TED2012
Brené Brown: Listening to shame
เบรเน่ บราวน์ (Brené Brown): การรับฟังเสียงแห่งความละอายใจ
Filmed:
Readability: 3.2
13,362,658 views
ความละอายใจเป็นโรคระบาดเงียบที่ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังพฤติกรรมเชิงลบหลายอย่างในสังคม วิดีโอการบรรยายของเบรเน่ บราวน์ (Brené Brown) ครั้งก่อนเรื่องความเปราะบางทางใจ ซึ่งได้กลายเป็นวิดีโอยอดฮิตในโลกไซเบอร์ชั่วข้ามคืน และในการบรรยายครั้งนี้ เธอพาเราไปสำรวจว่า จะเป็นอย่างไรหากมนุษย์เราเผชิญหน้ากับความละอายใจอย่างตรงไปตรงมา นอกจากให้แง่คิดแล้ว เธอปล่อยมุขเจ็บๆ และเผยความเปราะบางของเธอเองออกมาในทุกๆคำพูดของเธอ อย่างกล้าหาญ!
Brené Brown - Vulnerability researcher
Brené Brown studies vulnerability, courage, authenticity, and shame. Full bio
Brené Brown studies vulnerability, courage, authenticity, and shame. Full bio
Double-click the English transcript below to play the video.
00:15
I'm going to tell you a little bit
0
0
3000
ฉันจะขอเล่าให้ฟังกันสักนิด
00:18
about my TEDxHouston Talk.
1
3000
2000
เกี่ยวกับการปราศรัยของฉันที่ TEDxHouston
00:20
I woke up the morning after I gave that Talk
2
5000
4000
หลังจากวันที่ขึ้นพูด ฉันตื่นขึ้นมา
00:24
with the worst vulnerability hangover
3
9000
3000
กับอาการแฮงค์เพราะความเปราะบางทางใจ
00:27
of my life.
4
12000
2000
แบบสุดๆ ในชีวิต
00:29
And I actually didn't leave my house
5
14000
3000
ที่จริง ฉันไม่ได้ออกจากบ้านไปไหน
00:32
for about three days.
6
17000
2000
เป็นเวลา 3 วันเต็ม
00:34
The first time I left was to meet a friend for lunch.
7
19000
4000
ครั้งแรกที่ออกมาคือตอนไปเจอเพื่อน
เพื่อกินข้าวเที่ยงด้วยกัน
เพื่อกินข้าวเที่ยงด้วยกัน
00:38
And when I walked in, she was already at the table.
8
23000
2000
ตอนเดินเข้าไป เพื่อนฉันนั่งรออยู่ที่โต๊ะก่อนแล้ว
00:40
And I sat down, and she said,
9
25000
2000
พอฉันนั่งลง เธอก็ทักว่า
00:42
"God, you look like hell."
10
27000
2000
"โอ้พระเจ้า เธอดูอย่างกับผีดิบเลย"
00:44
I said, "Thanks. I feel really --
11
29000
2000
ฉันตอบกลับว่า "ขอบใจนะ ฉันรู้สึกว่า...
00:46
I'm not functioning."
12
31000
3000
ไม่มีเรี่ยวแรงทำอะไรเอาเสียเลย"
00:49
And she said, "What's going on?"
13
34000
2000
เพื่อนก็ถามกลับว่า "เกิดอะไรขึ้นเหรอ?"
00:51
And I said, "I just told
14
36000
2000
ฉันบอกไปว่า "ฉันเพิ่งบอกคน
00:53
500 people
15
38000
3000
500 คน ไปว่า
00:56
that I became a researcher
16
41000
2000
ฉันหันมาเป็นนักวิจัย
00:58
to avoid vulnerability.
17
43000
2000
เพื่อหลีกหนีความเปราะบางทางใจ
01:00
And that when being vulnerable
18
45000
2000
และเมื่อข้อมูลของฉันค่อยๆ เผยออกมาว่า
01:02
emerged from my data,
19
47000
2000
ความเปราะบางนั่นเอง
01:04
as absolutely essential
20
49000
3000
ที่เป็นแก่นสำคัญ
01:07
to whole-hearted living,
21
52000
2000
ในการใช้ชีวิตอย่างเต็มสุดหัวใจ
01:09
I told these 500 people
22
54000
2000
ฉันบอกผู้ฟังทั้ง 500 คนนั้น
01:11
that I had a breakdown.
23
56000
2000
ว่าฉันมีอาการป่วยทางจิตไปเลย
01:13
I had a slide that said Breakdown.
24
58000
2000
ฉันมีสไลด์ที่เขียนว่า 'ป่วยทางจิต' เลยนะ
01:15
At what point did I think that was a good idea?"
25
60000
3000
และตอนไหนล่ะ ที่ฉันคิดว่านั่นเป็นความคิดที่ดี?"
01:18
(Laughter)
26
63000
3000
(เสียงหัวเราะ)
01:21
And she said, "I saw your Talk live-streamed.
27
66000
2000
แล้วเพื่อนก็บอกว่า "ฉันเห็นเธอพูดผ่านเน็ตสดๆ นะ
01:23
It was not really you.
28
68000
2000
มันดูไม่เหมือนเธอที่ฉันรู้จัก
01:25
It was a little different than what you usually do.
29
70000
2000
มันต่างจากสิ่งที่เธอทำโดยปกติ
01:27
But it was great."
30
72000
2000
แต่มันดีมากเลยล่ะ"
01:29
And I said,
31
74000
2000
ฉันบอกกลับไปว่า
01:31
"This can't happen.
32
76000
2000
"ไม่นะ! Youtube เหรอ
01:33
YouTube, they're putting this thing on YouTube.
33
78000
2000
ถ้าเขาเอาวิดีโอนี้ขึ้น Youtube
01:35
And we're going to be talking about 600, 700 people."
34
80000
4000
แล้วคงมีคนดูแค่ 600 - 700 คนน่ะเหรอ? เชอะ!"
01:39
(Laughter)
35
84000
4000
(เสียงหัวเราะ)
01:43
And she said, "Well, I think it's too late."
36
88000
3000
เพื่อนฉันบอกว่า "อืม ฉันว่ามันคงสายไปแล้วล่ะ"
01:46
And I said, "Let me ask you something."
37
91000
2000
ฉันก็บอกกลับไปว่า "ถามอะไรหน่อยนะ"
01:48
And she said, "Yeah."
38
93000
2000
เธอตอบว่า "ได้สิ"
01:50
And I said, "Do you remember when we were in college
39
95000
2000
ฉันถามไปว่า "จำได้ไหมตอนที่เราเรียนอยู่วิทยาลัย
01:52
and really wild and kind of dumb?"
40
97000
2000
ที่เราสุดซ่า และ บ้าๆ บอๆ กันน่ะ"
01:54
And she said, "Yeah."
41
99000
2000
เธอบอกว่า "จำได้สิ"
ฉันถามต่อว่า "จำได้ไหม
ที่เราฝากข้อความเสียงโง่ๆ ไว้
ที่เราฝากข้อความเสียงโง่ๆ ไว้
01:56
And I said, "Remember when we'd leave a really bad message
42
101000
2000
01:58
on our ex-boyfriend's answering machine?
43
103000
2000
ในเครื่องตอบรับข้อความของแฟนเก่า
02:00
Then we'd have to break into his dorm room
44
105000
2000
แล้วเราก็แอบเข้าไปถึงห้องพักพวกเขา
02:02
and then erase the tape?"
45
107000
2000
เพื่อลบมันทิ้ง"
02:04
(Laughter)
46
109000
2000
(เสียงหัวเราะ)
02:06
And she goes, "Uh ... no."
47
111000
3000
และเธอก็ประมาณว่า "โอ้ว จำไม่ได้แล้วอ่า"
02:09
(Laughter)
48
114000
2000
(เสียงหัวเราะ)
02:11
So of course, the only thing I could think of to say at that point was,
49
116000
3000
ก็นั่นแหละ สิ่งที่ฉันคิดได้ต่อจากนั้นคือ
02:14
"Yeah, me neither.
50
119000
2000
"เออ เหมือนกัน
02:16
That ... me neither."
51
121000
3000
ฉันก็จำไม่ได้เหมือนกัน"
02:20
And I'm thinking to myself,
52
125000
2000
แล้วฉันก็คิดในใจต่อว่า
02:22
"Brene, what are you doing? What are you doing?
53
127000
3000
"เบรเน่ นี่เธอทำอะไรอยู่เนี่ย นี่เธอทำอะไรอยู่
02:25
Why did you bring this up? Have you lost your mind?
54
130000
3000
จะพูดถึงเรื่องนี้อีกทำไม บ้าไปแล้วเหรอ
02:28
Your sisters would be perfect for this."
55
133000
3000
น้องสาวของเธอคงเหมาะสุดสำหรับเรื่องบ้าๆอย่างนี้"
02:32
So I looked back up and she said,
56
137000
3000
จากนั้นฉันก็มองกลับขึ้นมา และเธอก็พูดว่า
02:35
"Are you really going to try to break in
57
140000
3000
"จะพังเข้าไป
02:38
and steal the video
58
143000
2000
ขโมยวีดีโอจริงๆ เหรอ
02:40
before they put it on YouTube?"
59
145000
3000
ก่อนที่เค้าจะอัปโหลดขึ้น YouTube น่ะ"
02:43
And I said, "I'm just thinking about it a little bit."
60
148000
3000
แล้วฉันก็บอกว่า "อืมก็คิดๆ อยู่นิดส์นึงอ่ะ"
02:46
(Laughter)
61
151000
2000
(เสียงหัวเราะ)
02:48
She said, "You're like the worst vulnerability role model ever."
62
153000
4000
เธอตอบกลับมาว่า "เธอนี่เป็นตัวอย่างของ
ความเปราะบางทางใจที่แย่ที่สุดเลยนะยะ"
ความเปราะบางทางใจที่แย่ที่สุดเลยนะยะ"
02:52
(Laughter)
63
157000
3000
(เสียงหัวเราะ)
02:55
And then I looked at her and I said something
64
160000
2000
จากนั้นฉันก็มองเธอ แล้วพูดอะไรบางอย่างที่
02:57
that at the time felt a little dramatic,
65
162000
2000
ตอนนั้นฟังดูดราม่าไปนิด
02:59
but ended up being more prophetic than dramatic.
66
164000
2000
แต่มันกลับกลายเป็นคำทำนายมากกว่าดราม่า
03:01
I said,
67
166000
2000
ฉันบอกไปว่า
03:03
"If 500 turns into 1,000
68
168000
4000
"ถ้า 500 คน กลายเป็น 1,000
03:07
or 2,000,
69
172000
2000
หรือ 2,000 คน
03:09
my life is over."
70
174000
2000
ชีวิตฉันคงสิ้นสุดลง"
03:11
(Laughter)
71
176000
2000
(เสียงหัวเราะ)
03:13
I had no contingency plan for four million.
72
178000
3000
ฉันไม่ได้เตรียมแผนสำรองสำหรับ 4 ล้านคนหรอก
03:16
(Laughter)
73
181000
3000
(เสียงหัวเราะ)
03:20
And my life did end when that happened.
74
185000
3000
และชีวิตฉันก็จบลงจริงๆ ตอนสิ่งนั้นเกิดขึ้น
03:23
And maybe the hardest part about my life ending
75
188000
4000
และบางทีสิ่งที่ยากที่สุด ตอนที่ชีวิตของฉันจบลง
03:27
is that I learned something hard about myself,
76
192000
4000
คือการที่ฉันได้เรียนรู้บางอย่างที่ขัดแย้งในตัวฉัน
03:31
and that was that,
77
196000
3000
นั่นคือ
03:34
as much as I would frustrated
78
199000
2000
ในขณะที่ฉันหงุดหงิด
03:36
about not being able to get my work out to the world,
79
201000
2000
ที่ไม่สามารถเผยแพร่งานของฉัน
สู่สายตาชาวโลกได้
สู่สายตาชาวโลกได้
03:38
there was a part of me that was working very hard
80
203000
3000
แต่บางส่วนลึกๆ ในตัวฉัน ก็กำลังทำงานอย่างหนัก
03:41
to engineer staying small,
81
206000
3000
เพื่อจะแอบๆ ขดตัวเล็กๆ ซ่อนอยู่
03:44
staying right under the radar.
82
209000
3000
อยู่เบื้องหลังห่างจากการเป็นเป้าเรดาร์
03:48
But I want to talk about what I've learned.
83
213000
2000
แต่ฉันอยากพูดถึงสิ่งที่ฉันได้เรียนรู้
03:50
There's two things that I've learned in the last year.
84
215000
3000
มีอยู่ 2 สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้ในช่วงปีที่ผ่านมา
03:54
The first is
85
219000
4000
สิ่งแรกคือ
ความเปราะบางทางใจ หาใช่ ความอ่อนแอ
03:58
vulnerability is not weakness.
86
223000
4000
04:02
And that myth
87
227000
2000
และความเชื่อผิดๆ แบบนั้น
04:04
is profoundly dangerous.
88
229000
2000
ก็อันตรายมากๆ ทีเดียว
04:06
Let me ask you honestly --
89
231000
2000
ฉันถามคุณตรงๆ นะ
04:08
and I'll give you this warning,
90
233000
2000
และฉันขอเตือนก่อนนะ
04:10
I'm trained as a therapist,
91
235000
2000
ว่าฉันถูกฝึกให้เป็นนักจิตบำบัด
04:12
so I can out-wait you uncomfortably --
92
237000
3000
ฉันจึงอดทนรอคำตอบของคุณได้
แม้บรรยากาศจะอึดอัด
แม้บรรยากาศจะอึดอัด
04:15
so if you could just raise your hand that would be awesome --
93
240000
3000
ฉะนั้น ถ้าคุณรีบยกมือตอบมา
ก็จะเยี่ยมมากเลยนะคะ
ก็จะเยี่ยมมากเลยนะคะ
04:18
how many of you honestly,
94
243000
2000
ในพวกคุณ ด้วยความสัตย์จริง มีกี่คนที่
04:20
when you're thinking about doing something vulnerable
95
245000
2000
คิดว่าจะทำอะไรบางอย่างที่แสดงความเปราะบาง
04:22
or saying something vulnerable,
96
247000
2000
หรือพูดอะไรบางอย่างที่สะท้อนความเปราะบาง
04:24
think, "God, vulnerability's weakness. This is weakness?"
97
249000
2000
แต่ฉุกคิดว่า "โอ้พระเจ้า
ความเปราะบาง คือ ความอ่อนแอ"
ความเปราะบาง คือ ความอ่อนแอ"
04:26
How many of you think of vulnerability and weakness synonymously?
98
251000
3000
ใครคิดว่า "ความเปราะบาง" กับ "ความอ่อนแอ"
ความหมายเหมือนกัน?
ความหมายเหมือนกัน?
04:29
The majority of people.
99
254000
2000
ส่วนใหญ่เลย
04:31
Now let me ask you this question:
100
256000
2000
ทีนี้ ขอถามอีกว่า
04:33
This past week at TED,
101
258000
3000
สัปดาห์ที่ผ่านมาที่งานประชุม TED
04:36
how many of you, when you saw vulnerability up here,
102
261000
3000
ใครบ้างที่ได้เห็นคนที่ขึ้นมาพูด
และแสดงความเปราะบางบนเวทีนี้
และแสดงความเปราะบางบนเวทีนี้
04:39
thought it was pure courage?
103
264000
2000
แล้วรู้สึกว่ามันเป็นความกล้าเพียวๆ เลย
04:43
Vulnerability is not weakness.
104
268000
3000
"ความเปราะบางทางใจ" หาใช่ "ความอ่อนแอ"
04:46
I define vulnerability
105
271000
2000
ฉันให้ความหมาย "ความเปราะบางทางใจ"
04:48
as emotional risk,
106
273000
3000
ว่าเป็นการกล้าเสี่ยงทางอารมณ์
04:51
exposure, uncertainty.
107
276000
3000
การเปิดเผย ความไม่มั่นคง
04:54
It fuels our daily lives.
108
279000
2000
มันเป็นแรงขับเคลื่อนชีวิตประจำวันของเรา
04:56
And I've come to the belief --
109
281000
2000
และในที่สุดฉันก็เชื่อ
04:58
this is my 12th year doing this research --
110
283000
2000
คือ นี่ก็เข้าปีที่ 12 ที่ฉันทำงานวิจัยเรื่องนี้แล้วนะ
05:00
that vulnerability
111
285000
2000
ตอนนี้ฉันเชื่อว่า "ความเปราะบางทางใจ"
05:02
is our most accurate measurement
112
287000
3000
เป็นตัววัดที่เที่ยงตรงที่สุด
05:05
of courage --
113
290000
3000
ของ "ความกล้าหาญ"
05:08
to be vulnerable, to let ourselves be seen,
114
293000
3000
การเป็นคนที่เปราะบางทางใจ
ยอมให้คนอื่นเห็นตัวตนข้างใน
ยอมให้คนอื่นเห็นตัวตนข้างใน
05:11
to be honest.
115
296000
2000
และมีความซื่อตรง
05:13
One of the weird things that's happened
116
298000
2000
สิ่งที่น่าแปลกสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นคือ
05:15
is, after the TED explosion,
117
300000
2000
หลังจากวิดีโอการพูดที่ TED ของฉัน
กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
05:17
I got a lot of offers to speak all over the country --
118
302000
3000
ฉันได้รับคำเชิญจากทั่วประเทศให้ไปพูด
05:20
everyone from schools and parent meetings
119
305000
3000
ตั้งแต่งานประชุมผู้ปกครองในโรงเรียนต่างๆ
05:23
to Fortune 500 companies.
120
308000
3000
ไปจนถึงองค์กรยักษ์ที่มีชื่อติดอยู่ในนิตยสาร
Fortune 500
Fortune 500
05:26
And so many of the calls went like this,
121
311000
2000
และโทรศัพท์หลายสายที่เข้ามาก็ประมาณว่า
05:28
"Hey, Dr. Brown. We loved your TEDTalk.
122
313000
2000
"สวัสดีค่ะ ดร. บราวน์
เราชอบ TED ทอล์คของคุณมาก
เราชอบ TED ทอล์คของคุณมาก
05:30
We'd like you to come in and speak.
123
315000
2000
เลยอยากจะเชิญคุณมาพูดที่นี่
05:32
We'd appreciate it
124
317000
2000
(แต่) เราจะขอบคุณมากๆ เลย
05:34
if you wouldn't mention vulnerability or shame."
125
319000
3000
ถ้าคุณจะไม่เอ่ยคำว่า 'ความเปราะบาง'
หรือ 'ความละอายใจ' น่ะค่ะ"
หรือ 'ความละอายใจ' น่ะค่ะ"
05:37
(Laughter)
126
322000
4000
(เสียงหัวเราะ)
05:41
What would you like for me to talk about?
127
326000
3000
แล้วคุณจะให้ฉันพูดเรื่องอะไรดีล่ะ?
05:44
There's three big answers.
128
329000
2000
มี 3 คำตอบหลักๆ
05:46
This is mostly, to be honest with you, from the business sector:
129
331000
3000
เอาจริงๆ นะคะ
คำตอบพวกนี้ส่วนใหญ่มาจากภาคธุรกิจ:
คำตอบพวกนี้ส่วนใหญ่มาจากภาคธุรกิจ:
05:49
innovation, creativity
130
334000
2000
นวัตกรรม, ความคิดสร้างสรรค์
05:51
and change.
131
336000
3000
และ การเปลี่ยนแปลง
05:55
So let me go on the record
132
340000
2000
ฉันขอพูดอย่างเปิดเผยตรงนี้เลยนะคะ
05:57
and say,
133
342000
2000
ฉันจะบอกว่า
05:59
vulnerability is the birthplace
134
344000
2000
ความเปราะบางทางใจเป็นแหล่งกำเนิด
06:01
of innovation, creativity and change.
135
346000
3000
ของนวัตกรรม, ความคิดสร้างสรรค์
และ การเปลี่ยนแปลง
และ การเปลี่ยนแปลง
06:04
(Applause)
136
349000
5000
(เสียงปรบมือ)
06:12
To create is to make something
137
357000
3000
การสรรค์สร้างคือการสร้างบางอย่างที่
06:15
that has never existed before.
138
360000
3000
ไม่เคยมีมาก่อน
06:18
There's nothing more vulnerable than that.
139
363000
3000
ไม่มีอะไรที่ทำให้คุณอยู่ในภาวะ
เปราะบางไปกว่านั้นแล้ว
เปราะบางไปกว่านั้นแล้ว
06:21
Adaptability to change
140
366000
2000
การปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลง
06:23
is all about vulnerability.
141
368000
2000
ก็เป็นภาวะเปราะบางเช่นกัน
06:25
The second thing,
142
370000
2000
อย่างที่ 2
06:27
in addition to really finally understanding
143
372000
4000
นอกเหนือจากความเข้าใจที่ลึกซึ้งในความสัมพันธ์
06:31
the relationship between vulnerability and courage,
144
376000
2000
ระหว่างความเปราะบางทางใจ กับ ความกล้าหาญ
06:33
the second thing I learned is this:
145
378000
3000
สิ่งที่ 2 ที่ฉันได้เรียนรู้ก็คือ
06:36
We have to talk about shame.
146
381000
3000
เราจำเป็นต้องพูดถึง ความละอายใจ
06:41
And I'm going to be really honest with you.
147
386000
2000
ฉันจะพูดกับคุณแบบตรงไปตรงมาเลยนะ
06:43
When I became a "vulnerability researcher"
148
388000
4000
ที่ฉันกลายเป็น "นักวิจัยความเปราะบางทางใจ"
06:47
and that became the focus because of the TEDTalk --
149
392000
3000
ที่มาทำวิจัยหัวข้อนี้ ก็เพราะการพูดที่ TEDTalk
06:50
and I'm not kidding.
150
395000
2000
ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ
06:52
I'll give you an example.
151
397000
2000
ฉันจะยกตัวอย่างให้ฟัง
06:54
About three months ago, I was in a sporting goods store
152
399000
2000
ราวๆ 3 เดือนก่อน ฉันไปร้านเครื่องกีฬา
06:56
buying goggles and shin guards
153
401000
2000
เพื่อซื้อแว่นดำนำ้ และสนับแข้ง
06:58
and all the things that parents buy at the sporting goods store.
154
403000
3000
และสิ่งต่างๆ ที่พ่อแม่ทั่วไปจะซื้อจากร้านแบบนั้น
07:01
About from a hundred feet away, this is what I hear:
155
406000
3000
ห่างออกไปราวๆ 30 เมตรก็มีเสียงแว่วมาว่า
07:04
"Vulnerability TED! Vulnerability TED!"
156
409000
3000
"นั่นคนพูดที่ TED เรื่องความเปราะบางทางใจนี่ !
คุณหญิงผู้เปราะบางแห่ง TED !"
คุณหญิงผู้เปราะบางแห่ง TED !"
07:07
(Laughter)
157
412000
8000
(เสียงหัวเราะ)
07:15
I'm a fifth generation Texan.
158
420000
2000
ฉันเป็นชาวรัฐเทกซัสรุ่นที่ 5
07:17
Our family motto is "Lock and load."
159
422000
3000
คำขวัญของเราคือ "จงเตรียมสู้หรือหนี ไว้เสมอ"
07:20
I am not a natural vulnerability researcher.
160
425000
4000
ฉันไม่ใช่นักวิจัยความเปราะบางทางใจอยู่แล้ว
โดยธรรมชาติ
โดยธรรมชาติ
07:25
So I'm like,
161
430000
2000
ฉันก็เลยแบบว่า
07:27
just keep walking, she's on my six.
162
432000
2000
แสร้งเดินดุ่มๆ ไม่สนใจ แต่คุณเธอก็ตามมาติดๆ
07:29
(Laughter)
163
434000
2000
(เสียงหัวเราะ)
07:31
And then I hear, "Vulnerability TED!"
164
436000
4000
และฉันก็ได้ยินอีก "คุณหญิงผู้เปราะบางแห่ง TED"
07:35
I turn around, I go, "Hi."
165
440000
3000
ฉันเลยหันไป พูดว่า "สวัสดีค่ะ"
07:38
She's right here and she said,
166
443000
2000
คุณเธออยู่ซะประชิด และก็บอกฉันว่า
07:40
"You're the shame researcher who had the breakdown."
167
445000
3000
"คุณใช่ไหม นักวิจัยความละอายใจคนนั้น
ที่เคยป่วยทางจิต"
ที่เคยป่วยทางจิต"
07:43
(Laughter)
168
448000
4000
(เสียงหัวเราะ)
07:47
At this point
169
452000
2000
ณ ขณะนั้น
07:49
parents are, like, pulling their children close.
170
454000
3000
พ่อแม่ที่อยู่แถวนั้นก็ดึงลูกๆ เข้าหาตัว
07:53
"Look away."
171
458000
2000
"หันหน้าหนีไปทางโน้นลูก"
07:57
And I'm so worn out at this point in my life,
172
462000
2000
ฉันแบบว่าเหนื่อยหน่ายสุดๆในชีวิต
07:59
I look at her and I actually say,
173
464000
2000
ฉันมองหน้าคุณเธอคนนั้นและพูดออกไปจริงๆ ว่า
08:01
"It was a frickin' spiritual awakening."
174
466000
3000
"มันคือการรู้แจ้งทางจิตวิญญาณย่ะ"
08:04
(Laughter)
175
469000
2000
(เสียงหัวเราะ)
08:06
(Applause)
176
471000
2000
(เสียงปรบมือ)
08:08
And she looks back and does this,
177
473000
2000
และเธอก็มองกลับแล้วตอบว่า
08:10
"I know."
178
475000
2000
"อ๊ะ ฉันรู้หรอกน่า"
08:12
And she said,
179
477000
2000
และเธอก็ต่ออีกว่า
08:14
"We watched your TEDTalk in my book club.
180
479000
3000
"เราได้ดู TEDTalk ของคุณ
ในชมรมนักอ่านของฉันด้วย
ในชมรมนักอ่านของฉันด้วย
08:17
Then we read your book
181
482000
2000
และเมื่อได้อ่านหนังสือที่คุณแต่ง
08:19
and we renamed ourselves
182
484000
2000
เราก็เปลี่ยนชื่อชมรมเราเป็น
08:21
'The Breakdown Babes.'"
183
486000
3000
"สาวๆจิตป่วง" (Breakdown Babes)
08:24
And she said, "Our tagline is:
184
489000
2000
และเธอก็บอกว่า "คำขวัญของเราก็คือ...
08:26
'We're falling apart and it feels fantastic.'"
185
491000
4000
'พวกเราจิตหลุด แต่รู้สึกซาบซ่านสุดๆ'"
08:30
(Laughter)
186
495000
3000
(เสียงหัวเราะ)
08:33
You can only imagine
187
498000
2000
คุณคงจินตนาการออกนะว่า
08:35
what it's like for me in a faculty meeting.
188
500000
3000
ตอนฉันนั่งประชุมอาจารย์ในมหาวิทยาลัย
มันจะเป็นยังไง
มันจะเป็นยังไง
08:40
So when I became Vulnerability TED,
189
505000
2000
ดังนั้น เมื่อฉันได้กลายเป็น
คุณหญิงผู้เปราะบางแห่ง TED
คุณหญิงผู้เปราะบางแห่ง TED
08:42
like an action figure --
190
507000
3000
ก็เหมือนกับตัวการ์ตูนแอคชั่น
08:45
like Ninja Barbie, but I'm Vulnerability TED --
191
510000
4000
คล้ายๆ นินจา บาร์บี แต่ฉันเป็น
"คุณหญิงผู้เปราะบางแห่ง TED"
"คุณหญิงผู้เปราะบางแห่ง TED"
08:49
I thought, I'm going to leave that shame stuff behind,
192
514000
3000
ฉันเลยคิดว่า
ฉันคงต้องทิ้งไอ้เจ้าความน่าละอายไว้ข้างหลัง
ฉันคงต้องทิ้งไอ้เจ้าความน่าละอายไว้ข้างหลัง
08:52
because I spent six years studying shame
193
517000
3000
เพราะว่าฉันใช้เวลา 6 ปี ศึกษามัน
08:55
before I really started writing and talking about vulnerability.
194
520000
3000
ก่อนที่ฉันจะเริ่มเขียนและพูด
เกี่ยวกับความเปราะบาง
เกี่ยวกับความเปราะบาง
08:58
And I thought, thank God, because shame is this horrible topic,
195
523000
3000
ฉันคิดว่า ขอบคุณพระเจ้า
เพราะว่าความละอายใจเป็นหัวข้อที่แย่เอามากๆ
เพราะว่าความละอายใจเป็นหัวข้อที่แย่เอามากๆ
09:01
no one wants to talk about it.
196
526000
2000
ไม่มีใครอยากจะพูดถึงหรอก
09:03
It's the best way to shut people down on an airplane.
197
528000
2000
มันเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเลี่ยง
บทสนทนาบนเครื่องบิน:
บทสนทนาบนเครื่องบิน:
09:05
"What do you do?" "I study shame." "Oh."
198
530000
2000
"คุณทำอาชีพอะไรเหรอ?"
"อ๋อ ฉันศึกษาความละอายใจ อ่ะค่ะ"
"อ๋อ ฉันศึกษาความละอายใจ อ่ะค่ะ"
09:07
(Laughter)
199
532000
2000
"โอ่ววววว์... เหรอครับ..." (เสียงหัวเราะ)
09:09
And I see you.
200
534000
2000
และฉันก็เห็น (ความละอายของ) คุณนะ
09:11
(Laughter)
201
536000
6000
(เสียงหัวเราะ)
09:17
But in surviving this last year,
202
542000
3000
แต่การเอาตัวรอดจากปีที่แล้ว
09:20
I was reminded of a cardinal rule --
203
545000
3000
ได้เตือนให้ฉันคิดถึงกฎเหล็กข้อหนึ่ง
09:23
not a research rule,
204
548000
3000
ไม่ใช่กฎการทำวิจัย
09:26
but a moral imperative
205
551000
2000
แต่เป็นความจำเป็นทางจริยธรรม
09:28
from my upbringing --
206
553000
2000
ที่ฉันถูกสอนมาตั้งแต่เด็ก
09:30
you've got to dance with the one who brung ya.
207
555000
4000
นั่นคือ คุณจะต้องเต้นรำกับคนที่พาคุณมา
ฉันไม่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับความเปราะบางทางใจ
09:34
And I did not learn about vulnerability
208
559000
2000
09:36
and courage and creativity and innovation
209
561000
3000
และความกล้าหาญ ความคิดสร้างสรรค์
และนวัตกรรม
และนวัตกรรม
09:39
from studying vulnerability.
210
564000
3000
จากการศึกษาความเปราะบางทางใจ
09:42
I learned about these things
211
567000
2000
ฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้
09:44
from studying shame.
212
569000
2000
จากการศึกษาเรื่องความละอายใจ
09:46
And so I want to walk you in
213
571000
2000
ฉันจึงอยากจะพาพวกคุณเข้าไป
09:48
to shame.
214
573000
2000
สำรวจเจ้าความน่าละอายนี้ใกล้ๆ
09:50
Jungian analysts call shame
215
575000
3000
นักจิตวิเคราะห์สายคาร์ล ยุง
เรียกความน่าละอายนี้ว่า
เรียกความน่าละอายนี้ว่า
09:53
the swampland of the soul.
216
578000
3000
'บึงตมแห่งจิตวิญาณ'
09:56
And we're going to walk in.
217
581000
2000
เราก็จะเดินลุยไปด้วยกัน
09:58
And the purpose is not to walk in
218
583000
2000
เป้าหมายไม่ใช่เพื่อเดินลุยเข้าไป
10:00
and construct a home and live there.
219
585000
2000
แล้วสร้างบ้านและปักหลักอาศัยที่นั่น
10:02
It is to put on some galoshes
220
587000
4000
หากแต่เป็นการใส่รองเท้าบูท
10:06
and walk through and find our way around.
221
591000
3000
และเดินลุยสำรวจและหาทางกลับให้ได้
10:11
Here's why.
222
596000
2000
เหตุผลก็คือ
10:15
We heard the most compelling call ever
223
600000
2000
ตอนนี้เราได้ยินเสียงเรียกร้องที่ดังมาก
10:17
to have a conversation in this country,
224
602000
3000
ให้มีการพูดคุยกันในประเทศนี้
10:20
and I think globally,
225
605000
2000
และฉันก็คิดว่าทั่วโลกด้วย
10:22
around race, right?
226
607000
2000
ในเรื่องเกี่ยวกับเชื้อชาติ ใช่ไหมคะ?
10:24
Yes? We heard that.
227
609000
2000
ใช่ไหมคะ? เราทุกคนได้ยินมาหมดแหละ
10:26
Yes?
228
611000
2000
ใช่ไหมคะ?
10:28
Cannot have that conversation without shame,
229
613000
3000
เราไม่สามารถ ถกประเด็นนี้ได้
โดยไม่รู้สึกละอายใจ
โดยไม่รู้สึกละอายใจ
10:31
because you cannot talk about race without talking about privilege.
230
616000
3000
เพราะคุณไม่สามารถพูดเรื่องเชื้อชาติ
โดยไม่พูดถึงสิทธิพิเศษ
โดยไม่พูดถึงสิทธิพิเศษ
10:34
And when people start talking about privilege,
231
619000
3000
และเมื่อคนพูดถึงสิทธิพิเศษ
10:37
they get paralyzed by shame.
232
622000
2000
เขาก็จะนิ่งงันไปเพราะความละอายใจ
10:39
We heard a brilliant simple solution
233
624000
2000
เราได้ยินทางออกง่ายๆ ที่สุดเจ๋ง
10:41
to not killing people in surgery,
234
626000
2000
ในการป้องกันการเสียชีวิตของผู้ป่วย
ที่ได้รับการผ่าตัด
ที่ได้รับการผ่าตัด
10:43
which is have a checklist.
235
628000
2000
โดยมีรายการที่ต้องตรวจสอบทำตามขั้นตอน
10:45
You can't fix that problem without addressing shame,
236
630000
3000
คุณไม่สามารถแก้ปัญหานั้นได้
หากไม่จัดการกับความอาย
หากไม่จัดการกับความอาย
10:48
because when they teach those folks how to suture,
237
633000
4000
เพราะเมื่อหมอศัลยกรรมเหล่านั้น
เรียนรู้การเย็บแผล
เรียนรู้การเย็บแผล
10:52
they also teach them how to stitch their self-worth
238
637000
3000
พวกเขาถูกสอนให้ถักทอคุณค่าของตัวตนด้วย
10:55
to being all-powerful.
239
640000
2000
จนกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่คิดว่าตนรอบรู้ทุกสิ่ง
10:57
And all-powerful folks don't need checklists.
240
642000
4000
พวกผู้ยิ่งใหญ่ก็จะไม่เอา checklist เหล่านั้น
11:02
And I had to write down the name of this TED Fellow
241
647000
2000
ฉันได้เขียนชื่อของเพื่อน TED Fellow คนหนึ่งไว้
11:04
so I didn't mess it up here.
242
649000
2000
เพราะกลัวพลาด
11:06
Myshkin Ingawale,
243
651000
2000
คุณ มิชกิน อินกาวาเล (Myshkin Ingawale)
11:08
I hope I did right by you.
244
653000
2000
ฉันหวังว่าคงอ่านชื่อคุณถูกนะคะ
11:10
(Applause)
245
655000
3000
(เสียงปรบมือ)
11:13
I saw the TED Fellows my first day here.
246
658000
2000
ฉันเห็นเพื่อน TED Fellow คนนี้วันแรกที่นี่
11:15
And he got up and he explained
247
660000
2000
เขาลุกขึ้นและอธิบายว่า
11:17
how he was driven to create
248
662000
2000
เขาเกิดแรงบันดาลใจอยากสร้าง
11:19
some technology to help test for anemia
249
664000
2000
เทคโนโลยีเพื่อตรวจภาวะโลหิตจาง
11:21
because people were dying unnecessarily.
250
666000
2000
เพราะมีผู้ป่วยผ่าตัดหลายคน
เสียชีวิตทั้งที่ไม่น่าจะต้องมาเสียชีวิต
เสียชีวิตทั้งที่ไม่น่าจะต้องมาเสียชีวิต
11:23
And he said, "I saw this need.
251
668000
2000
และเขาก็บอกต่อว่า "ผมเห็นความจำเป็นนี้
11:25
So you know what I did? I made it."
252
670000
2000
รู้ไหมว่าผมทำไง ผมก็สร้างมันขึ้นมาเลย"
11:27
And everybody just burst into applause, and they were like "Yes!"
253
672000
3000
แล้วทุกคนก็ปรบมือเชียร์กันกราว
พวกเขาก็แบบว่า "เย้!"
พวกเขาก็แบบว่า "เย้!"
11:30
And he said, "And it didn't work.
254
675000
3000
แต่ปรากฎว่า มันไม่สำเร็จ
11:33
And then I made it 32 more times,
255
678000
4000
แล้วผมก็พยายามอีก 32 ครั้ง
11:37
and then it worked."
256
682000
2000
แล้วก็สำเร็จในที่สุด"
11:39
You know what the big secret about TED is?
257
684000
2000
พวกคุณรู้ไหมว่าความลับที่น่าทึ่ง
ของ TED คืออะไร?
ของ TED คืออะไร?
11:41
I can't wait to tell people this.
258
686000
2000
ฉันรอที่จะบอกไม่ไหวแล้วล่ะ
11:43
I guess I'm doing it right now.
259
688000
2000
เอ... แต่ฉันก็จะบอกอยู่แล้วเนี่ย
11:45
(Laughter)
260
690000
2000
(เสียงหัวเราะ)
11:47
This is like the failure conference.
261
692000
2000
ที่นี่ คืองานประชุมของความล้มเหลว
11:49
No, it is.
262
694000
2000
ไม่ขำค่ะ เรื่องจริงค่ะ
11:51
(Applause)
263
696000
3000
(เสียงหัวเราะ)
11:54
You know why this place is amazing?
264
699000
3000
รู้ไหมคะว่าทำไมที่นี่ถึงได้น่าทึ่ง?
11:57
Because very few people here
265
702000
2000
เพราะคนที่นี่ มีไม่กี่คนหรอก
11:59
are afraid to fail.
266
704000
2000
ที่กลัวความล้มเหลว
12:01
And no one who gets on the stage, so far that I've seen, has not failed.
267
706000
4000
เท่าที่ฉันเห็น คนที่ขึ้นมาพูดบนเวที
ไม่มีใครเลยที่ไม่เคยล้มเหลวมาก่อน
ไม่มีใครเลยที่ไม่เคยล้มเหลวมาก่อน
12:05
I've failed miserably, many times.
268
710000
3000
ฉันเองก็ล้มจนหมดท่า หลายครั้ง
12:08
I don't think the world understands that
269
713000
3000
ฉันไม่คิดว่าโลกจะเข้าใจ
12:11
because of shame.
270
716000
2000
ก็เพราะความอาย
12:13
There's a great quote that saved me this past year
271
718000
2000
มีคำคมอันหนึ่งที่ช่วยชีวิตฉันไว้ในปีที่ผ่านมา
12:15
by Theodore Roosevelt.
272
720000
3000
โดยท่าน ธีโอดอร์ รูสเวลต์
(Theodore Roosevelt)
(Theodore Roosevelt)
12:18
A lot of people refer to it as the "Man in the Arena" quote.
273
723000
3000
หลายคนตั้งชื่อคำคมนี้ไว้ว่า
"บุรุษผู้กล้าในสนามประลอง"
"บุรุษผู้กล้าในสนามประลอง"
12:21
And it goes like this:
274
726000
2000
ซึ่งกล่าวไว้ว่า:
12:23
"It is not the critic who counts.
275
728000
2000
"มันไม่ได้อยู่ที่คนวิจารณ์
12:25
It is not the man who sits and points out
276
730000
3000
หรือคนที่นั่งดู ชี้นิ้วบอกนั่นนี่
12:28
how the doer of deeds could have done things better
277
733000
2000
ว่าบุรุษในสนามประลองควรทำอย่างไรจึงจะชนะ
12:30
and how he falls and stumbles.
278
735000
2000
หรือชี้ว่าทำไมเขาถึงล้มลุกคลุกคลาน
12:32
The credit goes to the man in the arena
279
737000
3000
คนที่สำคัญคือบุรุษในสนามประลองคนนั้น
12:35
whose face is marred
280
740000
2000
ที่หน้าเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ
12:37
with dust and blood and sweat.
281
742000
3000
และฝุ่น อีกทั้งเลือดและหยาดเหงื่อ
12:40
But when he's in the arena,
282
745000
2000
แต่ขณะที่ยังอยู่ในสนาม
12:42
at best he wins,
283
747000
3000
ดีสุด ก็ชนะ
12:45
and at worst he loses,
284
750000
3000
ร้ายสุด ก็แค่แพ้
12:48
but when he fails, when he loses,
285
753000
2000
แต่เมื่อเขาล้ม เมื่อเขาแพ้
12:50
he does so daring greatly."
286
755000
3000
เขาก็ยืดอกยอมรับผลลัพธ์ อย่างหาญกล้า"
12:53
And that's what this conference, to me, is about.
287
758000
3000
สำหรับฉัน นั่นแหละคือแก่นแท้ของ TED
12:56
That's what life is about, about daring greatly,
288
761000
2000
ชีวิตก็เป็นเช่นนั้น กล้าหาญที่จะทำสิ่งยิ่งใหญ่
12:58
about being in the arena.
289
763000
2000
เสมือนการก้าวสู่สนามประลอง
13:00
When you walk up to that arena and you put your hand on the door,
290
765000
3000
เมื่อคุณก้าวไปถึงสนาม มือคุณจับอยู่ที่ประตู
13:03
and you think, "I'm going in and I'm going to try this,"
291
768000
2000
แล้วคุณคิดว่า "ฉันจะลองมันสักตั้ง"
13:05
shame is the gremlin
292
770000
2000
ความอาย ก็เหมือนกับสัตว์ประหลาดน้อย
13:07
who says, "Uh, uh.
293
772000
2000
ที่บอกแต่ว่า "อ๊ะ อ๊ะ
13:09
You're not good enough.
294
774000
2000
คุณมันดีไม่พอหรอกนะ
13:11
You never finished that MBA. Your wife left you.
295
776000
3000
คุณไม่ได้จบ MBA เมียก็ทิ้ง
13:14
I know your dad really wasn't in Luxembourg,
296
779000
2000
ฉันรู้น่า ว่าพ่อคุณไม่ได้อยู่ที่เมืองลักเซมเบิร์ก
13:16
he was in Sing Sing.
297
781000
4000
เขาอยู่ในซอยคาวบอยตะหาก
13:20
I know those things that happened to you growing up.
298
785000
3000
ฉันรู้น่าว่าคุณเจอสิ่งเหล่านั้นตอนโตมา
13:23
I know you don't think that you're pretty enough
299
788000
2000
รู้ว่าคุณไม่คิดว่าตัวเองหน้าตาดีพอ
13:25
or smart enough or talented enough or powerful enough.
300
790000
3000
ฉลาดพอ หรือมีพรสวรรค์เพียงพอ หรือมีอำนาจพอ
13:28
I know your dad never paid attention, even when you made CFO."
301
793000
4000
ฉันรู้ด้วยว่าพ่อคุณไม่ไยดี ถึงคุณจะได้เป็น
ผู้บริหารทางการเงิน (CFO) แล้วก็ตาม"
ผู้บริหารทางการเงิน (CFO) แล้วก็ตาม"
13:32
Shame is that thing.
302
797000
3000
ความอายคือเสียงเหล่านั้น
13:35
And if we can quiet it down and walk in
303
800000
3000
และเมื่อเราลดเสียงมันลงและเดินเข้าไป
13:38
and say, "I'm going to do this,"
304
803000
4000
และบอกว่า "ฉันจะทำสิ่งนี้"
13:42
we look up and the critic that we see
305
807000
2000
เราก็เงยหน้ามาเจอนักวิจารณ์
13:44
pointing and laughing,
306
809000
2000
ชี้นิ้วตัดสิน และเย้ยหยัน
13:46
99 percent of the time is who?
307
811000
3000
แต่แทบทุกครั้ง ร้อยละ 99 เลย
เสียงนั้นคือใครกันล่ะ?
เสียงนั้นคือใครกันล่ะ?
13:49
Us.
308
814000
3000
ก็เราเองนั่นแหละค่ะ
13:52
Shame drives two big tapes --
309
817000
2000
ความอายคอยเปิดเทปอยู่ 2 เสียง
13:54
"never good enough"
310
819000
2000
"แกมันไม่ดีพอ"
13:56
and, if you can talk it out of that one,
311
821000
2000
และเมื่อผ่านด่านนั้นมาได้แล้ว เทปต่อมาก็คือ
13:58
"who do you think you are?"
312
823000
3000
"คุณคิดว่าคุณเป็นใคร หา?"
14:02
The thing to understand about shame is it's not guilt.
313
827000
2000
ที่เราควรรู้ไว้เกี่ยวกับความละอายคือ
มันไม่ใช่ความรู้สึกผิด
มันไม่ใช่ความรู้สึกผิด
14:04
Shame is a focus on self, guilt is a focus on behavior.
314
829000
3000
ความละอายพุ่งเป้าไปที่ ตัวตน
แต่ความรู้สึกผิดพุ่งเป้าที่ การกระทำ
แต่ความรู้สึกผิดพุ่งเป้าที่ การกระทำ
14:07
Shame is "I am bad."
315
832000
2000
ความละอายคือ "ฉันมันแย่"
14:09
Guilt is "I did something bad."
316
834000
3000
ความรู้สึกผิดคือ "ฉันทำบางอย่างที่แย่"
14:12
How many of you,
317
837000
2000
ในที่นี้ มีกี่ท่านคะ
14:14
if you did something that was hurtful to me,
318
839000
2000
ที่หากทำบางอย่างกระทบต่อฉัน
14:16
would be willing to say, "I'm sorry. I made a mistake?"
319
841000
2000
แล้วพร้อมที่จะบอกว่า "ขอโทษนะ ฉันทำผิดเอง" ?
14:18
How many of you would be willing to say that?
320
843000
3000
มีกี่ท่านคะที่พร้อมพูดเช่นนั้น?
14:21
Guilt: I'm sorry. I made a mistake.
321
846000
3000
นั่นคือความรู้สึกผิด
"ฉันขอโทษ ฉันทำผิดพลาดไป"
"ฉันขอโทษ ฉันทำผิดพลาดไป"
14:24
Shame: I'm sorry. I am a mistake.
322
849000
4000
ส่วนความละอาย จะบอกว่า
"ฉันขอโทษ ฉันคือความผิดพลาดเอง"
"ฉันขอโทษ ฉันคือความผิดพลาดเอง"
14:28
There's a huge difference between shame and guilt.
323
853000
2000
มันเป็นความแตกต่างที่ใหญ่มาก
ระหว่างสองพี่น้องคู่นี้
ระหว่างสองพี่น้องคู่นี้
14:30
And here's what you need to know.
324
855000
2000
และนี่คือสิ่งที่คุณจำเป็นจะต้องรู้ไว้ค่ะ
14:32
Shame is highly, highly correlated
325
857000
3000
ความละอาย มีความสัมพันธ์สูงมากๆ
14:35
with addiction, depression, violence, aggression,
326
860000
3000
กับการเสพติด โรคซึมเศร้า
การใช้ความรุนแรง ความก้าวร้าว
การใช้ความรุนแรง ความก้าวร้าว
14:38
bullying, suicide, eating disorders.
327
863000
4000
การกลั่นแกล้งรังแก การฆ่าตัวตาย
โรคความผิดปกติในการกิน
โรคความผิดปกติในการกิน
14:42
And here's what you even need to know more.
328
867000
2000
และนี่คือสิ่งที่คุณยิ่งต้องรู้ไว้
14:44
Guilt, inversely correlated with those things.
329
869000
3000
ว่าความรู้สึกผิดมีความสัมพันธ์
แบบตรงกันข้ามกับสิ่งเหล่านั้น
แบบตรงกันข้ามกับสิ่งเหล่านั้น
14:49
The ability to hold something we've done or failed to do
330
874000
3000
ความสามารถที่จะยกสิ่งที่เราทำ หรือพลาดที่จะทำ
14:52
up against who we want to be
331
877000
2000
มาเปรียบเทียบกับคนแบบที่เราอยากจะเป็น
14:54
is incredibly adaptive.
332
879000
2000
เป็นความสามารถที่ช่วยในการปรับตัว
อย่างเหลือเชื่อ
อย่างเหลือเชื่อ
14:56
It's uncomfortable, but it's adaptive.
333
881000
3000
มันทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจ
แต่ก็ช่วยให้คุณปรับเปลี่ยนตัวเอง
แต่ก็ช่วยให้คุณปรับเปลี่ยนตัวเอง
15:02
The other thing you need to know about shame
334
887000
2000
อีกอย่างที่ต้องรู้เกี่ยวกับความละอายก็คือ
15:04
is it's absolutely organized by gender.
335
889000
3000
มันถูกจัดการแตกต่างกันตามเพศ
15:07
If shame washes over me and washes over Chris,
336
892000
3000
หากความละอายโถมซัดใส่ฉัน กับคุณคริส
15:10
it's going to feel the same.
337
895000
3000
เราจะรู้สึกเหมือนกัน
15:13
Everyone sitting in here knows the warm wash of shame.
338
898000
3000
ทุกๆ ท่านที่นั่งอยู่ในนี้ทราบดีว่า
ความละอายนั้นรู้สึกอย่างไร
ความละอายนั้นรู้สึกอย่างไร
15:16
We're pretty sure that the only people who don't experience shame
339
901000
2000
เราค่อนข้างมั่นใจว่า คนที่ไม่มีความรู้สึกละอายนั้น
15:18
are people who have no capacity
340
903000
2000
คือพวกที่ไม่มีความสามารถที่จะ
15:20
for connection or empathy.
341
905000
2000
เชื่อมโยงกับผู้อื่น หรือเห็นใจผู้อื่น
15:22
Which means, yes, I have a little shame;
342
907000
2000
ซึ่งอาจจะหมายความว่า
ใช่ ฉันรู้สึกละอาย แต่แค่นิดเดียว
ใช่ ฉันรู้สึกละอาย แต่แค่นิดเดียว
15:24
no, I'm a sociopath.
343
909000
2000
หรือ ไม่ก็ ไม่เลย ฉันเป็นคนโรคจิตที่เย็นชา
15:26
So I would opt for, yes, you have a little shame.
344
911000
3000
ฉะนั้น ฉันอยากจะขอสรุปว่า
ทุกท่านที่นี้คงจะรู้สึกละอายได้นะคะ
ทุกท่านที่นี้คงจะรู้สึกละอายได้นะคะ
15:32
Shame feels the same for men and women,
345
917000
2000
ความละอาย ให้ความรู้สึกเช่นเดียวกัน
ในทั้งชายและหญิง
ในทั้งชายและหญิง
15:34
but it's organized by gender.
346
919000
2000
แต่มันถูกจัดการต่างกันตามเพศ
15:36
For women,
347
921000
2000
สำหรับผู้หญิงแล้ว
15:38
the best example I can give you
348
923000
2000
ตัวอย่างที่ดีที่สุดที่ให้ได้คือ
15:40
is Enjoli
349
925000
2000
นำ้หอม Enjoli
15:42
the commercial:
350
927000
2000
โฆษณา (จากยุค '80) ที่บอกว่า
15:44
"I can put the wash on the line,
351
929000
2000
"ฉันสามารถตากผ้าได้
15:46
pack the lunches, hand out the kisses
352
931000
2000
ห่ออาหารเที่ยง จูจุ๊บ
15:48
and be at work at five to nine.
353
933000
2000
และทำงานจากตีห้าถึงสามทุ่ม
15:50
I can bring home the bacon, fry it up in the pan
354
935000
3000
เอาเบคอนกลับบ้าน ลงกระทะทอด
15:53
and never let you forget you're a man."
355
938000
3000
และทำให้คุณรู้เสมอว่าคุณเป็นชายในฝันคนนั้น"
15:56
For women, shame is do it all,
356
941000
2000
สำหรับผู้หญิง ความละอายทำให้คุณทำทุกสิ่ง
15:58
do it perfectly
357
943000
2000
ทำอย่างสมบูรณ์แบบ
16:00
and never let them see you sweat.
358
945000
3000
และไม่ให้ใครได้เห็นเหงื่อของคุณ
16:03
I don't know how much perfume that commercial sold,
359
948000
3000
ฉันไม่รู้หรอกว่าโฆษณานั้น
ช่วยขายนำ้หอมได้เยอะแค่ไหน
ช่วยขายนำ้หอมได้เยอะแค่ไหน
16:06
but I guarantee you,
360
951000
2000
แต่ฉันรับประกันได้เลยว่า มันช่วยให้
16:08
it moved a lot of antidepressants and anti-anxiety meds.
361
953000
2000
ยาต้านอาการซึมเศร้า หรือวิตกจริต ขายดีขึ้น
16:10
(Laughter)
362
955000
3000
(เสียงหัวเราะ)
16:14
Shame, for women, is this web
363
959000
3000
ความละอาย สำหรับสาวๆ คือโยงใยของ
16:17
of unobtainable, conflicting, competing expectations
364
962000
3000
ความคาดหวังที่ลมๆ แล้งๆ ที่ขัดแย้ง ที่แข่งขันสูง
16:20
about who we're supposed to be.
365
965000
3000
เพื่อเป็นผู้หญิงคนนั้นที่พวกเธอควรจะเป็นให้ได้
16:24
And it's a straight-jacket.
366
969000
2000
มันคล้ายกับเสื้อคลุมที่มัดมือคนบ้าไว้
16:26
For men,
367
971000
2000
สำหรับหนุ่มๆ
16:28
shame is not a bunch of competing, conflicting expectations.
368
973000
3000
ความละอาย ไม่ใช่ความคาดหวังแบบนั้น
16:31
Shame is one,
369
976000
2000
ความอายของผู้ชายคือ
16:33
do not be perceived as what?
370
978000
3000
อย่าให้ใครมาเห็นได้ว่าคุณ... อะไรนะคะ?
16:36
Weak.
371
981000
2000
อ่อนแอ
16:38
I did not interview men for the first four years of my study.
372
983000
3000
ฉันไม่เคยสัมภาษณ์ผู้ชาย
ตลอด 4 ปีแรกที่ทำงานวิจัยนี้เลย
ตลอด 4 ปีแรกที่ทำงานวิจัยนี้เลย
16:41
And it wasn't until a man looked at me one day after a book signing,
373
986000
2000
จนกระทั่งมีผู้ชายคนหนึ่งมองฉันตอนเซ็นหนังสือ
16:43
said, "I love what you have to say about shame,
374
988000
2000
และบอกว่า "ผมชอบสิ่งที่คุณพูด
เกี่ยวกับความละอายนะ
เกี่ยวกับความละอายนะ
16:45
I'm curious why you didn't mention men."
375
990000
2000
แต่สงสัยว่าทำไมคุณไม่กล่าวถึงผู้ชายเลยครับ"
16:47
And I said, "I don't study men."
376
992000
3000
แล้วฉันก็บอกเขาว่า "ฉันไม่ได้ศึกษาผู้ชายค่ะ"
16:50
And he said, "That's convenient."
377
995000
2000
เขาตอกกลับ "ก็ง่ายดีนะครับ"
16:52
(Laughter)
378
997000
3000
(เสียงหัวเราะ)
16:55
And I said, "Why?"
379
1000000
2000
ฉันก็ถามต่อ " ทำไมเหรอคะ?"
16:57
And he said, "Because you say to reach out,
380
1002000
3000
เขาบอกว่า "ก็เพราะคุณบอกว่า
ให้ยื่นมือออกไปหาคนอื่น
ให้ยื่นมือออกไปหาคนอื่น
17:00
tell our story,
381
1005000
2000
กล้าบอกเรื่องราวของตัวเอง
17:02
be vulnerable.
382
1007000
3000
กล้าเปิดใจที่เปราะบาง
17:05
But you see those books you just signed
383
1010000
2000
แต่คุณเห็นหนังสือที่คุณเซ็น
17:07
for my wife and my three daughters?"
384
1012000
2000
ให้ลูกสาว 3 คน กับเมียผมไหม?"
17:09
I said, "Yeah."
385
1014000
2000
ฉันบอก " เห็นค่ะ"
17:11
"They'd rather me die on top of my white horse
386
1016000
3000
"ตอนนี้น่ะ พวกเขายอมให้ผมตายบนหลังม้า
17:14
than watch me fall down.
387
1019000
3000
มากกว่ายอมเห็นผมล้มลงมาด้วยซำ้
17:17
When we reach out and be vulnerable
388
1022000
3000
เมื่อพวกเรายื่นมือออกไปขอความช่วยเหลือ
และกล้าเผยความอ่อนแอบ้าง
และกล้าเผยความอ่อนแอบ้าง
17:20
we get the shit beat out of us.
389
1025000
2000
ชายหนุ่มอย่างเรา กลับถูกยำซะ เละเลย
17:22
And don't tell me
390
1027000
2000
และไม่ต้องบอกผมนะ
17:24
it's from the guys and the coaches and the dads,
391
1029000
4000
ว่ามันมาจากผู้ชาย โค้ช หรือพ่อๆ ทั้งหลายของเรา
17:28
because the women in my life are harder on me than anyone else."
392
1033000
4000
เพราะผู้หญิงในชีวิตครอบครัวผมเองนี่แหละ
โหดกับผมสุดๆ แล้ว"
โหดกับผมสุดๆ แล้ว"
17:32
So I started interviewing men
393
1037000
2000
ฉะนั้น ฉันจึงเริ่มสัมภาษณ์คุณผู้ชายบ้าง
17:34
and asking questions.
394
1039000
2000
และถามคำถามต่างๆ
17:36
And what I learned is this:
395
1041000
3000
และนี่คือสิ่งที่ฉันเรียนรู้:
17:39
You show me a woman who can actually sit with a man
396
1044000
2000
ถ้าผู้หญิงคนหนึ่งยอมนั่งเคียงข้างผู้ชาย
17:41
in real vulnerability and fear,
397
1046000
2000
ที่อยู่ในภาวะเปราะบาง และกลัวสุดๆ
17:43
I'll show you a woman who's done incredible work.
398
1048000
4000
นั่นแหละคือกุลสตรีผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง
17:47
You show me a man who can sit with a woman
399
1052000
2000
ถ้าผู้ชายคนหนึ่งสามารถนั่งกับผู้หญิง
17:49
who's just had it,
400
1054000
2000
ที่รับเอาทุกอย่างมาสุดๆ แล้ว
17:51
she can't do it all anymore,
401
1056000
3000
เธอไม่สามารถทำทุกอย่างได้ต่อไปแล้ว
17:54
and his first response is not,
402
1059000
2000
โดยชายผู้นั้นไม่ได้บ่นกลับว่า
17:56
"I unloaded the dishwasher,"
403
1061000
3000
"ผมเก็บจานออกจากเครื่องล้างจานแล้วไง"
17:59
but he really listens --
404
1064000
3000
แต่เขากลับรับฟังอย่างแท้จริง
18:02
because that's all we need --
405
1067000
2000
เพราะนั่นคือสิ่งที่เราทุกคนต้องการ
18:04
I'll show you a guy who's done a lot of work.
406
1069000
2000
นั่นแหละ ชายที่แมนสุดๆ
18:06
Shame is an epidemic in our culture.
407
1071000
3000
ความละอายเป็นโรคติดต่อในวัฒนธรรมของเรา
18:11
And to get out from underneath it,
408
1076000
5000
และการที่จะหลุดพ้นจากมัน
เพื่อหาทางกลับมาเข้าใจกันมากขึ้น
18:16
to find our way back to each other,
409
1081000
2000
18:18
we have to understand how it affects us
410
1083000
2000
เราจำเป็นต้องเข้าใจว่ามันส่งผลต่อเราอย่างไร
18:20
and how it affects the way we're parenting,
411
1085000
3000
และมันส่งผลต่อวิธีที่เราจะเลี้ยงดูลูกหลานอย่างไร
18:23
the way we're working, the way we're looking at each other.
412
1088000
4000
ไปจนถึงวิธีที่เราทำงาน วิธีที่เรามองกันและกัน
18:27
Very quickly, some research by Mahalik at Boston College.
413
1092000
4000
สั้นๆ จากงานวิจัยของ มาฮาลิค (Mahalik)
จากวิทยาลัยบอสตัน
จากวิทยาลัยบอสตัน
18:31
He asked, what do women need to do to conform to female norms?
414
1096000
3000
เขาถามว่า ผู้หญิงต้องทำอย่างไร
จึงจะเป็นไปตามบรรทัดฐานของผู้หญิงส่วนใหญ่?
จึงจะเป็นไปตามบรรทัดฐานของผู้หญิงส่วนใหญ่?
18:34
The top answers in this country:
415
1099000
4000
คำตอบฮิตของประเทศนี้ คือ
18:38
nice, thin, modest
416
1103000
2000
ดีต่อคนอื่น ผอม อ่อนน้อมถ่อมตน
18:40
and use all available resources for appearance.
417
1105000
3000
และใช้ทรัพยากรที่มีทั้งหมดเพื่อรูปร่างหน้าตา
18:43
When he asked about men,
418
1108000
2000
เมื่อถามผู้ชาย
18:45
what do men in this country need to do
419
1110000
2000
ผู้ชายต้องทำอย่างไร
18:47
to conform with male norms,
420
1112000
2000
ให้ตรงตามบรรทัดฐานชายส่วนใหญ่?
18:49
the answers were:
421
1114000
2000
คำตอบคือ
18:51
always show emotional control, work is first,
422
1116000
3000
ควบคุมอารมณ์ได้เสมอ งานมาอันดับหนึ่ง
18:54
pursue status and violence.
423
1119000
3000
ไขว่คว้าเอายศตำแหน่ง และความรุนแรง
18:57
If we're going to find our way back to each other,
424
1122000
3000
หากว่าเราจะหาทางหันกลับเข้าหากันมากขึ้น
19:00
we have to understand and know empathy,
425
1125000
3000
เราต้องเข้าใจและรู้จัก ความเห็นใจผู้อื่นอย่างลึกซึ้ง
19:03
because empathy's the antidote to shame.
426
1128000
2000
เพราะความเห็นอกเห็นใจ
คือยาแก้ความละอายใจนั่นเอง
คือยาแก้ความละอายใจนั่นเอง
19:05
If you put shame in a Petri dish,
427
1130000
2000
หากเราเอาความละอายใจมาใส่ในจานเพาะเชื้อ
19:07
it needs three things to grow exponentially:
428
1132000
3000
มันต้องมีสามอย่างเพื่อการเติบโตแบบพุ่งทะยาน
19:10
secrecy, silence and judgment.
429
1135000
2000
ความลับ ความเงียบ และการตัดสิน
19:12
If you put the same amount of shame in a Petri dish and douse it with empathy,
430
1137000
3000
หากคุณใส่ความละอายแบบเดียวกัน
แต่เหยาะความเห็นอกเห็นใจลงไป
แต่เหยาะความเห็นอกเห็นใจลงไป
19:15
it can't survive.
431
1140000
2000
ความละอายใจก็จะตายไปเอง
19:17
The two most powerful words when we're in struggle:
432
1142000
3000
มีคำอยู่ 2 คำ ที่ทรงพลังมากที่สุด
เวลาเรากำลังต่อสู้ดิ้นรนอย่างยากลำบาก:
เวลาเรากำลังต่อสู้ดิ้นรนอย่างยากลำบาก:
19:20
me too.
433
1145000
2000
"ฉัน (ก็) เหมือนกัน"
19:22
And so I'll leave you with this thought.
434
1147000
3000
ฉันจะทิ้งสิ่งต่อไปนี้ให้ขบคิดต่อนะคะ
19:25
If we're going to find our way
435
1150000
2000
หากเรากำลังหาทาง
19:27
back to each other,
436
1152000
3000
หันหน้าเข้าหากันมาขึ้น
19:30
vulnerability is going to be that path.
437
1155000
4000
การยอมเปิดใจที่เปราะบาง คือหนทางเดียว
19:34
And I know it's seductive to stand outside the arena,
438
1159000
2000
การยืนอยู่นอกสนามประลองมันสบายกว่า
19:36
because I think I did it my whole life,
439
1161000
2000
เพราะฉันเคยทำมาเกือบทั้งชีวิต
19:38
and think to myself,
440
1163000
2000
และคิดกับตัวเองว่า
19:40
I'm going to go in there and kick some ass
441
1165000
2000
ฉันจะกล้าเข้าไปและเตะก้นใครบางคน
19:42
when I'm bulletproof and when I'm perfect.
442
1167000
4000
ก็ต่อเมื่อฉันมีเกราะกำบัง
และพร้อมอย่างสมบูรณ์แบบ
และพร้อมอย่างสมบูรณ์แบบ
19:46
And that is seductive.
443
1171000
2000
คนเรามักชอบคิดแบบนี้
19:48
But the truth is that never happens.
444
1173000
3000
แต่ความจริงก็คือ
ความสมบูรณ์แบบไม่มีวันเกิดขึ้นหรอก
ความสมบูรณ์แบบไม่มีวันเกิดขึ้นหรอก
19:51
And even if you got as perfect as you could
445
1176000
2000
และแม้จะรอจนสมบูรณ์แบบที่สุด
19:53
and as bulletproof as you could possibly muster
446
1178000
2000
และมีเกราะป้องกันมากเท่าที่คุณต้องการ
19:55
when you got in there,
447
1180000
2000
เมื่อคุณลงสนาม
19:57
that's not what we want to see.
448
1182000
4000
นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เราอยากเห็น
20:01
We want you to go in.
449
1186000
3000
เราอยากเห็นคุณเข้าไป
20:04
We want to be with you and across from you.
450
1189000
3000
เราอยากจะอยู่กับคุณ อยู่เคียงข้างคุณ
20:07
And we just want,
451
1192000
2000
และเราแค่ต้องการ
20:09
for ourselves and the people we care about
452
1194000
2000
ให้พวกเรา และคนที่เราใส่ใจ
20:11
and the people we work with,
453
1196000
2000
และเพื่อนร่วมงาน
20:13
to dare greatly.
454
1198000
2000
ได้ต่อสู้อย่างกล้าหาญ
20:15
So thank you all very much. I really appreciate it.
455
1200000
3000
ขอบคุณที่รับฟังค่ะ ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ
20:18
(Applause)
456
1203000
14000
(((เสียงปรบมือยาว)))
ABOUT THE SPEAKER
Brené Brown - Vulnerability researcherBrené Brown studies vulnerability, courage, authenticity, and shame.
Why you should listen
Brené Brown is a research professor at the University of Houston Graduate College of Social Work. She has spent the past ten years studying vulnerability, courage, authenticity, and shame. She spent the first five years of her decade-long study focusing on shame and empathy, and is now using that work to explore a concept that she calls Wholeheartedness. She poses the questions:
How do we learn to embrace our vulnerabilities and imperfections so that we can engage in our lives from a place of authenticity and worthiness? How do we cultivate the courage, compassion, and connection that we need to recognize that we are enough – that we are worthy of love, belonging, and joy?
Brené Brown | Speaker | TED.com