
02:01
These are called motor command neurons that have been known for a long time.
41
106000
2000
ทั้งหมดนี้ถูกสั่งงานโดยกลุ่ม 'เซลล์ประสาทมอเตอร์ฯ' ที่เป็นที่รู้จักมานานแล้วนั่นเอง
02:03
But what Rizzolatti found was
42
108000
2000
แต่สิ่งที่ Rizzolatti พบ ก็คือ
02:05
a subset of these neurons,
43
110000
2000
ประเภทย่อยของเจ้าเซลล์ประสาทเหล่านี้
02:07
maybe about 20 percent of them, will also fire
44
112000
2000
ราวๆ 20% ของทั้งกลุ่มอาจทำงาน ขณะที่ผม
02:09
when I'm looking at somebody else performing the same action.
45
114000
3000
กำลังมองดูใครสักคนทำกริยาเดียวกัน
02:12
So, here is a neuron that fires when I reach and grab something,
46
117000
3000
นี่คือเซลล์ประสาทที่ทำงานเวลาผมเอื้อมไปจับวัตถุบางอย่าง
02:15
but it also fires when I watch Joe reaching and grabbing something.
47
120000
3000
แต่มันก็จะทำงานเช่นกัน เมื่อผมมองคุณโจหรือใครสักคนทำกริยาเดียวกัน
02:18
And this is truly astonishing.
48
123000
2000
และนี่เป็นสิ่งที่น่าทึ่งอย่างแท้จริง
02:20
Because it's as though this neuron is adopting
49
125000
2000
เพราะว่ามันราวกับว่า เจ้าเซลล์ประสาทตัวนี้ได้
02:22
the other person's point of view.
50
127000
2000
รับเอามุมมองผู้อื่นมาขบคิดเอง
02:24
It's almost as though it's performing a virtual reality simulation
51
129000
4000
ราวกับว่ามันได้จำลอง โลกความจริงเสมือน
02:28
of the other person's action.
52
133000
2000
ของการกระทำของผู้อื่นนั่นเอง
02:30
Now, what is the significance of these mirror neurons?
53
135000
3000
แล้วเจ้า 'เซลล์ประสาทกระจกเงา' เหล่านี้มีความสำคัญอะไรบ้าง?
02:33
For one thing they must be involved in things like imitation and emulation.
54
138000
3000
อย่างหนึ่งก็คือ มันต้องมีความเกี่ยวข้องกับการเลียนแบบและลอกเลียนพฤติกรรม
02:36
Because to imitate a complex act
55
141000
3000
เพราะว่าการเลียนแบบพฤติกรรมเป็นสิ่งที่ซับซ้อน
02:39
requires my brain to adopt the other person's point of view.
56
144000
3000
ที่ต้องการการรับเอาการมองโลกของผู้อื่นเข้ามา
02:42
So, this is important for imitation and emulation.
57
147000
2000
ฉะนั้นการเลียนแบบและลอกเลียนพฤติกรรมจึงมีความสำคัญ
02:44
Well, why is that important?
58
149000
2000
แล้ว ทำไมถึงสำคัญ?
02:46
Well, let's take a look at the next slide.
59
151000
3000
เรามาลองดูที่สไลด์ต่อไปนี้กัน
02:49
So, how do you do imitation? Why is imitation important?
60
154000
3000
ถามว่า เราเลียนแบบได้อย่างไร? ทำไมมันถึงสำคัญ?
02:52
Mirror neurons and imitation, emulation.
61
157000
2000
"กลุ่มเซลล์ประสาทกระจกเงา, การเลียนแบบ, และการลอกเลียนพฤติกรรม"
02:54
Now, let's look at culture, the phenomenon of human culture.
62
159000
4000
เอาล่ะ ลองมาดูที่ วัฒนธรรม, ปรากฎการณ์ที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมของมนุษย์กันบ้าง
02:58
If you go back in time about [75,000] to 100,000 years ago,
63
163000
4000
หากเราย้อนเวลาไปราวๆ 75,000 ถึง 100,000 ปีที่แล้ว
03:02
let's look at human evolution, it turns out
64
167000
2000
แล้วมองดูที่วิวัฒนาการของมนุษย์ เราจะพบว่า
03:04
that something very important happened around 75,000 years ago.
65
169000
3000
มีบางอย่างที่สำคัญมากเกิดขึ้นราว 75,000 ปีที่แล้ว
03:07
And that is, there is a sudden emergence and rapid spread
66
172000
2000
และนั่นก็คือ การวิวัฒนาการและแผ่วงกว้างของ
03:09
of a number of skills that are unique to human beings
67
174000
3000
จำนวนความทักษะใหม่ๆที่เป็นเอกลักษณ์ของมนุษย์ยุคนั้น
03:12
like tool use,
68
177000
2000
เช่น การเริ่มใช้เครื่องทุ่นแรง
03:14
the use of fire, the use of shelters, and, of course, language,
69
179000
3000
การใช้ประโยชน์จากไฟ, การรู้จักสร้างที่อยู่อาศัย, และ แน่นอนที่สุดคือ การใช้ภาษา
03:17
and the ability to read somebody else's mind
70
182000
2000
และยังมี ความสามารถในการอ่านจิตใจผู้อื่น
03:19
and interpret that person's behavior.
71
184000
2000
และการแปลภาษากายของคนผู้นั้น
03:21
All of that happened relatively quickly.
72
186000
2000
ทั้งหมดนี้ได้พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วมาก
03:23
Even though the human brain had achieved its present size
73
188000
3000
แม้ว่า สมองมนุษย์ได้มีขนาดเท่าเดิมตั้งแต่เวลานั้น
03:26
almost three or four hundred thousand years ago,
74
191000
2000
เกือบสามถึงสี่พันปีมาจวบจนปัจจุบัน
03:28
100,000 years ago all of this happened very, very quickly.
75
193000
2000
แสนปีก่อน สิ่งเหล่านี้วิวัฒนาการมาเร็วมากๆ
03:30
And I claim that what happened was
76
195000
3000
และผมอยากบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเวลานั้นก็คือ
03:33
the sudden emergence of a sophisticated mirror neuron system,
77
198000
3000
การพัฒนาก้าวกระโดดของระบบเซลล์ประสาทกระจกเงา
03:36
which allowed you to emulate and imitate other people's actions.
78
201000
2000
ซึ่งได้ทำให้คุณสามารถเลียนแบบพฤติกรรมต่างๆของผู้อื่นได้
03:38
So that when there was a sudden accidental discovery
79
203000
4000
เพื่อว่า เมื่อเกิดการค้นพบที่ไม่คาดคิด
03:42
by one member of the group, say the use of fire,
80
207000
3000
โดยคนหนึ่งที่เป็นสมาชิกในกลุ่ม เช่น การใช้ประโยชน์จากไฟ
03:45
or a particular type of tool, instead of dying out,
81
210000
2000
หรือประเภทของเครื่องมือเฉพาะทางนั้น แทนที่จะถูกลืมเลือนไป
03:47
this spread rapidly, horizontally across the population,
82
212000
3000
ก็ได้แผ่กว้างอย่างรวดเร็ว จนการเลียนแบบหรือความรู้นั้นๆทั่วถึงประชากรทั้งหมด
03:50
or was transmitted vertically, down the generations.
83
215000
3000
หรือส่งผ่านไปยังทายาทรุ่นต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
03:53
So, this made evolution suddenly Lamarckian,
84
218000
2000
นี่เอง ที่ทำให้ทฤษฎีวิวัฒนาการ กลายเป็นแบบ Lamarck
03:55
instead of Darwinian.
85
220000
2000
ไม่ใช่แบบ Darwin
03:57
Darwinian evolution is slow; it takes hundreds of thousands of years.
86
222000
3000
ทฤษฎีวิวัฒนาการแบบดาร์วินจะเป็นไปในแบบช้าๆ กินเวลาเป็นแสนๆปี
04:00
A polar bear, to evolve a coat,
87
225000
2000
หมีขั้วโลก กว่าจะได้เป็นขนขาวๆ
04:02
will take thousands of generations, maybe 100,000 years.
88
227000
3000
ต้องกินเวลาลูกหลานเป็นพันๆรุ่น บางที ก็อาจถึงแสนปี
04:05
A human being, a child, can just watch its parent
89
230000
3000
ในขณะที่ คนเรา เช่น เด็กคนหนึ่ง สามารถจะดูพ่อแม่ตน
04:08
kill another polar bear,
90
233000
3000
ฆ่าหมีขั้วโลก
04:11
and skin it and put the skin on its body, fur on the body,
91
236000
3000
และถลกหนังพร้อมขนมาเป็นเครื่องนุ่งห่มขึ้นมา
04:14
and learn it in one step. What the polar bear
92
239000
2000
แล้วเด็กก็เรียนรู้ทั้งหมดในขั้นตอนเดียว
04:16
took 100,000 years to learn,
93
241000
2000
ขณะที่หมีขั้วโลกของดาร์วิน ใช้เวลาเป็นแสนปีเพื่อเรียนรู้
04:18
it can learn in five minutes, maybe 10 minutes.
94
243000
3000
สมองของเจ้าเด็กสามารถทำได้ภายใน 5 หรือ 10 นาทีเท่านั้น
04:21
And then once it's learned this it spreads
95
246000
2000
และเมื่อมันได้เรียนรู้แล้ว ความรู้นี้ก็จะขยายกว้างออก
04:23
in geometric proportion across a population.
96
248000
3000
ไปตามสัดส่วนแบบเรขาคณิต ทั่วทุกพื้นที่
04:26
This is the basis. The imitation of complex skills
97
251000
3000
นี่เป็นรากฐานสำคัญ การเลียนแบบของทักษะที่ซับซ้อนต่างๆนั้น
04:29
is what we call culture and is the basis of civilization.
98
254000
3000
คือสิ่งที่เราเรียกว่า วัฒนธรรม และ รากฐานของอารยธรรม
04:32
Now there is another kind of mirror neuron,
99
257000
2000
ทีนี้ ก็มีเซลล์ประสาทกระจกเงาอีกแบบ
04:34
which is involved in something quite different.
100
259000
2000
ซึ่งเกี่ยวข้องกับบางสิ่งที่ต่างออกไป
04:36
And that is, there are mirror neurons,
101
261000
2000
กล่าวคือ ในกลุ่มของเซลล์ประสาทกระจกฯ
04:38
just as there are mirror neurons for action, there are mirror neurons for touch.
102
263000
3000
(เช่น นอกจากเซลล์ประสาทกระจกฯ สำหรับกริยาต่างๆแล้ว) ได้มีเซลล์ประสาทกระจกฯสำหรับการสัมผัส
04:41
In other words, if somebody touches me,
103
266000
2000
พูดอีกแบบก็คือ หากมีคนมาแตะต้องมือผม
04:43
my hand, neuron in the somatosensory cortex
104
268000
2000
เซลล์ประสาทในบริเวณที่เป็นส่วนรับการสัมผัส
04:45
in the sensory region of the brain fires.
105
270000
2000
ในบริเวณประสาทรับความรู้สึกจะทำงานทันที
04:47
But the same neuron, in some cases, will fire
106
272000
3000
แต่ เซลล์ประสาทเดียวกันนี้ ก็จะทำงานในกรณีอื่นๆบางกรณีเช่นกัน
04:50
when I simply watch another person being touched.
107
275000
2000
ในเวลาที่ผมแค่เห็นคนอื่นถูกสัมผัส
04:52
So, it's empathizing the other person being touched.
108
277000
3000
ดังนั้น มันสามารถเข้าใจความรู้สึกของคนอื่นที่ถูกสัมผัสได้
04:55
So, most of them will fire when I'm touched
109
280000
2000
และเกือบทั้งกลุ่มเซลล์เหล่านั้น จะทำงานเมื่อผมถูกสัมผัส
04:57
in different locations. Different neurons for different locations.
110
282000
3000
ในตำแหน่งต่างๆกัน กลุ่มเซลล์ฯแต่ละกลุ่มจะรับผิดชอบแต่ละตำแหน่งที่ถูกสัมผัส
05:00
But a subset of them will fire even when I watch somebody else
111
285000
2000
แต่เจ้ากลุ่มย่อยจะทำงานเช่นกันเมื่อผมเห็นคนอื่น
05:02
being touched in the same location.
112
287000
2000
ถูกสัมผัสในตำแหน่งเดียวกัน
05:04
So, here again you have neurons
113
289000
2000
และที่นี่เช่นเดียวกัน คุณก็เป็นเจ้าของเซลล์ฯเหล่านั้น
05:06
which are enrolled in empathy.
114
291000
2000
ซึ่งได้มีถูกสร้างให้มีความเข้าในในผู้อื่นได้อย่างดี
05:08
Now, the question then arises: If I simply watch another person being touched,
115
293000
3000
ทีนี้ คำถามก็คือ: หากผมเห็นคนหนึ่งได้รับการสัมผัส
05:11
why do I not get confused and literally feel that touch sensation
116
296000
4000
ทำไมผมถึงไม่ฉงน และ รู้สึกถึงการสัมผัสนั้นอย่างแท้จริงได้เลย
05:15
merely by watching somebody being touched?
117
300000
2000
ในการที่ ผมแค่การเห็นผู้อื่นถูกสัมผัส ?
05:17
I mean, I empathize with that person but I don't literally feel the touch.
118
302000
4000
กล่าวคือ ผม'เข้าใจ'ความรู้สึกเขา แต่ไม่ได้'รู้สึก'ไปด้วยจริงๆ
05:21
Well, that's because you've got receptors in your skin,
119
306000
2000
นั่นก็เพราะว่าเรามีเซลล์รับความรู้สึกซ่อนอยู่ในชั้นผิวหนัง
05:23
touch and pain receptors, going back into your brain
120
308000
2000
เซลล์รับรู้การสัมผัส และความเจ็บปวด แล้วก็ส่งข้อมูลความรู้สึกนั้นๆไปสู่สมอง
05:25
and saying "Don't worry, you're not being touched.
121
310000
3000
และคล้ายๆกับสมองกระซิบบอกเราว่า "ไม่ต้องห่วง คุณไม่ได้ถูกสัมผัสจริงๆหรอก
05:28
So, empathize, by all means, with the other person,
122
313000
3000
ฉะนั้น แค่จงเข้าใจความรู้สึกทั้งหมดของผู้นั้น
05:31
but do not actually experience the touch,
123
316000
2000
แต่ไม่จำเป็นต้องเข้าไปร่วมรู้สึกด้วยนะ
05:33
otherwise you'll get confused and muddled."
124
318000
2000
ไม่เช่นนั้นแล้ว คุณจะเกิดความสับสนและวุ่นวายใจได้"
05:35
Okay, so there is a feedback signal
125
320000
2000
นั่นบอกถึงว่า มีสัญญาณตอบรับ
05:37
that vetoes the signal of the mirror neuron
126
322000
2000
ซึ่งห้ามสัญญาณจาก'นิวรอนกระจก' (หรือ เซลล์ประสาทกระจกเงา)
05:39
preventing you from consciously experiencing that touch.
127
324000
3000
ซึ่งป้องกันคุณจากความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับผู้นั้นอย่างแท้จริง
05:42
But if you remove the arm, you simply anesthetize my arm,
128
327000
3000
แต่ถ้าคุณตัดแขนออก คุณจะทำให้แขนผมชาไปเลยอย่างง่ายดาย
05:45
so you put an injection into my arm,
129
330000
2000
คล้ายๆกับฉีดยาชาให้แขนผม
05:47
anesthetize the brachial plexus, so the arm is numb,
130
332000
2000
ทำให้กลุ่มร่างแหประสาทแขนไร้ความรู้สึก แขนจึงชาด้านไป
05:49
and there is no sensations coming in,
131
334000
2000
และไม่มีข้อมูลความรู้สึกเข้ามา
05:51
if I now watch you being touched,
132
336000
2000
และหากตอนนี้ผมเห็นคุณถูกสัมผัส
05:53
I literally feel it in my hand.
133
338000
2000
ผมก็จะค่อยๆกลับมารู้สึกได้ที่มือของผม
05:55
In other words, you have dissolved the barrier
134
340000
2000
พูดอีกอย่างคือ คุณได้ทำลายอุปสรรค
05:57
between you and other human beings.
135
342000
2000
ระหว่างคุณและเพื่อนมนุษย์ด้วยกันทุกคน
05:59
So, I call them Gandhi neurons, or empathy neurons.
136
344000
3000
ดังนั้นผมจึงเรียกมันว่า 'เซลล์ประสาทคานธี' หรือ 'เซลล์ประสาทแห่งการเข้าใจผู้อื่น'
06:02
(Laughter)
137
347000
1000
((เสียงหัวเราะ))
06:03
And this is not in some abstract metaphorical sense.
138
348000
3000
และนี่ไม่ใช่สิ่งที่เป็นอุปมาอุปมัยที่จับต้องไม่ได้
06:06
All that's separating you from him,
139
351000
2000
สิ่งที่ขวางกั้นระหว่าง 'คุณ' กับ 'เขา'
06:08
from the other person, is your skin.
140
353000
2000
ก็คือ ผิวหนังหรือร่างกาย คุณเองเท่านั้น
06:10
Remove the skin, you experience that person's touch in your mind.
141
355000
4000
ลองทำเป็นไม่มีร่างกายขวางกั้นดู คุณจะรับรู้ถึงสัมผัสที่ได้จากคนนั้น ภายในจิตใจคุณเอง
06:14
You've dissolved the barrier between you and other human beings.
142
359000
3000
คุณ ได้ทำลายกำแพง ที่กั้นระหว่าง 'คุณ' และ 'เพื่อนมนุษย์' ด้วยกันลงในที่สุด
06:17
And this, of course, is the basis of much of Eastern philosophy,
143
362000
2000
และแน่นอนว่า สิ่งนี่เองที่เป็นรากฐานสำคัญของปรัชญาตะวันออก
06:19
and that is there is no real independent self,
144
364000
3000
คือ ไม่มีสิ่งได้คงอยู่ได้ด้วยตัวมันเองสิ่งเดียว
06:22
aloof from other human beings, inspecting the world,
145
367000
2000
ที่ปลีกตัวจากเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพื่อการสำรวจโลก
06:24
inspecting other people.
146
369000
2000
สำรวจผู้อื่น
06:26
You are, in fact, connected not just via Facebook and Internet,
147
371000
3000
ความจริงแล้ว คุณไม่ได้เชื่อมต่อกันทาง เฟสบุค และ อิเตอร์เนต เท่านั้น
06:29
you're actually quite literally connected by your neurons.
148
374000
3000
คุณยังเชื่อมต่อกันผ่านสายใยนิวรอนของคุณเองกับเพื่อนมนุษย์ด้วย
06:32
And there is whole chains of neurons around this room, talking to each other.
149
377000
3000
และที่แห่งนี้ก็ มีสายใยของนิวรอนนั้นเชื่อมถึง, สื่อสารกันอยู่ทั่วทั้งห้อง
06:35
And there is no real distinctiveness
150
380000
2000
และจิตสำนึกของคุณก็ไม่ได้แยกออกต่างหากจาก
06:37
of your consciousness from somebody else's consciousness.
151
382000
2000
จิตสำนึกของผู้อื่นแม้แต่น้อย
06:39
And this is not mumbo-jumbo philosophy.
152
384000
2000
และมันไม่ใช่ปรัชญาที่ไร้ความหมายแต่อย่างใด
06:41
It emerges from our understanding of basic neuroscience.
153
386000
3000
มันเกิดมาจากความเข้าใจที่เรามีใน'ประสาทวิทยาศาสตร์' ขั้นพื้นฐาน
06:44
So, you have a patient with a phantom limb. If the arm has been removed
154
389000
3000
ทีนี้ คุณมีคนไข้ที่ไร้แขนหรือขา ที่เขายังรู้สึกว่าแขนขาเขายังอยู่ และหากคุณไร้แขน
06:47
and you have a phantom, and you watch somebody else
155
392000
2000
แต่คุณยังรู้สึกได้ว่ามันยังอยู่ เวลาคุณเห็นแขนผู้อื่นถูกจับ
06:49
being touched, you feel it in your phantom.
156
394000
2000
คุณจะรู้สึกได้ที่ 'แขนล่องหน' ของคุณเอง
06:51
Now the astonishing thing is,
157
396000
2000
แต่สิ่งที่น่าทึ่งไปกว่านั้นคือ
06:53
if you have pain in your phantom limb, you squeeze the other person's hand,
158
398000
3000
หากคุณรู้สึกปวดที่แขนล่องหนของคุณ และคุณใช้มือที่เหลือบีบหรือ
06:56
massage the other person's hand,
159
401000
2000
นวดมือผู้อื่น
06:58
that relieves the pain in your phantom hand,
160
403000
2000
นั่นจะช่วยคลายปวดให้กับแขนล่องหนคุณเองไปด้วย
07:00
almost as though the neuron
161
405000
2000
ราวกับว่าเจ้านิวรอน (หรือ เซลล์ประสาท)
07:02
were obtaining relief from merely
162
407000
2000
สามารถเอาความผ่อนคลายเข้ามาได้เพียงแต่มัน
07:04
watching somebody else being massaged.
163
409000
2000
ได้เห็นผู้อื่นถูกนวด และผ่อนคลายนั่นเอง
07:06
So, here you have my last slide.
164
411000
3000
และนี่คือสไลด์สุดท้ายของผม
07:09
For the longest time people have regarded science
165
414000
2000
นานมาแล้ว พวกเราได้แบ่งแยกวิทยาศาสตร์
07:11
and humanities as being distinct.
166
416000
2000
ออกจากมนุษยชาติ ไว้อย่างชัดเจน
07:13
C.P. Snow spoke of the two cultures:
167
418000
3000
คุณ C.P. Snow ได้พูดเกี่ยวกับสองสิ่งไว้ว่า:
07:16
science on the one hand, humanities on the other;
168
421000
2000
'วิทยาศาสตร์ก็เรื่องหนึ่ง มนุษยชาติก็อีกเรื่องหนึ่ง
07:18
never the twain shall meet.
169
423000
2000
ไม่สามารถมาร่วมเดินด้วยกันได้'
07:20
So, I'm saying the mirror neuron system underlies the interface
170
425000
2000
แต่ที่ผมอยากบอกก็คือ ระบบของนิวรอนกระจก นั้นได้เป็นตัวเชื่อมระหว่างสองสิ่ง
07:22
allowing you to rethink about issues like consciousness,
171
427000
3000
ซึ่งทำให้คุณต้องมาขบคิดอีกครั้ง เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ เช่น จิตสำนึก,
07:25
representation of self,
172
430000
2000
การแสดงออกถึงการคงอยู่ของปัจเจก,
07:27
what separates you from other human beings,
173
432000
2000
สิ่งที่กั้นคุณออกจากเพื่อนมนุษย์คนอื่น,
07:29
what allows you to empathize with other human beings,
174
434000
2000
สิ่งที่ทำให้คุณรู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น,
07:31
and also even things like the emergence of culture and civilization,
175
436000
3000
ไปจนถึงเรื่องอื่น เช่น การวิวัฒน์มาของวัฒนธรรมและอารยธรรม
07:34
which is unique to human beings. Thank you.
176
439000
2000
ที่เป็นเอกลักษณ์ของทั้งมนุษยชาติ ขอบคุณครับ
07:36
(Applause)
177
441000
2000
(((เสียงปรบมือ))
ABOUT THE SPEAKER
Vilayanur Ramachandran - Brain expertNeurologist V.S. Ramachandran looks deep into the brain’s most basic mechanisms. By working with those who have very specific mental disabilities caused by brain injury or stroke, he can map functions of the mind to physical structures of the brain.
Why you should listen
V.S. Ramachandran is a mesmerizing speaker, able to concretely and simply describe the most complicated inner workings of the brain. His investigations into phantom limb pain, synesthesia and other brain disorders allow him to explore (and begin to answer) the most basic philosophical questions about the nature of self and human consciousness.
Ramachandran is the director of the Center for Brain and Cognition at the University of California, San Diego, and an adjunct professor at the Salk Institute. He is the author of Phantoms in the Brain (the basis for a Nova special), A Brief Tour of Human Consciousness and The Man with the Phantom Twin: Adventures in the Neuroscience of the Human Brain.
Vilayanur Ramachandran | Speaker | TED.com