TED2011
Ron Gutman: The hidden power of smiling
รอน กูตมัน: พลังที่ซ่อนเร้นของรอยยิ้ม
Filmed:
Readability: 5.1
5,652,656 views
รอน กูตมัน (Ron Gutman) ได้แสดงความคิดเห็นของการศึกษาเกี่ยวกับรอยยิ้มและแสดงให้เห็นผลลัพธ์ที่ชวนให้ประหลาดใจ คุณทราบหรือไม่ว่ารอยยิ้มของคุณสามารถทำนายอายุขัยของคุณได้ -- และการยิ้มง่ายมีผลกระทบที่วัดได้โดยรวมเกี่ยวกับความเป็นอยู่ที่ดีของคุณหรือไม่ เตรียมกล้ามเนื้อหน้าของคุณแล้วเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับพัฒนาการต่อเนื่องของพฤติกรรมนี้ได้
Ron Gutman - Entrepreneur
Ron Gutman is the founder and former CEO of HealthTap, free mobile and online apps for health info. He's also the organizer of TEDxSiliconValley. Full bio
Ron Gutman is the founder and former CEO of HealthTap, free mobile and online apps for health info. He's also the organizer of TEDxSiliconValley. Full bio
Double-click the English transcript below to play the video.
00:15
When I was a child, I always wanted to be a superhero.
0
0
3000
ตอนผมเด็ก ผมฝันตลอดว่าอยากเป็นซุปเปอร์ฮีโร่
00:18
I wanted to save the world and then make everyone happy.
1
3000
3000
ผมอยากช่วยโลกและทำให้ทุกคนมีความสุข
00:21
But I knew that I'd need superpowers
2
6000
2000
แต่ผมก็รู้ว่ามันจะต้องมีพลังพิเศษประกอบ
00:23
to make my dreams come true.
3
8000
2000
เพื่อทำให้ฝันของผมเป็นจริง
00:25
So I used to embark on these imaginary journeys
4
10000
3000
ดังนั้นผมจึงเริ่มต้นจินตนาการการเดินทาง
00:28
to find intergalactic objects from planet Krypton,
5
13000
3000
เพื่อเสาะหาวัตถุนอกกาแล็กซีจากดาวเคราะห์คริปตอน
00:31
which was a lot of fun,
6
16000
2000
ซึ่งเป็นอะไรที่สนุกมาก
00:33
but didn't get much result.
7
18000
2000
แต่ผมก็ไม่ได้คำตอบสักเท่าไหร่
00:35
When I grew up and realized
8
20000
2000
พอผมโตขึ้น ผมก็รู้ว่า
00:37
that science fiction was not a good source for superpowers,
9
22000
3000
นิยายวิทยาศาสตร์ไม่ใช่แหล่งข้อมูลที่ดีของพลังพิเศษ
00:40
I decided instead to embark on a journey of real science,
10
25000
3000
ผมจึงตัดสินใจเริ่มเดินทางในโลกความจริงแทน
00:43
to find a more useful truth.
11
28000
2000
ผมเจอความจริงมากขึ้น
00:45
I started my journey in California
12
30000
3000
ผมเริ่มต้นการเดินทางที่แคลิฟอร์เนีย
00:48
with a UC Berkeley 30-year longitudinal study
13
33000
3000
กับการศึกษาของ ม.แคลิฟอร์เนีย-เบิร์กเลย์ (UC Berkley) ที่ศึกษาย้อนกลับไปร่วม 30 ปี
00:51
that examined the photos of students
14
36000
2000
ที่วิเคราะห์รูปภาพนักศึกษา
00:53
in an old yearbook
15
38000
2000
ในหนังสือรุ่น
00:55
and tried to measure their success and well-being
16
40000
2000
และพยายามวัดระดับความสำเร็จและความเป็นอยู่
00:57
throughout their life.
17
42000
2000
ตลอดช่วงชีวิตพวกเขา
00:59
By measuring their student smiles,
18
44000
2000
โดยวัดจากรอยยิ้มของเหล่านักศึกษากลุ่มนี้
01:01
researchers were able to predict
19
46000
2000
นักวิจัยสามารถพยากรณ์ได้ว่า
01:03
how fulfilling and long-lasting
20
48000
2000
พวกเขาจะมีความสุขและมีชีวิตยืนยาว
01:05
a subject's marriage will be,
21
50000
3000
ในด้านชีวิตสมรสแค่ไหน
01:08
how well she would score
22
53000
2000
เธอจะได้รับคะแนนสักเท่าไหร่
01:10
on standardized tests of well-being
23
55000
2000
ในเรื่องมาตรฐานความเป็นอยู่ที่ดี
01:12
and how inspiring she would be to others.
24
57000
3000
และจะเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นแค่ไหน
01:16
In another yearbook, I stumbled upon Barry Obama's picture.
25
61000
3000
ในหนังสือรุ่นอีกเล่มหนึ่ง ผมรู้สึกสะดุดกับรูปของแบรี่ โอบามา
01:19
When I first saw his picture,
26
64000
2000
ตอนที่ผมมองรูปเขาครั้งแรก
01:21
I thought that these superpowers came from his super collar.
27
66000
3000
ผมคิดว่าพลังพิเศษบางอย่างนี้มาจากปกเสื้อสุดเจ๋งของเขา
01:25
But now I know it was all in his smile.
28
70000
3000
แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่ามันมาจากรอยยิ้มเขาต่างหาก
01:28
Another aha! moment
29
73000
2000
อีกอันหนึ่งที่ ใช่เลย!
01:30
came from a 2010 Wayne State University research project
30
75000
3000
มาจากโครงการวิจัยของมหาวิทยาลัย เวนน์ สเตท (Wayne State) ในปี 2010 (พ.ศ.2553)
01:33
that looked into pre-1950s baseball cards
31
78000
3000
ที่ศึกษาบัตรเบสบอลที่ออกก่อนปี 1950 (พ.ศ.2493)
01:36
of Major League players.
32
81000
2000
ของผู้เล่น เมเจอร์ ลีค
01:38
The researchers found
33
83000
2000
ทีมนักวิจัยค้นพบว่า
01:40
that the span of a player's smile
34
85000
2000
รอยยิ้มของผู้เล่น
01:42
could actually predict the span of his life.
35
87000
3000
สามารถใช้พยากรณ์ช่วงชีวิตของเขาได้
01:45
Players who didn't smile in their pictures
36
90000
3000
ผู้เล่นที่ไม่ได้ยิ้มในรูป
01:48
lived an average of only 72.9 years,
37
93000
3000
มีอายุประมาณ 72.9 ปี
01:51
where players with beaming smiles
38
96000
2000
แต่กับผู้เล่นที่ยิ้มกว้าง
01:53
lived an average of almost 80 years.
39
98000
3000
มีอายุถึงเกือบ 80 ปีทีเดียว
01:56
(Laughter)
40
101000
2000
(เสียงหัวเราะ)
01:58
The good news is that we're actually born smiling.
41
103000
3000
ข่าวดีคือพวกเราเกิดมาพร้อมรอยยิ้ม
02:01
Using 3D ultrasound technology,
42
106000
2000
ใช้เทคโนโลยีอุลตาซาว 3 มิติ
02:03
we can now see that developing babies appear to smile,
43
108000
3000
เราจะเห็นได้ว่าเด็กทารกกำลังยิ้มอยู่
02:06
even in the womb.
44
111000
2000
แม้เขาจะอยู่ในครรภ์
02:08
When they're born,
45
113000
2000
และเมื่อพวกเขาคลอดออกมา
02:10
babies continue to smile --
46
115000
2000
เด็กก็ยังคงยิ้มต่อไป
02:12
initially, mostly in their sleep.
47
117000
2000
โดยส่วนมากตอนนอน
02:14
And even blind babies smile
48
119000
2000
หรือแม้แต่เด็กที่ตาบอดก็ยิ้ม
02:16
to the sound of the human voice.
49
121000
3000
ให้กับเสียงคนที่เขาได้ยิน
02:19
Smiling is one of the most basic, biologically-uniform
50
124000
3000
การยิ้มเป็นระบบพื้นฐานที่สุดที่เป็นเอกภาพในเชิงชีววิทยา
02:22
expressions of all humans.
51
127000
2000
ในการแสดงความรู้สึกของมนุษย์
02:24
In studies conducted in Papua New Guinea,
52
129000
2000
ในการศึกษาที่ ปาปัว นิว กีนี
02:26
Paul Ekman,
53
131000
2000
พอล เอ็คมัน (Paul Ekman)
02:28
the world's most renowned researcher on facial expressions,
54
133000
3000
นักวิจัยที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกเรื่องการแสดงออกของใบหน้า
02:31
found that even members of the Fore tribe,
55
136000
3000
พบว่าแม้แต่ชนเผ่าโฟร์ (Fore)
02:34
who were completely disconnected from Western culture,
56
139000
3000
ที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมตะวันตกเลย
02:37
and also known for their unusual cannibalism rituals,
57
142000
4000
และยังเป็นที่รู้จักในพิธีกรรมกินคนแบบแปลกประหลาดอีก
02:41
attributed smiles to descriptions of situations
58
146000
3000
ใช้รอยยิ้มประกอบคำอธิบายในสถานการณ์ต่างๆ
02:44
the same way you and I would.
59
149000
2000
เหมือนกับที่คุณและผมทำกัน
02:46
So from Papua New Guinea
60
151000
3000
ดังนั้น จากปาปัว นิว กีนี
02:49
to Hollywood
61
154000
2000
มาถึงฮอล์ลีวูด
02:51
all the way to modern art in Beijing,
62
156000
3000
จนถึงงานศิลปะร่วมสมัยในปักกิ่ง
02:54
we smile often,
63
159000
2000
พวกเรายิ้มกันบ่อยๆ
02:56
and you smile to express joy
64
161000
2000
เรายิ้มแสดงออกว่ามีความสุข
02:58
and satisfaction.
65
163000
2000
และพึงพอใจ
03:00
How many people here in this room
66
165000
2000
มีกี่คนในห้องนี้ครับที่
03:02
smile more than 20 times per day?
67
167000
2000
ยิ้มมากกว่า 20 ครั้งต่อวัน
03:04
Raise your hand if you do. Oh, wow.
68
169000
3000
ยกมือขึ้นหน่อยครับ โอ้ ว้าว
03:07
Outside of this room,
69
172000
2000
นอกเหนือไปจากพวกเราในห้องนี้
03:09
more than a third of us smile more than 20 times per day,
70
174000
3000
คนมากกว่าหนึ่งในสามยิ้มกว่า 20 ครั้งต่อวัน
03:12
whereas less than 14 percent of us
71
177000
3000
ในขณะที่ไม่ถึงร้อยละ 14
03:15
smile less than five.
72
180000
2000
ที่ยิ้มน้อยกว่าห้าครั้ง
03:17
In fact, those with the most amazing superpowers
73
182000
3000
อันที่จริง คนส่วนใหญ่ที่มีพลังพิเศษนี้
03:20
are actually children,
74
185000
3000
คือเด็กๆ
03:23
who smile as many as 400 times per day.
75
188000
3000
ซึ่งยิ้มมากถึง 400 ครั้งต่อวัน
03:26
Have you ever wondered why being around children
76
191000
2000
คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมเวลาอยู่กับเด็กๆ
03:28
who smile so frequently
77
193000
2000
ที่ยิ้มกันบ่อยๆ
03:30
makes you smile very often?
78
195000
3000
ทำให้พวกเราพลอยยิ้มบ่อยตามไปด้วย
03:34
A recent study at Uppsala University in Sweden
79
199000
2000
งานวิจัยล่าสุดของมหาวิทยาลัยอุพพ์ซาลา (Uppsala) ในสวีเดน
03:36
found that it's very difficult to frown
80
201000
3000
พบว่า เป็นเรื่องยากที่จะทำหน้าบึ้ง
03:39
when looking at someone who smiles.
81
204000
2000
เวลาที่เรามองหน้ายิ้มๆของใครบางคน
03:41
You ask, why?
82
206000
2000
คุณอาจสงสัยว่า ทำไม?
03:43
Because smiling is evolutionarily contagious,
83
208000
2000
ก็เพราะว่าการยิ้มมีวิวัฒนาการที่เชื่อมโยงแพร่ไปถึงกันได้
03:45
and it suppresses the control
84
210000
2000
และมันยับยั้งการควบคุม
03:47
we usually have on our facial muscles.
85
212000
3000
กล้ามเนื่อบนใบหน้าของพวกเรา
03:50
Mimicking a smile
86
215000
2000
การยิ้มเลียนแบบตามผู้อื่น
03:52
and experiencing it physically
87
217000
2000
และการยิ้มที่เกิดขึ้นเองทางกายภาพ
03:54
help us understand whether our smile is fake or real,
88
219000
4000
ช่วยให้เข้าใจว่ายิ้มที่เกิดขึ้นเป็นรอยยิ้มแบบเสแสร้งหรือรอยยิ้มแบบจริงใจ
03:58
so we can understand the emotional state
89
223000
2000
จึงทำให้เราสามารถเข้าใจความรู้สึก
04:00
of the smiler.
90
225000
2000
ของผู้ยิ้มได้
04:02
In a recent mimicking study
91
227000
2000
การศึกษาเกี่ยวกับการเลียนแบบ
04:04
at the University of Clermont-Ferrand in France,
92
229000
3000
ที่มหาวิทยาลัยเคร์มองต์ เฟอร์รานด์ (Clermont-Ferrand) ในประเทศฝรั่งเศส
04:07
subjects were asked to determine
93
232000
2000
ผู้ร่วมการทดสอบจะต้องบอกว่า
04:09
whether a smile was real or fake
94
234000
2000
อันไหนเป็นยิ้มแบบจริงใจ อันไหนยิ้มแบบเสแสร้ง
04:11
while holding a pencil in their mouth
95
236000
2000
ในขณะที่คาบดินสอไว้ที่ปากด้วย
04:13
to repress smiling muscles.
96
238000
2000
เพื่อรั้งกล้ามเนื้อที่ใช้ในการยิ้ม
04:15
Without the pencil, subjects were excellent judges,
97
240000
3000
ถ้าไม่มีดินสอ ผู้ร่วมทดสอบคงตัดสินได้ดีเยี่ยม
04:18
but with the pencil in their mouth --
98
243000
2000
แต่เมื่อมีดินสอในปาก
04:20
when they could not mimic the smile they saw --
99
245000
3000
พวกเขาไม่สามารถเลียนแบบการยิ้มที่พวกเขาเห็นได้
04:23
their judgment was impaired.
100
248000
2000
ความสามารถในการตัดสินของพวกเขาเลยเดี๊ยง
04:25
(Laughter)
101
250000
2000
(เสียงหัวเราะ)
04:27
In addition to theorizing on evolution in "The Origin of Species,"
102
252000
3000
นอกจากทฤษฎีวิวัฒนาการในหนังสือ "กำเนิดสปีชีส์" (The Origin of Species)
04:30
Charles Darwin also wrote
103
255000
2000
ชาร์ล ดาร์วิน (Charles Darwin) ยังได้เขียน
04:32
the facial feedback response theory.
104
257000
2000
ทฤษฎีการตอบโต้ย้อนกลับทางใบหน้า
04:34
His theory states
105
259000
2000
ทฤษฎีของเขากล่าวว่า
04:36
that the act of smiling itself
106
261000
2000
กิริยาอาการยิ้มนั้น ด้วยตัวมันเอง
04:38
actually makes us feel better --
107
263000
2000
ตามความเป็นจริงแล้ว จะทำให้เรารู้สึกดีขึ้น
04:40
rather than smiling being merely a result
108
265000
2000
มากกว่าการยิ้มที่เป็นผลพวง
04:42
of feeling good.
109
267000
2000
ของความรู้สึกดีที่เกิดขึ้น
04:44
In his study,
110
269000
2000
ในการค้นคว้าของเขา
04:46
Darwin actually cited a French neurologist, Guillaume Duchenne,
111
271000
3000
ดาร์วินได้อ้างถึงนักประสาทวิทยาชาวฝรั่งเศส กูเลียม ดูแชนน์ (Guillaume Duchenne)
04:49
who used electric jolts to facial muscles
112
274000
3000
ที่ใช้ไฟฟ้าช๊อตกล้ามเนื้อบนใบหน้า
04:52
to induce and stimulate smiles.
113
277000
2000
เพื่อกระตุ้นให้เกิดรอยยิ้ม
04:54
Please, don't try this at home.
114
279000
2000
กรุณาอย่าได้ลองทำเองที่บ้านนะครับ
04:56
(Laughter)
115
281000
2000
(เสียงหัวเราะ)
04:58
In a related German study,
116
283000
2000
ในการศึกษาที่เกี่ยวเนื่องกันของเยอรมัน
05:00
researchers used fMRI imaging
117
285000
2000
นักวิจัยใช้การสร้างภาพด้วยเรโซแนนซ์แม่เหล็กเชิงฟังชั่น (fMRI)
05:02
to measure brain activity
118
287000
2000
เพื่อประเมินกิจกรรมทางสมอง
05:04
before and after injecting Botox
119
289000
3000
ก่อนและหลังฉีดการฉีดโบท๊อกซ์ (Botox)
05:07
to suppress smiling muscles.
120
292000
3000
เพื่อรั้งกล้ามเนื้อที่ใช้ในการยิ้ม
05:10
The finding supported Darwin's theory
121
295000
2000
ผลการศึกษาสนับสนุนทฤษฎีของดาร์วิน
05:12
by showing that facial feedback
122
297000
2000
โดยแสดงให้เห็นว่าการโต้ตอบของใบหน้า
05:14
modifies the neural processing
123
299000
2000
เปลี่ยนแปลงการประมวลผลของประสาท
05:16
of emotional content in the brain
124
301000
2000
ของข้อมูลอารมณ์ที่อยู่ในสมอง
05:18
in a way that helps us feel better when we smile.
125
303000
3000
ในทางที่ช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นเวลาที่เรายิ้ม
05:22
Smiling stimulates our brain reward mechanism
126
307000
2000
การยิ้มช่วยกระตุ้นกลไกการให้รางวัลของสมอง
05:24
in a way that even chocolate --
127
309000
2000
ในทางที่แม้แต่ช็อกโกแลต
05:26
a well-regarded pleasure inducer --
128
311000
3000
ตัวลดความเครียดชั้นดี
05:29
cannot match.
129
314000
2000
ไม่สามารถเทียบเท่าได้
05:31
British researchers found that one smile
130
316000
3000
นักวิจัยชาวอังกฤษได้พบว่าการยิ้มหนึ่งครั้ง
05:34
can generate the same level of brain stimulation
131
319000
3000
สามารถกระตุ้นสมองในระดับเดียวกับ
05:37
as up to 2,000 bars of chocolate.
132
322000
3000
ช็อกโกแลต 2,000 แท่ง
05:40
(Laughter)
133
325000
2000
(เสียงหัวเราะ)
05:42
Wait. The same study found
134
327000
3000
เดี๋ยวครับ ในการวิจัยอันเดียวกันพบว่า
05:45
that smiling is as stimulating
135
330000
2000
การยิ้มกระตุ้นความรู้สึกในระดับเดียวกับ
05:47
as receiving up to 16,000 pounds Sterling in cash.
136
332000
5000
ได้รับเงินสด 16,000 ปอนด์สเตอริงเลยทีเดียว
05:52
That's like 25 grand a smile.
137
337000
2000
นี่เหมือนกับว่า ยิ้มครั้งหนึ่งได้ 25,000 ดอลลาร์
05:54
It's not bad.
138
339000
2000
ไม่เลวเลยครับ
05:56
And think about it this way:
139
341000
2000
คิดแบบนี้แล้วกัน
05:58
25,000 times 400 --
140
343000
2000
25,000 ดอลลาร์ คูณ 400
06:00
quite a few kids out there
141
345000
2000
มีเด็กจำนวนหนึ่งเลยทีเดียว
06:02
feel like Mark Zuckerberg every day.
142
347000
3000
ที่จะรู้สึกเหมือนกับ มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ในแต่ละวัน
06:05
And, unlike lots of chocolate,
143
350000
2000
และไม่เหมือนกับช็อกโกแลตเยอะๆ
06:07
lots of smiling can actually make you healthier.
144
352000
3000
ยิ้มเยอะๆ ช่วยให้สุขภาพคุณดีขึ้นได้
06:10
Smiling can help reduce the level
145
355000
2000
การยิ้มช่วยลดระดับ
06:12
of stress-enhancing hormones
146
357000
2000
การสร้างฮอร์โมนความเครียดได้
06:14
like cortisol, adrenaline and dopamine,
147
359000
3000
เหมือนกับ คอร์ทิโซล (cortisol) อะดรีนาลีน (adrenaline) และโดปามีน (dopamine)
06:17
increase the level of mood-enhancing hormones
148
362000
2000
ที่เพิ่มระดับการสร้างฮอร์โมนอารมณ์ดี
06:19
like endorphin
149
364000
2000
เหมือนกับเอนโดร์ฟีน (endorphin)
06:21
and reduce overall blood pressure.
150
366000
2000
และช่วยลดความดันเลือดโดยรวม
06:23
And if that's not enough,
151
368000
2000
และถ้าแค่นี้ยังไม่พอละก็
06:25
smiling can actually make you look good
152
370000
2000
การยิ้มทำให้เราดูดี
06:27
in the eyes of others.
153
372000
2000
ในสายตาของคนอื่น
06:29
A recent study at Penn State University
154
374000
2000
ในการศึกษาของมหาวิทยาลัย เพน สเตท (Penn State)
06:31
found that when you smile,
155
376000
2000
พบว่าตอนที่เรายิ้ม
06:33
you don't only appear to be more likable and courteous,
156
378000
3000
เราไม่เพียงดูสุภาพและอัธยาศัยดีเท่านั้น
06:36
but you actually appear to be more competent.
157
381000
4000
แต่เรายังดูเป็นคนเก่งมีความสามารถมากขึ้นด้วย
06:40
So whenever you want to look great and competent,
158
385000
2000
ดังนั้นเวลาที่คุณอยากดูดีและดูเก่ง
06:42
reduce your stress
159
387000
2000
ลดความเครียด
06:44
or improve your marriage,
160
389000
2000
หรือยกระดับการใช้ชีวิตคู่
06:46
or feel as if you just had a whole stack of high-quality chocolate --
161
391000
3000
หรืออยากรู้สึกเหมือนกันเราเพิ่งได้กินช็อกโกแลตชั้นเลิศเข้าไปเป็นถุง
06:49
without incurring the caloric cost --
162
394000
3000
โดยไม่ต้องกังวลถึงแคลอรี่นะ
06:52
or as if you found 25 grand in a pocket
163
397000
2000
หรือราวกับว่าเราล้วงไปเจอเงิน 25,000 ดอลลาร์ในกระเป๋า
06:54
of an old jacket you hadn't worn for ages,
164
399000
3000
เสื้อแจ๊กเก็ตที่คุณไม่ได้ใส่มาหลายปี
06:57
or whenever you want to tap into a superpower
165
402000
4000
หรือเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณอยากจะมีพลังพิเศษ
07:01
that will help you and everyone around you
166
406000
3000
ที่จะช่วยคุณและผู้คนรอบข้าง
07:04
live a longer, healthier, happier life,
167
409000
3000
ให้มีชีวิตยืินยาวขึ้น สุขภาพดีขึ้น และมีความสุขขึ้น
07:07
smile.
168
412000
2000
ยิ้มกันเถิดครับ
07:09
(Applause)
169
414000
11000
(เสียงปรบมือ)
ABOUT THE SPEAKER
Ron Gutman - EntrepreneurRon Gutman is the founder and former CEO of HealthTap, free mobile and online apps for health info. He's also the organizer of TEDxSiliconValley.
Why you should listen
Ron Gutman is the founder of HealthTap, free mobile and online apps for immediate access to relevant, reliable and trusted health answers and tips from a network of doctors. Before this, he founded and led an online consumer health company that developed the world's largest community of independent health writers; it was acquired in early 2009.
As a graduate student at Stanford, Gutman organized and led a multidisciplinary group of faculty and graduate students from the schools of Engineering, Medicine, Business, Psychology and Law to conduct research in personalized health and to design ways to help people live healthier, happier lives. He is an angel investor and advisor to health and technology companies such as Rock Health (the first Interactive Health Incubator) and Harvard Medical School's SMArt Initiative ("Substitutable Medical Apps, reusable technologies"). He's the organizer of TEDxSiliconValley.
Find links to all the studies that Gutman references in his talk right here >>
Ron Gutman | Speaker | TED.com