ABOUT THE SPEAKER
Feisal Abdul Rauf - Chairman of the Cordoba Initiative
Imam Feisal Abdul Rauf has devoted himself to healing relations between Muslim-Americans and their neighbors, and bringing that message of peace to the wider Muslim world.

Why you should listen

In 2003, Imam Feisal Abdul Rauf founded the Cordoba Initiative, a non-partisan and international organization that works to provide innovative solutions to conflict between Muslim and Western communities. He also serves as chair of the Initiative, actively promoting and moderating dialogue between individuals and groups. What’s more, this project was not the Imam's first foray into interreligious talks. In 1997, he started the American Society for Muslim Advancement (ASMA), a group that brings American Muslims and non-Muslims together through programs in policy, current affairs and culture.

Also, Imam Rauf regularly attends the Council on Foreign Relations and the World Economic Forum (both Davos and Dead Sea) and has written three books on the topic of bringing peace to Islam's relationsIslam: A Search for MeaningIslam: A Sacred Law; and What's Right With Islam: A New Vision for Muslims and the West. He continues to balance his mission of creating peace with his regular duties as Imam of Masjid al-Farah, a mosque twelve blocks from Ground Zero in New York City, that he has led for 25 years.

More profile about the speaker
Feisal Abdul Rauf | Speaker | TED.com
TEDSalon 2009 Compassion

Feisal Abdul Rauf: Lose your ego, find your compassion

ท่านอิหม่าม ไฟซาล อับดุล ราอุฟ: พึงละซึ่งอัตตา เพื่อพบหาเมตตาในหัวใจ

Filmed:
549,886 views

ท่านอิหม่าม ไฟซาล อับดุล ราอุฟผสมผสานหลักคำสอนของคัมภีร์อัลกุรอาน เรื่องเล่าขานของท่านรูมี และยกองค์ศาสดามูฮัมหมัดและพระเยซูเป็นตัวอย่างประกอบ เพื่อแสดงให้เห็นว่ามีอุปสรรคเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่ขวางกั้นเราแต่ละคนจากความเมตตาอันจริงแท้ -- นั่นคือตัวเราเอง
- Chairman of the Cordoba Initiative
Imam Feisal Abdul Rauf has devoted himself to healing relations between Muslim-Americans and their neighbors, and bringing that message of peace to the wider Muslim world. Full bio

Double-click the English transcript below to play the video.

00:12
I'm speakingการพูด about compassionความเห็นอกเห็นใจ from an Islamicอิสลาม pointจุด of viewดู,
0
0
5000
ข้าพเจ้ากำลังพูดถึงความเมตตาจากมุมมองของชาวมุสลิม
00:17
and perhapsบางที my faithความเชื่อ is not very well thought of
1
5000
3000
และบางทีหลายคนก็คิดว่าความเชื่อของข้าพเจ้านั้น
00:20
as beingกำลัง one that is groundedสายดิน in compassionความเห็นอกเห็นใจ.
2
8000
4000
ไม่ถือว่าเป็นความเชื่อที่มีรากฐานบนความเมตตา
00:24
The truthความจริง of the matterเรื่อง is otherwiseมิฉะนั้น.
3
12000
2000
แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับตรงข้ามกัน
00:26
Our holyศักดิ์สิทธิ์ bookหนังสือ, the Koranคัมภีร์โกหร่าน, consistsประกอบ of 114 chaptersบท,
4
14000
6000
คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของเรา อัลกุรอาน ประกอบด้วย 114 บท
00:32
and eachแต่ละ chapterบท beginsเริ่มต้น with what we call the basmalaBasmala,
5
20000
4000
และแต่ละบทเริ่มต้นด้วยบทนำที่เราเรียกว่า บัสมาลาห์
00:36
the sayingคำพูด of "In the nameชื่อ of God, the all compassionateมีความสงสาร, the all mercifulเมตตา,"
6
24000
6000
ซึ่งเป็นบทกล่าวในนามของพระเจ้าผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปราณียิ่ง
00:42
or, as Sirท่าน Richardริชาร์ด Burtonเบอร์ตัน --
7
30000
2000
หรือ ตามที่เซอร์ ริชาร์ด เบอร์ตั้น
00:44
not the Richardริชาร์ด Burtonเบอร์ตัน who was marriedแต่งงาน to Elizabethลิซาเบ ธ Taylorเทย์เลอร์,
8
32000
3000
ไม่ใช่ริชาร์ด เบอร์ตั้นคนที่แต่งงานกับ อลิซาเบ็ธ เทย์เลอร์นะครับ
00:47
but the Sirท่าน Richardริชาร์ด Burtonเบอร์ตัน who livedอาศัยอยู่ a centuryศตวรรษ before that
9
35000
3000
แต่เป็นเซอร์ ริชาร์ด เบอร์ตั้น คนที่มีชีวิตอยู่ 100 ปีก่อนหน้านั้น
00:50
and who was a worldwideทั่วโลก travelerนักท่องเที่ยว
10
38000
2000
ซึ่งเป็นนักเดินทางไปทั่วโลก
00:52
and translatorนักแปล of manyจำนวนมาก worksโรงงาน of literatureวรรณกรรม --
11
40000
4000
และเป็นผู้แปลวรรณกรรมไว้หลายชิ้น
00:56
translatesแปล it. "In the nameชื่อ of God, the compassionatingcompassionating, the compassionateมีความสงสาร."
12
44000
7000
ได้แปลไว้ว่า "ในนามของพระเจ้า ผู้ทรงเมตตา ผู้เปี่ยมด้วยความเมตตา"
01:03
And in a sayingคำพูด of the Koranคัมภีร์โกหร่าน, whichที่ to Muslimsชาวมุสลิม is God speakingการพูด to humanityมนุษยชาติ,
13
51000
7000
และในหลักคำสอนจากกุรอาน ซึ่งสำหรับชาวมุสลิมแล้ว เป็นถ้อยคำที่พระเจ้ากล่าวกับมวลมนุษยชาติ
01:10
God saysกล่าวว่า to his prophetศาสดา Muhammadมูฮัมหมัด --
14
58000
3000
พระเจ้าได้ตรัสกับท่านศาสนฑูตของพระองค์ ท่านมูฮัมหมัด
01:13
whomใคร we believe to be the last of a seriesชุด of prophetsผู้เผยพระวจนะ,
15
61000
3000
ซึ่งเราเชื่อกันว่าเป็นท่านสุดท้าย ในบรรดาองค์ศาสนฑูต
01:16
beginningการเริ่มต้น with Adamอาดัม, includingรวมไปถึง Noahโนอาห์, includingรวมไปถึง Mosesโมเสส, includingรวมไปถึง Abrahamอับราฮัม,
16
64000
6000
อันเริ่มต้นด้วยอดัม รวมถึงโนอาห์ รวมถึงโมเสส รวมถึงอับราฮัม
01:22
includingรวมไปถึง Jesusพระเยซู Christคริสต์, and endingสิ้นสุด with Muhammadมูฮัมหมัด --
17
70000
4000
รวมถึงพระเยซูคริสต์ และสิ้นสุดที่ท่านมูฮัมหมัด
01:26
that, "We have not sentส่ง you, O Muhammadมูฮัมหมัด,
18
74000
3000
พระเจ้าตรัสว่า "เรามิได้ส่งเธอมาเพื่ออื่นใด โอ้ มูฮัมหมัด
01:29
exceptยกเว้น as a 'rahmah'Rahmah,' exceptยกเว้น as a sourceแหล่ง of compassionความเห็นอกเห็นใจ to humanityมนุษยชาติ."
19
77000
6000
นอกจากเพื่อเป็นราฮาม เป็นความเมตตาแก่มวลประชาทั้งหลาย"
01:35
For us humanเป็นมนุษย์ beingsสิ่งมีชีวิต, and certainlyอย่างแน่นอน for us as Muslimsชาวมุสลิม,
20
83000
4000
สำหรับเราในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง และแน่นอนสำหรับเราชาวมุสลิม
01:39
whoseใคร missionหน้าที่, and whoseใคร purposeวัตถุประสงค์ in followingดังต่อไปนี้ the pathเส้นทาง of the prophetศาสดา
21
87000
5000
ผู้มีภารกิจและเป้าประสงค์ ในการดำเนินรอยตามองค์ศาสดา
01:44
is to make ourselvesตัวเรา as much like the prophetศาสดา.
22
92000
4000
พึงกระทำตนเยี่ยงองค์ศาสดาให้ดีที่สุด
01:48
And the prophetศาสดา, in one of his sayingsคำพูด, said,
23
96000
2000
ซึ่งองค์ศาสดาได้กล่าวไว้ครั้งหนึ่งว่า
01:50
"Adornประดับ yourselvesท่านเอง with the attributesแอตทริบิวต์ of God."
24
98000
5000
"จงประดับตัวท่านด้วยคุณลักษณะของพระเจ้า"
01:55
And because God Himselfตัวเขาเอง said that the primaryประถม attributeคุณลักษณะ of his is compassionความเห็นอกเห็นใจ --
25
103000
6000
และเพราะพระเจ้าเองได้ตรัสไว้ว่าคุณลักษณะ อันสำคัญที่สุดของพระองค์ก็คือ ความเมตตา
02:01
in factความจริง, the Koranคัมภีร์โกหร่าน saysกล่าวว่า that "God decreedประกาศิต uponเมื่อ himselfตัวเขาเอง compassionความเห็นอกเห็นใจ,"
26
109000
5000
กุรอ่านเองก็กล่าวไว้ว่า "พระเจ้าทรงมีบัญชาแก่พระองค์เองด้วยความเมตตา"
02:06
or, "reignedขึ้นครองราชย์แทน himselfตัวเขาเอง in by compassionความเห็นอกเห็นใจ" --
27
114000
4000
หรือ "ทรงปกครองพระองค์เองด้วยความเมตตา"
02:10
thereforeดังนั้น, our objectiveวัตถุประสงค์ and our missionหน้าที่ mustต้อง be to be sourcesแหล่งที่มา of compassionความเห็นอกเห็นใจ,
28
118000
7000
ฉะนั้น จุดประสงค์และภารกิจของเราคือการเป็นผู้ที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา
02:17
activatorsactivators of compassionความเห็นอกเห็นใจ, actorsนักแสดง of compassionความเห็นอกเห็นใจ
29
125000
4000
สร้างความเมตตาให้เกิดขึ้นในใจ, แสดงความเมตตาต่อผู้อื่น
02:21
and speakersลำโพง of compassionความเห็นอกเห็นใจ and doersผู้กระทำ of compassionความเห็นอกเห็นใจ.
30
129000
4000
พึงพูดกับผู้อื่นด้วยความเมตตา และปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเมตตา
02:25
That is all well and good,
31
133000
3000
เหล่านี้ล้วนประเสริฐและดี
02:28
but where do we go wrongไม่ถูกต้อง,
32
136000
3000
แต่ความผิดพลาดเกิดขึ้นที่ตรงไหน
02:31
and what is the sourceแหล่ง of the lackไม่มี of compassionความเห็นอกเห็นใจ in the worldโลก?
33
139000
5000
และอะไรเป็นเหตุให้โลกขาดความเมตตา
02:36
For the answerตอบ to this, we turnกลับ to our spiritualมโนมัย pathเส้นทาง.
34
144000
5000
เพื่อตอบคำถามนี้ เราพึงพิจารณาถึงมรรคาแห่งจิตวิญญาณ
02:41
In everyทุกๆ religiousเคร่งศาสนา traditionประเพณี, there is the outerด้านนอก pathเส้นทาง and the innerภายใน pathเส้นทาง,
35
149000
7000
ศาสนาทุกศาสนาล้วนมีสิ่งที่เราเรียกว่า วิถีแห่งโลกภายนอกและวิถีของโลกภายใน
02:48
or the exotericexoteric pathเส้นทาง and the esotericลึกลับ pathเส้นทาง.
36
156000
5000
หรือวิถีทางวัตถุและวิถีแห่งจิตวิญญาณ
02:53
The esotericลึกลับ pathเส้นทาง of Islamศาสนาอิสลาม is more popularlyอย่างแพร่หลาย knownที่รู้จักกัน as Sufismผู้นับถือมุสลิม, or "tasawwuftasawwuf" in Arabicภาษาอาหรับ.
37
161000
8000
วิถีแห่งจิตวิญญาณของมุสลิมนั้นรู้จักกันทั่วไปในชื่อของนิกายซูฟีย์ หรือตะเซาวุฟ ในภาษาอาหรับ
03:01
And these doctorsแพทย์ or these mastersปริญญาโท,
38
169000
3000
บรรดาผู้รู้หรือปรมาจารย์เหล่านี้
03:04
these spiritualมโนมัย mastersปริญญาโท of the SufiSufi traditionประเพณี,
39
172000
4000
ปรมาจารย์ทางจิตวิญญาณของซูฟีย์
03:08
referอ้างถึง to teachingsคำสอน and examplesตัวอย่าง of our prophetศาสดา
40
176000
4000
ได้กล่าวถึงคำสอนและตัวอย่างของท่านองค์ศาสดา
03:12
that teachสอน us where the sourceแหล่ง of our problemsปัญหาที่เกิดขึ้น liesโกหก.
41
180000
4000
ซึ่งจะช่วยชี้แนะเราว่าสิ่งใดกันคือบ่อเกิดของปัญหา
03:16
In one of the battlesการต่อสู้ that the prophetศาสดา wagedยืดเยื้อ,
42
184000
4000
ในการศึกหนึ่งซึ่งองค์ศาสดาได้ร่วมรบ
03:20
he told his followersสมัครพรรคพวก, "We are returningการคืน from the lesserน้อยกว่า warสงคราม
43
188000
5000
ท่านกล่าวต่อสานุศิษย์ว่า "เรากลับจากสงครามเล็กน้อยนี้"
03:25
to the greaterมากขึ้น warสงคราม, to the greaterมากขึ้น battleการต่อสู้."
44
193000
4000
ไปสู่สงครามอันยิ่งใหญ่ สู่การศึกอันยิ่ง"
03:29
And they said, "Messengerผู้สื่อสาร of God, we are battle-wearyการต่อสู้ที่เหนื่อยล้า.
45
197000
5000
สานุศิษย์กล่าวว่า "องค์ฑูตแห่งสวรรค์ เราหน่ายการศึกแล้ว
03:34
How can we go to a greaterมากขึ้น battleการต่อสู้?"
46
202000
3000
จะเอากำลังแต่ไหน สู้ศึกอันยิ่ง?"
03:37
He said, "That is the battleการต่อสู้ of the selfตนเอง, the battleการต่อสู้ of the egoอาตมา."
47
205000
8000
องค์ศาสดาตอบว่า "การศึกนั้นหรือคือการศึกกับตน การศึกต่ออัตตา"
03:45
The sourcesแหล่งที่มา of humanเป็นมนุษย์ problemsปัญหาที่เกิดขึ้น have to do with egotismการพูดถึงตนเอง, "I."
48
213000
9000
ต้นเหตุของปัญหาของมนุษย์ ล้วนเกี่ยวกับการยึดอัตตาเป็นใหญ่ หรือ 'ตัวข้าฯ'
03:54
The famousมีชื่อเสียง SufiSufi masterเจ้านาย Rumiรุมิ, who is very well knownที่รู้จักกัน to mostมากที่สุด of you,
49
222000
6000
ปรมาจารย์ซูฟีย์ผู้โด่งดัง ท่านรูมี ผู้ที่ท่านส่วนใหญ่รู้จักเป็นอย่างดี
04:00
has a storyเรื่องราว in whichที่ he talksการเจรจา of a man who goesไป to the houseบ้าน of a friendเพื่อน,
50
228000
6000
มีเรื่องเล่าว่าด้วยชายผู้หนึ่ง ซึ่งเดินทางไปยังบ้านของสหาย
04:06
and he knocksเคาะ on the doorประตู,
51
234000
3000
เขาเคาะประตูบ้าน
04:09
and a voiceเสียงพูด answersคำตอบ, "Who'sใคร there?"
52
237000
3000
เสียงตอบกลับมาว่า "นั่นใคร?"
04:12
"It's me," or, more grammaticallyตามหลักไวยากรณ์ correctlyได้อย่างถูกต้อง, "It is I,"
53
240000
5000
"ฉันเอง" หรือพูดอีกอย่างก็คือ
04:17
as we mightอาจ say in Englishอังกฤษ.
54
245000
2000
"ข้าฯ" เอง
04:19
The voiceเสียงพูด saysกล่าวว่า, "Go away."
55
247000
3000
เสียงนั้นว่า "ไปให้พ้น"
04:22
After manyจำนวนมาก yearsปี of trainingการอบรม, of discipliningการฝึกหัด, of searchค้นหา and struggleการต่อสู้,
56
250000
8000
หลังจากฝึกฝน บำเพ็ญตน แสวงหา และเพียรพยายามอยู่หลายปี
04:30
he comesมา back.
57
258000
2000
เขาก็กลับมา
04:32
With much greaterมากขึ้น humilityความนอบน้อม, he knocksเคาะ again on the doorประตู.
58
260000
4000
และด้วยความถ่อมตนกว่าแต่ก่อนนัก เขาเคาะประตูอีกครั้ง
04:36
The voiceเสียงพูด asksถาม, "Who is there?"
59
264000
3000
เสียงนั้นถามว่า "นั่นใคร"
04:39
He said, "It is you, O heartbreakerหักอก."
60
267000
4000
เขาตอบว่า "ก็ท่านไง โอ้ สหายรักของข้า"
04:43
The doorประตู swingsชิงช้า openเปิด, and the voiceเสียงพูด saysกล่าวว่า,
61
271000
4000
แล้วประตูก็เปิดออก และเสียงนั้นกล่าวว่า
04:47
"Come in, for there is no roomห้อง in this houseบ้าน for two I'sคือ,"
62
275000
7000
"เข้ามาเถิด เพราะว่าในนี้ไม่มีที่พอสำหรับ 'ข้าฯ' ทั้งสอง"
04:54
-- two capitalเมืองหลวง I'sคือ, not these eyesตา -- "for two egosอัตตา."
63
282000
4000
ข้าฯ หรืออัตตาทั้งสองนะครับ
04:58
And Rumi'sรุมิ storiesเรื่องราว are metaphorsอุปมาอุปมัย for the spiritualมโนมัย pathเส้นทาง.
64
286000
9000
เรื่องที่ท่านรูมีเล่าไว้ เป็นการอุปมาถึงการเดินทาง ทางจิตวิญญาณนั่นเอง
05:07
In the presenceการมี of God, there is no roomห้อง for more than one "I,"
65
295000
6000
ขณะใดที่พระเจ้าปรากฏ จะไม่เหลือเนื้อที่ให้อัตตาได้อาศัย
05:13
and that is the "I" of divinityเทพบุตร.
66
301000
5000
อัตตวาทุปาทานจึงสลาย หลอมรวมเข้ากับสรรพสิ่ง
05:18
In a teachingการสอน -- calledเรียกว่า a "hadithสุนัต qudsiQudsi" in our traditionประเพณี --
67
306000
4000
ในหลักคำสอน ซึ่งชาวมุสลิมเรียกว่า ฮะดีษกุดซีย์ นั้น
05:22
God saysกล่าวว่า that, "My servantคนรับใช้," or "My creatureสัตว์, my humanเป็นมนุษย์ creatureสัตว์,
68
310000
6000
พระเจ้าตรัสว่า "สาวกของเรา" หรือ "สรรพชีวิต สรรพมนุษย์"
05:28
does not approachเข้าใกล้ me by anything that is dearerdearer to me
69
316000
6000
ไม่พึงติดตามเราได้ ด้วยการปฏิบัติอันนอกเหนือไปจาก
05:34
than what I have askedถาม them to do."
70
322000
3000
ที่เราได้พร่ำสอน"
05:37
And those of you who are employersนายจ้าง know exactlyอย่างแน่นอน what I mean.
71
325000
4000
และท่านผู้ฟังที่เป็นนายจ้างคงเข้าใจดีว่าหมายถึงอะไร
05:41
You want your employeesพนักงาน to do what you askถาม them to do,
72
329000
4000
ท่านย่อมอยากให้ลูกจ้างของท่าน ทำในสิ่งที่ท่านสั่งไว้
05:45
and if they'veพวกเขาได้ doneเสร็จแล้ว that, then they can do extraพิเศษ.
73
333000
2000
เมื่อทำได้แล้ว จึงค่อยทำสิ่งอื่นนอกจากนั้น
05:47
But don't ignoreไม่สนใจ what you've askedถาม them to do.
74
335000
3000
แต่อย่าเพิกเฉยในสิ่งที่ท่านได้สั่งไว้
05:50
"And," God saysกล่าวว่า, "my servantคนรับใช้ continuesอย่างต่อเนื่อง to get nearerใกล้ to me,
75
338000
6000
และพระเจ้าตรัสว่า "สาวกของเราจะยิ่งใกล้เรามากขึ้นอีก
05:56
by doing more of what I've askedถาม them to do" --
76
344000
3000
ด้วยการปฏิบัติให้มากขึ้นในสิ่งที่เราสอน"
05:59
extraพิเศษ creditเครดิต, we mightอาจ call it --
77
347000
2000
เป็นคะแนนพิเศษ ก็น่าจะเรียกได้
06:01
"untilจนกระทั่ง I love him or love her.
78
349000
4000
"จนกว่าเราจะรักเขาหรือเธอ
06:05
And when I love my servantคนรับใช้," God saysกล่าวว่า,
79
353000
3000
และเมื่อเรารักสาวกของเราแล้ว" พระเจ้าตรัส
06:08
"I becomeกลายเป็น the eyesตา by whichที่ he or she seesเห็น,
80
356000
6000
เราจะกลายเป็นดวงตาที่เขาหรือเธอใช้ดู
06:14
the earsหู by whichที่ he or she listensฟัง,
81
362000
6000
เป็นหูที่เขาหรือเธอใช้ฟัง
06:20
the handมือ by whichที่ he or she graspsคว้า,
82
368000
5000
เป็นมือที่เขาหรือเธอใช้ยึดจับ
06:25
and the footเท้า by whichที่ he or she walksเดิน,
83
373000
4000
และเป็นเท้าที่เขาหรือเธอใช้เดิน
06:29
and the heartหัวใจ by whichที่ he or she understandsเข้าใจ."
84
377000
5000
และเป็นหัวใจที่เขาหรือเธอใช้เข้าใจสรรพสิ่ง
06:34
It is this mergingการผสม of our selfตนเอง with divinityเทพบุตร
85
382000
5000
การหลอมรวมตัวตนเข้ากับความจริงสูงสุดนี้
06:39
that is the lessonบทเรียน and purposeวัตถุประสงค์ of our spiritualมโนมัย pathเส้นทาง and all of our faithความเชื่อ traditionsประเพณี.
86
387000
8000
เป็นบทศึกษาและจุดมุ่งหมายของการเดินทางทางจิตวิญญาณของศาสนศรัทธาทั้งมวล
06:47
Muslimsชาวมุสลิม regardคำนึงถึง Jesusพระเยซู as the masterเจ้านาย of Sufismผู้นับถือมุสลิม,
87
395000
6000
ชาวมุสลิมนับถือพระเยซูว่า เป็นปรมาจารย์แห่งซูฟีย์
06:53
the greatestใหญ่ที่สุด prophetศาสดา and messengerผู้สื่อสาร who cameมา to emphasizeเน้น the spiritualมโนมัย pathเส้นทาง.
88
401000
7000
เป็นองค์ศาสดาและผู้นำสาส์น ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ผู้เน้นย้ำวิถีแห่งจิตวิญญาณ
07:00
When he saysกล่าวว่า, "I am the spiritวิญญาณ, and I am the way,"
89
408000
4000
พระเยซูกล่าวว่า "เราคือพระจิต เราคือวิถีทาง"
07:04
and when the prophetศาสดา Muhammadมูฮัมหมัด said, "Whoeverใครก็ตาม has seenเห็น me has seenเห็น God,"
90
412000
5000
องค์ศาสดามูฮัมหมัดกล่าวว่า "ผู้ใดเห็นเรา ก็เท่ากับเห็นพระเจ้า"
07:09
it is because they becameกลายเป็น so much an instrumentตราสาร of God,
91
417000
5000
ที่กล่าวเช่นนั้นได้ เพราะองค์ศาสดาคือสื่อของพระเจ้า
07:14
they becameกลายเป็น partส่วนหนึ่ง of God'sของพระเจ้า teamทีม --
92
422000
2000
เป็นพระจิตของพระเจ้า
07:16
so that God'sของพระเจ้า will was manifestประจักษ์ throughตลอด them,
93
424000
4000
ดังนั้นแล้ว พระประสงค์ของพระเจ้าจึงสำแดงผ่านพวกท่านได้
07:20
and they were not actingการแสดง from theirของพวกเขา ownด้วยตัวเอง selvesตัว and theirของพวกเขา ownด้วยตัวเอง egosอัตตา.
94
428000
4000
และมิได้กระทำการจากตัวตนหรืออัตตาของพวกท่านเอง
07:24
Compassionความเห็นอกเห็นใจ on earthโลก is givenรับ, it is in us.
95
432000
7000
ความเมตตาบนโลกนั้นได้ถูกประทานมาให้แล้ว มันอยู่ในตัวเรานี่เอง
07:31
All we have to do is to get our egosอัตตา out of the way,
96
439000
5000
สิ่งที่เราต้องทำมีเพียงแค่ขจัดอัตตาไปให้พ้นจากวิถีทางของเรา
07:36
get our egotismการพูดถึงตนเอง out of the way.
97
444000
3000
ขจัดการเอาอัตตาเป็นใหญ่ไปให้พ้นจากวิถีทางของเรา
07:39
I'm sure, probablyอาจ all of you here, or certainlyอย่างแน่นอน the very vastกว้างใหญ่ majorityส่วนใหญ่ of you,
98
447000
8000
ข้าพเจ้าแน่ใจว่า ทุกท่านในที่นี้น่าจะ หรือส่วนใหญ่ของท่านผู้ฟังต้อง
07:47
have had what you mightอาจ call a spiritualมโนมัย experienceประสบการณ์,
99
455000
4000
เคยประสบสิ่งที่ท่านอาจเรียกว่า ประสบการณ์ทางจิตวิญญาณ
07:51
a momentขณะ in your livesชีวิต when, for a fewน้อย secondsวินาที, a minuteนาที perhapsบางที,
100
459000
7000
ซึ่งเป็นห้วงเวลาหนึ่งในชีวิตของท่าน อาจนานเพียงไม่กี่วินาทีหรือนาที
07:58
the boundariesขอบเขต of your egoอาตมา dissolvedละลาย.
101
466000
6000
ที่พรมแดนของอัตตาของท่านได้สลายหายไป
08:04
And at that minuteนาที, you feltรู้สึกว่า at one with the universeจักรวาล --
102
472000
7000
และ ณ นาทีนั้นเอง ท่านก็รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันกับจักรวาล
08:11
one with that jugเหยือก of waterน้ำ, one with everyทุกๆ humanเป็นมนุษย์ beingกำลัง,
103
479000
6000
เป็นหนึ่งเดียวกันกับเหยือกน้ำอันนั้น เป็นหนึ่งเดียวกันกับมนุษยชาติ
08:17
one with the Creatorผู้สร้าง --
104
485000
4000
เป็นหนึ่งเดียวกันกับพระผู้สร้าง
08:21
and you feltรู้สึกว่า you were in the presenceการมี of powerอำนาจ, of aweความกลัว,
105
489000
5000
และท่านรู้สึกได้ในการดำรงอยู่ของอำนาจนั้น ถึงความน่าเกรงขาม
08:26
of the deepestที่ลึกที่สุด love, the deepestที่ลึกที่สุด senseความรู้สึก of compassionความเห็นอกเห็นใจ and mercyความเมตตา
106
494000
4000
ถึงความรักอันลึกล้ำที่สุด ความเมตตาและปราณีอันลึกล้ำที่สุด
08:30
that you have ever experiencedมีประสบการณ์ in your livesชีวิต.
107
498000
4000
เท่าที่ท่านได้เคยประสบมาในชีวิต
08:34
That is a momentขณะ whichที่ is a giftของขวัญ of God to us --
108
502000
6000
นั่นแหละคือช่วงเวลาที่พระเจ้าทรงประทาน เป็นของขวัญแก่เรา
08:40
a giftของขวัญ when, for a momentขณะ, he liftsลิฟท์ that boundaryเขตแดน
109
508000
4000
ของขวัญที่ ณ ห้วงเวลาหนึ่ง พระองค์ทรงยกพรมแดนนั้น
08:44
whichที่ makesยี่ห้อ us insistยืนยัน on "I, I, I, me, me, me,"
110
512000
6000
ที่ทำให้เราเอาแต่ยืนกรานว่า ฉัน ฉัน ฉัน ข้า ข้า ข้า
08:50
and insteadแทน, like the personคน in Rumi'sรุมิ storyเรื่องราว,
111
518000
4000
และเปลี่ยนไป เป็นเช่นเดียวกับชายในเรื่องของท่านรูมี
08:54
we say, "Oh, this is all you.
112
522000
6000
เราก็พูดว่า "อ้อ นี่คือท่านทั้งหมดเลย"
09:00
This is all you. And this is all us.
113
528000
2000
นี่คือท่านทั้งหมด และนี่คือเราทั้งหมด
09:02
And us, and I, and us are all partส่วนหนึ่ง of you.
114
530000
6000
และเรา และข้าพเจ้า และพวกเรา ต่างเป็นส่วนหนึ่งของท่าน
09:08
O, Creatorผู้สร้าง! O, the Objectiveวัตถุประสงค์! The sourceแหล่ง of our beingกำลัง
115
536000
6000
ผู้สร้างทั้งมวล จุดประสงค์ทั้งมวล จุดกำเนิดแห่งการมีอยู่ของเรา
09:14
and the endปลาย of our journeyการเดินทาง,
116
542000
2000
และจุดสิ้นสุดของการเดินทางของเรา
09:16
you are alsoด้วย the breakerเครื่องบด of our heartsหัวใจ.
117
544000
5000
และท่านยังเป็นสหายรักของเรา
09:21
You are the one whomใคร we should all be towardsไปทาง, for whoseใคร purposeวัตถุประสงค์ we liveมีชีวิต,
118
549000
6000
ท่านเป็นเพียงผู้เดียวที่เราควรมุ่งตาม เพื่อจุดประสงค์ของท่านที่เราจะมีชีวิตอยู่
09:27
and for whoseใคร purposeวัตถุประสงค์ we shallจะต้อง dieตาย,
119
555000
4000
และเพื่อจุดประสงค์ของท่าน ที่เราจะตาย
09:31
and for whoseใคร purposeวัตถุประสงค์ we shallจะต้อง be resurrectedฟื้นขึ้นมาใหม่ again
120
559000
4000
และเพื่อจุดประสงค์ของท่าน ที่เราจะได้รับการชุบชีวิตอีกครั้ง
09:35
to accountบัญชี to God to what extentขอบเขต we have been compassionateมีความสงสาร beingsสิ่งมีชีวิต."
121
563000
7000
เพื่ออธิบายต่อพระเจ้า ว่าเราได้ใช้ชีวิตอย่างมีเมตตามากน้อยปานใด
09:42
Our messageข่าวสาร todayในวันนี้, and our purposeวัตถุประสงค์ todayในวันนี้,
122
570000
4000
สาส์นของเราในวันนี้ และจุดประสงค์ของเราในวันนี้
09:46
and those of you who are here todayในวันนี้,
123
574000
3000
และท่านทั้งหลายที่อยู่ที่นี่ในวันนี้
09:49
and the purposeวัตถุประสงค์ of this charterกฎบัตร of compassionความเห็นอกเห็นใจ, is to remindเตือน.
124
577000
5000
และจุดประสงค์ของบัญญัติแห่งความเมตตาอันนี้ ก็คือเพื่อเตือนให้รำลึก
09:54
For the Koranคัมภีร์โกหร่าน always urgesขอเรียกร้องให้ us to rememberจำ, to remindเตือน eachแต่ละ other,
125
582000
8000
ดังที่กุรอานตักเตือนเราอยู่เสมอให้จดจำ และคอยเตือนกันและกันให้รำลึก
10:02
because the knowledgeความรู้ of truthความจริง is withinภายใน everyทุกๆ humanเป็นมนุษย์ beingกำลัง.
126
590000
8000
เพราะว่าความรู้แห่งสัจจะนั้น ล้วนดำรงอยู่ในมนุษย์ทุกคน
10:10
We know it all.
127
598000
3000
เรารู้ทุกอย่าง
10:13
We have accessทางเข้า to it all.
128
601000
2000
เราเข้าถึงได้ทุกอย่าง
10:15
JungJung mayอาจ have calledเรียกว่า it "the subconsciousจิตใต้สำนึก."
129
603000
4000
คาร์ล จุงเรียกสิ่งนี้ไว้ว่า จิตใต้สำนึก
10:19
Throughตลอด our subconsciousจิตใต้สำนึก, in your dreamsความฝัน --
130
607000
4000
โดยผ่านจิตใต้สำนึก ภายในความฝันของท่าน
10:23
the Koranคัมภีร์โกหร่าน callsโทร our stateสถานะ of sleepนอน "the lesserน้อยกว่า deathความตาย,"
131
611000
8000
ซึ่งกุรอานเรียกว่า สถานะหลับใหลของเรา ความตายขั้นต่ำกว่า
10:31
"the temporaryชั่วคราว deathความตาย" --
132
619000
4000
ความตายชั่วขณะ
10:35
in our stateสถานะ of sleepนอน we have dreamsความฝัน, we have visionsวิสัยทัศน์,
133
623000
5000
ในขณะหลับใหลนั้น เรามีความฝัน เราเห็นภาพจินตนาการ
10:40
we travelการท่องเที่ยว even outsideด้านนอก of our bodiesร่างกาย, for manyจำนวนมาก of us,
134
628000
6000
สำหรับหลายๆคนแล้ว เราเดินทางออกไปแม้แต่นอกร่างกายของเรา
10:46
and we see wonderfulยอดเยี่ยม things.
135
634000
3000
และเราก็ได้เห็นสิ่งอันแสนวิเศษ
10:49
We travelการท่องเที่ยว beyondเกิน the limitationsข้อ จำกัด of spaceช่องว่าง as we know it,
136
637000
5000
เราเดินทางไปไกลเกินขอบเขตของอวกาศที่เรารู้จัก
10:54
and beyondเกิน the limitationsข้อ จำกัด of time as we know it.
137
642000
4000
และไกลเกินขอบเขตของเวลาที่เรารู้จัก
10:58
But all this is for us to glorifyเชิดชู the nameชื่อ of the creatorผู้สร้าง
138
646000
10000
แต่ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้เราได้สรรเสริญพระนามของ พระผู้ทรงสร้าง
11:08
whoseใคร primaryประถม nameชื่อ is the compassionatingcompassionating, the compassionateมีความสงสาร.
139
656000
6000
ผู้ที่มีพระนามเบื้องต้นว่า ผู้เมตตา ผู้ทรงเปี่ยมเมตตา
11:14
God, BokhBokh, whateverอะไรก็ตาม nameชื่อ you want to call him with, Allahอัลเลาะห์, Ramแกะ, Omอ้อม,
140
662000
7000
พระเจ้า บ็อค หรือพระนามใดก็ตาม ที่ท่านจะเรียกขานพระองค์ อัลเลาะห์ ราม โอม
11:21
whateverอะไรก็ตาม the nameชื่อ mightอาจ be throughตลอด whichที่ you nameชื่อ
141
669000
3000
ไม่ว่าพระนามนั้นคืออะไรก็ตามที่ท่านตั้งให้
11:24
or accessทางเข้า the presenceการมี of divinityเทพบุตร,
142
672000
4000
หรือเพื่ออ้างอิงถึงการดำรงอยู่ของวิญญาณศักดิ์สิทธิ์
11:28
it is the locusสถานที of absoluteแน่นอน beingกำลัง,
143
676000
6000
ล้วนแล้วเป็นแหล่งแห่งสิ่งมีชีวิตสูงสุด
11:34
absoluteแน่นอน love and mercyความเมตตา and compassionความเห็นอกเห็นใจ,
144
682000
4000
ความรักและปราณีและเมตตาอันสูงสุด
11:38
and absoluteแน่นอน knowledgeความรู้ and wisdomความฉลาด,
145
686000
3000
และความรู้และปัญญาอันสูงสุด
11:41
what Hindusฮินดู call "satchidanandaSatchidananda."
146
689000
3000
สิ่งที่ชาวฮินดูเรียกว่า 'สัตจิตานันทะ'
11:44
The languageภาษา differsแตกต่างกัน,
147
692000
3000
ภาษาอาจต่างกัน
11:47
but the objectiveวัตถุประสงค์ is the sameเหมือนกัน.
148
695000
4000
แต่เป้าประสงค์กลับไม่ต่างกัน
11:51
Rumiรุมิ has anotherอื่น storyเรื่องราว
149
699000
2000
ท่านรูมีมีเรื่องอีกเรื่องหนึ่ง
11:53
about threeสาม menผู้ชาย, a Turkเติร์ก, an Arabอาหรับ and --
150
701000
3000
เกี่ยวกับคนสามคน ชาวเติร์ก ชาวอาหรับ
11:56
and I forgetลืม the thirdที่สาม personคน, but for my sakeเหล้าสาเก, it could be a Malayภาษามลายู.
151
704000
4000
และคนที่สามซึ่งข้าพเจ้าลืมเสียแล้ว เอาเป็นว่าชาวมาเลย์ก็แล้วกัน
12:00
One is askingถาม for angurangur -- one is, say, an Englishmanผู้ชายอังกฤษ --
152
708000
3000
คนหนึ่งร้องขอ 'อังกูร์' อีกคน สมมติว่าเป็นคนที่พูดไทยได้แล้วกัน
12:03
one is askingถาม for enebeneb, and one is askingถาม for grapesองุ่น.
153
711000
5000
ก็ร้องขอ 'อีเน็บ' และอีกคนก็ร้องขอ "องุ่น"
12:08
And they have a fightสู้ and an argumentการโต้เถียง because
154
716000
3000
แล้วทั้งสามก็ทะเลาะถกเถียงกันเพราะว่า
12:11
-- "I want grapesองุ่น." "I want enebeneb. "I want angurangur." --
155
719000
4000
ฉันจะเอาองุ่น ฉันจะเอาอีเน็บ ฉันจะเอาอังกูร์
12:15
not knowingรู้ดี that the wordคำ that they're usingการใช้
156
723000
3000
โดยไม่รู้เลยว่าคำที่พวกเขากำลังใช้อยู่นั้น
12:18
refersหมายถึง to the sameเหมือนกัน realityความจริง in differentต่าง languagesภาษา.
157
726000
3000
ต่างมีความหมายเดียวกันในภาษาที่ต่างกัน
12:21
There's only one absoluteแน่นอน realityความจริง by definitionคำนิยาม,
158
729000
6000
มีความจริงสูงสุดได้เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นตามนิยาม
12:27
one absoluteแน่นอน beingกำลัง by definitionคำนิยาม,
159
735000
3000
สิ่งมีชีวิตสูงสุดเพียงหนึ่งเดียว ตามนิยาม
12:30
because absoluteแน่นอน is, by definitionคำนิยาม, singleเดียว,
160
738000
3000
เพราะคำว่าสูงสุด ตามความหมาย ย่อมมีหนึ่งเดียว
12:33
and absoluteแน่นอน and singularเอกพจน์.
161
741000
3000
เป็นสิ่งสูงสุด และเป็นเอกพจน์
12:36
There's this absoluteแน่นอน concentrationสมาธิ of beingกำลัง,
162
744000
3000
มีสิ่งนี้อยู่ซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมสูงสุดของสิ่งมีชีวิต
12:39
the absoluteแน่นอน concentrationสมาธิ of consciousnessสติ,
163
747000
3000
จุดศูนย์รวมสูงสุดของจิตสำนึกรู้
12:42
awarenessความตระหนัก, an absoluteแน่นอน locusสถานที of compassionความเห็นอกเห็นใจ and love
164
750000
10000
จิตตระหนักรู้ เป็นแหล่งสูงสุดแห่งความเมตตาและความรัก
12:52
that definesกำหนด the primaryประถม attributesแอตทริบิวต์ of divinityเทพบุตร.
165
760000
4000
ซึ่งเป็นสิ่งที่กำหนดคุณลักษณะเบื้องต้น ของพระผู้ศักดิ์สิทธิ์
12:56
And these should alsoด้วย be
166
764000
3000
และสิ่งนั้นแหละที่ควรเป็น
12:59
the primaryประถม attributesแอตทริบิวต์ of what it meansวิธี to be humanเป็นมนุษย์.
167
767000
5000
คุณลักษณะเบื้องต้นของความหมาย ของการได้เป็นมนุษย์
13:04
For what definesกำหนด humanityมนุษยชาติ, perhapsบางที biologicallyทางชีวภาพ,
168
772000
6000
เพราะว่าสิ่งที่นิยามมนุษย์นั้น ในทางชีววิทยา
13:10
is our physiologyสรีรวิทยา,
169
778000
3000
ก็คือ กลไกทางสรีระของเรา
13:13
but God definesกำหนด humanityมนุษยชาติ by our spiritualityจิตวิญญาณ, by our natureธรรมชาติ.
170
781000
8000
แต่พระเจ้าทรงนิยามมนุษย์ด้วยจิตวิญญาณของเรา ด้วยธรรมชาติของเรา
13:21
And the Koranคัมภีร์โกหร่าน saysกล่าวว่า, He speaksพูด to the angelsยมทูต and saysกล่าวว่า,
171
789000
4000
และกุรอานกล่าวไว้ว่า พระองค์ตรัสกับบรรดาเทวดาและกล่าวว่า
13:25
"When I have finishedเสร็จ the formationการสร้าง of Adamอาดัม from clayดินเหนียว,
172
793000
4000
"เมื่อเราเสร็จสิ้นการปั้นอดัมขึ้นมาจากคลีดิน
13:29
and breathedสูดลมหายใจ into him of my spiritวิญญาณ,
173
797000
4000
และได้ระบายวิญญาณของเราสู่ร่างของอาดัม
13:33
then, fallตก in prostrationการกราบ to him."
174
801000
4000
แล้วจึงบันดาลให้เขากราบหมอบลง
13:37
The angelsยมทูต prostrateนอนคว่ำ, not before the humanเป็นมนุษย์ bodyร่างกาย,
175
805000
8000
บรรดาเทวฑูตต่างกราบหมอบ มิใช่ต่อหน้าร่างของมนุษย์
13:45
but before the humanเป็นมนุษย์ soulจิตวิญญาณ.
176
813000
3000
แต่เป็นต่อหน้าวิญญาณมนุษย์
13:48
Why? Because the soulจิตวิญญาณ, the humanเป็นมนุษย์ soulจิตวิญญาณ,
177
816000
4000
เพราะอะไรหรือ? ก็เพราะว่าวิญญาณ วิญญาณมนุษย์นั้น
13:52
embodiesคาดเดา a pieceชิ้น of the divineศักดิ์สิทธิ์ breathลมหายใจ,
178
820000
6000
มีลมหายใจศักดิ์สิทธิ์สถิตอยู่
13:58
a pieceชิ้น of the divineศักดิ์สิทธิ์ soulจิตวิญญาณ.
179
826000
3000
มีพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์สถิตอยู่
14:01
This is alsoด้วย expressedแสดง in biblicalในพระคัมภีร์ไบเบิล vocabularyศัพท์
180
829000
5000
เรื่องนี้ก็ถูกเล่าไว้ในคัมภีร์ไบเบิ้ลเช่นกัน
14:06
when we are taughtสอน that we were createdสร้าง in the divineศักดิ์สิทธิ์ imageภาพ.
181
834000
6000
ที่กล่าวว่า เราถูกสร้างขึ้นมาตามพระฉายาศักดิ์สิทธิ์
14:12
What is the imageryภาพ of God?
182
840000
2000
อะไรคือพระฉายาของพระเจ้า?
14:14
The imageryภาพ of God is absoluteแน่นอน beingกำลัง,
183
842000
4000
พระฉายาของพระเจ้าคือสิ่งมีชีวิตสูงสุด
14:18
absoluteแน่นอน awarenessความตระหนัก and knowledgeความรู้ and wisdomความฉลาด
184
846000
3000
จิตตระหนักรู้ และความรู้ และปัญญาอันสูงสุด
14:21
and absoluteแน่นอน compassionความเห็นอกเห็นใจ and love.
185
849000
3000
และเป็นความเมตตาและความรักอันสูงสุด
14:24
And thereforeดังนั้น, for us to be humanเป็นมนุษย์ --
186
852000
4000
และ ฉะนั้นแล้ว หากเราจะเป็นมนุษย์
14:28
in the greatestใหญ่ที่สุด senseความรู้สึก of what it meansวิธี to be humanเป็นมนุษย์,
187
856000
4000
ในเชิงคุณค่าอันสูงสุดของความหมาย ของการเป็นมนุษย์
14:32
in the mostมากที่สุด joyfulสนุกสนาน senseความรู้สึก of what it meansวิธี to be humanเป็นมนุษย์ --
188
860000
3000
ในเชิงคุณค่าอันน่าปลื้มปิติที่สุดของความหมายของการเป็นมนุษย์
14:35
meansวิธี that we too have to be properเหมาะสม stewardsเสนาบดี
189
863000
6000
เราเองก็จะต้องประพฤติตนเป็นข้ารับใช้ที่เหมาะสม
14:41
of the breathลมหายใจ of divinityเทพบุตร withinภายใน us,
190
869000
4000
ของลมหายใจของพระเจ้าที่สถิตอยู่ในเรา
14:45
and seekแสวงหา to perfectสมบูรณ์ withinภายใน ourselvesตัวเรา the attributeคุณลักษณะ of beingกำลัง,
191
873000
5000
และพยายามที่จะประพฤติตนอย่างสมบูรณ์ ซึ่งคุณลักษณะของสิ่งมีชีวิต
14:50
of beingกำลัง aliveมีชีวิตอยู่, of beingnessbeingness;
192
878000
3000
ของการมีชีวิตอยู่ การมีตัวตนอยู่
14:53
the attributeคุณลักษณะ of wisdomความฉลาด, of consciousnessสติ, of awarenessความตระหนัก;
193
881000
5000
คุณลักษณะแห่งปัญญา แห่งความสำนึกรู้ แห่งความตระหนักรู้
14:58
and the attributeคุณลักษณะ of beingกำลัง compassionateมีความสงสาร and lovingด้วยความรัก beingsสิ่งมีชีวิต.
194
886000
5000
และคุณลักษณะของการเป็นสิ่งมีชีวิตอันเปี่ยมเมตตาและรัก
15:03
This is what I understandเข้าใจ from my faithความเชื่อ traditionประเพณี,
195
891000
6000
นี่คือสิ่งที่ข้าพเจ้าเข้าใจ จากศาสนศรัทธาของข้าพเจ้า
15:09
and this is what I understandเข้าใจ from my studiesการศึกษา of other faithความเชื่อ traditionsประเพณี,
196
897000
7000
และจากศาสนศรัทธาอื่นที่ข้าพเจ้าได้ศึกษามา
15:16
and this is the commonร่วมกัน platformเวที on whichที่ we mustต้อง all standยืน,
197
904000
6000
และนี่แหละคือหลักพื้นฐานที่เราทั้งหมดต้องยืนร่วมกัน
15:22
and when we standยืน on this platformเวที as suchอย่างเช่น,
198
910000
3000
และเมื่อเรายืนร่วมกันบนหลักพื้นฐานนี้แล้ว
15:25
I am convincedมั่นใจ that we can make a wonderfulยอดเยี่ยม worldโลก.
199
913000
6000
ข้าพเจ้าเชื่อว่าเราจะสามารถ สร้างโลกอันแสนวิเศษได้
15:31
And I believe, personallyส่วนตัว, that we're on the vergeปาก
200
919000
6000
และข้าพเจ้าเชื่อโดยส่วนตัว ว่าเราใกล้ถึงจุดนั้นเต็มทีแล้ว
15:37
and that, with the presenceการมี and help of people like you here,
201
925000
4000
และด้วยการดำรงอยู่และความช่วยเหลือจากผู้คนเช่นท่าน ณ ที่นี่
15:41
we can bringนำมาซึ่ง about the prophecyคำทำนาย of Isaiahอิสยาห์.
202
929000
6000
เราจะทำให้คำพยากรณ์ของท่านอิสยาห์ เป็นจริงขึ้นได้
15:47
For he foretoldทำนาย of a periodระยะเวลา
203
935000
4000
ดังที่ท่านพยากรณ์ไว้ว่าจะมียุค
15:51
when people shallจะต้อง transformแปลง theirของพวกเขา swordsดาบ into plowsharesคันไถ
204
939000
7000
ที่ผู้คนเปลี่ยนดาบเป็นคันไถ
15:58
and will not learnเรียน warสงคราม or make warสงคราม anymoreอีกต่อไป.
205
946000
6000
และจะไม่เรียนการศึกหรือทำสงครามต่อไปอีก
16:04
We have reachedถึง a stageเวที in humanเป็นมนุษย์ historyประวัติศาสตร์ that we have no optionตัวเลือก:
206
952000
6000
เราได้มาถึง ณ จุดนี้ของประวัติศาสตร์มนุษย์ ที่เราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
16:10
we mustต้อง, we mustต้อง lowerลดลง our egosอัตตา,
207
958000
9000
เราต้อง เราต้องลดอัตตาของเราลง
16:19
controlควบคุม our egosอัตตา -- whetherว่า it is individualรายบุคคล egoอาตมา, personalส่วนบุคคล egoอาตมา,
208
967000
5000
ควบคุมอัตตาของเรา ไม่ว่าจะเป็นอัตตาเชิงปัจเจก อัตตาส่วนตัว
16:24
familyครอบครัว egoอาตมา, nationalแห่งชาติ egoอาตมา --
209
972000
6000
อัตตาครอบครัว อัตตาเชื้อชาติ
16:30
and let all be for the glorificationชื่อเสียง of the one.
210
978000
5000
และร่วมกัน เพื่อเป็นการสรรเสริญแก่พระหนึ่งเดียว
16:35
Thank you, and God blessให้ศีลให้พร you.
211
983000
2000
ขอบคุณ และขอพระเจ้าทรงคุ้มครองครับ
16:37
(Applauseการปรบมือ)
212
985000
1000
(ปรบมือ)
Translated by Teerachart Prasert
Reviewed by Taweesak Paepimparath

▲Back to top

ABOUT THE SPEAKER
Feisal Abdul Rauf - Chairman of the Cordoba Initiative
Imam Feisal Abdul Rauf has devoted himself to healing relations between Muslim-Americans and their neighbors, and bringing that message of peace to the wider Muslim world.

Why you should listen

In 2003, Imam Feisal Abdul Rauf founded the Cordoba Initiative, a non-partisan and international organization that works to provide innovative solutions to conflict between Muslim and Western communities. He also serves as chair of the Initiative, actively promoting and moderating dialogue between individuals and groups. What’s more, this project was not the Imam's first foray into interreligious talks. In 1997, he started the American Society for Muslim Advancement (ASMA), a group that brings American Muslims and non-Muslims together through programs in policy, current affairs and culture.

Also, Imam Rauf regularly attends the Council on Foreign Relations and the World Economic Forum (both Davos and Dead Sea) and has written three books on the topic of bringing peace to Islam's relationsIslam: A Search for MeaningIslam: A Sacred Law; and What's Right With Islam: A New Vision for Muslims and the West. He continues to balance his mission of creating peace with his regular duties as Imam of Masjid al-Farah, a mosque twelve blocks from Ground Zero in New York City, that he has led for 25 years.

More profile about the speaker
Feisal Abdul Rauf | Speaker | TED.com