Maryn McKenna: What do we do when antibiotics don't work any more?
มาริน แม็คเคนนา (Maryn McKenna): เราจะทำอย่างไรเมื่อยาปฏิชีวนะไม่ได้ผลอีกแล้ว
Maryn McKenna recounts the often terrifying stories behind emerging drug-resistant diseases that medical science is barely keeping at bay. Full bio
Double-click the English transcript below to play the video.
and a semi-pro basketball player
he loved being a fireman,
เขาชอบอาชีพนักผจญเพลิง
he started polishing all the brass,
เขาเริ่มที่จะขัดทองเหลืองทั้งหมด
the fittings on the walls,
his shoulder started to hurt.
เขาเริ่มปวดไหล่
and when they got the local doctor in,
และเมื่อพวกเขาให้คุณหมอในพื้นที่มาตรวจ
and took him to the hospital.
แล้วพาเขาไปโรงพยาบาล
that he had an infection,
ว่าเขาติดเชื้อ
have called "blood poisoning,"
because the things we use now
เพราะว่าสิ่งที่เราใช้ในตอนนี้
the first antibiotic,
ยาปฏิชีวนะชนิดแรก
either recovered, if they were lucky,
shaking with chills,
ตัวสั่นด้วยความหนาว
lined up to give him transfusions
เข้าแถวกันมาถ่ายเลือดให้เขา
surging through his blood.
ที่เพิ่มขึ้นในกระแสโลหิต
my great uncle died.
of cancer or heart disease,
in the West today.
ที่ส่งผลต่อพวกเราในตะวันตกทุกวันนี้
because they didn't live long enough
เพราะว่าพวกเขาไม่ได้มีชีวิตยืนยาวพอ
of the Industrial Revolution --
when antibiotics arrived.
been a death sentence
you recovered from in days.
ในเวลาไม่กี่วัน
the golden epoch of the miracle drugs.
ของยามหัศจรรย์
of the pre-antibiotic era.
ของยุคก่อนยาปฏิชีวนะ
of the post-antibiotic era,
ของยุคหลังยาปฏิชีวนะ
when simple infections
ที่การติดเชื้อธรรมดา
will kill people once again.
because of a phenomenon
อีกครั้งหนึ่ง เพราะว่าเหตุการณ์
for resources, for food,
เพื่อทรัพยากร เพื่ออาหาร
that they direct against each other.
ที่พวกมันสาดใส่กันและกัน
that chemical attack.
จากการโจมตีทางเคมีนี้
and made our own versions of them,
แล้วสร้างแบบของเราเองออกมา
the way they always had.
ในแบบที่พวกมันทำเสมอ
arrived by 1945.
ในปี ค.ศ.1945
the most recent drugs, in 2003,
เริ่มในปี ค.ศ. 2003
just a year later in 2004.
เพียงหนึ่งปีให้หลังในปี ค.ศ. 2004
a game of leapfrog --
เกมส์ก้าวกระโดด --
and then resistance again --
และจากนั้นก็การดื้อยาก็มาอีก --
that pharmaceutical companies
และบริษัทยา
is not in their best interest,
ไม่ใด้ผลประโยชน์ที่ดีที่สุด
moving across the world
การติดเชื้อที่แพร่กระจายไปทั่วโลก
than 100 antibiotics
Control and Prevention, the CDC,
หรือ ซีดีซี (CDC)
to all but two drugs.
เป็นที่รู้จักกันว่า เคพีซี (KPC)
with a different infection
ยกเว้นยาตัวเดียวในเวลานั้น
from India into China, Asia, Africa,
จากอินเดียไปสู่จีน เอเชีย แอฟริกา
are extraordinary cases,
by the British government
on Antimicrobial Resistance
แอนไทไมโครไบโอติก รีซิสแทนท์
right now is 700,000 deaths a year.
คิดเป็น 700,000 รายต่อปี
that you don't feel at risk,
ที่คุณจะว่าคุณไม่มีความเสี่ยง
were hospital patients
คือคนที่อยู่ในโรงพยาบาล
near the ends of their lives,
ที่ใกล้จะถึงวาระสุดท้ายของชีวิตแล้ว
are remote from us,
none of us do,
และที่ทุกคนไม่ได้คิด
almost all of modern life.
ยุคปัจจุบันของพวกเรา เกือบโดยสิ้นเชิง
with weakened immune systems --
สำหรับคนที่มีภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง
เด็กทารกที่เกิดก่อนกำหนด
foreign objects in the body:
นำสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกาย
การปั๊มไหลเวียนสำหรับคนที่เป็นเบาหวาน
need new hips and knees?
ที่ต้องเปลี่ยนสะโพกและเข่าใหม่
that without antibiotics,
เมื่อปราศจากยาปฏิชีวนะ
ต้องมีการให้ยาปฏิชีวนะก่อน
the hidden spaces of the body.
ที่จะเปิดส่วนที่ซ่อนอยู่ในร่างกายได้
that now seem minor.
ที่ตอนนี้มันอาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย
เคยก่อให้เกิดอาการหัวใจล้มเหลว
in the cleanest hospitals,
out of every 10.
จากทุก ๆ 10 คน
we live our everyday lives.
ในการใช้ชีวิตปกติ
could kill you,
your Christmas lights,
วิ่งเสียบเข้าโฮมเบส หรือไม่
to receive penicillin,
Albert Alexander,
อัลเบิร์ต อเล็กซานเดอร์
that his scalp oozed pus
จนหนังศีรษะมีหนองไหลซึมออกมา
something very simple.
and scratched his face on a thorn.
และหน้าเขาไปโดนหนามจนถลอก
which estimates that the worldwide toll
ได้คาดเดาความเสียหายที่เกิดขึ้นทั่วโลก
get this under control by 2050,
ที่จะควบคุมมันได้ภายในปี ค.ศ. 2050
will be 10 million deaths a year.
10 ล้านรายต่อปี
we did it to ourselves.
biological process,
ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
for accelerating it.
ที่ทำให้มันเกิดเร็วขึ้น
โดยใช้ยาปฏิชีวนะอย่างฟุ่มเฟือย
that now seems shocking.
ที่ตอนนี้ดูน่าตกใจ
over the counter until the 1950s.
มาตั้งแต่ยุค 1950
most antibiotics still are.
ยาปฏิชีวนะส่วนใหญ่ยังหาซื้อได้แบบนั้น
in hospitals are unnecessary.
ไม่ได้จำเป็นเลย
written in doctor's offices
ที่เขียนในห้องตรวจของหมอ
that antibiotics cannot help.
ที่ยาปฏิชีวนะไม่สามารถช่วยได้
get antibiotics every day of their lives,
ได้รับยาปฏิชีวนะทุกวันตลอดชีวิต
and to protect them against
และป้องกันพวกมัน
they are raised in.
ที่พวกมันได้รับการเลี้ยงดู
go to farm animals, not to humans,
นำไปใช้กับปศุสัตว์ ไม่ใช่คน
that move off the farm
citrus, against disease.
ผลไม้พวกส้มมะนาว จากโรค
their DNA to each other
ดีเอ็นเอของมันให้กันและกันได้
a suitcase at an airport,
ส่งต่อกระเป๋าเดินทางให้กันที่สนามบิน
that resistance into existence,
the man who discovered penicillin.
ชายผู้ค้นพบเพนิซิลลิน
in 1945 in recognition,
เพื่อเป็นเกียรติ
this is what he said:
นี่คือสิ่งที่เขากล่าว
with penicillin treatment
ที่เล่นกับการรักษาที่ใช้เพนิซิลลิน
for the death of a man
ต่อการเสียชีวิตของคน
can be averted."
ความชั่วร้ายนี้จะถูกป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น"
on novel antibiotics,
have never seen before.
into making antibiotics again.
เข้ามาผลิตยาปฏิชีวนะอีกครั้ง
every 20 minutes.
ทุกๆ 20 นาที
10 years to derive a new drug.
ในการพัฒนายา
to tell us automatically and specifically
ที่จะบอกเราได้อย่างอัตโนมัติและเจาะจง
into drug order systems
ในระบบการสั่งยา
gets a second look.
จะได้รับการตรวจสอบ
to give up antibiotic use.
ยกเลิกการใช้ยาปฏิชีวนะ
is emerging next.
to change a habit.
ที่จะเปลี่ยนนิสัย
we've done that in the past.
เราเคยทำได้มาแล้วในอดีต
into the streets,
to the possibility of cancer,
เสี่ยงต่อโรคมะเร็ง
were expensive,
สิ่งเหล่านั้นมีผลกระทบราคาแพง
เพื่อประโยชน์สูงสุดของเรา
around antibiotic use too.
ในเรื่องยาปฏิชีวนะได้เช่นกัน
of antibiotic resistance
a fluorescent lightbulb
about climate change,
การเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศ
the deforestation from palm oil,
เพื่อที่จะได้มาซึ่งน้ำมันปาล์ม
an overwhelming problem.
กับปัญหาที่ยิ่งใหญ่
for antibiotic use too.
กับยาปฏิชีวนะได้เช่นกัน
if we're not sure it's the right one.
ถ้าเราไม่มั่นใจว่าเป็นยาที่ถูกต้อง
for our kid's ear infection
สำหรับยาแก้การติดเชื้อในหูสำหรับลูกเรา
or shrimp or fruit
of the post-antibiotic world.
ของโลกหลังยุคยาปฏิชีวนะได้
the antibiotic era in 1943.
ในปี ค.ศ. 1947
up to the edge of disaster.
เราได้เดินขึ้นไปถึงขอบความหายนะ
เพื่อหาทางออกให้ได้อีกครั้ง
ABOUT THE SPEAKER
Maryn McKenna - Public health journalistMaryn McKenna recounts the often terrifying stories behind emerging drug-resistant diseases that medical science is barely keeping at bay.
Why you should listen
Maryn McKenna’s harrowing stories of hunting down anthrax with the CDC and her chronicle of antibiotic-resistant staph infections in Superbug earned her the nickname “scary disease girl” among her colleagues.
But her investigations into public health don’t stop there: she blogs and writes on the history of epidemics and the public health challenges posed by factory farming. For her forthcoming book, McKenna is researching the symbiotic history of food production and antibiotics, and how their use impacts our lives, societies and the potential for illness.
Maryn McKenna | Speaker | TED.com