TEDxBloomington
Shawn Achor: The happy secret to better work
ชอน เอเคอร์: เคล็ดลับของความสุขสู่การทำงานที่ดีขึ้น
Filmed:
Readability: 4.3
21,573,773 views
คนเรามักเชื่อว่า เราควรทำงานเพื่อจะได้มีความสุข แต่ในทางกลับกันนั้นเป็นไปได้หรือไม่? ในการพูดที่รวดเร็วทันใจและเต็มไปด้วยความสนุกสนานจากเวทีTEDxBloomington นักจิตวิทยา ชอน เอเคอร์แย้งว่าอันที่จริงแล้ว ความสุขต่างหากที่จุดประกายให้เกิดผลทางการงาน
Shawn Achor - Psychologist
Shawn Achor is the CEO of Good Think Inc., where he researches and teaches about positive psychology. Full bio
Shawn Achor is the CEO of Good Think Inc., where he researches and teaches about positive psychology. Full bio
Double-click the English transcript below to play the video.
00:15
When I was seven years old and my sister was just five years old,
0
0
3000
เมื่อผมอายุเจ็ดขวบ และน้องสาวผมเพิ่งห้าขวบ
00:18
we were playing on top of a bunk bed.
1
3000
3000
พวกเราเล่นกันอยู่บนเตียงสองชั้น
00:21
I was two years older than my sister at the time --
2
6000
2000
ณตอนนั้นผมอายุมากกว่าน้องสาวผมสองปี
00:23
I mean, I'm two years older than her now --
3
8000
3000
จริงๆแล้ว ตอนนี้ก็แก่กว่าน้องสองปี
00:26
but at the time it meant she had to do everything that I wanted to do,
4
11000
3000
แต่ในเวลานั้น มันแปลว่าน้องสาวผมต้องทำตามที่ผมบอกทุกอย่าง
00:29
and I wanted to play war.
5
14000
2000
และผมก็อยากเล่มเกมสงคราม
00:31
So we were up on top of our bunk beds.
6
16000
2000
พวกเราอยู่บนเตียงสองชั้น
00:33
And on one side of the bunk bed,
7
18000
2000
และด้านหนึ่งของเตียงนั้น
00:35
I had put out all of my G.I. Joe soldiers and weaponry.
8
20000
2000
ผมวางทหารจีไอโจและอาวุธทั้งหมด
00:37
And on the other side were all my sister's My Little Ponies
9
22000
3000
ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็น "ม้าน้อยของฉัน"ทั้งหมดของน้องสาวผม
00:40
ready for a cavalry charge.
10
25000
2000
พร้อมสำหรับการจู่โจมของกองทหารม้า
00:42
There are differing accounts of what actually happened that afternoon,
11
27000
2000
มีเรื่องเล่าต่างๆกันเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในบ่ายวันนั้น
00:44
but since my sister is not here with us today,
12
29000
3000
และเนื่องจากวันนี้น้องผมไม่ได้อยู่ที่นี่กับพวกเรา
00:47
let me tell you the true story --
13
32000
2000
ผมจะเล่าเรื่องจริงให้ฟัง...
00:49
(Laughter) --
14
34000
2000
(เสียงหัวเราะ)...
00:51
which is my sister's a little bit on the clumsy side.
15
36000
2000
ซึ่งก็คือ น้องสาวผมนั้นเอนไปในทางที่่เรียกได้ว่าซุ่มซ่าม
00:53
Somehow, without any help or push from her older brother at all,
16
38000
3000
ทำอีท่าไหนก็ไม่รู้ โดยที่ไม่ได้มีการช่วยหรือดันจากพี่ชายของเธอเลย
00:56
suddenly Amy disappeared off of the top of the bunk bed
17
41000
2000
ทันใดนั้นเอง เอมี่ก็หายตัวไปจากด้านบนของเตียงสองชั้น
00:58
and landed with this crash on the floor.
18
43000
2000
แล้วลงไปอยู่บนพื้นพร้อมกับเสียงกระแทกโครม
01:00
Now I nervously peered over the side of the bed
19
45000
2000
ตอนนั้นผมจ้องมองลงไปข้างเตียงด้วยความกลัว
01:02
to see what had befallen my fallen sister
20
47000
3000
ว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวที่ตกลงไป
01:05
and saw that she had landed painfully on her hands and knees
21
50000
2000
และเห็นว่าเธอได้ร่วงลงบนมือและเข่าของเธออย่างน่าเจ็บปวด
01:07
on all fours on the ground.
22
52000
2000
โดยมีแขนขาทั้งสี่ยันพื้น
01:09
I was nervous because my parents had charged me
23
54000
2000
ตอนนั้นผมกลัวเพราะว่าพ่อแม่ได้ปรามผมไว้
01:11
with making sure that my sister and I
24
56000
2000
ให้พยายามเล่นกับน้อง
01:13
played as safely and as quietly as possible.
25
58000
3000
อย่างปลอดภัยและเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้
01:16
And seeing as how I had accidentally broken Amy's arm
26
61000
3000
และเมื่อคิดถึงเรื่องที่ผมเพิ่งทำเอมี่แขนหักอย่างไม่ได้ตั้งใจ
01:19
just one week before ...
27
64000
2000
เมื่อหนึ่งอาทิตย์ก่อน
01:21
(Laughter)
28
66000
4000
(เสียงหัวเราะ)
01:25
... heroically pushing her out of the way
29
70000
2000
โดยการผลักเธออย่างกล้าหาญ
01:27
of an oncoming imaginary sniper bullet,
30
72000
3000
ให้พ้นจากวิถีกระสุนสมมุติจากการซุ่มยิง
01:30
(Laughter)
31
75000
2000
(เสียงหัวเราะ)
01:32
for which I have yet to be thanked,
32
77000
2000
ซึ่งยังไม่มีใครมาขอบคุณเลย
01:34
I was trying as hard as I could --
33
79000
2000
ผมพยายามอย่างเต็มความสามารถจริงๆนะ..
01:36
she didn't even see it coming --
34
81000
2000
เธอไม่เห็นกระสุนที่กำลังมาด้วยซ้ำ..
01:38
I was trying as hard as I could to be on my best behavior.
35
83000
2000
ผมพยายามอย่างมากเท่าที่จะทำได้ที่จะทำตัวเป็นเด็กดี
01:40
And I saw my sister's face,
36
85000
2000
เมื่อเห็นหน้าของน้องสาว
01:42
this wail of pain and suffering and surprise
37
87000
2000
เสียงโอดครวญจากความเจ็บปวด และความทรมาน และความตกใจ
01:44
threatening to erupt from her mouth and threatening to wake
38
89000
2000
กำลังจะระเบิดออกมาจากปากของเธอ และพร้อมที่
01:46
my parents from the long winter's nap for which they had settled.
39
91000
3000
จะทำให้พ่อแม่ผมตื่นจากการนอนกลางวันในฤดูหนาว
01:49
So I did the only thing
40
94000
2000
ผมก็เลยทำสิ่งเดียว
01:51
my little frantic seven year-old brain could think to do to avert this tragedy.
41
96000
3000
ที่หัวสมองอันหวาดกลัวของเด็กเจ็ดขวบจะคิดออก เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงโศกนาฏกรรมอันนี้ได้
01:54
And if you have children, you've seen this hundreds of times before.
42
99000
2000
และถ้าคุณมีลูก คุณจะต้องเคยได้เห็นสิ่งนี้มาก่อนนับร้อยครั้ง
01:56
I said, "Amy, Amy, wait. Don't cry. Don't cry.
43
101000
2000
ผมจึงพูดว่า "เอมี่เอมี่อย่าเพิ่ง อย่าร้องนะ อย่าร้องนะ"
01:58
Did you see how you landed?
44
103000
2000
เธอเห็นวิธีที่เธอตกลงมาไม๊?
02:00
No human lands on all fours like that.
45
105000
3000
ไม่มีมนุษย์คนไหนตกลงมาบนแขนกับขาทั้งสี่อย่างนั้นได้หรอก
02:03
Amy, I think this means you're a unicorn."
46
108000
3000
เอมี่ ฉันว่ามันแปลว่าเธอเป็นยูนิคอร์นนะ
02:06
(Laughter)
47
111000
3000
(เสียงหัวเราะ)
02:09
Now that was cheating, because there was nothing in the world my sister would want more
48
114000
3000
นั่นผมโกง เพราะว่าไม่มีอะไรในโลกนี้ที่น้องสาวผมอยากเป็นมากกว่า
02:12
than not to be Amy the hurt five year-old little sister,
49
117000
2000
เอมี่สาวน้อยยูนีคอร์นวิเศษ
02:14
but Amy the special unicorn.
50
119000
2000
แทนที่จะเป็น เอมี่น้องสาวห้าขวบที่กำลังเจ็บอยู่
02:16
Of course, this was an option that was open to her brain at no point in the past.
51
121000
3000
แน่นอน นี่เป็นตัวเลือกที่ไม่เคยอยู่ในสมองเธอมาก่อน
02:19
And you could see how my poor, manipulated sister faced conflict,
52
124000
3000
แล้วคุณจะเห็นได้ว่า น้องสาวที่ถูกครอบงำและน่าสงสารของผมนั้นกำลังงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
02:22
as her little brain attempted to devote resources
53
127000
2000
ในขณะที่สมองน้อยๆของเธอกำลังพยายามที่จะทุ่มเททรัพยากร
02:24
to feeling the pain and suffering and surprise
54
129000
2000
เพื่อที่จะรู้สึกถึงความเจ็บปวด และความทรมาน และความตกใจ
02:26
she just experienced,
55
131000
2000
ที่เธอเพิ่งจะประสบ
02:28
or contemplating her new-found identity as a unicorn.
56
133000
2000
หรือเพื่อที่จะครุ่นคิดถึงเอกลักษณ์ใหม่ในการเป็นยูนิคอร์นของเธอ
02:30
And the latter won out.
57
135000
2000
และความคิดหลังก็ชนะ
02:32
Instead of crying, instead of ceasing our play,
58
137000
2000
แทนที่จะร้องไห้ แทนที่จะหยุดเล่น
02:34
instead of waking my parents,
59
139000
2000
แทนที่จะปลุกพ่อและแม่
02:36
with all the negative consequences that would have ensued for me,
60
141000
2000
พร้อมกับผลพวงที่ไม่พึงประสงค์ที่จะตามผมมา
02:38
instead a smile spread across her face
61
143000
2000
กลับกลายเป็น รอยยิ้มกระจายไปทั่วใบหน้าของเธอ
02:40
and she scrambled right back up onto the bunk bed with all the grace of a baby unicorn ...
62
145000
3000
แล้วเธอก็กระโดดกลับขึ้นมาบนเตียง พร้อมกับความสง่างามของลูกยูนิคอร์นตัวน้อย
02:43
(Laughter)
63
148000
2000
(เสียงหัวเราะ)
02:45
... with one broken leg.
64
150000
2000
กับขาที่หักข้างหนึ่ง
02:47
What we stumbled across
65
152000
2000
สิ่งที่เราได้เจอะเจอโดยบังเอิญ
02:49
at this tender age of just five and seven --
66
154000
2000
ในวัยละอ่อนแค่ห้าและเจ็ดขวบ
02:51
we had no idea at the time --
67
156000
2000
ซึ่งณ ตอนนั้นพวกเราไม่รู้เลยจริงๆ
02:53
was something that was going be at the vanguard of a scientific revolution
68
158000
3000
คือสิ่งที่กำลังจะเป็นแนวหน้าของการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์
02:56
occurring two decades later in the way that we look at the human brain.
69
161000
3000
ซึ่งได้เกิดขึ้นยี่สิบปีให้หลัง ในวิธีที่เรามองสมองมนุษย์
02:59
What we had stumbled across is something called positive psychology,
70
164000
3000
สิ่งที่เราได้เจอะเจอโดยบังเอิญ คือสิ่งที่เรียกว่าจิตวิทยาเชิงบวก
03:02
which is the reason that I'm here today
71
167000
2000
ซึ่งคือเหตุผลที่ผมมาอยู่ที่นี่ในวันนี้
03:04
and the reason that I wake up every morning.
72
169000
2000
และก็คือเหตุผลที่ผมตื่นขึ้นมาทุกเช้า
03:06
When I first started talking about this research
73
171000
2000
ตอนที่ผมเริ่มพูดถึงงานวิจัยนี้
03:08
outside of academia, out with companies and schools,
74
173000
2000
นอกสถาบันการศึกษา แต่กับบริษัทและโรงเรียน
03:10
the very first thing they said to never do
75
175000
2000
สิ่งแรกที่สุด ที่พวกเขาบอกไม่ให้ทำ
03:12
is to start your talk with a graph.
76
177000
2000
ก็คือการเริ่มการบรรยายด้วยกราฟ
03:14
The very first thing I want to do is start my talk with a graph.
77
179000
2000
สิ่งแรกที่สุดที่ผมอยากทำก็คือ เริ่มการบรรยายด้วยกราฟ
03:16
This graph looks boring,
78
181000
2000
กราฟนี้ดูน่าเบื่อ
03:18
but this graph is the reason I get excited and wake up every morning.
79
183000
2000
แต่กราฟนี้คือเหตุผลที่ผมตื่นเต้นและตื่นขึ้นในทุกเช้า
03:20
And this graph doesn't even mean anything; it's fake data.
80
185000
2000
และกราฟนี้ก็ไม่ได้มีความหมายอะไรเลย มันคือข้อมูลปลอม
03:22
What we found is --
81
187000
2000
สิ่งที่เราพบก็คือ...
03:24
(Laughter)
82
189000
4000
(เสียงหัวเราะ)
03:28
If I got this data back studying you here in the room, I would be thrilled,
83
193000
3000
ถ้าผมได้ข้อมูลนี้จากการวิจัยพวกคุณในห้องนี้ ผมคงจะดีใจมาก
03:31
because there's very clearly a trend that's going on there,
84
196000
2000
เพราะมีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกันอย่างชัดเจนมาก
03:33
and that means that I can get published,
85
198000
2000
ซึ่งก็แปลว่าผมจะได้ตีพิมพ์ผลงาน
03:35
which is all that really matters.
86
200000
2000
ซึ่งคือสิ่งเดียวที่สำคัญ
03:37
The fact that there's one weird red dot that's up above the curve,
87
202000
2000
ข้อเท็จจริงที่ว่ามันมีจุดสีแดงแปลกๆหนึ่งจุดเหนือเส้นโค้งนั้น
03:39
there's one weirdo in the room --
88
204000
2000
แสดงว่ามี่คนประหลาดอยู่หนึ่งคนในห้อง
03:41
I know who you are, I saw you earlier --
89
206000
3000
ผมรู้นะว่าคุณเป็นใคร ผมเห็นคุณตั้งแต่ตอนเริ่มแล้ว
03:44
that's no problem.
90
209000
2000
แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา
03:46
That's no problem, as most of you know,
91
211000
2000
นั่นไม่ใช่ปัญหา คุณส่วนมากก็รู้ดี
03:48
because I can just delete that dot.
92
213000
2000
เพราะผมแค่ลบจุดแดงนั้นก็ได้
03:50
I can delete that dot because that's clearly a measurement error.
93
215000
2000
ผมสามารถลบจุดนี้ได้ เพราะมันชัดเจนว่าจุดนี้คือข้อผิดพลาดของการวัด
03:52
And we know that's a measurement error
94
217000
2000
แล้วเราก็รู้ว่ามันคือข้อผิดพลาดของการวัด
03:54
because it's messing up my data.
95
219000
3000
เพราะมันกำลังทำให้ผลข้อมูลผมเสีย
03:57
So one of the very first things we teach people
96
222000
2000
ดังนั้นหนึ่งในสิ่งแรกๆที่พวกเราสอนคนอื่น
03:59
in economics and statistics and business and psychology courses
97
224000
3000
ไม่ว่าจะในวิชาเศรษฐศาสตร์ สถิติ พาณิชยกรรม หรือจิตวิทยา
04:02
is how, in a statistically valid way, do we eliminate the weirdos.
98
227000
3000
ก็คือ ทำอย่างไรจึงจะกำจัดพวกที่ประหลาดๆนั้นทิ้งไป ตามวิธีทางสถิติที่ถูกต้อง
04:05
How do we eliminate the outliers
99
230000
2000
แล้วเราจะกำจัดค่าที่ผิดปกตินั้นทิ้งไปอย่างไร
04:07
so we can find the line of best fit?
100
232000
2000
เพื่อที่จะหาเส้นที่เหมาะเจาะที่สุดได้ ?
04:09
Which is fantastic if I'm trying to find out
101
234000
2000
ซึ่งคงจะยอดเยี่ยมถ้าผมพยายามจะค้นพบ
04:11
how many Advil the average person should be taking -- two.
102
236000
3000
ว่าคนปกติควรกินยาแก้ปวด(Advil)กี่เม็ด -- สองเม็ด
04:14
But if I'm interested in potential, if I'm interested in your potential,
103
239000
2000
แต่ถ้าผมสนใจในศักยภาพ ถ้าผมสนใจในศักยภาพของคุณ
04:16
or for happiness or productivity
104
241000
2000
หรือใน ความสุข หรือการเพิ่มผลผลิต
04:18
or energy or creativity,
105
243000
2000
หรือพลังงาน หรือความคิดสร้างสรรค์
04:20
what we're doing is we're creating the cult of the average with science.
106
245000
2000
สิ่งที่พวกเรากำลังทำ ก็คือการสร้างลัทธิค่าเฉลี่ยกับวิทยาศาสตร์
04:22
If I asked a question like,
107
247000
2000
ถ้าผมถามคำถามอย่างเช่น
04:24
"How fast can a child learn how to read in a classroom?"
108
249000
2000
"เด็กสามารถเรียนรู้ที่จะอ่านได้เร็วเท่าไหร่ในห้องเรียน?"
04:26
scientists change the answer to "How fast does the average child
109
251000
2000
นักวิทยาศาสตร์จะเปลี่ยนคำถามเป็น "เด็กโดยเฉลี่ยแล้ว
04:28
learn how to read in that classroom?"
110
253000
2000
เรียนรู้ที่จะอ่านได้เร็วเท่าไหร่ในห้องเรียน?"
04:30
and then we tailor the class right towards the average.
111
255000
2000
แล้วเราก็ปรับแต่งชั้นเรียนไปสู่ค่าเฉลี่ยนั้นๆ
04:32
Now if you fall below the average on this curve,
112
257000
2000
แต่ถ้าคุณตกไปอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยนั้นละก็
04:34
then psychologists get thrilled,
113
259000
2000
นักจิตวิทยาจะตื่นเต้นมาก
04:36
because that means you're either depressed or you have a disorder,
114
261000
3000
เพราะนั่นแปลว่าคุณซึมเศร้า หรือไม่ก็มีความผิดปกติบางอย่าง
04:39
or hopefully both.
115
264000
2000
หรือถ้าให้ดีก็เป็นทั้งสองอย่าง
04:41
We're hoping for both because our business model is,
116
266000
2000
เราอยากให้เป็นทั้งคู่ เพราะรูปแบบธุรกิจของเราก็คือ
04:43
if you come into a therapy session with one problem,
117
268000
2000
ถ้าคุณมาเข้ารับการบำบัด ด้วยปัญหาหนึ่งอย่าง
04:45
we want to make sure you leave knowing you have 10,
118
270000
2000
เราอยากมั่นใจว่าคุณจะได้ออกไปโดยรู้ว่าคุณมีปัญหาสิบอย่าง
04:47
so you keep coming back over and over again.
119
272000
2000
คุณจะได้กลับมาบ่อยๆ
04:49
We'll go back into your childhood if necessary,
120
274000
2000
แล้วเราจะกลับไปพูดถึงสมัยเมื่อคุณยังเด็กด้วยถ้าจำเป็น
04:51
but eventually what we want to do is make you normal again.
121
276000
2000
แต่ในที่สุด สิ่งที่เราต้องการคือให้คุณกลับเป็นปกติอีกครั้ง
04:53
But normal is merely average.
122
278000
2000
แต่ความปกติก็เป็นเพียงค่าเฉลี่ย
04:55
And what I posit and what positive psychology posits
123
280000
2000
และสิ่งที่ผมตั้งสมมติฐาน และสิ่งที่จิตวิทยาเชิงบวกตั้งสมมติฐาน
04:57
is that if we study what is merely average,
124
282000
2000
ก็คือ ถ้าเราศึกษาอะไรที่เป็นเพียงค่าเฉลี่ย
04:59
we will remain merely average.
125
284000
2000
เราก็จะยังคงเป็นได้เพียงแค่ค่าเฉลี่ย
05:01
Then instead of deleting those positive outliers,
126
286000
2000
ดังนั้น แทนที่จะลบค่าที่ดีเกินเฉลี่ยทิ้ง
05:03
what I intentionally do is come into a population like this one
127
288000
2000
สิ่งที่ผมทำอย่างตั้งใจคือ การเข้าไปหาประชากรพวกนี้
05:05
and say, why?
128
290000
2000
ทำไมหรือครับ?
05:07
Why is it that some of you are so high above the curve
129
292000
2000
ทำไมละ พวกคุณบางคนถึงอยู่สูงนัก เหนือเส้นเฉลี่ยได้
05:09
in terms of your intellectual ability, athletic ability, musical ability,
130
294000
2000
ทั้งในด้านระดับความสามารถทางสติปัญญา การกีฬา การดนตรี
05:11
creativity, energy levels,
131
296000
2000
ความคิดสร่างสรรค์ ระดับพละกำลัง
05:13
your resiliency in the face of challenge, your sense of humor?
132
298000
2000
ความยืดหยุ่นต่อปัญหาเฉพาะหน้า อารมณ์ขัน
05:15
Whatever it is, instead of deleting you, what I want to do is study you.
133
300000
3000
ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม แทนที่จะลบคุณทิ้ง สิ่งที่ผมอยากทำคือศึกษาคุณ
05:18
Because maybe we can glean information --
134
303000
2000
เพราะเราอาจจะสามารถรวบรวมข้อมูล
05:20
not just how to move people up to the average,
135
305000
2000
ไม่ใช่เพียงเพื่อที่จะผลักดันให้คนขึ้นไปอยู่ที่ระดับปกติ
05:22
but how we can move the entire average up
136
307000
3000
แต่เพื่อที่จะดันค่าเฉลี่ยทั้งหมดให้สูงขึ้น
05:25
in our companies and schools worldwide.
137
310000
2000
ทั้งในบริษัท และในโรงเรียนทั่วโลก
05:27
The reason this graph is important to me
138
312000
2000
เหตุผลที่กราฟนี้สำคัญกับผมมาก
05:29
is, when I turn on the news, it seems like the majority of the information
139
314000
2000
ก็เพราะ เมื่อผมเปิดดูข่าว มันเหมือนกับว่าข้อมูลข่าวสารส่วนมากนั้น
05:31
is not positive, in fact it's negative.
140
316000
2000
ไม่ดี จริงๆแล้วมันเป็นไปในเชิงลบ
05:33
Most of it's about murder, corruption, diseases, natural disasters.
141
318000
3000
ส่วนมากก็เกี่ยวกับการฆาตกรรม การทุจริต โรคภัยไข้เจ็บ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ
05:36
And very quickly, my brain starts to think
142
321000
2000
แล้วด้วยความรวดเร็ว สมองผมก็เริ่มที่จะคิดว่า
05:38
that's the accurate ratio of negative to positive in the world.
143
323000
2000
นั่นคือสัดส่วนที่ถูกต้องของสิ่งที่ไม่ดี กับสิ่งที่ดีในโลก
05:40
What that's doing is creating something
144
325000
2000
สิ่งที่กล่าวนั้นกำลังทำ ก็คือการสร้างสิ่งบางอย่าง
05:42
called the medical school syndrome --
145
327000
2000
ที่เรียกกันว่าโรคโรงเรียนแพทย์
05:44
which, if you know people who've been to medical school,
146
329000
2000
ซึ่ง ถ้าคุณรู้จักคนที่เคยเรียนแพทย์
05:46
during the first year of medical training,
147
331000
2000
ช่วงปีเรียกของการฝึกอบรมแพทย์
05:48
as you read through a list of all the symptoms and diseases that could happen,
148
333000
2000
เมื่อคุณอ่านรายชื่อทั้งหมดของโรคและอาการที่เกิดขึ้นได้โดยตลอด
05:50
suddenly you realize you have all of them.
149
335000
2000
อยู่ๆคุณก็รู้สึกว่าคุณเป็นโรคทั้งหมดนั้นเลย
05:52
I have a brother in-law named Bobo -- which is a whole other story.
150
337000
3000
ผมมีน้องเขยชื่อโบโบ่ -- ซึ่งเป็นอีกเรื่องเลย
05:55
Bobo married Amy the unicorn.
151
340000
3000
โบโบ่แต่งงานกับเอมี่สาวน้อยยูนิคอร์น
05:58
Bobo called me on the phone
152
343000
3000
โบโบ่โทรศัพย์มาหาผม
06:01
from Yale Medical School,
153
346000
3000
จากโรงเรียนแพทย์เยล
06:04
and Bobo said, "Shawn, I have leprosy."
154
349000
2000
แล้วโบโบ่ก็พูดว่า "ชอน ผมเป็นโรคเรื้อน "
06:06
(Laughter)
155
351000
2000
(เสียงหัวเราะ)
06:08
Which, even at Yale, is extraordinarily rare.
156
353000
2000
ซึ่ง แม้ที่เยล ก็ถือว่าหายากเหลือเกิน
06:10
But I had no idea how to console poor Bobo
157
355000
3000
แต่ผมไม่รู้ว่าจะปลอบโบโบ่ที่น่าสงสารอย่างไร
06:13
because he had just gotten over an entire week of menopause.
158
358000
2000
เพราะโบโบ่เพิ่งจะผ่านช่วงหมดประจำเดือนมาได้หนึ่งอาทิตย์
06:15
(Laughter)
159
360000
2000
(เสียงหัวเราะ)
06:17
See what we're finding is it's not necessarily the reality that shapes us,
160
362000
3000
เห็นไหมครับว่าสิ่งที่เราพบ ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นความจริงที่มีอิทธิพลกับเรา
06:20
but the lens through which your brain views the world that shapes your reality.
161
365000
3000
แต่เลนส์ที่สมองเรามองโลกต่างหาก ที่สร้างความเป็นจริงนั้นๆของคุณ
06:23
And if we can change the lens, not only can we change your happiness,
162
368000
3000
และถ้าเราสามารถเปลี่ยนเลนส์นั้นได้ เราไม่เพียงแต่เปลี่ยนความสุขได้เท่านั้น
06:26
we can change every single educational and business outcome at the same time.
163
371000
3000
เรายังสามารถเปลี่ยนผลลัพธ์ทางการศึกษา และธุรกิจทุกๆเรื่องได้ในเวลาเดียวกัน
06:29
When I applied to Harvard, I applied on a dare.
164
374000
2000
ตอนที่ผมสมัครเรียนที่ฮาร์วาร์ด ผมสมัครตามคำท้า
06:31
I didn't expect to get in, and my family had no money for college.
165
376000
3000
ผมไม่ได้คิดว่าจะสอบติด และครอบครัวผมก็ไม่มีเงินส่งผมเรียน
06:34
When I got a military scholarship two weeks later, they allowed me to go.
166
379000
2000
ตอนที่ผมได้ทุนทหารสองอาทิตย์ต่อมา ผมถึงได้ไปเรียน
06:36
Suddenly, something that wasn't even a possibility became a reality.
167
381000
3000
อยู่ๆ สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ได้กลายเป็นจริง
06:39
When I went there, I assumed everyone else would see it as a privilege as well,
168
384000
3000
ตอนที่ผมเรียนที่นั่น ผมเลยเข้าใจว่าคนอื่นๆน่าจะคิดว่ามันเป็นสิทธิพิเศษเหมือนกัน
06:42
that they'd be excited to be there.
169
387000
2000
ว่าพวกเขาก็ตื่นเต้นที่ได้อยู่ณจุดนั้น
06:44
Even if you're in a classroom full of people smarter than you,
170
389000
2000
ถึงแม้ว่าคุณจะอยู่ในห้องเรียนที่เต็มไปด้วยคนที่ฉลาดกว่าคุณ
06:46
you'd be happy just to be in that classroom, which is what I felt.
171
391000
2000
คุณก็มีความสุขแค่ได้อยู่ในห้องเรียนนั้น นี่คือสิ่งที่ผมรู้สึกในตอนนั้น
06:48
But what I found there
172
393000
2000
แต่สิ่งที่ผมค้นพบก็คือ
06:50
is, while some people experience that,
173
395000
2000
แม้ว่าบางคนรู้สึกเหมือนผม
06:52
when I graduated after my four years
174
397000
2000
หลังจากที่ผมเรียนจบสี่ปี
06:54
and then spent the next eight years living in the dorms with the students --
175
399000
2000
ผมได้ใช้เวลาแปดปีต่อมา อยู่ในหอพักกับนักศึกษา
06:56
Harvard asked me to; I wasn't that guy.
176
401000
3000
ฮาร์วาร์ดจ้างผมนะ ผมไม่ได้เป็นชายที่น่ารำคาญนะ
06:59
(Laughter)
177
404000
4000
(เสียงหัวเราะ)
07:03
I was an officer of Harvard to counsel students through the difficult four years.
178
408000
3000
ตอนนั้นผมเป็นเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่นักศึกษาฮาร์วาร์ด ให้ผ่านพ้นสี่ปีอันยากลำบากไปได้
07:06
And what I found in my research and my teaching
179
411000
2000
แล้วสิ่งที่ผมพบในงานวิจัยและการเรียนการสอนของผม
07:08
is that these students, no matter how happy they were
180
413000
2000
ก็คือ นักศึกษาเหล่านั้น ไม่ว่าจะมีความสุขเท่าใด
07:10
with their original success of getting into the school,
181
415000
3000
จากความสำเร็จตอนแรก ที่เข้าเรียนได้นั้น
07:13
two weeks later their brains were focused, not on the privilege of being there,
182
418000
3000
เมื่อสองอาทิตย์ผ่านไป สมองของพวกเขาจะไม่สนใจกับ สิทธิพิเศษที่ได้เข้าไปเรียนที่นั่น
07:16
nor on their philosophy or their physics.
183
421000
2000
หรือปรัชญาหรือวิชาฟิสิกส์ของพวกเขา
07:18
Their brain was focused on the competition, the workload,
184
423000
2000
แต่สมองของพวกเขาจะมุ่งไปสู่ การแข่งขัน ภาระงานที่ต้องทำ
07:20
the hassles, the stresses, the complaints.
185
425000
2000
ความยุ่งยาก ความเครียด และข้อร้องเรียนต่างๆ
07:22
When I first went in there, I walked into the freshmen dining hall,
186
427000
2000
ตอนแรกที่ผมมาเรียนที่นั่น ผมเดินเข้าโรงอาหารนักศึกษาปีหนึ่ง
07:24
which is where my friends from Waco, Texas, which is where I grew up --
187
429000
3000
ซึ่งคือที่ๆเพื่อนผมจากเวโค่ เทกซัส,ที่ๆผมเติบโตมา
07:27
I know some of you have heard of it.
188
432000
2000
ผมรู้ว่าบางคนอาจจะเคยได้ยินมาก่อน
07:29
When they'd come to visit me, they'd look around,
189
434000
2000
ตอนที่พวกเขามาเยี่ยมผม พวกเขามองไปรอบๆ
07:31
they'd say, "This freshman dining hall looks like something
190
436000
2000
แล้วก็พูดว่า "โรงอาหารนักศึกษาปีหนึ่งเหมือนกับอะไรที่
07:33
out of Hogwart's from the movie "Harry Potter," which it does.
191
438000
2000
มาจากฮอกวาร์ดจากหนังเรื่องแฮร์รี่ พ็อตเตอร์" ซึ่งมันก็จริง
07:35
This is Hogwart's from the movie "Harry Potter" and that's Harvard.
192
440000
2000
นี่คือฮอกวาร์ดจากหนังเรื่อง"แฮร์รี่ พ็อตเตอร์" และนั่นคือฮาร์วาร์ด
07:37
And when they see this,
193
442000
2000
แล้วเมื่อพวกเขาเห็นอย่างนั้น
07:39
they say, "Shawn, why do you waste your time studying happiness at Harvard?
194
444000
2000
ก็พูดว่า "ชอน ทำไมนายต้องมาเสียเวลาศึกษาเรื่องความสุขที่ฮาร์วาร์ดด้วย?"
07:41
Seriously, what does a Harvard student possibly have
195
446000
2000
จริงๆนะ มีอะไรที่จะทำให้นักศึกษาฮาร์วาร์ด
07:43
to be unhappy about?"
196
448000
2000
ไม่มีความสุขได้?
07:45
Embedded within that question
197
450000
2000
ฝังอยู่ในคำถามนี้
07:47
is the key to understanding the science of happiness.
198
452000
2000
คือกุญแจสำคัญในการทำความเข้าใจวิทยาศาสตร์ของความสุข
07:49
Because what that question assumes
199
454000
2000
เพราะสิ่งที่คำถามนั้นทึกทักว่าจริง
07:51
is that our external world is predictive of our happiness levels,
200
456000
3000
ก็คือว่าโลกภายนอกเป็นสิ่งที่ทำนายระดับความสุขของเรา
07:54
when in reality, if I know everything about your external world,
201
459000
2000
ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ถ้าผมรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับโลกภายนอกของคุณ
07:56
I can only predict 10 percent of your long-term happiness.
202
461000
3000
ผมก็สามารถทำนายความสุขระยะยาวของคุณได้แค่ 10 เปอร์เซ็นต์
07:59
90 percent of your long-term happiness
203
464000
2000
อีก 90 เปอร์เซ็นต์ของความสุขระยะยาวของคุณ
08:01
is predicted not by the external world,
204
466000
2000
ไม่ได้ถูกทำนายได้โดยโลกภายนอก
08:03
but by the way your brain processes the world.
205
468000
2000
แต่โดยวิธีที่สมองคุณประมวลสิ่งต่างๆในโลก
08:05
And if we change it,
206
470000
2000
และถ้าเราเปลี่ยนมันได้
08:07
if we change our formula for happiness and success,
207
472000
2000
ถ้าเราเปลี่ยนสูตรของความสุขและความสำเร็จ
08:09
what we can do is change the way
208
474000
2000
สิ่งที่เราสามารถทำได้ก็คือเปลี่ยนวิธี
08:11
that we can then affect reality.
209
476000
2000
ที่เราสามารถส่งผลกระทบต่อความเป็นจริง
08:13
What we found is that only 25 percent of job successes
210
478000
2000
สิ่งที่เราพบก็คือ เพียง25เปอร์เซ็นต์ของความสำเร็จทางการงาน
08:15
are predicted by I.Q.
211
480000
2000
นั้นคาดการณ์ได้จากไอคิว
08:17
75 percent of job successes
212
482000
2000
อีก 75เปอร์เซ็นต์ของความสำเร็จนั้น
08:19
are predicted by your optimism levels, your social support
213
484000
3000
คาดการณ์ได้จากระดับความคิดเชิงบวก และการสนับสนุนทางสังคมของคุณ
08:22
and your ability to see stress as a challenge instead of as a threat.
214
487000
3000
และความสามารถในการมองความกดดันให้เป็นความท้าทาย แทนที่จะเป็นการคุกคาม
08:25
I talked to a boarding school up in New England, probably the most prestigious boarding school,
215
490000
3000
ผมเคยคุยกับโรงเรียนประจำในนิวอิงแลนด์ ที่น่าจะเป็นโรงเรียนประจำที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็ว่าได้
08:28
and they said, "We already know that.
216
493000
2000
พวกเขาบอกว่า "เรารู้อยู่แล้ว
08:30
So every year, instead of just teaching our students, we also have a wellness week.
217
495000
3000
ดังนั้นทุกๆปี แทนที่จะแค่สอนนักเรียน เรายังมีสัปดาห์สุขภาพดี
08:33
And we're so excited. Monday night we have the world's leading expert
218
498000
3000
และพวกเราก็ตื่นเต้นมาก ทุกคืนวันจันทร์เรามีผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของโลก
08:36
coming in to speak about adolescent depression.
219
501000
2000
มาพูดเกี่ยวกับเรื่องภาวะซึมเศร้าของวัยรุ่น
08:38
Tuesday night it's school violence and bullying.
220
503000
2000
คืนวันอังคาร ความรุนแรงและการข่มเหงในโรงเรียน
08:40
Wednesday night is eating disorders.
221
505000
2000
คืนวันพุธ ความผิดปกติด้านการรับประทานอาหาร
08:42
Thursday night is elicit drug use.
222
507000
2000
คืนวันพฤหัสบดี การใช้ยาผิดกฎหมาย
08:44
And Friday night we're trying to decide between risky sex or happiness."
223
509000
3000
และคืนวันศุกร์ เรากำลังตัดสินใจระหว่างความเสี่ยงของการมีเพศสัมพันธ์ หรือความสุข"
08:47
(Laughter)
224
512000
3000
(เสียงหัวเราะ)
08:50
I said, "That's most people's Friday nights."
225
515000
2000
ผมพูดว่า "นั่นแหละ คืนวันศุกร์ของคนส่วนมาก"
08:52
(Laughter)
226
517000
3000
(เสียงหัวเราะ)
08:55
(Applause)
227
520000
3000
(เสียงตบมือ)
08:58
Which I'm glad you liked, but they did not like that at all.
228
523000
2000
ผมดีใจที่คุณชอบ แต่พวกเขาไม่ได้ชอบเลย
09:00
Silence on the phone.
229
525000
2000
ที่ปลายสายเงียบ
09:02
And into the silence, I said, "I'd be happy to speak at your school,
230
527000
2000
แล้วผมก็พูดเข้าไปในความเงียบนั้นว่า "ผมพร้อมที่จะไปพูดที่โรงเรียนคุณนะ"
09:04
but just so you know, that's not a wellness week, that's a sickness week.
231
529000
3000
แต่แค่ให้คุณทราบว่า นั่นมันไม่ใช่สัปดาห์สุขภาพดี แต่เป็นสัปดาห์ความเจ็บป่วย
09:07
What you've done is you've outlined all the negative things that can happen,
232
532000
2000
สิ่งที่คุณได้ทำ คือคุณได้สรุปสิ่งร้ายๆทั้งหมดที่สามารถเกิดขึ้นได้
09:09
but not talked about the positive."
233
534000
2000
แต่ไม่ได้พูดถึงสิ่งดีๆเลย
09:11
The absence of disease is not health.
234
536000
2000
การไม่มีโรคไม่ได้แปลว่าสุขภาพดี
09:13
Here's how we get to health:
235
538000
2000
นี่ต่างหากคือหนทางสู่สุขภาพดี
09:15
We need to reverse the formula for happiness and success.
236
540000
3000
เราต้องกลับสูตรสำหรับความสุขและความสำเร็จ
09:18
In the last three years, I've traveled to 45 different countries,
237
543000
2000
ในสามปีที่ผ่านมา ผมได้เดินทางไป 45 ประเทศ
09:20
working with schools and companies
238
545000
2000
ได้ทำงานร่วมกับโรงเรียน และบริษัท
09:22
in the midst of an economic downturn.
239
547000
2000
ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ
09:24
And what I found is that most companies and schools
240
549000
2000
และสิ่งที่ผมพบก็คือ บริษัทและโรงเรียนส่วนมากนั้น
09:26
follow a formula for success, which is this:
241
551000
2000
ทำตามสูตรความสำเร็จ ซึ่งก็คือ
09:28
If I work harder, I'll be more successful.
242
553000
2000
ถ้าฉันทำงานหนักขึ้น ฉันก็จะประสบความสำเร็จมากขึ้น
09:30
And if I'm more successful, then I'll be happier.
243
555000
3000
และถ้าฉันประสบความสำเร็จมากขึ้น ฉันก็จะมีความสุขขึ้น
09:33
That undergirds most of our parenting styles, our managing styles,
244
558000
2000
นี่คือรากฐานหลักของการอบรมเลี้ยงดูส่วนใหญ่ และวิธีการบริหารจัดการของพวกเรา
09:35
the way that we motivate our behavior.
245
560000
2000
และเป็นวิธีที่กระตุ้นพฤติกรรมของเรา
09:37
And the problem is it's scientifically broken and backwards for two reasons.
246
562000
3000
ซึ่งปัญหาก็คือ มันผิดหลักวิทยาศาสตร์แล้วก็ล้าหลัง ด้วยเหตุผลสองอย่าง
09:40
First, every time your brain has a success,
247
565000
3000
หนึ่ง ทุกครั้งที่สมองเรารู้สึกประสบความสำเร็จ
09:43
you just changed the goalpost of what success looked like.
248
568000
2000
คุณก็เปลี่ยนบรรทัดฐานของคำว่าสำเร็จไปแล้ว
09:45
You got good grades, now you have to get better grades,
249
570000
2000
คุณเคยได้คะแนนดี ตอนนี้คุณเลยต้องให้ได้คะแนนที่ดีกว่าเดิม
09:47
you got into a good school and after you get into a better school,
250
572000
2000
คุณเคยอยู่โรงเรียนที่ดี หลังจากนั้นคุณก็ไปเข้าโรงเรียนที่ดีขึ้นไปอีก
09:49
you got a good job, now you have to get a better job,
251
574000
2000
คุณเคยได้งานที่ดี ตอนนี้เลยต้องได้งานที่ดีกว่าเดิม
09:51
you hit your sales target, we're going to change your sales target.
252
576000
2000
คุณเคยทำยอดขายเข้าเป้า ตอนนี้เราเลยต้องตั้งเป้ายอดขายใหม่ให้คุณ
09:53
And if happiness is on the opposite side of success, your brain never gets there.
253
578000
3000
และถ้าความสุขอยู่ตรงข้ามกับความสำเร็จ สมองคุณก็จะไม่เคยได้ไปถึงจุดนั้น
09:56
What we've done is we've pushed happiness
254
581000
2000
สิ่งที่เราได้ทำลงไป คือเมื่อเป็นสังคมเราร่วมกันผลักความสุข
09:58
over the cognitive horizon as a society.
255
583000
3000
ออกไปจนข้ามขีดจำกัดของการรับรู้
10:01
And that's because we think we have to be successful,
256
586000
2000
และนี่ก็เพราะว่าพวกเราคิดว่าเราต้องประสบความสำเร็จ
10:03
then we'll be happier.
257
588000
2000
แล้วเราจึงจะมีความสุข
10:05
But the real problem is our brains work in the opposite order.
258
590000
2000
แต่ปัญหาที่แท้จริง ก็คือสมองเราทำงานในทางตรงกันข้าม
10:07
If you can raise somebody's level of positivity in the present,
259
592000
3000
ถ้าคุณสามารถเพิ่มระดับความคิดเชิงบวกของคนบางคน ณเวลานี้ได้
10:10
then their brain experiences what we now call a happiness advantage,
260
595000
3000
สมองของเขาก็จะรู้สึกถึงสิ่งที่เราเรียกว่า ผลประโยชน์ของความสุข
10:13
which is your brain at positive
261
598000
2000
ซึ่งก็คือ สมองคุณขณะคิดเชิงบวก
10:15
performs significantly better
262
600000
2000
ทำงานได้ดีกว่าปกติมาก
10:17
than it does at negative, neutral or stressed.
263
602000
2000
เมื่อเทียบกับ ขณะที่คิดเชิงลบ เป็นกลาง หรือเครียด
10:19
Your intelligence rises, your creativity rises, your energy levels rise.
264
604000
3000
สติปัญญา ความคิดสร้างสรรค์ ระดับพลังงานของคุณเพิ่มสูงขึ้น
10:22
In fact, what we've found
265
607000
2000
จริงๆแล้ว สิ่งที่เราได้พบ
10:24
is that every single business outcome improves.
266
609000
2000
คือผลทางธุรกิจทุกๆอย่างนั้นดีขึ้น
10:26
Your brain at positive is 31 percent more productive
267
611000
2000
สมองคุณขณะคิดเชิงบวกมีประสิทธิภาพมากขึ้น 31เปอร์เซ็นต์
10:28
than your brain at negative, neutral or stressed.
268
613000
3000
เมื่อเทียบกับ ขณะที่คิดเชิงลบ เป็นกลาง หรือเครียด
10:31
You're 37 percent better at sales.
269
616000
2000
ยอดขายของคุณเพิ่มขึ้น 37 เปอร์เซ็นต์
10:33
Doctors are 19 percent faster, more accurate
270
618000
2000
หมอรักษาได้เร็ว แม่นยำขึ้น 19 เปอร์เซ็นต์
10:35
at coming up with the correct diagnosis
271
620000
2000
ในการได้ผลวินิจฉัยโรคที่ถูกต้อง
10:37
when positive instead of negative, neutral or stressed.
272
622000
2000
ในขณะที่คิดเชิงบวก แทนที่จะคิดเชิงลบ เป็นกลาง หรือเครียด
10:39
Which means we can reverse the formula.
273
624000
2000
ซึ่งแปลว่า เราสามารถกลับสูตรของความสุข
10:41
If we can find a way of becoming positive in the present,
274
626000
3000
ถ้าเราสามารถหาวิธีที่จะคิดเชิงบวก ณขณะนั้น
10:44
then our brains work even more successfully
275
629000
2000
แล้วสมองของเราทำงานได้อย่างประสบความสำเร็จมากขึ้น
10:46
as we're able to work harder, faster and more intelligently.
276
631000
3000
เพราะเราสามารถทำงานได้หนักขึ้น เร็วขึ้น และอย่างชาญฉลาดมากยิ่งขึ้น
10:49
What we need to be able to do is to reverse this formula
277
634000
3000
สิ่งที่เราต้องทำให้ได้ คือการกลับสูตรของความสุข
10:52
so we can start to see what our brains are actually capable of.
278
637000
2000
เพื่อที่เราจะเริ่มมองเห็นได้ว่าสมองเราจริงๆแล้วสามารถทำอะไรได้บ้าง
10:54
Because dopamine, which floods into your system when you're positive,
279
639000
2000
เพราะสารโดฟามีน ที่ท่วมท้นออกมาในระบบเมื่อคุณกำลังคิดเชิงบวก
10:56
has two functions.
280
641000
2000
มีหน้าที่สองอย่าง
10:58
Not only does it make you happier,
281
643000
2000
มันไม่ได้แค่ทำให้คุณมีความสุขมากขึ้น
11:00
it turns on all of the learning centers in your brain
282
645000
2000
แต่มันเปิดสวิตซ์ศูนย์เรียนรู้ทั้งหมดในสมองคุณ
11:02
allowing you to adapt to the world in a different way.
283
647000
3000
ซึ่งทำให้คุณสามารถปรับตัวให้เข้ากับโลกในแบบที่ต่างออกไป
11:05
We've found that there are ways that you can train your brain
284
650000
2000
เราค้นพบว่า มีวิธีที่คุณสามารถฝึกสมอง
11:07
to be able to become more positive.
285
652000
2000
ให้สามารถคิดเชิงบวกมากขึ้น
11:09
In just a two-minute span of time done for 21 days in a row,
286
654000
3000
เพียงแค่สองนาทีที่ทำ 21วันติดต่อกัน
11:12
we can actually rewire your brain,
287
657000
2000
เราจัดระบบสมองของคุณใหม่ได้จริง
11:14
allowing your brain to actually work
288
659000
2000
ให้สมองคุณสามารถที่จะทำงานได้จริง
11:16
more optimistically and more successfully.
289
661000
2000
ในแง่ดีมากขึ้น และประสบความสำเร็จมากขึ้น
11:18
We've done these things in research now
290
663000
2000
ในทุกบริษัทที่ผมเคยทำงานด้วย เราได้ทำสิ่งเหล่านี้แล้วในงานวิจัย
11:20
in every single company that I've worked with,
291
665000
2000
เราได้ทำวิจัยโดยให้ ในทุกๆบริษัทที่ผมได้ไปร่วมทำงานด้วย
11:22
getting them to write down three new things that they're grateful for
292
667000
2000
พนักงานเขียนสามสิ่งที่ทำให้รู้สึกซาบซึ้งขอบคุณโดยให้พนักงานเขียนสิ่งใหม่สามสิ่งที่พวกเขารู้ซาบซึ้งใจ
11:24
for 21 days in a row, three new things each day.
293
669000
2000
21 วันติดต่อกัน แต่ละวันเขียนสามสิ่งใหม่ๆ
11:26
And at the end of that,
294
671000
2000
และในที่สุด
11:28
their brain starts to retain a pattern
295
673000
2000
สมองของพวกเขาก็เริ่มเก็บรูปแแบบ
11:30
of scanning the world, not for the negative, but for the positive first.
296
675000
3000
การมองหาสิ่งดีๆในโลกก่อน แทนที่จะหาสิ่งไม่ดี
11:33
Journaling about one positive experience you've had over the past 24 hours
297
678000
2000
การบันทึกสิ่งที่ดีอย่างหนึ่งที่คุณได้ประสบมาใน 24ชั่วโมงที่ผ่านมา
11:35
allows your brain to relive it.
298
680000
2000
ทำให้สมองคุณได้จำสิ่งๆนั้นอีกครั้ง
11:37
Exercise teaches your brain that your behavior matters.
299
682000
3000
การฝึกฝนสอนให้สมองคุณรู้ถึงความสำคัญของพฤติกรรม
11:40
We find that meditation allows your brain
300
685000
2000
เราพบว่าการนั่งสมาธิทำให้สมองคุณ
11:42
to get over the cultural ADHD that we've been creating
301
687000
3000
เอาชนะอาการสมาธิสั้นทางวัฒนธรรม ที่เราสร้างขึ้นมา
11:45
by trying to do multiple tasks at once
302
690000
2000
เพราะเราพยายามจะทำทุกๆอย่างในเวลาเดียวกัน
11:47
and allows our brains to focus on the task at hand.
303
692000
3000
สมาธิทำให้สมองคุณให้ความสำคัญกับงานตรงหน้า
11:50
And finally, random acts of kindness are conscious acts of kindness.
304
695000
2000
และสุดท้ายนี้ การทำความดีแบบไม่ได้ตั้งใจ คือการทำความดีอย่างมีสติ
11:52
We get people, when they open up their inbox,
305
697000
2000
เราให้คน ทุกครั้งที่เช็คอีเมล
11:54
to write one positive email
306
699000
2000
เขียนข้อความแง่บวกหนึ่งข้อความ
11:56
praising or thanking somebody in their social support network.
307
701000
2000
เป็นการชมเชย หรือขอบคุณคนในเครือข่ายสนับสนุนทางสังคมของเขา
11:58
And by doing these activities
308
703000
2000
จากการทำกิจกรรมเหล่านี้
12:00
and by training your brain just like we train our bodies,
309
705000
2000
และจากการฝึกสมองคุณ เหมือนกับที่เราฝึกร่างกาย
12:02
what we've found is we can reverse the formula for happiness and success,
310
707000
3000
สิ่งที่เราค้นพบก็คือ เราสามารถกลับสูตรสำหรับความสุขและความสำเร็จได้
12:05
and in doing so, not only create ripples of positivity,
311
710000
3000
และการทำเช่นนี้ ไม่ได้แค่สร้างคลื่นเล็กๆในการคิดเชิงบวก
12:08
but create a real revolution.
312
713000
2000
แต่เป็นการสร้างการปฏิวัติที่แท้จริง
12:10
Thank you very much.
313
715000
2000
ขอบคุณมากครับ
12:12
(Applause)
314
717000
3000
(เสียงตบมือ)
ABOUT THE SPEAKER
Shawn Achor - PsychologistShawn Achor is the CEO of Good Think Inc., where he researches and teaches about positive psychology.
Why you should listen
Shawn Achor is the winner of over a dozen distinguished teaching awards at Harvard University, where he delivered lectures on positive psychology in the most popular class at Harvard.
He is the CEO of Good Think Inc., a Cambridge-based consulting firm which researches positive outliers -- people who are well above average -- to understand where human potential, success and happiness intersect. Based on his research and 12 years of experience at Harvard, he clearly and humorously describes to organizations how to increase happiness and meaning, raise success rates and profitability, and create positive transformations that ripple into more successful cultures. He is also the author of The Happiness Advantage.
Shawn Achor | Speaker | TED.com